แคนนอนสานต่อความสำเร็จแคมเปญ CANON, It Works!

แคนนอน ประเทศไทย ตอกย้ำความสำเร็จในฐานะผู้นำอุปกรณ์ไอทีในสำนักงานครบวงจร รุกเดินหน้าเจาะตลาดกลุ่มธุรกิจต่อเนื่อง ภายใต้กลยุทธ์ล่าสุด “CANON, It Works! Say it forward” ขานรับการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ นำเสนอโซลูชั่นใหม่พร้อมผลิตภัณฑ์เพื่อช่วยลดต้นทุนและเพิ่มศักยภาพการแข่งขันให้แก่ผู้ประกอบธุรกิจทุกขนาด พร้อมจับกระแสความแรงสื่อออนไลน์ยุคโซเชียลมีเดียเน้นบอกต่อประสิทธิภาพผลิตภัณฑ์สู่ผู้บริโภคผ่านเฟซบุ๊ค และ microsite ที่ปรับปรุงใหม่ โดยเน้นการทำกิจกรรมการตลาดโดยติดต่อกับลูกค้าผ่านช่องทางออนไลน์เป็นหลัก

นายวรินทร์ ตันติพงศ์พาณิช ผู้อำนวยการอาวุโสและผู้จัดการทั่วไป ส่วนงานคอนซูมเมอร์ อิมเมจจิ้ง แอนด์ อินฟอร์เมชั่น บริษัท แคนนอน มาร์เก็ตติ้ง (ไทยแลนด์) จำกัด กล่าวถึงข้อมูลในไตรมาสที่สามของปี 2552 ว่า “แคนนอนยังเป็นครองความเป็นผู้นำตลาดของพรินเตอร์แบบอิงค์เจทติดต่อกันมานาน 10 ปีในประเทศไทย ด้วยส่วนแบ่งทางการตลาดถึง 43% (ทั้งซิงเกิลฟังก์ชั่น และมัลติฟังก์ชั่นพรินเตอร์) เมื่อเทียบกับปี 2551 ที่มีส่วนแบ่งการตลาดเพียง 37% และคาดว่าจะยังเติบโตต่อเนื่องทุกปี สำหรับกลุ่มเลเซอร์พรินเตอร์แคนนอนได้ส่วนแบ่งการตลาดเพิ่มขึ้นเป็น 16% จากส่วนแบ่งเดิมในปี 2551 ที่มีเพียง 9% และได้วางเป้าหมายการเติบโตภายในปีนี้ถึง 20% โดยในไตรมาสแรกนี้แคนนอนวางแผนจะออกผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ในกลุ่ม It Works ถึง 10 รุ่นด้วยกัน ดังนั้น การเติบโตของยอดขายกลุ่มผลิตภัณฑ์ต่างๆดังกล่าวจึงมีนัยสำคัญที่จะผลักดันให้แคนนอนก้าวไปสู่ผู้นำในตลาดอุปกรณ์ไอทีในสำนักงานสำหรับธุรกิจทุกขนาดภายในปี 2554 อย่างแน่นอน”

“เรามองว่านี่เป็นโอกาสที่ดีในการผลักดันให้ผลิตภัณฑ์ของแคนนอนเป็นส่วนหนึ่งในความสำเร็จของ ผู้ประกอบกิจการทุกประเภททุกขนาดและเข้าถึงกลุ่มผู้ใช้ทั่วไปได้มากขึ้น จึงวางแผนโปรโมทธุรกิจตลอดปีนี้ภายใต้แคมเปญดังกล่าว เพื่อสื่อให้เห็นถึงความเป็นมืออาชีพของแคนนอนในฐานะที่เป็นผู้ผลิตอุปกรณ์ไอทีในสำนักงานอย่างครบวงจร อาทิ อิงค์เจ็ทพรินเตอร์ มัลติฟังก์ชั่นอิงค์เจ็ทพรินเตอร์ เลเซอร์พรินเตอร์ มัลติฟังก์ชั่นเลเซอร์พรินเตอร์ โปรเจคเตอร์ และกล้องระบบเน็ตเวิร์ค”

