จัสเทล เดินหน้าขยายธุรกิจสื่อสารระหว่างประเทศ ปั้นอาคารจัสมิน อินเตอร์เนชั่นแนล ทาวเวอร์ เป็น ICT HUB and Landmark of Thailand พร้อมสานฝันร่วมผลักดันให้ประเทศไทยกลายเป็น ICT HUB ของภูมิภาค
นาย สมชาย ตรีรัตนนุกูล ผู้จัดการทั่วไป บริษัท จัสเทล เน็ทเวิร์ค จำกัด ในเครือจัสมิน เปิดเผยว่า หลังจากที่บริษัทฯ ได้เปิดตัวอย่างเป็นทางการในงาน “ ITC Telecom Asia 2008 “ ซึ่งจัดขึ้นที่ประเทศไทยในช่วงปลายปีที่ผ่านมา พบว่า บริการวงจรเชื่อมต่อออกต่างประเทศของบริษัทฯ ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีทั้งจากลูกค้าภายในประเทศและต่างประเทศ และยังมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง ถึงแม้จะเผชิญกับสภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวทั่วโลก
ดังนั้น ในปี 2552 บริษัทฯ ยังคงเดินหน้าขยายธุรกิจสื่อสารระหว่างประเทศด้วยเงินลงทุน 450 ล้านบาท พร้อมเดินสายประชาสัมพันธ์ทั่วโลกประเทศ ปั้นอาคาร จัสมิน อินเตอร์เนชั่นแนล (JI TOWER) ถนนแจ้งวัฒนะ เป็น International ICT HUB and Landmark of Thailand และสานฝันร่วมผลักดันให้ประเทศไทยกลายเป็น Alternative ICT HUB ของภูมิภาค
“เพื่อรองรับความต้องการของลูกค้าที่เพิ่มขึ้นในปี 2552 นี้ จัสเทลฯ จะลงทุนขยายช่องทางสัญญาณเกตเวย์ต่างประเทศ อีกประมาณ 20-30 Gbps ด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัยมากขึ้น และมีเส้นทางสำรองมากขึ้น เชื่อมโยงไปยังภูมิภาคต่างๆ ทั่วโลก ได้แก่ สิงคโปร์ ฮ่องกง อเมริกา ยุโรป ญี่ปุ่น ไต้หวัน และ เกาหลี เป็นต้น รองรับการเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ต บริการโทรศัพท์ระหว่างประเทศ และวงจรเช่าส่วนบุคคลของประเทศไทยได้อย่างเพียงพอ
นอกจากนี้ยังได้ลงทุนและเตรียมเปิดตัวศูนย์บริการติดตั้งอุปกรณ์ระบบสื่อสารโทรคมนาคมและศูนย์ข้อมูล (Co-location and Data Center) แห่งใหม่ ที่มีมาตรฐานสูงระดับสากล และต่างประเทศให้การยอมรับ ซึ่งตั้งอยู่ ชั้น 5 ของอาคารจัสมินฯในช่วงเดือน กุมภาพันธ์และเปิดตัวอีกแห่งที่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ในช่วงเดือนสิงหาคมปีนี้” นายสมชาย กล่าว
ด้านนาย วิทยา ลักษวุธ ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดและขาย กล่าวว่า บริษัทฯ จะเดินสายประชาสัมพันธ์ และดำเนินกิจกรรมการตลาดทั้งในประเทศและต่างประเทศมากขึ้น โดยเริ่มจากการเดินสายเข้าร่วมงาน PTC 09 ซึ่งจัดขึ้นที่ฮาวาย ประเทศสหรัฐอเมริกา ในวันที่ 18 – 21 มกราคม 2552 ต่อด้วย การทำ Workshop และ Event ที่สิงคโปร์ในเดือนกุมภาพันธ์ และ งาน “ Carrier World Conference “
วันที่ 17 – 19 มีนาคม 2552 ซึ่งจัดขึ้นที่ประเทศฮ่องกง นับเป็นการทำการตลาดเชิงรุกในต่างประเทศอย่างต่อเนื่องตลอดทั้งปี เพื่อตอกย้ำ Brand “JasTel” ให้ติดตลาดในระดับสากล พร้อมทั้งเป็นการหาลูกค้าและสร้างพันธมิตรใหม่ โดยคาดการณ์ว่าปี 2552 นี้ จัสเทลจะมีรายได้ทะลุ 700 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเกือบเท่าตัว เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา
“นอกเหนือจากการที่เราไปดำเนินกิจกรรมตลาดเชิงรุกแล้ว จัสเทลยังได้แสดงให้ทั่วโลกได้เห็นว่า ประเทศไทยเหมาะที่จะเป็น Alternative ICT HUB ของภูมิภาค อันเนื่องมาจากภูมิศาสตร์ที่เหมาะสม ประชากรมีจำนวนมาก กฎ กติกา เริ่มมีความชัดเจน
จากนโยบายการเปิดเสรีของคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กทช.) และ ชูศักยภาพความพร้อมของอาคาร
จัสมินฯ เป็น “International ICT HUB and Landmark of Thailand” โดยได้รับเชิญให้เป็นวิทยากรพิเศษบรรยายเกี่ยวกับธุรกิจสื่อสารโทรคมนาคมของประเทศไทยให้สังคมโลกได้รับทราบในงานสัมมนาด้านสื่อสารโทรคมนาคมระหว่างประเทศ ซึ่งจัดขึ้นเฉลี่ยไตรมาสครั้ง” นายสมชาย กล่าวเสริม
ปัจจุบันบริการของ จัลเทลฯ ประกอบด้วย บริการวงจรเช่าส่วนบุคคล ระหว่างประเทศ (IDLC) บริการเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตระหว่างประเทศ (Global IP Transit and Access) บริการเครือข่ายสื่อสารข้อมูลระหว่างประเทศสำหรับองค์กร (Global IP – VPN) บริการ Co – location and Data Center และบริการ บริหารจัดการโครงข่ายระบบครบวงจร (Managed Network Service)
จัสเทลมีฐานลูกค้าครอบคลุมในหลากหลายธุรกิจ ได้แก่ ผู้ให้บริการเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ต และชุมสายอินเตอร์เน็ต (IIG/ISP) ผู้ให้บริการโทรศัพท์ระหว่างประเทศ (IDD/VOIP) ธุรกิจด้านสื่อสารข้อมูลระหว่างประเทศ กลุ่มบริษัทข้ามชาติที่ดำเนินธุรกิจในประเทศไทย และบริษัทที่มีเครือข่ายสาขาต่างประเทศ เช่น โรงงานอุตสาหกรรม การโรงแรม สถาบันการเงิน สถานทูต และสำนักข่าวต่างประเทศ เป็นต้น