สหรัฐฯ เล็ง ‘Blacklist’ บริษัท ‘SMIC’ ผู้ผลิตชิปรายใหญ่ที่สุดของจีน

Close up portrait of computer engineer's hand is holding CPU's computer.

เมื่อต้นปีที่ผ่านมาสหรัฐฯ ได้ดำเนินการแบน ‘หัวเว่ย’ ออกจากอุปกรณ์เซมิคอนดักเตอร์ จนหัวเว่ยไม่มีชิปเพียงพอจะผลิตสมาร์ทโฟนรุ่นเรือธงอีกต่อไป ขณะที่ก่อนหน้านั้น หัวเว่ยได้ถูกขึ้นบัญชีดำและถูกตัดขาดจากการใช้ระบบปฏิบัติการ Android ของ Google ซึ่งส่งผลกระทบต่อธุรกิจสมาร์ทโฟนนอกตลาดประเทศจีน ล่าสุด กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ กำลังประเมินว่าจะเพิ่มบริษัท SMIC ผู้ผลิตชิปรายใหญ่ที่สุดของจีน ลงในบัญชีดำของกระทรวงพาณิชย์ด้วยอีกราย

หุ้นของบริษัท ‘SMIC’ หรือ เซมิคอนดักเตอร์ แมนูแฟคเจอริ่ง อินเตอร์เนชันแนล คอร์ปอเรชัน ซึ่งเป็นผู้ผลิตชิปรายใหญ่ที่สุดของจีนลดลง 19.75% ปิดที่ 18.98 ดอลลาร์ฮ่องกง ลดลงถึง 9.2% หลังจากที่กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ กำลังประเมินว่าจะเพิ่ม SMIC ในรายการบัญชีดำของกระทรวงพาณิชย์หรือไม่ เนื่องจากมีข้อสันนิษฐานว่า บริษัทมีความสัมพันธ์กับกองทัพจีน

“การดำเนินการดังกล่าวจะช่วยให้มั่นใจได้ว่า การส่งออกไปยัง SMIC ทั้งหมดจะได้รับการพิจารณาที่ครอบคลุมมากขึ้น” โฆษกกระทรวงกลาโหมกล่าว

เนื่องจาก SMIC ยังอาศัยอุปกรณ์การผลิตชิปของสหรัฐฯ หากจะบริษัทต้องติด Blacklist จะส่งผลให้บรรดาซัพพลายเออร์ของสหรัฐฯ ต้องขอใบอนุญาตก่อนส่งมอบสินค้าให้กับ SMIC ซึ่งแปลว่าบริษัทจะได้รับอุปกรณ์ที่จำเป็นในการพัฒนาขีดความสามารถและทำร้ายการผลิตได้ยากขึ้น ขณะที่ SMIC ยังคงตามหลังคู่แข่งอย่าง TSMC ของไต้หวันและ Samsung Electronics ของเกาหลีใต้ในแง่ของเทคโนโลยี

อย่างไรก็ตาม SMIC ได้ออกมาปฏิเสธว่าไม่ได้ทำงานร่วมกับกองทัพจีน โดยระบุว่า “ถือเป็นข้อความที่ไม่เป็นความจริงและข้อกล่าวหาที่เป็นเท็จ เรากำลังงงกับข่าวที่ออกมา และเราต้องการสื่อสารอย่างจริงใจและโปร่งใสกับหน่วยงานรัฐบาลของสหรัฐอเมริกา โดยหวังว่าจะแก้ไขความเข้าใจผิดที่อาจเกิดขึ้นได้” SMIC กล่าวในแถลงการณ์ที่โพสต์บน WeChat

Source