Admin – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Sat, 29 Nov 2025 14:08:33 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 RAiNMaker เตรียมเป็นตัวแทนจัดตั้ง “สมาคมคอนเทนต์ครีเอเตอร์ไทย” เพื่อยกระดับวงการ ที่งาน iCreator Conference 2025 Presented by Sony https://positioningmag.com/1549336 Fri, 28 Nov 2025 18:59:12 +0000 https://positioningmag.com/?p=1549336 เตรียมพร้อมรับมือโลกอนาคตที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลาและก้าวต่อไปในวงการครีเอเตอร์! RAiNMaker สื่อที่อยาก ‘Empower Thai Content Creators to The World’ และคอมมูนิตี้สำหรับคอนเทนต์ครีเอเตอร์ ที่ปีนี้ได้เติบโตอย่างยิ่งใหญ่กว่าที่เคย พร้อมความสำเร็จที่ไม่เคยหยุดนิ่งกับงาน “iCreator Conference 2025 Presented by Sony” งานมหกรรมรวมกลุ่มคอนเทนต์ครีเอเตอร์ครั้งใหญ่ที่สุดในไทย

โดยครั้งนี้ คุณขจร เจียรนัยพานิชย์ ผู้บริหารบริษัท เดอะ ซีโร่ พับบลิชชิ่ง จำกัด (The Zero Publishing) บรรณาธิการบริหารเว็บไซต์ชื่อดังอย่าง Mango Zero, Parents One, Thumbsup, RAiNMaker และผู้จัดงาน iCreator Conference ขึ้นกล่าวเปิดงานบนเวทีประเดิมด้วยการอัปเดตเทรนด์ปี 2026 พร้อมแชร์มุมมองภาพรวมและอินไซต์ของอนาคตวงการครีเอเตอร์ไทยจากรายงาน iCreator Report 2025 ซึ่งเป็นรายงานฉบับแรกของประเทศไทยที่ครอบคลุมในทุกด้านของวงการครีเอเตอร์ และถือเป็นฐานข้อมูลสำคัญที่สามารถนำไปอ้างอิงได้ ทั้งในไทยและต่างประเทศ

ในโอกาสนี้ RAiNMaker จึงได้เตรียมเป็นตัวแทนในการจัดตั้ง “สมาคมคอนเทนต์ครีเอเตอร์ไทย” (Thai Creator Association) เพื่อยกระดับวงการครีเอเตอร์ไทยไปอีกระดับ โดยคุณขจรได้เผยว่า “ทุกคนทราบถึงการเติบโตอย่างก้าวกระโดดของวงการครีเอเตอร์ไทย แต่เราก็พบกับปัญหามากมาย จากทั้งการคอนเทนต์ การเป็นตัวอย่างของครีเอเตอร์ต่อผู้คนในสังคม การศึกษาไทยที่ยังก้าวตามไม่ทัน รวมถึงการที่ครีเอเตอร์ไทยยังไม่เคยมีการรวมกลุ่มกัน ก็ยากที่จะยกระดับวงการให้ดีขึ้นได้ รวมถึงการสนับสนุนจากภาครัฐเองก็ทำได้ยาก” โดย RAiNMaker ได้มีการพูดคุยกับหลายภาคส่วนเพื่อนำไปสู่การจัดตั้งสมาคมในช่วงไตรมาสที่ 1 ของปี 2026 นี้

และสำหรับงาน iCreator Conference 2025 Presented by Sony ปีนี้ บรรยากาศก็เต็มไปด้วยความคึกคัก ยิ่งใหญ่ และตื่นตาตื่นใจกว่าที่เคย เพราะงานในครั้งนี้ถือเป็นการรวมตัวของแพลตฟอร์มระดับโลก พร้อมเหล่าครีเอเตอร์ อินฟลูเอนเซอร์ระดับท็อปของเมืองไทย และแบรนด์ชั้นนำกับเจ้าของแคมเปญดัง มาร่วมแบ่งปันประสบการณ์และเส้นทางสู่ความสำเร็จ 

จัดเต็มกับ 4 เวทีหลัก ที่รวม Speakers กว่า 50+ ท่าน, 24+ Sessions พร้อมกับ 9+ Workshops ให้ผู้เข้าร่วมงาน ได้รับทั้งความรู้ แนวคิด แรงบันดาลใจ เพื่อพัฒนาต่อไปสู่ตัวตนที่สมบูรณ์ในอนาคต อาทิ เติ๊ด – ภูถิรพัฒน์ อ่องศรี (เทพลีลา), เคน – นครินทร์ วนกิจไพบูลย์ (THE STANDARD),  ตังค์ – มรรคพร ขัตติยะทองคำ (Tang Makkaporn),  ซีเค เจิง (Fastwork) และ สิงห์ – วรรณสิงห์ ประเสริฐกุล (Wannasingh Prasertkul, TUEN | Channel) เป็นต้น

นอกจากนี้ยังมีแพลตฟอร์มระดับโลกอย่าง Meta (Facebook และ Instagram), TikTok Shop, YouTube Thailand, Lemon8 และ Shopee มาร่วมอัปเดตภาพรวมสถิติและเทรนด์บนแพลตฟอร์ม รวมถึงการสร้างคอมมู  นิตี้ให้แข็งแกร่ง เพื่อเป็นประโยชน์ต่อการยืนระยะของครีเอเตอร์บนทุกแพลตฟอร์ม 

และแน่นอนว่าในส่วนของกิจกรรม Workshop เพื่อเก็บเกี่ยวความรู้และประสบการณ์ตรงจากผู้เชี่ยวชาญก็ยังคงเป็นไปอย่างคึกคักเหมือนเคย เช่นเดียวกันกับเอ็กซ์คลูซีฟโซนเฉพาะงานนี้เท่านั้นอย่าง “Sony Creator Clinic” ที่ให้ผู้เข้าร่วมงานสามารถพูดคุยกับเหล่าครีเอเตอร์คนโปรด ได้แบบ 1 ต่อ 1 รวมไปถึงบูธกิจกรรมจากผู้สนับสนุนก็ยังคงจัดเต็มอีกด้วย

เรียกได้ว่าท่ามกลางวิกฤตในโลกครีเอเตอร์มากมาย ทั้งการแข่งขันสูงในโลกคอนเทนต์หรือการเข้ามาของ AI รวมไปถึงอาการหมดไฟของผู้คนในวงการครีเอเตอร์ งานนี้จึงตั้งใจที่จะปลุกพลังใจและความหวังใหม่ในโลกแห่งคอนเทนต์ในอนาคต ให้พร้อมรับมือกับเทรนด์ อัลกอริทึมและคอนเทนต์ที่เปลี่ยนแปลง ไป มาปลดล็อกตัวตน สู่เป้าหมาย “Awaken The Future: ปลุกพลังอนาคตที่กำหนดได้” ไปด้วยกัน เพื่อพาวงการครีเอเตอร์ไทยเติบโตต่อไปอย่างไม่มีสิ้นสุด

]]>
1549336
เจาะลึกวิสัยทัศน์ “Corey Bryant” แม่ทัพแห่ง bpositive กับภารกิจปั้นแบรนด์เฮลท์แคร์ที่ “ขับเคลื่อนด้วยจุดมุ่งหมาย” ในสมรภูมิธุรกิจไทย https://positioningmag.com/1549291 Fri, 28 Nov 2025 10:24:57 +0000 https://positioningmag.com/?p=1549291 ท่ามกลางการเติบโตอย่างก้าวกระโดดของตลาดเฮลท์แคร์ไทย ตามความเปลี่ยนแปลงด้านพฤติกรรมของผู้บริโภคยุคใหม่ ที่ไม่ได้มองแค่การ “รักษา” แต่เปลี่ยนผ่านสู่การ “ป้องกัน” และเชื่อมโยงวิถีชีวิตเข้ากับสุขภาวะที่ยั่งยืน วันนี้เราพาทุกท่านไปพูดคุยกับ คุณคอรี ไบรอันท์ (Corey Bryant) ผู้ก่อตั้งและ CEO ของ bpositive ผู้เล่นหน้าใหม่ที่น่าจับตามอง ด้วยวิสัยทัศน์ที่แตกต่าง คือการสร้างธุรกิจที่เริ่มต้นจาก “จุดมุ่งหมาย” (Purpose) ก่อน “ผลิตภัณฑ์” โดยเชื่อมั่นว่า ‘ผลกำไรทางธุรกิจ’ และ ‘การสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อสังคม’ สามารถเดินเคียงคู่กันได้อย่างสมดุล

buy1help1: โมเดลธุรกิจที่เปลี่ยนการซื้อสินค้าให้เป็นการสร้างพลังบวกที่ทวีคูณ

หัวใจสำคัญที่ขับเคลื่อน bpositive ไม่ใช่เพียงแค่ยอดขาย แต่คือโมเดล “buy1help1” ซึ่งคุณคอรีนิยามว่าเป็น “ระบบนิเวศของพลังบวก” แรงบันดาลใจนี้เกิดขึ้นในช่วงวิกฤตโควิด-19 ช่วงเวลาที่พิสูจน์ให้เห็นว่ามนุษย์เห็นคุณค่าของการช่วยเหลือเกื้อกูลกันมากที่สุด

“แนวคิดของเราเรียบง่ายมาก เมื่อลูกค้าซื้อผลิตภัณฑ์ พวกเขาจะได้รับความรู้สึกดีที่ได้ช่วยเหลือ และผู้รับก็รู้สึกดีกับตัวเองเช่นกัน เมื่อคนหนึ่งช่วยอีกคน ผลลัพธ์จะถูกทวีคูณ พลังบวกนี้ติดต่อกันได้” คุณคอรีกล่าว

โมเดลนี้ไม่ใช่เพียงแคมเปญการตลาดฉาบฉวย แต่เป็นพันธกิจหลัก (Core Mission) ขององค์กร โดยทุกการซื้อในประเทศไทยจะถูกส่งต่อไปยังพันธมิตรอย่าง มูลนิธิสายเด็ก 1387 (Childline Thailand Foundation) เพื่อเสริมสร้างความเข้มแข็งทางจิตใจ และ มูลนิธิการศึกษาเพื่อการพัฒนา (EDF) เพื่อมอบโอกาสทางการศึกษาแก่เด็กด้อยโอกาส ช่วยให้พวกเขาหลุดพ้นจากวงจรความยากจน

เจาะลึกตลาดไทย: เมื่อผู้บริโภคมองหา “การป้องกัน” และ “คุณภาพที่จับต้องได้”

คุณคอรีกล่าวถึงการมาเปิดตลาดในประเทศไทยว่า เขามองเห็นจุดเปลี่ยนสำคัญในพฤติกรรมผู้บริโภคไทย ที่ก้าวจากการรักษาไปสู่การดูแลเชิงป้องกัน (Preventive Care) และการใส่ใจสุขภาพระยะยาว (Longevity) ไม่ว่าจะเป็นกระแสอาหารเสริมชะลอวัย (NAD+) การป้องกันผิวจากแสงแดด หรือเทรนด์เครื่องดื่มไร้แอลกอฮอล์เพื่อสุขภาพสมอง โดยเฉพาะอย่างยิ่งการก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ (Aging Society) ทำให้ความต้องการผลิตภัณฑ์ฟื้นฟูผิวและดูแลแผลสำหรับกลุ่ม Silver Generation เพิ่มสูงขึ้น

