วินาศกรรม-เสียงพรรคร่วม-ยุบ ปชป. ปัญหา3ปมร้อน ชี้เป็นชี้ตาย “อภิสิทธิ์”

ฝนฟ้าคะนอง คลื่นลมการเมืองแปรปรวน มรสุมสารพัดลูกทยอยถล่มใส่รัฐนาวาประชาธิปัตย์ และอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกฯที่เป็นกัปตัน ผู้นำการขับเคลื่อนรัฐนาวาลำนี้

ทั้งกรณีที่ ทักษิณ ชินวัตร และเครือข่ายเริ่มมีการเคลื่อนไหวอีกครั้ง ขณะที่มรสุมอีกลูกคือการพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบฯ2554 วาระ2-3 กับกรณีเสียงสนับสนุนและเสถียรภาพรัฐบาล ส่วนมรสุมลูกมหึมาคือ คดียุบพรรค ปชป.

3 ปมร้อนที่อาจเป็นจุดพลิกผันในเกมอำนาจ และจุดเปลี่ยนประเทศไทย!

โฟกัสไปที่มรสุมลูกแรก ความเคลื่อนไหวของทักษิณ ที่แม้ว่ามวลชนจะยังตั้งหลักไม่ได้ เกมม็อบ หลังพ่ายแพ้ราบคาบในการก่อเหตุเผาเมือง “พฤษภาฯมหาวินาศ”

แต่ “นักโทษชาย” ประกาศแล้วว่า “ถึงพ่ายศึก แต่ไม่ยอมปราชัยในสงคราม”

ระเบิดกลางเมืองหลายจุด ตั้งแต่หน้าห้างบิ๊กซี ราชดำริ ดิวตี้ฟรี คิงเพาเวอร์ ซอยรางน้ำ คือสัญญาณที่บ่งชี้ ประเทศไทยในโหมดอันตราย

แม้ “ระเบิดการเมือง” ยากจะสาวไปถึงผู้บงการ แต่เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนก็มีผลสรุปเบื้องต้น เชื่อมโยงไปยังระเบิดหลายครั้งใน กทม.ช่วงม็อบเสื้อแดง

ตั้งข้อสงสัย เกี่ยวข้องกับเครือข่าย “ใต้ดิน” ในเกม “ทักษิณ”

เดินแผน “วินาศกรรมเมือง” ??

สอดคล้องกับท่าทีของเครือข่ายอดีตนายกฯ ที่เริ่มขยับขับเคลื่อนกิจกรรม พร้อมกับการประกาศว่าจะสู้ทุกทาง แม้แต่ “มุดใต้ดิน”จัดกองกำลังติดอาวุธ ตั้งหน่วยจรยุทธ์พร้อมๆ กับการส่งสัญญาณผ่าน จักรภพ เพ็ญแข เผยกับสื่อต่างประเทศยอมรับว่า “นายใหญ่” ของพวกเขารู้เห็นเหตุจลาจลเมื่อเดือน พ.ค. แต่กำลังประเมินเพื่อเลิกการสนับสนุน

นอกจากเป็นแผน “ออกตัว” อีกทางหนึ่งก็ฉายให้เห็นถึงเป้าหมายที่เปลี่ยนไปของนักโทษชายที่อัดฉีด “น้ำเลี้ยง” แล้วได้งาน “ไม่คุ้ม” อาจปรับแผนใหม่ เน้นยุทธศาสตร์“โลกล้อมประเทศ-เพื่อนบ้านล้อมไทย” เห็นได้ชัดกับท่าทีของประเทศกัมพูชา ที่ผู้นำมีสายสัมพันธ์อันดีกับอดีตผู้นำไทย กับความขัดแย้งระหว่างประเทศที่ระอุเดือดอยู่วันนี้

“ฮุนเซน” สมประโยชน์อยู่กับ “ทักษิณ” สมรู้ร่วมคิด ป่วนเพื่อยึดไทย?

