3 องค์กรหลักขานรับนโยบายรัฐ จัดกิจกรรม “ASEAN Business Forum 2009”

กรุงเทพฯ 2 ตุลาคม 2552 – สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ร่วมกับ สมาคมการจัดการธุรกิจแห่งประเทศไทย (TMA) และสมาคมส่งเสริมสถาบันกรรมการบริษัทไทย แถลงข่าวเปิดตัวกิจกรรม การประชุมสุดยอดนักธุรกิจอาเซียน หรือ “ASEAN Business Forum 2009” ซึ่งจะจัดขึ้นในระหว่างวันที่ 26 – 27 ตุลาคม 2552 ณ โรงแรมพลาซ่า แอทธินี กรุงเทพฯ

นายดุสิต นนทะนาคร ประธานกรรมการหอการค้าไทย / สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย และกรรมการ Board of Trustees สมาคมการจัดการธุรกิจแห่งประเทศไทย กล่าวถึงที่มาของการจัดกิจกรรมการประชุมสุดยอดนักธุรกิจอาเซียนในครั้งนี้ว่า “ASEAN Business Forum 2009 เป็นกิจกรรมที่จัดขึ้นเป็นครั้งแรก เพื่อเปิดโอกาสให้นักธุรกิจ และภาคเอกชนของไทย รวมถึงประเทศในแถบภูมิภาคอาเซียนได้แลกเปลี่ยนข้อมูล และเตรียมความพร้อมหลังจากการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนและประเทศคู่เจรจา ที่หัวหิน โดยประเด็นสำคัญเรื่องหนึ่งที่จะมีการหารือกัน คือ เรื่องการเตรียมการสู่การเป็นประชาคม ASEAN ในปี ค.ศ. 2015 หรือปี พ.ศ. 2558 ซึ่งก็คือ 6 ปี นับจากนี้ไป”

นายดุสิต ยังกล่าวต่อไปอีกว่า “การรวมกันครั้งนี้ จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นอย่างมากภายในกลุ่มประเทศเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ หรือ กลุ่มอาเซียนของเรา โดยเสาหลัก 3 ประการ ที่ประกอบกันเป็นแนวทางในการดำเนินงาน คือ เรื่องการเมืองและความมั่นคง (Political-security community) เรื่องเศรษฐกิจ (Economic community) และเรื่องสังคมและวัฒนธรรม (Socio-cultural community) ในส่วนของภาคเอกชน แน่นอนว่า ประเด็นที่มีผลกระทบโดยตรง คือเรื่องของการรวมกันเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือ ASEAN Economic Community”

นอกจากนี้การจัดการประชุมสุดยอดนักธุรกิจอาเซียนในครั้งนี้ยังถือเป็นจุดเริ่มต้นอันดีที่จะได้แลกเปลี่ยนมุมมองในเรื่องของศักยภาพ และโอกาสของประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน จากผู้ลงทุนภายนอกภูมิภาค อาทิ ญี่ปุ่น ยุโรป สหรัฐอเมริกา และนักธุรกิจในภูมิภาคเดียวกัน ตลอดจนการสร้างความตระหนักถึงบทบาทสำคัญของภาคเอกชนภายในกลุ่มอาเซียนในฐานะศูนย์กลางของการเจริญเติบโต โดยนักธุรกิจจะต้องเข้าใจถึงความจำเป็นที่จะต้องดำเนินหามาตรการที่เหมาะสมและประสานกันเพื่อรับมือกับนโยบายการส่งเสริมศักยภาพทางเศรษฐกิจของอาเซียน เพื่อรักษาการเจริญเติบโตของธุรกิจภาคเอกชน ตลอดจนการจ้างงาน การฟื้นฟูความเชื่อมั่น และสนับสนุนเสถียรภาพทางการเงิน และเศรษฐกิจมหภาคในระยะยาว

คุณชาญชัย จารุวัสตร์ กรรมการผู้อำนวยการ สมาคมส่งเสริมสถาบันกรรมการบริษัทไทย กล่าวถึงรายละเอียดกิจกรรมภายในงานดังกล่าวว่า “กำหนดการของงานประกอบด้วยกิจกรรมรวม 3 วัน ในวันแรกเป็นการจัดงานเลี้ยงรับรองสำหรับผู้นำธุรกิจซึ่งเป็นแขกรับเชิญพิเศษ โดยจะมีการเชิญหนึ่งในผู้นำประเทศในกลุ่ม ASEAN + 6 มากล่าวปาฐกถาพิเศษในงานดังกล่าว”