เพื่อตอบโจทย์นี้ bpositive จึงวางแผนเปิดตัวผลิตภัณฑ์กลุ่มดูแลแผล (Wound Care) ในเดือนธันวาคม 2025 ได้แก่ แผ่นปิดแผลชนิดดูดซับ, ผ้าก๊อซ, และพลาสเตอร์ปิดแผลหลากหลายชนิด ตามด้วยกลุ่มผลิตภัณฑ์สุขอนามัย เช่น สำลีชุบแอลกอฮอล์ ถุงมือ และหน้ากากอนามัยในปี 2026

ผลิตภัณฑ์ทุกชิ้นของ bpositive ผ่านการรับรองมาตรฐานระดับโลก ISO 3485:2016 และถูกออกแบบภายใต้แนวคิด “เรียบง่าย แต่มีประสิทธิภาพ” (Simple & Effective) ทั้งยังมีการสร้างเอกลักษณ์แบรนด์ผ่าน BooBoo Character ตัวการ์ตูนคาแรคเตอร์ที่สร้างภาพลักษณ์ความทันสมัย สนุกสนาน และเข้าถึงง่าย ซึ่งแตกต่างจากภาพจำเดิม ๆ ของสินค้าเวชภัณฑ์

กลยุทธ์การแข่งขัน: คุณภาพที่มาพร้อมความคุ้มค่า

แม้ต้องเผชิญกับความท้าทายในตลาดที่ถูกครอบครองโดยแบรนด์ระดับโลกและธุรกิจ MLM ยักษ์ใหญ่ แต่ bpositive มั่นใจในการสร้างความแตกต่าง ผ่านกลยุทธ์ 3 แกนหลัก: คุณภาพ นวัตกรรม และราคาที่จริงใจ

  1. นวัตกรรมที่ตอบโจทย์ท้องถิ่น (Localization): พัฒนาผลิตภัณฑ์ให้เหมาะกับสภาพอากาศเมืองไทย เช่น พลาสเตอร์และแผ่นฟิล์มปิดแผลกันน้ำและแบคทีเรียที่ทนต่อความชื้นได้ดีเยี่ยม เป็นการยกระดับสิ่งที่ตลาดมีอยู่แล้วให้ดียิ่งขึ้น
  2. Price Strategy: วางราคาต่ำกว่าคู่แข่งประมาณ 10% เพื่อให้คนไทยเข้าถึงสินค้าคุณภาพสูงได้ง่ายขึ้น
  3. Digital Health Integration: วางตำแหน่งเป็น “โซลูชันในชีวิตจริง” ที่เชื่อมต่อกับบริการปรึกษาแพทย์ออนไลน์ โดยมีแผนพัฒนาระบบจัดส่งสินค้าด่วนภายใน 2 ชั่วโมงหลังได้รับคำแนะนำจากแพทย์

เปิดแผนลงทุนและเป้าหมายรายได้

ในด้านการลงทุน bpositive วางงบประมาณสำหรับการเริ่มต้นบุกตลาดไทยไว้ที่ 10 ล้านบาท แบ่งเป็นการตลาด การประชาสัมพันธ์และดิจิทัลมาร์เก็ตติ้ง 3.75 ล้านบาท การวางระบบ (Set up cost) 2.5 ล้านบาท และการจัดตั้งทีมพัฒนาธุรกิจ 3.75 ล้านบาท โดยเน้นการบริหารแบบ SME ที่คล่องตัวแต่เน้นคอนเซปต์ที่แข็งแรง

คุณคอรีเปิดเผยถึงเป้าหมายทางธุรกิจว่า คาดการณ์รายได้ในปีแรก (2026) ที่ 25 ล้านบาท และตั้งเป้าเติบโตเป็น 2 เท่าในปี 2027 ความมั่นใจนี้ส่วนหนึ่งมาจากความสำเร็จในประเทศมาเลเซีย ที่แบรนด์สามารถชิงส่วนแบ่งการตลาดได้ถึง 46% ในช่องทางร้านขายยาและร้านสะดวกซื้อชั้นนำกว่า 1,800 แห่ง

สำหรับช่องทางการจัดจำหน่ายในไทย จะเริ่มวางจำหน่ายในห้างค้าปลีกชั้นนำอย่าง Tops, Lotus และ Boots  กว่า 200 แห่ง ภายในปี 2026 และกำลังอยู่ระหว่างการเจรจากับ Watsons, 7-Eleven และ Lawson 108 รวมถึงมีแผนขยายสู่ร้านขายยารายย่อยทั่วประเทศผ่านตัวแทนจำหน่ายในปี 2027  รวมถึงมีแผนขยายตลาดไปยังประเทศอื่น ๆ ในภูมิภาค เช่น อินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์

ผู้นำยุคใหม่: นำด้วยความจริงใจและจุดมุ่งหมาย

คุณคอรีทิ้งท้ายถึงหลักคิดในการบริหารงานที่ตกผลึกจากประสบการณ์ในองค์กรระดับโลกอย่าง Johnson & Johnson และ Stryker ว่า ผู้นำยุคใหม่ต้อง “Leading with Purpose” ซึ่งเขามองว่าเป็นสิ่งที่มักหายไปในองค์กรข้ามชาติ และเป็นหนึ่งในเหตุผลสำคัญที่ผลักดันให้เขาออกมาสร้างธุรกิจของตัวเอง ซึ่งแนวคิดเหล่านี้ได้กลายเป็นรากฐานของ bpositive ในวันนี้

“การทำธุรกิจด้านเฮลท์แคร์ไม่ควรแสวงหากำไรสูงสุดจากผู้ป่วย แต่ควรสร้างสมดุลระหว่างการเยียวยาผู้คนกับผลประกอบการไปพร้อมกัน สำหรับ bpositive คุณภาพคือสิ่งที่สร้างความน่าเชื่อถือ ความไว้วางใจ และความภักดี – ซึ่งเกิดจากประสบการณ์ของผู้คนและการบอกต่อกันแบบปากต่อปาก ซึ่งทั้งหมดนี้คือการทำการตลาดที่ทรงพลังที่สุด”

ในอนาคต bpositive ยังมองเห็นโอกาสในการขยายสู่ตลาด Lifestyle Healthcare และเปิดกว้างสำหรับการร่วมมือกับ แพทย์แผนไทย (Traditional Thai Medicine) เพื่อนำภูมิปัญญาธรรมชาติมาสู่การดูแลสุขภาพสมัยใหม่ ตอกย้ำความตั้งใจที่จะให้ bpositive เป็นแบรนด์ที่คนไทยรัก ทั้งในแง่คุณภาพและการเป็นผู้ให้ผ่านโครงการ buy1help1

]]>
1549291
Overcoat Music Festival เทศกาลดนตรีที่อยู่คู่เขาค้อมา 15 ปี  https://positioningmag.com/1546597 Wed, 12 Nov 2025 07:41:21 +0000 https://positioningmag.com/?p=1546597 ในช่วงหลายปีที่ผ่านมางาน Music Festival หรือเทศกาลดนตรี ได้รับความความนิยมอย่างต่อเนื่อง ทั้งงานที่เป็นศิลปินในประเทศ รวมถึงงานศิลปินต่างประเทศ ด้วย Vibe ของงานที่รวมศิลปินที่หลากหลาย สถานที่บรรยากาศดีๆ ทำให้เปิดประสบการณ์ใหม่ๆ ได้

ในประเทศไทยเองก็มีงานเทศกาลดนตรีที่ขึ้นชื่อหลายงาน งาน Overcoat Music Festival เป็นอีกหนึ่งเทศกาลดนตรีที่จัดต่อเนื่องมาอย่างยาวนาน ในปีนี้จัดขึ้นเป็นครั้งที่ 15 แล้ว จัดขึ้นในวันเสาร์ที่ 6 ธันวาคม 2568 ณ Jolly Land Starlight Amphitheater เขาค้อ เพชรบูรณ์

จันทร์ศรีษร มณีฉาย กรรมการผู้จัดการ บริษัท มีเดีย แรพ จำกัด เริ่มเล่าว่า

“จุดเริ่มต้นของงาน Overcoat Music Festival มาจากตอนนั้นไปเที่ยวเขาค้อซึ่งเป็นยุคสมัยที่การท่องเที่ยวยังไม่บูมเท่าตอนนี้ ยังไม่มีผู้ประกอบการเยอะเท่าไหร่ อากาศดี เลยมีความคิดที่ว่าถ้ามีคอนเสิร์ตดีๆ เป็นจุดศูนย์รวมให้คนมาเจอกันก็น่าจะดี เพราะเขาค้ออยู่ไม่ไกลจากกทม. ระยะทาง 300-400 กิโลเมตร คนจังหวัดรอบๆ ก็มาได้ เลยอยากเริ่มจัดเทศกาลดนตรี มาเริ่มคิดว่าจะตั้งชื่ออะไรดี ก็เห็นว่าที่นี่อากาศดี อยากให้คนเอาเสื้อกันหนาวมาใส่ เลยตั้งชื่อว่า Overcoat”

จันทร์ศรีษรไม่เคยจัดงานเทศกาลดนตรีมาก่อน แต่คลุกคลีกับวงการทำอีเวนต์ ได้หาที่ปรึกษาเรื่องจัดงาน ในปีแรกที่จัดงานมีคนเข้าร่วมงาน 5,000 คน จากนั้นก็เป้นที่รู้จักขึ้นเรื่อง มีคนเข้าร่วมงานเพิ่มเป็น 10,000 คน จนปัจจุบันมีผู้เข้าร่วมงานที่ 18,000 คน

จุดเด่นที่ทำให้คนรู้จัก Overcoat Music Festival เพราะเป็นคอนเสิร์ตที่อากาศหนาว อากาศดี จึงเกิดการบอกต่อกันปากต่อปาก

จุดเปลี่ยนที่สำคัญอีกช่วงก็คือหลังสถานการณ์ COVID-19 ที่ไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคเริ่มเปลี่ยน การแข่งขันในวงการคอนเสิร์ตเยอะขึ้น แต่ละจังหวัดก็มีงานเทศกาลดนตรีเป็นของตัวเอง ทำให้ต้องมีการปรับตัวมากขึ้น

บริษัท มีเดีย แรพเองก็มีการขยายไปยังธุรกิจอื่นๆ เนื่องจากเห็นเทรนด์วิ่งเป็นที่นิยม เปิดบริษัทลูก MW Sport เพื่อจัดงานวิ่งเขาค้อมาราธอน ปีนี้ได้จัดเป็นครั้งที่ 9 และงานวิ่งเทรล รวมไปถึงงานลิตเติ้ล เวนเจอร์ งานวิ่งผจญภัยของเด็กๆ ขยายฐานไปยังกลุ่มครอบครัวมากขึ้น

