Harirak – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Thu, 01 Nov 2018 03:28:26 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 “ธนจิรากรุ๊ป” ใส่เงินพันล้าน เทคโอเวอร์ “HARNN” ต่อจิ๊กซอว์เข้าตลาดหุ้น https://positioningmag.com/1195047 Wed, 31 Oct 2018 03:00:00 +0000 https://positioningmag.com/?p=1195047 Thanatkit

หลังจากปิดดีล เทคโอเวอร์ “แคท คิดสตัน ประเทศไทย” แบรนด์แฟชั่นวินเทจ ด้วยเม็ดเงินราว 300 ล้านบาท มาได้ไม่นานนัก (ปลายปี 2517)

ล่าสุด ธนจิรากรุ๊ป”เจ้าของแบรนด์แฟชั่น ได้ทุ่มเม็ดเงินไม่ต่ำกว่า 1,000 ล้านบาท เข้าซื้อหุ้น 100% ใน “HARNN” แบรนด์เครื่องหอมชั้นนำของไทย

ดีลนี้ครอบคลุมถึงการได้มาสินทรัพย์ทางปัญญาในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ (Branding and IP Assets) และเครือข่ายเชิงธุรกิจทั้งหมดของกิจการ รวมไปถึงแบรนด์ต่างๆ ภายใต้แบรนด์ HARNN ได้แก่ HARNN (หาญ), Vuudh (วุฒิ), Tichaa by HARNN (ธิชา บาย หาญ), HARNN Heritage Spa (หาญ เฮอริเทจสปา) และ Asian Holistic Academy (เอเชี่ยน โฮลิสติก อะคาเดมี)

โดยปัจจุบันจำนวนสาขาของแบรนด์ในเครือ HARNN และสปา มีจุดขายและบริการประมาณ 30 สาขาในประเทศไทย พร้อมทั้งยังมีการจัดจำหน่ายผ่านตัวแทนจำหน่ายในอีก 16 ประเทศ โดยส่วนมากเป็นประเทศที่อยู่ในภูมิภาคเอเชีย ปีที่ผ่านมามีรายได้ 300 ล้านบาท ปีนี้ตั้งเป้ารายได้ 400 ล้านบาท

ธนพงษ์ จิราพาณิชกุล กรรมการผู้จัดการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บจก. ธนจิรา รีเทล คอร์ปอเรชั่น บอกว่า การซื้อ HARNN จะเข้ามาต่อจิ๊กซอว์ “Regional Lifestyle Company” อย่างเต็มตัว จากเดิมกลุ่มสินค้าที่ทำการตลาดอยู่แล้ว มีตั้งแต่สินค้าประเภทแฟชั่น, ไลฟ์สไตล์, จิวเวลรี, แอคเซสเซอรี่, โฮมแวร์

“การขยายสู่พอร์ตสินค้ากลุ่มสุขภาพและความงาม (Health and Beauty) อาทิ เครื่องหอม, สปาโปรดักต์, บอดี้แคร์ และสกินแคร์ ที่สำคัญยังทำให้ธนจิรากรุ๊ป ลดความเสี่ยงในการพึ่งพิงรายได้จากแบรนด์นำเข้าเพียงอย่างเดียว”

หลังจากเข้าซื้อหาญแล้ว “ธนจิรากรุ๊ป” ได้วางแผนออกเป็น 2 เฟสเพื่อต่อยอดธุรกิจ ได้แก่

เฟส 1 : ภายในระยะเวลา 9 – 12 เดือนแรก เน้นสร้าง “Brand Awareness” แบรนด์ HARNN ให้กับกลุ่มลูกค้าในประเทศไทย โดยเน้นนโยบายเชิงรุกด้านการตลาด 360 องศา ด้วย Digital Marketing และการบริการหน้าร้าน

รวมทั้งการขยายสาขาเข้าสู่กลุ่มเป้าหมายและปรับภาพลักษณ์แบรนด์ ด้วยการตกแต่งร้าน (Brand Revamp) ให้มีอัตลักษณ์ที่ชัดเจนและร่วมสมัยมากยิ่ง เพื่อให้เข้าได้ทั้งกับกลุ่มลูกค้าปัจจุบันของแบรนด์และกลุ่มเป้าหมายใหม่ “Affluent Young Women” เข้าไปเป็นส่วนหนึ่งในการใช้ชีวิตประจำวันของกลุ่มสุภาพสตรีรุ่นใหม่ และการให้แบรนด์เป็นของขวัญในทุกโอกาส

เฟส 2 : ภายในระยะเวลา 12 – 24 เดือน บริษัทฯ ตั้งเป้าหมายสร้างพันธมิตรใหม่ทั้งตลาดต่างประเทศ ทั้งที่มีตัวแทนจำหน่ายเดิมและในประเทศ โดยเริ่มจากภูมิภาคเอเชีย วางแนวทางให้เป็นมาตรฐานเดียวทั้งโลก

“ในระยะแรกเจ้าของแบรนด์หาญเดิมจะยังอยู่ช่วยดูภาพลักษณ์ของแบรนด์อยู่ แต่ในระยะที่ 2 ต้องดูอีกทีว่าจะมีการต่อสัญญาใหม่หรือไม่” โดยจะเพิ่มมูลค่าการส่งออก จากเดิม 20% ในปัจจุบันเป็น 40% ภายใน 2 ปี

ในการซื้อกิจการของ “ธนจิรากรุ๊ป” จะมองหาธุรกิจที่มีตราสินค้าเป็นของตัวเอง มีอายุ 10 ปีขึ้นไป และธุรกิจต้องการความหลากหลาย ขนาดใหญ่ ทั้งยอดขาย สาขา ทีมงาน มีความยั่งยืนของการเจริญเติบโต ที่สำคัญผลตอบแทนการลงทุนต้องได้อย่างน้อย 15%

“การซื้อหาญกรุ๊ป ซึ่งตอบโจทย์ทุกอย่างตั้งแต่เป็นแบรนด์อายุ 18 ปี ให้ผลตอบแทนทันที สร้างความหลากหลายมีแบรนด์เพิ่มเป็น 7 แบรนด์ และยังเข้ามาต่อตลาดพรีเมียม อีกทั้งมีตลาดส่งออกอยู่แล้ว ท้ายที่สุดคือสร้างความชัดเจนในการนำธุรกิจเข้าตลาดหลักทรัพย์”

ส่วนแผนการซื้อกิจการในอนาคต ธนพงษ์ มองไว้ 3 กลุ่มหลัก 8nv ไลฟ์สไตล์​​, อาหาร & เครื่องดื่ม และ ธุรกิจบริการโรงแรม รวมไปถึงการนำแบรนด์ใหม่ๆ ที่เป็นแฟรนไชส์เข้ามา

ปัจจุบัน “ธนจิรากรุ๊ป” นำเข้าแบรนด์ไลฟ์สไตล์ในมือ คือ “แพนดอร่า” (PANDORA) เครื่องประดับแบรนด์ดังจากเดนมาร์ก, “มารีเมกโกะ” (MARIMEKKO) แบรนด์ไลฟ์สไตล์แฟชั่นจากฟินแลนด์ และ “แคท คิดสตัน” (CATH KIDSTON) แบรนด์ไลฟ์สไตล์โมเดิร์นวินเทจจากอังกฤษ และป็นผู้ผลิตและจำหน่ายแบรนด์เครื่องประดับจิวเวลรีเพชรแท้ “ทิลด้า” (TILDA) ล่าสุด คือ HARNN แบรนด์สปาของคนไทย ที่ไปดังในต่างประเทศ

โดยแบรนด์ที่เลิกขายคือ “โจนาธาน แอดเลอร์” (JONATHAN ADLER) แบรนด์สินค้าตกแต่งบ้านและเฟอร์นิเจอร์ลักซัวรีจากนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกา ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนเป็นต้นไป เนื่องจากเป็นสินค้าราคาแพง ทำให้กลุ่มลูกค้าแคบ ไม่สามารถขยายสาขาเพิ่มได้

เปิด  5 กลยุทธ์ ธนจิรา”

“ธนจิรากรุ๊ป” บอกว่า ตัวเองคือหนึ่งในบริษัทที่เติบโตแบบอย่างรวดเร็ว ด้วยอายุเพียง 8 ปี ก็มีรายได้หลักพันล้านบาท ซึ่งมาจากการวางกลยุทธ์หลัก 5 ข้อได้แก่

1.อยู่ในเซ็กเมนต์ที่เติบโตเร็วและมีศัพยภาพ อย่างพรีเมียมและลักชัวรี แต่ตอนนี้ได้ลงไปถึงพรีเมียมแมส ด้วยแบรนด์แคท คิดสตัน

2.นำเข้าแต่แบรนด์ที่เป็นที่รู้จักและทำได้จริงในตลาด เพราะสามารถนำจุดแข็งมาสื่อสารได้เลย โดยไม่จำเป็นต้องแข่งขันด้านราคา ทำกำไรได้สูงขึ้น

3.ต้องอยู่ในชัยภูมิที่ดี เข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้ง่าย โดยจะไม่ไปเปิดในพื้นที่หรือศูนย์การค้าที่ไม่เข้าใจ นอกจากนี้ก็ยังมองหาพื้นที่ใหม่ๆ เข้ามาเสริมด้วย เช่น เอาท์เล็ทที่เซ็นทรัลและสยามพิวรรธน์ โดยจะนำแบรนด์แพนดอร่าเข้าไป ตอนนี้ได้เริ่มทดลองทำตลาดกับโมเดลนี้แล้ว

