‘ROI’ New Normal ของนักการตลาดยุคโควิด เพราะทุกโฆษณาที่ลงต้อง ‘ขายได้’

ตั้งแต่มีวิกฤติ COVID-19 ส่งผลให้หลายแบรนด์ประสบกับปัญหาการขายอย่างหนัก โดยเฉพาะร้านอาหารและการท่องเที่ยวที่เป็นอุตสาหกรรมด้าน ‘บริการ’ ส่งผลให้มีการชะลอหรือตัดงบการตลาดทิ้งไป ส่งผลกระทบต่อเหล่าเอเจนซีโฆษณาอีกทอด โดย ‘YDM Thailand’ กลุ่มบริษัทผู้ให้บริการด้านดิจิทัล มาร์เก็ตติ้ง โซลูชัน ได้มาเปิดเผยถึงสถานการณ์ของดิจิทัล มาร์เก็ตติ้งเอเจนซีในช่วง COVID-19 นี้

ภาพรวมเม็ดเงินโฆษณาในช่วงปี 2020 คาดว่ามีแนวโน้มลดลง โดยเม็ดเงินโฆษณาดิจิทัลมีเดียที่คาดว่าจะมีมูลค่ามากถึง 22,000 ล้านบาท อาจหายไปราว 4,000 ล้านบาท หากสถานการณ์ยังยืดเยื้อ เพราะปกติไตรมาสสองและสามจะเป็นช่วงที่การใช้จ่ายโฆษณาสูงสุด ขณะที่ช่วงสองเดือนที่ผ่านมาแบรนด์ต่างชะลอการใช้จ่ายด้านโฆษณา

และแม้หลายแบรนด์ต้องหันมาโฟกัสการทำการตลาด Online มากขึ้น แต่การใช้งบต้องทำอย่างรัดกุม และมองในเรื่อง Return Of Investment หรือ ROI มากกว่าเดิม ดังนั้นงานในฝั่งขาของครีเอทีฟลดลงมาก ขณะที่งานที่สามารถเพิ่มประสิทธิภาพด้านการขายกลับเป็นที่ต้องการมากขึ้น

ดังนั้น เรื่องของ Data Technology และ AI มาช่วยในการลง Media นั้น จะช่วยธุรกิจสามารถเดินต่อไปได้อย่างมั่นคง แม้ในอดีตที่ผ่านมาหลายแบรนด์ไม่เต็มใจที่จะยอมรับข้อมูลและเทคโนโลยี AI แต่ Covid-19 ได้ทำให้แบรนด์หันมาใช้ปรับปรุงประสิทธิภาพการทำการตลาด โดยเฉพาะใช้ในการวางแผนและซื้อสื่อดิจิทัล ช่วยให้คุ้มค่าเงิน รวมถึงสามารถเก็บข้อมูลได้อย่างเป็นระบบ นำไปต่อยอดพัฒนาธุรกิจ สามารถทำตลาดแบบ Personalize Marketing

“ตั้งแต่มี COVID-19 ทำให้นักการตลาดต้องเปลี่ยนแนวคิด จากเดิมคือ สร้างอแวร์เนส แต่ตอนนี้ต้องขายได้ ต้องวัด ROI ได้ ซึ่งสถานการณ์นี้เข้ามาเปลี่ยนแนวคิดนักการตลาด ตอนนี้คิด base on ว่าทุกโฆษณาที่ลงไปต้อง ขายได้ ไม่ตำน้ำพริก ละลายแม่น้ำแบบในอดีตอีกต่อไป” ธนพล ทรัพย์สมบูรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วายดีเอ็ม (ไทยแลนด์) จำกัด กล่าว

ธนพล ทรัพย์สมบูรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วายดีเอ็ม (ไทยแลนด์) จำกัด

ทั้งนี้ อุตสาหกรรมที่ยังไปได้ดีจะเป็นกลุ่ม FMCG, Gaming, Beauty, IT, Online Delivery และ E-Commerce ส่วนกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือยตอนนี้รัดเข็มขัดพอสมควร ส่วนท้องเที่ยวและบริการนี่หายไปเลย อย่างไรก็ตาม บริษัทใหญ่ ๆ มักจะมีทีมมาร์เก็ตติ้งของตัวเอง อาทิ E-Commerce ที่มีทีมแข็งแรงมาก ทำให้ไม่ต้องจ้างเอเจนซี ขณะที่จำนวนคู่แข่งในตลาดก็มีจำนวนมากถึง 300 ราย ทำให้มีการแข่งขันราคาอย่างรุนแรง ดังนั้น ดิจิทัลเอเจนซีต้องพยายามอึดเข้าไว้เพื่อให้อยู่รอด

“อาจจะพูดไม่ได้ว่ากี่เปอร์เซ็นต์ ตอนนี้มีลูกค้าทุกสเตจ ทั้งไม่จ่าย ลดเงินลงทุน แค่กรอบกว้าง ๆ แล้วลดมากกว่าเพิ่ม และตอนนี้ลูกค้าพร้อมจะปรับเปลี่ยนตลอด แต่ยังเชื่อว่าถ้าพ้นวิกฤติไปได้ โอกาสจากนี้ก็มีมหาศาล เพราะธุรกิจบริการท่องเที่ยว ความงาม ห้างค้าปลีกฯ ย่อมกลับมาใช้จ่ายทำให้การเติบโตเป็นเท่าตัว แต่อาจจะประเมินช่วงเวลาไม่ได้”

สำหรับวายดีเอ็มเองยังคงตั้งเป้ารายได้เดิมที่ 650 ล้านบาท และมีการสื่อสารกับพนักงานอยู่เสมอถึงการปรับตัวต่าง ๆ ขณะที่การ ‘ลดพนักงาน’ ถือเป็นสิ่งสุดท้ายที่จะทำ