ทีเอสแอล จุดกระแสไฮบริด ชูเทคโนโลยีประหยัดพลังงาน

หลังจากมีการประกาศลดอัตราภาษีสรรพสามิตให้กับรถยนต์เพื่อสิ่งแวดล้อมและมีความประหยัดน้ำมัน เช่น ไฮบริด ลงมาอยู่ที่ 10% จากเดิมที่คิดเท่ากับรถยนต์ทั่วไปในอัตรา 35-48 % บวกกับวิกฤตในด้านราคาน้ำมันที่ถีบตัวสูงขึ้นอยู่ตลอดเวลา ทำให้ความเคลื่อนไหวของรถยนต์ประเภทนี้กลับมาอยู่ในความสนใจอีกครั้ง โดยเฉพาะกับรถยนต์ไฮบริด ซึ่งมีแนวโน้มว่าจะมีโอกาสกลับเข้ามาทำตลาดเมืองไทยอย่างเป็นเรื่องเป็นราวมากที่สุด

ทีเอสแอล ออโต้ คอร์ปอเรชั่น (ในเครือเบนซ์แจ้งวัฒนะ) ผู้นำเข้ายนตกรรมหรูหราระดับไฮคลาส และศูนย์บริการมาตราฐานสูงครบวงจร บนถนนแจ้งวัฒนะ ได้เตรียมรุกตลาดรถไฮบริดอย่างจริงจัง ด้วยขณะที่กระแสราคาน้ำมันในตลาดโลกที่มีแนวโน้มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง เป็นปัจจัยสำคัญที่การเข้ามาของเครื่องยนต์ไฮบริดครั้งนี้ย่อมไม่ธรรมดา เพราะมีปัจจัยหลายด้านรองรับทั้งในเรื่องของราคาที่สามารถเป็นเจ้าของได้ง่ายมากขึ้น อีกทั้งเทคโนโลยีที่มีการพัฒนาแบบก้าวกระโดด

คุณสุรีย์ภรณ์ อุดมผลวนิช ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ได้กล่าวว่า เครื่องยนต์ไฮบริดเป็นพลังขับเคลื่อนรูปแบบใหม่ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่ยังอยู่บนพื้นฐานเดียวกับรถยนต์ทั่วไป แต่เป็นจุดลงตัวทั้งในเรื่องความประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิง มลพิษ และมีสมรรถนะ ไม่ได้ด้อยกว่ารถยนต์ทั่วไปที่ใช้เครื่องยนต์ที่สันดาปภายในที่เราต่างคุ้นเคยกัน สิ่งที่ทำให้ระบบไฮบริดได้รับความนิยมก็คือ ความที่ไม่แตกต่างจากเครื่องยนต์แบบเดิมๆ มากจนเกินไป เพราะส่วนประกอบพื้นฐานของระบบไฮบริดยังต้องใช้เครื่องยนต์สันดาปภายในเป็นระบบหลักของการขับเคลื่อน แต่มีมอเตอร์ไฟฟ้าทำหน้าที่เสริมการทำงาน และแบตเตอรี่สำหรับเก็บกระแสไฟฟ้าเพิ่มเข้ามา รถยนต์ไฮบริดยังต้องเติมน้ำมันเชื้อเพลิงเหมือนกับรถยนต์ทั่วไป แต่จากการที่มีมอเตอร์ไฟฟ้าเข้ามาช่วยทำงาน ทำให้ประหยัดน้ำมันขึ้น และมีระบบที่เข้ามาช่วยให้มีค่าลดมลพิษในไอเสียต่ำลง

อย่างไรก็ดี เนื่องจากเทคโนโลยีเครื่องยนต์ไฮบริดมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องโดยเฉพาะในตลาดญี่ปุ่น จึงทำให้ต้นทุนการผลิตรถยนต์ไฮบริดในปัจจุบันต่ำลงบ้าง ดังนั้นหากกระแสนิยมรถยนต์ไฮบริดเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ท่ามกลางสถานการณ์ราคาน้ำมันที่ผันผวนเช่นปัจจุบัน ผู้ผลิตจะสามารถเพิ่มปริมาณการผลิตและลดต้นทุนการผลิตต่อหน่วยได้ ประกอบกับการพัฒนาเทคโนโลยีไฮบริดของบรรดาค่ายผู้ผลิตรถยนต์กันอย่างแพร่หลายมากขึ้น ย่อมจะทำให้ต้นทุนการผลิตลดลง นอกเหนือไปจากนั้นการสนับสนุนจากภาครัฐเพื่อส่งเสริมให้มีการผลิตและโดยเฉพาะอย่างยิ่งเพื่อจูงใจให้ผู้บริโภคหันมาใช้รถยนต์ไฮบริดกันมากขึ้น ด้วยการใช้มาตรการจูงใจทางภาษี ก็จะมีส่วนเพิ่มศักยภาพความต้องการของตลาดและทำให้การผลิตรถยนต์ไฮบริดเป็นลักษณะ Mass Production ซึ่งจะส่งผลให้ราคาขายรถยนต์ไฮบริดมีแนวโน้มลดลง

