‘หัวเว่ย’ เตรียมสร้างศูนย์วิจัยมูลค่า 1.25 พันล้านดอลลาร์ในอังกฤษ หลังได้รับอนุมัติวางเครือข่าย 5G

(Photo by Rolf Vennenbernd/picture alliance via Getty Images)

ถือว่าสร้างความไม่พอใจให้กับ ‘สหรัฐอเมริกา’ อย่างมาก เพราะในเดือน ม.ค.ที่ผ่านมา รัฐบาลอังกฤษภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรีบอริส จอห์นสัน ได้อนุมัติให้ ‘หัวเว่ย’ เข้ามาวางเครือข่าย 5G แต่จำกัดการมีส่วนร่วมที่ 35% ของโครงสร้างพื้นฐานทั้งหมด ขณะที่สหรัฐฯพยายามกดดันให้หลายประเทศแบนหัวเว่ยเนื่องจากข้อสงสัยเรื่องความมั่นคงปลอดภัย

ล่าสุด หัวเว่ยได้ทุ่มเงินกว่า 1.25 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อสร้างศูนย์วิจัยและพัฒนาขนาด 50,000 ตารางเมตรในเคมบริดจ์ โดยมุ่งเน้นไปที่เทคโนโลยีออปโตอิเล็กทรอนิกส์ (Optoelectronics) รวมถึงจะกลายเป็นสำนักงานใหญ่ระหว่างประเทศของธุรกิจการสื่อสารใยแก้วนำแสงของหัวเว่ย โดยคาดว่าสำนักงานนี้จะช่วยสร้างงานประมาณ 400 ตำแหน่ง

ไม่ใช่แค่หัวเว่ย แต่ที่ผ่านมาไมโครซอฟท์ และอเมซอน ต่างก็ขยายขอบเขตการใช้งานในพื้นที่นี้ ซึ่งเป็นผลมาจากเคมบริดจ์มีความเป็นเลิศทางวิชาการมานานแล้ว ขณะที่มหาวิทยาลัยเองก็มีชื่อเสียงในฐานะศูนย์กลางสำหรับอุตสาหกรรมโทรคมนาคมและเทคโนโลยี วิกเตอร์ จาง รองประธานหัวเว่ย กล่าวว่า ที่หัวเว่ยเลือกพื้นที่เคมบริดจ์เพราะต้องการช่วยรักษาความเป็นผู้นำในด้านออปโตอิเล็กทรอนิกส์และส่งเสริมเทคโนโลยีของอังกฤษในระดับโลก

ทั้งนี้ รัฐบาลอังกฤษก็ได้เปิดตัวหลายโครงการริเริ่มในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เพื่อทำให้แต่ละเขตเป็นศูนย์กลางของนวัตกรรมสำหรับเทคโนโลยียุคหน้า เช่น ในเขตเวสต์มิดแลนด์สได้รับการสนับสนุนให้เป็นศูนย์กลางสำหรับการพัฒนายานพาหนะอัตโนมัติและยานพาหนะไฟฟ้า ขณะที่หัวเว่ยดูเหมือนว่าจะปรับตัวเองด้วยกลยุทธ์นี้ เพื่อผลักดันนวัตกรรมด้านโทรคมนาคมในเคมบริดจ์

ดังนั้น แม้ว่าสถานะของหัวเว่ยในอุตสาหกรรมโทรคมนาคมทั่วโลกมีปัญหาในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา แต่ถือว่าเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องของหัวเว่ยในการลงทุนสร้างศูนย์วิจัย เพื่อให้ตัวเองเป็นพันธมิตรที่มีคุณค่าต่อรัฐบาลสหราชอาณาจักร ในฐานะที่เป็นส่วนหนึ่งของยุทธศาสตร์อุตสาหกรรมที่กว้างขึ้น

Source