4.ไม่มีการลงทุนในสิททรัพย์ขนาดใหญ่ ทำให้เคลื่อนไหวได้ง่าย

5.จับกลุ่มลูกค้ากลาง และบน ซึ่งได้รับผลกระทบน้อยต่อเศรษฐกิจ รวมไปถึงนักท่องเที่ยวที่ในช่วง 4-5 ปีเติบโตขึ้นเรื่อยๆ แม้ว่าช่วง 4-5 เดือนที่ผ่านมาจะหายไปบ้างก็ตาม โดยในส่วนของ CRM ปีนี้เตรียมยกเครื่องใหญ่ และปีหน้าจะทำให้ทุกแบรนด์ที่มีเชื่อมต่อฐานลูกค้าหากันหมด

]]>
1195047
มาดูกัน! ยอดผู้ใช้สนามบินในไทย ปี 61 ทะลุ 140 ล้านคน https://positioningmag.com/1195077 Wed, 31 Oct 2018 00:30:58 +0000 https://positioningmag.com/?p=1195077 1195077 ท็อปส์ พลิกโฉมใหม่ สู่ “มินิซูเปอร์มาร์เก็ต” ไร้เงินสด ประเดิมสาขา “สิงห์คอมเพล็กซ์” เชื่อมออนไลน์-ออฟไลน์ https://positioningmag.com/1195014 Tue, 30 Oct 2018 11:30:20 +0000 https://positioningmag.com/?p=1195014 ค้าปลีกยุคนี้ จะใช้ฟอร์แมตเดิมๆ ในทุกๆ สาขาคงไม่โดนใจผู้บริโภคมากพอ ต้องออกแบบให้ตรงกับ “ทำเล” ที่ตั้งของกลุ่มเป้าหมาย

เหมือนอย่าง บริษัท เซ็นทรัล ฟู้ด รีเทล จำกัด ต้องพลิกโฉมร้านค้าให้เข้ากับยุค 4.0 เปิดตัวมินิซูเปอร์มาร์เก็ต “ท็อปส์ เดลี่” สิงห์คอมเพล็กซ์แฟลกชิพสโตร์แห่งแรกของท็อปส์ เดลี่ นำเทคโนโลยีมาใช้ เพื่อให้สอดคล้องกับกลุ่มเป้าหมายคนเมือง พนักงาน นักศึกษา และคนทั่วไป

ด้วยการเปิดตัวแอปพลิเคชั่น “Tops Box” ให้ลูกค้าช้อปสินค้าผ่านแอปฯ โดยมี Electronic Shelf Labels ป้ายแสดงราคาสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ทั้งร้าน รวมถึง Scan Wall สแกนคิวอาร์โค้ด ให้สามารถสั่งชื้อสินค้าที่ไม่ได้วางโชว์

การออกแบบร้าน ต้องให้ดูทันสมัย จัดโซนร้านใหม่ รองรับลูกค้ากลุ่มพนักงานออฟฟิศ เน้นอาหารปรุงสดพร้อมรับประทาน Food to Go เช่น ซูชิ, ข้าวหมกไก่, ข้าวน้ำพริกปลาทู, ข้าวเหนียวหมูปิ้ง, โจ๊ก, ไข่ดาว, อาหารเพื่อสุขภาพ และผลไม้ออร์แกนิก, Coffee Arigato กาแฟสดและเครื่องดื่ม, My Beauty และคอนซูเมอร์โปรดักต์

สาขานี้ ยังมีมุมความงาม ใช้คอนเซ็ปต์ ช็อปอินช็อป ดึงแบรนด์ต่างๆ มาวางขายสินค้า โซนร้านขายยา ที่ขาดไม่ได้ คือ พื้นที่ Co-Working Space 30 ที่นั่ง ทั้งฟรีไวไฟ (Wi-Fi) ปลั๊กไฟและชาร์จมือถือ

ส่วนเคาน์เตอร์ชำระเงิน มี 12 จุด เน้นหลากหลาย ทั้งจ่ายผ่านแคชเชียร์ จ่ายเงินเอง Self Check Out

อรรฆยา จิตภักดี ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ฝ่ายปฏิบัติการท็อปส์ เดลี่ บริษัท เซ็นทรัล ฟู้ด รีเทล จำกัด เปิดเผย ท็อปส์ เดลี่ สิงห์คอมเพล็กซ์ ถือเป็นสาขาต้นแบบนำเทคโนโลยีมาใช้ เพื่อให้สอดคล้องกับพฤติกรรมผู้บริโภคที่คุ้นเคยกับการช้อปปิ้งออนไลน์ และผู้บริโภคหลายคนไม่พกเงินสดแล้ว เน้นการทำธุรกรรมผ่านสมาร์ทโฟนเครื่องเดียว โดยมีแผนนำโมเดลนี้ไปใช้กับสาขาใหม่ๆ ที่จะเปิดในอนาคต หากตรงกลุ่มเป้าหมาย โดยปัจจุบันมีท็อปส์ เดลี่ ทั้งหมด 71 สาขา

นับเป็นอีกหนึ่งใน strategic move ของบริษัท เซ็นทรัล ฟู้ด รีเทล ต้องปรับกลยุทธ์ พลิกโฉม “ท็อปส์ เดลี่” ให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมายคนเมือง พนักงาน นักศึกษาและคนทั่วไป ที่กำลังปรับเปลี่ยนเข้าสู่การช้อปปิ้งสู่สังคมไร้เงินสด (Cashless Society)

]]>
1195014
ปังพอมั้ย “ไอคอนสยาม” เทงบพันล้านจัดงานเปิดตัว ใช้ 6 ออแกไนซ์ดัง ดึงชีวอน, คิม ดงจุน, F4 ร่วม https://positioningmag.com/1195031 Tue, 30 Oct 2018 10:14:19 +0000 https://positioningmag.com/?p=1195031 เรื่อง : Thanatkit

รอคอยมานานกว่า 5 ปี กับเม็ดเงินลงทุน ที่เรียกได้ว่า สร้างประวัติศาสตร์ให้กับวงการอสังหาริมทรัพย์และรีเทลเมืองไทยกว่า 54,000 ล้านบาท ในที่สุด ไอคอนสยามก็ได้เวลาเปิดตัว

“ไอคอนสยาม” พัฒนาโดยกลุ่มธุรกิจยักษ์ใหญ่ของประเทศไทย 3 กลุ่ม คือ “สยามพิวรรธน์” เจ้าของและผู้บริหารศูนย์การค้า สยามเซ็นเตอร์ สยามพารากอน และสยามดิสคัฟเวอรี่, “แมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่น (MQDC)” เจ้าของและผู้พัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยและโครงการมิกซ์ยู และ “เครือเจริญโภคภัณฑ์”ตัวโครงการบนที่ดิน 55 ไร่ริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา มีพื้นที่ติดริมแม่น้ำยาว 400 เมตรและพื้นที่ภายในอาคารกว่า 750,000 ตารางเมตร ประกอบด้วยศูนย์การค้าที่หรูหรา 2 อาคาร คือ ไอคอนสยาม กับ ไอคอนลักซ์

และคอนโดมิเนียมสุดหรูริมฝั่งแม่น้ำ 2 อาคาร ได้แก่ “แมกโนเลียส์ วอเตอร์ฟร้อนท์ เรสซิเดนเซส แอท ไอคอนสยาม” ความสูง 317.95 เมตร ปัจจุบันอยู่ในระหว่างการก่อสร้าง กับ “เดอะ เรสซิเดนเซส แมนดาริน โอเรียนเต็ล แบงค็อก แอท ไอคอนสยาม” ความสูง 272.20 เมตรไอคอนสยาม วางฤกษ์งามยามดี 9 พฤศจิกายน 2018 เปิดตัวอย่างเป็นทางการ และเป็นรอบสื่อมวลชน ส่วนประชาชนทั่วไปจะเปิดให้เข้าได้ในวันที่ 10 พฤศจิกายน 2018 เป็นต้นไป

งานเปิดตัวครั้งนี้ไม่ได้จัดเล่นๆ แต่เล่นใหญ่ เทเงินกว่า 1,000 ล้านสำหรับจัดงาน โดย 70% จะถูกใช้ในช่วงวันที่ 9-11 พฤศจิกายน ส่วนที่เหลืออีก 30% จะใช้สำหรับการจัดกิจกรรมเพื่อกระตุ้นและดึงดูดลูกค้า

เฉพาะการจัดงานช่วง 9-11 พฤศจิกายน แค่ 3 วัน ก็ใช้ออแกไนซ์มือฉมังของเมืองไทยถึง 6 บริษัท บวกกับอีกหนึ่งบริษัทที่ดูแลเรื่องโดรน ได้แก่ บริษัท อินเด็กซ์ ครีเอทีฟ วิลเลจ จำกัด (มหาชน), ซีเอ็มโอ กรุ๊ป, บริษัท แม็กซ์ อิมเมจ จำกัด, บริษัท ไร้ท์แมน จำกัด, บริษัท ตือ จำกัด, บริษัท เอ็มคิวดีซี ไบรท์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด ร่วมกับ อินเทล ที่รับผิดชอบทางด้านการใชโดรนเพื่อการแสดง ภายใต้คอนเซ็ปต์ “มหาปรากฏการณ์งานเปิดเมืองไอคอนสยาม”

โดยไฮไลต์สำคัญอย่างหนึ่งคือการใช้โดรนที่มากกว่า 1,500 ตัว ในการใช้เปิดการแสดงสร้างสีสันริมแม่น้ำเจ้าพระยาครั้งนี้ ซึ่งเป็นครั้งแรกในไทย และไทยถือเป็นประเทศที่ 18 ในโลกที่ใช้โดรนแบบนี้ ซึ่งถือว่ามากกว่าการเปิดโอลิมปิกที่อินเทลเคยทำมาในต่างประเทศที่ใช้เพียง 1,300 ตัวเท่านั้น

