Kerry VS Flash กับสงครามที่ไม่มีใครยอมใคร

ต้องยอมรับว่าการแข่งขันของ ‘ธุรกิจขนส่งพัสดุ’ นับวันสงครามยิ่งดุเดือด และรุนแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ ยิ่งตลาดอีคอมเมิร์ซโตมากขึ้นเท่าไรก็ยิ่งส่งผลให้ตลาดขนส่งพัสดุเป็นที่จับตาของผู้เล่นมากหน้าหลายตา ที่ต้องการกระโดดเข้ามาในสมรภูมินี้ จากบทวิเคราะห์ของศูนย์วิจัยเศรษฐกิจไทยพาณิชย์ (SCB EIC) ได้คาดการณ์ว่าปี 2563 ตลาดจะมีมูลค่า 6,600 ล้านบาท เติบโตถึง 35% (YOY)

สงครามในวันนี้ไม่ได้แข่งกันแค่เรื่อง ‘ราคา’ หรือ ‘จุดให้บริการที่ใครมีจำนวนมากกว่า’ อีกต่อไป แต่เป็นการแข่งขันทั้งด้านบริการ การแย่งชิงพนักงาน การใช้พรีเซ็นเตอร์ ตลอดจนอีกหลากหลายปัจจัย ที่ผู้ให้บริการทั้งหลายต่างงัดกลยุทธ์เพื่อมาสร้างความได้เปรียบ

มวยถูกคู่ในตลาดขนส่งพัสดุ ณ ขณะนี้เห็นจะหนีไม่พ้นสีส้ม (เคอรี่ เอ็กซ์เพรส) และ สีเหลือง (แฟลช เอ็กซ์เพรส) เพราะทั้ง 2 ราย ต่างก็เป็นเบอร์ 2 และ 3 ของตลาด (กรณีนี้ขอไม่พูดถึงไปรษณีย์ไทยที่เป็นเจ้าตลาดอยู่ก่อนแล้ว) แต่หากจะนับเรื่องอายุ และความเก๋า แน่นอนว่าเจ้าตลาดอย่าง เคอรี่ เอ็กซ์เพรส ที่อยู่มานานกว่า 13 ปี โดดเด่นทั้งในเรื่องบริการ มีจุดรับส่งพัสดุมากกว่า 10,000 จุดทั่วประเทศ ภาษีเลยดีกว่าอย่างเห็นได้ชัดเจน

แถมยังมีบริการรับพัสดุฟรีถึงที่ตั้งแต่ชิ้นแรกก่อนผู้ประกอบการหน้าใหม่หน้าเก่าในตลาด เพียงแต่อัตราค่าบริการจะสูงกว่าราคาหน้าช้อป หรือพูดง่าย ๆ ถ้าลูกค้าจะส่งพัสดุแล้วเรียกเคอรี่มารับถึงที่ต้องโดนบวกเพิ่มจากราคาหน้าร้าน เช่น จากราคาปกติ 35 บาทเก็บเพิ่มเป็น 40 บาท จาก 90 บาทเก็บเพิ่มเป็น 120 บาท และจาก 290 เก็บเพิ่มเป็น 310 บาท เป็นต้น



ในขณะที่น้องใหม่มาแรงอย่าง แฟลช เอ็กซ์เพรส ที่เพิ่งเปิดให้บริการเพียง 2 ปี ก็ทำให้เจ้าตลาดหันมาจับตามองแบบละสายตาไม่ได้ ด้วยการชูเรื่องกลยุทธ์ทางการตลาดที่เน้นจุดแข็ง ‘รับพัสดุฟรีถึงที่ตั้งแต่ชิ้นแรก ให้บริการ 365 วันไม่หยุด’ โดยอัตราค่าบริการก็เรียกว่าถูกจนตกใจ และไม่ว่าลูกค้าจะส่งที่ช้อป หรือเรียกให้แฟลชเข้ารับ ค่าบริการก็ไม่บวกเพิ่มแม้แต่บาทเดียว ส่งผลให้พ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ส่งกันได้แบบสะใจ ไร้กังวล ยิ่งในยุคเศรษฐกิจสุดช้ำแบบนี้ พ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ยิ่งต้องการลดต้นทุนค่าส่ง ก็ยิ่งทำให้น้องแฟลช โตขึ้นๆ อย่างที่เค้าเคลมไว้ว่ามียอดขนส่งพัสดุต่อวันกว่าครึ่งล้านชิ้น



