“ไมเนอร์ โฮเทลส์” เร่งเดินเกมกระตุ้นไทยเที่ยวไทย หลังไตรมาสแรกขาดทุน 1,700 ล้าน

ธุรกิจท่องเที่ยวเเละโรงเเรม เป็นภาคอุตสาหกรรมลำดับต้นๆ ที่ได้รับผลกระทบจาก COVID-19 ขั้นรุนเเรงทั่วโลก หลายเเห่งต้องปลดพนักงาน บางเเห่งถึงขั้นต้องปิดกิจการเพราะไม่มีเงินทุนสำรองที่เพียงพอ

ในช่วงครึ่งปีหลัง 2563 เราเริ่มเห็นสัญญาณการฟื้นตัวของธุรกิจท่องเที่ยว หลังมีการผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ ผู้คนเริ่มหันมาท่องที่ยวในประเทศมากขึ้น จุดนี้ทำให้ยักษ์ใหญ่ของวงการอย่างไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนลหรือ MINT เริ่มเดินเกม ปรับเเผนกลยุทธ์เพื่อฟื้นฟูธุรกิจเเละกระตุ้นการท่องเที่ยว โดยเน้นไทยเที่ยวไทย เป็นหลัก

ธุรกิจในเครือไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล เเบ่งเป็น 3 กลุ่มหลัก คือ ธุรกิจโรงแรม ธุรกิจอาหาร และธุรกิจไลฟ์สไตล์ ล้วนได้รับผลกระทบจาก COVID-19 ทั้งสิ้น เห็นได้ชัดจากไตรมาสแรกของปีนี้ ไมเนอร์ขาดทุนกว่า 1,700 ล้านบาท นับเป็นขาดทุนครั้งเเรกตั้งแต่ดำเนินงานมากว่า 20 ปี

ไมเนอร์ ประกอบกิจการในกว่า 60 ประเทศทั่วโลก มีพนักงานทั้งหมดกว่า 7.9 หมื่นคน โดยมีพอร์ตรายได้ของบริษัทมาจากต่างประเทศ 73% อีก 27% เป็นรายได้ในไทย ขณะที่สัดส่วนรายได้แบ่งตามประเภทกิจการ ได้แก่ ธุรกิจโรงแรม 70% ธุรกิจร้านอาหาร 25% และธุรกิจไลฟ์สไตล์ 5%

เมื่อเจาะลงไปในธุรกิจโรงเเรมของไมเนอร์ ปัจจุบัน มีเครือโรงแรมอยู่ 535 แห่งใน 57 ประเทศทั่วโลก มีห้องพักกว่า 80,000 ห้อง ภายใต้ 8 เเบรนด์หลัก ยกตัวอย่างเช่นอนันตราและอวานีเเละโรงเเรม NH Hotels ในโซนยุโรป โดยช่วงมาตรการล็อกดาวน์ส่งผลให้ต้องปิดให้บริการโรงแรมในเครือชั่วคราวกว่า 75% ทั่วโลก ซึ่งกระทบต่อรายได้ตลอดทั้งปีของกลุ่มให้ลดลงอย่างแน่นอน

หลังจากช่วงปลายเดือนพฤษภาคมเป็นต้นมา โรงเเรมในเครือไมเนอร์เริ่มทยอยเปิดให้บริการเเล้ว โดย ณ ตอนนี้โรงเเรมในเครือสามารถกลับมาเปิดได้แล้วราว 60% 

ไม่หวั่นระบาดรอบ 2 ลุ้นเเพ็กเกจกระตุ้นเที่ยวไทย 

โทมัส ไมเออร์ รองประธานอาวุโสฝ่ายปฏิบัติการ (เอเชีย) ของกลุ่ม ไมเนอร์ โฮเทลส์ ในเครือ MINT อัพเดตธุรกิจโรงแรมในไทยว่า คนไทยเริ่มทยอยกลับมาท่องเที่ยวอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะในช่วงวันหยุด เเต่ช่วงวันธรรมดายังมีอัตราการเข้าพักที่ต่ำมาก