ใช้นักแสดงกว่า 1,000 คน ภายใต้ธีม ‘Legendary Party’ กิจกรรมการแสดงต่างๆ ครอบคลุมพื้นที่ทุกชั้นของไอคอนสยาม

นอกจากนี้ บริเวณ River Park ริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา บนเวทีขนาดใหญ่ออกแบบโดยอาจารย์เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ มี “เรือสำเภาศรีมหาสมุทร” เรือสำเภาโบราณให้กลับมาล่องบนแม่น้ำเจ้าพระยาอีกครั้ง ใช้เทคโนโลยี Intel ออกแบบภาพด้วยขบวนโดรนจำนวนกว่า 1,500 ลำ

เชิญนักร้องจากต่างประเทศมาร่วมงาน เช่น “ชเว ชีวอน, คิม ดงจุน, F4” ซึ่งเฉพาะ F4 จะมีสเปเชียลโชว์ในวันที่ 10 พฤศจิกายน เปิดให้เหล่าแฟนคลับเข้าชมฟรี ยังไม่นับรวมดาราระดับแม่เหล็กของไทยอีก เช่น พัชราภา ไชยเชื้อ, แอน ทองประสม และ เจมส์ จิรายุ ตั้งศรีสุข เป็นต้น

ชฎาทิพ จูตระกูล กรรมการ บริษัท ไอคอนสยาม จำกัด กล่าวว่า ช่วงเปิดตัวจะมีพื้นที่เปิดให้บริการทั้งหมด 90% เหลือ 2 ชั้นบนสุดซึ่งเป็นที่ตั้งของ “ไอคอนสยาม เฮอร์ริเทจ มิวเซียม” พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์และภูมิปัญญาไทย กับศูนย์ประชุมและโรงมหรสพอเนกประสงค์ ทรู ไอคอน ฮอลล์” (ร่วมทุนกับทรู คอร์ปอเรชั่น) ซึ่งจะเปิดเดือนกรกฎาคม ปี 2019

ส่วนร้านค้าเช่ากว่า 500 ร้าน จะมีประมาณ 80-90% จะเปิดได้ในวันที่ 9 พฤศจิกายน ส่วนที่เหลือจะทยอยเปิดไปถึงสิ้นปี โดยในจำนวนร้านค้าทั้งหมดมีร้านกว่า 20% ที่ไม่เคยเปิดตัวมาก่อน เช่น “ห้างสรรพสินค้าสยามทาคาชิมาย่า” สาขาแรกในประเทศไทย พื้นที่ 36,000 ตารางเมตร

“แอปเปิลสโตร์” สาขาแรกในประเทศไทย, “ไอคอน บาย ฟิตเนสเฟิรส์ท” พื้นที่ 4,000 ตารางเมตร และ เจดี สปอร์ตส์ ร้านเสื้อผ้าเปิดแฟลกชิพสโตร์’ พื้นที่กว่า 990 ตารางเมตร ตั้งอยู่บนชั้น 2 และชั้น 3

ในช่วงแรกของการเปิดให้บริการ คาดว่าลูกค้าเข้ามาใช้บริการเฉลี่ย 150,000 คนต่อวัน แบ่งเป็นชาวไทย 65-70%

บริเวณฝั่งธนบุรีมีฐานลูกค้ากว่า 2.4 ล้านราย และชาวต่างชาติ 30-35% ส่วนในช่วงฤดูกาลท่องเที่ยวอย่างเช่นปลายปี สัดส่วนนักท่องเที่ยวต่างชาติน่าจะเพิ่มเป็น 40-45% หลักๆ จะเป็นนักท่องเที่ยวชาวเอเชีย โดยเฉพาะชาวจีน ที่เหลือจะมาจากยุโรปและอเมริกา

ไอคอนสยาม เตรียมเรือไว้รับส่งยังท่าสำคัญๆ เช่น ท่าเรือสาทร มีเรือรับส่งทุก 5 นาที โดยคาดว่าจะมีผู้ใช้ช่องทางนี้ทั้งหมด 50,000 – 60,000 คนต่อวัน และในจำนวนเท่ากันจะมาจากรถไฟฟ้าสายสีทอง ที่จะเปิดให้บริการอย่างเป็นทางการปีหน้า ส่วนรถยนต์คาดว่าจะมีประมาณ 20,000 – 30,000 คนต่อวัน

นักท่องเที่ยวไม่ได้ลดลง

ส่วนกรณีนักท่องเที่ยวลดลงในช่วงที่ผ่านมา กลุ่มนี้ถือเป็นเป้าหมายหลักของไอคอนสยามด้วย ชฎาทิพบอกว่าจากข้อมูลนักท่องเที่ยวในสยามเซ็นเตอร์ สยามพารากอน และสยามดิสคัฟเวอรี่ ไม่ได้จำนวนที่ลดลง สิ่งที่สวนทางคือยอดใช้จ่ายต่อคนของนักท่องเที่ยวสูงขึ้นกว่า 13% อีกทั้งยังมีสัดส่วน 35-38% จากจำนวนผู้ที่เข้าศูนย์ทั้งหมด

“นักท่องเที่ยวที่มีกำลังซื้อสูงชอบมาริมแม่น้ำ เชื่อว่าจะไม่ได้รับผลกระทบกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น เพราะบริเวณศูนย์การค้ามีทั้งแหล่งท่องเที่ยว และโรงแรม 5 ดาวจำนวนมาก”

ชฎาทิพ ทิ้งท้ายว่า ฝั่งธนบุรีมีการเจริญเติบโตอย่างมั่นคงแข็งแรงตลอด 10 ปีที่ผ่านมา ต่อจากนี้ก็เชื่อว่าจะเป็นอีกหนึ่งทำเลที่ต้องจับตา เผลอๆ จะมีตัวเลขเติบโตมากกว่าฝั่งกรุงเทพฯ ด้วยซ้ำ เนื่องจากรัฐบาลกำลังลงทุนโครงสร้างพื้นฐานในฝั่งธนบุรี ทั้งเรื่องการเชื่อมต่อกับรถไฟฟ้าสายต่างๆ การทำถนน เป็นต้น รวมไปถึงการเติบโตของผู้อยู่อาศัย ที่จะมาจากโครงการอสังหาริมทรัพย์และโรงแรม

 

 

]]>
1195031
Booking ควัก 200 ล้านเหรียญ ลงทุน Grab เชื่อมแพลตฟอร์ม ขยายฐานลูกค้าจองโรงแรม – เรียกรถ คาดเติบโตเพิ่ม 3 เท่าตัวในปี 68 https://positioningmag.com/1194965 Tue, 30 Oct 2018 06:03:08 +0000 https://positioningmag.com/?p=1194965 เครือบุคกิ้ง โฮลดิงส์ ธุรกิจจองที่พักออนไลน์และอีคอมเมิร์ซด้านการท่องเที่ยว และบริษัทแกร็บ โฮลดิงส์ (แกร็บ) แพลตฟอร์มเรียกรถโดยสารออนไลน์ ประกาศความร่วมมือทางธุรกิจร่วมกัน

โดยแบรนด์ในเครือบุคกิ้งโฮลดิงส์ จะสามารถนำเสนอบริการเรียกรถโดยสารผ่านแอปพลิเคชั่นแก่ลูกค้าแอปพลิเคชั่นในเครือ ด้วยการสนับสนุนเทคโนโลยีจากแกร็บ ขณะที่ลูกค้าแกร็บจะสามารถจองที่พักได้ทั่วโลกผ่าน Booking.com และ agoda.com

ยิ่งไปกว่านั้น บุคกิ้ง โฮลดิงส์ยังนำเงินมาลงทุนในแกร็บ 200 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือ 6,400 ล้านบาท เพราะมองว่าแกร็บคือผู้นำแพลตฟอร์ม O2O (Online-to-Offline) ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

ทั้งนี้ ในช่วงที่ผ่านมา แกร็บได้รับเงินระดมทุนจากรอบปัจจุบันกว่า 2,000 ล้านเหรียญสหรัฐ และคาดว่าจะระดมทุนได้ทั้งหมดกว่า 3,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ภายในสิ้นปีนี้

ภายใต้ความร่วมมือครั้งนี้ทั้งสองกลุ่มธุรกิจจองที่พักทางออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดในโลกและแพลตฟอร์ม O2O (Online-to-Offline) ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จะช่วยให้เดินทางง่ายขึ้นสำหรับนักเดินทางในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และทั่วโลก

ทอดด์ เฮนริค รองประธานอาวุโสและผู้อำนวยการแผนกพัฒนาองค์กร เครือบุคกิ้ง โฮลดิงส์ กล่าวว่า “แกร็บขยายธุรกิจได้รวดเร็วไปทั่วเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ภายในระยะเวลาเพียง 2 ถึง 3 ปีเท่านั้น การได้เป็นพันธมิตรร่วมกับแกร็บเพื่อสร้างประสบการณ์การเดินทางผ่านเทคโนโลยีที่ดียิ่งกว่าเดิม”

ความร่วมมือระหว่างแกร็บและเครือบุคกิ้ง โฮลดิงส์จะช่วยให้ผู้ใช้แกร็บสามารถจองบริการด้านท่องเที่ยวผ่านแอปพลิเคชั่นแกร็บได้เป็นครั้งแรก พร้อมจ่ายเงินได้ผ่าน ‘แกร็บเพย์’ (GrabPay) กระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์

