mPAY เผยกลยุทธ์ ยึดหัวหาดลูกค้า End User มั่นใจยอดลูกค้าเพิ่มขึ้นเป็น 1 ล้านราย

mPAY เดินหน้าสู่การเป็น Mobile Payment อันดับ 1 โดยเน้นการเติบโตจากกลุ่มลูกค้า End User, คอเน็ต ที่ชื่นชอบบริการนอนวอยซ์ มั่นใจ ปีหน้าฐานลูกค้าที่ใช้งานประจำจะเพิ่มขึ้นเป็น 1 ล้านราย

นายวรุณเทพ วัชราภรณ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท แอดวานซ์ เอ็มเปย์ จำกัด หรือ mPAY กล่าวว่า “mPAY ถือเป็นบริการด้านธุรกรรมการเงินบนมือถือ (Mobile Financial Service) ที่ได้รับอนุญาตจากธนาคารแห่งประเทศไทยให้ดำเนินธุรกิจเป็นรายแรกของไทย และได้เริ่มเปิดให้บริการมาตั้งแต่ปี 2548 ทั้งนี้มีเป้าหมายที่จะเป็นโซลูชั่นส์ ซึ่งมุ่งอำนวยความสะดวกให้ลูกค้าของเอไอเอส สามารถชำระค่าสินค้าและบริการได้อย่างหลากหลาย อาทิ ชำระบิลค่าโทรจีเอสเอ็ม แอดวานซ์, เติมเงินวัน-ทู-คอล!, ชำระค่าสาธารณูปโภคต่างๆ, ชำระค่าสินค้าและบริการต่างๆ ผ่านระบบออนไลน์ และอื่นๆ อีกมากมาย ผ่านโทรศัพท์มือถือได้อย่างสะดวกสบาย เพราะสามารถเลือกชำระผ่านกระเป๋าเงินสด mCASH, ผูกบัญชีเงินฝากธนาคาร หรือบัตรเครดิต (VISA และ MASTERCARD) ได้ ทุกที่ ตลอดเวลา ภายใต้ความปลอดภัยสูงสุด เพราะมีรหัสส่วนตัว อีกทั้งยังสามารถตรวจสอบรายการใช้จ่ายย้อนหลังผ่าน USSD, WAP และ Website ได้ตลอดเวลาอีกด้วย โดยปัจจุบันมีผู้ใช้บริการที่ใช้งานประจำแล้วกว่า 600,000 ราย”

“เราเชื่อมั่นว่า การทำธุรกรรมการเงินผ่านทางมือถือนั้นเป็น Trend ที่จะได้รับความนิยมในเวลาอันใกล้ เพราะปัจจุบันพฤติกรรมของคนในสังคมให้การตอบรับกับเทคโนโลยีมากขึ้นเรื่อยๆ ดังเช่น จำนวนผู้ใช้ Internet ในประเทศไทยที่มีสูงถึงราว 10 ล้านคน ประกอบกับโทรศัพท์เคลื่อนที่เองก็มีศักยภาพที่จะตอบสนองความต้องการให้กับลูกค้าได้ใน Lifestyle หลากหลายรูปแบบ ดังนั้น mPAY จึงเดินหน้าพัฒนาบริการอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้พร้อมรองรับความต้องการดังกล่าว โดยที่ผ่านมาพบว่า ลูกค้าที่เป็นกลุ่มเป้าหมายของเรานั้นแบ่งออกเป็น 2 กลุ่มใหญ่ คือ กลุ่มที่ไม่สะดวกทำธุรกรรมด้วยตัวเอง เราจึงพัฒนาบริการ mAGENT (เอ็มเอเจนท์) ขึ้น เพื่อคอยดำเนินการให้ ซึ่งลูกค้าสามารถใช้บริการได้ที่ร้านตัวแทนจำหน่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ หรือ ร้านสะดวกซื้อทั่วไป ที่มีอยู่กว่า 4 หมื่นเอเจนท์ทั่วประเทศ โดยที่ผ่านมาสามารถตอบโจทย์ได้เป็นอย่างดี และมียอดการใช้งานเพิ่มขึ้นถึงกว่า 100 ล้านบาท ในช่วงเวลาไม่ถึงปี ต่อมาคือ กลุ่มลูกค้า End User (เอ็นยูสเซอร์) ที่นิยมทำธุรกรรมด้วยตนเอง ซึ่งมีทั้งกลุ่มที่คุ้นเคยกับการใช้เงินสดและบัตรเครดิต แต่อาจจะยังเห็นการทำธุรกรรมการเงินบนโทรศัพท์มือถือเป็นเรื่องยุ่งยาก ไม่ปลอดภัย และกลุ่มที่ชื่นชอบบริการนอนว้อยซ์บนมือถือ หรือ ชอบเล่นอินเตอร์เน็ต โดยกลุ่มนี้จะมีความคุ้นเคยเกี่ยวกับการซื้อสินค้าหรือบริการออนไลน์ต่างๆ โดยมองว่าเทคโนโลยีเป็นเรื่องง่าย เป็นเครื่องมืออำนวยความสะดวกมากกว่าเป็นเรื่องยาก”

