PR News – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Tue, 16 Dec 2025 03:08:49 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 “Awakening Bangkok 2025” เทศกาลแสงไฟและดิจิทัลในกรุงเทพฯ กลับมาอีกครั้งด้วยแนวคิด “LOVEVERCITY” ส่องแสงแห่งความรักให้สว่างทั่วทั้งพระนคร 12–22 ธันวาคมนี้ https://positioningmag.com/1551841 Tue, 16 Dec 2025 03:02:22 +0000 https://positioningmag.com/?p=1551841 เทศกาลแสงไฟและศิลปะดิจิทัล “Awakening Bangkok 2025” กลับมาส่องแสงแห่งแรงบันดาลใจและความคิดสร้างสรรค์อีกครั้งอย่างยิ่งใหญ่ เป็นครั้งที่ 8 และเป็นครั้งที่ 3 ในย่านพระนคร ภายใต้ธีม “LOVEVERCITY” ถ่ายทอดแนวคิด “เมืองคือจุดเริ่มต้นของความรักในหลากหลายมิติ” ผ่านผลงานศิลปกรรมไฟและดิจิทัล 27 ชิ้นงาน ที่จะสว่างไสวทั่วทั้งเขตพระนคร พื้นที่ประวัติศาสตร์ใจกลางกรุงเทพฯ ระหว่างวันที่ 12–21 ธันวาคม 2568

“Awakening Bangkok 2025” จัดโดย “Friday” แบรนด์ไลฟ์สไตล์ที่มุ่งสร้างสีสันความสนุกและพลังงานใหม่ ๆ ให้กับกรุงเทพฯ ด้วยการสนับสนุนจาก Mitsubishi Electric, SangSomและ หอมปรุงบายใบห่อ ร่วมด้วย การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย, สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน), กรุงเทพมหานคร, ดิ โอลด์ สยาม พลาซ่า, ยอดพิมานริเวอร์วอล์ค, ตลาดยอดพิมาน และ AMA Hostel โดยนับเป็นเทศกาลเทศกาลแสงไฟและศิลปะดิจิทัลครั้งที่สองของปีที่จัดขึ้นในกรุงเทพฯ สานต่อความสำเร็จของ Awakening Song Wat 2025 ที่จัดขึ้นเมื่อช่วงกลางปีที่ผ่านมา ภายใต้ความตั้งใจที่จะมุ่งเน้นบทบาทของเทศกาลแสงสีในการกระตุ้นเศรษฐกิจกลางคืน (Night-time Economy) ให้เติบโตอย่างสร้างสรรค์ และดึงดูดผู้คน เพื่อปลุกย่านเมืองเก่าให้กลับมามีชีวิตชีวายิ่งกว่าเดิม

พงศ์สิริ เหตระกูล ผู้อำนวยการเทศกาล Awakening Bangkok กล่าวว่า “ปีนี้เราต้องการให้ Awakening Bangkok 2025 เล่าเรื่องที่ทุกคนสัมผัสได้จริงผ่านธีม LOVEVERCITY ที่ถ่ายทอดความรักในหลากหลายรูปแบบ ทั้งความรักโรแมนติก ความรักของเพื่อน ความรักของครอบครัว ความรักในเมือง และการถูกรัก โดยสื่อว่าความรักเกิดขึ้นได้ทุกหนแห่งของเมือง และเป็นพลังที่เชื่อมโยงผู้คนเข้าหากัน โดยบอกเล่าผ่านผลงานศิลปกรรมไฟและดิจิทัลรวม 27 ชิ้นงาน ที่จะช่วยให้ผู้ชมได้ค้นพบมุมมองใหม่ ๆ ของกรุงเทพฯ ในฐานะเมืองที่มีชีวิต มีความทรงจำ และมีความรักอยู่ ซึ่งเหมือนเช่นทุกครั้งที่ผ่านมา เราหวังว่า Awakening Bangkok 2025 จะดึงดูดให้ทั้งคนไทยและนักท่องเที่ยวออกมาสัมผัสพระนครในเวลาค่ำคืนมากยิ่งขึ้น และทำให้ย่านเมืองเก่ากลับมาคึกคักกว่าเดิม”