ความร่วมมือครั้งนี้ยังจะทำให้บริการของ Grab ครอบคลุมทั้งบริการเรียกรถโดยสารผ่านแอปพลิเคชั่น บริการส่งอาหาร สินค้า และพัสดุ และการจ่ายเงินระบบดิจิทัล ทั่วภูมิภาค ซึ่งแกร็บมีให้บริการใน 235 เมืองใน 8 ประเทศ

หมิง หม่า ประธานบริษัทแกร็บ กล่าวว่า แอปพลิเคชั่นแกร็บ และตลาดบริการท่องเที่ยวออนไลน์ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จะเติบโตเพิ่มขึ้นถึงสามเท่าตัวในปี พ.ศ. 2568[1] และยังเล็งเห็นความเชื่อมโยงอีกหลายปัจจัยในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและการคมนาคมที่จะสามารถสร้างโอกาสทางธุรกิจได้อย่างมหาศาล

“การที่บุคกิ้ง ซึ่งเป็นบริษัทท่องเที่ยวชั้นนำของโลก ตัดสินใจลงทุนในแกร็บถือเป็นอีกหนึ่งเสียงของความเชื่อมั่นในศักยภาพของเราในการพัฒนาธุรกิจไปยังแพลตฟอร์ม O2O อื่นๆ และขยายการบริการให้ครอบคลุมทั้ง 235 เมืองที่เราดำเนินธุรกิจอยู่”

ปัจจุบัน บุคกิ้ง โฮลดิงส์ ให้บริการจองที่พักออนไลน์ และบริการด้านการท่องเที่ยว ในกว่า 220 ประเทศ ภายใต้แบรนด์หลักหกแบรนด์ ได้แก่ Booking.com, KAYAK, priceline,agoda.com, Rentalcars.com และ OpenTable

 

 

 

[1]https://www.blog.google/around-the-globe/google-asia/sea-internet-economy/

]]>
1194965
วิดีโอคอนเทนต์ยอดนิยม (15-21 ต.ค. 61) ดีแทค – KaykaiSalaider พาแฟนไปดูนาคี 2 รอบดึก!! ครองยอดวิว-เอ็นเกจ สูงสุด https://positioningmag.com/1194860 Tue, 30 Oct 2018 02:00:16 +0000 https://positioningmag.com/?p=1194860 Socializta ผู้เชี่ยวชาญด้านการทำการตลาดในรูปแบบอินฟลูเอนเซอร์และคอนเทนต์มาร์เก็ตติ้ง ได้แทร็กวิดีโอที่อัพโหลดเฉพาะในประเทศไทย ที่ทำขึ้นโดยเจ้าของแบรนด์ รวมไปถึง Influencer บนออนไลน์ แพลตฟอร์มทั้งใน Youtube, Facebook และ Instagram เพื่อให้เห็นว่า 3 อันดับที่ได้รับความนิยมสูงสุดจากทางฝั่งแบรนด์และ Influencer นั้น เป็นใครกันบ้าง โดยวัดจากยอดวิวและเอ็นเกจเมนต์ เช่น ไลก์ คอมเมนต์ แชร์Cisco คาดการณ์ว่าภายในปี 2019 วิดีโอจะกลายเป็นคอนเทนต์ที่โตที่สุดบนโลกโซเชียล Mill For Business รายงานว่า คนกว่า 80 เปอร์เซ็นต์เลือกที่จะดูวิดีโอมากกว่าการอ่านบทความเพื่อทำความเข้าใจ

ในประเทศไทย สมาคมโฆษณาดิจิทัล หรือ DAAT เผยว่า กว่า 92% ของผู้เข้าถึงอินเทอร์เน็ตดู YouTube และกว่า 75% เข้าดู Youtube ทุกวัน การแข่งขันในการทำการตลาดดิจิทัลและการเลือกทำคอนเทนต์วิดีโอให้ถูกใจและเข้าถึงผู้ชมจึงไม่อาจหลีกเลี่ยง ทำให้มูลค่าการโฆษณาบนออนไลน์แพลตฟอร์มสูงกว่า 14,973 ล้านบาท และคาดว่าจะเพิ่มสูงขึ้นถึง 18,716 ล้านบาทในปี 2562 แต่ก็ไม่ควรลืมว่าการสร้างการมีส่วนร่วมหรือเอ็นเกจเมนต์ ทำคอนเทนต์อย่างไรให้คนอยากดูและแชร์ต่อ จะเป็นกลยุทธ์สำคัญที่จะนำไปสู่ความสำเร็จในการทำการตลาด

ในรอบสัปดาห์นี้ Socializta ได้ทำ Video Listening เพื่อดูความเป็นไปของวิดีโอกว่า 109,000 ตัว ในช่วง 7 วัน ระหว่างวันที่ 15-21 ตุลาคม 2561

ท็อป 3 จากฝั่งแบรนด์ ได้แก่

1. dtac – “เราสัญญา ว่าจะไม่หยุด”

2. Toyota Motor Thailand – Start Your Impossible ประวัติ วะโฮรัมย์

3. Netflix Thailand–Boss Baby Season 2 (Unlisted)

และท็อป 3 จากฝั่ง Influencer ได้แก่

1. KaykaiSalaider – พาแฟนไปดูนาคี 2 รอบดึก!!

2. ครู นกเล็ก – น้องถูกใจ | สระน้ำหรรษา คาถาของเล่น


3. My Mesuan – สอนทำ ปืนใหญ่จิ๋ว แบบง่ายๆ โคตรเจ๋ง !!

ผู้ชนะประจำสัปดาห์มียอดวิว 3.8 ล้านครั้ง และ 147,317 เอ็นเกจเมนต์ ได้แก่ Toyota Motor Thailand

(ข้อมูล ณ วันที่ 22 ตุลาคม 2561)

ที่มา:www.socializta.com

]]>
1194860
ระอุ Miss Universe 2018 “ตี๋ แม็ทชิ่ง” เผยเหตุคว้าลิขสิทธิ์จัดงาน “ผมเป็นคนฉลาดที่สร้างโอกาสให้ฉวย” https://positioningmag.com/1194856 Mon, 29 Oct 2018 23:00:13 +0000 https://positioningmag.com/?p=1194856 มีอันต้องแยกทางกันเดิน ระหว่าง “ธนวัฒน์ วันสม” ประธานกลุ่ม TW Investment Group ไปคว้าลิขสิทธิ์การจัดประกวด Miss Universe 2018 ในประเทศไทยมาครอง และจัดแถลงข่าวอย่างยิ่งใหญ่เมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา โดยมีการเชิญ “พอลล่า เอ็ม ชูการ์ต” ประธานองค์กร มิสยูนิเวิร์ส และ “เดมี ลีห์เนล ปีเตอร์ส” มิสยูนิเวิร์ส 2017 จากประเทศแอฟริกาใต้ เข้าร่วมงาน

แต่ที่สุดมีข่าวออกมาว่า “ตี๋ แม็ทชิ่ง” หรือ สมชาย ชีวสุทธานนท์ ได้เข้าเสียบคว้าลิขสิทธิ์จัดงาน Miss Universe 2018 ในนามบริษัท TPN 2018 ที่เพิ่งตั้งเมื่อต้นเดือนตุลาคมนี้เอง

ทำเอา “ธนวัฒน์” ต้องร่อนหนังสือถึงสื่อมวลชนว่า โดนยกเลิกจริง เพราะผู้ถือหุ้นคิดไม่ซื่อ ดอดตั้งบริษัทเสียบแทน ยังนำข้อมูลไปใช้ประโยชน์ ทำนองเพื่อรักหักเหลี่ยมโหด และอยู่ระหว่างดำเนินคดีทางกฎหมาย

จัดที่เก่า เวลาเดิม ยังไม่สรุปช่องถ่ายทอดสด

วันนี้ (29 ตุลาคม 2018) “ตี๋ แม็ทชิ่ง” ได้ออกมาแถลงอย่างเป็นทางการ ณ ห้องนภาลัย บอลรูม โรงแรมดุสิตธานี โดยมีประธานองค์กร มิสยูนิเวิร์ส เหล่าสาวงาม มิสยูนิเวิร์ส 2017, มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ ปี 2018, 2017 และ 2016 มากันพร้อมหน้า

ที่จะขาดไปไม่ได้เลยคือ ปิยาภรณ์ แสนโกศิก และ ณรงค์ เลิศกิตศิริ แห่ง Pasaya นั่งตำแหน่งกรรมการบริหารโดยให้ “ตี๋ แม็ทชิ่ง” เป็นประธานกรรมการบริหารบริษัท ทีพีเอ็น 2018 จำกัด” ซึ่งได้รับสิทธิ์อย่างเป็นทางการ โดยชื่อของบริษัทมาจากชื่อย่อของทั้ง 3 คนนี้เอง

ตี๋ ตอบถึงที่มาของการได้จัดมิสยูนิเวิร์ส 2018 ในครั้งนี้ ที่หลายคนบอกว่าเป็นส้มหล่น มีคนเคยบอกว่า คนโง่ฉวยโอกาส แต่ผมเป็นคนฉลาดที่สร้างโอกาสให้ฉวย ซึ่งโอกาสไม่มีขาย แต่ผมสร้างโอกาสด้วยตนเองมาตลอด ถ้าจะถามถึงที่มาที่ไปของการได้รับสิทธิ์ ผมตอบได้เพียงว่า ที่มาไม่รู้ รู้แต่ที่ไป ซึ่งตอนนี้ผมเป็นคนจัด Miss Universe 2018

