• เน้นมอบ ‘More Rewarding Experience’ ไม่ใช่แค่การเดินศูนย์การค้า แต่เติมเต็ม ประสบการณ์ใหม่ให้กับชีวิต เป็นประสบการณ์แห่งความสุขและความเพลิดเพลินที่มากกว่า
• เซ็นทรัลพลาซา ลาดพร้าวจะเปิดให้บริการจนถึง 15 กุมภาพันธ์ 2554 ก่อนปิดก่อสร้างใหม่ 6 เดือน
• โครงการปรับภาพลักษณ์เซ็นทรัลพลาซา ปิ่นเกล้ากว่า 500 ล้านบาท พบรูปโฉมใหม่ ธันวาคม 2553 นี้
นายกอบชัย จิราธิวัฒน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) บริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อการค้าปลีกที่ใหญ่ที่สุดของประเทศ ประกาศแผนโครงการลงทุนพลิกโฉมเซ็นทรัลพลาซา ลาดพร้าว ทั้งภายใน ภายนอกอาคาร และงานระบบโครงสร้างใหม่ทั้งหมด มูลค่า 3,600 ล้านบาท และจะเปิดให้บริการจนถึงวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2554 ก่อนปิดก่อสร้างใหม่เป็นเวลา 6 เดือน แผนก่อสร้างใหม่ครั้งนี้จะเป็นการริเริ่ม ‘แนวคิดใหม่ในธุรกิจรีเทลของไทย’ ด้วยแนวคิด ‘More Rewarding Experience’ ซึ่งจะช่วยให้เซ็นทรัลพลาซา ลาดพร้าวดึงดูดกลุ่มเป้าหมายที่เป็นคนรุ่นใหม่ และมีรายได้สูงเพิ่มขึ้นได้
เซ็นทรัลพลาซา ลาดพร้าว ก่อสร้างขึ้นมาเกือบ 30 ปี ถือเป็นช้อปปิ้งคอมเพล็กซ์แห่งแรกของไทย ที่รวมเอาศูนย์การค้า โรงแรม และศูนย์ประชุมระดับสากลเข้าไว้ด้วยกัน อีกทั้ง ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางว่า เป็นศูนย์การค้าที่ใหญ่ที่สุดและสมบูรณ์แบบแห่งแรกของเอเชียในปี 2526 และเป็นที่นิยมมาต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน โดยปัจจุบันมีลูกค้าประมาณ 150,000 คนต่อวัน
นายกอบชัย จิราธิวัฒน์ กล่าวว่า “ตอนที่เราเปิดเซ็นทรัลพลาซา ลาดพร้าวนั้น เราได้สร้างปรากฏการณ์ครั้งสำคัญของวงการค้าปลีกไทยด้วยแนวคิด One Stop Service ที่ให้ความสะดวกสบายแก่ลูกค้า โดยสามารถมาที่เดียวทำทุกอย่างได้ครบ เป็นศูนย์รวมด้านไลฟ์สไตล์ของทุกคน โดยมีมากกว่าห้างสรรพสินค้า ร้านค้า แต่รวมไปถึงร้านอาหาร สถาบันการศึกษา ฟิตเนส ธนาคาร โรงภาพยนตร์ ครบทุกอย่างในที่เดียว”
“และในวันนี้กับก้าวสำคัญที่เซ็นทรัลพลาซา ลาดพร้าวใหม่ที่กำลังจะเกิดขึ้น จะเป็นการปฏิวัติวงการธุรกิจค้าปลีกของประเทศ สร้างปรากฏการณ์ครั้งสำคัญอีกครั้งหนึ่ง ด้วยการริเริ่มแนวคิดใหม่ที่ทันสมัยที่สุดในการพัฒนาศูนย์การค้า การพัฒนาศูนย์การค้าต่อไปในอนาคตจะเกี่ยวข้องกับการ ‘เติมเต็มประสบการณ์ใหม่ให้กับชีวิต’ ซึ่งผมขอเรียกว่า เป็น More Rewarding Experience เป็นบรรยากาศแห่งความสุขและความเพลิดเพลินที่มากกว่าให้กับลูกค้าขณะที่มาใช้เวลาอยู่ในศูนย์การค้า ซึ่งมากกว่าการเป็นแค่เพียงการมีครบทุกอย่างในที่เดียว ดังนั้น การพลิกโฉมของเราคือการมุ่งเน้นที่จะเติมเต็มประสบการณ์ความสุขแก่ลูกค้า” นายกอบชัย กล่าว