พื้นที่จัดงาน Awakening Bangkok 2025 ครอบคลุม 4 โซนหลัก ทั้งพื้นที่เดิมและพื้นที่ใหม่ ได้แก่ 2 พื้นที่เดิม คือ “ย่านปากคลองตลาด” ซึ่งมี ปากคลองตลาด, ตลาดยอดพิมาน, ยอดพิมานริเวอร์วอล์ค และท่าเรือราชินี เป็นแลนด์มาร์คสำคัญ และ “ย่านสามยอด” จัดแสดงศิลปกรรมไฟและดิจิทัลในสวนรมณีนาถ และ 2 พื้นที่ใหม่ในปีนี้ ได้แก่ “ย่านสะพานพุทธ” มีพิกัดหลักคือ ไปรษณียาคารและสวนพระปกเกล้า และ “ย่านวังบูรพา” มี ดิ โอลด์ สยาม พลาซ่า, คลองโอ่งอ่าง, โรงภาพยนตร์ควีนส์ และหอมปรุงคาเฟ่ บาย ใบห่อ เป็นพื้นที่จัดแสดงหลัก ซึ่งแต่ละจุดนับเป็นพิกัดสำคัญในย่านพระนคร อันเป็นพื้นที่ที่เปี่ยมด้วยประวัติศาสตร์และความทรงจำของกรุงเทพมหานคร
นายศานนท์ หวังสร้างบุญ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เผยว่า “ตลอด 7 ปีที่ผ่านมา Awakening Bangkok ได้พิสูจน์ให้เห็นถึงพลังของศิลปะแสงสีในการสร้างการรับรู้ใหม่ ๆ ให้กับเมือง และช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวของกรุงเทพฯ โดยเฉพาะในย่านพระนครมาอย่างต่อเนื่อง งานนี้ทำให้ผู้คนกลับมาเดิน ย้อนกลับมามอง และค้นพบคุณค่าของพื้นที่เก่าในแบบที่แตกต่างไป และผมเชื่อว่า Awakening Bangkok 2025 จะยังคงต่อยอดความสำเร็จนี้ พร้อมสนับสนุนให้กรุงเทพฯ เป็นจุดหมายปลายทางด้านการท่องเที่ยวช่วงปลายปีอย่างแท้จริง”

นอกจากนี้ นายสหรัฐ โพธิโต รองผู้อำนวยการ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานกรุงเทพฯ ยังเสริมว่า “Awakening Bangkok เป็นหนึ่งในเทศกาลที่ช่วยขยายภาพลักษณ์ของกรุงเทพฯ ในฐานะเมืองสร้างสรรค์ที่เต็มไปด้วยพลังและความร่วมสมัย การจัดงานในย่านประวัติศาสตร์อย่างพระนคร ยังช่วยดึงดูดนักท่องเที่ยวให้ใช้เวลาและใช้จ่ายในพื้นที่มากขึ้น เป็นการกระจายรายได้ทางการท่องเที่ยวและเป็นประโยชน์ต่อเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ ททท. จึงมุ่งหวังให้เทศกาลนี้เป็นอีกแรงขับเคลื่อนที่จะยกระดับกรุงเทพฯ ให้โดดเด่นบนเวทีโลกและเป็นเมืองท่องเที่ยวที่ไม่เคยหลับใหลอย่างแท้จริง”

ด้าน ดร.ศุภวรรณ ตีระรัตน์ ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) หรือ ทีเส็บ กล่าวว่า “งาน Awakening Bangkok 2025 ภายใต้แนวคิด LOVEVERCITY เป็นงานที่ผสมผสานศิลปะและแสงสีเข้ากับแก่นแท้ของความหลากหลาย ถือเป็นเวทีสำคัญที่สะท้อนการโอบรับ ความเสมอภาค และการอยู่ร่วมกันอย่างครอบคลุม (DEI) ได้อย่างชัดเจน ซึ่งสอดคล้องกับเจตนารมณ์ของ สสปน. ในการผลักดันการจัดงานที่ส่งเสริมค่านิยมด้านความเท่าเทียม และยังเป็นการนำต้นทุนทางวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ของย่านมาสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจ ยกระดับพื้นที่จัดงานให้เป็นย่านเศรษฐกิจสร้างสรรค์ที่มีชีวิต เป็นแม่เหล็กดึงดูดผู้คน ส่งผลให้เกิดการใช้จ่ายและการท่องเที่ยวที่เอื้อต่อผู้ประกอบการในพื้นที่ ซึ่งเป็นการขับเคลื่อนเศรษฐกิจเชิงสร้างสรรค์ตามนโยบายของรัฐบาล Awakening Bangkok 2025 จึงเป็นมากกว่าเทศกาลแสงสี แต่เป็นกลไกในการผลักดันอุตสาหกรรมไมซ์ไทยสู่การเป็นศูนย์กลางของ Festival Economy ที่เน้นความหลากหลาย การสร้างสรรค์ และการโอบรับอย่างแท้จริง ตอกย้ำประเทศไทยในฐานะ ‘จุดหมายปลายทางแห่งเทศกาลระดับโลก’ ที่เต็มไปด้วยโอกาสและความเข้าใจในความแตกต่างของผู้คน”

สำหรับภาคเอกชนผู้สนับสนุนการจัดงาน Mitsubishi Electric Group เป็นตัวแทนถ่ายทอดมุมมองในการร่วมสนับสนุนให้เทศกาลแสงไฟและศิลปะดิจิทัลประจำปีของกรุงเทพฯ ครั้งนี้เกิดขึ้นว่า “Awakening Bangkok 2025 ภายใต้แนวคิด LOVEVERCITY ไม่เพียงจะส่องแสงแห่งความรักให้สว่างทั่วทั้งพระนคร แต่ยังจะจุดประกายแรงบันดาลใจให้กับผู้ชมทุกคน และฉายแสงให้ย่านเมืองเก่ากลับมามีชีวิตชีวามากกว่าเดิม และเพื่อร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการฉายแสงให้กับย่านพระนคร Mitsubishi Electric ได้ร่วมจัดแสดงผลงาน ‘Betterverse: โลกที่ดีกว่า…เริ่มต้นที่นี่’ ซึ่งผสานศิลปะ วิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยีเข้าด้วยกัน เพื่อส่งต่อมุมมองที่ว่า ‘ที่ใดมีความต้องการจะเปลี่ยน แปลง ที่นั่นย่อมมีโลกที่ดีกว่ารออยู่’ สนับสนุนให้คนรุ่นใหม่กล้าที่จะสร้างการเปลี่ยนแปลงด้วยพลังสร้างสรรค์ เหมือนกับที่เรามุ่งมั่นพัฒนานวัตกรรมเพื่อสร้างคุณค่าที่ดียิ่งขึ้นให้กับสังคมในอนาคต”