ต้องเดอะโชว์มัสโกออน

ตี๋ แม็ทชิ่ง” ให้เหตุผลที่ตัวเองได้รับเลือกให้จัดต่อ มาจากนำเสนอความจริง ความถูกต้อง และจริงใจให้กับทางองค์กรมิสยูนิเวิร์สได้เห็น อีกอย่างเราไม่อยากให้การจัดงาน Miss Universe 2018 หลุดไปจากประเทศไทย จึงต้องแสดงให้เห็นว่าเราตั้งใจจริง

ขณะนี้การดำเนินงานคืบหน้าไปแล้ว 70-80% ใช้ช่วง 3 อาทิตย์ที่ผ่านมา ซึ่งแผนนี้วางขึ้นมาใหม่ ไม่ได้เกี่ยวกับแผนก่อนหน้านี้ ที่ “ตี๋ แม็ทชิ่ง” ได้เป็นหัวหอกในการจัดการ

ด้านงบประมาณที่ใช้จัด ซึ่งต้องใช้เม็ดเงินหลายร้อยล้านยังไม่ได้ระบุว่าต้องใช้ทั้งหมดเท่าไหร่ ตอนนี้ต้องเดอะโชว์มัสโกออนแต่ไม่ได้หมายความว่าไม่มีทิศทางที่ชัดเจน ทางรัฐบาลก็ยินดีที่ให้ความร่วมมือ หากจะมากเท่าไหร่คงไม่สามารถตอบได้

ขณะนี้ได้มีสปอนเซอร์หลักๆ แล้ว ได้แก่ การบินไทย, วุฒิศักดิ์ คลินิก, Pasaya, แพลนบี และโรงแรมดุสิตธานี เป็นต้น

ส่วนกำหนดการประกวด Miss Universe 2018 ยังคงเป็นวันที่ 17 ธันวาคม 2018 เวลา 7.00 . ณ อิมแพ็ค เมืองทองธานี การเปิดขายบัตรจะผ่านไทยทิคเก็ตเมเจอร์ ราคาจะแจ้งให้ทราบอาทิตย์หน้า รวมไปถึงช่องที่จะถ่ายทอดสดในเมืองไทย ที่ยังไม่คอนเฟิมร์มว่าจะเป็นทีวีช่องใด

ทีมงานทุ่มเทแบบอดหลับอดนอน เนื่องจากจะไม่ยอมให้ประเทศไทยเสียชื่อเสียงเป็นอันขาด” ตี๋ แม็ทชิ่ง ย้ำบนเวทีแถลงที่มีทั้งหุ้นส่วนและประธานองค์กร มิสยูนิเวิร์สอยู่ด้วย

เมืองไทย” เกือบเป็นประเทศแรกในรอบ 20 ปีที่หลุดสิทธิ์

ในขณะที่ พอลล่า เอ็ม ชูการ์ต ประธานองค์กรมิสยูนิเวิร์สประเทศไทย เป็นครั้งแรกในรอบ 20 ปี ที่ประเทศที่ได้สิทธิ์เจ้าภาพในครั้งแรก เกือบถูกถอนสิทธิ์ แต่ภายใน 3 อาทิตย์ที่ผ่านมา ก็สามารถดำเนินต่อไปได้

จริงๆ แล้วข่าวการเปลี่ยนผู้จัดการประกวด ควรเป็นความลับภายในที่ไม่น่าจะรั่วไหล ส่วนตัวเสียใจตรงนี้จริงๆ”

ส่วนการที่ผู้ได้รับสิทธิ์เดิมร่อนจดหมายหาสื่อมวลชนนั้น พอลล่าบอกว่า รู้สึกไม่ดีและไม่เห็นด้วยอย่างยิ่งกับสิ่งที่เกิดขึ้น ซึ่งทางทีมไม่ได้อยากให้เรื่องการเปลี่ยนผู้จัดเงียบๆ แต่ตอนนี้ไม่อยากให้โฟกัสเรื่องราวในอดีต แต่อยากให้พูดถึงเรื่องอนาคตมากกว่า

อย่างไรก็ตาม ตอนนี้กำหนดการแข่งขันทุกอย่างได้ออกมาเป็นทางการแล้ว โดยเมื่อ 3 อาทิตย์ที่ผ่านมาทีมงาน Miss Universe 2018 ได้ลงพื้นที่ทั่วประเทศ เพื่อเก็บภาพบรรยากาศของเมืองไทย สำหรับเปิดในวันประกวดจริง

โดยสาวงามทั้ง 95 ประเทศจะนอนที่โรงแรมดุสิตธานี ด้านการประกวดชุดว่ายน้ำ จะมาจากแบรนด์ SIRIVANNAVARI พร้อมกันในวันที่ประกวดรอบไฟนอล ปุ๋ย รณ์ทิพย์ นาคหิรัญกนก นางงามจักรวาล คนที่ 2 ของไทยจะมาร่วมงานด้วย แต่ยังไม่ชัดเจนว่าจะเป็นแค่แขกหรือร่วมเป็นกรรมด้วยด้วย

กำหนดการ มีดังนี้ 2 ธันวาคม นางงามทั้ง 95 คนเริ่มเดินทางมาสู่เมืองไทย, 3 ธันวาคม งานเลี้ยงกาล่าดินเนอร์ต้อนรับ, 4 ธันวาคม ชมความงามรอบเกาะรัตนโกสินทร์, 5 ธันวาคม งาน Thai night โชว์ศิลปะ วัฒนธรรม อาหาร และเดินแฟชั่นโชว์จากชุดที่ตัดด้วยศูนย์ศิลปาชีพบางไทร

6-7 ธันวาคม ปล่อยแบ่งนางงามออกเป็นกลุ่ม เพื่อเดินทางไปยังภาคเหนือ ใต้ กลาง ตะวันออก ตะวันตก ในเมืองรองต่างๆ เพื่อเก็บภาพใช้ในงานวันจริง, 11 ธันวาคม ประกวดรอบชุดประจำชาติ, 13 ธันวาคม ประกวดรอบเก็บคะแนน หรือ Preliminary และรอบการตัดสิน Final Round วันที่ 17 ธันวาคม เวลา 7.00 . อิมแพ็ค เมืองทองธานี

]]>
1194856
เลสเตอร์แถลงยืนยัน “เจ้าสัววิชัย” เสียชีวิตเหตุ ฮ.ตก 5 ชีวิตไม่มีใครรอด https://positioningmag.com/1194732 Mon, 29 Oct 2018 02:19:25 +0000 https://positioningmag.com/?p=1194732 สโมสรเลสเตอร์ออกแถลงการณ์ยืนยันแล้ว “เจ้าสัววิชัย” เสียชีวิตจากเหตุ ฮ.ตก ระบุ 5 คนบนเครื่องไม่มีใครรอดชีวิต ประกาศเลื่อนเกมเตะวันอังคารออกไป 2 แมตช์

จากเหตุการณ์เฮลิคอปเตอร์ส่วนตัวของวิชัย ศรีวัฒนประภา เจ้าของทีมเลสเตอร์ ซิตี้ ประสบอุบัติเหตุตกที่ลานจอดรถใกล้สนามคิง เพาเวอร์ หลังเกมการแข่งขันฟุตบอลพรีเมียร์ลีกระหว่าง เลสเตอร์ ซิตี้ กับ เวสต์แฮม ยูไนเต็ด ที่สนามคิง เพาเวอร์ สเตเดียม เมืองเลสเตอร์ ประเทศอังกฤษ วานนี้ (27 ต.ค.) ตามเวลาท้องถิ่นในประเทศอังกฤษ

ล่าสุด ช่วงเช้ามืดวันนี้ (29) ตามเวลาในประเทศไทย สโมสรเลสเตอร์ ซิตี้ ได้ออกแถลงการณ์ยืนยันว่า วิชัยเป็นหนึ่งในผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ดังกล่าว
 
“นับเป็นความเศร้าเสียใจอย่างสุดซึ้ง ที่เราต้องยืนยันว่าท่านประธานสโมสร วิชัย ศรีวัฒนประภา เป็นหนึ่งในผู้เสียชีวิตในช่วงเย็นวันเสาร์ เมื่อเฮลิคอปเตอร์ที่ท่านโดยสาร พร้อมกับอีก 4 คน ได้ตกลงบริเวณนอกสนามคิง เพาเวอร์ โดยทั้ง 5 คนบนเครื่องไม่มีใครรอดชีวิต

“ในห้วงเวลาแห่งความสูญเสียที่มิอาจเอ่ยเป็นคำพูดได้นี้ ความห่วงใยแรกของพวกเราทุกคนที่สโมสรนั้นคือสมาชิกครอบครัวศรีวัฒนประภา และครอบครัวของผู้ที่อยู่บนเครื่อง

“สำหรับคุณวิชัยนั้น โลกได้สูญเสียบุรุษผู้ยิ่งใหญ่ บุรุษผู้อ่อนโยน เป็นผู้ให้ และบุรุษผู้กำหนดนิยามชีวิต จากความรักที่เขาทุ่มเทให้กับครอบครัว และทุกคนที่เขาเดินนำจนประสบความสำเร็จ สโมสรเลสเตอร์ ซิตี้ คือ ครอบครัวที่มีเขาเป็นผู้นำ เป็นครอบครัวที่พวกเราจะเศร้าโศกกับการจากไปของเขา แต่จะรักษาไว้ซึ่งวิสัยทัศน์ของสโมสรอันเป็นมรดกที่เขาทิ้งไว้ให้”

