ไม่พลิกโผ! Parasite สร้างประวัติศาสตร์ คว้าภาพยนตร์ยอดเยี่ยมออสการ์

Parasite กลายเป็นหนังที่ไม่ใช่หนังภาษาอังกฤษเรื่องแรก ที่คว้ารางวัลภาพยนตร์ยอดเยี่ยมบนเวทีออสการ์ได้สำเร็จ โดยหนังเกาหลีเรื่องดังแห่งปียังคว้ารางวัลสำคัญ ไปถึงรวมถึง 4 สาขา

บองจุนโฮ คว้ารางวัลใหญ่บนเวที ออสการ์ อย่างสาขาผู้กำกับยอดเยี่ยมโดย Parasite หนังดังแห่งปีจากเกาหลี ยังคว้าออสการ์ไปแล้วรวมถึง 3 สาขา ทั้งบทภาพยนตร์ยอดเยี่ยม และหนังนานาชาติยอดเยี่ยมด้วย ขณะที่ วาคีน ฟีนิกซ์ ก็คว้ารางวัลสาขานักแสดงนำชายไปตามคาด

ไฮไลต์อีกอย่างของออสการ์ปีนี้ก็น่าจะเป็นการคว้ารางวัลของยอดฝีมืออย่าง วาคีน ฟีนิกซ์ จาก Joker ในบทที่ถูกพูดถึงมาตลอดทั้งปี และยังทำให้เขาเป็นโจกเกอร์ คนที่ 2 คว้ารางวัลนี้ได้สำเร็จ หลัง ฮีธ เล็ดเจอร์ ผู้ล่วงลับก็เคยได้รับรางวัลออสการ์จากบทวายร้ายในหนัง แบทแมน มาแล้ว

ฟีนิกซ์ เป็นตัวเต็งรางวัลออสการ์มาตั้งแต่ต้น และสุดท้ายก็คว้ารางวัลไปตามคาด เช่นเดียวกับ เรเน เซลเวเกอร์ ที่ทุกฝ่ายฟันธงล่วงหน้ากันมาหลายเดือน ว่าเธอน่าจะได้ออสการ์เป็นตัวที่ 2 จากการเปลี่ยนตัวเองเป็น จูดี การ์แลนด์ ได้อย่างน่าทึ่งใน Judy และสุดท้าย เซลเวเกอร์ ก็คว้ารางวัลได้จริง ๆ

นอกจากนั้นนักแสดงคนดังอย่าง แบรด พิตต์ ก็ยังคว้ารางวัลออสการ์สาขาการแสดงได้เป็นครั้งแรกในชีวิตจากบทสตั้นแมนในหนังที่เล่าเรื่องราวของเมืองแห่งวงการภาพยนตร์ Once Upon a Time… in Hollywood

ก่อนหน้านี้ แบรด พิตต์ วัย 56 ปี เคยได้รับรางวัลจากการร่วมสร้าง 12 Years a Slave ที่คว้ารางวัลสาขาภาพยนตร์ยอดเยี่ยมมาก่อน แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้รับรางวัลในฐานะนักแสดง ส่วนรางวัลนักแสดงสมทบหญิงตกเป็นของ ลอรา เดิร์น จาก Marriage Story ที่กวาดรางวัลมาแล้วแทบจะทุกสถาบัน โดยนักแสดงที่แฟน ๆ น่าจะคุ้นเคยเธอกันมาจากหนังดังอย่าง Jurassic Park เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของดาราฮอลลีวูดอย่าง บรูซ เดิร์น และ ไดแอน แลต ซึ่งเธอก็กล่าวบนเวทีว่าพ่อแม่นี่แหละคือฮีโร่ที่ทำให้เธอเลือกที่จะเป็นนักแสดง