ด้านแบรนด์ แสงโสม กล่าวว่า “แสงโสม (SangSom) อาจเป็นที่รู้จักกันในฐานะแบรนด์สุราไทยที่ได้รับความนิยมมายาวนาน ทว่า หากมองลึกลงไปถึงแก่นแท้ของแบรนด์ จะพบความมุ่งมั่นอันแน่วแน่ที่ต้องการทำให้ “ศิลปะ” เป็นสิ่งที่ทุกคนสามารถเข้าถึงได้ ความมุ่งมั่นนี้มีรากฐานมาจากจุดเริ่มต้นของแสงโสม ซึ่งตั้งอยู่บนความเชื่อที่ว่า คนไทยมีศักยภาพที่โดดเด่น มีความคิดสร้างสรรค์ และมีฝีมือในงานศิลปะและงานอาร์ตอย่างแท้จริง แต่บ่อยครั้งกลับไม่ได้รับการสนับสนุนหรือความสนใจอย่างที่ควรจะเป็น ด้วยเหตุนี้ แสงโสมจึงตัดสินใจก้าวเข้ามายืนหยัดและให้การสนับสนุนในด้านนี้อย่างจริงจัง เพราะเชื่อมั่นว่า คนไทยตั้งใจทำอะไร ไม่แพ้ชาติใดในโลก”

เทศกาลแสงไฟและศิลปะดิจิทัลแห่งกรุงเทพมหานคร “Awakening Bangkok 2025” เปิดให้เข้าชมฟรี! มาร่วมสัมผัสแสงสี เติมแรงบันดาลใจ และจุดประกายความคิดสร้างสรรค์ไปกับแสงไฟและศิลปะดิจิทัล ที่จะเปลี่ยนย่านเก่าให้เต็มไปด้วยชีวิตชีวา ระหว่างวันที่ 12 – 21 ธันวาคมนี้ ตั้งแต่เวลา 18:00 น. – 23:00 น. ใน 4 พื้นที่หลัก ปากคลองตลาด, สะพานพุทธ, วังบูรพา และสามยอด สามารถเดินทางได้สะดวกด้วยรถไฟฟ้าใต้ดิน MRT (สถานีสนามไชยและสถานีสามยอด) พร้อมบริการรถตุ๊ก ๆ รับส่งฟรี ดูรายละเอียดเพิ่มเติมและติดตามความเคลื่อนไหวต่าง ๆ ได้ที่ Facebook: Awakening Festivals Instagram: @AwakeningFestivals และ TikTok: @AwakeningFestivals

 

]]>
1551841
ASIATIQUE ร่วมกับพันธมิตรฉลองข้ามปีสุดยิ่งใหญ่ริมเจ้าพระยา กับ ASIATIQUE’s THAILAND COUNTDOWN 2026 งานเคานต์ดาวน์ 5 วันเต็มที่ต้องมาให้ได้ https://positioningmag.com/1551834 Mon, 15 Dec 2025 20:55:50 +0000 https://positioningmag.com/?p=1551834 เอเชียทีค เดอะ ริเวอร์ฟร้อนท์ เดสติเนชั่น ภายใต้การบริหารงานของ แอสเสท เวิรด์ คอร์ปอเรชั่น (AWC) พร้อมด้วยพันธมิตร อาทิ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย กรุงเทพมหานคร น้ำแร่ธรรมชาติตราช้าง ธนาคารไทยพาณิชย์ และ ธนาคารกสิกรไทย ผนึกกำลังจัดงาน “ASIATIQUE’s THAILAND COUNTDOWN 2026” สร้างสรรค์ประสบ การณ์เฉลิมฉลองข้ามปีสุดยิ่งใหญ่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ครั้งแรกกับงานเคานต์ดาวน์ 5 วันเต็ม ตั้งแต่วันที่ 25 – 28 และ 31 ธันวาคม 2568

งานยิ่งใหญ่แห่งปี ที่จะเปลี่ยนลานกิจกรรมริมแม่น้ำเจ้าพระยา ให้กลายเป็น Global Countdown Destination ด้วยการผสานพลังของ Art – Music – Culture – Immersive Light Experience นำเสนอประสบการณ์ใหม่ไม่เหมือนใคร เพื่อยกระดับกรุงเทพฯ สู่เวทีโลก และเป็นแลนด์มาร์กที่นักท่องเที่ยวทุกเพศทุกวัยทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติต้องมาเยือนในช่วงเทศกาลปีใหม่

