กลุ่มแสนสิริ สร้างยอดขายจากงาน Living in Style 2009 เพียง 3 วันกว่า 1.2 พันล้าน

กลุ่มแสนสิริ ประสบความสำเร็จในการจัดงาน “Living in Style 2009” เพียง 3 วัน สร้างยอดขายรวมในงานทะลุกว่า 1,200 ล้านบาท เกินกว่าเป้าหมายที่กำหนดไว้ สรุปภาพรวมจากแคมเปญ ช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา สามารถสร้างยอดขายที่อยู่อาศัยได้กว่า 565 ยูนิต คิดเป็นมูลค่ากว่า 2,300 ล้านบาท ระบุนำเสนอขายที่อยู่อาศัย บ้าน คอนโดฯ ทาวน์เฮาส์ พร้อมโอนในสต็อกได้ทั้งหมดภายในงาน เดินหน้าปรับเป้าหมายยอดขายไตรมาสแรก 2552 ใหม่ เพิ่มจาก 5,500 ล้านบาท เป็น 6,500 ล้านบาท สูงสุดเป็นประวัติการณ์ตั้งเป้าหมายยอดขายต่อไตรมาส ในขณะที่มียอดขายล่วงหน้า (Pre-Sale Backlog) สูงสุดในระบบแล้ว 17,000 ล้านบาท ซึ่งสามารถรองรับการเติบโตได้อย่างมั่นคงและแข็งแกร่งในทุกสภาวะทางเศรษฐกิจ

นายเศรษฐา ทวีสิน กรรมการผู้จัดการ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) สรุปภาพรวมการจัดงาน Living in Style 2009 ระหว่างวันที่ 6 – 8 มีนาคม ที่ผ่านมา บริษัทสามารถสร้างยอดขายโครงการที่อยู่อาศัยต่างๆ ได้ถึง 354 ยูนิต คิดเป็นมูลค่าโครงการขายกว่า 1,200 ล้านบาท ร่วมกับยอดขายโครงการที่อยู่อาศัยของกลุ่มแสนสิรินับจากเริ่มแคมเปญจับมือ ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) มอบสิทธิพิเศษสำหรับลูกค้าแสนสิริ ภายใต้เงื่อนไขกู้สูงสุด 100% ดอกเบี้ย 0% นาน 1 ปีตั้งแต่ช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมาคิดเป็นมูลค่า 1,100 ล้านบาท ทำให้สามารถสร้างยอดขายโครงการที่อยู่อาศัยปิดงาน Living in Style 2009 ได้รวมทั้งสิ้น 565 ยูนิต คิดเป็นมูลค่า 2,300 ล้านบาท ซึ่งเมื่อรวมกับยอดขายโครงการที่อยู่อาศัยของกลุ่มแสนสิริซึ่งได้รับการตอบรับจากลูกค้าเป็นอย่างดีตั้งต้นปีที่ผ่านมา มียอดขายโครงการที่อยู่อาศัยแล้วกว่า 2,800 ล้านบาท ส่งผลให้ยอดขายรวมขณะนี้ คิดเป็นมูลค่าประมาณ 5,100 ล้านบาท บริษัทจึงได้มีการพิจารณาปรับเป้าหมายยอดขายใหม่อีกครั้ง เพื่อให้สอดรับกับทิศทางของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ที่มีแนวทางชัดเจนขึ้น โดยในไตรมาสแรกของปี 2552 นี้ คาดว่าจะสามารถสร้างยอดขายเพิ่มขึ้นจาก 5,500 ล้านบาท เป็น 6,500 ล้านบาท การปรับเป้าหมายการเติบโตทางธุรกิจของแสนสิริในครั้งนี้ นับว่าสูงสุดเป็นประวัติการณ์ของการตั้งเป้าหมายยอดขาย ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งที่จะรองรับโอกาสการขยายตัวของบริษัทที่จะเกิดขึ้นในปี 2552