อย่างไรก็ตาม เริ่มมองเห็นสัญญาณบวกของตลาดการท่องเที่ยวภายในประเทศมากขึ้น บริษัทจึงได้ทยอยกลับมาเปิดให้บริการโรงแรมต่างๆ เพื่อสร้างรายได้อีกครั้ง โดยในไทยได้กลับมาเปิดให้บริการกว่า 18 แห่งจากทั้งหมด 29 แห่งแล้ว และคาดว่าจะกลับมาเปิดให้บริการได้อีกครั้งเร็ว ๆ นี้

เมื่อผู้คนไม่สามารถเดินทางต่างประเทศได้ จึงกลายมาเป็นเทรนด์การท่องเที่ยวในประเทศเเทน โดยไมเนอร์ได้เร่งเเผนโปรโมตเเบรนด์ เเละออกเเคมเปญโปรโมชั่นเพื่อดึงดูดลูกค้าในประเทศ ซึ่งจะเป็นกลยุทธ์ที่ไมเนอร์จะมุ่งเน้นไปในปีนี้ 

โดยมีการยกระดับมาตรฐานความปลอดภัย สร้างความสบายใจในการเข้าพัก ซึ่งได้ทำงานร่วมกับผู้เชี่ยวชาญ ทั้งหน่วยงานในไทยและต่างประเทศ เช่น เครือโรงแรมอนันตรา ได้กำหนดมาตรฐาน “พักอย่างสบายใจ(Stay with Peace of Mind) ตั้งแต่การเว้นระยะห่าง ตรวจเช็กอุณหภูมิ การฆ่าเชื้อในพื้นที่ต่างๆ ของโรงแรม รวมถึงสัมภาระของแขกก่อนที่จะจัดส่งถึงมือผู้เข้าพัก

ส่วนเครือโรงแรมอวานี ได้กำหนดมาตรฐานภายใต้ชื่อ “อวานี ชิลด์(AvaniSHIELD) โดยจะเน้นไปที่การให้บริการแบบไร้สัมผัส ใช้แอปพลิเคชันเข้ามาให้บริการแทนเพื่ออำนวยความสะดวกตั้งแต่การเช็กอิน ไปจนถึงเช็กเอาต์ออกจากโรงแรม รวมถึงชำระค่าบริการและรับใบเสร็จรับเงินผ่านทางระบบออนไลน์ด้วย

สำหรับโปรโมชั่นที่จะนำมากระตุ้นท่องเที่ยวไทย ไมเนอร์ได้เข้าร่วมมาตรการกระตุ้นกับโครงการ เราเที่ยวด้วยกันที่เปิดให้ลงทะเบียนผ่านเว็บไซต์ www.เราเที่ยวด้วยกัน.com ตั้งแต่วันที่ 15 กรกฎาคมนี้ โดยนักท่องเที่ยวจะสามารถรับสิทธิ์ส่วนลดที่พัก 40% หรือสูงสุดไม่เกิน 3,000 บาทต่อห้องต่อคืน สูงสุด 5 ห้อง หรือ 5 คืน รวมถึงคูปองมูลค่า 600 บาท ต่อวันเพื่อใช้เป็นส่วนลดค่าอาหารและค่าเข้าชมสถานที่ท่องเที่ยวที่ร่วมรายการ และสิทธิ์ค่าตั๋วเครื่องบินในประเทศไม่เกินใบละ 1,000 บาท สามารถใช้สิทธิ์เดินทางท่องเที่ยวตั้งแต่ 18 กรกฎาคม-31 ตุลาคม 2563

รวมถึงการเปิดตัวบริการใหม่ๆ ทั้ง Loy Pela เป็นบริการล่องเรือแบบค้างคืน และ Manohra Cruises บริการล่องเรือ พร้อมบริการอาหารมื้อค่ำในแม่น้ำเจ้าพระยา เพื่อเจาะกลุ่มลูกค้าคนไทยโดยเฉพาะ