สมุดลงนามไว้อาลัย ซึ่งจะถูกส่งต่อไปยังครอบครัวศรีวัฒนประภา จะเปิดให้ลงนามตั้งแต่ 8 โมงเช้าวันอังคารที่ 30 ตุลาคม สำหรับแฟนบอลที่ต้องการจะมาแสดงความเคารพ
 
ส่วนแฟนบอลที่ไม่สามารถเดินทางมายังสนามคิง เพาเวอร์ได้ และประสงค์จะฝากข้อความไว้ สามารถลงนามในสมุดลงนามไว้อาลัยออนไลน์ได้ โดยสามารถเข้าได้ทาง lcfc.com ซึ่งจะเปิดให้บริการเมื่อถึงเวลา


การแข่งขันในวันอังคารทั้งสองเกมประกอบไปด้วย เกมของทีมชุดใหญ่กับเซาธ์แธมป์ตันใน อีเอฟแอล คัพ และทีมเยาวชนกับเฟเยนูร์ดในพรีเมียร์ลีก อินเตอร์เนชันแนล คัพ ได้ถูกเลื่อนการแข่งขันออกไป

“ทุกคนในสโมสรรู้สึกซาบซึ้งอย่างยิ่งจากสมาชิกในครอบครัวฟุตบอล ทั้งผู้ที่ส่งข้อความให้กำลังใจ และความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน เหล่านี้พวกเราขอขอบคุณไว้ในช่วงเวลาอันยากลำบากนี้”
 แถลงการณ์สีขาวดำ เหมือนกับตราสัญลักษณ์สโมสร

 

]]>
1194732
อะไรก็เกิดขึ้นได้! เมื่อเวที Miss Universe 2018 อยู่ในมือ “ตี๋ แม็ทชิ่ง” https://positioningmag.com/1194722 Sun, 28 Oct 2018 23:00:50 +0000 https://positioningmag.com/?p=1194722 ชื่อของ “ตี๋ แม็ทชิ่ง” หรือ สมชาย ชีวสุทธานนท์ กลับมาถูกกล่าวถึงอีกครั้ง เมื่อตี๋พร้อมหุ้นส่วนใหม่ในนาม TPN 2018 เตรียมประกาศได้สิทธิ์การจัดประกวด Miss Universe 2018  ที่จะจัดขึ้นในกลางเดือนธันวาคมนี้ที่ประเทศไทย ท่ามกลางความสงสัยว่า เกิดอะไรขึ้นกับการจัดงานใหญ่ระดับโลกครั้งนี้

ทำไม “ตี๋” ถึงเป็นตัวจักรสำคัญ และ “ตี๋” ไม่ได้ลุยจัดงานเพียงคนเดียว แต่มีหุ้นส่วนทางธุรกิจร่วมกันหลายราย และเขาจะรับมือกับหุ้นส่วนเดิมที่กำลังใช้ข้อกฎหมายได้อย่างไร

ไขปริศนา TPN 2018

หลังจากกระแสข่าวการจัดงานประกวด Miss Universe ที่ TW Investment  เป็นผู้คว้าลิขสิทธิ์ ไม่คืบหน้าไม่ทันไร ก็ปรากฏชื่อของกลุ่ม TPN 2018 ของตี๋ เข้ามาแทนที่ทันที

โดยบริษัท TPN 2018 บริษัทที่รับจัดงาน Miss Universe ถูกจัดตั้งขึ้นมาอย่างรีบด่วน โดยจดทะเบียนกับกรมธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ เมื่อวันที่ 2 ตุลาคม 2561 ด้วยทุนจดทะเบียนเพียง 1 ล้านบาท ตั้งอยู่ที่ เลขที่ 305/5 ถ.สุโขทัย แขวงดุสิต กรุงเทพมหานคร โดยระบุไว้ว่า เป็นบริษัทที่ประกอบกิจการรับจัดประกวดนางงาม นางแบบ นายแบบ ประกวดร้องเพลง มีชื่อกรรมการ ประกอบด้วย สมชาย ชีวสุทธานนท์, ณรงค์ เลิศกิตศิริ และ ปิยาภรณ์ แสนโกศิก

จากตัวย่อ TPN ถ้า T คือ ตี๋, P น่าจะเป็น ปิยาภรณ์ และ N คือ ณรงค์ 3 หุ้นส่วนของบริษัทที่จัดตั้งขึ้นเฉพาะกิจครั้งนี้

แต่ด้วยขนาดงานของการจัดการประกวด Miss Universe บริษัทที่มีทุนจดทะเบียนเพียง 1 ล้านบาท คงไม่สามารถเดินหน้าจัดงานใหญ่ได้โดยลำพัง อาจต้องมีพาร์ตเนอร์ที่สนับสนุนทางการเงินตัวจริงในการจัดงานระดับโลก ซึ่งต้องใช้เงินลงทุนหลายร้อยล้านบาทในครั้งนี้

ในรายชื่อกรรมการบริษัทนั้น สมชาย หรือ ตี๋ เองนั้น มีบริษัทส่วนตัว คือ ตี๋ เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ จำกัด เมื่อดูผลการดำเนินงานของบริษัทพบว่าขาดทุนต่อเนื่องติดต่อกันมา 4 ปีแล้ว โดยปีล่าสุด 2560 มียอดขาดทุนเล็กน้อยอยู่ที่ 1.72 ล้านบาท

ณรงค์ เลิศกิตศิริ คือ ผู้บริหารธุรกิจสิ่งทอชั้นนำของไทย ภายใต้แบรนด์ Pasaya ที่คาดว่าจะเข้ามาร่วมมือทางธุรกิจครั้งนี้เป็นการส่วนตัว เพราะมีความชื่นชอบกับการประกวดนางงามในเวทีต่างๆ อยู่แล้ว

ส่วนกรรมการอีกคนคือ ปิยาภรณ์ แสนโกศิก นักธุรกิจหญิงจากอสังหาริมทรัพย์ เคยเป็น อดีตเลขานุการ หม่อมราชวงศ์สุขุมพันธุ์ บริพัตร เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร และที่สำคัญเคยเป็นปาร์ตี้ลิสต์พรรคชาติไทยพัฒนา ชุดที่เตรียมการเลือกตั้งในปี 2557 ในยุคที่มีสุวัจน์ ลิปตพัลลภ อดีตนักการเมืองเมืองโคราชชื่อดัง เป็นแกนนำพรรคด้วย

ในวงการธุรกิจจัดงานอีเวนต์ต่างๆ นั้น เป็นที่รู้ดีว่า ตี๋ สนิทสนมกับ สุวัจน์ เป็นอย่างดี ตี๋เข้าไปช่วยจัดอีเวนต์ต่างๆ ทั้งทางการเมือง และทางธุรกิจของครอบครัวสุวัจน์เป็นประจำ ด้วยเครดิตชื่อเสียงของสุวัจน์ ทำให้อีเวนต์ต่างๆ สามารถหาสปอนเซอร์ได้ไม่ยากเย็นนัก รวมถึงการได้สนับสนุนจากบรรดาพันธมิตรผู้เกี่ยวข้องทางด้านการเงินด้วย

แต่สำหรับ “ตี๋” แล้ว ครั้งนี้ไม่ใช่ครั้งแรกกับการจัดการประกวดระดับโลก Miss Universe “ตี๋” เคยมีประสบการณ์มาแล้วในปี 2548 ในการจัดการประกวด Miss Universe 2005 ที่ประเทศไทยมาแล้วครั้งหนึ่ง

ที่มาของความร่วมมือในครั้งนั้น มาจาก “ตี๋” ได้เคยร่วมงานกับช่อง 7 จากการชักนำของชาลอต โทณวณิก ได้ชักชวนให้ “ตี๋” มารับงานด้านการจัดทำเวทีประกวดนางงามให้กับช่อง 7 ในเวที Miss Universe Thailand มาโดยตลอด

ต่อมาในปี 2548 เมื่อคุณแดงเริ่มขยับ มารับจัดประกวด Miss Universe 2008 ในระดับโลก โดย คุณแดง-สุรางค์ เปรมปรีดิ์ ซึ่งยังบริหารงานในช่อง 7 ตั้งบริษัทเฉพาะกิจ กลุ่มกิจการร่วมค้า DTC ขึ้นมารับลิขสิทธิ์ และได้ชักชวน “ตี๋ แม็ทชิ่ง” และ ชาลอต โทณวณิก เข้ามาถือหุ้น และลงขันรวมเป็นงินหลักร้อยล้านบาท และนำมาออกอากาศทางช่อง 7

แม้ภาพภายหน้าในการจัดการประกวด Miss Universe 2005 ประสบความสำเร็จอย่างดี โดยนางงามเชื้อสายรัสเซีย จากประเทศแคนาดา “นาตาลี เกลโบวา” คว้าตำแหน่งมิสยูนิเวิร์สประจำปีนั้น แต่เบื้องหลัง หลังจากการจัดการประกวดครั้งนั้น คือการเจ็บตัว ขาดทุนอย่างหนักของหุ้นส่วนหลัก ที่ว่ากันว่าเป็นหลักหลายร้อยล้านเช่นกัน

แม้บริษัท DTC ปิดตัวลงด้วยการขาดทุน ตี๋ ไม่ได้แค่เป็นหุ้นส่วน แต่ยังรับเป็นผู้จัดเวทีประกวดและอีเวนต์ ทำให้ตี๋มีรายได้เข้ากระเป๋าแน่นอน ผิดกับหุ้นส่วนอื่นๆ และ ประสบการณ์ครั้งนั้น มีส่วนทำให้ “ตี๋” ได้เข้ามายุ่งเกี่ยวกับการจัดประกวด Miss Universe 2018 อีกครั้ง