“การจัดงาน Living in Style 2009 ครั้งนี้ นับว่าเป็นหนึ่งในกลยุทธ์กระตุ้นการรับรู้และการตัดสินใจของลูกค้าที่มีประสิทธิภาพอีกทางหนึ่ง ซึ่งการจัดงานในช่วง 3 วันที่ผ่านมา ได้รับการตอบรับจากลูกค้าเป็นอย่างดี มีกลุ่มลูกค้าที่สนใจซื้อที่อยู่อาศัยใหม่ โดยเฉพาะโครงการคอนโดมิเนียม The Vertical Aree ซึ่งถือว่าประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก สามารถสร้างยอดขายได้กว่า 80% เนื่องจากเป็นคอนโดมิเนียมระดับพรีเมียมแนวใหม่ที่เน้นกลุ่มลูกค้าที่มีไลฟ์สไตล์ในลักษณะเฉพาะตัว อีกทั้งยังเป็นโครงการที่มีศักยภาพสูง ทั้งด้านทำเลที่ตั้งและความเป็นส่วนตัว แวดล้อมไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ มากมาย นอกจากนี้โครงการที่อยู่อาศัยที่ได้รับความสนใจจากลูกค้า ได้แก่ โครงการทาวน์เฮาส์ภายใต้แบรนด์ ทาวน์พลัส ทั้ง 8 โครงการ โดยทำเลที่ได้รับความสนใจจากลูกค้าเป็นอย่างมาก ได้แก่ ทาวน์พลัส อ่อนนุช, ทาวน์พลัส เกษตร – นวมินทร์ และทาวน์พลัส เทพารักษ์ เป็นต้น ความสำเร็จในครั้งนี้เป็นผลจากการนำเสนอที่อยู่อาศัยโครงการต่าง ๆ ของกลุ่มแสนสิริที่ครอบคลุมทุกระดับราคา รวมถึงความร่วมมือจากพันธมิตรธุรกิจที่เข้าร่วมนำเสนอผลิตภัณฑ์และรูปแบบการให้บริการเกี่ยวกับที่อยู่อาศัยใหม่ โดยการมอบแคมเปญและโปรโมชั่นพิเศษมากมายภายในงาน ทำให้มีผู้ที่สนใจเข้าเยี่ยมชมงานกว่า 10,000 คน และประสบความสำเร็จด้านยอดขายตามที่ตั้งเป้าหมายไว้” นายเศรษฐา กล่าว

สำหรับยอดขายจากงาน Living in Style 2009 มูลค่ากว่า 2,300 ล้านบาท แบ่งออกเป็นยอดขายจากโครงการคอนโดมิเนียมจำนวน 442 ยูนิต บ้านเดี่ยวจำนวน 58 ยูนิต และทาวน์เฮาส์จำนวน 61 ยูนิต ในจำนวนนี้เป็นบ้านพร้อมอยู่ ที่สามารถปิดการขายได้ภายในงานมูลค่าถึง 1,100 ล้านบาท โดยเฉพาะโครงการคอนโดวัน ได้รับการตอบรับจากลูกค้าเป็นอย่างดี สามารถปิดการขายแบรนด์คอนโดวันอย่างเป็นทางการสำหรับโครงการคอนโดวันที่ยังมียูนิตเหลือขายจำนวน 7 โครงการ จากทั้งสิ้น 12 โครงการ ซึ่งชี้ให้เห็นถึงโครงการคอนโดมิเนียมพร้อมเข้าอยู่ตอบรับไลฟ์สไตล์การอยู่อาศัยในชีวิตเมืองในทำเลติดรถไฟฟ้ายังได้รับความสนใจจากลูกค้าอย่างต่อเนื่อง และส่งผลให้กลุ่มบริษัทแสนสิริและบริษัทในเครือไม่มีจำนวนบ้านเหลือขาย (Stock) เป็นผลมาจากการปรับแผนงานก่อสร้างให้มีความสอดคล้องกับสภาพตลาดและเหมาะสมกับความต้องการของลูกค้ารวมถึงการบริหารจำนวนบ้านสร้างเสร็จอย่างมีประสิทธิภาพ

“การดำเนินธุรกิจของแสนสิริในปี 2552 มีกลยุทธ์ที่จะเป็นปัจจัยสนับสนุนให้การดำเนินธุรกิจมีความแข็งแกร่งและประสบความสำเร็จ ได้แก่ การสานต่อการสร้างแบรนด์สินค้าให้แข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น ทั้งโครงการบ้านจัดสรรและโครงการทาวน์เฮาส์ที่จะเกิดขึ้นอีกหลายโครงการ เพื่อรองรับทุกความต้องการของลูกค้า นอกจากนี้ การที่กลุ่มแสนสิริมียอดขายล่วงหน้าที่รอรับรู้รายได้ในอีก 1-3 ปี ประมาณ 17,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นยอดขายล่วงหน้าที่สูงที่สุดในระบบในขณะนี้ จะเป็นพื้นฐานสำคัญในการสร้างความมั่นคงและแข็งแกร่งในทุกสภาวะทางเศรษฐกิจให้กับบริษัทเป็นอย่างดี” นายเศรษฐา กล่าว