ผลสำรวจวีซ่าเผย เกือบ 9 ใน 10 ของผู้บริโภคชาวไทยสนใจทำธุรกรรมการเงินในรูปแบบดิจิตอล

วีซ่า ผู้นำการให้บริการการชำระเงินดิจิตอลระดับโลก เผยให้เห็นว่าเกือบเก้าในสิบของผู้บริโภคชาวไทยสนใจที่จะทำธุรกรรมกับสถาบันการเงินผ่านดิจิตอลแพลตฟอร์ม ซึ่งอ้างอิงจากผลการสำรวจเกี่ยวกับการศึกษาเรื่องทัศนคติการชำระเงินของผู้บริโภคประจำปีของวีซ่า1 (Visa Consumer Payment Attitudes Study)

ผลสำรวจฉบับนี้ ศึกษาถึงพฤติกรรมและทัศนคติของผู้บริโภค และต่อยอดไปยังการสำรวจหัวข้ออื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับการชำระเงินทั่วภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้รวมถึงประเทศไทย ซึ่งผลสำรวจฉบับนี้ยังพบว่าสี่ในห้าของผู้บริโภคชาวไทย (80 เปอร์เซ็นต์) มีความสนใจที่จะชำระเงินผ่านเทคโนโลยีไบโอเมตริกซ์เพื่อยืนยันตัวตน

นายสุริพงษ์ ตันติยานนท์ ผู้จัดการวีซ่า ประจำประเทศไทย กล่าวว่า “ที่ผ่านมาเราเห็นว่า ผู้บริโภคชาวไทยสามารถใช้เทคโนโลยีได้อย่างคล่องแคล่วทั้งยังเปิดรับเทคโนโลยีดิจิตอลใหม่ๆ เข้ามาเพื่ออำนวยความสะดวกในชีวิตประจำวันมากขึ้นซึ่งผลสำรวจฉบับล่าสุดของเราได้ยืนยันในจุดนี้ เราตื่นเต้นที่จะได้เห็นผู้บริโภคชาวไทยหันมาใช้บริการการทำธุรกรรมทางการเงินในรูปแบบดิจิตอลเพิ่มขึ้น ซึ่งจะนำไปสู่การสร้างรากฐานที่แข็งแกร่งสำหรับการก้าวสู่เศรษฐกิจดิจิตอลของประเทศ”

อ้างอิงจากผลการสำรวจฉบับนี้ สี่ในห้า (81 เปอร์เซ็นต์) เข้าใจถึงคอนเซ็ปต์ของการทำธุรกรรมทางการเงินในรูปแบบดิจิตอล ที่เป็นการทำธุรกรรมผ่านช่องทางออนไลน์หรือสมาร์ทโฟนในการเข้าถึงบัญชีธนาคาร โอนเงิน จ่ายบิล และอื่นๆอีกมากมายโดยไม่ต้องเดินทางไปยังธนาคารสาขาหรือใช้เงินสด ผู้ตอบแบบสอบถามระบุว่าความสะดวกคือแรงจูงใจหลักในการเลือกทำธุรกรรมทางการเงินในรูปแบบดิจิตอล (61 เปอร์เซ็นต์) ตามมาด้วยข้อดีในเรื่องของการที่ไม่ต้องรอคิวที่ธนาคารสาขา (60 เปอร์เซ็นต์) และเป็นทางเลือกที่สะดวกและรวดเร็วในการทำธุรกรรมทางการเงิน (57 เปอร์เซ็นต์)

โดยห้าบริการที่ผู้บริโภคชาวไทยเลือกที่จะใช้บริการธุรกรรมทางการเงินในรูปแบบดิจิตอลคือ การฝากและถอนเงิน (72 เปอร์เซ็นต์) ชำระบิลต่างๆ (70 เปอร์เซ็นต์) โอนเงินไปยังครอบครัวและเพื่อน (69 เปอร์เซ็นต์) ชำระเงิน ณ ร้านค้า (67 เปอร์เซ็นต์) และการเข้าถึงบริการเพื่อการลงทุน (58 เปอร์เซ็นต์)

