ไทยเชิญหัวเว่ยร่วมขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทัล -พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พบกับ นายหู โฮ่วคุน รักษาการประธานกรรมการ และซีอีโอหมุนเวียนหัวเว่ย เทคโนโลยี่-

เมื่อวันที่ 23 ธันวาคม 2557 เวลา 14.00 น.ตามเวลาท้องถิ่นของสาธารณรัฐประชาชนจีน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พร้อมคณะได้เปิดโอกาสให้นายหู โฮ่วคุน รักษาการประธานกรรมการ และซีอีโอหมุนเวียน (Rotating CEO) บริษัท หัวเว่ย เทคโนโลยี่ จำกัดเข้าพบและหารือเกี่ยวกับนโยบายขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทัล พร้อมมอบอุปกรณ์เดสก์ท็อป คลาวด์ (Desktop Cloud System) รองรับผู้ใช้งานจำนวน 500 คน ให้กับประเทศไทย และเดินหน้าสร้างสรรค์บุคลากรไทยที่เชี่ยวชาญด้านไอซีที จำนวน 100คนภายในระยะเวลา 5 ปี

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า “ขอชื่นชมหัวเว่ย บริษัทผู้นำด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร และผู้ผลิตรายใหญ่ของโลก ที่ให้การสนับสนุนและเป็นส่วนหนึ่งในความสำเร็จของการพัฒนาด้านการโทรคมนาคมของประเทศไทย ทั้งนี้ ในปัจจุบันประเทศไทย กำลังขับเคลื่อนนโยบายเศรษฐกิจดิจิทัล ในโอกาสนี้ ผมขอเชิญชวน หัวเว่ย ซึ่งเป็นผู้ประกอบการด้านไอซีทีรายหลักในประเทศไทย มาเป็นส่วนหนึ่งในการสนับสนุนนโยบายเศรษฐกิจดิจิทัล ผมเชื่อว่าหัวเว่ยจะสามารถให้คำแนะนำในการสร้างเศรษฐกิจดิจิทัล และช่วยพัฒนาบุคลากร ตลอดจนการส่งมอบองค์ความรู้ เพื่อร่วมกันผลักดันประเทศไทยก้าวสู่การขึ้นเป็นศูนย์กลางด้านไอซีที (ICT Hub) ของอาเซียน”

นายหู โฮ่วคุน รักษาการประธานกรรมการ และซีอีโอหมุนเวียน (Rotating CEO) บริษัท หัวเว่ย เทคโนโลยี่ จำกัด กล่าวว่า “ขอขอบคุณ พณฯ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ท่านนายกรัฐมนตรีที่ได้แสดงให้เห็นวิสัยทัศน์อันกว้างไกลในการขับเคลื่อนนโยบายเศรษฐกิจดิจิทัล ทั้งนี้ บริษัทฯ มีความพร้อมและความตั้งใจจริงที่จะขานรับนโนบายดังกล่าว และเราจะเดินหน้าให้การสนับสนุนรัฐบาลไทยในการพัฒนาประเทศไปสู่เศรษฐกิจดิจิทัลตลอดจนช่วยสร้างบุคลากรที่มีความรู้และความชำนาญด้านไอซีทีเพิ่มมากขึ้น”

หัวเว่ย ในฐานะที่เป็นผู้ประกอบการด้านไอซีทีรายหลักในประเทศไทยมากว่า 15 ปี ทั้งเป็นผู้สนับสนุนในโครงการต่าง ๆ ที่ดำเนินการโดยผู้ให้บริการโทรคมนาคมรายหลักของประเทศ  หน่วยงานภาครัฐ และธุรกิจ หัวเว่ย ตลอดหลายปีที่ผ่านมา หัวเว่ยทั้งในประเทศไทย และสำนักงานของหัวเว่ยในภูมิภาคอาเซียน ได้มีการพัฒนาบุคคลากรในด้านไอซีทีไปแล้วไม่น้อยกว่า 10,000 คน และสร้างงานให้กับประชาชนในประเทศต่าง ๆ ในภูมิภาคนี้แล้วไม่น้อยกว่า 5,000 คน 

___________________________