เมื่อ ธนวัฒน์ วันสม ในฐานะประธานกลุ่ม TW Investment Group ประกาศคว้าลิขสิทธิ์ Miss Universe 2018 ชื่อของ “ตี๋” เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของการจัดงานครั้งนี้ด้วย และ “ตี๋” ก็เข้าร่วมงาน แถลงข่าวอย่างเป็นทางการในวันที่ 31 กรกฎาคม โดยที่มีทั้งรัฐมนตรีการท่องเที่ยว และ พอลล่า แมร์รี่ ชูการ์ต ประธานองค์กรมิสยูนิเวิร์ส บริษัท William Morris Endeavor หรือ WME เข้าร่วมด้วย

ในครั้งนั้นธนวัฒน์ประกาศว่า ลงเงินจ่ายค่าลิขสิทธิ์ทั้งหมดประมาณ 400 ล้านบาท แต่ไม่ได้เปิดเผยว่าที่มาของแหล่งเงินทุนและพาร์ตเนอร์ผู้ให้การสนับสนุนเป็นใคร แต่มีกระแสข่าวในวงการว่า มีความเกี่ยวข้องกับผู้บริหารบางคนในตระกูลเจียรวนนท์ โดยธนวัฒน์มีความสนิทสนมกับ สุภกิต เจียรวนนท์ ประธานกรรมการกลุ่มซีพี ลูกชายคนโตของเจ้าสัวธนินท์ เจียรวนนท์ แต่ก็ยังไม่ได้รับการยืนยัน เพราะอาจเป็นการลงทุนส่วนตัวที่ไม่เกี่ยวกับกลุ่มซีพี

ต่อมาเมื่อกลุ่ม TW Investment ประสบปัญหาการเดินหน้าการจัดงาน ถึงขั้นที่ พอลล่า แมร์รี่ ชูการ์ต ประธานองค์กรมิสยูนิเวิร์ส บริษัท William Morris Endeavor หรือ WME ต้องเดินทางมาประเทศไทยเพื่อติดตามงานอย่างเร่งด่วนเมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา พร้อมกับข่าวลือต่างๆ นานาว่า กำลังหาผู้ดำเนินการรายใหม่ เพื่อให้การประกวดในปีนี้ เกิดขึ้นในประเทศไทยให้ได้ เรื่องเงียบหายไปไม่นาน ก็ปรากฏชื่อของกลุ่ม TPN 2018 ของตี๋ เข้ามาแทนที่ TW Investment ทันที พร้อมกับการแจ้งแถลงข่าวการจัดงาน Miss Universe อย่างเป็นทางการในวันที่ 29 ต.ค.นี้

โดยที่ฝ่าย TW Investment ของธนวัฒน์ วันสม ก็ร่อนเอกสารชี้แจงสื่อ ระบุว่า มีผู้ร่วมลงทุนบางราย ไม่ปฏิบัติตามสัญญาในการหาผู้สนับสนุนการจัดการประกวด และไม่ยอมส่งมอบเงินจากผู้สนับสนุนเพื่อนำไปจ่ายค่ารักษาสิทธิ์ของการเป็นผู้จัดงานตามที่บริษัท มิสยูนิเวิร์สระบุไว้ และยังเข้าไปเจรจาลับหลังกับมิสยูนิเวิร์สเพื่อรับสิทธิ์การจัดประกวดแทน โดยการจัดตั้งบริษัทใหม่ขึ้นมารองรับทันที อีกทั้งได้นำข้อมูลการเตรียมการของ TW Investment ไปใช้ในการดำเนินการของบริษัทที่จัดตั้งขึ้นใหม่

ในตอนท้ายของหนังสือชี้แจงยังบอกด้วยว่า TW Investment จะดำเนินการทางกฎหมายเพื่อให้เกิดความยุติธรรมและเป็นบรรทัดฐานความถูกต้องของการทำธุรกิจที่โปร่งใสต่อไป

ทั้งหมดนี้ คงต้องรอการชี้แจงจาก “ตี๋” ในนามกลุ่ม TPN 2018 ในวันจันทร์ที่ 29 ตุลาคมนี้อย่างเป็นทางการ

สิทธิจัด Miss Universe Thailand
หลุดจากคุณแดงเป็นครั้งแรก

หากกลุ่ม TPN 2018 ได้สิทธิในการจัดการประกวด Miss Universe 2018 ที่ประเทศไทยในปลายปีนี้ได้จริง สิทธิในการจัดประกวด Miss Universe Thailand ที่เคยอยู่ในมือคุณแดง สุรางค์ เปรมปรีดิ์ จะถูกส่งต่อไปให้กับ TPN 2018 ทันที ตามเงื่อนไขของบริษัท ที่ระบุว่า กรณีที่มีผู้ได้ลิขสิทธิ์จัดประกวด Miss Universe ในต่างประเทศ บริษัทที่จัดงานในประเทศนั้น ก็จะได้รับสิทธิในการจัดประกวด Miss Universe ประจำประเทศนั้นไปด้วย เพื่อเป็นตัวแทนของประเทศนั้น ส่งสาวงามไปประกวด Miss Universe ในปีถัดไปอีกประมาณ 3 ปีด้วย

ที่ผ่านมา สิทธิในการจัดประกวด Miss Universe ในแต่ละปี เป็นลิขสิทธิ์และคอนเนกชั่นที่มีมาอย่างยาวนานของ “คุณแดง- สุรางค์ เปรมปรีดิ์” ตั้งแต่ครั้งที่คุณแดงยังบริหารช่อง 7 และจัด Miss Universe 2005 และเมื่อคุณแดงออกจากช่อง 7 ได้นำสิทธินี้มาร่วมกับ บีอีซี เทโร ในการจัดประกวด Miss Universe Thailand เป็นประจำทุกปี

หากว่า TPN 2018 ได้สิทธิจัดประกวด Miss Universe 2018 ที่ประเทศไทยปีนี้ TPN 2018 ก็จะได้สิทธิเป็นตัวแทนประเทศไทย ในการจัดการประกวด Miss Universe Thailand และส่งสาวไทยที่ชนะการแข่งขัน ไปประกวดเวที Miss Universe ด้วย เป็นเวลา  3 ปี สิทธินี้จะถูกเปลี่ยนมือ ออกจากอ้อมอกคุณแดงเป็นครั้งแรกทันที


สมชาย ชีวสุทธานนท์ หรือ ตี๋ แม็ทชิ่ง เจ้าของบริษัท แม็ทชิ่ง สตูดิโอ มีชื่อเสียงโด่งดังมาก ในช่วงปี 2538 ด้วยผลงานโฆษณาน้ำมันเครื่องปลอดสารตะกั่วในชื่อว่า “มนุษย์ตะกั่ว” และในปี 2544 โด่งดังระดับโลกในฐานะโปรดักชั่นเฮาส์ที่ได้รับรางวัลระดับโลกมากที่สุดรายหนึ่งจากเมืองคานส์

ตี๋ ก่อตั้งบริษัท แม็ทชิ่ง สตูดิโอ ร่วมกับ ดอม-ฐนิสสพงศ์ ศศินมานพ ช่างภาพชื่อดัง ในปี 2535 เพื่อผลิตภาพยนตร์โฆษณา และรายการโทรทัศน์ ก่อนเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ในปี 2546 ในวันที่แม็ทชิ่งเข้าตลาดหลักทรัพย์นั้น เขาสร้างความจดจำให้ทุกคนได้รู้จักเขา ด้วยการโรยตัวมาจากอาคารตลาดหลักทรัพย์ กลายเป็นภาพจำที่คนทั่วไปรู้จัก “ตี๋ แม็ทชิ่ง” ในฐานะคนกล้าและบ้าบิ่น

หลังเข้าตลาดหลักทรัพย์ “ตี๋” เดินหน้าทำธุรกิจวงการบันเทิงหลากหลายรูปแบบ ที่นอกเหนือไปจากสายงานโฆษณาที่เขาเชี่ยวชาญ ทั้งการเดินหน้าจัดอีเวนต์ ซึ่งทำให้ได้มารับงานทำเวทีประกวด Miss Universe Thailand และ Thai Super Model ของช่อง 7 สวนสนุก Fun Fair event, นำนักร้องต่างประเทศมาเปิดการแสดงที่เมืองไทย, การลุยผลิตรายการทีวี

ที่สำคัญคือ ลงทุนสร้างภาพยนตร์ไทย “ซีอุย” ถือเป็นจุดเปลี่ยนที่ทำให้บริษัทแม็ทชิ่งขาดทุนบาท ต้องขายหุ้น 27.8% มูลค่าประมาณ 400 ล้านบาท ให้กับบริษัท บีบีทีวี โปรดักชั่นส์ จำกัด บริษัทลูกของบริษัทกรุงเทพวิทยุและโทรทัศน์ หรือช่อง 7 ในปี 2547 

จนได้ได้ร่วมกับคุณแดง สุรางค์ เปรมปรีดิ์ และ ชาลอต โทณวณิก ในการจัดการประกวด Miss Universe 2005 ที่ประเทศไทย ในนามบริษัท DTC หลังจากนั้น บริษัทแม็ทชิ่ง อยู่ในพาร์ตเนอร์ของช่อง 7 ทำรายการต่างๆ ป้อนช่อง 7 และอีเวนต์ต่างๆ มากมาย ฐานของตี๋ในเวลานั้นจึงมาจากช่อง 7 จนกระทั่งโปรเจกต์ Fun Fair สวนสนุกระดับใหญ่ช่วงส่งท้ายปี พร้อมส่งให้กับทางช่อง 7 ถ่ายทอดสดใหญ่ ไม่สามารถจัดได้ แต่ช่อง 7 ได้ไปยกเลิก ถ่ายทอดสดเคาท์ดาวน์ที่เซ็นทรัลเวิลด์ ทำให้เซ็นทรัลไปร่วมมือกับช่อง 9 แทน

