MJD ปลื้มไตรมาส 3 กำไรโต 45.37% ลุยเปิด 3 โครงการ ย่านซีบีดี

‘เมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์’ ยังคงเติบโตต่อเนื่อง ไตรมาส 3 ทำกำไร 109.33 ล้านบาท สูงกว่างวดเดียวกันของปีก่อน 45.37% ผู้บริหาร MJD เผยพอใจผลงาน ได้ตามเป้า แม้ปัจจัย ศก.-การเมือง วุ่น แต่ก็ไม่กระทบธุรกิจ เล็งผุดโครงการใหม่อีก 3 โครงการ ย่านทำเลทอง ทองหล่อ-พญาไท-สีลม มูลค่ารวมกว่า 3,000 ล้านบาท เจาะกลุ่มลูกค้าระดับสุดยอดไฮเอนด์

นายสุริยน พูลวรลักษณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ MJD ผู้ประกอบธุรกิจพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยประเภทคอนโดมิเนียมระดับไฮเอนด์ เปิดเผยว่า ในไตรมาสที่ 3 ของปี 2551 (กรกฎาคม – กันยายน 2551) บริษัทฯ มีกำไรสุทธิ 109.33 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 34.12 ล้านบาท เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน ที่มีกำไรสุทธิ 75.21 ล้านบาท คิดเป็นอัตราที่เพิ่มขึ้น 45.37 % ขณะที่รายได้รวมอยู่ที่ 618.96 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 16.91% เมื่อเทียบกับไตรมาส 3/2550 ที่มีรายได้ 529.43 ล้านบาท

สำหรับผลการดำเนินงานรอบ 9 เดือนแรกของปี 2551 สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2551 MJD มีรายได้รวม 1,917.44 ล้านบาท เพิ่มจากปีก่อนซึ่งมีรายได้รวม 1,363.50 ล้านบาท คิดเป็น 40.63% ขณะที่กำไรสุทธิอยู่ที่ 349.16 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 171.56 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 96.60% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ซึ่งบริษัทฯ มีกำไรสุทธิ 177.60 ล้านบาท

“กำไรที่เพิ่มขึ้นในไตรมาสที่ผ่านมา เนื่องมาจากบริษัทฯ มีรายได้จากการขายโครงการกว่า 614.32 ล้านบาท หรือเติบโตเพิ่มขึ้น 16.55% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนโดยมีปัจจัยการเติบโตมาจากการที่บริษัทฯ มีการรับรู้รายได้เพิ่ม จากโครงการวอเตอร์มาร์ค เจ้าพระยาริเวอร์ ทาวเวอร์ เอ และทาวเวอร์ บี,โครงการวินด์ สุขุมวิท 23 และโครงการวินด์ รัชโยธิน โครงการแมนฮัตตัน ชิดลม รวมถึงโครงการมิคโคนอส หัวหินด้วย” นายสุริยน กล่าว

ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร MJD กล่าวอีกว่า ในช่วงไตรมาส 3 ที่ผ่านมา ถือว่าการเติบโตเป็นที่น่าพอใจ ถึงแม้ว่าสภาพเศรษฐกิจ และการเมืองจะอยู่ในภาวะผันผวน รวมถึงการเกิดวิกฤติการเงินของโลก ก็ไม่ได้ส่งผลกระทบกับยอดขายของบริษัทฯ เพราะโครงการของ MJD เป็นสินค้าระดับไฮเอนด์ ที่เจาะกลุ่มลูกค้าที่มีกำลังซื้อมาก เนื่องจากทุกโครงการของบริษัทฯ ตั้งอยู่ในทำเลที่ดี ขณะที่ MJD ยังมีโครงการที่มีโอกาสเติบโตได้อีก และสามารถรักษายอดขายไว้ได้อย่างต่อเนื่อง

สำหรับแผนการพัฒนาโครงการใหม่หลังจากนี้ บริษัทฯ คาดว่า จะเปิดโครงการใหม่เพิ่มอีก 2 – 3 โครงการ เฉลี่ยโครงการละ 1 พันล้านบาท อาทิเช่น โครงการอยู่ที่สีลม, โครงการย่านพญาไท, โครงการที่ทองหล่อ ซอย 10 เพราะความต้องการที่อยู่อาศัยประเภทคอนโดมิเนียมจะอยู่ในเมืองเป็นหลัก ซึ่งขณะนี้มีที่ดินอยู่ในมือแล้ว

“สถานการณ์ในขณะนี้ MJD ต้องดำเนินงานในลักษณะระมัดระวังมากขึ้น แต่คิดว่าไม่น่าจะมีอะไรเลวร้ายกว่านี้ เนื่องจากว่ากลุ่มลูกค้ายังมีกำลังซื้อ เพียงแต่ชะลอการตัดสินใจ ซึ่งแผนที่เราเตรียมจะลงทุนในปีหน้า จะเน้นโครงการที่ไม่ใหญ่มากนัก และเน้นในทำเลย่านธุรกิจใจกลางกรุงเทพฯ ขณะที่โครงการที่เปิดขายใหม่ บริษัทฯ ใช้นโยบายการขายที่เข้มงวดมากขึ้น เพื่อให้ได้ลูกค้าที่อยู่อาศัยจริงมากกว่าการซื้อเก็งกำไร” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร MJD กล่าวอย่างไรก็ตาม แม้ว่าจะมีปัจจัยจากภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว หรือความไม่สงบทางการเมือง แต่MJD จะเดินตามแผนธุรกิจเดิม คือ เปิดโครงการใหม่ปีละ 2-3 โครงการ โดยในปี 2552 ยังเชื่อมั่นว่าตลาดคอนโดมิเนียมยังมีความต้องการสูง

ทั้งนี้ ในปัจจุบัน เมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ มีโครงการคอนโดมิเนียมระดับหรูที่อยู่ระหว่างการดำเนินการทั้งหมด 11 โครงการ มูลค่ารวม 22,500 ล้านบาท ประกอบด้วย โครงการฟูลเลอตัน สุขุมวิท, โครงการวอเตอร์มาร์ค เจ้าพระยาริเวอร์ ทาวเวอร์เอ และทาวเวอร์บี, โครงการแมนฮัตตัน ชิดลม, โครงการวินด์ สุขุมวิท 31 (ซอยประสานมิตร), โครงการวินด์ รัชโยธิน, โครงการอกัสตัน สุขุมวิท 22, โครงการมิคโคนอส หัวหิน, โครงการมาราเกช หัวหิน เรสซิเดนเซส, โครงการรีเฟล็คชั่น จอมเทียน บีช พัทยา และ โครงการร๊อยซ์ ไพรเวท เรซิเดนซิซ โดยแต่ละโครงการสามารถตอบสนองไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ที่เป็นนักธุรกิจ คนทำงานรุ่นใหม่ที่ชื่นชอบการใช้ชีวิตอิสระ ท่ามกลางแหล่งอำนวยความสะดวกครบครัน ซึ่งบริษัทฯ ยังคงเน้นจุดเด่นที่คุณภาพระดับพรีเมี่ยมและความเป็นมืออาชีพ