ยอดขายรถใหม่ใน UK ลดฮวบ 97% เหลือเเค่ 4 พันคัน ต่ำสุดนับตั้งแต่หลังสงครามโลกครั้งที่ 2

ยอดขายรถยนต์ทั่วโลกที่ตกต่ำต่อเนื่องมาหลายปี ต้องทรุดหนักลงไปอีกเมื่อเจอพิษ COVID-19 โรงงานเเละตัวเเทนจำหน่ายรถยนต์หลายเเห่งทั่วสหราชอาณาจักร (UK) ต้องหยุดกิจการ ผู้บริโภคลดการใช้จ่ายช่วงมาตรการล็อกดาวน์ ฉุดยอดขายรถคันใหม่ในเดือนเม.ย. ลดฮวบกว่า 97% เหลือเเค่ 4 พันกว่าคัน ต่ำที่สุดนับตั้งแต่ยุคหลังสงครามโลกครั้งที่ 2

สมาคมผู้ค้าและผู้ผลิตยานยนต์ของสหราชอาณาจักร (SMMT) เปิดเผยว่า ยอดจดทะเบียนรถยนต์คันใหม่ทุกประเภทในเดือน เม.ย.ที่ผ่านมา อยู่ที่ 4,321 คัน ลดลงกว่า 97% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งอยู่ที่ราว 1.61 แสนคัน เช่นเดียวกับยอดจำหน่ายรถยนต์ที่ลดลงทั่วยุโรป อย่างอิตาลีลดลง 97.5% เเละฝรั่งเศสลดลง 88.8%

ถือว่าเป็นยอดขายที่ต่ำที่สุดในยุคปัจจุบัน นับตั้งแต่เดือน ก.พ. ปี 1946 ไม่กี่เดือนหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ซึ่งมียอดขายรถคันใหม่ในสหราชอาณาจักร อยู่ที่ 4,044 คัน เนื่องจากตอนนั้นรัฐบาลต้องออกนโยบายจำกัดการซื้อ เพราะอยู่ในช่วงการฟื้นฟูเศรษฐกิจหลังผ่านสงคราม

ตั้งเเต่ช่วงต้นปีที่ผ่านมา ยอดจดทะเบียนรถยนต์ใหม่ของสหราชอาณาจักรลดลงกว่า 43% บรรดาผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่อย่าง BMW, Honda , Nissan และ Toyota ได้สั่งระงับการผลิตรถยนต์ในอังกฤษชั่วคราว ส่งผลกระทบคิดเป็นมูลค่ากว่า 8 พันล้านปอนด์ (ราว 3.2 แสนล้านบาท)

ส่วนรถยนต์ที่ขายดีที่สุดในเดือน เม.ย. เป็นของ Tesla รุ่น Model 3 ที่ทำยอดขายได้ 658 คัน เเซงเเบรนด์เดิมที่ครองตลาดในอังกฤษอย่าง Ford, Volkswagen เเละ Vauxhal

จากปัจจัยลบต่างๆ ทำให้ SMMT ต้องปรับลดคาดการณ์ยอดขายรถทั้งปีนี้ให้เหลือเเค่ 1.68 ล้านคัน ซึ่งจะเป็นตัวเลขต่ำที่สุดในรอบเกือบ 30 ปี จากตัวเลขเดิมที่เคยคาดไว้ช่วงเดือน ม.ค.ที่ 2.25 ล้านคัน โดยเรียกร้องให้มีการปลดล็อกภาคการผลิตและเร่งฟื้นฟูเศรษฐกิจ

ขณะที่สถานการณ์การเเพร่ระบาดของ COVID-19 ในอังกฤษยังน่าเป็นห่วง โดยล่าสุดมียอดผู้เสียชีวิตสะสมอยู่ที่ราว 2.9 หมื่นคน มียอดติดเชื้อสะสมอยู่ที่ราว 1.94 เเสนคน

เจ้าหน้าที่ของบริษัทผู้ผลิตรถยนต์เเห่งหนึ่งในอังกฤษ บอกกับ BBC ว่า บางโรงงานจะเริ่มกลับมาทำงานอีกครั้งในช่วงสัปดาห์นี้ เเต่การจะกลับมาเดินเครื่องผลิตเเบบเต็มรูปเเบบนั้นคงต้องรอกันอีกนาน

วิกฤต COVID-19 เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่ยากลำบากของอุตสาหกรรมยานยนต์ทั่วโลก ที่ต้องดิ้นรนกับยอดขายที่ลดลงต่อเนื่อง ความต้องการรถยนต์ดีเซลที่ลดลง ขณะเดียวกันก็ต้องดิ้นรนปรับตัวเพื่อให้บรรลุเป้าหมายการลดปล่อยมลพิษด้วย

ที่มา : Reuters , BBC, marketwatch