ฉะนั้น เรื่องความมั่นคง ทั้งภายในประเทศและระหว่างประเทศ เป็นประเด็นสำคัญที่ รัฐบาลอภิสิทธิ์จะเพิกเฉยไม่ได้ จะต้องตั้งรับและตอบโต้อย่างมีประสิทธิภาพ หากมัวแต่ท่องคาถา ปรองดองสมานฉันท์ หรือเดินหน้าขับเคลื่อนเรื่องอื่นเรื่องใด ไปเท่าใดก็จะเปล่าประโยชน์ ถ้าปล่อยให้บ้านเมืองลุกเป็นไฟ ก็หายนะกันหมดแน่!

เช่นเดียวกัน กับการบาลานซ์อำนาจระหว่างพรรคร่วมรัฐบาล ที่ผู้นำประเทศจะต้องถ่วงดุลให้ดี โดยเฉพาะสถานการณ์เฉพาะหน้า กับเสียงสนับสนุนในการผ่านร่าง พ.ร.บ.งบประมาณด้วยตัวเลขกลมๆ 260-270 กว่าๆ หักเสียง ส.ส.ที่เป็นรัฐมนตรีอีก24 เสียงที่โหวตไม่ได้ วันนี้รัฐบาลจึงมีเสียงมากกว่าฝ่านค้านเพียง20-30เสียง“ปริ่มน้ำ” อย่างน่าหวาดเสียว!

ถึงแม้ท้ายที่สุดแล้ว เชื่อว่ารัฐบาลจะโหวตผ่านกฎหมายสำคัญ ที่จะนำไปสู่งบฯใช้จ่ายในการบริหารแผ่นดินไปได้ ด้วยสูตร “ตัวเลขล่อใจ”จำนวนงบฯที่ถูกคณะอนุกรรมาธิการชุดต่างๆ ปรับลด โดยเฉพาะงบฯของกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น ถูกหั่นมากองรวมไว้ “หมื่นกว่าล้านบาท” เปิดช่องให้หน่วยงานต่างๆ เสนอโครงการเข้ามาขอรับการสนับสนุนจากรัฐบาลอีกครั้ง “เค้กก้อนโต” ที่พร้อมจัดสรรปันส่วน ที่เรียกว่า “งบฯส.ส.” ถือเป็น “ไม้ตาย” ที่ใช้ได้เสมอมา เพราะใครๆ ก็ไม่อยากอด!

เพียงแต่ว่า ที่ต้องจับตาต่อไป กับความเคลื่อนไหวของบรรดาคีย์แมนป้อมค่ายการเมืองต่างๆ ในพรรคร่วมรัฐบาล นอกจากพรรคเพื่อแผ่นดิน ที่กลุ่ม3P แม้ส่งสัญญาณบวกกับการผ่านร่าง พ.ร.บ.งบฯ แต่สัญญาณยังเป็น “ลบ” กับรัฐบาล พร้อมพลิกไปอยู่กับขั้วเพื่อไทยเสมอ

ยังไม่รวมท่าทีของพรรคอื่นๆ ที่นอกจากภูมิใจไทย ในสายเนวิน ชิดชอบ ที่ประกาศเป็นศัตรูกับค่ายเพื่อไทยชัดเจนแล้ว นอกนั้นล้วนพร้อม “เลือกข้างใหม่”

ทั้งชาติไทยพัฒนา กลุ่มมัชฌิมาฯ ที่อย่างไรก็ไม่กลืนเป็นเนื้อเดียวกับภูมิใจไทย “สายเนวิน” และมีกระแสข่าวแพ็กกับกลุ่ม3Pเพื่อแผ่นดิน สุวิทย์ คุณกิตติ แห่งกิจสังคม สุวัจน์ ลิปตพัลลภ จากพรรครวมชาติพัฒนาต่อสาย “นายใหญ่” ในต่างแดนเป็นระยะๆ

เช่นเดียวกับพรรคมาตภูมิ ทั้ง “บิ๊กบัง” พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน และสายปากน้ำ “มั่น พัธโนทัย” หรือเพื่อแผ่นดินสาย พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก ถึงเลือกอิ่มดีกว่าอด เข้าร่วมรัฐบาลแต่ถ้าบวกลบคูณหาร ปลื้ม “แม้ว” มากกว่า “มาร์ค”!!