สำหรับกลุ่มผลิตภัณฑ์ไอทีในสำนักงานนั้น ในปีนี้แคนนอนมีแผนเดินหน้าสานต่อแคมเปญ CANON, It Works! ซึ่งได้ดำเนินต่อเนื่องมาเป็นปีที่ 3 แล้ว ซึ่งสำหรับปีนี้การโปรโมทแคมเปญ It Works จะโปรโมทภายใต้คอนเซ็ปท์ “CANON, It Works! Say it forward” ด้วยงบการตลาดรวม 30 ล้านบาท หลังจากที่ก่อนหน้านี้แคนนอนประสบความสำเร็จอย่างงดงามกับกลยุทธ์ “CANON, It Works! ความสำเร็จเกิดขึ้นได้ตั้งแต่ Start” เมื่อปี 2551 และ “CANON, It Works! ความสำเร็จพิสูจน์ได้” ในปี 2552 โดยมียอดขายเพิ่มขึ้นถึง 220% สำหรับในกลุ่มองค์กรธุรกิจ

“CANON, It Works! ภายใต้คอนเซปต์ “Say it forward” มุ่งเน้นในการขยายเครือข่ายผู้ใช้สินค้าแคนนอนให้มีจำนวนมากขึ้น แพร่หลายไปสู่กลุ่มธุรกิจประเภทต่างๆอย่างทั่วถึงผ่านการบอกต่อกันจากผู้ที่ประสบความสำเร็จในการดำเนินธุรกิจ ทั้งในองค์กรขนาดใหญ่และเจ้าของกิจการระดับ SME ซึ่งต่างยอมรับในประสิทธิภาพการใช้งานของผลิตภัณฑ์แคนนอนว่าเหมาะสมกับการลงทุนระยะยาวทั้งในแง่ของจุดเด่นเรื่องการประหยัดค่าใช้จ่าย การเพิ่มความสามารถการผลิต และส่งเสริมศักยภาพการแข่งขัน นอกจากนี้ เพื่อก้าวให้ทันกับทุกความต้องการใช้งานในทุกธุรกิจ แคนนอนยังวางแผนที่จะแสวงหาพันธมิตรทางธุรกิจใหม่ๆ เพื่อนำเสนอสิทธิประโยชน์สูงสุดแก่ผู้บริโภค

ภายในงานแถลงข่าวมีผู้บริหารและเจ้าของกิจการจากหลากหลายธุรกิจได้มาร่วมยืนยันความสำเร็จจากการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ของแคนนอนกันมากมาย นำโดยบริษัทเอสซีจี เปเปอร์ ซึ่งได้มาร่วมบอกต่อความสำเร็จมาตั้งแต่แคมเปญ ‘CANON, It Works! ความสำเร็จพิสูจน์ได้’ เมื่อปีก่อน พร้อมทั้งผู้บริหารจากทั้ง 6 บริษัทที่จะมาเป็นตัวแทนร่วมบอกต่อความสำเร็จจากการใช้งานอุปกรณ์ไอทีในสำนักงานของแคนนอน

1. เมืองไทยประกันภัย เลือกใช้คัลเลอร์เลเซอร์พรินเตอร์ Canon LBP9100 เพื่อรองรับงานใหญ่หรือเล็ก งานกรมธรรม์ งานเอกสารต่างๆ หรืองานพรีเซนท์ที่ต้องการสีสันที่สวยสดและความละเอียด เพราะประสิทธิภาพการทำงานของ LBP9100 ที่มาพร้อมฟังก์ชั่นหลากหลายในเครื่องเดียว เช่น การพิมพ์งานได้อย่างรวดเร็ว ความละเอียดในการพิมพ์ และอยากจะบอกต่อความสำเร็จนี้ไปสู่กลุ่มลูกค้ากรมธรรม์ กลุ่มบริษัทในเครือและกลุ่มบริษัทที่เน้นงานเอกสารต่างๆ เพื่อให้การทำงานสะดวกสบายขึ้น หรือประสบความสำเร็จในด้านการจัดการบริหารอุปกรณ์สำนักงานภายในบริษัท

