เปิดเกม “เซ็นทรัล รีเทล” ชะลอลงทุนใหญ่ ขายออนไลน์โต 350% งัดกลยุทธ์ดัน “ช้อปปิ้ง” ปลายปี

วิกฤตการณ์ COVID-19 ที่ผ่านมาสะเทือนวงการค้าปลีกไม่น้อย เเต่ก็ถือเป็นโอกาสที่ได้เติบโตทางออนไลน์อย่างพุ่งพรวด จากพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป โดยช่วงครึ่งปีหลัง 2020 เริ่มมีสัญญาณเศรษฐกิจฟื้นตัว เราจึงจะได้เห็นบรรดาค้าปลีกทั้งเล็กใหญ่ ยกขบวนพาเหรดอัดโปรโมชั่น ลดราคาทั้งหน้าร้านและเว็บไซต์ เพื่อกระตุ้นการใช้จ่ายในช่วงโค้งสุดท้ายปลายปี

การเดินเกมของเซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ CRC ยักษ์ใหญ่ค้าปลีกเมืองไทยในช่วงปลายปีนี้ บ่งบอกถึงทิศทางของธุรกิจรีเทล หลัง COVID-19 ได้ดีทีเดียว

ชะลอลงทุนใหญ่ 

นิโคโล กาลันเต้ กรรมการผู้จัดการใหญ่ CRC เปิดเผยว่า การเเพร่ระบาดของ COVID-19 ส่งผลกระทบกับทั้งธุรกิจเเละการดำเนินงานต่างๆ บริษัท จึงต้องมีการวางแผนระยะสั้นและปรับแผนกันทุกรายเดือนเพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ ทำให้ต้องระมัดระวังเรื่องการลงทุนอย่างเข้มงวดมากขึ้น

หลังคลายมาตรการล็อกดาวน์ ร้านค้าต่างๆ กลับมาเปิดให้บริการอีกครั้ง ผู้คนเริ่มใช้ชีวิตปกติ อยากกลับมาเลือกดูของหน้าร้าน กลับมาเดินห้างฯ อีกครั้ง เเต่อย่างไรก็ตาม CRC ยังมองว่าสถานการณ์ปัจจุบันจะต้องมีการระมัดระวังในการขยายธุรกิจ

การลงทุนเปิดร้านหรือสาขาใหม่เพิ่มนั้น ต้องมองตามศักยภาพ เเต่ปีนี้จะยังไม่มีเเผนดังกล่าว เพราะต้องคุมเเผนการลงทุนมากขึ้น เเต่เราจะเดินหน้าลงทุนในส่วนที่ช่วยพัฒนาธุรกิจไปข้างหน้า อย่างการลงทุนในเทคโนโลยี รวมถึงโรบินสันไลฟ์สไตล์ ที่เป็นคอมมูนิตี้มอลล์ และไทวัสดุ ก็ยังคงมีการลงทุนต่อเนื่อง

สำหรับตลาดในต่างประเทศนั้น หลักๆ มีอยู่ 2 โซนคือยุโรปและเวียดนาม โดยผู้บริหาร CRC ระบุว่าในเวียดนามจะยังมีการลงทุนเหมือนเดิม เพราะสถานการณ์ COVID-19 ไม่ร้ายแรงนัก จำนวนร้านที่ต้องปิดชั่วคราวมีน้อย เเละตลาดก็มีการเติบโตอย่างรวดเร็ว

ส่วนตลาดยุโรป เช่นในอิตาลี การเเพร่ระบาดของ COVID-19 มีความรุนแรงอย่างมากในช่วงที่ผ่านมา เราต้องยอมรับและต้องชะลอการลงทุนโครงการใหญ่ๆ ออกไปก่อน แต่ยังคงเน้นเรื่องการปรับปรุงสาขาเดิม เช่น การปรับปรุงห้าง Rinascente ให้มีความทันสมัยมากขึ้น

