องค์การอนามัยโลกออกมาปฏิเสธคำกล่าวหาจากสหรัฐฯ ที่ว่าพวกเขาเพิกเฉยต่อคำเตือนของไต้หวันเกี่ยวกับการติดต่อจากคนสู่คนของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (COVID-19) ไม่นานหลังจากมันแพร่ระบาดในจีนเมื่อปลายปีที่แล้ว ยันจากอีเมลที่ได้รับไม่เคยพาดพิงถึงเคสลักษณะดังกล่าว
สหรัฐฯ กล่าวหาองค์การอนามัยโลก ว่า เอาการเมืองนำหน้า เพิกเฉยต่อคำเตือนของไต้หวันเกี่ยวกับการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ ในจีนช่วงปลายเดือนธันวาคม จนกระทั่งสถานการณ์ลุกลามไปทั่วโลก และช่วยปักกิ่งปกปิดความร้ายแรงของโรคระบาด
ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ออกมาวิจารณ์องค์การอนามัยโลก ว่า ให้ความสำคัญและใกล้ชิดกับจีนมากเกินไป พร้อมขู่ว่าสหรัฐฯ จะถอนเงินอุดหนุนองค์กรแห่งนี้ซึ่งเป็นสถาบันด่านหน้าในการต่อสู้กับไวรัสโคโรนา สายพันธุ์ใหม่ที่แพร่เชื่อสู่ประชาชนทั่วโลกไปแล้วมากกว่า 1.6 ล้านคน นับตั้งแต่มันอุบัติขึ้นที่เมืองอู่ฮั่น ประเทศจีน
สหรัฐฯ บอกว่า รู้สึกไม่สบายใจอย่างยิ่งที่ข้อมูลของไต้หวันถูกยับยั้งจากประชาคมสาธารณสุขระหว่างประเทศ เห็นได้จากถ้อยแถลงขององค์การอนามัยโลกเมื่อวันที่ 14 มกราคม ที่บอกว่า ไม่มีสิ่งบ่งชี้เกี่ยวกับการติดต่อจากคนสู่คน โฆษกกระทรวงการต่างประเทศอเมริกา กล่าว
“เป็นอีกครั้งที่องค์การอนามัยโลกเลือกการเมืองอยู่เหนือสาธารณสุข การกระทำขององค์การอนามัยโลก ทำให้เสียเวลาและสูญเสียชีวิต”
จากนั้นในวันที่ 10 เม.ย. องค์การอนามัยโลก ส่งอีเมลถึงเอเอฟพี ปฏิเสธข้อกล่าวหาเหล่านั้น โดยระบุว่า “องค์การอนามัยโลกได้รับอีเมลจากเจ้าหน้าที่ไต้หวันเมื่อวันที่ 31 ธันวาคม ซึ่งพาดพิงรายงานของสื่อมวลชนเกี่ยวกับเคสโรคปอดติดเชื้อในอู่ฮั่น และเจ้าหน้าที่อู่ฮั่นเชื่อว่ามันไม่ใช่โรคซาร์ส ซึ่งฆ่าชีวิตผู้คน 774 ศพในปี 2002 และ 2003”
“ในอีเมลไม่มีการพาดพิงถึงเคสติดต่อจากคนสู่คน” องค์การอนามัยโลกยืนยัน พร้อมเผยว่าเคยเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่ไต้หวันแสดงเอกสารหลักฐานที่อ้างว่าได้ติดต่อกับองค์การอนามัยโลกในข้อสงสัยเกี่ยวกับเคสการแพร่เชื้อจากคนสู่คนของ COVID-19 และยืนยันว่า “เท่าที่ทราบ เราได้รับอีเมลฉบับเดียว ซึ่งไม่ได้พาดพิงถึงการแพร่เชื้อจากคนสู่คน” และ “คำร้องขอของเรา ไม่ได้รับการตอบกลับ”
คำกล่าวหาองค์การอนามัยโลกว่าเอาการเมืองนำหน้าของสหรัฐฯ มีขึ้นหลังจาก เทดรอส แอดฮานอม เกเบรเยซุส ผู้อำนวยการองค์การอนามัยโลก เมื่อวันที่ 8 เม.ย. เรียกร้องเหล่าผู้นำโลกหยุดเล่นการเมืองท่ามกลางวิกฤตโรคระบาดใหญ่ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ หลังองค์การอนามัยโลกถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างรุนแรงจากทรัมป์
ความสัมพันธ์ระหว่างองค์การอนามัยโลกกับไต้หวัน ตึงเครียดกันมานานตั้งแต่ก่อนเกิดการแพร่ระบาดของ COVID-19 แต่ความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองฝ่ายเสื่อมทรามลงไปอีกในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา
เทดรอส ถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่า องค์การอนามัยโลกภายใต้การนำของเขานั้น มีความใกล้ชิดปักกิ่งเกินไป และมักชมเชยแนวทางตอบสนองของจีนต่อการแพร่ระบาดของ COVID-19 อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญด้านสาธารณสุขบางคนบอกว่าองค์กรอนามัยโลกไม่มีทางเลือกอื่นๆ ยกเว้นให้ร่วมมือกับจีน เพื่อหาทางเข้าถึงเมืองอู่ฮั่น ดินแดนซึ่งเป็นศูนย์กลางการแพร่ระบาด
