‘MG’ ส่ง ‘HS PHEV’ Plug-in Hybrid เขย่าตลาด SUV ปักเป้ายอดขาย 800 คันใน 2 เดือน

‘อุตสาหกรรมยานยนต์’ ถือเป็นอีกหนึ่งอุตสาหกรรมที่โดนผลกระทบจาก COVID-19 ไม่ใช่น้อย เพราะแค่ผ่านไป 9 เดือน ยอดขายหดตัวกว่า 30% โดยคาดว่าปิดปียอดขายรถยนต์อาจเหลือเพียง 6 แสนคัน จากปีที่ผ่านมาปิดที่ 9 แสนคัน อย่างไรก็ตาม จาง ไห่โป กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอสเอไอซี มอเตอร์-ซีพี จำกัด และบริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด ยังมั่นใจว่า ‘เอ็มจี’ (MG) ยังสามารถเติบโตได้ในปีนี้

จาง ไห่โป กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอสเอไอซี มอเตอร์-ซีพี จำกัด และบริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด

มั่นใจ ‘โต’ สวนตลาด

ในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมา MG มียอดขายรถรวมทั้งสิ้น 18,699 คัน โดยแบ่งเป็น MG 3 จำนวน 3,409 คัน, MG ZS 7,168 คัน, MG ZS EV 327 คัน, MG HS 3,982 คัน และ MG Extender 3,609 คัน โดยเติบโตขึ้น 0.1% และเมื่อแยกเฉพาะรถ SUV บริษัทมียอดขาย 11,1181 คัน เป็นเบอร์ 1 ในตลาด

“แม้ตลาดรถไทยปีนี้ตกเพราะพิษ COVID-19 และผลกระทบจากเศรษกิจโลก แต่ไตรมาสสุดท้ายของปีเริ่มเห็นสัญญาณที่ดีขึ้น ขณะที่ปีหน้าจะเป็นช่วงฟื้นฟูของตลาด แต่จะฟื้นไปอยู่จุดเดียวกับก่อนจะเกิด COVID-19 หรือไม่นั้นต้องรอดู อย่างไรก็ตาม ยอดรวมในปีนี้เรายังมั่นใจว่าเติบโตได้จากปีที่ผ่านมา เพราะมั่นใจว่าผู้บริโภคยังให้การตอบรับแบรนด์ MG”

‘HS PHEV’ Plug-in Hybrid คันแรกในตลาด ‘Mass’

ล่าสุด MG ได้เปิดตัว ‘MG HS PHEV’ ขับเคลื่อนด้วยระบบ Plug-in Hybrid ผสานการทำงานระหว่างเครื่องยนต์เทอร์โบขนาด 1.5 ลิตร และมอเตอร์ไฟฟ้าประสิทธิภาพสูง ช่วยให้ประหยัดน้ำมันสูงสุดอยู่ที่ 65 กิโลเมตรต่อลิตร หรือจะเลือกขับขี่ด้วยพลังงานไฟฟ้า 100% ได้ไกลสูงสุดถึง 67 กิโลเมตรต่อการชาร์จเต็มหนึ่งครั้ง ซึ่งรถยนต์รุ่นดังกล่าวถือเป็น ‘รถ Plug-in Hybrid รุ่นแรกในตลาดแมส โดย MG คาดว่าจะสามารถทำยอดขาย 800 คันภายใน 2 เดือน

“ราคารถ Plug-in Hybrid ส่วนใหญ่ในไทยเป็นแบรนด์รถหรู โดยถูกสุดอยู่ที่ 2.5 ล้านบาทไปจนถึง 3.5 ล้านบาทขึ้นไป ส่วนในกลุ่ม C-SUV อยู่ที่ 1.2-2 ล้านบาท แต่ไม่มี Plug-in Hybrid ดังนั้นนี่จึงเป็นรถที่ใช้ Plug-in Hybrid คันแรกที่เป็นแมสมาร์เก็ต”