ปัจจุบันลูกค้าร่วมงาน Overcoat Music Festival ส่วนใหญ่เป็นคนโลคอลในจังหวัดเพชรบูรณ์ และพิษณุโลก 60% รองลงมาเป็นจังหวัดใกล้เคียงขอนแก่น เลย กำแพงเพชร สุโขทัย 30% และคนกทม. 10%

Overcoat Music Festival ได้กลายเป็นเหมือนงานใหญ่ประจำปีของจังหวัดที่ทุกคนรอคอย สร้างเงินหมุนเวียนให้เขาค้อถึง 100 ล้านบาท

จันทร์ศรีษรมองว่า ความท้าทายที่สุดในตอนนี้ก็คือ ต้องการทำให้ Overcoat Music Festival อยู่คู่เขาค้อไปเรื่อยๆ เป็นงานที่สร้างความสุข สร้างเศรษฐกิจให้เขาค้อ และเพชรบูรณ์ สร้างให้เป็นจุดศูนย์รวมของคนแถวนั้น รวมไปถึงอยากทำให้เป็นจุดหมายปลายทางที่คนอยากมาเที่ยวให้ได้สักครั้งในชีวิต

]]>
1546597
ร้านเชฟแมน สาขาราชดำริ ที่ตั้งใหม่เปิดแล้ววันนี้ https://positioningmag.com/1545456 Tue, 04 Nov 2025 09:19:54 +0000 https://positioningmag.com/?p=1545456 เมื่อเอ่ยถึงร้านเชฟแมน หลายคน อาจจะเคยได้ยิน บางคนอาจจะบอกว่าคุ้นๆ แต่ไม่มั่นใจว่ามีที่ไหนบ้างตอนนี้ ณ ตอนนี้ ร้านเชฟแมน มี ทั้งหมด 4 สาขา ได้แก่ สาขา อีสติน แกรนด์สาธร สาขาสนามกอล์ฟ ธนาซิตี้ สาขา ถนนวิทยุ และ สาขา   ราชดำริที่แต่ก่อน ตั้งอยู่ที่ ซอย มหาดเล็กหลวง 2 ถนนราชดำริ มาวันนี้ สาขา ราชดำริ ได้ทำการ ย้ายที่ตั้งใหม่ มาอยู่ ที่ โรงแรม แกรนด์ เซ็นเตอร์ พอยต์ เพรสทิจ ซอยมหาดเล็กหลวง 1 

ณ ที่ตั้งใหม่  ร้านมีขนาดใหญ่กว่าเดิม มีขนาดกว่า พันตารางเมตร จุได้มากถึง 194 ที่นั่ง และมีห้อง ส่วนตัวมากถึง 8 ห้อง VIP เปิดให้บริการทุกวัน โดยแบ่งเป็น 2 รอบ คือ เวลา 11:00 – 15:00 และ 18:00 -22:00 

เมนูแนะนำที่เป็นที่รู้จักมากมาย ไม่ว่าจะเป็น ซาลาเปาไส้ไหล ที่เชฟแมน เป็นเจ้าแรกที่เป็นคนทำ ติ่มซำอีกหลากหลายอาทิเช่น  ขนมจีบ ฮะเก๋า  เมนู เป็ดปักกิ่ง สุกี้ปลา บะหมี่กระเพาะปลาซอสเป๋าฮี้อ ข้าวผัดไข่ปลาซอสเอ็กซ์โอ และอื่นๆ

ร้านเชฟแมน นอกจากจะพร้อมบริการทุกความหลากหลายของเมนู ยังคงเปี่ยมด้วยคุณภาพของทั้งการบริการ และ รสชาติของอาหารที่มีผู้ช่วยเชฟระดับ มิชลินสตาร์ในทีม และบริหารงานโดยเชฟแมน

สามารถมาลิ้มลองอาหารของเชฟแมน ตามมาตราฐาน ร้านอาหารจีนไฟน์ ไดน์นิ่ง สไตล์ฮ่องกง ได้แล้ววันนี้ พร้อม บรรยากาศและวิว ที่สวยงามกลางกรุงเทพ 

พร้อมกันนี้ เพื่อเป็นการฉลองร้านเปิดใหม่ ทางร้านเชฟแมน ขอมอบส่วนลด ให้กับทุกท่านที่มารับประทานอาหารที่ร้าน ภายในเดือน พฤศจิกายน นี้ 10% 

สำรองที่นั่งได้แล้ววันนี้ ที่ 081 323 6299 , 093 131 1121 ได้ทุกวัน

เชฟ ไว ยิน มาน (Wai Yin Man) เชฟมากประสบการณ์ผู้คร่ำหวอดในวงการอาหารจีนมากว่า 30 ปี ดำรงตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหารและเอ็กเซ็กคิวทีฟเฮดเชฟแห่ง Chef Man Group of Restaurants กลุ่มร้านอาหารชื่อดังในกรุงเทพฯ ที่นำเสนอหลากหลายคอนเซ็ปต์การรับประทานอาหารอันโดดเด่น

เชฟแมนเกิดและเติบโตในฮ่องกง ก้าวเข้าสู่วงการอาหารตั้งแต่อายุเพียง 13 ปี โดยเริ่มต้นจากการเป็นลูกมือในร้านอาหาร ก่อนจะสั่งสมประสบการณ์และพัฒนาฝีมืออย่างต่อเนื่อง จนตัดสินใจย้ายมาประจำการที่กรุงเทพฯ ในปี พ.ศ. 2538

ตลอดเวลากว่าสองทศวรรษ เชฟแมนดำรงตำแหน่งเอ็กเซ็กคิวทีฟเชฟอาหารจีนที่โรงแรมอมารี ใจกลางกรุงเทพฯ ซึ่งได้รับความนิยมจากทั้งคนท้องถิ่น นักท่องเที่ยว และคนดังมากมาย ด้วยความเชี่ยวชาญด้านอาหารจีนไฟน์ไดนิ่ง เชฟแมนจึงได้ก่อตั้งร้าน Chef Man สาขาแรกขึ้นในปี พ.ศ. 2554

ด้วยความมุ่งมั่นที่จะสร้างสรรค์ประสบการณ์ใหม่ ๆ ให้กับลูกค้าอยู่เสมอ เชฟแมนให้ความสำคัญกับการคัดสรรวัตถุดิบเป็นอย่างมาก เขามักแวะเวียนไปตลาดท้องถิ่นเพื่อเฟ้นหาส่วนผสมและผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ อยู่เสมอ เพราะลูกค้าของเรามีความคาดหวังต่ออาหารที่ดีและน่าจดจำ แม้จะเป็นเมนูที่เรียบง่ายก็ตาม ผมจึงนำคำแนะนำของพวกเขามาใช้สร้างสรรค์เมนูให้เหมาะกับความต้องการเฉพาะของแต่ละคน

ทั้งนี้การันตีความอร่อยได้จากรางวัลดังต่อไปนี้

มิชิลิน ไกด์ บุ๊ก (Micheline Guide Book)  ยาวนาน 9 ปี ซ้อน (ตั้งแต่ปี 2015 – 2025) 

รางวัลจาก Hello Taste Award : Best Chinese Cuisine 2020

รางวัล Thailand Tatler : top 10 best restaurant 2016-2018 

รางวัล Thailand Tatler : Recommend restaurant 2025

รางวัล Wongnai User Choice : Best Wongnai User Choice 2014-2025

]]>
1545456
ผ่าดราม่า “หงส์ไทย” ยาดมสมุนไพร 300 ล้าน แต่กำไรแค่ 2 ล้าน?  https://positioningmag.com/1545168 Mon, 03 Nov 2025 09:32:09 +0000 https://positioningmag.com/?p=1545168 ยาดมหงส์ไทย กระปุกเขียวขนาดเหมาะมือที่เริ่มต้นจากซุ้มในตลาดนัด กลายเป็นปรากฏการณ์ระดับโลกเมื่อ “เจ้าฟ่าง” ธีรพงศ์ ศิลาชัย ยกน้ำหนักคว้าเหรียญเงินโอลิมปิกปารีส 2024 พร้อมดมยาดมหงส์ไทยหน้ากล้อง จนสื่อต่างชาติอย่าง BBC และ CNN เรียกว่า “Thai Magic Inhaler” ยอดค้นหาบน Google พุ่ง 500% กลายเป็นกระแสต่อเนื่องจากภาพลิซ่า Lisa BLACKPINK ที่พกติดตัวในทริปต่างประเทศ ส่งให้ยอดขายออนไลน์ทะลุหลายเท่าตัว

แต่เบื้องหลังความสำเร็จที่ดูเหมือนสมบูรณ์แบบนี้ กลับมีปริศนาทางการเงินที่ทำให้นักสังเกตการณ์ต้องหยุดคิด ว่าทำไมแบรนด์ที่ครองส่วนแบ่งตลาดหลักในตลาดยาดมไทย 4,500 ล้านบาท มีกำลังการผลิตเดือนละหลายแสนกระปุก และมียอดขายหลักล้านยูนิตต่อปี กลับมีกำไรเพียง 2-3 ล้านบาท?

จากขาดทุนสู่กำไร ตัวเลขนี้ (ไม่ค่อย) สมเหตุสมผล

หากย้อนดูข้อมูลผลประกอบการจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ บริษัท สมุนไพรไทย หงส์ไทย จำกัด ซึ่งก่อตั้งในปี 2549 โดย “เก่ง” ธีระพงศ์ ระบือธรรม ด้วยสูตรสมุนไพรผสมพิมเสนและสมุนไพรไทยกว่า 10 ชนิด มีภาพรวมทางการเงินที่น่าสนใจ ดังนี้

  • ปี 2559-2564: ขาดทุนต่อเนื่อง 6 ปี (รวมขาดทุนกว่า 27 ล้านบาท) แม้รายได้เติบโตจาก 8.4 ล้านเป็น 24.8 ล้านบาท
  • ปี 2565: รายได้กระโดดเป็น 62.7 ล้านบาท พลิกมาทำกำไร 782,832 บาท
  • ปี 2566: รายได้พุ่งสูงสุด 215.7 ล้านบาท แต่กำไรเพียง 1.4 ล้านบาท (อัตรากำไรสุทธิ 0.66%)
  • ปี 2567: รายได้ทะลุ 366 ล้านบาท กำไรเพิ่มเป็น 2 ล้านบาท (อัตรากำไรสุทธิ 0.56%)

hongthai

ตัวเลขเหล่านี้ชวนให้ตั้งคำถาม ว่าธุรกิจที่มีรายได้เกิน 300 ล้านบาทต่อปี ครองส่วนแบ่งตลาดใหญ่ชัดเจนในอุตสาหกรรม แต่ทำไมกำไรถึงบางจนน่าตกใจ? ทั้งที่สินค้าขายหมดสต็อก มีกระแส viral ระดับโลก และราคาต้นทุนการผลิตยาดมสมุนไพรไม่ได้สูงมากนัก

ทฤษฎีเบื้องหลังตัวเลขเหล่านี้อาจสันนิษฐานได้ไม่ต่ำกว่า 4 มุม หนึ่งในนั้นคือโครงสร้างหนี้ที่ไม่มีวันจบ

ในบางธุรกิจ บริษัทอาจมีหนี้สินจากการกู้เงินจากผู้ถือหุ้น โดยบริษัทเลือกจ่ายแต่ดอกเบี้ยไปเรื่อยๆ แทนที่จะชำระเงินต้น ผู้ถือหุ้นเหล่านี้อาจเป็นญาติพี่น้องหรือบุคคลใกล้ชิด ทำให้หนี้ไม่มีวันลดลง แต่สร้างรายจ่ายดอกเบี้ยที่กัดกร่อนกำไรอย่างต่อเนื่อง ซึ่งยังไม่มีการเปิดเผยว่าหงส์ไทยอยู่ในกรณีนี้หรือไม่

ขาดทุนเชิงบัญชี?