จากศิลปะไทยสู่สตรีทคัลเจอร์ระดับโลก — ประสบการณ์เฉลิมฉลองสุดล้ำริมแม่น้ำเจ้าพระยา

ภายในงาน ผู้ร่วมงานจะได้สัมผัสพลังสร้างสรรค์ ภายใต้แนวคิด “พลังแห่งเสียง ความคิดสร้างสรรค์ และ อัตลักษณ์ไทยร่วมสมัย” ผ่านกิจกรรมสุดตื่นตา ได้แก่

• คอนเสิร์ตจากศิลปินชั้นนำของประเทศตลอด 5 วัน
• การแข่งขันสตรีทแดนซ์ระดับนานาชาติ
• การแสดง โขนไทยร่วมสมัยชุดพิเศษ
ทั้งหมดออกแบบเพื่อผลักดันประเทศไทยสู่การเป็น จุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวระดับโลกในช่วงปีใหม่

เปิดประสบการณ์ใหม่ระดับโลก ก่อนใคร ที่ ASIATIQUE

มากกว่าแค่การเฉลิมฉลองส่งท้ายปี เอเชียทีค เดอะ ริเวอร์ฟร้อนท์ เดสติเนชั่น ขอเชิญทุกท่านมาสัมผัสแลนด์มาร์กและประสบการณ์ใหม่ระดับโลก ที่ไม่ควรพลาด อาทิ Skyflyers: Wings of Garudapterus เครื่องเล่นลอยฟ้า  ที่สูงที่สุดในเอเชีย-แปซิฟิก มอบมุมมองพาโนรามาเหนือฟากฟ้าเจ้าพระยา Jurassic World: The Experience Bangkok ประสบการณ์ผจญภัยในโลกแห่งไดโนเสาร์แบบ Immersive และ เปิดประสบการณ์การเรียนรู้ด้านความยั่งยืนกับ Better World Better Future พื้นที่จัดแสดงแบบ Immersive Sustainable Edutainment นอกจากนี้ เอเชียทีค ยังมีกิจกรรมใหม่ ร้านค้าคอนเซ็ปต์ใหม่ และประสบการณ์ใหม่อีกมากมาย ที่พร้อมต้อนรับนักเดินทางจากทั่วโลกตลอดเทศกาล

งานใหญ่ 5 วันเต็ม – กับ Countdown Festival แบบ Non-stop

เริ่มตั้งแต่ ค่ำคืน Christmas Eve (24 ธันวาคม 2568) ด้วยพลุเปิดเทศกาล เพื่อส่งสัญญาณว่างานเฉลิมฉลองระดับโลกกำลังจะเริ่มขึ้น ต่อด้วยความสนุกต่อเนื่อง 25–28 ธันวาคม 2568 กับคอนเสิร์ตและโชว์สุดพิเศษจาก โต๋ ศักดิ์สิทธิ์, GAVIN.D, เก่ง ธชย พร้อมโขนไทยชุดพิเศษ, F.HERO และการประกวดสตรีทแดนซ์กับ Breakdance Crew ระดับประเทศ พร้อมรางวัลพิเศษสู่การประกวดระดับนานาชาติที่ต่างประเทศ

นับถอยหลังสุดยิ่งใหญ่ในค่ำคืนวันที่ 31 ธันวาคม

‘CHANG MUSIC CONNECTION presents ASIATIQUE’s THAILAND COUNTDOWN 2026’

จัดเต็มลาน Lifestyle Market ริมน้ำเจ้าพระยา กับคอนเสิร์ตเต็มรูปแบบจากศิลปินระดับท็อปของประเทศ ได้แก่ ZEAL, PARADOX, TATTOO COLOUR, BODYSLAM ตื่นตากับ Mega Visual Stage, Laser Show, Interactive Countdown Screen พร้อมพลุสุดอลังการออกแบบโดยทีมระดับโลก และปิดท้ายด้วย After Party จากดีเจชื่อดัง ที่จะทำให้ค่ำคืนส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่กลายเป็นคืนที่สมบูรณ์แบบที่สุด รับชมถ่ายทอดสดทั่วประเทศผ่านทาง Amarin TV ช่อง 34

เดินทางสะดวก – มาที่เดียวครบทุกความสุข

สามารถเดินทางมา เอเชียทีค เดอะ ริเวอร์ฟร้อนท์ เดสติเนชั่น ได้อย่างสะดวก

• รถยนต์ส่วนตัว มีบริการลานจอดรถ 3 โซน

• Shuttle Van บริการฟรีทุกวัน 11:00 – 19:00 น. จากวัดยานนาวา ใกล้สถานีรถไฟฟ้า BTS สะพานตากสิน

• Shuttle Boat บริการฟรีทุกวัน 16:00–23:30 น.จากสถานีรถไฟฟ้า BTS สะพานตากสิน

• พิเศษ! คืนวันที่ 31 ธ.ค. 2568 Shuttle Boat ขยายเวลาถึง 02:00 น.