2. บริษัทกันตนา แอนนิเมชั่น สตูดิโอ ด้วยประสิทธิภาพของ Canon XEED-LCOS Projector รุ่น SX7 ทำให้ภาพยนตร์ การ์ตูนแอนนิเมชั่นหรือภาพกราฟฟิคต่างๆ ที่ผลิตดู คมชัด สีสดสวย ไม่เพี้ยน สมจริง ไม่ต่างจากการดูผ่านหน้าจอคอมพิวเตอร์ เพราะSX7 รองรับค่าสีได้ถึงระดับ Adobe RGB และรวมเอาข้อดีของทั้งเทคโนโลยี LCD และ DPL มาไว้ในเครื่องเดียว ซึ่งทั้งหมดนี้คือสิ่งที่ต้องการและอยากจะบอกต่อความสำเร็จนี้ให้แก่บริษัท Graphic Design ต่างๆ ที่ต้องการให้งานมีคุณภาพดีที่สุด ซึ่งนั่นก็คือภาพสวยสมจริง คมชัด และมีรายละเอียดที่ถูกต้อง เหมือนอย่างที่กันตนา แอนนิเมชั่น สตูดิโอ เลือก Canon SX7 เพราะรองรับทุกงาน graphic ได้อย่างยอดเยี่ยม

3. บริษัท สยามฟิวเจอร์ดีเวลลอปเมนท์ เลือก Canon Network Camera รุ่น VB-C300 ด้วยประสิทธิภาพการทำงานที่ยอดเยี่ยมแบบมืออาชีพ ทั้งเลนส์มุมกว้าง การปรับระยะโฟกัสสูง หรือการปฏิบัติงานในที่ที่แสงสว่างต่ำ ทำให้ไม่พลาดทุกความเคลื่อนไหว ทั้งในด้านความปลอดภัยหรือมุมมองของนักธุรกิจ และอยากจะแนะนำและบอกต่อความสำเร็จนี้ให้กับธุรกิจห้างสรรพสินค้า ห้างร้านต่างๆ หรืออาจจะเป็นองค์กรต่างๆ ที่เปิดธุรกิจที่ avenue ของในห้าง เชื่อมั่นว่าทุกร้านต้องการผู้ช่วยที่มีประสิทธิภาพมาช่วยดูแลความปลอดภัย ดูแลความเคลื่อนไหวในมุมมองของนักธุรกิจ

4. โรงเรียนสร้างเสริมทักษะการออกแบบ iDesign สะดวกสบายยิ่งขึ้น พร้อมด้วยความทนทานที่เหนือกว่า ในเรื่องของคุณภาพงาน graphic ที่พิมพ์ออกมาจากเครื่องมัลติฟังก์ชั่น คัลเลอร์เลเซอร์พรินเตอร์ Canon MF8050Cn สีสวย ไม่มีเพี้ยน หรือว่าจะเป็นเรื่องระบบพิมพ์ 2 หน้าอัตโนมัติ ทำให้ไม่สิ้นเปลืองกระดาษ รวมทั้งฟังก์ชั่นการส่ง PC fax ที่ทำให้ประหยัดเวลาในการส่ง fax ได้มาก และอยากจะบอกต่อกับนักเรียนในโรงเรียนให้ทดลองใช้

5. บริษัท กินดื่ม ทูซิท ได้ทดลองใช้ Canon Projector รุ่น LV7370 ด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัยจาก Canon และฟังก์ชั่นการใช้งานที่มีประสิทธิภาพ เช่นมีโหมดปรับการแสดงภาพให้เลือกมากมาย เพื่อให้ตรงกับความต้องการในทุกสภาพแวดล้อม หรือเลือกที่จะแสดงภาพเป็นแบบใดก็ได้ นอกจากนั้นยังรองรับทุกสภาพแสง ดังนั้นทุกงาน entertain ที่นำเสนอทำให้ลูกค้าที่มาใช้บริการที่ร้านได้รับอรรถรสการบันเทิงได้ดีกว่าที่คิด และบอกต่อความสำเร็จนี้ไปให้ผู้ที่ประกอบธุรกิจร้านอาหารเช่นเดียวกัน