มุมที่ 2 คือกลยุทธ์ภาษีแบบขาดทุนเชิงบัญชี ต้องยอมรับว่าการรายงานกำไรต่ำหรือขาดทุนอาจเป็นกลยุทธ์ในการลดภาระภาษีนิติบุคคล โดยเฉพาะในช่วงที่ธุรกิจเติบโตอย่างรวดเร็ว และการจัดโครงสร้างต้นทุนและค่าใช้จ่าย (เช่น ค่าเสื่อมราคา ค่าการตลาด ดอกเบี้ยจ่าย) ให้กำไรสุทธิอยู่ในระดับต่ำ เป็นเทคนิคที่ SME หลายรายใช้กันมานานแล้ว

มุมที่ 3 คือการขยายตัวแบบก้าวกระโดด เนื่องจากในช่วงปี 2565-2567 หงส์ไทยขยายโรงงานและเพิ่มกำลังการผลิตอย่างมาก ค่าใช้จ่ายในการลงทุนเครื่องจักร การจ้างพนักงานเพิ่ม และการขยายช่องทางจัดจำหน่ายทั้งในและต่างประเทศ อาจส่งผลให้กำไรสุทธิถูกกดลง แม้รายได้จะพุ่งสูง

hongthai

มุมที่ 4 คือต้นทุนซ่อนเร้น เพราะหงส์ไทยต้องบริหารจัดการตัวแทนขายมากมายในการส่งออกต่างประเทศ และการรักษาคุณภาพสมุนไพร ต้องใช้ต้นทุนโลจิสติกส์และการควบคุมคุณภาพที่มีรายละเอียดมาก ซึ่งคาดว่าต้นทุนส่วนนี้จะเพิ่มมากขึ้นอีกหลังจากวิกฤติคุณภาพสินค้า ที่เป็นข่าวดังเมื่อ 28 ตุลาคม 2568 ที่ผ่านมา

แม้โครงสร้างทางการเงินของหงส์ไทยจะยังคงเป็นปริศนา แต่สถานการณ์ปัจจุบันของหงส์ไทยได้มอบบทเรียนที่น่าสนใจมากสำหรับธุรกิจไทย เพราะการที่หงส์ไทยถูกบุกตรวจโรงงาน 2 แห่ง และโดนข้อหาผลิตโดยไม่ได้รับอนุญาตเต็มรูปแบบ นำไปสู่การสั่งปิดชั่วคราว นำไปสู่การยึดสินค้า 2.4 ล้านชิ้น มูลค่า 120 ล้านบาทนั้น ถือเป็นบทพิสูจน์ว่าผู้ที่ประกอบธุรกิจในรูปแบบ OEM (Original Equipment Manufacturer) เช่น อาหารเสริม หรือสินค้าความงาม ควรจะต้องระวังและดำเนินการให้รัดกุม เกี่ยวกับเรื่องการทำสัญญาและการบริหารความเสี่ยง

ข้อกำหนดสำคัญที่ธุรกิจต้องระบุในสัญญากับโรงงาน OEM คือการรับรองสูตรและความรับผิดชอบ ในสัญญาควรต้องระบุให้โรงงานผู้ผลิตรับรองว่า สูตรที่มอบให้แก่ผู้ประกอบการนั้น เป็นความรับผิดชอบของโรงงานทั้งหมด โดยโรงงานจะต้องรับรองว่า ไม่มีสารใด ๆ ที่จะทำให้เกิดปัญหาต่อผลิตภัณฑ์ ซึ่งหากเกิดปัญหาขึ้นภายหลังและสัญญามีการระบุข้อตกลงเหล่านี้อย่างชัดเจน โรงงานผู้ผลิตจะเป็นผู้รับผิดชอบทั้งหมด

ในเมื่อไม่มีการระบุชัดในสัญญา ธุรกิจหงส์ไทย 20 ปีจึงเสียหายมากมายเช่นในเวลานี้ ขณะเดียวกัน กรณีที่เกิดขึ้นยังสามารถสะท้อนปัญหาโครงสร้างของ SME ไทยที่เติบโตเร็วเกินกว่าระบบการบริหารจัดการจะรองรับได้ และยังเป็นคำถามว่าธุรกิจจะเติบโตไปได้อย่างยั่งยืนหรือไม่ หากโครงสร้างทางการเงินยังคงเป็นปริศนาต่อไป?

ที่มา : MGR 1, MGR 2, DBD

]]>
1545168
กลับมาอีกครั้ง! ‘WORK LIFE FESTIVAL 2025’ มหกรรมเพื่อคนทำงานสุดยิ่งใหญ่แห่งปีจาก Future Trends และ aomMONEY รวมทุกมิติของชีวิตการทำงานไว้ครบในที่เดียว https://positioningmag.com/1544724 Thu, 30 Oct 2025 05:12:15 +0000 https://positioningmag.com/?p=1544724 Future Trends และ aomMONEY ผนึกกำลังร่วมกับ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน), JobThai, OPPO Thailand, ไบแนนซ์ ทีเอช บาย กัลฟ์ ไบแนนซ์ (BINANCE TH), กรุงเทพประกันชีวิต จำกัด (มหาชน), FutureSkill, Aestheta Clinic Wellness and Aesthetic, ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย, สามย่านมิตรทาวน์, MedPark Hospital, ZipEvent, BeWell และศาลานา จัดงาน ‘WORK LIFE FESTIVAL 2025’ เฟสติวัลเพื่อคนทำงานสุดยิ่งใหญ่แห่งปี รวมทุกมิติของชีวิตการทำงานไว้ครบในที่เดียว ครอบคลุมทั้ง Work, Wealth, Well-being และ We-creation ระหว่างวันที่ 7 – 8 พฤศจิกายน 2568 ณ สามย่านมิตรทาวน์ฮอลล์

ภายใน WORK LIFE FESTIVAL 2025 มีการจัดแบ่งโซนสำหรับคนทำงานทั้งแง่ของการพัฒนาทักษะ และการวางแผนการเงิน กับ 2 เวทีหลัก อัปเดตเทรนด์แห่งอนาคต

🎤 SkillForce Stage

พลิกโฉมเส้นทางอาชีพสู่ยุคใหม่กับธีม ‘SKILL ROADMAP Revolution’

🎤 Make Rich Stage

คว้าโอกาสสร้างความมั่งคั่งไปกับคลื่นลูกใหม่ในธีม ‘Riding the Next Wave to Riches’

รวมถึง 4+1 เอ็กซ์โปที่ตอบโจทย์ทุกเป้าหมาย

📌 SkillForce Expo – รวมสินค้าและบริการเพื่อการอัปสกิลให้เหนือกว่าใคร

📌 Future Jobs Expo – พบ 40+ บริษัทชั้นนำที่กำลังเติบโตสูง พร้อมตำแหน่งงานแห่งอนาคต เงินเดือนเริ่มต้น 25,000++

📌 Tax Expo – เจาะลึกโลกการเงินการลงทุน สร้างความมั่งคั่งอย่างยั่งยืนไปกับตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย

📌 Work Syndrome Expo – จุดพักกาย ซ่อมใจ เติมพลังไฟให้เหล่าคนทำงาน

📌 Wealth ZONE by SET – พื้นที่ให้คำแนะนำคนที่มองหากองทุนที่ใช่ ที่เหมาะกับ Lifestyle ตัวเอง

โดยงานแถลงข่าวในวันที่ 15 ตุลาคม ณ SCB NEXT TECH ชั้น 4 สยามพารากอน ที่ผ่านมา คุณธนโชติ วิสุทธิสมาน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไลค์ มี จำกัด และผู้ก่อตั้ง Future Trends ได้อธิบายถึงแรงจูงใจของการจัดงานในครั้งนี้เอาไว้ว่า

“ปัจจุบัน เราทุกคนกำลังอยู่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์การทำงาน หลายๆ คนทำงานหนักขึ้น แต่กลับรู้สึกมั่นคงน้อยลง ทั้งปัญหาการเข้ามาแทนที่แรงงานของ AI ทั้งความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วจนยากที่จะตามได้ทัน รวมไปถึงรายได้จากงานประจำที่อาจไม่เพียงพอต่อการใช้ชีวิตอีกต่อไป

ดังนั้น การทำงานในอนาคตต่อจากนี้ เราจำเป็นต้องทำงานในแบบที่พร้อมหารายได้อยู่ตลอด มีการเก็บพอร์ตโฟลิโออย่างสม่ำเสมอ เช่น ลูกจ้าง ครีเอเตอร์ นักลงทุน หรือเมนเทอร์ รวมถึงต้องทำงานอย่างชาญฉลาดควบคู่ไปกับการใช้ AI เป็นเครื่องมือ

ในปีนี้ Future Trends ต้องการเป็นส่วนหนึ่งในการเติมการ ‘เติบโต’ ให้ชีวิตของทุกคนก้าวไปข้างหน้าอีกขั้น และพร้อมรับมือกับทุกๆ ความเปลี่ยนแปลง ไม่ว่าจะเป็นในด้านของการเติมโอกาสทางอาชีพ หรือโอกาสทางการเงินก็ตาม ด้วยความเชื่อมั่นที่ว่า ‘ทำงานให้เติบโต ใช้ชีวิตให้มั่งคั่ง’ จึงได้จัดงาน WORK LIFE FESTIVAL 2025    ขึ้นมาอีกครั้ง”

WORK LIFE FESTIVAL 2025 ประกอบไปด้วย 2 เวที 40+ เซสชัน พร้อมเหล่ากูรูและเหล่า Speakers ผู้เชี่ยว ชาญกว่า 50 ท่านที่พร้อมแบ่งปันประสบการณ์ และแนวคิดที่ช่วยสร้างแรงบันดาลใจให้กับคนทำงานในมิติต่างๆ

🌟 SKILL FORCE STAGE  – เวทีที่จะเปลี่ยนคุณให้เป็นคนที่ AI ก็แทนที่คุณไม่ได้ กับไลน์อัปสุดท็อปที่รวมทั้ง CEO, ผู้เชี่ยวชาญด้าน AI, กูรู HR, และนักกลยุทธ์แถวหน้าของเมืองไทย มามอบ Mindset, Skillset, และ Toolset ให้คุณพร้อมสำหรับโลกการทำงานยุคใหม่ อาทิ

– อานนทวงศ์ มฤคพิทักษ์ (SVP of People, LINE MAN Wongnai)

– ดร. เพิ่มสิทธิ์ นำประสิทธิผล (Psychologist & Founder, Modular Consulting)

– ศรัญ คุ้งบรรพต (Head of Talent Management and Organization Culture Department

Leading Financial Institution in Thailand)