ได้กลายเป็นจุดแตกหัก ระหว่าง “ตี๋” กับช่อง 7 ต้องขาดสะบั้นลง บีบีทีวี บริษัทลูกของช่อง 7 ได้เพิ่มสัดส่วนหุ้นใหญ่ 64.26% ในบริษัท แม็ทชิ่ง ซึ่งได้เปลี่ยนชื่อเป็น แม็กซิไมซ์ โซลูชั่น ส่วนตี๋ได้ลาออกจากแม็ทชิ่งอย่างเป็นทางการในปี 2555 ปิดตำนาน ชื่อของ “ตี๋ แม็ทชิ่ง”

ส่วนตี๋ ก็มาตั้งบริษัทใหม่ของตัวเอง ชื่อ ตี๋ เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ จำกัด ในวันที่ 7 กันยายน 2555 เริ่มลุยธุรกิจใหม่ของตัวเอง ประเดิมด้วยธุรกิจเครื่องดื่มแฮปปี้ เลมอน จาก ฮ่องกง, ธุรกิจร้านอาหาร ไปจนถึงการเข้าไปทำธุรกิจทีวีในพม่า

ในช่วงปลายปี 2557 และกลับเข้าสู่วงการจัดงานอีเวนต์ ที่เป็นงานถนัด โดยการไปร่วมกับผู้มีชื่อเสียงในสังคมและการเมือง โดยเฉพาะกับสุวัจน์ ลิปตพัลลภ รวมทั้งล่าสุด กับเวทีประกวดมิสยูนิเวิร์ส 2018 ทำให้ชื่อของตี๋กลับมาอยู่ในสปอร์ตไลท์อีกครั้ง


]]> 1194722 Facebook เอาด้วยอีสปอร์ต! ลุยตั้ง Gaming Creator ดูดเกมแคสเตอร์ ปักหมุดไทยแห่งแรกในเอเชีย https://positioningmag.com/1194711 Sun, 28 Oct 2018 11:00:55 +0000 https://positioningmag.com/?p=1194711 Thanatkit

ต้องยอมรับว่า กระแสอีสปอร์ต” กำลังเป็นที่สนใจของคนทั่วโลก ส่งผลให้ เกม” ถูกเลือกให้เป็นหนึ่งใน Movement ที่หลายๆ ธุรกิจกำลังให้ความสำคัญมากขึ้นเรื่อยๆ

ไม่เว้นแม้แต่ “Facebook” โซเชียลมีเดียขนาดใหญ่ที่มีผู้ใช้งานเกิน 1 พันล้านคนทั่วโลก ก็ขอมีส่วนเอี่ยวในเรื่องนี้ ด้วยการจัดตั้ง “Facebook Gaming Creator” เมื่อต้นปี 2018 ที่ผ่านมา

ใจความสำคัญของการจัดตั้ง คือ เพื่อดูแลภาพรวมในเรื่องเกม โดยเฉพาะอย่างยิ่งการปั้นและดึงเกมเมอร์ หรือจะเรียกว่า เกมแคสเตอร์” ก็ได้ ซึ่งก็คือคนที่โชว์ภาพวิดีโอของเกมขณะที่ตัวเองเล่น ให้คนอื่นดูพร้อมกับคำบรรยายตามแบบฉบับตัวเอง

ในอดีตมักจะทำเป็นวิดีโอแล้วอัพโหลดลง Youtube แต่หลังจากที่ Facebook เปิดให้ไลฟ์สดได้แล้ว ทำให้เกมแคสเตอร์หลายรายเริ่มหันมาไลฟ์สตรีมเกมผ่าน Facebook มากขึ้น ซึ่งในที่สุดได้กลายเป็นโอกาสทางธุรกิจของ Facebook จึงลงมาลุยอย่างจริงจังเสียเลย

สำหรับในทวีปเอเชีย “เมืองไทย” ถูก Facebook เลือกปักหมุดเป็นแห่งแรก เปิดตัวโครงการ Gaming Creator เมื่อเดือนมิถุนายน โดย สเตฟเฟน ชุน ผู้อำนวยการฝ่ายพันธมิตรเกมประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก Facebook ให้เหตุผลว่า

ที่เลือกไทยเนื่องจากเห็น Organic Growth จากชุมชนผู้เล่นเกม ซึ่งมีการไลฟ์สตรีมเกมเยอะมากบน Facebook ทำให้สนใจ จนต้องตั้งทีมที่เข้ามารองรับเกมแคสเตอร์กลุ่มนี้”

พายุการเติบโตตลาดเกมเมืองไทย รุนแรงมาก

ความน่าสนใจของเมืองไทยมาจากข้อมูลที่ ต่อบุญ พ่วงมหา ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อและโฆษณา บริษัท ทรู มีเดีย โซลูชั่นส์ จำกัด ประเทศไทย ซึ่งเป็นหนึ่งในพาร์ตเนอร์ และเข้าร่วมในงานแถลงข่าวในครั้งนี้บอกว่า จากที่จับทิศทางตลาดเกมในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ต้องบอกว่า “มีพายุของการเติบโตที่รุนแรงมาก”

ภาพรวมตลาดเกมในไทยวันนี้มีมูลค่าไม่ต่ำกว่า 20,000 ล้านบาท เติบโตประมาณ 20-30% ต่อปี ถ้านับในอาเซียนด้วยกันในแง่ของมูลค่า ไทยจะเป็นเบอร์ 2 รองจากอินโดนีเซีย ส่วนเอเชียเป็นเบอร์ 8 แต่ถ้านับรวมทั้งโลกจะอยู่อันดับที่ 20 โดยเมืองไทยมีผู้เล่มเกมราว 20 ล้านคน เกือบ 1 ใน 3 ของประชากรทั้งประเทศแล้ว

สิ่งทำให้ตลาดเติบโตอย่างก้าวกระโดด มาจากคนที่เล่นเกมส่วนใหญ่อยู่ใน Gen Y หรือ Gen Z ซึ่งตอบการคอนเทนต์เกมที่สูงมาก จากการเข้ามาของสมาร์ทโฟนทำให้การเข้าถึงง่ายยิ่งขึ้น

รวมไปถึงคอนเทนต์เกมไม่ได้มาจากพับบลิชเชอร์ฝั่งเดียวอีกต่อไป หากตอนนี้มีทั้งอินฟลูเอนเซอร์ ครีเอเตอร์ และ เกมแคสเตอร์ เข้ามามากยิ่งขึ้น

อีกอย่างคือ กระอีสปอร์ตที่ได้รับการตอบรับจากภาครัฐ การเล่นเกมไม่ได้เป็นแค่การเอนเตอร์เทน หากสามารถกลายเป็นอาชีพที่สร้างรายได้ ซึ่งพอมีคนเล่น คนติดตามมากเรื่อยๆ ก็กระตุ้นให้ชุมชนนี้คึกคักมากขึ้น

ชัดเจนว่าเทรนด์นี้มีแต่ขึ้น เราประเมินตลาดเกมเมืองไทยอีก 3-4 ปีข้างหน้า จะเติบโตไม่ต่ำกว่า 20% ทุกปีแน่นอน”

เกมแคสเตอร์เข้าร่วมแล้ว 10,000 ราย

เบื้องต้น Facebook Gaming Creator ในเมืองไทย จะเน้นใน 3 ส่วนด้วยกันได้แก่

1.การให้ซอฟต์แวร์ที่ช่วยเรื่องการทำไลฟ์สตรีม มี “Facebook Stars” ฟีเจอร์ที่ทำให้ผู้ชมสามารถสนับสนุนเกมแคสเตอร์ที่ชื่นชอบ ด้วยการส่ง Stars ที่บางอย่างจะมีค่าใช้จ่ายที่ตัดผ่านบัตรเครดิต อีกทั้งยังมีโหมด Substation ซึ่งต้องเสียเงินเพื่อดูคลิปวิดีโอที่เป็นเอ็กซ์คลูซีฟ

2.แนะนำเทคนิคต่างๆ จัดงานให้เกมแคสเตอร์มาเจอกัน หรือจะเป็นรับคำแนะนำจากทีมงาน Facebook ที่บินมาจากสิงคโปร์ โดยเมืองไทยยังไม่ได้มีพนักงานส่วนนี้ประจำอยู่

3.กระตุ้นให้ฐานคนดูเพิ่มมากขึ้น ผ่านการดึงดูดให้เกมแคสเตอร์เข้าร่วม ตอนนี้มีราว 10,000 รายแล้ว

เพื่อกระตุ้นให้เป็นที่รู้จัก และเพิ่มจำนวนเกมแคสเตอร์ให้มากขึ้น ภายในงาน Thailand Game Show ทาง Facebook Gaming Creator ได้มีการเข้าร่วมออกบูธ พร้อมกับให้กมแคสเตอร์ชาวไทย 55 คนและจากทั่วโลกอีก 23 คนมาไลฟ์สตรีมเกมโชว์อีกด้วย

ปัจจุบันนอกเหนือจากในเมืองไทยแล้ว Facebook Gaming Creator ได้ขยายในทวีปเอเชียอีก 5 ประเทศ ได้แก่ เวียดนาม ไต้หวัน ฟิลิปปินส์ มาเลเซีย และอินโดนีเซีย

]]>
1194711