6. บริษัท บาธรูม ดีไซน์ ทดลองใช้เครื่อง Canon Business All-In-One Ink Jet Printer MX868 เพื่อรองรับ ทุกความต้องการครบถ้วนอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นด้านการพิมพ์ การเชื่อมต่อ การสแกน การแฟ็กซ์ การถ่ายเอกสาร และจะบอกต่อความสำเร็จนี้ถึงกลุ่มลูกค้า หรือบริษัทต่างๆที่ทำธุรกิจร่วมกัน เพราะ MX868 เหมาะกับทุกคนและทุกองค์กร

ขณะเดียวกันในปีนี้ผู้ประกอบกิจการทั้งในระดับองค์กรขนาดใหญ่ เจ้าของธุรกิจ SME รวมถึงสถาบันการศึกษาต่างๆ ก็ยังสามารถเลือกลงทุนกับผลิตภัณฑ์แคนนอนให้เหมาะสมตามขนาดของธุรกิจและเงินทุนของตนเองได้กับข้อเสนอพิเศษภายใต้แคมเปญ “Canon Business Make Over” ซึ่งได้เปิดตัวไปอย่างยิ่งใหญ่ เมื่อปีที่แล้ว เพื่อให้บริการคำแนะนำและจัดแพ็คเกจพิเศษสำหรับทุกกลุ่มธุรกิจ ให้เหมาะกับการใช้งานจริงในธุรกิจขนาดต่างๆ และยังมีข้อมูลทางสื่อประชาสัมพันธ์ต่างๆ ทั้งหนังสือพิมพ์ นิตยสาร วิทยุ รวมถึงเว็บไซต์ของแคนนอนที่ให้ข้อมูล www.canon.co.th/itworks

นายวรินทร์เผยอีกว่า แคนนอนจะรุกเข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคยิ่งขึ้นด้วยการใช้ช่องทาง โซเชียล มีเดียให้เป็นประโยชน์ผ่านเฟซบุ๊ค ซึ่งนับเป็นสื่อทางเลือกยุคใหม่ที่มีประสิทธิภาพมากไม่แพ้สื่อโฆษณาหลักในขณะนี้ โดยมีจุดแข็งคือมีต้นทุนในการโฆษณาต่อคนต่ำกว่าหลายเท่า เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่ต้องการสื่อสารได้แม่นยำกว่า

“ในรอบปีที่ผ่าน ข้อมูลของบริษัทวิจัย นีลเส็น ออนไลน์ในสหรัฐอเมริกาชี้ให้เห็นว่า สื่อออนไลน์มีการขยายตัวและเริ่มมีบทบาทมากขึ้น โดยเฉพาะเว็บไซต์เครือข่ายสังคมต่างๆ อย่างเฟซบุ๊คและทวิตเตอร์ได้กลายมาเป็นช่องทางสำคัญที่นักการตลาดนำมาใช้ในการเข้าถึงกลุ่ม เป้าหมาย เห็นได้จากโดยในเดือนกุมภาพันธ์ 2552 เว็บไซต์ทวิตเตอร์มีจำนวนผู้ลงทะเบียนเข้าใช้เพิ่มขึ้นถึง 1,382% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปี 2551 ขณะที่เฟซบุ๊คมีผู้สนใจลงทะเบียนเพิ่มขึ้น 228%”

แคนนอนได้จัดทำ Fan Page ภายใต้ชื่อ Canon It Works! เพื่อสร้างฐานคอมมูนิตี้ออนไลน์ในการติดต่อสื่อสารแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับกลุ่มเจ้าของกิจการและผู้ใช้งานจริง และเป็นเครื่องมือประชาสัมพันธ์การจัดกิจกรรมต่างๆ ในอนาคตสำหรับแฟนเพจโดยเฉพาะ อาทิ การฝึกอบรมหรือสัมมนาทางธุรกิจในหัวข้อต่างๆ การร่วมสนุกชิงรางวัลกับแคนนอน เป็นต้น

“เราคาดว่าแคมเปญนี้จะช่วยผลักดันให้แคนนอนก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งผู้นำธุรกิจอุปกรณ์ไอทีในสำนักงาน ได้อย่างแน่นอน” นายวรินทร์กล่าวทิ้งท้าย