ร่วมสร้างประสบการณ์ปีใหม่ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของไทย – ฟรีตลอดงาน

ร่วมฉลองเทศกาลปีใหม่แบบ Non-Stop กับงาน ASIATIQUE’s THAILAND COUNTDOWN 2026 ตั้งแต่วันที่ 25 – 28 และ 31 ธันวาคม 68 ได้ที่ ASIATIQUE The Riverfront Destination – All Day Everyday Happiness เข้าร่วมกิจกรรมได้ฟรีทุกวัน

 

]]>
1551834
เซ็นทรัลพัฒนา จับมือ ONNEX By SCG ประกาศความสำเร็จ “เซ็นทรัล นครสวรรค์” ขึ้นแท่นศูนย์การค้าแห่งแรกคว้ามาตรฐาน “TREES” ระดับ Gold ยืนหนึ่งผู้นำองค์กร NET Zero 2050 https://positioningmag.com/1551828 Mon, 15 Dec 2025 20:49:27 +0000 https://positioningmag.com/?p=1551828 • ตอกย้ำความสำเร็จของความร่วมมือเชิงกลยุทธ์ระหว่างเซ็นทรัลพัฒนาและ ONNEX By SCG ในการยกระดับมาตรฐานอาคารเขียวของประเทศ
• เปิด 6 แนวทางบริหารจัดการอาคารอย่างยั่งยืน ส่ง “เซ็นทรัล นครสวรรค์” เป็นต้นแบบศูนย์การค้าสีเขียวแห่งแรกของไทย

บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) ผู้นำเบอร์หนึ่งอสังหาริมทรัพย์ไทยเพื่อความยั่งยืน ภายใต้วิสัยทัศน์ Imagining better futures for all เชื่อมโยงทุกธุรกิจทั้ง Retail-Residence-Hotel-Office ตอกย้ำความมุ่งมั่นด้านการพัฒนาอย่างยั่งยืน เดินหน้าตามเป้าหมายองค์กร NET Zero 2050 ล่าสุดประกาศความสำเร็จ โครงการ “เซ็นทรัล นครสวรรค์” ได้รับรองมาตรฐานอาคารเขียว TREES (Thai’s Rating of Energy and Environmental Sustainability) ระดับ Gold จากสถาบันอาคารเขียวไทย ยกระดับสู่ต้นแบบศูนย์การค้ายั่งยืนแห่งแรกของไทย ผ่านความร่วมมือเชิงกลยุทธ์ร่วมกับพันธมิตร ONNEX By SCG (ออนเนกซ์ บาย เอสซีจี) สะท้อนถึงการดำเนินงานขององค์กรที่ให้ความสำคัญต่อสิ่งแวดล้อม และคุณภาพชีวิตของผู้ใช้อาคาร พร้อมทั้งเดินหน้าสู่เป้าหมายการลดคาร์บอนและการพัฒนาเมืองที่น่าอยู่ในระยะยาว ทั้งนี้ มาตรฐาน TREES เป็นมาตรฐานอาคารเขียวระดับประเทศที่ประเมินตั้งแต่การประหยัดพลังงาน การจัดการน้ำ คุณภาพอากาศภายในอาคาร การเลือกใช้วัสดุที่ยั่งยืน ไปจนถึงระบบสัญจรที่ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม

นางสาวนภารัตน์ ศรีวรรณวิทย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารการเงิน และ กรรมการผู้จัดการใหญ่ กลุ่มงานการเงินการบัญชี และกลุ่มธุรกิจโรงแรมและสำนักงาน บมจ. เซ็นทรัลพัฒนา กล่าวว่า “ในโอกาสที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัล นครสวรรค์ ได้รับการรับรองมาตรฐาน TREES ระดับ Gold ในฐานะต้นแบบศูนย์การค้ายั่งยืนโครงการแรก ถือเป็นความสำเร็จสำคัญของเซ็นทรัลพัฒนา ซึ่งเกิดขึ้นจากความร่วมมืออย่างใกล้ชิดกับพันธมิตรอย่าง ONNEX By SCG ที่ช่วยให้การออกแบบอาคารและระบบต่างๆ มีมาตรฐานชัดเจนตั้งแต่ต้น โดยการพัฒนาอาคารเขียว ถือเป็นหัวใจสำคัญของโมเดลธุรกิจ Retail-Led Mixed-Use Development เพราะช่วยยกระดับองค์กร สร้างมูลค่า ลดต้นทุนในระยะยาว และสอดคล้องกับ Roadmap สู่ Net Zero 2050 ของเรา โดยโครงการนี้ได้รับการออกแบบให้ประหยัดพลังงาน ใช้น้ำอย่างมีประสิทธิภาพ ใช้วัสดุคาร์บอนต่ำ (Low-Carbon Material) และให้ความสำคัญกับคุณภาพอากาศในอาคาร”

“อีกทั้งเมื่อเร็วๆ นี้ เซ็นทรัล จันทบุรี ยังได้รับมาตรฐาน TREES ระดับ Gold เป็นแห่งที่สอง และเรามีแผนขยายสู่โครงการอื่นๆ ต่อเนื่องในอนาคต การได้รับ TREES จึงสะท้อนถึงการพัฒนาเมืองอย่างยั่งยืนที่สามารถต่อยอดสู่โครงการอื่นในอนาคต และสร้างความเชื่อมั่นให้กับทุกภาคส่วน ทั้งนี้ เซ็นทรัลพัฒนามุ่งมั่นในการสร้างผลกระทบเชิงบวกให้กับสังคม พร้อมสร้างความมั่นใจให้ผู้ลงทุนผ่านเครื่องมืออย่าง Green Bond เพื่อนำไปใช้ในการพัฒนาธุรกิจควบคู่กับการดูแลโลกและสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน และเพื่อสร้างสรรค์อนาคตที่ดียิ่งขึ้นสำหรับทุกคน”