“ในส่วนของ Forum นั้น ในวันแรกจะมุ่งเน้นการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในระดับมหภาค โดยได้กราบเรียนเชิญ ฯพณฯ นายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานอาเซียน กล่าวถึงวิสัยทัศน์และอนาคตของประชาคมอาเซียน (ASEAN Community) หลังจากนั้นจะเป็นการกล่าวถึงการเปิดเสรีระหว่างกันในด้านต่างๆ หลังการรวมตัวเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (ASEAN Economic Community – AEC) และมาตรการที่จะต้องดำเนินการเพื่ออำนวยความสะดวกในการทำการค้าระหว่างประเทศสมาชิก โดยท่านเลขาธิการอาเซียนและท่านประธานผู้แทนการค้าไทยตามลำดับ” นายชาญชัยกล่าวเสริม

ในช่วงบ่ายของวันที่ 26 ต่อเนื่องไปจนถึงวันที่ 27 ตุลาคม ต้องถือว่าเป็นการชุมนุมครั้งสำคัญของผู้นำธุรกิจในภูมิภาคเอเชีย โดยจะมีการอภิปรายโดยผู้บริหารบริษัทและองค์กรชั้นนำจากประเทศทั้งในและนอกกลุ่มอาเซียน เกี่ยวกับโอกาสการทำธุรกิจในประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน การเตรียมความพร้อมของบริษัทในการรับมือต่อการเปลี่ยนแปลงในด้านต่างๆ ได้แก่
• การเปิดเสรีในการเคลื่อนย้ายเงินทุนและการลงทุน (Free flow of capital and investment)
• การเปิดเสรีทางด้านการค้าและการบริการ (Free flow of goods and services)
• การเปิดเสรีในการเคลื่อนย้ายทรัพยากรบุคคล (Free flow of human resources)

นายปรีชา เชาวโชติช่วง ประธานสมาคมการจัดการธุรกิจแห่งประเทศไทย (TMA) เปิดเผยว่า “การประชุมสุดยอดนักธุรกิจอาเซียนในครั้งนี้ ได้รับความสนใจจากนักธุรกิจชั้นนำระดับแนวหน้าของประเทศต่าง ๆ ทั้งในอาเซียนของเรา และภูมิภาคอื่น ๆ ที่ให้ความสนใจในการที่จะเข้ามาลงทุน ค้าขาย หรือทำธุรกิจในกลุ่มประเทศอาเซียน เราจึงได้มีการจัดงานเลี้ยงรับรองซึ่งแสดงออกถึงความงดงามของศิลปะแขนงต่างๆ อันเป็นอารยะ และขนบธรรมเนียมประเพณีของไทยที่มีมายาวนาน ตลอดจนความงดงามและความเป็นมิตรของคนไทย ซึ่งเราได้รับเกียรติจาก อาจารย์เผ่าทอง ทองเจือ ให้ความกรุณามาเป็นผู้ดูแลควบคุมการจัดงานทั้งหมด”

“แต่สิ่งสำคัญเหนืออื่นใด ภายในงานเลี้ยงรับรองนี้ เราจะมีการเทิดพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เพื่อแสดงออกถึงความจงรักภักดี และความสำนึกลึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ท่าน ที่ได้ทรงทุ่มเทพระวรกาย พระสติปัญญา และพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ ทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจนานัปการ รวมทั้งการที่พระองค์ทรงริเริ่มโครงการสำคัญๆให้กับประเทศ เพื่อช่วยยกระดับสภาพความเป็นอยู่ และพัฒนาคุณภาพชีวิตเพื่อประโยชน์สุขของประชาชนชาวไทยตลอดมา ซึ่งถือได้ว่าเป็นกิจกรรม CSR ที่ยิ่งใหญ่ที่สุด” นายปรีชากล่าวปิดท้าย

สำหรับองค์กรธุรกิจ ตลอดจนผู้ที่สนใจเข้าร่วมการประชุมสุดยอดดังกล่าวสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ สมาคมการจัดการธุรกิจแห่งประเทศไทย (TMA) โทร. 0-2718-5601 หรือ www.tma.or.th