หนุ่มวงการภาพยนตร์ฮ่องกงแก้ปัญหาขาดแคลนหน้ากากอนามัยด้วยการตั้งสายพานการผลิต “หน้ากากอนามัย” ด้วยตัวเอง นำเข้าเครื่องจักรมาจากอินเดีย ผลิตขายชาวบ้านในราคาถูกกว่าท้องตลาด เผยทำได้วันละ 1 แสนชิ้น หวังช่วยแก้ปัญหาขาดแคลน
จากสถานการณ์การขาดแคลนหน้ากากอนามัยที่มีต้นเหตุมาจากความหวาดกลัวจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19 บนเกาะฮ่องกง สาธารณรัฐประชาชนจีน หนึ่งในจุดเสี่ยงของการแพร่ระบาดในวงกว้าง ซึ่ง ณ ปัจจุบัน มีตัวเลขผู้ติดเชื้อราว 130 ราย และเสียชีวิตแล้ว 3 ราย
ส่งผลให้ราคาหน้ากากอนามัยพุ่งขึ้นสูงเป็น 10 ดอลลาร์ฮ่องกง/ชิ้น หรือราว 40 บาท/ชิ้น จากความขาดแคลนและราคาที่สูงนี้เองทำให้คนฮ่องกงบางส่วนไม่พอใจและดำเนินการแก้ปัญหาด้วยตนเอง โดยไม่พึ่งกลไกของรัฐ
ช่วงเดือนกุมภาพันธ์ 2563 ที่ผ่านมา สำนักข่าวรอยเตอร์ได้เผยแพร่ข้อมูลเกี่ยวกับคนในแวดวงภาพยนตร์ฮ่องกงรายหนึ่งแซ่ถัง (Mr.Tang) ที่ลุกขึ้นมาแก้ปัญหาความขาดแคลนและราคาแพงของหน้ากาก ด้วยการเปิดโรงงานผลิตหน้ากากด้วยตัวเองเสียเลย
“ผมต้องตระเวนซื้อหาหน้ากากอนามัยจนรู้สึกโกรธ แล้วพอหาซื้อได้ก็ราคาแพงมาก ผมเข้าใจว่านั่นเป็นวิถีทางของการทำธุรกิจ พอมีความต้องการมาก ราคาก็สูงตามไปด้วย พอผมก็มานั่งคิดนั่งศึกษาดู ก็เห็นว่าการผลิตหน้ากากอนามัยมันคงไม่ได้ยากเย็นอะไร แค่เย็บผ้าหลายๆ ชิ้นมาติดกัน” จากนั้นหนุ่มแซ่ถังก็เลยเปิดโรงงานผลิตหน้ากากเองเสียเลย
หนุ่มแซ่ถัง สั่งนำเข้าเครื่องจักรราคาประมาณ 150,000 เหรียญสหรัฐ (ราว 4.75 ล้านบาท) มาจากประเทศอินเดีย เช่าโกดังเก็บสินค้าเพื่อตั้งสายพานการผลิต โดยเขาใช้เวลาเพียง 14 วันในการติดตั้งเครื่องจักร หาคนงาน ก่อนจะเริ่มผลิตหน้ากากอนามัยออกมาจำหน่าย
ทั้งนี้หนุ่มแซ่ถังประกาศวางขายหน้ากากอนามัยผ่านระบบออนไลน์ตั้งแต่ต้นเดือนมีนาคมที่ผ่านมา โดยตั้งราคาเพียงชิ้นละ 1 ดอลลาร์ฮ่องกง หรือราว 4 บาท เท่านั้น ซึ่งถูกกว่าหน้ากากอนามัยที่วางขายตามท้องตลาดในฮ่องกงในปัจจุบันถึง 10 เท่า ขณะที่โรงงานผลิตหน้ากากแบบเร่งด่วนของเขาสามารถผลิตหน้ากากอนามัยได้มากถึง 1 แสนชิ้นต่อวัน
“นี่คือเป้าหมายที่ผมวางเอาไว้ ถ้าเราทำการผลิตเรื่อย ๆ หน้ากากเหล่านี้จะเป็นเกราะป้องกันให้กับฮ่องกง หากเกิดอะไรขึ้น คนฮ่องกงก็จะจดจำไว้ว่าเราก็มีโรงงานผลิตของเราเอง ขณะที่คนอื่นขายชิ้นละ 10 ดอลลาร์ฮ่องกง โรงงานของผมจะขายแค่ 1 ดอลลาร์ฮ่องกง”
