การคาดการณ์แนวโน้มเทคโนโลยีสำหรับปี 2552 โดยทรีคอม

แนวโน้มที่ 1: ภาวะชะลอตัวทางเศรษฐกิจที่กำลังจะเกิดขึ้นจะเข้ามากระตุ้นความต้องการการใช้โซลูชั่นการสื่อสารแบบ Unified Communications and Collaboration (UCC) ในปี 2552 ให้เพิ่มสูงขี้นอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน

ภาวะชะลอตัวทางเศรษฐกิจ ประกอบกับความพยายามของแวดวงอุตสาหกรรมในการประชาสัมพันธ์ถึงประโยชน์ของโซลูชั่น UCC แก่ภาคธุรกิจ จะส่งผลให้ปี 2009 เป็นจุดเริ่มต้นของการใช้งานโซลูชั่น UCC อย่างกว้างขวาง ในขณะที่ธุรกิจต่างหันมาลดภาระค่าใช้จ่ายอย่างจริงจัง จากความสามารถในการรวมข้อมูลเสียงและบริการอื่นๆ เข้าไว้เครือข่ายข้อมูลมาตรฐานเดียวกัน โซลูชั่น UCC ช่วยมอบวิธีที่สามารถตอบสนองความต้องการและเป็นส่วนสำคัญแก่ฝ่าย IT ในการลดค่าใช้จ่ายในการปฏิบัติการลง

ทรีคอมคาดว่าความต้องการโซลูชั่น UCC จะยังคงมีอยู่อย่างต่อเนื่อง แม้ว่าภาวะเศรษฐกิจถดถอยจะผ่านพ้นไปก็ตาม ทั้งนี้ไม่ได้เป็นเพียงเพราะองค์กรธุรกิจจะเห็นประโยชน์จากการได้ทดลองใช้ แต่เป็นเพราะเทคโนโลยีนี้ยังได้รับการพัฒนาอย่างยั่งยืนในแวดวงอุตสาหกรรม ยกตัวอย่างเช่น การพัฒนาระบบ virtualization หรือ Embedded Software ที่ใช้งานกับแพลตฟอร์มแบบเปิด และโมเดล Software-as-a-service ซึ่งเพิ่มความสำคัญทางด้านการบริการและการต่อยอดแอพพลิเคชั่นบนระบบเครือข่ายที่มีประสิทธิภาพ และทุกวันนี้กฎเกณฑ์ในการเลือกซื้อสินค้าได้เปลี่ยนไปแล้ว จากเดิมที่เคยมุ่งเน้นไปที่ระบบการจัดการและอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์ แต่กลับกันคือเลือกให้ความสำคัญในการใช้งานที่สะดวกง่ายดาย ปลอดภัยและวางใจได้ที่จะช่วยขับเคลื่อนธุรกิจให้เป็นไปอย่างราบรื่นและมีประสิทธิภาพ

อย่างไรก็ตาม โซลูชั่น UCC ยังคงเป็นส่วนสำคัญในการธุรกิจมีความราบรื่น ด้วยการลดความยุ่งยากในการติดต่อสื่อสารระหว่างกันภายในองค์กรและเพิ่มประสิทธิภาพในการถ่ายโอนข้อมูลสื่อสารของแต่ละบุคคล ซึ่งช่วยลดระยะเวลาในการให้บริการลูกค้า และเอื้อต่อการพัฒนานวัตกรรมทางธุรกิจใหม่ๆ สำหรับองค์กร ซึ่งสิ่งเหล่านี้ยังคงเป็นความต้องการทางธุรกิจที่สำคัญอยู่ไม่ว่าในยามเศรษฐกิจแบบใดก็ตาม

แนวโน้มที่ 2 : ความต้องการใช้บริการมัลติมีเดียแบบ High Bandwidth จะเพิ่มสูงขึ้นเนื่องจากภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิกยังคงพัฒนาไปอย่างต่อเนื่อง

ภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิกเป็นเขตเศรษฐกิจใหม่มีความสำคัญมากที่สุดในโลก โดยมีการเดินหน้าขยายความเป็นเมืองอย่างรวดเร็ว แม้ว่าภาพรวมเศรษฐกิจจะยังคงไม่สดใสนัก แต่การเพิ่มการพัฒนาทั้งในด้านการค้าและที่อยู่อาศัยสามารถเห็นได้ทั่วไป จากการที่หลายโครงการดังกล่าวมุ่งเป้าหมายไปที่กลุ่มพนักงานมืออาชีพที่มีฐานะและมีความสามารถในด้านไอทีสูง ผู้พัฒนาซอฟต์แวร์จึงไม่รีรอที่จะหันมาพัฒนาการเข้าถึงแอพพลิเคชั่นมัลติมีเดียให้ง่ายยิ่งขึ้น