นายกอบชัย กล่าวต่อไปว่า เซ็นทรัลพลาซา ลาดพร้าว จะเติมเต็มประสบการณ์ใหม่ สร้างความ ประทับใจยิ่งขึ้น โดยการนำเอา ‘ความเป็นธรรมชาติ’ มาไว้ภายในศูนย์การค้า ให้ความรู้สึกในการใช้เวลาอยู่ในศูนย์การค้าเป็นเหมือนการได้พักผ่อน
“เราจะใช้แนวคิดนำธรรมชาติมาสู่เมือง โดยใช้วัสดุในการตกแต่งให้มีผิวสัมผัสแบบธรรมชาติ ในรูปแบบ Organic Freeform มีการนำเอา Skylight มาใช้ เพื่อให้มีแสงธรรมชาติเข้ามากขึ้น ให้เกิดความรู้สึกโปร่งสบายเป็นกันเอง การจัดแสงในศูนย์ฯ จะนุ่มนวล ดูอบอุ่น สบายๆ ส่วนสีที่ใช้ในการตกแต่งจะเป็นสีในแนวเอิร์ธโทน” นายกอบชัย กล่าว
“เราจะเน้นการเพิ่มพื้นที่สีเขียวบริเวณรอบโครงการ จัดสวนชั้นดาดฟ้า มีการจัดที่จอดรถจักรยาน และจะมีพื้นที่ให้สูดอากาศบริสุทธิ์ และลานเพื่อกิจกรรมและสันทนาการมากขึ้น” นายกอบชัย กล่าวเสริม
นายกอบชัย กล่าวต่อไปว่า การพัฒนาออกแบบใหม่ในครั้งนี้ได้ประยุกต์ไอเดียที่เป็นแบบอย่างระดับโลกที่เป็นแนวคิดมาจากโครงการ LEED ซึ่งเป็นโครงการรับรองอาคารเพื่อสิ่งแวดล้อม ดำเนินงานโดยสภาอาคารเพื่อสิ่งแวดล้อมสหรัฐอเมริกา (the U.S. Green Building Council) ซึ่งไอเดียต่างๆ นั้นได้รับความนิยมอย่างมากจนเป็นเทรนด์ใหม่ในการพัฒนาอาคารในสหรัฐอเมริกา โครงการ LEED ย่อมาจาก Leadership in Energy & Environmental Design เน้นการพัฒนาประสิทธิภาพของอาคารใน 5 ด้านที่เกี่ยวข้องกับสิ่งแวดล้อม และสุขภาพ ได้แก่ การใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ คุณภาพของบรรรยากาศภายใน การเลือกใช้วัสดุ ส่งผลกระทบน้อยต่อสิ่งแวดล้อม และการประหยัดน้ำ
คุณกอบชัย กล่าวว่า เซ็นทรัลพลาซา ลาดพร้าว จะริเริ่มนำระบบต่างๆ ที่จะช่วยในการประหยัดพลังงานมาใช้ เช่น การใช้ระบบเปิดปิดไฟอัตโนมัติตามความสว่างจากแสงธรรมชาติ มีการใช้ระบบควบคุมอาคารอัตโนมัติ ระบบปรับอากาศชนิดประหยัดพลังงานทั้งศูนย์ฯ และในช่วงที่มีการปิดปรับปรุง เราจะมีการคลุมอาคารและใช้ต้นไม้เพิ่มพื้นที่สีเขียวระหว่างการก่อสร้าง เพื่อป้องกันมลพิษไม่ให้กระทบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมรอบข้าง
เซ็นทรัลพลาซา ลาดพร้าวใหม่
