“ความยั่งยืน” ไม่ใช่แค่ทางเลือกแต่คือทางรอดธุรกิจ

ระยะหลังเราอาจได้ยินคำว่า “ความยั่งยืน” กันบ่อยมากขึ้นโดยเฉพาะในภาคธุรกิจเพราะนี่คือเทรนด์ที่กำลังมาแรงและดูเหมือนว่าธุรกิจยักษ์ใหญ่ จะมุ่งเน้นไปสู่เป้าหมายดังกล่าวไม่ว่าจะทั้งในไทยและต่างประเทศ หากเอ่ยคำว่า “ความยั่งยืน” ในอดีตเมื่อมองธุรกิจคงจะนึกถึงตัวเลขกำไรเป็นอันดับแรก แต่การดำเนินธุรกิจที่จะสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนนั้นต้องมีความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม สังคม ควบคู่กับการบริหารงานอย่างมีหลักบรรษัทภิบาล และสร้างผลประกอบการที่ดี เพื่อให้ผู้มีส่วนได้เสีย รวมถึงสังคมและชุมชน ได้เติบโตไปพร้อมๆ กัน
การดำเนินการต่างๆ นี้ หากได้รับการตรวจสอบ และรับรองจากผู้ประเมินภายนอกองค์กร (3rd Party)  หรือผ่านเกณฑ์การประเมินของดัชนีที่มีความน่าเชื่อถือ หรือได้รับการคัดเลือกว่าเป็นบริษัทที่ผ่านเกณฑ์การประเมินในดัชนีชั้นนำ จะเป็นการสร้างความน่าเชื่อถือ และน่าสนใจของบริษัท ทั้งต่อนักลงทุนและผู้มีส่วนได้เสีย ซึ่งปัจจุบันมีองค์กรที่ทำหน้าที่ตรวจสอบ ประเมินการดำเนินงานของบริษัทต่าง ๆ อยู่หลากหลายสาขาในระดับโลกโดยตัวอย่างที่สำคัญคือ ดัชนีความยั่งยืนระดับโลก FTSE4Good Index Series จัดโดยฟุตซี่ รัสเซล (FTSE Russell) ประเทศอังกฤษ
FTSE4Good Index Series หนึ่งในดัชนีชั้นนำด้านความยั่งยืนที่ได้รับการยอมรับในระดับโลก เพื่อช่วยให้นักลงทุนตระหนักถึงปัจจัยด้านสิ่งแวดล้อม ด้านสังคม และด้านธรรมาภิบาล (Environmental, Social and Governance: ESG) และให้นักลงทุนใช้เป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจในการลงทุน รวมทั้งเป็นกรอบการดำเนินงาน เพื่อการมีส่วนร่วมและการรับผิดชอบต่อสังคมของบริษัท โดยดัชนีอ้างอิงนี้เปิดตัวครั้งแรกในปี 2544 ซึ่ง FTSE4Good Index Series จะพิจารณาผลการดำเนินงานของบริษัทนั้นๆ ในด้าน ESG จากข้อมูลที่บริษัทเผยแพร่ต่อสาธารณะ เช่น  Website และ รายงานความยั่งยืน เป็นต้น ดังนั้น คะแนนที่ได้จึงเป็นผลการประเมินการดำเนินงานภาพรวมของบริษัท นั่นเอง
สำหรับบริษัทชั้นนำในไทยที่โดดเด่นในเรื่องของความยั่งยืนอีกหนึ่งบริษัทสำคัญคือ บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ GC “ ในฐานะผู้นำในธุรกิจเคมีภัณฑ์ที่ผสานนวัตกรรม และเทคโนโลยีที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เพื่อการพัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่อสร้างสรรค์ชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นที่ได้ผ่านเกณฑ์การประเมินของ FTSE และได้รับการคัดเลือกเป็นสมาชิก FTSE4Good Index Series ติดต่อกันเป็นปีที่ 5 สะท้อนให้เห็นถึงความรับผิดชอบขององค์กรที่ดำเนินธุรกิจต่อสิ่งแวดล้อมและสังคม ตามแนวทางการพัฒนาอย่างยั่งยืน รวมถึงมีหลักธรรมาภิบาลเพื่อการกำกับดูแลกิจการที่ดี (Environmental, Social and Governance: ESG Performance) ซึ่งทั้ง 3 ด้านมีดังนี้