เรามองว่าเเพ็กเกจกระตุ้นท่องเที่ยวของรัฐครั้งนี้ จะช่วยกระตุ้นภาคการท่องเที่ยวในครึ่งปีหลังได้อย่างมาก ซึ่งจะช่วยให้อัตราการเข้าพักของเราปรับตัวดีขึ้น

โทมัส ไมเออร์ รองประธานอาวุโสฝ่ายปฏิบัติการ (เอเชีย) ของกลุ่ม ไมเนอร์ โฮเทลส์ ในเครือ MINT

ขณะเดียวกัน ประชาชนยังคงมีความกังวลว่าจะเกิดการเเพร่ระบาดระลอก 2 ในไทยหรือไม่นั้น ผู้บริหาร Minor Hotels ตอบว่า ทางโรงเเรมมีการยกระดับความปลอดภัยให้มากยิ่งขึ้น พร้อมติดตามสถานการณ์กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิด เเละหวังว่าการสร้างความมั่นใจให้ลูกค้าจะยังคงดึงดูดให้ผู้คนท่องเที่ยวมากขึ้นได้

ปัจจุบันมีโรงแรมในเครือไมเนอร์ 3 แห่ง คือ อนันตรา สยาม, อนันตรา ริเวอร์ไซด์ และ อนันตรา ไม้ขาว ภูเก็ต ที่เปิดให้เป็นสถานที่กักตัวทางเลือก (Alternative State Quarantine) สำหรับผู้เดินทางกลับจากต่างประเทศ โดยได้ร่วมมือกับโรงพยาบาลตามมาตรฐานกระทรวงสาธารณสุข มีการแยกโซนชัดเจนกับห้องพักปกติ มีอัตราการเข้าพัก 50-60%

ขยายหารายได้ใหม่ รอ Travel Bubble 

ในช่วงที่ผ่านมา ธุรกิจโรงเเรมจะขาดรายได้จากการประชุม จัดเลี้ยงเเละงานสัมมนาไปอย่างมาก เเต่ในช่วงครึ่งปีหลังนี้จะเริ่มเห็นสัญญาณที่ดีขึ้น โดยไมเนอร์จะหันมามุ่งตลาด “MICE” มากยิ่งขึ้น พร้อมกับความช่วยเหลือของภาครัฐกำลังศึกษาแนวทางสนับสนุนด้านภาษี โดยให้องค์กรหรือหน่วยงานต่างๆ ที่จัดงานในโรงเเรมสามารถนำไปลดภาษีได้เท่าตัว ซึ่งกำลังอยู่ในระหว่างการรอความชัดเจน

นอกจากนี้ ยังต้องรอดูความเคลื่อนไหวของรัฐบาลในการทำ Travel Bubble กับประเทศต่างๆ ซึ่งหวังว่าจะช่วยดึงนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาได้อีกทาง เเละมองว่าการท่องเที่ยวในไทยจะกลับมาฟื้นตัวอย่างเเน่นอน ก่อนขยายไปในภูมิภาคเเละการท่องเที่ยวข้ามทวีปในช่วงปีหน้า

เเม้ Minor Hotels จะได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของ COVID-19 อย่างหนัก เเต่ยังคงจะเดินหน้าโครงการต่างๆ ทั้งส่วนโรงแรม โรงเรียนการโรงแรม และศูนย์ดูแลสุขภาพ ต่อไป ซึ่งจะเป็นเเหล่งรายได้อีกทาง

สำหรับโครงการ ศูนย์ดูเเลสุขภาพ (Wellness Center) ไมเนอร์ ร่วมกับเวอริตา เฮลท์แคร์ กรุ๊ป เตรียมเปิดศูนย์บริการสุขภาพเวอริตาในพื้นที่โรงแรมอนันตารา สยาม และอนันตารา ริเวอร์ไซด์ กรุงเทพฯ ซึ่งเตรียมจะเปิดตัวในช่วงไตรมาสเเรก เเต่ต้องชะลอไปก่อนหลังมีการระบาด ซึ่งยืนยันว่าจะสามารถเปิดบริการได้ภายในปีนี้