นอกจากนั้นผลสำรวจยังประเมิณระดับความสนใจของผู้บริโภคชาวไทยที่มีต่อการใช้เทคโนโลยีไบโอเมตริกซ์ยืนยันตัวตนในการชำระเงิน ไม่ว่าจะเป็นการสแกนลายนิ้วมือ การระบุตัวตนผ่านเสียง การสแกนใบหน้าหรือม่านตา โดยผลสำรวจชี้ให้เห็นว่าสี่ในห้า (80 เปอร์เซ็นต์) ของผู้บริโภคชาวไทยสนใจที่จะชำระเงินผ่านวิธีการนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มผู้บริโภคเจนวาย (อายุ25 – 39 ปี) ที่ให้ความสนใจมากกว่ากลุ่มผู้บริโภคเจนเอ็กซ์ (อายุ 40 – 54 ปี) ในการใช้ไบโอเมตริกซ์เพื่อระบุตัวตน (85 เปอร์เซ็นต์ เทียบกับ 76 เปอร์เซ็นต์)

เหตุผลสำคัญที่ผู้บริโภคชาวไทยสนใจในการชำระเงินด้วยไบโอเมตริกซ์ คือ ความรวดเร็วและความสะดวกสบายในการชำระเงิน (53 เปอร์เซ็นต์) ตามมาด้วยความสะดวกที่ไม่ต้องพกบัตรหรือเงินสด (50 เปอร์เซ็นต์) และประเด็นเรื่องของความปลอดภัยที่ผู้บริโภคระบุว่าการชำระเงินแบบไบโอเมตริกซ์มีความปลอดภัยมากกว่า (48 เปอร์เซ็นต์) นอกจากนี้ 80 เปอร์เซ็นต์ของผู้ตอบแบบสอบถามยังให้เหตุผลว่าการจ่ายเงินด้วยระบบสแกนลายนิ้วมือเป็นวิธีการชำระเงินแบบไบโอเมตริกซ์ที่พวกเขาอยากเลือกใช้มากที่สุด นอกจากนี้กลุ่มผู้บริโภคยังรู้สึกพึงพอใจกับการชำระเงินแบบไบโอเมตริกซ์ด้วยการสแกนม่านตาระหว่างการเดินทางท่องเที่ยวในต่างประเทศ (52 เปอร์เซ็นต์) เพื่อการศึกษา (42 เปอร์เซ็นต์) และด้านสุขภาพและการออกกำลังกาย (40 เปอร์เซ็นต์)

“วีซ่ารู้สึกยินดีที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในการสนับสนุนประเทศไทยเพื่อให้ก้าวสู่สังคมดิจิตอลอย่างเต็มรูปแบบและเราภูมิใจที่ได้จัดทำแบบสำรวจฉบับนี้ขึ้นเพื่อศึกษาถึงสิ่งที่ผู้บริโภคชาวไทยให้ความสนใจและต้องการใช้งานในชีวิตจริง รวมถึงการร่วมแบ่งปันข้อมูลที่ได้เพื่อให้ทุกหน่วยงานและภาคส่วนพัฒนาเครื่องมือ ผลิตภัณฑ์ และเทคโนโลยีที่ไม่เพียงแต่ตรงกับความต้องการของผู้บริโภค แต่ยังมีศักยภาพในการยกระดับความเป็นอยู่ของประชาชน ทั้งยังช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศให้เดินหน้าไปได้อย่างยั่งยืน” คุณสุริพงษ์กล่าวสรุป

1ผลการสำรวจเกี่ยวกับการศึกษาเรื่องทัศนคติการชำระเงินของผู้บริโภคประจำปี 2562 ที่จัดทำโดย ENGINE insights ในนามของ วีซ่า เมื่อเดือนสิงหาคมพ.ศ. 2562 ในสิงคโปร์ อินโดนีเซีย มาเลเซีย ประเทศไทย เวียดนาม ฟิลิปปินส์ และเมียรมาร์ โดยมีทำแบบสอบถามทั้งหมด 5,102 ราย ซึ่งรวมถึง 505 รายในประเทศไทย อายุระหว่าง 18 – 65 ปี และมีรายได้ไม่ต่ำกว่า 15,000 บาทต่อเดือน