ด้าน นายดุสิต ชัยรัตน์ Head of Smart Solution Business จาก ONNEX By SCG กล่าวว่า “การยกระดับมาตรฐานอาคารเขียวต้องอาศัยทั้งความมุ่งมั่นของเจ้าของโครงการและความเชี่ยวชาญของทีมที่ปรึกษา สำหรับ ONNEX By SCG เราให้ความสำคัญกับการร่วมขับเคลื่อนเป้าหมาย Net Zero 2050 ของเซ็นทรัลพัฒนา โดยคำนึงถึงคุณภาพชีวิตระยะยาวของผู้ใช้อาคาร ซึ่งเป็นหัวใจของมาตรฐานอาคารเขียวที่อยู่เบื้องหลังการออกแบบโครงการ เซ็นทรัล นครสวรรค์ ความสำเร็จของโครงการนี้สะท้อนพลังของความร่วมมือระหว่างทีมงานเซ็นทรัลพัฒนาและทีมงาน ONNEX By SCG ในการนำมาตรฐานระดับสากลมาต่อยอดสู่ความยั่งยืนของสังคม และเพื่อเตรียมพร้อมรับความท้าทายที่ซับซ้อนมากยิ่งขึ้นในอนาคต”

เซ็นทรัลพัฒนา เผย 6 แนวทาง บริหารศูนย์การค้า ‘เซ็นทรัล นครสวรรค์’ คว้ามาตรฐาน TREES ระดับ Gold มีไฮไลท์ในการออกแบบและก่อสร้างที่สำคัญตามมาตรฐานอาคารเขียว ดังนี้

1.พื้นที่สีเขียว (Green area) ให้ความสำคัญกับการอนุรักษ์ต้นไม้ใหญ่เดิมในพื้นที่ จึงมีการวางแผนเคลื่อนย้ายอย่างเป็นระบบก่อนนำกลับมาปลูกคืน เพื่อรักษาพรรณไม้พื้นถิ่นที่เหมาะสมกับสภาพแวดล้อมและภูมิอากาศ ทำให้ต้นไม้พื้นถิ่นในโครงการแข็งแรงและดูแลรักษาง่ายในระยะยาว

2.พลังงาน (Energy) โครงการใช้พลังงานทดแทนคิดเป็น 27% ของค่าใช้จ่ายไฟฟ้าทั้งหมด เมื่อเทียบกับกฎหมายอาคารอนุรักษ์พลังงาน จากการติดตั้งระบบ Solar Cell ทั้ง Solar Roof และ Solar Carport รวมถึงการเลือกใช้กระจกประสิทธิภาพสูงและหลอดไฟประหยัดพลังงาน (LED) ในอาคาร

3.วัสดุก่อสร้าง (Construction) เลือกใช้วัสดุที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เช่น วัสดุที่ได้รับฉลากเขียวหรือฉลากคาร์บอน พร้อมทั้งสามารถรีไซเคิลวัสดุได้มากกว่า 30% ของมูลค่าวัสดุก่อสร้างทั้งหมด รวมถึงมีมาตรการควบคุมฝุ่นละอองระหว่างก่อสร้างเพื่อลดผลกระทบต่อชุมชนโดยรอบ

4.การจัดการของเสีย (Waste Management) มีการวางแผนการจัดการขยะตั้งแต่เริ่มต้นโครงการ ครอบคลุมขยะคอนกรีตหัวเสาเข็ม เศษเหล็ก เศษปูน และเศษไม้ ทำให้เศษวัสดุก่อสร้างสามารถนำกลับมาใช้ประโยชน์ได้มากกว่า 75% ของน้ำหนักวัสดุ

5.การใช้น้ำ (Water Efficiency) ให้ความสำคัญกับการใช้น้ำอย่างคุ้มค่า โดยเลือกใช้สุขภัณฑ์ประหยัดน้ำที่ผ่านมาตรฐาน TREES ช่วยลดการใช้น้ำตั้งแต่ต้นทางของอาคาร

6.สภาพแวดล้อมภายในอาคาร (Indoor Environment) ให้ความสำคัญกับคุณภาพอากาศภายในอาคาร ผ่านการเติมอากาศบริสุทธิ์ตามมาตรฐาน และการเลือกใช้วัสดุประเภทกาว ยาแนว สี และสารเคลือบผิวที่ปลอดภัยต่อสุขภาพ เพื่อสร้างสภาพแวดล้อมที่ดีสำหรับผู้ทำงานและผู้ใช้บริการ

