จาก ‘สงสัย’ กลายเป็น ‘สงสาร’ กรณีศึกษาที่เปลี่ยน ‘ลุงพล’ เป็นคนดังในข้ามคืน

นับตั้งแต่วันที่ 11 พฤษภาคม 2563 เป็นวันที่ ‘น้องชมพู่’ หายออกจากบ้านใน จ.มุกดาหาร โดยไม่มีใครรู้สาเหตุ จนวันที่ 14 พฤษภาคม ชาวบ้านพบศพน้องชมพู่ สภาพเปลือยกาย บริเวณภูเขาภูเหล็กไฟ ต.กกตูม อ.ดงหลวง จ.มุกดาหาร แม้ปัจจุบันก็ผ่านมาเกือบ 4 เดือนแล้ว คดีน้องชมพู่ก็ยังไม่สามารถปิดลงได้ และกลายเป็นว่า ‘ลุงพล’ ผู้ที่เป็นหนึ่งในผู้ต้องสงสัย กลับกำลัง โด่งดัง อย่างฉุดไม่อยู่ อะไรถึงทำให้ผู้ต้องสงสัยกลายเป็นคนดังไปได้ มาดูกัน

จากสงสัยกลายเป็นสงสาร

ในตอนต้นแม่น้องชมพู่ได้เคยบอกว่า ‘ลุงพล’ ซึ่งเป็นลุงเขยของน้องชมพู่ ‘น่าสงสัยมากที่สุด’ ซึ่งทางลุงพลเองได้ยืนยันความบริสุทธิ์อย่างต่อเนื่องและหนักแน่นว่าไม่ใช่คนร้าย นั่นทำให้ชาวเน็ตต่างก็พากันวิเคราะห์วิจารณ์ถึงความเป็นไปได้ที่ลุงพลจะเป็นคนร้าย จนในที่สุดก็เกิดลุงพลก็พ้นข้อสงสัยและเกิดเป็น ‘ความสงสาร’ และด้วยแรงสนับสนุนจากคนที่ติดตามข่าว และที่เชื่อว่าลุงเป็นผู้บริสุทธิ์ที่ถูกใส่ความ ส่งผลให้ชีวิตธรรมดา ๆ ของลุงพลเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง กลายเป็นว่าลุงพลมีแฟนคลับ มีคนไปหาที่บ้านเพื่อให้กำลังใจทุกวัน มีคนขอถ่ายรูป ขอลายเซ็น ขนาดและหากใครมาโจมตีก็พร้อมยกทัวร์ไปลงเลยทีเดียว

นอกจากนี้ ยังมีคนส่งช่างไปสร้างและปรับปรุงบ้านให้ มีคนส่งของขวัญให้ ไม่ว่าจะเป็นรถจักรยานยนต์ เครื่องใช้ไฟฟ้า เฟอร์นิเจอร์ จนไม่มีที่เก็บ ซึ่งยังไม่รวมที่ให้ในรูปแบบเงินสดอีกเป็นแสน

ภาพจากรายการทุบโต๊ะข่าวช่องอมรินทร์ทีวี

สื่อประโคมข่าวไม่หยุด

เมื่อลุงพลกลายเป็นที่สนใจจากคนทั่วประเทศ จนมีกระทั่งแฟนคลับทั้งในไทยและจากคนไทยในต่างประเทศ ส่งผลให้มีคนทำเพจให้ สื่อทำสกู๊ปต่าง ๆ เกี่ยวกับลุงพล ซึ่งแทบจะเรียกได้ว่าเป็นรายการ ‘เรียลลิตี้’ ตามติดชีวิตลุงพลเลยทีเดียว เพราะตั้งแต่ลุงพลเริ่มเป็นที่สนใจก็มีการขุดรูปลุงพลตอนหนุ่ม ซึ่งชาวเน็ตต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ‘หล่อมาก’ และนั่นก็ส่งผลให้ลุงพลได้คะแนนนิยมเพิ่มไปอีกไม่น้อย

แล้วไหนจะเรื่องที่ลุงพลร้องเพลงเพราะอีก ยังไม่รวมเรื่องงานอดิเรกอื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็นฟุตบอลทีมโปรด และเริ่มลามไปถึงเรื่องส่วนตัวอย่าง สัดส่วน, เมนูที่ชอบ ฯลฯ

เป็น Creator เต็มตัว “ลุงพลป้าแต๋น แฟมิลี่”

จากกระแสลุงพลฟีเวอร์ทำให้คนตามติดลุงพลชนิดที่ว่าทำคอนเทนต์อะไรก็เป็นกระแสได้หมด จนเมื่อวันที่ 25 สิงหาคมที่ผ่านมา ลุงพล และป้าแต๋นที่เป็นภรรยาของลุงพล ได้เปิดช่องใน YouTube เป็นของตัวเอง ใช้ชื่อว่า “ลุงพลป้าแต๋น แฟมิลี่” ผ่านมาแค่ 6 วันเท่านั้น มียอดผู้ติดตามกว่า 169,000 ราย

ในช่องนี้ลุงพลได้ประเดิมคลิปแรกด้วย ลุงพล กินข้าวเช้า #ป้าแต๋นถ่าย” เป็นคลิปวิดีโอแบบบ้านๆ ความยาวแค่ 2.19 นาที เนื้อหาประมาณว่าลุงพลนั่งกินข้าวเมนู “ข้าวไข่ดาว” อยู่ที่สวนหลังบ้าน โดยที่ป้าแต๋นเป็นคนถ่าย พร้อมกับบรรยายเสียงประกอบว่าทำอะไร อยู่ที่ไหน บรรยายบรรยากาศสวนหลังบ้าน

