The Pizza Company ปล่อยไม้ตาย “พิซซ่าไซส์ยักษ์” 18 นิ้ว ดึงลูกค้ากลับเข้าร้าน

ห้างฯ เปิด ร้านอาหารเปิด ลูกค้ามีตัวเลือกมากขึ้นและเริ่มเปลี่ยนใจจากพิซซ่าที่สั่งบ่อยช่วงล็อกดาวน์ ทำให้ The Pizza Company ในเครือไมเนอร์ ต้องหาแม่เหล็กดึงดูดลูกค้าให้กลับมานั่งทานในร้าน งัดเอาไม้ตาย “พิซซ่าไซส์ยักษ์” 18 นิ้ว แป้งบางกรอบสไตล์นิวยอร์ก มาใช้เป็นเครื่องมือการตลาด ด้วยไซส์ใหญ่พิเศษทำให้ต้องมาทานที่ร้านเท่านั้น สร้างความ “ว้าว” อวดโซเชียล

“ภาณุศักดิ์ ซื่อสัตย์บุญ” ผู้จัดการทั่วไป เดอะ พิซซ่า คอมปะนี บริษัท เดอะ ไมเนอร์ ฟู้ด กรุ๊ป จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทเตรียมออกสินค้าใหม่ในวันที่ 27 สิงหาคมนี้ พิซซ่าสไตล์นิวยอร์กขนาดยักษ์ XXL 18 นิ้ว ซึ่งใหญ่กว่าพิซซ่าถาดกลางปกติ 2 เท่า และพัฒนาแป้งชนิดใหม่ เป็นแป้งบางกรอบที่ให้รสสัมผัสคล้ายกับพิซซ่าโฮมเมด สามารถเลือกหน้าได้ทุกหน้าตามปกติ และมีหน้าพิเศษเฉพาะคือหน้าเห็ดทรัฟเฟิลแฮมแอนด์เบคอน ราคาโปรโมชันเปิดตัว 399 บาทต่อถาด

นอกจากนี้ ยังออกเมนูอาหารทานเล่นพร้อมกัน 4 อย่าง คือ ปีกไก่บัฟฟาโล่ นิวยอร์กแมคแอนชีส พอร์คริบส์ และนิวยอร์กชีสเค้ก ทั้งหมดนี้ให้บริการเฉพาะนั่งทานในร้านอาหารแบบเต็มรูปแบบทั้งหมด 211 สาขา ส่วนแบบสั่งเดลิเวอรี่และจำหน่ายในร้านสาขาแบบบริการตนเอง (ร้านแบบที่เน้นเป็นจุดส่งเดลิเวอรี่) จะมีจำหน่ายในไซส์เล็กกว่าคือ 15 นิ้ว

พิซซ่ายักษ์ 18 นิ้วสไตล์นิวยอร์ก เทียบกับพิซซ่าถาดกลางของ The Pizza Company

 

ทานในร้านจ่ายสูงกว่าเดลิเวอรี่ 20%

“ตอนนี้ร้านนั่งทานเปิดได้แล้ว แต่คนก็ยังไม่กลับมาที่ร้านเรามากนัก มีคนเข้ามาเพียง 50% จากช่วงก่อน COVID-19 ระบาด ทำให้เราพยายามที่จะออกสินค้าใหม่เพื่อดึงดูดให้คนกลับมาที่ร้าน” ภาณุศักดิ์กล่าว

โดยเขาเสริมว่า ช่วงที่รัฐบาลสั่งล็อกดาวน์ร้านอาหารแบบนั่งทาน ทำให้ยอดขายฝั่งเดลิเวอรี่ของ The Pizza Company เติบโตอย่างมากและกลายเป็นช่องทางขายหลัก (รายได้ไตรมาส 2/63 ของร้านเติบโต 24.7% เทียบช่วงเดียวกันปีก่อน – ข้อมูลจาก set.or.th) ทำให้มองว่าลูกค้าที่สั่งพิซซ่าทานบ่อยๆ ในช่วงล็อกดาวน์ เมื่อร้านอาหารแบบนั่งทานเปิดได้แล้ว จึงหันไปเลือกร้านอาหารอื่นๆ แทน

ส่วนยอดขายเดลิเวอรี่ในช่วงหลังคลายล็อกดาวน์ก็เริ่มตกลงบ้าง แต่ยังทำได้ดีกว่าช่วงก่อนเกิดโรคระบาด COVID-19 อย่างไรก็ตาม บริษัทยังต้องดึงลูกค้ามานั่งทานอาหารที่ร้านให้ได้มากกว่านี้ เพราะปกติแล้วยอดใช้จ่ายต่อใบเสร็จของลูกค้านั่งทานในร้านจะสูงกว่าแบบเดลิเวอรี่ประมาณ 20%

 

พิซซ่ายักษ์เรียกความ “ว้าว” พ่วงความคุ้ม

ก่อนหน้านี้ที่ยังต้องเน้นยอดขายเดลิเวอรี่ The Pizza Company มีการจัดโปรโมชัน 1 แถม 1 นานถึง 2 เดือน คือ มี.ค.-เม.ย. 63 และยังออกโปรฯ นี้เป็นระยะๆ เพื่อสร้างยอดขาย นับได้ว่าเป็นช่วงที่จัดโปรฯ แรงที่สุดในรอบ 20 ปี