🌟 MAKE RICH STAGE – เวทีที่รวมทุกมิติของความมั่งคั่งมาไว้ในเวทีเดียว พบกับ The Icons ไอคอนนักลงทุนและนักวางแผน, The New-Gen Creators ด้านการเงินและการลงทุน, The Business Leaders จากองค์กรชั้นนำและเจ้าของธุรกิจ และ The Experts กูรูและผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง อาทิ

– กษิดิศ สตางค์มงคล (Digital Writer & Data Analyst, DataRockie)

– วิวรรณ ธาราหิรัญโชติ (ที่ปรึกษา สมาคมนักวางแผนการเงินไทย และกรรมการสภาผู้ทรงคุณวุฒิ สภาจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย สภามหาวิทยาลัยเชียงใหม่)

– กวี ชูกิจเกษม (Value Investor)

– ทิวา ชินธาดาพงศ์ (นักลงทุนสมาคมนักลงทุนประเทศไทย)

💙 WORK LIFE FESTIVAL 2025 เฟสติวัลเพื่อคนทำงานสุดยิ่งใหญ่แห่งปี รวมทุกมิติของชีวิตการทำงานไว้ครบในที่เดียว

🗓 7 – 8 พฤศจิกายน 2568

🏬 สามย่านมิตรทาวน์ฮอลล์ ชั้น 5

ผู้สนใจสามารถลงทะเบียน เข้าร่วมงานได้ฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย พร้อมรับสิทธิพิเศษต่างๆ มากมายได้ที่ https://www.zipeventapp.com/e/Work-Life-Festival-2025?ref=MP

]]>
1544724
iCreator Conference 2025 Presented by Sony ก้าวต่อไปในวงการครีเอเตอร์ พร้อมรับมือกับโลกที่เปลี่ยนแปลงในวันที่ 26 พฤศจิกายนนี้ https://positioningmag.com/1544711 Thu, 30 Oct 2025 05:02:23 +0000 https://positioningmag.com/?p=1544711 เหลืออีกเพียงไม่กี่วันเท่านั้น ในการเตรียมพร้อมปลุกพลังและเติมแรงบันดาลใจของชาวครีเอเตอร์ ในงาน “iCreator Conference 2025 Presented by Sony” ที่จะจัดขึ้นในวันพุธที่ 26 พฤศจิกายน 2568 ณ ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค BITEC (BHIRAJ HALL)

โดยปีนี้กลับมาพร้อมกับธีม “Awaken The Future: ปลุกพลังอนาคตที่กำหนดได้” ที่รวมตัวเหล่าตัวท็อปของวงการคอนเทนต์ครีเอเตอร์, อินฟลูเอนเซอร์, แบรนด์ และเอเจนซีที่เป็นที่สุดของแต่ละอุตสาหกรรม พร้อมชวนทุกคนมาปลุกพลัง ปลุกไฟ และปลุกอนาคตให้พร้อมรับมือกับเทรนด์และคอนเทนต์ที่เปลี่ยนแปลงไป รวมถึงปลดล็อกตัวตน และโอบรับความเป็นตัวเองเพื่อมุ่งสู่ความหวังใหม่ในโลกแห่งคอนเทนต์สู่เป้าหมาย “Empower Thai Content Creators to the Wolrd” ไปด้วยกัน

ซึ่งงานครั้งนี้จัดเต็มกว่าที่เคย! และเตรียมพบกับ 3 Stages ที่รวม Speakers กว่า 50+ ท่าน, 24+ Sessions พร้อมกับ 9+ Workshops จากผู้เชี่ยวชาญตัวจริงในแต่ละสาย พร้อมเติมเทรนด์อัปเดตความรู้สู่ปี 2026

นอกจากจะมีไฮไลต์ที่น่าสนใจและความพิเศษที่ชาวครีเอเตอร์ แบรนด์และเอเจนซีไม่ควรพลาดแล้ว ภายในงานยังขนความรู้ยกมาทุกเทรนด์เพื่อสร้างแรงบันดาลใจให้กับทุกสายในวงการครีเอเตอร์เพื่อเสริมทักษะสำคัญที่ครีเอเตอร์ควรมีให้เต็มที่!

Skills ที่จะได้จากงาน 

  • Creativity & Content Creation
  • Content Marketing
  • Trend Insight
  • Brand Communication
  • AI Integration
  • Self-motivation & Inspiration

พบกับแพลตฟอร์มระดับโลก ที่จะมาอัปเดตเทรนด์ใหม่ ๆ อาทิ

  • Meta Thailand (Facebook & Instagram)
  • TikTok Shop
  • YouTube Thailand
  • Lemon8

พร้อมกับเหล่า Speakers ซึ่งล้วนเป็นคอนเทนต์ครีเอเตอร์ชั้นนำในไทย อาทิ

  1. เติ๊ด – ภูถิรพัฒน์ อ่องศรี (เทพลีลา)
  2. เคน – นครินทร์ วนกิจไพบูลย์ (THE STANDARD)
  3. หมอตังค์ – มรรคพร ขัติยะทองคำ (Tang Makkaporn)
  4. ซีเค เจิง (Fastwork)
  5. อิสระ ฮาตะ (RUBSARB)
  6. สิงห์ – วรรณสิงห์ ประเสริฐกุล (Wannasingh Prasertkul)
  7. เอ๋ – สราวุธ เฮ้งสวัสดิ์ (นิ้วกลม)
  8. เขื่อน – ภัทรดนัย เสตสุวรรณ (KOENDANAI)
  9. ดร.พลัง โลกศิลป์ (Dr.Palang)
  10. เบียร์ – ศรัญญู เพียรทำดี (Buffalo Gags)
  11. ภาวินท์ โล่ห์ตระกูลวัฒน์ (pawindrmom)
  12. มะเหมี่ยว – ทิพวรรณ ฟูวงศ์เจริญ (mmfuwongg)
  13. นิโคล (nicolenam_xo)
  14. คิม – กัญจน์ชญา อาจหาญ (Bearbykim)
  15. กิ๊ฟ – วริษฐา ลีลเศรษฐพร (Gift Lee)
  16. ดาร์ท – ธนทร ศิริรักษ์ (yesiamdart)
  17. พีนัท – ณัฏฐ์ เต็งชาตะพันธุ์ (Peanut Butter)
  18. เจ – ธชปาณ ปิติตรานันท์ (Here’s Jae)
  19. ป้อ – ธนิดา กนกเลิศวงศ์ (pportk)
  20. ไบรท์ – เอกรัตน์ คงสถิตย์ (ไบรท์ไร้ไขมัน)
  21. นิว – พิมพ์พิชา อุตสาหจิต (ขายหัวเราะ)
  22. ท็อป – วสุพล ตั้งสมบัติวิสิทธิ์ (เด็กสมบูรณ์)
  23. เฟิร์น – นัทธมน พิศาลกิจวนิช (สุกี้ตี๋น้อย)
  24. ทอย – กษิดิศ สตางค์มงคล (DataRockie)
  25. ต้า – ธนิน คุณความดี (The MONEY GAME)
  26. แน็ค – ศิวกร ปล้องใหม (Nack Siwakorn)
  27. เพชร – ธนัธพร อนันต์ธนาเกษม (PetchZ)
  28. โดนัท – พชร โกศลชื่นวิจิตร (dn.pojchara)
  29. ธาม – พรไพบูลย์สถิตย์ (ผู้ชนะ iCreator Camp Gen 2 Presented by Sony)
  30. เพิท – พงษ์ปิติ ผาสุขยืด (AD ADDICT)
  31. เฟื่องลดา – สรานี สงวนเรือง (LDA)
  32. แอ๊ม – ศรัณย์ แบ่งกุศลจิต (การตลาดการเตลิด)
  33. แซม – พลสัน นกน่วม (The Zero Publishing)
  34. เก่ง – สิทธิพงศ์ ศิริมาศเกษม (Creative Talk)
  35. โจ้ – ฉวีวรรณ คงโชคสมัย (Creative Talk)
  36. ธเนศ จารุธรรมาวงศ์ (Sony Thai)
  37. เอ็ม – ขจร เจียรนัยพานิชย์ (RAiNMaker)
  38. เม – นิโรธ ฉวีวรรณากร (Gushcloud Thailand)
  39. สกาย – จิรภัทร บุญคลัง (TikTok Shop)
  40. น้ำหวาน – วธูสิริ ทองไทร (Lemon8)
  41. นาว – ธีนิดา แสงชูโต (Lemon8)

สำหรับใครที่สงสัยว่างานนี้เหมาะกับใคร มาแล้วจะถูกใจหรือเปล่า? บอกเลยว่า  iCreator Conference 2025  ยังคงเป็นงานที่เหมาะกับทุกคนที่อยากมาอัปเดตเทรนด์วงการคอนเทนต์ครีเอเตอร์ หรืออยากมาหาแรงบันดาลใจจากประสบการณ์จริงของครีเอเตอร์ ไปจนถึงการมาเติมเต็ม Connection และพบปะคนในวงการ ไม่ว่าจะเป็น

  • ผู้ที่อยากสร้างตัวตน และคาแรกเตอร์ให้โดดเด่น
  • แบรนด์หรือธุรกิจที่ต้องการทำการตลาดแบบเข้าใจอินไซต์
  • เหล่าฟรีแลนซ์และนักศึกษาหรือทุกคนที่มีความสนใจอยากเป็นครีเอเตอร์ทำช่องของตัวเอง
  • ทุกคนที่ต้องการอัปสกิล หาความรู้ และอัปเดตเทรนด์ปี 2026
  • ทุกคนที่อยู่ในแวดวงสายอาชีพครีเอเตอร์ ครีเอทีฟ และการตลาด

แต่! ไม่ว่าคุณจะเป็นครีเอเตอร์ แบรนด์ และเอเจนซีสายไหน หรือแม้แต่เป็นคนที่อยากหาเส้นทางเริ่มต้นเป็นครีเอเตอร์ จนไปถึงสร้างแบรนด์ของตัวเอง งานนี้ก็พร้อมที่จะพาคุณไปตามหาความเป็นตัวเอง และเติมแรงบันดาลใจ    ไปด้วยกันสู่อนาคตปี 2026

รวมความคุ้มค่าของบัตร Early Bird 1 ใบของ #iCreator2025 จัดเต็มไว้ที่นี่!