นอกจากนี้ ยังมีโครงการ VLCC ในพื้นที่โรงแรมอนันตารา หัวหินและโครงการ Clinique La Prairie ในพื้นที่โรงแรมเซนต์รีจิสรวมอยู่ในเเผนการดังกล่าวด้วย

ส่วนธุรกิจใหม่ที่จะเปิดให้บริการในเดือนตุลาคมนี้ คือ สถาบันการศึกษาการโรงแรม AIHM หรือ Asian Institute of Hospitality Management ภายใต้ความร่วมมือด้านวิชาการกับเลส์โรชส์โกลบอลฮอสปิตอลลิตี้เอ็ดดูเคชั่น ซึ่งเป็นสถาบันอุดมศึกษาเอกชนด้านการบริหารจัดการธุรกิจบริการที่ระดับโลก โดยจะเปิดสอน 2 วิทยาเขตในกรุงเทพฯ และพัทยา รองรับทั้งคนไทยและเอเชีย คาดว่าปีหน้าจะมีมีนักศึกษา 150 คน

ลดต้นทุน-ระดมทุน รับมือ COVID-19 ยืดเยื้อ

เมื่อรายได้จากห้องพักยังไม่กลับสู่ภาวะปกติ ไมเนอร์จึงมีการปรับองค์กรครั้งใหญ่ รวมถึงต้องสร้างแหล่งรายได้ใหม่นอกเหนือจากห้องพัก เช่นเปิดร้านอาหาร เบเกอรี่เเละคาเฟ่

นอกจากนี้ ยังมีการดำเนินเเผนลดต้นทุน ผ่าน 3 วิธีการ ได้เเก่ 1) การปรับลดพนักงาน ซึ่งบริษัทจ้างพนักงานพาร์ตไทม์ค่อนข้างเยอะ โดยเฉพาะไมเนอร์ฟู้ดกว่า 60% เป็นพนักงานพาร์ตไทม์ ดังนั้นจึงลดในส่วนนี้ได้ค่อนข้างมากเเละมีความยืดหยุ่น 2)เจรจาขอลดหรือเลื่อนจ่ายค่าเช่าพื้นที่ร้านอาหารและโรงแรม และ 3)การเจรจากับคู่ค้าเพื่อขอปรับเงื่อนไขการชำระเงินรวมถึงส่วนลด

ชัยพัฒน์ ไพฑูรย์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายพัฒนาเชิงกลยุทธ์ MINT ให้สัมภาษณ์กับ Positioning ว่าไมเนอร์สามารถลดค่าใช้จ่ายได้ค่อนข้างเยอะ มากกว่า 25-30% จากที่เราเคยจ่ายไปในปีที่เเล้ว ทำให้เราถึง Breakeven Point หรือจุดคุ้มทุนได้เร็วขึ้น ยกตัวอย่างเช่น ในธุรกิจโรงเเรมเเต่ก่อนต้องมีอัตราเข้าพักถึง 50-60% กว่าถึงจะถึงจุดคุ้มทุน เเต่พอองค์กรคล่องตัวมากขึ้น มีวิธีการทำงานที่รวดเร็วเเละต้นทุนต่ำลง เราก็ลดจุดคุ้มทุนลงเหลือเเค่ 30-40% ของอัตราเข้าพักเท่านั้น

ก่อนหน้านี้ ไมเนอร์ได้ประกาศแผนระดมทุนแบบเบ็ดเสร็จ 25,000 ล้านบาท เพื่อเตรียมตัวรับมือกับความไม่เเน่นอน หากมีการระบาดของ COVID-19 รอบสองเเละยืดเยื้อกว่าที่คาด ซึ่งประเมินเเล้วว่าสามารถรับมือหากเกิดสถานการณ์เลวร้ายในช่วงครึ่งปีหลังได้เเน่นอน