ด้านสิ่งแวดล้อม GC มีนโยบายและระบบบริหารจัดการด้านสิ่งแวดล้อมแบบบูรณาการทั้งด้านพลังงาน อากาศ น้ำ และของเสีย มีความตระหนักถึงการใช้ทรัพยากรธรรมชาติอย่างคุ้มค่า โดยเป็นองค์กรแรกๆ ของประเทศที่ได้ริเริ่มนำแนวคิดเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) มาประยุกต์ใช้และได้สร้างตัวอย่างความสำเร็จให้เป็นที่ยอมรับ อาทิ โครงการ Upcycling The Oceans, Thailand (UTO) ที่เป็นการร่วมมือกันของ 3 พันธมิตร ได้แก่ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) มูลนิธิอีโคอัลฟ์ จากประเทศสเปน และ GC ในการลดปัญหาจากขยะพลาสติกในทะเล เพื่อฟื้นฟูทรัพยากรทางทะเลไทย ด้วยการนำขยะที่เก็บขึ้นมาจากทะเล นำมาแปรรูปเป็นสินค้าแฟชั่น ได้แก่ เสื้อผ้า และกระเป๋าเป้ เป็นต้น ผ่านกระบวนการอัพไซคลิง (Upcycling) โดย GC ได้เริ่มดำเนินการตั้งแต่ปี 2560 และต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน การดำเนินโครงการดังกล่าว เป็นโครงการที่ช่วยสร้างจิตสำนึกของประชาชน ให้ตระหนักถึงปัญหาขยะในทะเล เป็นการช่วยอนุรักษ์ ฟื้นฟูสิ่งแวดล้อม และรักษาระบบนิเวศทางทะเล นอกจากนี้ ผลลัพธ์ที่ได้ยังส่งผลให้ความเป็นอยู่ของชาวบ้านในพื้นที่ รวมทั้งสัตว์น้ำในทะเล มีสุขภาวะที่ดีขึ้น
ด้านสังคม GC ยึดมั่นและบูรณาการหลักสิทธิมนุษยชนในทุกๆ กิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินธุรกิจของบริษัทฯ ตลอดจนควบคุม ดูแล และป้องกันปัญหาการละเมิดสิทธิมนุษยชนในรูปแบบต่างๆ ซึ่งหลักการและการดำเนินงานทั้งหมดนี้ ครอบคลุมกลุ่มพนักงาน คู่ธุรกิจ คู่ค้าทางธุรกิจ ผู้รับเหมา ลูกค้า ชุมชนและสังคม อาทิ โครงการ OUR Khung Bangkachao ซึ่งได้ปรับแนวทางการดำเนินงานของโครงการ UTO ในการพัฒนาสินค้าอัพไซคลิง โดยโครงการ OUR Khung Bangkachao นี้ ได้สร้างงาน สร้างอาชีพให้กับชาวบ้านและชุมชน ผ่านการตัดเย็บจีวรรีไซเคิล ซึ่งเป็นผลผลิตจากความร่วมมือของชุมชน วัด และพันธมิตรทางธุรกิจของ GC ซึ่งนอกจากจะเป็นการสร้างอาชีพแล้ว ชาวบ้านและชุมชนยังมีความรู้ความเข้าใจต่อการใช้ทรัพยากร ผ่านการคัดแยกขยะอย่างถูกต้องอีกด้วย
ด้านธรรมาภิบาล GC มุ่งมั่นดำเนินธุรกิจด้วยความรับผิดชอบ โปร่งใส ตรวจสอบได้ และเป็นธรรมตามหลักการและนโยบายการกำกับดูแลกิจการที่ดี หลักจรรยาบรรณธุรกิจ และนโยบายการกำกับดูแลการปฏิบัติงานให้เป็นไปตามกฎหมาย กฎ ระเบียบของบริษัทฯ พร้อมทั้งมุ่งสร้างคุณค่าและความเชื่อมั่นให้กับผู้มีส่วนได้เสียทุกกลุ่ม เพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืนร่วมกันขององค์กร สังคม และประเทศชาติ โดย GC ถือว่าการกำกับดูแลกิจการที่ดีนี้เป็นเสมือนเกราะคุ้มภัยให้กับทั้งองค์กร พนักงาน ผู้มีส่วนได้เสียตลอดทั้งห่วงโซ่คุณค่า เพราะความเชื่อที่ว่า การเติบโตไปพร้อมกันจะเป็นการเติบโตที่แข็งแกร่งและยั่งยืน
GC เป็นตัวอย่างหนึ่งขององค์กรที่ก้าวสู่ความยั่งยืนที่สะท้อนถึงความรับผิดชอบ ดังนั้นความยั่งยืนจึงไม่ใช่เพียงทางเลือกแต่คือทางรอดของธุรกิจและเศรษฐกิจโลกอย่างแท้จริง