เซ็นทรัลพัฒนา เดินหน้าแผน NET Zero 2050 สร้าง Sustainable Business Ecosystem ภายใต้กลยุทธ์ Retail-Led Mixed Use Development ขับเคลื่อนทุกธุรกิจให้เติบโตไปพร้อมกัน พร้อมได้รับการยอมรับในระดับสากล เช่น การติดอันดับ Dow Jones Best-in-Class Indices ต่อเนื่องเป็นปีที่ 7 เป็นผู้ริเริ่มนวัตกรรมทางการเงินเพื่อความยั่งยืนอย่าง Green Bond และ Sustainability-Linked Bond รวมถึงก่อตั้ง Central Pattana Green Growth เพื่อขับเคลื่อนการลดคาร์บอนอย่างเป็นรูปธรรม อีกทั้งยังได้รับรางวัล Prime Minister Awards: Innovation for Sustainability จาก NIA ในฐานะผู้พัฒนาศูนย์การค้าแนวคิด ‘ศูนย์กลางการใช้ชีวิตและชุมชน’ ผสานกลยุทธ์การพัฒนาอย่างยั่งยืนทั้งเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม

ติดตามความเคลื่อนไหวเซ็นทรัลพัฒนา คลิกhttps://www.centralpattana.co.th/th/shopping/shopping-update/lifestyle-activities

#CentralPattana #Imaginingbetterfuturesforall #เซ็นทรัลพัฒนา

 

 

]]>
1551828
บลูพอร์ต ปลุกเสน่ห์คริสต์มาสกลางหัวหิน จัดงานเปิดไฟต้นคริสต์มาสสุดตระการตา พร้อมเนรมิต Christmas Village สร้างแลนด์มาร์กแห่งความสุขช่วงปลายปี https://positioningmag.com/1551818 Mon, 15 Dec 2025 20:40:19 +0000 https://positioningmag.com/?p=1551818 บลูพอร์ต หัวหิน เปิดฤดูกาลแห่งความสุขด้วยงานเฉลิมฉลองคริสต์มาส พร้อมพิธีเปิดไฟต้นคริสต์มาส ประจำปี 2568 สัญลักษณ์แห่งฤดูกาลท่องเที่ยวที่คึกคักที่สุดของหัวหิน โดยปีนี้มีความพิเศษยิ่งขึ้นในโอกาสก้าวเข้าสู่ปีที่ 10 ของบลูพอร์ต หัวหิน สะท้อนบทบาทของการเป็น Lifestyle Destination ที่ร่วมขับเคลื่อนการท่องเที่ยวของเมืองมาอย่างต่อเนื่อง งานในปีนี้ได้เนรมิตบรรยากาศอบอุ่นและงดงามยิ่งกว่าเคย ในธีม “Christmas Village หมู่บ้านคริสต์มาสแสนอบอุ่นกลางหัวหิน” ทำให้บริเวณลานด้านหน้ากลายเป็นแลนด์มาร์กถ่ายภาพและจุดเช็กอินประจำเทศกาลที่ทุกคนต้องมาเยือน พร้อมการแสดง “Christmas Show” และโชว์สุดพิเศษจากแขกรับเชิญ ลีเดีย ศรัณย์รัชต์ ที่มาร่วมมอบความสุข ณ ลานเดอะ สแควร์ บลูพอร์ต หัวหิน

บรรยากาศในงานเฉลิมฉลองเป็นไปอย่างคึกคัก โดย นางสาววจี กลมเกลี้ยง กรรมการผู้จัดการ บลูพอร์ต หัวหิน นำทีมต้อนรับแขกผู้มีเกียรติ สื่อมวลชน และนักท่องเที่ยวที่มาร่วมงาน โดยได้รับเกียรติจาก ฯพณฯ สุวัจน์ ลิปตพัลลภ อดีตรองนายกรัฐมนตรี นายนพพร วุฒิกุล นายกเทศมนตรีนครหัวหิน ขึ้นกล่าวอวยพร และร่วมเฉลิมฉลองในโอกาสสำคัญครั้งนี้ ร่วมด้วยผู้แทนจากองค์กรพันธมิตรทั้งภาครัฐและเอกชน อาทิ คุณนพพร บุญลาโภ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทิพยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน), คุณธนกร อนันต์ประกฤติ ผู้อำนวยการฝ่ายธุรกิจขายปลีกน้ำมัน บริษัท บางจากคอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน), คุณอินธิอร จิรพรดีศร ผู้จัดการอาวุโสด้านการบริหารแบรนด์ Evian

และไฮไลต์ในงานพิธีเปิดไฟต้นคริสต์มาส ประจำปี 2568 จะได้ร่วมตื่นตาตื่นใจไปกับต้นคริสต์มาสประดับไฟสีสันสดใสจากบรรดาพันธมิตร อาทิ บริษัท ทิพยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน), บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) และ Evian พร้อมโชว์พิเศษจาก ลิเดีย ศรัณย์รัชต์ นอกจากนั้นยังมีกิจกรรมพิเศษ, จุดถ่ายรูป, ตัวตลก  โบโซ่ & คณะคาร์นิวัล และหิมะจำลองให้ถ่ายรูปสวย ๆ เก็บความประทับใจกันทุกศุกร์-อาทิตย์ รอบ 18:00–18:20 น. และ 20:00–20:20 น. อีกด้วย

