เอเชียซอฟท์แถลงจ่ายเงินปันผลสวนกระแสเศรษฐกิจ

บริษัท เอเชียซอฟท์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ประกาศจ่ายเงินปันผลแก่ผู้ถือหุ้น 0.58 บาทต่อหุ้น พร้อมเผยกลยุทธ์ธุรกิจในปี 53 ตอกย้ำมั่นใจผลประกอบการเติบโตสูงสุดนับตั้งแต่เปิดดำเนินการมา

นายปราโมทย์ สุดจิตพร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอเชียซอฟท์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ผู้นำการให้บริการเกมออนไลน์อันดับหนึ่งของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เปิดเผยว่า “ผลการดำเนินงานปี 2552 สรุปผลกำไรในประเทศไทยสิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2552 มีกำไรสุทธิรวมทั้งสิ้น 218.81 ล้านบาท สำหรับประเทศไทยนั้นสามารถทำกำไรสุทธิได้สูงกว่าปี 2551 ถึง 45% ส่วนในต่างประเทศกำไรสุทธิลดลง เนื่องจากเกมที่เปิดให้บริการยังไม่เป็นไปตามคาดหมาย และจากสภาพเศรษฐกิจที่ยังไม่ฟื้นตัว”

นายปราโมทย์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ”ผลประกอบการของบริษัทฯ ยังมีการเติบโตในระดับที่น่าพอใจ บริษัทฯ จึงมีนโยบายจ่ายเงินปันผลให้กับผู้ถือหุ้นในอัตราหุ้นละ 0.58 บาท โดยเมื่อวันที่ 9 กันยายน 2552 ได้จ่ายเงินปันผลไปแล้วในอัตราหุ้นละ 0.23 บาท คงเหลือเงินปันผลจ่ายให้แก่ผู้ถือหุ้นในครึ่งปีหลังอีกในวันที่ 17 พฤษภาคม 2553ในอัตราหุ้นละ 0.35บาท

“สำหรับผลกำไรในประเทศไทย ปัจจัยความสำเร็จมาจากการบริหารต้นทุน และค่าใช้จ่ายในการขายที่มีประสิทธิภาพ สำหรับผลประกอบการในต่างประเทศ ที่ประเทศสิงคโปร์ และมาเลเซีย รายได้ภาพรวมลดลงจากปีที่ผ่านมา เนื่องจากเกมที่เปิดให้บริการยังไม่เป็นไปตามคาดหมาย และจากสภาพเศรษฐกิจที่ยังไม่ฟื้นตัว ซึ่งในปี 2553 นี้ บริษัทฯ ได้วางแผนกลยุทธ์ในการการดำเนินธุรกิจ ประกอบด้วย แผนการกระตุ้นตลาด เพื่อขยายฐานกลุ่มลูกค้าเป้าหมายให้ครอบคลุมมากยิ่งขึ้น พร้อมเปิดตัวเกมใหม่ถึง 14 เกม ซึ่งเป็นการเปิดตัวเกมสูงสุดตั้งแต่เปิดดำเนินการมา แบ่งเป็นที่ประเทศไทย 8 เกม สิงคโปร์ 4 เกม และมาเลเซีย 2 เกม อีกทั้งยังได้พัฒนารูปแบบการดำเนินธุรกิจใหม่ @Global Games ด้วยระบบการแชร์เซิร์ฟเวอร์เกมที่มีฐานข้อมูลที่ประเทศสิงคโปร์ทำให้สามารถรองรับตลาดเกมของบริษัทฯ ได้ทั้ง 6 ประเทศ (ไทย, เวียดนาม, สิงคโปร์, มาเลเซีย, อินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์) นอกจากนี้ยังมีการลดต้นทุน ปรับ

โครงสร้างทีมในต่างประเทศให้เล็กลงสามารถรวมการทำงานเข้าด้วยกันอย่างมีประสิทธิภาพจาก 200 คน เหลือ 140 คน และสำหรับในประเทศไทยปีนี้ได้ดำเนินการขยายความร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจ ต่อยอดธุรกิจก้าวสู่การทำธุรกิจในรูปแบบใหม่ๆ อาทิ การเปิดตัวโปรแกรมรักษาความปลอดภัยคอมพิวเตอร์ Kingsoft Internet Security ครั้งแรกในประเทศไทย ซึ่งจะมีแผนการขยายธุรกิจต่อไปยังต่างประเทศในอนาคต

นายปราโมทย์ กล่าวเพิ่มเติมว่า “ด้วยการวางแผนกลยุทธ์ธุรกิจในปี 2553 บริษัทฯ คาดการณ์รายได้ในปีนี้จะเติบโตขึ้น 20% โดยในปีนี้ บริษัทฯ วางแผนรุกการทำตลาด และลงทุนที่ประเทศเวียดนามเป็นหลัก เนื่องจากประเทศเวียดนามมีปัจจัยบวกที่เอื้อต่อการทำตลาดหลายด้าน ทั้งจำนวนประชากรที่มากถึง 80 ล้านคน มีจำนวนประชากรที่อยู่ในวัยของผู้ใช้อินเตอร์เน็ตประมาณ 20 ล้านคน และมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องทุกปี โดยมีมูลค่าตลาดรวมสูงถึง 3,500 ล้านบาท ซึ่งเปรียบเทียบกับประเทศไทยแล้วจากจำนวนประชากร 65 ล้านคน มีจำนวนประชากรที่ใช้อินเตอร์เน็ตเพียง 16 ล้านคน จากนั้นจะดำเนินการลงทุนต่อไปประเทศฟิลิปปินส์ และอินโดนีเซีย ตามลำดับ

“จากแผนการตลาดเชิงรุกของปีนี้ทั้งในประเทศและต่างประเทศ ทำให้เชื่อมั่นได้ว่าปีนี้ผลประกอบการภาพรวมจะโตขึ้น และมั่นใจได้ว่าปี 2553 นี้จะเป็นปีที่มีผลการดำเนินงานรวมสูงสุดนับตั้งแต่บริษัทเปิดดำเนินการมา” นายปราโมทย์ กล่าวสรุป