⭐Benefit Special Ticket: เลือกโปรที่ใช่และสิทธิ์ที่ชอบ

  • EARLY BIRD x CANVA (จำหน่าย 24 ต.ค. – 25 พ.ย.): ได้รับสิทธิ์ใช้ CANVA PRO ฟรี 90 วัน
  • Duo x2 Early Bird x SF (จำหน่าย 24 ต.ค. – 25 พ.ย.): ได้รับตั๋วหนัง The Bed Cinema by Omazz 1 ที่นั่ง
  • Group 5x EARLY BIRD x ANGA (จำหน่าย 24 ต.ค. – 25 พ.ย.): ได้รับสิทธิ์เรียนคอร์สออนไลน์ กับ ANGA

 ⭐Benefit All Tickets: สำหรับบัตรทั่วไป

  • ฟรี! คอร์สเรียนออนไลน์ AI LIKE A PRO จาก FutureSkill
  • ฟรี! ส่วนลดคอร์ส 200.- สำหรับซื้อคอร์สเรียน 900.- ขึ้นไปจาก FutureSkill
  • ฟรี! พบปะกับเหล่า Top Creators จากแต่ละวงการ
  • ฟรี! อัปเดตเทรนด์ 2026 ในการทำคอนเทนต์
  • ฟรี! Workshop กับผู้เชี่ยวชาญตัวจริง
  • ฟรี! Sony Creator Clinic พูดคุย 1:1 กับครีเอเตอร์คนโปรด
  • ฟรี! Creator Connect ศูนย์รวมครีเอเตอร์ อินฟลูเอนเซอร์ แบรนด์ เอเจนซี
  • ฟรี! ส่วนลด 20% สำหรับชอปปิ้ง iCreator Merch คอลเลกชันใหม่
  • ฟรี! ทัวร์บูธกิจกรรมกว่า 30 บูธ
  • ฟรี! รับชมย้อนหลังนาน 6 เดือน

ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของสุดยอดงานรวมตัวครีเอเตอร์ไทย ปลุกพลังและเติมแรงบันดาลใจให้ครีเอเตอร์ พร้อมที่จะกำหนดเป้าหมายในอนาคตของตัวเอง

📌สำรองที่นั่งได้แล้ววันนี้ ผ่านเว็บไซต์ (🔗 https://www.eventpop.me/e/103906-icreator-conference-2025?aff=Positioning )

โค้ดส่วนลด 10% : POSITIONING

หมายเหตุ: สามารถใช้โค้ดส่วนลด 10% ได้จนถึงวันที่ 26 พ.ย. 2025 ภายใน 18.30 น. และโค้ดส่วนลดไม่เข้าร่วมกับบัตรที่จัดโปรโมชัน  หรือติดตามข้อมูลได้ที่: Rainmaker

Facebook Page : Rainmaker

Website : www.rainmaker.in.th

Twitter : Rainmaker

Youtube : RAiNMaker

]]>
1544711
กลุ่มเดอะมอลล์ สร้างปรากฏการณ์ “เดอะเจ เจนเนเรชั่น” เทศกาลอาหารเจแห่งชาติ ยกคอนเซ็ปต์ “จอยกับเจ ได้ทุกเจน” ตอบรับเทรนด์สุขภาพ–รักษ์โลก https://positioningmag.com/1543338 Sat, 18 Oct 2025 06:46:11 +0000 https://positioningmag.com/?p=1543338 กลุ่มเดอะมอลล์ โดย เดอะมอลล์ไลฟ์สโตร์, กูร์เมต์ มาร์เก็ต และกูร์เมต์ อีทส์ ตอกย้ำความเป็นต้นตำรับเทศกาลอาหารเจของไทย ที่ครองใจผู้บริโภคมากว่า 25 ปี จัดงาน “เดอะมอลล์ไลฟ์สโตร์ เดอะเจ เจนเนเรชั่น” ปีที่ 26 ภายใต้คอนเซ็ปต์ “จอยกับเจ ได้ทุกเจน” (The J Generation: Joy with Jay in Every Gen) ต่อยอดเทศกาลแห่งศรัทธาสู่ “เทศกาลแห่งสุขภาพและความสุขของทุกเจนเนเรชั่น” ตอบรับกระแส Plant-based – Wellness – Sustainable Lifestyle ที่เติบโตอย่างต่อเนื่องทั่วโลก ระหว่างวันที่ 21–27 ตุลาคม 2568 ที่ เดอะมอลล์ไลฟ์สโตร์ ทุกสาขา, เดอะมอลล์โคราช, รวมถึง กูร์เมต์ มาร์เก็ต และกูร์เมต์ อีทส์ ทุกสาขาทั่วประเทศ โดยปีนี้ได้ยกระดับเทศกาลเจให้ครบมิติทั้ง “อีเว้นต์ประสบการณ์” และ “ตลาดสินค้าคุณภาพ” ครอบคลุมทั้งเมนูเจต้นตำรับจากร้านดังทั่วประเทศกว่า 300 ร้าน รวมกว่า 2,000 เมนู และโซนวัตถุดิบเจ–อาหารสุขภาพระดับพรีเมียม ที่ตอบโจทย์ทั้งสายเฮลท์ตี้และคนรุ่นใหม่

นางสาววรลักษณ์ ตุลาภรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มการตลาด บริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ป จำกัด กล่าวว่า “จากเดิมเทศกาลกินเจเป็นพิธีกรรมทางศาสนา วันนี้ ได้ขยายสู่ไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่ ที่ใส่ใจสุขภาพและสิ่งแวดล้อมมากขึ้น เราจึงอยากให้การกินเจเป็นเรื่องของ ‘ทุกเจนเนเรชั่น’ และเข้าถึงได้ง่าย สนุก และร่วมสมัย” โดย กลุ่มเดอะมอลล์ ยังคงยืนหนึ่งในฐานะ “ผู้นำต้นตำรับเทศกาลอาหารเจ” ของไทย และต่อยอดสู่การเป็น “เจเฟสติวัลสมัยใหม่” ที่เชื่อมโยงแนวคิดสุขภาพ ความยั่งยืน และคุณค่าทางวัฒนธรรมเข้าด้วยกันอย่างกลมกลืน
และข้อมูลจาก Global Data ตลาดอาหาร Plant-based ทั่วโลกมีมูลค่าสูงกว่า 59,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และคาดว่าจะเติบโตเฉลี่ยปีละ 11% จนถึงปี 2573 ขณะที่ผู้บริโภคชาวไทยหันมาบริโภคอาหารเจเพิ่มขึ้นกว่า 15% ของประชากรทั้งประเทศ และยอดขายในช่วงเทศกาลเติบโตต่อเนื่องถึง 30–40% ทุกปี ตัวเลขเหล่านี้สะท้อนให้เห็นว่าการกินเจได้กลายเป็นเทรนด์แห่งสุขภาพและความยั่งยืนอย่างแท้จริง

• “TOFU VILLAGE” ครั้งแรกในไทย – พื้นที่แห่งแรงบันดาลใจของคนรักเต้าหู้

หนึ่งในไฮไลท์สำคัญของปีนี้ คือการเปิดตัว “TOFU VILLAGE” ครั้งแรกในประเทศไทย ที่ เดอะมอลล์ไลฟ์สโตร์ บางกะปิ ภายใต้แนวคิด “จากทรงวาดสู่บางกะปิ” นำแรงบันดาลใจจากย่าน วัฒนธรรมการค้าดั้งเดิมมาสร้างสรรค์เป็นพื้นที่แห่งประสบการณ์ “Traditional x Modern” รวมเมนู และสินค้าจากเต้าหู้คุณภาพกว่า 800 รายการ ตั้งแต่ของหวาน ของคาว ไปจนถึงอาหารเจร่วมสมัยที่รังสรรค์โดยเชฟชื่อดัง อาทิ TOFU BAR ไอศกรีมเจลาโต้บาร์จาก AZABU SABO แบรนด์ไอศกรีมพรีเมียมจากญี่ปุ่น, สเต็กเต้าหู้กับเห็ดผัดซอสดาชิ จาก TENNEN TOUFU, เต้าหู้ทอดผัดเห็ด 6 ชนิด จาก HUNZA Healthy and Balance,พร้อมเมนูเจสุดสร้างสรรค์จากร้านดังระดับตำนานกว่า 300 เมนู เช่น ปอเปี๊ยะเจ แม่ศรีเรือน, เผือกทอด ภัตตาคารซิลเวอร์ พาเลซ,และขนม–เครื่องดื่มพรีเมียมจาก วาซูกะ ชา, โตเกียว ที, และ ไฮเด้น ลีฟ มัจฉะ นอกจากนี้ยังมีผลิตภัณฑ์สุขภาพจาก ภัทรพัฒน์ มูลนิธิชัยพัฒนา อาทิ น้ำมันเมล็ดคามีเลีย “น้ำมันมะกอกแห่งโลกตะวันออก” พร้อมกิจกรรมสักการะองค์พระโพธิสัตว์กวนอิม เสริมสิริมงคล รับเทศกาลกินเจ

• กูร์เมต์ มาร์เก็ต – กูร์เมต์ อีทส์ เติมเต็มประสบการณ์ “เจครบทุกเจน”

ในขณะที่ ซูเปอร์มาร์เก็ต กลุ่มเดอะมอลล์ ได้ยกระดับการเลือกสรรวัตถุดิบเจและ Plant-based ระดับพรีเมียม ให้ลูกค้าได้สัมผัสความอร่อยครบทุกไลฟ์สไตล์และทุกเจนเนเรชั่น โดยในส่วนของ กูร์เมต์ มาร์เก็ต ได้จัดโซน “วัตถุดิบสุขภาพเพื่อทุกเจน” กลุ่มเต้าหู้, ผลไม้เพื่อสุขภาพ, ถั่ว 5 สี ออแกนิค, อาหารเจพร้อมทาน Plant-Based นมและเครื่องดื่มสุขภาพ โดยคาดว่าอาหารเจพร้อมทานกลุ่ม Plant-Based จะได้รับความนิยมมากขึ้น จากเทรนด์การดูแลสุขภาพของคนรุ่นใหม่ และเมนูพร้อมทานกลุ่ม Plant-Based จะเป็นทางเลือกที่ตอบโจทย์ ในขณะเดียวกัน คาดว่าคนรับประทานอาหารเจ ที่เป็นคนรุ่นใหม่ ยังมองหาเมนูอาหารเจที่สร้างสรรค์ ในปีนี้ กูร์เมต์ อีทส์ ได้ร่วมกับร้านชื่อดัง จัดเมนูเจพร้อมทาน เช่น เย็นตาโฟเจ ร้านนายอ้วน, ผัดไทยเจประตูผี, หมี่กะทิเจ ร้านตาละลักส์, รวมถึงเครื่องดื่มสุขภาพจาก ร้านเข้มกาแฟเจ และ อาม่าโฮมซอย น้ำเต้าหู้เจ’ เพื่อเป็นทางเลือกไว้บริการด้วย ตลอดจนได้ร่วมกับกรมการภายใน กระทรวงพาณิชย์ ส่งเสริมให้ประชาชนเข้าถึงสินค้าเจคุณภาพในราคาประหยัด และลดภาระค่าครองชีพในช่วงเทศกาลกินเจ ลดราคาสินค้าสูงสุด 50% กว่า 200 รายการ”

• “เทศกาลเจเพื่อสุขภาพ–ความสุข–ความยั่งยืนของทุกเจน”

