เอสซี แอสเสทฯ ต่อยอดความสำเร็จ พัฒนา 9 โครงการใหม่ มูลค่า 6,000 ล้านบาท

เอสซี แอสเสทฯ เดินหน้าพัฒนา 9 โครงการใหม่ย่านทำเลศักยภาพทั้งไฮไลท์-โลว์ไลท์ รวมมูลค่า 6,000 ล้านบาท เตรียมเผยโฉมแบบบ้านใหม่ภายใต้คอนเซ็ปต์ “New Series Home 2009” หลังประสบความสำเร็จจากโปรดักส์ปีที่ผ่านมา พร้อมปรับโฉมโครงสร้างองค์กรใหม่รับมือภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว

นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เปิดเผยผลการดำเนินงานปี 2551 ว่า บริษัทฯ สามารถทำยอดขายและรายได้เป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ โดยมียอดขายรวมประมาณ 4,000 ล้านบาท เติบโตกว่า 50 % ดังนั้นแผนการดำเนินงานในปี 2552 บริษัทฯ จึงเตรียมการพัฒนาโครงการใหม่อย่างต่อเนื่อง ถึงแม้ว่าสถานการณ์ปัจจุบันจะได้รับผลกระทบจากปัจจัยทางเศรษฐกิจและการเมืองจากภายในและภายนอกประเทศก็ตาม และได้มีการปรับกลยุทธ์เพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาดเพื่อสร้างความแตกต่างและจุดขายที่ชัดเจน ตลอดจนการให้ความสำคัญกับการบริหารงานลูกค้าสัมพันธ์(CRM) และการบริการหลังการขายมากขึ้น ซึ่งมีส่วนช่วยให้ธุรกิจของบริษัทฯดำเนินไปตามแผนที่วางไว้อย่างมีเสถียรภาพและเติบโตต่อเนื่องด้วยดี โดยยังคงวางนโยบายและเป้าหมายธุรกิจให้มีการเติบโตอย่างมีเสถียรภาพ โดยแบ่งสัดส่วนของรายได้ที่เติบโตจากทั้งธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อขายและอาคารสำนักงานให้เช่าในสัดส่วน 80 : 20 และยังคงตั้งเป้าหมายยอดขายและรายได้ไม่ต่ำกว่าปีที่ผ่านมา แต่พร้อมที่จะปรับขยายการลงทุนและการเติบโต หากสภาวะเศรษฐกิจและตลาดอสังหาริมทรัพย์มีแนวโน้มทิศทางที่ดีขึ้น

นอกจากนี้ บริษัทฯได้มีการดำเนินการปรับโครงสร้างองค์กรใหม่เพื่อให้ทันการเปลี่ยนแปลงและรับมือกับภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบัน ด้วยการควบรวมสายงานพัฒนาทรัพย์สินแนวราบและแนวสูงให้เป็นสายงานเดียวกัน ภายใต้การดูแลของ ร.อ.กรี เดชชัย ประธานเจ้าหน้าที่ด้านปฏิบัติการ (Chief Operating Officer) ดูแลและรับผิดชอบงานด้านปฏิบัติการ ทั้งพัฒนาทรัพย์สินแนวราบและแนวสูง และนายอรรถพล สฤษฎิพันธาวาทย์ ประธานเจ้าหน้าที่ด้านการเงิน (Chief Financial Officer) ดูแลและรับผิดชอบงานด้านการเงิน รวมถึงงานด้านสนับสนุน เพื่อเพิ่มความคล่องตัวและประสิทธิภาพในการบริหารจัดการ รวมทั้งเพื่อให้พนักงานได้เรียนรู้การพัฒนาโครงการทั้งแนวราบและแนวสูงควบคู่กันไป ส่วนนายพรชัย ศรีประเสริฐ ประธานเจ้าหน้าที่ด้านเทคนิค (Chief Technical Officer) โดยให้ดูแลและรับผิดชอบงานด้านเทคนิค

นางสาวยิ่งลักษณ์ กล่าวต่อว่า แผนการพัฒนาโครงการใหม่ในปีนี้จะเน้นการพัฒนาทั้งแนวราบและแนวสูงรวมทั้งสิ้น 9 โครงการ มูลค่า 6,000 ล้านบาท กระจายออกไปในทำเลที่มีศักยภาพ โดยจะพัฒนาภายใต้แบรนด์หลัก ดังนี้ โครงการบ้านเดี่ยวบางกอก บูเลอวาร์ด, โครงการทาวน์โฮมวิสต้า ปาร์ค และโครงการคอนโดมิเนียม เซ็นทริค ซีน ประกอบด้วย โครงการบ้านเดี่ยว จำนวน 5 โครงการ มูลค่า 5,000 ล้านบาท ราคาเริ่มต้น 5 ล้านบาทขึ้นไป โครงการทาวน์โฮม 3 โครงการ มูลค่า 300 ล้านบาท ราคาเริ่มต้น 3.5 ล้านบาทขึ้นไป ส่วนโครงการคอนโดมิเนียมที่เปิดตัวในปีนี้ มีจำนวน 1 โครงการ มูลค่ารวม 700 ล้านบาท ประกอบด้วย ราคาเริ่มต้น 4 ล้านบาทขึ้นไป โดยในครึ่งปีแรกจะมีการเปิดตัว New Series Home 2009 จำนวน 2 โครงการ ได้แก่ บ้านเดี่ยวระดับหรู 3 ชั้น “แกรนด์บางกอก บูเลอวาร์ด รัชดา-รามอินทรา” มูลค่าโครงการ 550 ล้านบาท และโครงการ “ออฟฟิศ เพลส ประชาชื่น” มูลค่าโครงการ 50 ล้านบาท ทั้งนี้หลักเกณฑ์พิจารณาการเปิดโครงการใหม่และการพัฒนาโครงการต่อเนื่องจะเป็นไปอย่างรอบคอบและระมัดระวัง ซึ่งจะทำการวิจัยตลาดหรือเช็คดีมานด์ก่อนการเปิดตัว พร้อมติดตามดูสถานการณ์ตลาดอย่างใกล้ชิด

