ทรูมันนี่ ประกาศแผนการดำเนินงานปี 2553

กรุงเทพฯ วันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2553 – ทรูมันนี่ ประกาศศักดาผู้นำธุรกรรมการเงิน ผ่านมือถือ บัตรเงินสด และออนไลน์ เผยความสำเร็จตามเป้าหมาย เฉลี่ยกว่า 35 ล้านธุรกรรมต่อเดือน โดยมียอดผู้ใช้บริการทรูมันนี่บนมือถือทรูมูฟรวมกว่า 5.7 ล้านราย ตั้งเป้าปี 2553 สยายปีกครอบคลุมทุกช่องทางการชำระเงินออนไลน์ เน้นจุดเด่น “สะดวก รวดเร็ว ปลอดภัย” เร่งขยายจุด บริการทรูมันนี่ เอ็กซ์เพรสระดับตำบลครอบคลุมทั่วประเทศ พร้อมเดินหน้าเพิ่มยอดการใช้บัตรเงินสด e-cash card และ direct top-up พร้อมสานต่อภาพผู้นำนวัตกรรมการเงินรูปแบบใหม่ของทัชซิมด้วยหลากหลายโซลูชั่นแบบสัมผัส ที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ยุคใหม่ยิ่งขึ้น

นายปิยชาติ รัตน์ประสาทพร ผู้จัดการทั่วไป บริษัท ทรู มันนี่ จำกัด กล่าวว่า ในปี 2552 ทรูมันนี่ ประสบความสำเร็จในการเป็นผู้นำธุรกรรมการเงินด้าน e-Money ผ่านมือถือ บัตรเงินสด และออนไลน์ แบบครบวงจรของไทย เฉลี่ยกว่า 35 ล้านธุรกรรมต่อเดือน ด้วยยอดผู้ใช้บริการทรูมันนี่บนมือถือทรูมูฟรวมกว่า 5.7 ล้านราย ในปี 2553 นี้ จึงตั้งเป้าขยายบริการให้ครอบคลุมทุกช่องทางการชำระเงินออนไลน์ เน้นจุดเด่น “สะดวก รวดเร็ว ปลอดภัย” พร้อมเติมเต็มความแข็งแกร่งให้กับสินค้าและบริการที่ได้รับความนิยมและสร้างรายได้แก่บริษัทมาโดยตลอด เริ่มจาก บัตรเงินสดทรูมันนี่ ซึ่งประสบความสำเร็จเป็นอย่างสูง มียอดจำหน่ายถึง 20 ล้านรหัสต่อเดือน ในปีนี้จะขยายความร่วมมือกับพันธมิตรในธุรกิจต่างๆ อาทิ ผู้จำหน่ายสินค้าออนไลน์ บริการเติมเงิน บริการคอนเทนต์ บริการโทรทางไกลผ่านเครือข่าย (VOIP) บริการเกมส์ออนไลน์ เพลงในรูปแบบดิจิตอล รวมถึงผู้ให้บริการมือถือรายอื่นๆ นอกจากนี้ ยังมีการเพิ่มรูปแบบใหม่เป็นระบบรหัสบัตรเงินสดอิเล็กทรอนิกส์ (E-Cash Card) และการเติมตรงเข้าสินค้า (Direct Top-up) ซึ่งจะส่งผลดีต่อการลดปริมาณการใช้กระดาษ และสร้างวิถีชีวิตคนยุคใหม่ให้เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ บริการทรูมันนี่ บริการธุรกรรมทางการเงินบนมือถือทรูมูฟ ที่มียอดผู้ใช้บริการสูงถึง 5.7 ล้านราย จะเพิ่มการทำธุรกรรมเติม จ่าย โอน ถอน ให้ครอบคลุมสินค้าและบริการใหม่เพิ่มมากขึ้น รวมถึงบริการคอนเวอร์เจนซ์ในกลุ่มทรู

สำหรับบริการทรูมันนี่ เอ็กซ์เพรส ซึ่งเปิดบริการชำระเงินผ่านทรูพาร์ทเนอร์และคู่ค้ากว่า 10,000 รายทั่วประเทศ จะผสานความร่วมมือกับภาครัฐ เพิ่มจุดบริการอีกกว่า 6,000 แห่ง อำนวยความสะดวกในพื้นที่ห่างไกล และในปีนี้ ทรูมันนี่ เอ็กซ์เพรสยังเพิ่มบริการรูปแบบใหม่ เครื่องบริการอัตโนมัติ 24 ชั่วโมงจากทรูมันนี่ (TrueMoney Self-service Kiosk) ซึ่งเป็นนวัตกรรมฝีมือคนไทย ให้เลือกทำรายการเติมเงิน จ่ายบิลล์ ซื้อสินค้าด้วยตัวเองอย่างง่ายดายเพียงสัมผัสหน้าจอเท่านั้น ในส่วนของ WeBooking บริการจองจ่ายครบวงจรที่มีศักยภาพสูงสุดในประเทศด้วยจุดเด่น “จองง่าย จ่ายสะดวก รวดเร็ว หลายช่องทาง” ทั้งผ่านบริการทรูมันนี่บนมือถือทรูมูฟ เว็บไซต์ we-booking.com ทรูช้อป และคอลล์ เซ็นเตอร์ ปีนี้จะเดินหน้าจับมือผู้ประกอบการทั้งรายใหญ่รายเล็ก รับจองจ่ายโชว์ดีมีคุณภาพ ซึ่งล่าสุดร่วมกับ นาฏยศาลา หุ่นละครเล็ก (โจหลุยส์) รับจองจ่ายการแสดง และรับสมัครสมาชิกในโครงการ “สืบสานหุ่นละครเล็กไทย อนุรักษ์ไว้เป็นมรดกของแผ่นดิน” ด้วย