“เทศกาล “เดอะมอลล์ไลฟ์สโตร์ เดอะเจ เจนเนเรชั่น” ไม่เพียงเป็นกิจกรรมประจำปี แต่เป็นกลยุทธ์สำคัญของ เดอะมอลล์ กรุ๊ป ในการต่อยอดความเป็นผู้นำตลาดรีเทล สู่การสร้าง Brand Relevance ที่ยั่งยืน เชื่อมโยงจุดแข็งขององค์กรเข้ากับเทรนด์โลกแห่งสุขภาพและสิ่งแวดล้อม พร้อมยกระดับเทศกาลอาหารเจของไทยให้ก้าวสู่การเป็น “เจเฟสติวัลสมัยใหม่” ที่สร้างคุณค่าทั้งต่อธุรกิจ สังคม และจิตใจของผู้คน โดยเราต้องการให้เทศกาลกินเจปีนี้เป็นมากกว่าการงดเนื้อสัตว์ แต่เป็นเทศกาลแห่งการแบ่งปัน ความสุข และความยั่งยืนที่ทุกคนเข้าถึงได้ ไม่ว่าคุณจะอยู่เจนไหน” นางสาววรลักษณ์ ตุลาภรณ์ กล่าวปิดท้าย

]]>
1543338
หอแว่น Better Vision เปิดสาขาใหม่ล่าสุดใจกลางกรุงเทพ “ดุสิต เซ็นทรัล พาร์ค” ตอกย้ำการยกระดับพร้อมดูแลสายตาคนเมือง แบบ One-Stop-Service ด้วยเทคโนโลยีระดับโลกและความเชี่ยวชาญกว่า 74 ปี https://positioningmag.com/1538697 Fri, 19 Sep 2025 14:22:15 +0000 https://positioningmag.com/?p=1538697 “หอแว่น Better Vision” ผู้นำด้านการดูแลสายตาอย่างครบวงจร เดินหน้ากลยุทธ์การตลาดเชิงรุกตอกย้ำแบรนด์ผู้เชี่ยวชาญด้านแว่นตา จัดงาน Store Opening : หอแว่น Better Vision สาขา ดุสิต เซ็นทรัล พาร์ค เปิดสาขาใหม่อย่างเป็นทางการที่ ชั้น 4 ดุสิต เซ็นทรัล พาร์ค ทำเลศักยภาพใจกลางกรุงเทพฯ ชูมาตรฐานการดูแลสายตาที่เป็นที่ยอมรับกว่า 74 ปี พร้อมยกระดับบริการดูแลสุขภาพตาครบวงจรแบบ One-Stop-Service โดยร่วมมือกับ TRSC International Eye and Vision Center เพื่อส่งมอบประสบการณ์การสายตาแบบองค์รวมที่ครอบคลุมมากกว่าร้านแว่นทั่วไป ด้วยนักทัศนมาตร (Optometrist) และผู้เชี่ยวชาญ ที่ผ่านการอบรมจาก TRSC ควบคู่เครื่องมือทันสมัยมาตรฐานระดับเดียวกับ TRSC อีกทั้งยังเปิดตัวแคมเปญสุดพิเศษ Central Park Opening Promotion พร้อมโปรโมชันเปิดสาขาใหม่อย่างยิ่งใหญ่

ดร. ปิยะพงษ์ ธัญญศรีสังข์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วิชั่น เวนเจอร์ส จำกัด เปิดเผยว่า การเปิดตัว“หอแว่น Better Vision” สาขาดุสิต เซ็นทรัล พาร์ค เป็นอีกก้าวสำคัญในการขยายการเข้าถึงบริการดูแลสุขภาพสายตาคุณภาพสูงแบบครบวงจร (One-Stop-Service) ให้กับกลุ่มคนเมือง ผู้บริหารและครอบครัวในย่านธุรกิจ รวมถึงชาวต่างชาติที่อาศัยในกรุงเทพฯ ด้วยทำเลที่เชื่อมต่อระบบขนส่งมวลชนได้อย่างสะดวก  ที่นี่มุ่งเน้นการบริการที่แตกต่างจากร้านแว่นตาทั่วไป โดยมีทั้งการให้บริการตรวจวัดค่าสายตาเพื่อแก้ปัญหาด้วยแว่นตา เสริมด้วยการให้บริการตรวจคัดกรองสุขภาพดวงตาโดยนักทัศนมาตร (Optometrist) ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านสายตาและการมองเห็น พร้อมเทคโนโลยีและเครื่องมือมาตรฐานระดับสากลสามารถตรวจประเมินสุขภาพตาส่วนสำคัญในการมองเห็น รวมถึงคัดกรองภาวะต่าง ๆ เช่น ความเสี่ยงต้อกระจก หากพบความผิดปกติจากการตรวจประเมินสามารถส่งต่อจักษุแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อการรักษาได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ พร้อมให้บริการฟรี โดยไม่มีค่าใช้จ่าย

โดย “หอแว่น Better Vision” ได้ร่วมมือกับ TRSC International Eye and Vision Center เป็นการผสานจุดแข็งความเชี่ยวชาญของทั้ง 2 องค์กร จากความตั้งใจเพื่อให้ลูกค้าเข้าถึงบริการตรวจสุขภาพดวงตาได้สะดวกและรวดเร็วขึ้น สะท้อนภาพลักษณ์ของแบรนด์ไม่ได้เป็นเพียงร้านขายแว่น พร้อมดูสุขภาพตาอย่างลึกซึ้งครบวงจร และสามารถเข้าถึงง่าย สอดคล้องกับวิสัยทัศน์ของแบรนด์ที่เชื่อว่า “คุณภาพการมองเห็น คือพื้นฐานของคุณภาพชีวิตที่ดี”  โดยบรรยากาศภายในถูกออกแบบให้สะท้อนภาพลักษณ์ใหม่ของแบรนด์ ทั้งในด้านความเชี่ยวชาญและครบวงจรในการดูแลสุขภาพตา และที่นี่ยังรวบรวมกรอบแว่นตา และเลนส์จากแบรนด์ไฮเอนด์ชั้นนำระดับโลกอีกด้วย

“หอแว่น Better Vision” สาขา ดุสิต เซ็นทรัล พาร์ค พร้อมเปิดประสบการณ์การดูแลสายตาด้วยเทคโนโลยีระดับโลก เช่น Nidek Intelligent Refractor เครื่องตรวจสายตาที่แม่นยำสูงสุดระดับโลก Slit Lamp กล้องจุลทรรศน์พิเศษสำหรับตรวจสุขภาพตาและโรคตาต่างๆ Galilei G4 เครื่องประเมินกระจกตาและโครงสร้างตาส่วนหน้า Virtual Reality (VR) Eye Tracking เพื่อออกแบบเลนส์ที่สบายตาสำหรับแต่ละบุคคล Leica Eyecare Application เทคโนโลยีใหม่ล่าสุดที่สามารถวัดค่าพารามิเตอร์ได้ละเอียด และ แม่นยำ สามารถจำลองความหนาของเลนส์ก่อนทำการสั่งทำ และจำลองความกว้างของมุมมองเลนส์ให้เห็นได้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น เป็นเทคโนโลยีที่ให้บริการที่นี่เพียงแห่งเดียว โดยนักทัศนมาตรและผู้เชี่ยวชาญที่ผ่านการประเมินคุณวุฒิวิชาชีพระดับประเทศ ตามมาตรฐานสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ (สคช.) สมาคมส่งเสริมวิชาการแว่นตาแห่งประเทศไทย ซึ่งเป็นการประเมินมาตรฐานที่ครอบคลุมทั้งการสอบภาคทฤษฎี ภาคปฏิบัติ และการสัมภาษณ์เชิงลึก เพื่อวัดทักษะที่จำเป็นในงานช่างวัดสายตาอย่างรอบด้าน โดย “หอแว่น Better Vision”เป็นร้านแว่นตาเชนแรกที่ผ่านการขั้นตอนประเมินนี้

ปัจจุบันธุรกิจค้าปลีกแว่นตาของ “หอแว่น Better Vision” มีหน้าร้านทั่วประเทศ 108 สาขาตั้งอยู่ในย่านเศรษฐกิจสำคัญ ภายในศูนย์การค้าหรือห้างสรรพสินค้าชั้นนำ มีการปรับรูปแบบร้านให้สอดรับกับพฤติกรรมและความต้องการของผู้บริโภค  จุดเด่นสำคัญที่ทำให้แตกต่างจากร้านแว่นตาทั่วไป คือ มาตรฐานความเชี่ยวชาญโดยทีมงานมืออาชีพ และผู้จัดการร้านที่มีประสบการณ์การทำงานมากกว่า 10 ปี เพื่อดูแลทุกปัญหาสายตาได้อย่างตรงจุด ให้ลูกค้ามั่นใจว่าได้รับแว่นตาที่ custom ชัด ใส่สบายตาที่สุดภายใต้มาตรฐาน BVAX (Better Vision Accuracy Expertise)  ตั้งแต่ขั้นตอนการวัดสายตาละเอียด 16 ขั้นตอนตามมาตรฐานสากล การเลือกกรอบและเลนส์ที่เหมาะสม การประกอบและปรับดัดแว่นไปจนถึงการให้บริการหลังการขายที่เป็นเลิศ ภายใต้ BVAX Warranty รับประกันเปลี่ยนเลนส์ ภายใน 1 ปี หากสวมใส่ไม่สบายหรือค่าสายตาเปลี่ยน พร้อมดูแลครอบคลุมยาวนาน ตลอดอายุการใช้งาน ซ่อม-ล้าง-ปรับ-ดัดแว่นตา ฟรี แม้ไม่ใช่ลูกค้าที่นี่ก็ตาม

ด้านกลยุทธ์การตลาด“หอแว่น Better Vision” สาขา ดุสิต เซ็นทรัล พาร์ค เน้นสร้างประสบการณ์การดูแลสุขภาพตา เพื่อสื่อสารภาพลักษณ์ความเป็น Vision Expert Solution ของแบรนด์ให้ชัดเจน และต่อเนื่องในทุก Touchpoint ไม่ว่าจะเป็นโฆษณาออนไลน์ บนแพลตฟอร์มดิจิทัล สื่อใน-นอกร้านทั้งภาพ เสียง และอินเตอร์แอคทีฟ รวมถึงประสบการณ์การให้บริการจริงจากนักทัศนมาตรและผู้เชี่ยวชาญ เพื่อเสริมความแกร่งของแบรนด์  และเป็นแนวทางสำคัญในการต่อยอดสู่การเปิดสาขาใหม่ในเมืองใหญ่ทั่วประเทศ โดยสาขา ดุสิต เซ็นทรัล พาร์ค  จะเป็นต้นแบบของประสบการณ์ใหม่ที่ลูกค้าจะจดจำ และเชื่อมั่นในระยะยาว เนื่องจากเป็นทำเล Strategic Location ที่เหมาะสมจะช่วยให้สามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายหลักได้ง่ายขึ้น และมีศักยภาพในการสร้างยอดขายที่สูงขึ้น ซึ่งนับเป็นก้าวสำคัญในการยกระดับมาตรฐานธุรกิจของแบรนด์ในอนาคต