พิซซ่านิวยอร์กหน้าเห็ดทรัฟเฟิลแฮมแอนด์ชีส และเมนูทานเล่นใหม่ๆ พร้อมพรอพประกอบฉากให้ถ่ายรูปสนุกขึ้น

แต่เมื่อจะดึงลูกค้ามาที่ร้านก็ต้องหาอะไรที่ “ต้อง” เข้าร้านเท่านั้นถึงจะได้ประสบการณ์นั้นไป จึงออกมาเป็นสินค้าใหม่พิซซ่าไซส์ยักษ์ดังกล่าว โดยภาณุศักดิ์กล่าวว่า เชื่อว่าคนไทย 90% ยังไม่เคยลิ้มลองหรือเคยเห็นพิซซ่าขนาดใหญ่เท่านี้มาก่อน ดังนั้น จะได้ภาพถ่ายและประสบการณ์ไปบอกต่อแน่นอน จึงเป็นกิมมิกการตลาดที่ช่วยให้คนมาที่ร้าน

นอกจากมีพิซซ่ายักษ์แล้ว ร้านจะมี “พรอพ” ประกอบฉากให้ เช่น กระดาษปูโต๊ะลาย I love NYC, สายวัดพิสูจน์ความใหญ่ 18 นิ้ว, มงกุฏเทพีเสรีภาพ ทำให้การมาที่ร้านสนุกขึ้น

ในแง่รสชาติอาหารก็เป็นแป้งแบบใหม่ดังกล่าว จะเข้ากับเทรนด์พิซซ่าที่คนไทยเริ่มนิยมมากขึ้นคือกลุ่มแป้งบางกรอบสไตล์โฮมเมด แถมยังตอบโจทย์ “ความคุ้ม” เพราะราคา 399 บาท เสมือนเพิ่มเงิน 100 บาทได้พิซซ่าถาดใหญ่กว่าพิซซ่าถาดกลางของร้านถึง 2 เท่า

 

เสี่ยงออกสินค้าใหม่ วัดใจกับลูกค้า

ภาณุศักดิ์กล่าวว่า บริษัทเตรียมพัฒนาสูตรพิซซ่าสไตล์นิวยอร์กนี้มากว่า 1 ปีแล้ว เดิมตั้งใจจะเก็บไว้ออกจำหน่ายปี 2564 เพื่อรอโมเมนตัมตลาดกลับมาคึกคักก่อน แต่สถานการณ์ลูกค้าในร้านเงียบเหงาแบบนี้ ทำให้ต้องหาทางแก้โจทย์ และยอมเสี่ยงนำเมนูใหม่ออกมาจำหน่ายเลย

“นอกจากลงทุนซื้อถาดวางพิซซ่าใหม่หมดเพราะถาดวางแบบเดิมใหญ่ไม่พอ เรายังลงทุนการตลาดอีก 10 ล้านบาทกับสินค้าตัวนี้ ผมว่าช่วงเวลาแบบนี้ก็เป็นเงินลงทุนที่เยอะนะ ร้านอื่นๆ มักจะไม่ลงทุนออกอะไรใหม่ช่วงนี้เพราะตลาดไม่ค่อยดี” ภาณุศักดิ์กล่าว

“ภาณุศักดิ์ ซื่อสัตย์บุญ” ผู้จัดการทั่วไป เดอะ พิซซ่า คอมปะนี บริษัท เดอะ ไมเนอร์ ฟู้ด กรุ๊ป จำกัด

เรียกว่าเป็นการวัดใจกับลูกค้าด้วยเมนูที่บริษัทมองว่าเป็น “ไม้ตาย” โดยตั้งเป้าดันจำนวนลูกค้านั่งทานในร้านขึ้นเป็น 70-80% ของช่วงก่อน COVID-19 ที่ไม่หวังถึง 100% เพราะสภาพเศรษฐกิจยังซบเซาและนักท่องเที่ยวยังกลับเข้าประเทศไม่ได้เต็มที่ ทำให้สาขาต่างจังหวัดและชานเมืองถือว่าทรงๆ ใกล้เคียงก่อน COVID-19 แต่สาขากลางเมืองกรุงเทพฯ และเมืองท่องเที่ยวกระทบรุนแรง

จนถึงปัจจุบัน The Pizza Company กลับมาเปิดบริการครบทุกสาขาแล้ว แต่มีการปิดสาขาถาวรไป 5 แห่งตั้งแต่เกิดสถานการณ์ COVID-19 ระบาด คือ เอเชียทีค เดอะ ริเวอร์ฟร้อนท์, เดอะ มาร์เก็ต, มาบุญครอง, จังซีลอน ภูเก็ต และเซ็นทรัล ลาดพร้าว สำหรับ 4 สาขาแรกเห็นได้ชัดว่าเกิดจากขาดนักท่องเที่ยว แต่สาขาเซ็นทรัล ลาดพร้าวปิดไปเพราะหมดสัญญาพอดี โดยพิจารณาไม่ต่อสัญญาเพราะดีลราคาค่าเช่ายังไม่ลงตัว

น่าสนใจว่าแบรนด์มาแรงสวนกระแสช่วง COVID-19 อย่าง The Pizza Company จะพลิกเกมยืนระยะต่อได้หลังคลายล็อกดาวน์หรือไม่!