นายพลศักดิ์ เลิศพุฒิภิญโญ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัทสตาร์ส ไมโครอิเล็กทรอนิกส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ครบวงจรรายเดียวของประเทศไทย กล่าวว่า บริษัทฯ ได้รับผลประโยชน์ 2 ชั้น จากการได้รับออเดอร์ขนาดใหญ่เพิ่มเติมจากลูกค้าสมาร์ทโฟน ชื่อดังที่เป็นผู้นำโทรศัพท์ในตลาดโลก เนื่องจากตลาดสมาร์ทโฟนมีการขยายตัวรุนแรงทั่วโลก ทำให้บริษัทฯ เพิ่มกำลังการผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์เพื่อรองรับความต้องการของลูกค้าเป็น 100 ล้านชิ้นต่อปี หรือคิดเป็นการขยายกำลังการผลิตชิ้นส่วน (MMA) เพิ่มขึ้นกว่า 67 % เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว
“บริษัทฯ SMT ได้ประโยชน์จากการเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีสมาร์ทโฟนของโลก เพราะได้ผลิตชิ้นส่วนระบบ Touch Phone ให้ลูกค้ามามากกว่า 4 ปี จึงสามารถดึงลูกค้าใหม่ที่เป็นแบรนด์ดังระดับโลก ที่ต้องการมุ่งเน้นด้านสมาร์ทโฟนเช่นกันเข้ามาใช้บริการ ซึ่งบริษัทฯ ได้เตรียมการขยายกำลังการผลิตเพื่อรองรับการขยายตัวของสมาร์ทโฟน ทำให้สามารถรับปริมาณออร์เดอร์ใหญ่ชุดใหม่สำหรับทั้งลูกค้าเดิมและลูกค้าใหม่ได้
นอกจากนี้การที่ SMT เป็นบริษัทฯ อิเล็กทรอนิกส์แห่งเดียวของไทย ที่มีรายได้ส่วนใหญ่เป็นสกุลเงินบาท แต่ซื้อวัตถุดิบหลักในสกุลดอลลาร์ ส่งผลให้ SMT จะมีกำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยยะสำคัญ จากการที่เงินบาทแข็งตัวขึ้นอย่างมากในขณะนี้ สวนทางกับผู้ผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ส่วนใหญ่ ที่จะรับรู้รายได้ลดลงจากเงินบาทที่แข็งตัวขึ้น
นายพลศักดิ์ กล่าวเสริมอีกว่า ขณะเดียวกันธุรกิจผลิตชิ้นส่วนแผงวงจรไฟฟ้ารวม (IC) มีการเติบโตสูงเช่นเดียวกัน เนื่องจากการขยายตัวของอุตสาหกรรมยานยนต์อย่างรุนแรง ทำให้ยอดการผลิตเซ็นเซอร์อัจฉริยะวัดระดับลมยาง (TPMS หรือ Tire Pressure Monitoring System) และถุงลมนิรภัย เพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัวจากปีก่อน ซึ่งธุรกิจ IC มีอัตรากำไรขึ้นสูงที่สุด ซึ่งการเติบโตทั้ง 2 กลุ่มธุรกิจอย่างสูงนี้ ทำให้ SMT คาดว่าปี 2553 นี้บริษัทฯ จะมีกำไรเพิ่มขึ้นมากกว่า 40 % และเป็นการเติบโตที่รุนแรงยิ่งกว่าในปีที่แล้วที่บริษัทฯ เติบโตสูงสุดในกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ที่ 33 %“