เรื่องจำนวนเสียง และสูตรตั้งรัฐบาล จึงจะกลายเป็นปมร้อนประเด็นที่ต้องติดตามต่อไป และเกี่ยวเนื่องกับมรสุมลูกใหญ่ของประชาธิปัตย์ ในคดียุบพรรค เรื่องร้อนที่แม้แต่นายชวน หลีกภัย ต้องลงจากหิ้ง สั่งระดมสู้คดีเต็มพิกัด

กรณีคดีเงินบริจาค 258ล้านจากทีพีไอ อาจจะหายใจหายคอคล่องขึ้น ภายหลังมี “ตัวช่วยพิเศษ” ดีเอสไอ สั่งไม่ฟ้องคดีไซฟ่อนเงินทีพีไอ รวมทั้ง ป.ป.ช.สั่งให้การยึดกิจการทีพีไอสมัยรัฐบาลทักษิณ โดยมิชอบ อีกทั้งมีกระแสข่าวเรื่องการกลับคำให้การของพยานปากเอกหลายราย สถานการณ์ไหล “เข้าทาง” ประชาธิปัตย์

แต่ที่หนัก คือคดีการใช้เงินกองทุนสนับสนุนพรรคการเมือง กกต. 29ล้านบาท ผิดวัตถุประสงค์ ข้อต่อสู้ยังไม่สามารถแก้ต่างได้ชัดเจน แต่วงใน ปชป.กำลังควานหาหลักฐานเด็ด “เอกสารรับรองการใช้เงิน” จากบางฝ่าย!?หรือหากไม่พ้นจริง ทางรอดสุดท้ายก็คือพยายามต่อสู้ให้คดีเป็นความผิดเฉพาะบุคคลเลี่ยง “เชือดยกพวง”

3-4เดือนนับจากนี้ไป คือช่วงเวลาที่คนพรรคประชาธิปัตย์จะต้องดิ้นหนีตายสุดชีวิต เป็นระยะเวลาที่สั้นลงจากการที่ศาลรัฐธรรมนูญตัดพยานให้การไปกว่าครึ่งและเป็นเวลาที่คนการเมือง “จับตา” และประเมินหาสูตรอำนาจประเทศไทยกันใหม่

โดยเฉพาะสูตรพิเศษ “รัฐบาลแห่งชาติ” หลายบิ๊กเนม “คนนอก” ถูกโยนกลางฟลอร์เพื่อซาวเสียง “นายกฯเฉพาะกิจ”

นอกจากแผนรับมือของประชาธิปัตย์ เปิดหัวพรรคสำรอง ยังวางตัวอดีตนายกฯ ชวน ที่ไม่ต้องติดบ่วงคดียุบพรรค รอคิวทำแฮททริกเก้าอี้นายกฯ เป็น “ผู้นำขัดตาทัพ”รวมทั้งขั้วอำนาจ และพรรคการเมืองต่างๆ เช็กเสียงหนุนชื่อย่อที่ถูกพูดถึงกันหนาหู แม้กระทั่ง “หมอดู” ของกองทัพ ยังชี้คำทำนาย ผู้ที่อยู่ในข่ายมาเชิดเป็นผู้นำเฉพาะกิจ อักษรย่อ “ป.ปลา”แต่ทั้งหมดทั้งปวง ทั้งหมดจะชี้ขาดที่คดียุบพรรคประชาธิปัตย์ เป็นสำคัญ  เช่นเดียวกันกับมรสุมจาก “ม็อบเสื้อแดง-ทักษิณ” ที่ยังแค่จุดเชื้อ แต่รอจังหวะเติมฟืนให้ไฟให้โหมกระพือเผาผลาญบ้านเมืองอีกครั้ง   
        
ฤดูฝนนี้ ประเทศไทยอากาศแปรปรวนยิ่งนัก!!