แต่เชื่อหรือไม่ว่าแค่คลิปวิดีโอลุงพลกินข้าวที่หลายคนมองว่าสุดแสนจะธรรมดา สามารถโกยยอดวิวไปได้กว่า 9.34 แสนวิวเข้าไปแล้ว ใช้เวลาราวๆ 1 สัปดาห์เท่านั้น

หลังจากนั้นลุงพล และป้าแต๋นก็เข้าสู่วงการ Creator เต็มตัว ได้ปล่อยคลิปวิดีโอเกือบทุกวัน เนื้อหาก็สไตล์บ้านๆ เช่นเคย เช่น ลุงพลป้าแต๋นพาชมบ้าน, คลิปวิดีโอร้องเพลงของลุงพล

คนดังตบเท้า ฟีเจอริ่ง

แน่นอนว่าเมื่อชื่อเสียงลุงพลเริ่มกระจาย มีแฟนคลับจำนวนมาก ส่งผลให้เหล่าคนดังก็อยากจะมาร่วมงาน อย่างเรื่องร้องเพลง ก็มีค่ายเพลงมาหาลุงพลถึงบ้าน พร้อมทาบทามลุงเป็นนักร้องในสังกัด แถมยังมี ‘จินตรา พูนลาภ’ ศิลปินชื่อดังชวนไป ‘ฟีเจอริ่ง’ เพลง ‘เต่างอย’ ที่มียอดวิวทะลุ 6 ล้านวิวใน 3 วัน มีข่าวแว่วๆ ว่าลุงพลได้ส่วนแบ่งจากยอดวิวนี้ถึง 1 แสนบาทอีกด้วย

หรืออย่าง ‘อุ๊บ วิริยะ พงษ์อาจหาญ’ ก็ยอมรับว่าเกาะกระแส ขอสร้างหนัง ‘บ้านกกกอก เดอะ ซีรีส์’ แถมอยากได้ลุงพลมาร่วมแสดงด้วย

และเพราะกระแสความดังของคดีบวกกับความนิยมของลุงพล ส่งผลให้บ้านกกกอกกลายเป็นที่ท่องเที่ยวกลาย ๆ มีคนต่างพื้นที่เข้าไปที่หมู่บ้านทุกวัน บางกลุ่มถึงกับเหมารถบัสกันมาบ้านน้องชมพู่ ขอถ่ายรูปคู่-ขอลายเซ็นบุคคลในข่าว รวมทั้งไปตามรอยจุดเกิดเหตุต่าง ๆ เรียกได้ว่ากลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวเต็มตัว

คนไทยชอบอะไรเรียลๆ?

จากกรณีของลุงพลนี้ เป็นอีกหนึ่งข้อพิสูจน์ได้ว่า จริงๆ แล้วคนไทยชอบเสพคอนเทนต์ หรือชอบ Influencer ที่แสดงออกถึงความบ้านๆ แบบคนธรรมดา เข้าถึงได้ง่าย หรือมีเรื่องราว มีสตอรี่ขึ้นมาหน่อย เพราะเขารู้สึกว่าเป็นคนกลุ่มเดียวกัน คนบ้านเดียวกัน ไม่ได้เป็นเน็ตไอดอล หรือดาราดังที่มีไลฟ์สไตล์หรูหรา

การเป็นเด็กสู้ชีวิต ทำงานหาเลี้ยงตัวเองตั้งแต่เด็กๆ จนมีค่ายเพลงเป็นของตัวเอง ก็เป็นสตอรี่ที่ส่งผลให้ “เจนนี่ ได้หมดถ้าสดชื่น” ดังเป็นพลุแตก ถึงแม้ว่าภายหลังจะเจอดราม่า และปัญหารุมเร้า แต่แฟนคลับส่วนใหญ่ก็ชื่นชอบที่เป็นเด็กสู้ชีวิต สะท้อนความเรียลของชีวิตส่วนหนึ่ง

สำหรับลุงพลก็เป็นการสะท้อนถึงวงการคนทำคอนเทนต์ด้วยเช่นกัน จริงๆ แล้วไม่จำเป็นต้องมีโปรดักชั่นใหญ่โต แค่เป็นคนมีคาแร็กเตอร์ หรือถ่ายทอดความ “เรียล” ของตนเองให้มากที่สุด สุดท้ายเป็นสิ่งที่คนไทยชื่นชอบนั่นเอง

ให้มันจบที่รุ่นเรา

แน่นอนว่าเมื่อมีคนชอบ ก็ต้องมีคนที่ไม่ชอบ โดยบางยอดแชร์ ยอดวิวบางก็ไม่ได้เกิดจากแฟนคลับ แต่มาจากการ ‘จิกกัด’ ของชาวเน็ตที่มองว่าสื่อประโคมเรื่องของลุงพลมากเกินไปจนเกิดเป็นกระแสขึ้นมา ส่งผลให้เริ่มมีคนเริ่มนำแฮชแท็ก #ให้มันจบที่รุ่นเรา ที่เกิดจาดสถานการณ์แฟลชม็อบเยาวชน มาล้อกับเรื่องของลุงพล อย่างไรก็ตาม มีคนบางส่วนที่มองว่าเพราะมี ‘แฟนคลับ’ ให้ความสนใจลุงพล สื่อจึงจำเป็นต้องขุดประเด็นลุงพลมาให้เกาะติด ดังนั้น หากเลิกให้คนสนใจลุงพล สื่อก็จะเลิกให้ความสำคัญไปเอง

แต่จะด้วยสาเหตุใดก็ตาม จากนี้คงต้องมาจับตาดูกันว่า คดีน้องชมพู่กับกระแสของลุงพลจะจบที่รุ่นเราได้หรือไม่