แหล่งข่าวในอุตสาหกรรมระบุว่า เมื่อสีส้มเห็นเช่นนี้จึงไม่สามารถเมินเฉยสีเหลืองได้อีกต่อไปเริ่มวางกลยุทธ์โต้ตอบสีเหลือง ที่เราเห็นได้แบบชัด ๆ ทั้งเรื่องพรีเซ็นเตอร์ สีเหลืองเปิดตัวพรีเซ็นเตอร์เป็นเจ้าแรกของตลาด คว้าเอา ‘พี่ติ๊ก’ เจษฎาพร ผลดี พระเอกภาพลักษณ์ดีหน้าหล่อตลอดกาล สีส้มก็ทุ่มงบไม่อั้นจ้าง ‘เวียร์’ ศุกลวัฒน์ พระเอกหนุ่มเลือดอีสานมาเหมือนกัน แถมสีเหลืองเข้าไปขยายสาขาที่ไหน สีส้มก็ตามไปถึงที่นั่น และยังแว่วเสียงวงในมาว่าถ้าที่ไหนมีส้ม ที่นั่นต้องไม่มีสีเหลือง

จนทำให้เราต้องหันกลับมามองว่าทำไมการทำธุรกิจขนส่งมันต้องฟาดฟันขนาดนี้ แน่นอนว่า Margin ของขนส่งนั้นมีตัวเลขที่เย้ายวนจนใคร ๆ ก็อยากลงมาเป็นผู้เล่นในสนาม เรื่องราคาไม่ต้องพูดถึงเพราะทุกวันนี้ทุกฝ่ายต่างแย่งกันหั่นราคาของตนแม้แต่พี่ใหญ่อย่างไปรษณีย์ไทยเอง

จากการสำรวจตลาดก็เห็นว่าสีเหลืองนั้นมาแรงจริง ๆ ไหนจะราคาที่ถูกกว่าเจ้าตลาด และผู้ให้บริการหน้าใหม่ถึง 1-2 เท่า สีเหลืองยังชูว่าตนเองไม่ใช่เป็นผู้ให้บริการขนส่ง แต่เป็นผู้ให้บริการด้าน E-commerce แบบครบวงจร เอ้า… แล้วเคลมซะขนาดนี้ ใครจะไม่จับจ้องมองตา ยิ่งไปกว่านั้นสีเหลืองยังมีเจ้าของเป็นคนไทยซะด้วย ก็ยิ่งทำให้หลายฝ่ายยิ่งเชียร์ ยิ่งอยากสนับสนุนคนไทยด้วยกัน

ดังนั้น สงครามตลาดขนส่งพัสดุบ้านเราคงไม่น่าจบลงง่าย ๆ อย่างแน่นอนคงต้องยกให้ผู้บริโภคเป็นคนตัดสินใจเองว่าจะใช้บริการเจ้าไหน เพราะนอกจากผู้เล่นเอกชน 2 รายนี้แล้ว อย่าลืมว่ายังมีเจ้าใหญ่อย่างไปรษณีย์ไทยที่ช่วงหลังโหมทำการตลาดอย่างคึกคัก และผู้ให้บริการรายเล็กรายน้อยหน้าใหม่หน้าเก่าอีกเพียบ เชื่อได้ว่างานนี้ตลาดขนส่งด่วนของไทยต้องดุเดือดเลือดพล่านอย่างแน่นอน แต่ท้ายที่สุดรับรองว่าผลดีจะตกมาอยู่ที่ผู้บริโภคอย่างเรา ๆ เพราะจะสามารถเลือกใช้บริการที่ดีที่สุดในราคาที่ถูกอย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อน

Source

#Kerry #Flash #Ecommerce #COVID19 #Positioningmag