เมื่อเจ้าพ่อแร็พ มาขายแว่น

ด้วยความที่ชอบใส่แว่นตลอดเวลา จนเป็นส่วนหนึ่งของอุปกรณ์ที่ต้องมีไว้ข้างกายแบบขาดไม่ได้  บวกกับความชื่นชอบกีฬา สเก็ตบอร์ดตั้งแต่เด็ก ทำให้ เจ้าพ่อแร็ปเปอร์ของเมืองไทย อภิสิทธิ์ โอภาสเอี่ยมลิขิต หรือ โจอี้ บอยนำ 2 ส่วนผสม  ควักเงิน 5 ล้านบาท ลงขันกับเพื่อนสมัยมัธยม ธุรกิจขายแว่นตากันแดด ในชื่อ DECK Funglasses by Joey boy

การเปิดตัวธุรกิจของเขาถือว่ามาถูกจังหวะเวลา เพราะเป็นช่วงที่วลีเด็ดของเขา “เรามาถึงจุดนี้ยังไง” กำลังถูกแชร์กันอย่างสนุกสนาน แถมรายการเดอะวอยซ์ ซีซั่น 4 ที่โจอี้ บอย ทำหน้าที่ “โค้ช”  กำลังเปิดตัวช่วงต้นเดือนสิงหาคม งานนี้เลยไม่ต้องออกแรงโปรโมทมากนัก

แถมงานนี้ ไม่ต้องควักงบไปจ้างพรีเซนเตอร์ที่ไหน ใช้ตัวเองตัวแทนให้กับสินค้าได้สบายๆ แถมยังมีกระแสมาช่วยซัพพอร์ต งานเปิดตัวเลยมี ผู้สื่อข่าวสายบันเทิงมากันคึกคัก

“ทุกคนก็เห็นด้วยตรงกันว่าแว่นกันแดดเป็นธุรกิจที่เหมาะกับผม และเหมาะกับคนไทยในเวลานี้เพราะเมืองไทยเป็นเมืองร้อนทุกคนต้องการแว่นกันแดดที่ดีเพื่อป้องกันแสง โดยที่แว่นต้องมีสไตล์เก๋ไก๋เพราะคนสมัยนี้จะมองหาอะไรที่มีความแตกต่างและนั่นแหละคือโอกาสของแว่น DECK Funglasses” โจอี้ บอย มุมมองธุรกิจแว่นตาของอภิสิทธิ์ หรือ โจอี้ บอย

โจอี้ บอกว่า การแข่งขันในตลาดแว่นตากันแดดค่อนข้างสูง เพราะมีแบรนด์แว่นตากันแดดที่นำเข้ามาจากประเทศเข้ามาหลายๆแบรนด์ แต่ถึงยังไงโอกาสของตลาดยังมีอยู่  หากแต่ต้องสร้างความแตกต่างได้ ซึ่งแว่น DECK Funglassesใช้จุดขายในเรื่องของวัสดุที่ทำมาจาก Canadian Maple Wood ซึ่งเป็นไม้ชนิดเดียวกับที่ใช้ทำแผ่นสเก็ตบอร์ดนอกจากจะทนทานและมีน้ำหนักเบาแล้วทุกชิ้นจะมีลายไม้ที่ไม่เหมือนกัน จึงทำให้สินค้ามีชิ้นเดียวในโลก

นอกจากหุ้นส่วนทั้ง3 คือ โจอี้ บอย ดูแลเรื่องแบรนด์  และหุ้นส่วนทั้งสอง คือ  ชณัฐ ภัคเวโรจน์ เป็นผู้ทำหน้าดูแลเรื่องสินค้า และ ภัทร ณรงค์ชัยกุล ทำหน้าที่ดูแลการตลาด  ทั้งสามยังร่วมด้วยช่วยกันคิด คอนเซ็ปสินค้า ที่วางจุดขายให้เป็นแว่นกันแดดแนวสตรีทแฟชั่น ที่มีความสปอร์ตและความสมาร์ทเข้าด้วยกัน พร้อมกับชูความเป็นแบรนด์คนไทยเน้นขายราคาที่เหมาะสมกับคนไทยคือเริ่มต้นที่ 3,750-5,900 บาทวางขายผ่านทั้งช่องทางปกติ และออนไลนครบทั้งเว็บไซต์ เฟซบุ้ค และอินสตราแกรม

เปิดตัวมา 6 เดือนขายได้ 2,000 ชิ้น มีลูกค้าทั้งคนไทยและต่างชาติมาอุดหนุน นอกจากเตรียมเพิ่มช่องทางจำหน่ายขยายบูธเพิ่มเป็น 6 แห่ง และเข้าร่วมกับพาตเนอร์ให้ได้ 20-30 แห่ง และยังเตรียมส่งออกไปขายในต่างประเทศ   และหากธุรกิจแว่นไปได้สวย โจอี้ บอย ก็พร้อมจะรวมแตกขยายธุรกิจขายชุดว่ายน้ำ  และรองเท้าแตะเป็นโปรเจกส์ต่อไป

เพราะไม่แน่ว่า ต่อไปอาจจะเปลียนจาก “เจ้าพ่อแร็บ” มาเป็น “เจ้าพ่อแฟชั่น” ก็ได้ใครจะรู้