อีริคสัน คอนซูเมอร์ แลป ชี้ 1 ใน 3 รับชมทีวีทั่วโลกผ่านระบบวิดีโอออนดีมานด์ 6 ชั่วโมง/ สัปดาห์ – 66 %คนไทยดูคลิป สัปดาห์ละครั้ง

อีริคสัน ได้เปิดตัวรายงานการศึกษาประจำปีฉบับล่าสุด คือ Ericsson ConsumerLab TV & Media Report ซึ่งเป็นการศึกษาพฤติกรรมและการสัมภาษณ์ผู้บริโภคกว่า 22,500คนใน 20 ประเทศ โดยการศึกษานี้จะสะท้อนกลุ่มผู้บริโภคกว่า 680 ล้านคนทั่วโลก พบว่า

– ผู้บริโภคต่างอ้าแขนรับบริการดูวิดีโอออนดีมานด์กันเต็มที่อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน  โดย 35 เปอร์เซ็นต์ของการรับชมทีวีและวีดีโอทั่วโลกนั้นเป็นการดูผ่านระบบออนดีมานด์

– การรับชมวิดีโอบนสมาร์ทโฟนนั้นเพิ่มขึ้นถึง 71 % ตั้งแต่ปี 2012 โดยเกือบ 2 ใน 3 ของเวลาทั้งหมดที่วัยรุ่นรับชมทีวีและวิดีโอนั้นจะชมผ่านอุปกรณ์โมบายต่างๆ

– ความนิยมในการรับชม User-Generated Content หรือภาพและวีดีโอที่จัดทำโดยผู้บริโภคกันเองนั้นเพิ่มมากขึ้นเช่นกัน โดยเกือบ 1 ใน 10 ของผู้บริโภครับชมYouTube มากกว่า 3 ชั่วโมงต่อวัน

– ดูวิดีโอออนดีมานด์ผ่านระบบสตรีมมิ่งอย่างน้อยวันละครั้ง ซึ่งเพิ่มขึ้นจากปี 2012 ซึ่งมีเพียง  30 %

– ผู้บริโภคดูหนังซีรี่ส์ รายการต่างๆ และหนังแบบออนดีมานด์ทางทีวี เพิ่มสูงขึ้นกว่า 6 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ ซึ่งเพิ่มขึ้นมากกว่าสองเท่าจากปี 2011 ที่ประมาณ 2.9 ชั่วโมง

ทีวีแบบเดิมยังสำคัญ

o ความนิยมในการชมทีวีออกอากาศทั่วไปนั้นยังคงมีอยู่เนื่องมาจากการความนิยมในการรับชมรายการถ่ายทอดสด อย่างเช่นการแข่งขันกีฬา และรายการสดต่างๆ ที่ผู้คนและสังคมต่างชื่นชอบและเฝ้าติดตาม

· พฤติกรรมการดูทีวีนั้นสัมพันธ์กับช่วงอายุเช่นกัน โดย 82  % ของคนอายุช่วง 60-69 ปีนั้นจะดูทีวีเป็นกิจวัตรประจำวัน แต่กลุ่ม Gen Y (อายุ 16-34) จะดูประมาณ 60 %

 

· การรับชมรายการทีวีหลายตอนแบบต่อเนื่องตั้งแต่ต้นจนจบส่งผลต่ออุตสหกรรมบันเทิง

o   ความสามารถที่จะรับชมรายการทีวีและวิดีโอหลายๆ ตอนอย่างต่อเนื่องกัน หรือ Binge viewing นั้น กลายเป็นสิ่งที่ผู้บริโภคต้องการและคาดหวัง

o   พฤติกรรม binge view นี้ได้กลายมาเป็นสิ่งที่ทำกันเป็นประจำในกลุ่มผู้ใช้บริการวิดีโอออนดีมานด์ )S-VOD การรับชมแบบสมาชิก) โดยร้อยละ 87 ของกลุ่มผู้ใช้บริการ S-VOD จะดูแบบ binge view อย่างน้อยสัปดาห์ละครั้ง เมื่อเปรียบเทียบกับกลุ่มผู้ที่ไม่ได้ใช้บริการ S-VOD ซึ่งมีอยู่ร้อยละ 74

· คน Gen Y ชื่นชอบการรับชมผ่านอุปกรณ์โมบายมากกว่า

o   กลุ่ม Gen Y (อายุ 16-34) จะดูทีวีส่วนใหญบนสมาร์ทโฟน แล็ปท็อปหรือแท็บเล็ต คิดเป็นประมาณ 53 %ของเวลาการดูทีวีและวิดีโอทั้งหมด

o   จำนวนผู้บริโภคที่ดูวิดีโอบนสมาร์ทโฟนนั้นเพิ่มขึ้นถึง 71% โดยเวลาการดูทีวีและวิดีโอบนอุปกรณ์โมบายนั้นสูงขึ้นเป็น 3 ชั่วโมงต่อสัปดาห์เมื่อเทียบกับปี 2012

o   เวลาเฉลี่ยที่ใช้ในการดูวิดีโอบนอุปกรณ์โมบายนั้นสูงถึง 3 ชั่วโมงต่อสัปดาห์เทียบกับปี 2012

