กลุ่มทิสโก้โชว์ผลงานปี 53 เติบโตก้าวกระโดด

กลุ่มทิสโก้เผยผลงานปี 53 โดดเด่น กำไรสุทธิโตถึง 45% สินเชื่อ – เงินฝาก เติบโตก้าวกระโดด การันตีผลงานยอดเยี่ยมผ่านรางวัลต่างๆ มากมาย พร้อมเผยวิสัยทัศน์ปี 54 มุ่งตอบโจทย์สร้างความมั่งคั่งอย่างยั่งยืนให้แก่ลูกค้า พร้อมเดินหน้ารุกตลาดทั่วประเทศ ตั้งเป้าธุรกิจปีนี้เติบโต 10-15%

นางอรนุช อภิศักดิ์ศิริกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มทิสโก้ (Mrs. Oranuch Apisaksirikul, CEO) เปิดเผยว่า การดำเนินธุรกิจของกลุ่มทิสโก้ในปี 2553 ถือว่าประสบความสำเร็จเป็นอย่างมากในทุกธุรกิจ ทั้งธุรกิจธนาคาร หลักทรัพย์ และจัดการกองทุน ซึ่งส่วนหนึ่งนอกจากจะเป็นผลมาจากภาวะเศรษฐกิจของประเทศไทยที่ปรับตัวดีขึ้นแล้ว ปัจจัยสำคัญที่สุดคือศักยภาพในการทำงานที่มีคุณภาพและมีความเป็นมืออาชีพ จนได้รับการไว้วางใจจากลูกค้าเป็นอย่างดีเสมอมา

โดยในปี 2553 กลุ่มทิสโก้มีผลงานที่โดดเด่น และได้รับรางวัลมากมาย โดยธนาคารทิสโก้ได้รับรางวัลธนาคารผู้ค้าตราสารหนี้ประเภทหุ้นกู้ภาคเอกชนสกุลเงินบาทยอดเยี่ยมประจำปี 2010 (Best Bank in Corporate Bond) จาก The Asset ติดต่อกันเป็นปีที่ 5, ทางด้าน บลจ. ทิสโก้ ได้รับรางวัล SET Awards 2010 ประเภทบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนยอดเยี่ยม และรางวัล Lipper Fund Awards ประเภทบริหารจัดการกองทุนหุ้นยอดเยี่ยม (Best Equity Fund Group) จาก Lipper และ บล. ทิสโก้ ได้รับรางวัลบริษัทหลักทรัพย์ยอดเยี่ยมของไทย (Best Domestic Equity House) จาก Asiamoney นอกจากนี้ บมจ. ทิสโก้ไฟแนนเชียลกรุ๊ปยังได้รับการจัดอันดับให้อยู่ในกลุ่มบริษัทจดทะเบียนที่มีการกำกับดูแลกิจการในระดับ “ดีเลิศ” จากสมาคมส่งเสริมสถาบันกรรมการบริษัทไทย (IOD) อย่างต่อเนื่องอีกปีหนึ่งด้วย

สำหรับวิสัยทัศน์ของกลุ่มทิสโก้ในปี 2554 คือการประกอบธุรกิจด้วยมาตรฐานจรรยาบรรณสูงสุด สามารถตอบสนองทุกความต้องการทางด้านการเงินด้วยความทุ่มเท เพื่อช่วยสร้างความมั่งคั่ง (Wealth) และสร้างสรรค์คุณค่าที่ยั่งยืนให้แก่ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งหมด ได้แก่ ลูกค้า ผู้ถือหุ้น พนักงาน และสังคม โดยได้ปรับสายงานใหม่ แบ่งออกเป็น 4 สายงาน ได้แก่ สายกลุ่มลูกค้าบรรษัท (Corporate & SME Banking), สายสินเชื่อรายย่อย (Retail Banking), สายจัดการธนบดีและกองทุน (Wealth & Asset Management) และสาย Corporate Affairs & CSR เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าและสังคมได้ดียิ่งขึ้น อีกทั้งยังเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพในการควบคุมและบริหารความเสี่ยงได้เป็นอย่างดี

“การเติบโตของทิสโก้ในปีนี้จะดำเนินไปในทิศทางเดียวกับการเติบโตของเศรษฐกิจได้เป็นอย่างดี โดยแผนงานของเรานั้นได้เตรียมพร้อมรองรับภาวะอัตราดอกเบี้ยที่จะสูงขึ้นไว้เรียบร้อยแล้ว ส่วนการให้บริการปีนี้ทิสโก้จะเน้นการทำ Cross Sell ภายในกลุ่มกันมากขึ้น ด้วยการเพิ่มบริการทางการเงินให้กับลูกค้าอย่างครบวงจร เน้นความเป็น Solution-based และสามารถเข้าถึงกลุ่มลูกค้าที่หลากหลายได้มากยิ่งขึ้น ซึ่งจากการปรับโครงสร้างสายงานใหม่ดังกล่าวก็จะช่วยให้การบริการลูกค้าเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด โดยปีนี้ทิสโก้ตั้งเป้าหมายการเติบโตไว้ที่ 10-15%” นางอรนุช กล่าว