เป็นหนึ่งในศูนย์รวมร้านอาหารที่ครบครันและใหญ่ที่สุดในกรุงเทพฯ
เซ็นทรัลพลาซา ลาดพร้าวใหม่นี้จะเป็นหนึ่งในศูนย์รวมอาหารที่ครบครันและใหญ่ที่สุดในกรุงเทพฯ โดยจะมีร้านกว่า 100 ร้าน เพิ่มขึ้นจากเดิมกว่า 50% มีร้านอาหารชื่อดังทั้งจากในและต่างประเทศมาเปิด รวมทั้ง Lifestyle Restaurant, Family Restaurant, Open Restaurant, Fast Food, Bakery Zone, มี Food Park ขนาด 650 ที่นั่ง ที่มีการตกแต่งอย่างทันสมัยในธีมธรรมชาติ และร้านอาหารที่คัดสรรร้านดังในกรุงเทพฯ ระดับเชลล์ชวนชิมมาไว้ด้วยกัน เซ็นทรัลพลาซา ลาดพร้าว จะมีแบรนด์อาหารชั้นนำ อาทิ Krispy Kreme (คริสปี้ ครีม), ร้าน Kanom, After You (อาฟเตอร์ยู), ตะลิงปลิง, และ CafeChilli (คาเฟ่ ชิลี)
“เพื่อเติมเต็มประสบการณ์ใหม่ให้กับชีวิต ทั้งด้านการช้อปปิ้ง การรับประทานอาหาร และการบริการ ที่นี่ยังเป็นศูนย์บริการด้านสุขภาพและความงาม ที่มีพื้นที่มากถึง 3 ชั้น ซึ่งมีบริการต่างๆ ครบครันที่สุดอีกแห่งหนึ่งของกรุงเทพฯ ให้ลูกค้าสามารถมาใช้ชีวิตอยู่ที่นี่ได้ทั้งวัน” คุณกอบชัย กล่าว
นอกจากนี้ จะมีร้านค้าแบรนด์ชั้นนำมากขึ้น มีทั้งแบรนด์แฟชั่นชั้นนำของต่างประเทศ เช่น Coach, GAP, Forever21, Topshop, และ Dorothy Perkins และจะมีร้าน Flagship Store คอนเซ็ปต์ใหม่ มีโรงเรียนกวดวิชาและสถาบันการศึกษาครอบคลุมทุกช่วงอายุ และมีโซนเฉพาะสำหรับธนาคารชั้นนำทุกธนาคารเพื่อเพิ่มความสะดวกสบาย
นอกจากนี้ จะมี ท็อปส์ มาร์เก็ต ที่ใหญ่ที่สุด มีสินค้าครบครันที่สุด และออกแบบได้ทันสมัยที่สุด ด้วยพื้นที่ขนาดใหญ่กว่า 5,000 ตร.ม. โดยมีสินค้าหลากหลายกว่า 45,000 SKUs
ส่วนการออกแบบตกแต่งภายนอก จะมีการติดตั้งจอและไฟระบบ LED ขนาดใหญ่กว่า 1,000
ตร.ม. บริเวณหน้าอาคาร ที่สามารถฉายภาพเคลื่อนไหวแบบ Interactive ซึ่งถือเป็น New Media เทรนด์ใหม่ ใหญ่ที่สุดและเป็นครั้งแรกในประเทศไทย
มูลค่าการลงทุนของโครงการทั้งสิ้น 3,600 ล้านบาท ประกอบด้วยการลงทุนโดยเซ็นทรัลพัฒนา 2,100 ล้านบาท และส่วนที่เหลือโดยร้านค้าปลีกขนาดใหญ่ (Anchor) และผู้เช่า
ที่ตั้งของเซ็นทรัลพลาซา ลาดพร้าว เป็นที่ดินเช่าจากการรถไฟแห่งประเทศไทย ขนาด 47 ไร่ โดยเพิ่งได้รับการต่อสัญญาเช่าต่อไปอีก 20 ปี
นายกอบชัย ระบุเพิ่มเติมถึงการปรับภาพลักษณ์เซ็นทรัลพลาซา ปิ่นเกล้าซึ่งได้ดำเนินการมาตั้งแต่เดือนมกราคม 2553 ว่าจะเปิดโฉมใหม่เดือนธันวาคม 2553 นี้ โดยมีค่าใช้จ่ายในการปรับภาพลักษณ์ทั้งสิ้น 500 ล้านบาท