ส่วนแผนการดำเนินธุรกิจในระยะ 5 ปีข้างหน้า คือการปรับโฉมและยกระดับประสบการณ์หน้าร้านให้พรี                 เมียมมากขึ้น ผ่านการรีโนเวทสาขาเดิมให้มีบรรยากาศ (ambience) ที่เชิญชวนและดึงดูดให้ลูกค้าเข้ามาสัมผัส แม้ไม่จำเป็นต้องซื้อสินค้าในทันที แต่สามารถเข้ามารับรู้ถึงคุณค่าของการดูแลสายตาได้ โดย “หอแว่น Better Vision” พร้อมจะก้าวสู่การเป็น Vision Expert Solution ที่สมบูรณ์แบบ ไม่ใช่เพียงร้านขายแว่น แต่เป็น Holistic Wellness ด้านสุขภาพตา ที่ครบถ้วนทั้งบุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญ เครื่องมือเทคโนโลยีทันสมัย และผลิตภัณฑ์ที่ผ่านการคัดสรรมาอย่างยอดเยี่ยม เพื่อมอบประสบการณ์การดูแลสายตาที่เหนือระดับให้กับลูกค้าในทุกมิติ

เพื่อเป็นการเฉลิมฉลองเปิดสาขาใหม่แบบจัดเต็ม “หอแว่น Better Vision” สาขา ดุสิต เซ็นทรัล พาร์ค มอบโปรโมชั่นลด 30% จากราคาปกติ สำหรับกรอบแว่นและเลนส์ ตั้งแต่วันที่ 4 กันยายน – 31 ตุลาคม 2568 และยังร่วมแคมเปญ Central Park Opening Promotion ที่มอบ E-Voucher สุดคุ้มสำหรับการช็อปปิ้งในร้านค้าที่ร่วมรายการครั้งถัดไป ตั้งแต่วันที่ 4 กันยายน – 20 พฤศจิกายน 2568 สามารถติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมที่

Facebook : https://go.horwan.com/a46oh1

Instagram : https://go.horwan.com/0hu8hv

Tiktok : https://go.horwan.com/9egflf

LINE : https://go.horwan.com/cgoqme

YouTube : https://go.horwan.com/isf65v

Website: https://btv.co.th/

]]>
1538697
เปิดแล้ว KIWAMIYA ร้านแฮมเบิร์กคิวยาว จากฟูกูโอกะ ต้นตำรับ “ย่าง ปรุง และควบคุมความสุกได้ตามใจ” สาขาแรกของไทยที่ เซ็นทรัล พาร์ค https://positioningmag.com/1537000 Sun, 07 Sep 2025 05:22:00 +0000 https://positioningmag.com/?p=1537000 เปิดแล้ว! KIWAMIYA (คิวามิยะ) ร้านแฮมเบิร์กและสเต็กเนื้อวากิว ต้นตำรับจากญี่ปุ่น พร้อมเสิร์ฟที่สุดของเมนูแฮมเบิร์กและสเต็กวากิว ในสไตล์ต้นตำรับ ชื่อดังจากฟูกูโอกะ ประเทศญี่ปุ่น ที่ให้ลูกค้า “ย่าง ปรุง และควบคุมความสุกได้ตามใจ” เปิดบริการสาขาแรกของประเทศไทย ที่ เซ็นทรัล พาร์ค

KIWAMIYA (คิวามิยะ) ร้านแฮมเบิร์กและสเต็กเนื้อวากิวต้นตำรับจากญี่ปุ่น ยอดนิยมจาก ประเทศญี่ปุ่น เป็นที่รู้จักโดยเฉพาะผู้ที่ชื่นชอบทานเนื้อ สายมี้ดเลิฟเวอร์ ที่หลงใหลในเมนูจากวัตถุดิบ เนื้อวากิวคุณภาพชั้นเลิศ ซึ่งจุดเด่นอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของร้าน KIWAMIYA คือ “คุณภาพของวัตถุดิบ” และ “ความสนุกในการย่างเอง” ด้วยการเสิร์ฟแฮมเบิร์กเนื้อวากิว คุณภาพแบบ “Rare Served” หรือความสุก ของเนื้อสเต็กในระดับเล็กน้อย เนื้อด้านนอกสุกพอประมาณ ส่วนด้านในยังเป็นเนื้อแดงอมชมพูอยู่ มาพร้อมเตาเทปปัน ให้สามารถย่างและปรุงด้วยตัวเองตามที่ต้องการ

โดยไฮไลต์ของ KIWAMIYA ได้แก่ แฮมเบิร์กแบบ Rare Served (Hamburg Steak – Rare Served) เหมือนรับประทานที่ญี่ปุ่น โดยคัดสรรเนื้อคุณภาพสูง นำมาผ่านกรรมวิธีสูตรเฉพาะทำให้ได้รสชาติที่เข้มข้น และเนื้อสัมผัสที่นุ่มฉ่ำ เสิร์ฟบนเตาเทปปัน สามารถย่างเพื่อกำหนดระดับความสุกได้ด้วยตนเอง ทานคู่กับซอสของ Kiwamiya ซึ่งมีให้เลือกหลากหลาย สามารถเลือกปริมาณได้ 4 ขนาด ได้แก่ S ปริมาณ 120กรัม, M ปริมาณ 160กรัม, L ปริมาณ 200กรัม, และ XL ปริมาณ 320 กรัม สเต็กเนื้อวากิว (Wagyu Steak) คัดสรรเนื้อวากิว ส่วนสตริปลอยด์ (Striploin) หรือสันนอก หั่นแบบสเต็ก มีลายมันละเอียด นุ่ม เสิร์ฟบนเตาเทปปัน ให้ย่างเพื่อกำหนดระดับความสุกด้วยตัวเองได้เช่นเดียวกัน โดยมีให้เลือก 2 ขนาด ได้แก่ S ปริมาณ 120กรัม และ M ปริมาณ 180กรัม

เสิร์ฟพร้อม 6 เครื่องปรุงซิกเนเจอร์ สามารถเติมฟรีไม่อั้น ให้เลือกจับคู่ และสร้างรสชาติในแบบฉบับของตัวเอง ได้แก่

  • ซอสหวานคิวะมิยะ – สูตรลับหอมโชยุและปลาย่าง กลมกล่อมละมุนทุกคำ
  • ซอสเนื้อคิวะมิยะ – เข้มข้นล้ำลึก ดึงรสแท้ของเนื้อออกมาเต็ม ๆ
  • ซอสหัวหอม – หอมสดชื่น กลมกล่อม เรียบง่ายแต่เข้ากับเนื้อที่สุด
  • ซอสพอนสึยูสุโคโช – เผ็ดหอมพริกยูสุ ผสานความเปรี้ยวสดชื่นแบบพอนสึ
  • ซอสเผ็ดอะคะคาระ – เผ็ดร้อนจัดจ้าน หอมกระเทียมและพริก ตัดกับความหวานของเนื้ออย่างลงตัว
  • เกลือหิมาลายัญ – เค็มกลมกล่อมจากธรรมชาติ ดึงรสเนื้อให้ชัดขึ้นอีกขั้น

และพิเศษเอาใจคนที่ไม่ทานเนื้อด้วย Tonteki Steak เมนูสเต็กเนื้อหมู นอกจากนี้ยังมีเมนูข้าวผัดสูตรต้นตำรับ 2 เมนูในตำนาน พร้อมนำกลับมาเสิร์ฟเฉพาะที่ ประเทศไทยเท่านั้น ได้แก่

  • 𝗧𝗿𝘂𝗳𝗳𝗹𝗲 𝗙𝗿𝗶𝗲𝗱 𝗥𝗶𝗰𝗲 𝘄𝗶𝘁𝗵 𝗢𝗿𝗴𝗮𝗻𝗶𝗰 𝗘𝗴𝗴 ข้าวญี่ปุ่นหอมนุ่มคลุกเคล้ากับไข่ออร์แกนิกและเห็ดทรัฟเฟิล กลมกล่อมแบบมีเอกลักษณ์
  • 𝗖𝗿𝗲𝗮𝗺𝘆 𝗢𝗺𝘂𝗿𝗶𝗰𝗲 ข้าวญี่ปุ่นผัดเนยกระเทียม ท็อปด้วยออมเล็ตนุ่มละมุน หอมกลมกล่อมสุดๆ

KIWAMIYA ก่อตั้งในปี 2010 โดยคุณคาซูยูกิ มัตสึโอะ (Kazuyuki Matsuo) ดำรงตำแหน่งประธาน กรรมการผู้จัดการของบริษัท Wahaha Co., Ltd. โดยปัจจุบันร้าน KIWAMIYA ที่เป็นรูปแบบแฮมเบิร์กสเต็ก มีจำนวนทั้งหมด 11 สาขาในประเทศญี่ปุ่น โดยมีผู้บริหารร่วมอีก 2 ท่าน ได้แก่ คุณโชอิจิ นาคาดะ (Shoichi Nakada) และคุณเคนโกะ ฟุจิอิ (Kengo Fujii)

เตรียมตัว! เปิดประสบการณ์ครั้งใหม่ที่อร่อยและเพลิดเพลิน “ย่าง ปรุง และควบคุมความสุกได้ตามใจ” KIWAMIYA ร้านแฮมเบิร์กและสเต็กวากิวแบบต้นตำรับจากประเทศญี่ปุ่น สาขาแรก ณ ชั้น 5 เซ็นทรัล พาร์ค

ปัจจุบัน MAGURO Group มีร้านอาหารในเครือรวมทั้งหมด จำนวน 49 ร้านจาก 7 แบรนด์ ได้แก่

MAGURO ร้านอาหารญี่ปุ่น และซูชิระดับพรีเมียม จำนวน 18 ร้าน และ MAGURO Kappou ร้านอาหารญี่ปุ่น คอนเซ็ปต์ คับโปะ สาขาแรกที่เซ็นทรัล พาร์ค

HITORI SHABU ร้านชาบูและสุกียากี้หม้อเดี่ยวสไตล์คันไซ จำนวน 14 ร้าน โดยสาขาเซ็นทรัล พาร์คเป็นสาขาล่าสุด สาขาที่ 14 และร้าน HITORI SUKIYAKI ร้านสุกียากี้คันไซแบบดั้งเดิม ในรูปแบบ Authentic Japanese Sukiyaki Course สาขาแรกที่เอกมัย 12

SSAMTHING TOGETHER ร้านปิ้งย่างสไตล์เกาหลีวัตถุดิบพรีเมียม จำนวน 6 ร้าน

Tonkatsu AOKI ร้านหมูทอดทงคัตสึ ยอดนิยมจากประเทศญี่ปุ่น จำนวน 5 ร้าน โดยสาขาเอกมัย คอนเนอร์ เป็นสาขาล่าสุด สาขาที่ 5

CouCou ร้านอาหารรูปแบบ All-Day Dining สไตล์ตะวันตก จำนวน 2 ร้าน สาขาแรกที่ The Flavorhood ประดิษฐ์มนูธรรม และ CouCou สาขา Nirvana PORCH เป็นสาขาล่าสุด สาขาที่ 2

Bincho ร้านอาหารญี่ปุ่นย่างถ่าน แบบญี่ปุ่นดั่งเดิม เปิดให้บริการสาขาแรก ชั้น 1 ศูนย์การค้า เมกาบางนา

KIWAMIYA ร้านแฮมเบิร์ก ต้นตำรับจากญี่ปุ่น เป็นแบรนด์ล่าสุดที่เปิดให้บริการ สาขาแรก ณ ชั้น 5 เซ็นทรัล พาร์ค

]]>
1537000