ยิ่งไปกว่านั้น ยังมี ทัชซิม ซิมอัจฉริยะบนมือถือทรูมูฟ รายแรกของโลก นวัตกรรมการเงินรูปแบบใหม่ด้วยหลากหลายโซลูชั่นแบบสัมผัส ซึ่งปัจจุบันมียอดผู้ใช้กว่า 80,000 ราย โดยในปีนี้ จะขยายความร่วมมือกับพันธมิตร พร้อมเพิ่มโซลูชั่นใหม่ๆ โดยนำร่องกับมหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ เพื่อใช้เป็นบัตรนักศึกษา ใช้สัมผัสลงทะเบียนเข้าห้องเรียน รวมทั้งใช้เพื่อช่วยจำจุดจอดรถผ่านระบบ Touch Parking System ตั้งเป้าเพิ่มยอดผู้ใช้ทัชซิมอีกกว่า 200,000 ราย ให้ลูกค้าเต็มอิ่มกับไลฟ์สไตล์แบบทัชๆ และล่าสุด บริการรับชำระเงินแบบออนไลน์ (TrueMoney Payment Gateway) เพิ่มความรวดเร็วในการเชื่อมต่อกับร้านค้าออนไลน์ เพื่อเพิ่มทางเลือกในการชำระเงินที่หลากหลายมากขึ้น ซึ่ง

ปีที่ผ่านมา ตลาดธุรกิจพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ในประเทศไทยมีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะธุรกิจชำระเงินออนไลน์ที่มีแนวโน้มเติบโตขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

ทั้งนี้ ทรูมันนี่เป็นผู้บุกเบิกบริการทางการเงินรายแรกๆ ของประเทศไทยนับตั้งแต่ปี 2548 โดยได้รับอนุญาตจากธนาคารแห่งประเทศไทย ให้ดำเนินกิจการธุรกิจบัตรเงินสดอิเล็กทรอนิกส์ และจากกรมสรรพากรในการเป็นตัวแทนรับชำระเงิน และล่าสุด ในปี 2552 ยังได้รับใบอนุญาตถึง 3 ใบให้ประกอบธุรกิจเป็นผู้ให้บริการการชำระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ จากกระทรวง ICT และธนาคารแห่งประเทศไทย ได้แก่

ใบอนุญาตที่ 1 ให้บริการเงินอิเล็กทรอนิกส์ที่ใช้ซื้อสินค้า
ใบอนุญาตที่ 2 บริการรับชำระค่าสินค้าและบริการ
ใบอนุญาตที่ 3 บริการชำระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ผ่านอุปกรณ์อย่างหนึ่งอย่างใดหรือผ่านทางเครือข่าย

“ไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่ที่เริ่มหันมานิยมการพกเงินแบบ e-Wallet มากขึ้น บวกกับความล้ำหน้าของโทรศัพท์มือถือ ที่เป็นยิ่งกว่ามือถือ สามารถรองรับการใช้งานในชีวิตปัจจุบันได้หลากหลาย ส่งผลให้ทรูมันนี่เชื่อมั่นว่าแนวโน้มของธุรกิจบริการ e-Payment ในประเทศไทยซึ่งปัจจุบันอยู่ในระดับเริ่มต้นเท่านั้น และมีศักยภาพในการเติบโตในอนาคตอีกมาก ทรูมันนี่จึงมุ่งมั่นศึกษาและคิดค้นพัฒนาบริการทางการเงินโฉมใหม่อย่างต่อเนื่อง เพื่อรองรับการทำธุรกรรมการเงินที่สามารถตอบโจทย์ความต้องการของคนยุคใหม่ได้อย่างครบวงจร พร้อมเดินหน้าสร้างความเจริญเติบโตให้กับอุตสาหกรรมบริการ e-Payment เพื่อเติมเต็มความต้องการของผู้บริโภคชาวไทยทั้งด้านความสะดวกรวดเร็ว และความปลอดภัย รวมทั้งยังช่วยลดค่าใช้จ่ายในการบริหารจัดการเงินสดหมุนเวียนโดยรวมในประเทศ และช่วยลดสภาวะโลกร้อนด้วย”
นายปิยชาติ กล่าวสรุป