เพิ่ม 500 สถานีชาร์จรองรับตลาด ‘อีวี’

ที่ผ่านมา MG ได้นำร่องทำตลาดรถยนต์ไฟฟ้าแล้วก็คือ MG ZS EV และปีนี้ก็มี MG HS PHEV ที่เพิ่งเปิดตัว ส่งผลให้ MG ต้องขยายสถานีชาร์จ โดยภายในปีหน้าคาดว่าจะมีอย่างน้อย 500 จุดขึ้นไป โดยในเฟสแรกจะขยายไปที่โชว์รูม MG ก่อน ส่วนเฟส 2 จะเป็นการหาพาร์ตเนอร์ ซึ่งคาดว่าจะมีความชัดเจนในช่วงต้นปีหน้า โดยที่ผ่านมาเคยมีแนวคิดจะทำสถานีชาร์จที่ ‘เซเว่น อีเลฟเว่น’ แต่ยังติดปัญหาทางเทคนิคหลายด้าน ดังนั้นจึงยังไม่มีแผน

“จริง ๆ เราไม่มีแผนจะทำสถานีชาร์จของตัวเอง แต่เพราะเราไม่สามารถรอได้ อย่างภาครัฐแม้จะมีแอคชั่นบ้าง แต่ก็ยังไม่พอ ดังนั้น แม้จะเป็นเงินลงทุนที่สูงถึง 5-6 แสนบาทต่อสถานีชาร์จ เราก็ต้องยอมเพื่อลูกค้าปัจจุบันและอนาคต เพราะข้อกังวลใหญ่สุดที่คนไทยยังไม่กล้าใช้รถไฟฟ้า ก็เพราะสถานีชาร์จที่น้อย”

ในส่วนของโชว์รูม MG ปีนี้ได้เปิดใหม่แล้ว 150 แห่ง และปีหน้าตั้งเป้าเปิดให้ได้ 170 แห่ง โดย MG เห็นความต้องการทั้งจากดีลเลอร์เก่าที่ต้องการขยายสาขา และนักลงทุนหน้าใหม่ที่ต้องการเข้ามาลงทุนกับ MG

สิ้นปีส่งออกรถไป ‘เวียดนาม’

ที่ผ่านมา MG ได้ส่งออกรถจากไทยไปขายยังประเทศอินโดนีเซีย ได้แก่ รุ่น MG ZH และ MG HS และต้นเดือนธันวาคมปีนี้ MG คาดว่าจะส่งออกรถไปยังตลาด ‘เวียดนาม’ และตามด้วยตลาด ‘มาเลเซีย’ ในปีหน้า ทั้งนี้ ตลาดเวียดนามถือเป็นอีกตลาดที่มีความสำคัญ เพราะเป็นตลาด ‘พวงมาลัยซ้าย’ ซึ่งจะช่วยทำให้ไลน์การผลิต MG ของไทย สามารถผลิตได้ทั้งพวงมาลัยซ้ายและขวา อย่างไรก็ตาม ด้วยความที่ประเทศรอบข้างไทยไม่ได้คุมการระบาดของ COVID-19 ได้ดีเท่าไทย ส่งผลให้ยอดส่งออกจึงไม่ดีอย่างที่คาดไว้ ดังนั้น กำลังการผลิตยังพอ จึงไม่มีแผนการลงทุนเพื่อขยายกำลังการผลิต

“ไทยสามารถคุมการระบาดของ COVID-19 ได้ดี ดังนั้น เราเชื่อว่าโอกาสกลับมาระบาดรอบ 2 มีน้อย ส่วนเรื่องม็อบหรืออะไรก็ตามแน่นอนว่ากระทบกับเศรษฐกิจ แต่เชื่อว่าเป็นสิ่งที่คนไทยคุ้นเคย และไม่มีผลต่อความต้องการซื้อรถยนต์ แค่ต้องมีสินค้าที่ดี บริการที่ดี และราคาที่สมเหตุสมผล ก็เชื่อว่าจะสามารถดึงดูดผู้บริโภคได้”