บางคนอาจจะกล่าวว่าเราไม่เคยไปเจอฮีโร่ของตัวเอง แต่สำหรับฉันแล้วโชคดีจริง ที่ฮีโร่ก็คือพ่อกับแม่นั่นเอง ฉันขอแบ่งปันรางวัลนี้ให้กับฮีโร่ทางการแสดงของตัวฉันเอง ไดแอน แลด และ บรูซ เดิร์น ด้วยค่ะ เดิร์น กล่าว

ขณะที่หนังตัวเต็งอย่าง Parasite ก็คว้ารางวัลสำคัญอย่างบทภาพยนตร์ดั้งเดิมยอดเยี่ยมไปได้สำเร็จ นอกจากนั้นก็ยังได้รับรางวัลหนังนานาชาติไปครองด้วย ถือว่าเป็นหนังเกาหลีที่คว้ารางวัลนี้ได้ และยังเป็นหนังเกาหลีเรื่องแรกที่ได้รางวัลออสการ์ด้วย

นอกจากนั้น Toy Story 4 ก็ยังได้รับรางวัลภาพยนตร์อนิเมชั่นยอดเยี่ยม

งานมอบรางวัลออสการ์ครั้งที่ 92 ยังคงจัดงานโดยไม่มีพิธีกรหลักดำเนินรายการแบบที่ทำมาเมื่อปีที่แล้ว ซึ่งปีก่อน เควิน ฮาร์ท ต้องถอนตัวไปเพราะเรื่องฉาวเกี่ยวกับการโพสต์ Twitter ในอดีต แต่สุดท้ายกลับให้งานออกมาลื่นไหล และกระชับกว่าครั้งก่อน จนปีนี้ผู้จัดงานจึงเลือกที่จะดำเนินขั้นตอนต่าง ๆ ไปโดยไม่มีพิธีกรอีกครั้ง และให้ดาราสลับสับเปลี่ยนกันขึ้นมาดำเนินรายการไปเรื่อย ๆ

ออสการ์ปีนี้ยังเต็มไปด้วยบรรยากาศทางการเมือง คนดังหลายคนกล่าวเรียกร้องสิทธิความเท่าเทียมทางเพศในวงการภาพยนตร์ ขณะที่อีกหลายคนก็แสดงความเห็นเกี่ยวกับเรื่องการเมือง รวมถึง แบรด พิตต์ ที่พูดระหว่างรับรางวัลสมทบชายว่าเขาบอกว่าผมมีเวลาพูด 45 วินาทีเท่านั้น ซึ่ง 45 วินาทีก็ถือว่ามากกว่าที่วุฒิสมาชิกให้เวลา จอห์น โบลตัน พูดในสัปดาห์นี้แล้วพิตต์ อ้างถึงขั้นตอนการถอดถอนประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ที่ วุฒิสมาชิก ไม่ยอมเรียกอดีตที่ปรึกษาของประธานาธิบดีมาให้ปากคำ

สรุปรางวัลออสการ์ 2020

ผู้กำกับ : บองจุนโฮ (Parasite)

นักแสดงสมทบชาย : แบรด พิตต์ (Once Upon a Time… in Hollywood)

นักแสดงสมทบหญิง : ลอรา เดิร์น (Marriage Story)

บทดั้งเดิม : บองจุนโฮ, จินวอนฮาน (Parasite)

บทภาพยนตร์ดัดแปลง : โทก้า ไวติติ (Jojo Rabbit)

ออกแบบงานสร้าง : บาบารา ลิง, แนนซี ไฮจ์ (Once Upon a Time… in Hollywood)

ออกแบบเครื่องแต่งกาย : แจ็คเกอร์ลีน ดูร์แรน (Little Women)

ผสมเสียง : มาร์ค เทย์เลอร์, สจ๊วร์ต วิลสัน (1917)

ตัดต่อเสียง : ดอนัลด์ ซิลเวสเตอร์ (Ford v Ferrari)

ภาพยนตร์อนิเมชั่น : Toy Story 4

อนิเมชั่นขนาดสั้น : Hair Love

สารคดีสั้น : Learning to Skateboard in a Warzone (If You’re a Girl)

Source