ด้านนายสุทัศน์ เรืองมานะมงคล กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารทิสโก้ จำกัด (มหาชน) (Mr. Suthas Ruangmanamongkol, President, TISCO Bank Plc.) กล่าวว่า ในปีที่ผ่านมาการดำเนินงานของธนาคารทิสโก้มีการขยายตัวทั้งในด้านของธุรกิจสินเชื่อทุกประเภทและเงินฝาก โดยสินเชื่อเช่าซื้อซึ่งเป็นพอร์ตสินเชื่อที่ใหญ่ที่สุดของธนาคาร มีการเติบโตกว่า 23% เมื่อเทียบกับปี 2552 และสินเชื่อจำนำทะเบียน หรือ TISCO Auto Cash ซึ่งมีการเติบโตมากเป็นประวัติการณ์กว่าเท่าตัว รวมถึงสินเชื่อ SME และสินเชื่อธุรกิจขนาดใหญ่ก็มีการเติบโตที่ดีเช่นกัน ทางด้านเงินฝากที่มีการเติบโตสูงสุด คือเงินฝากออมทรัพย์ และเงินกู้ยืมระยะสั้นหรือตั๋วแลกเงิน (B/E) ซึ่งเงินฝากทั้ง 2 ประเภทมีการเติบโตกว่า 40% เมื่อเทียบกับปี 2552

“ในปี 2553 ทั้งสินเชื่อและเงินฝากมีการเติบโตแบบก้าวกระโดด ไม่ว่าจะเป็นในส่วนของธุรกิจเช่าซื้อรถยนต์ ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากความสำเร็จในการขยายธุรกิจสินเชื่อรถยนต์ในเครือฟอร์ด มาสด้า และเชฟโรเลต รวมถึงสินเชื่อจำนำทะเบียนรถยนต์ ที่เราได้จัดกิจกรรมการตลาดอย่างต่อเนื่องทั้งปี ในส่วนของเงินฝาก ในปีที่ผ่านมาเรามีการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นเงินฝากซุปเปอร์ออมทรัพย์ที่ให้ดอกเบี้ยสูงเหมือนเงินฝากประจำ และยังมีแคมเปญแนะนำเพื่อนรับดอกเบี้ยเพิ่ม นอกจากนี้ตั๋วแลกเงินเราก็ให้ดอกเบี้ยที่สูง ทั้งหมดนี้จึงตอบโจทย์ลูกค้าได้เป็นอย่างดี สะท้อนได้จากตัวเลขการเติบโตที่เพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด” นายสุทัศน์ กล่าว

ในปีนี้ ธนาคารทิสโก้มีแผนการเปิดสาขาทิสโก้ลีสซิ่งในจังหวัดต่างๆ เพิ่มเติมเพื่อให้เข้าถึงกลุ่มลูกค้าเป้าหมายให้ได้มากยิ่งขึ้น โดยในปลายปีที่ผ่านมาได้เปิดตัวรถบริการเคลื่อนที่ “ทิสโก้ โมบาย คาร์” คันแรกของวงการลีสซิ่งที่สามารถใช้เป็นเวทีกิจกรรมทางการตลาดเคลื่อนที่ ช่วยให้การทำธุรกรรมเช่าซื้อมีความคล่องตัวมากขึ้น รองรับลูกค้าในต่างจังหวัด ตามแผนการรุกขยายฐานลูกค้าเช่าซื้อให้ครอบคลุมทั่วประเทศ และจะมีการทำการตลาดต่างๆ เพื่อสร้างแบรนด์ของทิสโก้ให้เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางมากขึ้น รวมถึงการพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการทางการเงินใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง เพื่อตอบโจทย์การสร้างความมั่งคั่งอย่างยั่งยืนให้แก่ลูกค้า

นายชาตรี จันทรงาม ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายควบคุมการเงินและบริหารความเสี่ยงกลุ่มทิสโก้ (Mr. Chatri Chandrangam, CFO) กล่าวถึงรายละเอียดของผลประกอบการของกลุ่มทิสโก้ในปี 2553 โดยมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 2,888.25 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 45% จากปี 2552 โดยเป็นผลมาจากรายได้ดอกเบี้ยและเงินปันผลสุทธิที่เพิ่มขึ้น 20.5% ตามการขยายตัวของสินเชื่อในทุกภาคส่วนซึ่งเพิ่มขึ้น 32.2% และความสามารถในการรักษาส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยของเงินให้สินเชื่อให้อยู่ในระดับเดียวกับปี 2552 ที่ 5.0%