โดยนายวรุณเทพกล่าวถึงเป้าหมายของ mPAY จากนี้ไปว่า “จากข้อมูลเกี่ยวกับพฤติกรรมและความต้องการของลูกค้าดังกล่าว ทำให้ในช่วงต่อจากนี้ เราจะเดินหน้าทำการตลาด ดังนี้ 1. โฟกัสกลุ่มลูกค้าEnd user (เอ็นยูสเซอร์) ที่ชื่นชอบบริการนอนวอยซ์ และ ชอบท่องโลกอินเตอร์เน็ต เนื่องจากมองว่าเป็นกลุ่มที่มีความคุ้นเคยและเชื่อมั่นในเทคโนโลยีอยู่แล้ว ซึ่ง mPAY จะสามารถเข้ามาตอบสนองความต้องการได้อย่างสอดคล้องกับพฤติกรรม อาทิ การชำระค่าสินค้าและบริการต่างๆ ผ่านทางมือถือ ที่จะรวดเร็ว ง่าย และสะดวกสบายยิ่งกว่าเดิม อีกทั้งเชื่อว่าจะช่วยสนับสนุนให้ฐานของผู้ที่ชื่นชอบเทคโนโลยีกว้างขึ้นอีกด้วย 2. พัฒนาช่องทางในการเข้าถึงบริการให้ง่าย และสะดวกมากยิ่งขึ้น โดยนอกเหนือจากการใช้บริการทาง USSDและ IVR *555 แล้ว เรายังได้พัฒนา จาวาเมนู บนมือถือให้สามารถเข้าสู่การใช้งานผ่าน WAP ของ mPAY ได้รวดเร็วยิ่งขึ้นอีกด้วย และยังเพิ่มความสะดวกกับการผูกบัญชีธนาคารให้สามารถทำรายการผ่าน Phone Banking ของธนาคาร และผูกบัญชีบัตรเครดิตผ่าน IVR *555 กด 7 โดยไม่ต้องส่งเอกสารให้ยุ่งยาก 3. รักษาฐานลูกค้าปัจจุบัน ผ่านทางโปรโมชั่นที่ตรงใจ ซึ่งมีออกมาอย่างต่อเนื่อง 4. เพิ่มลูกค้าใหม่ จากฐานลูกค้าเอไอสที่มีกว่า 23 ล้านคน โดยเน้นให้เห็นถึงความสะดวกสบายในการใช้ mPAY ชำระบิลจีเอสเอ็ม แอ็ดวานซ์ หรือ เติมเงินวัน-ทู-คอล! 5. จับมือกับพันธมิตรพัฒนารูปแบบการทำธุรกรรมทางการเงินใหม่ๆ รวมถึงขยายรูปแบบของสินค้าและบริการที่สามารถชำระผ่าน mPAY ได้ อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้มีความหลากหลายและตรงความต้องการของลูกค้ามากที่สุด”

“จากกลยุทธ์ที่กล่าวมาทั้งหมด เราจึงมั่นใจว่า ด้วยบริการที่ตรงใจ ตอบสนองทุกการจับจ่ายได้อย่างรวดเร็ว ง่าย และสะดวกสบายอย่างไร้ขีดจำกัดเสมือนมี “กระเป๋าเงินบนมือถือ” จาก mPAY ทำให้ในปีหน้าฐานลูกค้าที่ใช้งานประจำ จะเพิ่มขึ้นเป็น 1 ล้านราย และหวังเป็นอย่างยิ่งว่า mPAY จะเป็นอีกหนึ่งรูปแบบธุรกรรมทางการเงินที่สามารถมีส่วนช่วยสนับสนุนภาพรวมการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศไทยได้อีกทางเช่นกัน” นายวรุณเทพ กล่าวในที่สุด