ในปีที่ผ่านมาบริษัทฯ ได้ซื้อที่ดินใหม่รวม 5 แปลง มูลค่าประมาณ 1,000 ล้านบาท ได้แก่ ที่รัชดา-รามอินทรา , สาทร-ราชพฤกษ์ , ลาดปลาเค้า และพหลโยธิน 11 ปัจจุบันมีที่ดินสะสม (Land Bank) ที่อยู่ระหว่างการพัฒนาโครงการใหม่และที่ดิน Raw Land รวมกันประมาณ 250 ไร่ มูลค่ารวมกว่า 2,000 ล้านบาท และปีนี้มีแผนงานที่จะใช้งบประมาณในการซื้อที่ดินอีกประมาณ 1,000 ล้านบาท เพื่อใช้พัฒนาในปี 2553-2554 ต่อไป โดยแนวทางการพัฒนาจะเน้นทั้งบ้านเดี่ยวและทาวน์โฮมในทำเลที่ดี ติดริมถนนเส้นหลัก อยู่ใกล้ชุมชน การคมนาคมสะดวกสบาย สามารถเชื่อมต่อได้หลากหลายเส้นทางใกล้จุดขึ้น-ลงทางด่วน หรือสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอส, MRT พร้อมสรรพด้วยสิ่งอำนวยความสะดวก อาทิ ห้างสรรพสินค้า สถานศึกษา และ โรงพยาบาล เป็นต้น

ส่วนการพัฒนาโปรดักส์ยังคงนำแนวคิด 5 จุดขายใหม่มาพัฒนาอย่างต่อเนื่อง และประสบความสำเร็จอย่างสูงจากการพัฒนารูปแบบบ้านใหม่ภายใต้คอนเซ็ปต์“New Series Home 2008” ทำให้ในปีนี้ได้มีการสร้างสรรค์รูปแบบบ้านใหม่ภายใต้คอนเซ็ปต์ “New Series Home 2009” ที่สะท้อนภาพลักษณ์ของเอสซีฯ ทั้งในส่วนของคอนเซ็ปต์ และแบบบ้านที่คุ้มค่าอย่างมีรสนิยม รวมถึงพัฒนาสังคมที่ดีให้กับลูกบ้าน โดยสอดรับกับ 5 จุดขาย (Selling Points) เพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาด

“จากสถานการณ์เศรษฐกิจโลกและภาวะตลาดการเงินที่เกิดขึ้นตลอดจนปัญหาเศรษฐกิจและการเมืองภายในประเทศได้ส่งผลต่อภาพรวมของทุก ๆธุรกิจ โดยเฉพาะธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ จะได้รับผลกระทบในเรื่องของความเชื่อมั่นของผู้บริโภค จะมีการชะลอการตัดสินใจซื้อหรือลงทุน ประกอบกับการปล่อยสินเชื่อของธนาคารที่มีความเข้มงวดมากยิ่งขึ้นก็จะส่งผลต่อทั้งผู้ประกอบการในการขยายโครงการใหม่และการให้สินเชื่อแก่ผู้ซื้อบ้านรายย่อย ดังนั้นจึงต้องมีการดำเนินการอย่างระมัดระวังและปรับตัวให้ทันกับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นตลอดเวลา ถึงแม้จะมีการประมาณการว่าตลาดอสังหาฯจะมีการชะลอตัว ประมาณ 5-10% บริษัทฯ เชื่อว่ายังคงมีความต้องการบ้านที่เป็น Real Demand และมีกำลังซื้อ แต่ผู้ประกอบการต้องนำเสนอสินค้าที่ตรงกับความต้องการของผู้บริโภคให้มากที่สุด” นางสาวยิ่งลักษณ์ กล่าว

ส่วนโครงการที่กำลังเปิดขายอยู่ในปัจจุบัน จำนวน 8 โครงการ มีมูลค่ารวม 3,000 ล้านบาท โดยแบ่งเป็น 1) โครงการแนวราบ จำนวน 6 โครงการ ประกอบด้วย โครงการแกรนด์ บางกอก บูเลอวาร์ด เกษตร-นวมินทร์, โครงการบางกอก บูเลอวาร์ด รัชดา-รามอินทรา, โครงการบางกอก บูเลอวาร์ด ราชพฤกษ์-พระราม 5, โครงการไลฟ์ บางกอก บูเลอวาร์ด เพชรเกษม 81, โครงการวิสต้า ปาร์ค แจ้งวัฒนะ, โครงการวิสต้า อเวนิว เพชรเกษม 81 2) โครงการแนวสูง จำนวน 2 โครงการ ได้แก่ โครงการเซ็นทริค ซีน สุขุมวิท 64 (ซึ่งเป็นโครงการสร้างเสร็จก่อนขาย) และ โครงการเซ็นทริค ซีน รัชวิภา