ความคึกคักของกิจกรรมการก่อสร้างย่อมหมายถึงการเพิ่มขึ้นของความต้องการใช้เทคโนโลยีเส้นใยแก้วนำแสง (fiber optic) ที่สามารถเชื่อมต่อบ้าน และสำนักงานต่างๆ เพื่อให้บริการมัลติมีเดียแบบอินเตอร์แอคทีฟที่มีแบนด์วิธสูงและสามารถปรับขนาดการใช้งานได้ตามความต้องการ สำหรับเชื่อมต่ออาคาร วิทยาเขต และเมืองต่างๆ การเติบโตดังกล่าวจะยังได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลของประเทศในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกที่ต่างแข่งขันกันในการริเริ่มโครงการระดับชาติในการสร้างระบบเครือข่ายเทคโนโลยีการเชื่อมต่อด้วยไฟเบอร์ในแบบต่างๆ (FTTx) เพื่อเร่งการเติบโตทางเศรษฐกิจ

นอกจากนี้แล้ว จะมีการเปิดแนวรบใหม่ในอุตสาหกรรมผู้ให้บริการ ในขณะที่ผู้จัดการธุรกิจพัฒนาการค้าและที่อยู่อาศัยต่างเริ่มหันมาจัดจำหน่ายแบนด์วิธและคอนเทนท์แบบขายส่ง พร้อมทั้งก่อกระแสสร้างรายได้ใหม่ๆ จากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ด้วยการเสนอบริการมัลติมีเดียแบบอินเตอร์แอคทีฟเอง

ทั้งหมดที่ได้กล่าวมานี้จะเป็นตัวขับเคลื่อนความต้องการในการนำเสนอคอนเทนท์มัลติมีเดียแบบอินเตอร์แอคทีฟขนาดใหญ่ทสะดวก คุ้มค่าและวางใจได้ โดยอาศัยระบบเครือข่ายเทคโนโลยี passive optical แบบกระจายสัญญาณ (point-to-multipoint) ที่ทำงานบนเครือข่ายอีเทอร์เน็ต

แนวโน้มที่ 3 ปี 2552 จะเป็นปีแห่งการใช้งาเนมาตรฐาน 802.11n อย่างแพร่หลาย เพื่อการขับเคลื่อนแอพพลิเคชั่นไร้สายต่างๆ

เนื่องจากอุปกรณ์ไร้สายต่างๆ เป็นที่นิยมอย่างแพร่หลาย และการแสวงหาแอพพลิเคชั่นเพื่อรองรับการใช้งานทางธุรกิจ จะทำให้เทคโนโลยีสำหรับอุปกรณ์ไร้สายที่รองรับปริมาณการใช้งานจำนวนมาก บริการข้อมูลเสียงแบนด์วิธสูง การเชื่อมต่อเครือข่ายได้อย่างราบรื่น รวมทั้งบริการพิเศษสำหรับภาคอุตสาหกรรม เช่น การระบุสินค้าด้วยเทคโนโลยีด้วยคลื่นความถี่วิทยุ (Radio Frequency Identification – RFID) จะยิ่งทวีความสำคัญให้กับทั้งภาคธุรกิจและอุปโภคบริโภค

มาตรฐาน 802.11n ถือเป็นพื้นฐานทางเทคโนโลยีที่ช่วยเพิ่มสมรรถนะให้กับการใช้งานที่ได้กล่าวมา และทรีคอมคาดว่าเทคโนโลยีที่อาศัยการทำงานด้วยมาตรฐานดังกล่าวจะได้รับการพิจารณาและนำมาใช้ทั่วภูมิภาคเอเชียในปี 2552 มาตรฐาน 802.11n นี้จะเป็นแรงผลักดันอย่างชัดเจนอันเนื่องมาจากความสามารถในการจัดการที่ดีกว่าและให้ความปลอดภัยกับอุปกรณ์เชื่อมต่อแบบไร้สาย (Access point)

ทั้งนี้ ทรีคอมคาดว่าปริมาณการใช้งานจะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในแต่ละภาคอุตสาหกรรมต่างๆ อาทิ อุตสาหกรรมลอจิสติกส์ การผลิต และการค้าปลีก ซึ่งสามารถใช้ประโยชน์จากการเชื่อมต่อแบบไร้สายของมาตรฐาน 802.11n ขั้นสูง เพื่มให้ความสามารถในการควบคุมแบบไร้สายประสิทธิภาพสูง รวมทั้งโซลูชั่นในการระบุติดตาม ทั้งนี้ทรีคอมได้ทุ่มเทความพยายามอย่างเต็มที่ในการพัฒนาโซลูชั่นระบบเครือข่ายที่ใช้มาตรฐานดังกล่าว โดยเราได้ร่วมมือกับพันธมิตรผู้พัฒนาโซลูชั่น ในการผสานบริการต่างๆ รวมไว้ด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็น อาทิ ระบบบิลลิ่ง การระบบระบุตำแหน่งโดยใช้เทคโนโลยี RFID และการติดตามทรัพย์สินที่มีความสำคัญสูง อย่าง อุปกรณ์ทางการแพทย์ และยา อุปกรณ์มูลค่าสูงที่ต้องการความปลอดภัยสูง พาเลทในการขนส่งสินค้าในทางลอจิสติก หรือแม้แต่ผู้คนที่จำเป็นเองก็ตาม