ปัจจุบันทางบริษัท เป็นหนึ่งในผู้นำเข้ารถยนต์ไฮบริดรายใหญ่ของประเทศไทย ด้วยมาตราฐานและการจัดการ ทำให้ทีเอสแอลโดดเด่นในเรื่องโครงสร้างการจัดจำหน่าย โดยลูกค้าสามารถซื้อแล้วรับรถได้ทันที เพราะมีการจัดการสต๊อกรถที่ดี โดยขณะนี้ทางบริษัทได้วาง Hero Product ไว้ 2 รุ่นคือคือ Aphard Hybrid และ Prius Hybrid ซึ่งเป็น 2 รุ่นยอดนิยมในตลาดรถยนต์ไฮบริดในเมืองไทยขณะนี้ โดยการขับเคลื่อนของรถยนต์ทั้ง 2 รุ่นส่วนใหญ่เป็นหน้าที่ของมอเตอร์ไฟฟ้าเป็นหลัก ตั้งแต่การออกตัว การขับเคลื่อนด้วยความเร็วไม่สูงนัก เครื่องยนต์จะทำงานก็ต่อเมื่อพลังงานในแบตเตอร์รี่เริ่มอ่อน เครื่องยนต์ก็จะทำงานเพื่อปั่นไฟฟ้าเข้าแบ็ตเตอรี่ การเร่งแซงในกรณีที่ต้องการกำลังมากๆ หรือการทำงานเพื่อปั่นคอมเพรสเซอร์แอร์เมื่อใช้ความเร็วคงที่ เครื่องยนต์จะเป็นตัวขับเคลื่อน ขณะที่มอเตอร์ไฟฟ้าตัวหน้าจะทำหน้าที่ผลิตกระแสไฟฟ้าชาร์จกลับไปยังแบตเตอร์รี่ และเมื่อต้องใช้ความเร็วสูงมากๆ แต่ส่วนใหญ่มันจะทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้าอยู่ตลอดเวลา ทำให้ทั้งคู่เป็นรอเนกประสงค์ที่ใช้น้ำมันเชื้อเพลิงน้อยมาก เฉลี่ย 17 กิโลเมตรต่อลิตร เท่านั้น

สำหรับเทคโนโลยีต่างๆ ที่อยู่ภายในของทั้ง 2 รุ่น เป็นโมเดลที่มาจากประเทศญี่ปุ่น ไม่มีการถอดอุปกรณ์ใดๆ ออก ทำให้ระบบบางอย่างใช้งานในเมืองไทยไมได้เช่นระบบนำทางผ่านดาวเทียม หรือเนวิเกเตอร์ และระบบครุยส์ คอนโทรล ที่ค่อนข้างพิเศษ คือมันสามารถตั้งค่าระยะห่างกับรถคันหน้าได้ ระบบนี้ทางบริษัทมั่นใจว่าว่าในเมืองไทยใช้ได้ดีเลยทีเดียว แค่กำหนดความเร็ว แล้วคอยบังคับพวงมาลับเท่านั้น เมื่อวิ่งไปใกล้รถคันหน้าในระยะที่กำหนด และจะลดความเร็วและรักษาระยะห่างไว้ตามที่เรากำหนด ซึ่งบริษัทมีแผนที่จะพัฒนาให้ระบบต่างๆ สามารถใช้ในเมืองไทยได้อย่างมีประสิทธิภาพ

สำหรับราคา HYBRID ALPHARD ในรุ่นสแตนดาร์ต อยู่ที่ 3.5 ล้านบาท ในขณะที่รุ่น เอ็กซ์คลูซีฟ อยู่ที่ประมาณ 3.7 ล้านบาท และ HYBRID PRIUS ราคาอยู่ที่ 2.1 ล้านบาทนอกจากนี้ทีเอสแอล ยังให้ความสำคัญในการเป็นศูนย์ซ่อมที่ได้มาตราฐานและครบวงจรในเรื่องของอะไหล่ที่พร้อมบริการทันที ปัญหาที่ผ่านมาคือเมื่อรถเสียผู้ใช้ในเมืองไทยยังคงกังวลใจในเรื่องของศูนย์ซ่อม ซึ่งทางโชว์รูม ทีเอสแอลได้เตรียมศูนย์ซ่อมที่ครบวงจรและทันสมัย สามารถให้บริการทันทีตลอด 24 ชั่วโมงในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล ในขณะที่หากมีปัญหารถเสียในต่างจังหวัด ก็สามารถรับการบริการเบื้องต้นได้ทันทีที่โชว์รูมโตโยต้าทั่วประเทศ สำหรับปีนี้บริษัทมีแผนที่จะทำตลาดรถไฮบริดให้มากขึ้น และคาดว่าภายในอีก 2 ปีข้างหน้า จะมีรถไฮบริดทำตลาดประมาณ 3-4 รุ่น ส่วนปีนี้คาดว่าตลาดไฮบริดโดยรวมจะขยายตัวเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน โดยเป้าหมายของบริษัทอยู่ที่ 80 คันต่อปี นับจากนี้ชื่อของทีเอสแอล เราคือผู้นำตลาดไฮบริดในเมืองไทย.