· กลุ่นคนที่ไม่นิยมการดูทีวีแบบที่ต้องจ่ายเงินเพิ่มเริ่มมีการเปลี่ยนใจในท้ายที่สุด

o   สำหรับผู้บริโภคที่ไม่เคยใช้งานทีวีที่ต้องจ่ายเงินเพิ่ม เช่น ค่าบริการรายเดือนนั้น มันอาจเป็นเรื่องยากสำหรับพวกเขาที่จะเข้าใจประโยชน์และคุณค่าของสิ่งที่ผู้ให้บริการนั้นหยิบยื่นให้ในปัจจุบัน

o   การทำสัญญาสมาชิกแบบผูกมัดระยะยาว แพกเกจที่ไม่ยืดหยุ่น ราคาที่สูง และโฆษณาที่มากมายนั้นทำให้กว่าร้อยละ 50 ของคนกลุ่มนี้ไม่อยากจ่ายเงินเพื่อใช้บริการนี้ไม่ว่าตอนนี้หรือในอนาคตก็ตาม

·   อย่างไรก็ตาม กว่า 22 %ในกลุ่มคนที่ไม่เคยใช้บริการทีวีสมาชิกแบบรายเดือนนั้น มีการจ่ายค่าบริการ over-the-top (OTT) อยู่แล้ว นี่จึงแสดงให้เห็นว่าพวกเขาก็พร้อมเต็มใจที่จะจ่ายค่าบริการทีวี แต่อาจจะต้องใช้วิธีและรูปแบบที่แตกต่างออกไป

66 % คนไทยดูคลิปสัปดาห์ละครั้ง

พฤติกรรมการรับชมสื่อต่างๆ ของคนไทยส่วนใหญมีแนวโน้มที่จะสอดคล้องกับเทรนด์ต่างๆ ของพฤติกรรมผู้บริโภค แต่อีริคสันมองว่าปัจจัยหลัก 3 ประการที่จะส่งเสริมให้มีการยอมรับเทรนด์ดังกล่าวอย่างรวดเร็วและในสังคมวงกว้างมากขึ้น ได้แก่ พฤติกรรมการใช้เทคโนโลยี  ICT  ของกลุ่มเด็กและวัยรุ่นที่กระตุ้นให้กลุ่มผู้ปกครองและผู้ใหญ่ใช้ตามอัตราการขยายตัวของสังคมเมือง และการเข้าถึงและการใช้สมาร์ทโฟนที่สูงมากขึ้น

         ›  ผู้ใช้โมบายอินเทอร์เน็ตในไทยเริ่มนิยมดูโมบายทีวีกันมาก

            – 66 จะดูคลิปวิดีโอสั้นๆ เป็นประจำทุกสัปดาห์ (เมื่อเทียบกับอัตราเฉลี่ยทั่วโลกที่ร้อยละ 57)

            – ร้อยละ 44 จะดูหนังวิดีโอจนจบเรื่องเป็นประจำทุกสัปดาห์ (โดยทั่วโลกจะอยู่ที่ร้อยละ 39)

          ›  แต่อัตราความเร็วของเครือข่ายก็ส่งผลต่อการรับชมและประสบการณ์การดูทีวีเช่นกันดังผลการสำรวจผู้ใช้โมบายอินเทอร์เน็ตในไทยดังนี้

อัตราความเร็วของเครือข่าย

การรับชมคลิปวิดีโอสั้นๆ

(short video)

การรับชมหนังวีดีโอจนจบเรื่อง (Full length video)

3G

68%

40%

4G

86%

79%

›  ผู้ให้บริการและผู้ผลิตสื่อโดยเฉพาะละครซีรี่ส์ควรตระหนักถึงพฤติกรรมของผู้บริโภคในการรับชมทีวีหลายตอนแบบต่อเนื่อง หรือ binge viewing ที่เพิ่มมากขึ้น ซึ่งอาจจะต้องมีการปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ในการเผยแพร่สื่อละครซีรี่ส์ต่างๆ ในอนาคต และอาจทำให้ผู้บริโภคหันมาใช้บริการวิดีโออนดีมานด์มากขึ้น โดยผู้ให้บริการอาจต้องมีการปรับเปลี่ยนกลยุทธ์สื่อโฆษณาให้เหมาะสม เช่น บริการ iFlix ซึ่งเป็นการให้บริการวิดีโอออนดีมานด์แบบสมาชิกรายเดือนในประเทศไทย เป็นต้น

›  รูปแบบและเนื้อหาของสื่อยังคงมีบทบาทสำคัญต่อผู้บริโภค แต่ในปัจจุบันผู้บริโภคคนไทยต้องการเข้าถึงสื่อที่หลากหลาย ทั้งในและต่างประเทศมากขึ้น

›  ผู้ให้บริการจำต้องคำนึงถึงข้อจำกัดและอุปสรรคของผู้บริโภคสื่อ เช่น งบประมาณ ค่าใช้จ่ายในการเข้าถึงสื่อ  ช่องทางในการรับชมสื่อต่างๆ เช่น ทีวี สมาร์ทโฟน อุปกรณ์โมบายต่างๆ และความคาดหวังกับไลฟ์สไตล์ในการรับชมสื่อของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไปอีกด้วย เช่น การชมทุกที่ทุกเวลาและผ่านทุกอุปกรณ์

›  ผู้ให้บริการจำต้องสร้างแพกเกจการให้บริการและราคาที่หลากหลายเพื่อตอบสนองไลฟ์สไตล์ของคนไทยที่ต้องการเข้าถึงสื่อที่หลากหลายได้ในทุกที่ ทุกเวลา และผ่านอุปกรณ์ที่หลากหลาย