โดยส่วนของธุรกิจธนาคาร เงินให้สินเชื่อของกลุ่มทิสโก้ ณ สิ้นปี 2553 มีจำนวน 149,730.80 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 32.2% จากสิ้นปี 2552 ตามการเติบโตของสินเชื่อทุกประเภท โดยมูลค่าของสินเชื่อเช่าซื้อมีจำนวน 106,047.24 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 22.5% เมื่อเทียบกับปี 2552 ด้านสินเชื่อธุรกิจมี 22,431.58 ล้านบาท เพิ่มขึ้นถึง 50.8% จากสิ้นปี 2552 โดยเป็นการเพิ่มขึ้นของสินเชื่อในกลุ่มอุตสาหกรรมสาธารณูปโภคและการบริการ การผลิตและการพาณิชย์ ด้านสินเชื่อธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม มีจำนวน 9,425.41 ล้านบาท เพิ่มขึ้นถึง 101.8% จากสิ้นปี 2552 โดยเป็นการเพิ่มขึ้นของสินเชื่อเพื่อผู้จำหน่ายรถยนต์ และสินเชื่อในกลุ่มธุรกิจโลจิสติกส์ ส่วนสินเชื่ออื่นๆ มีมูลค่า 10,404.29 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากสิ้นปีที่แล้ว 85.4% นอกจากนี้ สินเชื่อจำนำทะเบียนรถยนต์ (TISCO Auto Cash) มีจำนวน 5,368.42 ล้านบาท เพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดดถึง 104.6% จากปี 2552 ขณะที่อัตราส่วนหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ต่อสินเชื่อรวมลดลงจาก 2.5% ณ สิ้นปี 2552 เป็น 1.8%

เงินฝากรวมมีจำนวน 132,309 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจำนวน 21,372 ล้านบาท หรือ 19.3% จากสิ้นปี 2552 โดยสัดส่วนเงินฝากประเภทเงินฝากออมทรัพย์และเผื่อเรียกต่อยอดเงินฝากรวมอยู่ในระดับที่สูงที่ 24.7% นอกจากนี้ สัดส่วนจำนวนเงินฝากรายย่อยที่มียอดเงินฝากไม่เกิน 20 ล้านบาทต่อเงินฝากรวมแบ่งตามรายชื่อลูกค้า ณ สิ้นปี 2553 อยู่ในระดับสูงที่ 28.7% เมื่อเทียบกับสิ้นปี 2552 ที่ 27.5%

ด้านธุรกิจหลักทรัพย์ ณ สิ้นปี 2553 มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันผ่าน บล. ทิสโก้เท่ากับ 1,376.91 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 52.5% เมื่อเทียบกับปีก่อน ตามปริมาณการซื้อขายในตลาดที่เพิ่มสูงขึ้น รายได้ค่านายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ปรับตัวเพิ่มขึ้น 29.2% เป็น 706.28 ล้านบาทในปี 2553 ทั้งนี้ สัดส่วนมูลค่าการซื้อขายหลักทรัพย์ของ บล. ทิสโก้ ประกอบด้วยลูกค้าสถาบันต่างประเทศ 19.2% ลูกค้าสถาบันในประเทศ 31.4% และลูกค้ารายย่อยในประเทศ 48.7% สำหรับรายได้ค่าธรรมเนียมจากธุรกิจวาณิชธนกิจ ในปี 2553 อยู่ที่ 178.70 ล้านบาท เทียบกับปีก่อนที่ 53.86 ล้านบาท สาเหตุหลักมาจากความสำเร็จในการเป็นที่ปรึกษาทางการเงิน ในการจำหน่ายหุ้นธนาคารนครหลวงไทย จำกัด (มหาชน)

ในส่วนของธุรกิจจัดการกองทุน บลจ. ทิสโก้ มีสินทรัพย์ภายใต้การบริหาร ณ สิ้นปี 2553 จำนวน 137,014.95 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13,728.55 ล้านบาท หรือ 11.1% เมื่อเทียบกับสิ้นปีที่แล้ว โดยแบ่งเป็นกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ 77,266.69 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วน 56.4%, กองทุนส่วนบุคคล 42,027.46 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วน 30.7% และกองทุนรวม 17,721.80 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วน 12.9% และรายได้ค่าธรรมเนียมโดยรวมของธุรกิจจัดการกองทุนเพิ่มขึ้นจาก 642.45 ล้านบาทใน ปี 2552 เป็น 698.31 ล้านบาท