พิษ COVID-19 ขาดทุนครึ่งปีแรก 

ย้อนกลับไปดูผลประกอบการของ CRC ในช่วงไตรมาส 2/2020 พบว่า จากมาตรการล็อกดาวน์และผลกระทบในภาคการท่องเที่ยวและกำลังซื้อที่ลดลงของผู้บริโภค ส่งผลให้รายได้รวมในไตรมาสนี้อยู่ที่ 41,376 ล้านบาท ลดลง 21% และขาดทุนสุทธิอยู่ที่ 2,519 ล้านบาท ลดลง 243% หรือลดลง 4,287 ล้านบาทเมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน

โดยในช่วงวิกฤต COVID-19 เซ็นทรัล รีเทล ต้องปิดทำการกว่า 80% ของพื้นที่ขายทั้งหมด เป็นระยะเวลามากกว่าครึ่งของไตรมาส 2 หรือประมาณ 46 วัน จากทั้งหมด 91 วัน ซึ่งในไทยต้องปิดร้านชั่วคราวกว่า 90%

ส่วนในเวียดนามต้องปิดกลุ่ม Non-food ตั้งแต่ช่วงปลายเดือนมี.ค.จนถึงต้นเดือนพ.. ส่วนในอิตาลีต้องปิดให้บริการห้างสรรพสินค้าจำนวน 9 สาขา ตั้งแต่วันที่ 12 มี.. ถึง 17 ..

หากเทียบในช่วงเวลาแห่งความท้าทายดังกล่าว ยอดขายของบริษัทต้องลดลงกว่า 50% แต่แนวโน้มพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป ซึ่งนำไปสู่การเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญในการช้อปปิ้งออนไลน์ โดยเฉพาะแพลตฟอร์ม Omni-channel ทำให้ยอดขายในไตรมาส 2 ลดลงเพียง 21%” ญนน์ โภคทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าว

ฟื้นด้วย Omni-channel 

ในช่วงการแพร่ระบาด COVID-19 ตลาดอีคอมเมิร์ซเติบโตได้อย่างดี โดยเฉพาะในกลุ่มสินค้าแฟชั่น เฟอร์นิเจอร์ เครื่องประดับและนาฬิกา เครื่องสำอาง อุปกรณ์เทคโนโลยี อุปกรณ์กีฬา และสินค้าในซูเปอร์มาร์เก็ต ทั้งนี้ สินค้าของ CRC เเบ่งเป็นกลุ่ม Non-food ราว 70% เเละกลุ่ม food อีก 30% 

ธุรกิจในกลุ่มของอาหารของเครือเซ็นทรัลเติบโตขึ้นมาก ส่วนกลุ่ม Non-food ที่ไม่ใช่อาหาร ก็เติบโตดีขึ้นมากกว่า 2-3 เท่า แต่ทั้งหมดนี้เติบโตในช่องทาง Omni-channel และออนไลน์เป็นหลัก

โดยกลุ่มสินค้าที่เติบโตดีในช่องทางอีคอมเมิร์ซของ CRC ในช่วงครึ่งปีแรก ได้เเก่

  • กลุ่มสินค้าลักชัวรี เติบโต 0.5%
  • กลุ่มสินค้าแฟชั่น เติบโต 21.1%
  • กลุ่มสินค้าดีไอวาย เติบโต 6.9%
  • กลุ่มสินค้าเพชรและนาฬิกา เติบโต 11.6%
  • กลุ่มเครื่องสำอาง เติบโต 13.2%
  • กลุ่มรีเทลเทค เติบโต 27.8%
  • กลุ่มสินค้ากีฬา เติบโต 34.2%
  • กลุ่มซูเปอร์มาร์เก็ต เติบโต 35.3% 

ในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา พฤติกรรมผู้บริโภคหันมาซื้อของผ่านช่องทางออนไลน์มากขึ้น ทำให้ ยอดขายของเซ็นทรัล รีเทลเติบโตแบบก้าวกระโดดถึง 350% ในไตรมาสที่ 2 ปี 2020 เทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน โดยในปีที่แล้วมีผู้ใช้งานซื้อสินค้าบนเว็บไซต์ของเซ็นทรัล ประมาณ 1 ล้านราย แต่ในปีนี้คาดตัวเลขผู้ใช้งานจะเติบโตขึ้นเป็น 3 ล้านราย

