Big C-Tesco สงครามยังไม่จบ

การหักเลี่ยมชั้นเชิงด้านการตลาดระหว่างดิสเคาน์สโตร์รายใหญ่ของบ้านเรา เช่นบิ๊กซี และเทสโก้ มีมาเป็นระยะ แรงบ้าง เบาบ้าง ตามแต่สถานการณ์ แต่ระหว่างที่ทะเลาะเบาะแว้งกัน ยอดขายของทั้ง 2 ค่ายก็ไม่ได้ลดน้อยถอยลงแต่อย่างใด

เหตุการณ์ล่าสุดของการปะทะ คือเรื่องการใช้ชื่อ “Extra” ซึ่งน่าจะเป็นคำพื้นๆ ทั่วไป แต่ก็ถูกหยิบยกมาช่วงชิงกันได้

บิ๊กซี ใช้ชื่อ Extra กับสาขาของคาร์ฟูร์ที่ซื้อกิจการมา โดยใช้ชื่อว่า Bic C eXtra ช่วงแรกปรับเปลี่ยนชื่อ 10 สาขา เริ่มที่สาขาลาดพร้าว และทยอยปรับไปเรื่อย ๆ แบบค่อยๆ ทำ ไม่ได้เร่งร้อนอะไร

ทันทีที่เทสโก้ โลตัส รับรู้ข่าวนี้ การตอบโต้ก็เกิดขึ้นแบบรวดเร็ว เทสโก้ประกาศปรับสาขาพระรามสี่ ซึ่งตั้งประจัญหน้ากับคาร์ฟู เพียงแค่ข้ามถนนมาเป็น Tesco Lotus eXtra และประกาศว่าเป็นโมเดลที่มีอยู่แล้วในต่างประเทศ แต่เพิ่งจะนำเข้ามาในเมืองไทย

ส่วนทางบิ๊กซี เอง เมื่อเจอกับการตอบโต้ของเทสโก้แบบนี้ ก็อยู่เฉยไม่ได้ จากที่จะค่อยๆ ทำ ค่อยๆ ปรับ ก็เลยเร่งมือปรับสาขาให้เร็วขึ้นจากเดิม

ป้ายคาร์ฟูร์เริ่มทยอยถูกปลดลงไป และชื่อบิ๊กซี ก็ขึ้นมาแทนที่ ช่วงแรกคาดว่าชื่อ eXtra ยังไม่เสร็จเรียบร้อย จึงมีแค่ชื่อบิ๊กซีปรากฏขึ้นมาให้เห็นก่อน พร้อมๆ กับป้ายบิ๊กซีขึ้นเต็มหน้าสาขา รวมถึงสินค้าของบิ๊กซี ก็เข้ามายึดครองในชั้นวางสินค้าในคาร์ฟูร์มากขึ้นเช่นกัน

เหตุผลที่เทสโก้ ต้องเร่งประกบบิ๊กซี เพราะว่าทางเทสโก้เองประเมินแล้วว่า ลูกค้าประมาณ 1.5 ล้านคนที่ซื้อสินค้าในคาร์ฟูร์ จะเริ่มมองหาห้างใหม่ในการซื้อของ และนี่คือโอกาสของเทสโก้ที่จะช่วงชิงลูกค้ากลุ่มนี้มาสู่เทสโก้

เทสโก้เชื่อว่า บิ๊กซีซื้อคาร์ฟูร์ได้แค่สาขา อาคารสิ่งก่อสร้าง แต่ไม่ได้ซื้อลูกค้าของคาร์ฟูร์ไปด้วย เป็นการมองโลกในแง่ดีทีเดียว ซึ่งแน่นอนว่าเทสโก้เสียดายคาร์ฟูร์ไม่น้อยทีเดียว

แต่เมื่อซื้อไม่ได้ สิ่งที่เทสโก้ต้องทำต่อไปก็คือ การหันกลับมาปรับปรุงสาขาของตัวเอง เพราะเทสโก้รู้ว่าความพึงพอใจของลูกค้าระหว่าง 3 ดีสเคาน์สโตร์ คือบิ๊กซี คาร์ฟูร์ โลตัส

ความพึงพอใจของลูกค้าเทสโก้ต่ำที่สุดเมื่อเทียบกับคู่แข่ง จึงต้องแก้ปัญหาและที่ทำให้เห็นแล้วก็คือเส้นสีเขียว เลยเส้นเปิดช่องใหม่ทันที แต่กลยุทธ์นี้ก็ไม่ได้ทำให้สถานการณ์ดีขึ้น ก็แค่ทำให้ผู้บริโภครู้สึกว่าปัญหาได้รับการแก้ไขเท่านั้น แต่จะดีขึ้นหรือไม่ก็เป็นอีกกรณีหนึ่ง

ศึกระหว่างบิ๊กซี และเทสโก้ ก็ผ่านไป แต่ไม่ใช่สงครามครั้งสุดท้ายแน่นอน

ส่วนแบ่งตลาดดีสเคาน์สโตร์ปี 2554
เทสโก้ โลตัส 40.4%
บิ๊กซี 31.9%