เราเคยตั้งเป้าหมายเดิมไว้ว่า CRC จะมีสัดส่วนยอดขายจากช่องทางออนไลน์ ประมาณ 10-15% ให้ได้ภายใน 3-5 ปี แต่ขณะนี้เราทำได้มากถึง 10% แล้ว ซึ่งเร็วกว่าที่คาดไว้อย่างมากจากสถานการณ์ COVID-19” นิโคโล กล่าว

อัดโปรใหญ่ กระตุ้นช้อปปิ้งท้ายปี 

สำหรับกลยุทธ์กระตุ้นการใช้จ่ายในช่วงโค้งสุดท้ายของปีนี้ เซ็นทรัล รีเทล ได้เปิดตัวมหกรรมลดราคา Central Retail Mega Sale ซึ่งเป็นการลดราคาทั้งในหน้าร้าน และเว็บไซต์ออนไลน์ เจาะกลุ่มลูกค้าทุกเจเนอเรชั่น

กิจกรรมนี้จะเริ่มตั้งแต่ 9.9 Double Mega Sale ในเดือนก.. ตามมาด้วย 10.10 ในเดือนต.. จากนั้นเป็น 11.11 ในเดือนพ.. และ 12.12 ในเดือนธ.. ด้วยสินค้ากว่า 1 ล้านรายการ จากร้านค้ามากกว่า 1,000 แห่งทั่วประเทศ โดยตั้งเป้าหมายยอดขายรวมของมหกรรมช้อปปิ้งนี้ ไว้ที่ 2,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัวจากปีที่เเล้วซึ่งอยู่ที่ 1,000 ล้านบาท ด้วยกระเเสนิยมการช้อปปิ้งออนไลน์ที่เพิ่มขึ้นอย่างมาก

โดยจะเน้นสร้างประสบการณ์ O2O คือออนไลน์สู่ออฟไลน์ อย่างเช่น การใช้ส่วนลดจากใบเสร็จหน้าร้าน ไปใช้ลดต่อที่หน้าเว็บไซต์ รวมถึงการสั่งซื้อด้วยบริการ Click & Collect (บริการคลิกสั่งซื้อหน้าเว็บ แล้วไปรับที่หน้าร้าน) จะได้รับคูปองส่วนลดเพิ่มคูณสอง การรับประกันว่าสินค้าทุกรายการเป็นของแท้ 100%

สำหรับแคมเปญนี้ เราได้ ป๊อกภัสสรกรณ์ และ มาร์กี้ราศรี บาเล็นซิเอก้า จิราธิวัฒน์ มาเป็นแคมเปญแอมบาสเดอร์ เพราะเป็นตัวแทนของครอบครัวรุ่นใหม่ ซึ่งมองหาแพลตฟอร์มการซื้อสินค้าที่หลากหลาย สอดคล้องกับไลฟ์สไตล์ของยุคปัจจุบัน ที่ต้องการความสะดวก รวดเร็ว และเชื่อถือได้ ไม่ว่าจะเลือกซื้อสินค้าที่ร้านค้าหรือช้อปผ่านออนไลน์ก็ตาม

ด้านกำลังซื้อของผู้บริโภคในช่วง COVID-19 ที่ลดลงนั้น ผู้บริหาร CRC มองว่า แม้ตอนนี้จะมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น แต่ก็ยังไม่กลับไปสู่ระดับเดิมเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยเฉพาะในส่วนหน้าร้านเเละสาขา ขณะเดียวกัน ด้านผลประกอบการคาดว่าจะเริ่มดีขึ้นเรื่อยๆ เเต่การฟื้นตัวของเศรษฐกิจยังมีความแตกต่างกันไปในหลายพื้นที่ เช่นในโซนเเหล่งท่องเที่ยว เคยมีลูกค้าต่างชาติเยอะก็จะฟื้นตัวช้ากว่าพื้นที่อื่น ซึ่งโซนที่มีคนไทยเป็นฐานลูกค้าหลัก ก็จะกลับเข้าสู่สภาวะปกติได้เร็วกว่า