นางสาววจี กลมเกลี้ยง กรรมการผู้จัดการ บลูพอร์ต หัวหิน เผยว่า “ปีนี้เราอยากให้บลูพอร์ตเป็น “แลนด์มาร์กแห่งความสุข” ของหัวหินในช่วงปลายปี เราออกแบบต้นคริสต์มาสขนาดใหญ่และตกแต่งพื้นที่ด้านหน้าให้สวยงาม เหมาะกับการถ่ายรูปและสร้างความทรงจําร่วมกันของครอบครัวและ นักท่องเที่ยว ซึ่งทําต่อเนื่องทุกปี และตั้งใจให้ทุกคนรู้สึกถึงบรรยากาศของเทศกาลตั้งแต่ก้าวแรกที่เข้ามา”

ผู้บริหารฯ เผยต่ออีกว่า “ตลอด 10 ปีทีผ่านมา เรามีการปรับปรุงหลายส่วนทั้งการเพิ่มร้านค้าใหม่ๆ และพัฒนาพื้นที่ ที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวภายในศูนย์ เพื่อให้บลูพอร์ตตอบโจทย์ผู้มาเยือนทุกกลุ่มมากขึ้นค่ะ และในปีต่อๆ ไป เราจะเดินหน้าพัฒนาพื้นทีให้เป็นจุดหมายด้านช้อปปิ้ง ไลฟ์สไตล์ และกิจกรรมสําหรับครอบครัวอย่างครบวงจร ให้ทุกไลฟ์สไตล์สามารถใช้เวลาที่นี่ ได้อย่างมีความสุข ไม่ว่าจะมาเดินเล่น ช้อปปิ้ง รับประทานอาหาร หรือทํากิจกรรมร่วมกัน ทังยังช่วยกระตุ้นให้คนใช้เวลาที่บลูพอร์ตนานขึ้นอีกด้วย”

ตลอดระยะเวลา 10 ปีที่ผ่านมา บลูพอร์ต หัวหิน ได้ร่วมทำงานกับพันธมิตรมากมาย ทั้งภาครัฐ เอกชน โรงแรม      ผู้ประกอบการท่องเที่ยว และชุมชน เพื่อสร้างประสบการณ์การท่องเที่ยวที่หลากหลายและมีเอกลักษณ์ ไม่ว่าจะเป็นกิจกรรมท่องเที่ยว งานเทศกาลระดับเมือง พื้นที่สำหรับครอบครัว กีฬา ไลฟ์สไตล์ และแหล่งท่องเที่ยวใหม่ ๆ ที่ช่วยยกระดับให้หัวหินเป็นจุดหมายปลายทางที่ครบครันสำหรับคนไทยและนักท่องเที่ยวต่างชาติ ในปี 2025–2026    บลูพอร์ต หัวหิน ยังคงเดินหน้าพัฒนา เปิดตัวร้านค้าและแหล่งท่องเที่ยวใหม่หลากหลายประเภท ให้สอดรับกับไลฟ์สไตล์ของผู้มาเยือน ไม่ว่าจะเป็น HarborLand สวนสนุกในร่มที่ได้รับความนิยมอย่างมากจากเด็กและครอบครัว, Sportsworld ร้านค้าปลีกรวมสินค้ากีฬาแบรนด์ดัง, สวนพฤกษาภิรมย์ (Art Botanic Garden) พื้นที่สีเขียวแห่งใหม่ของเมืองหัวหิน ที่ผสานบรรยากาศธรรมชาติของต้นไม้ใหญ่เข้ากับงานศิลปะภาพเขียนบนกำแพงขนาดใหญ่ (Mural Art) และประติมากรรมกลางสวน พร้อมคาเฟ่และโซน Pet Friendly ให้ทุกคนและทุกครอบครัวได้ใช้เวลาร่วมกันอย่างเพลิดเพลิน มุ่งหวังให้เป็นจุดเช็คอินใหม่ของนักท่องเที่ยวและชาวหัวหิน เพื่อมุ่งหน้าสู่การเป็น Lifestyle Destination ที่ครบกว่าเดิม รวมไปถึง Museo Auto Classica พิพิธภัณฑ์รถคลาสสิกและศิลปะ ที่รวบรวมรถหายากและผลงานศิลป์อันทรงคุณค่าไว้ในพื้นที่เดียวกัน เตรียมเปิดให้บริการอย่างเต็มรูปแบบในเดือนมกราคม 2569 เพื่อมอบประสบการณ์ใหม่ให้กับผู้ที่ชื่นชอบยานยนต์และศิลปะ

ผู้บริหารฯ เผยทิ้งท้ายว่า “บลูพอร์ตเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยสร้างบรรยากาศการท่องเที่ยวของหัวหิน ไม่ว่าจะเป็น  การจัดกิจกรรมปลายปีอย่างงานเทศกาลคริสต์มาสต์ปีใหม่ งานเทศกาลประจําปีต่างๆ หรือการร่วมมือกับโรงแรม      ผู้ประกอบการ และภาคส่วนต่างๆ เพื่อให้เมืองคึกคัก มีทางเลือกในการพักผ่อนและใช้จ่ายมากขึ้น ซึ่งมีส่วนสําคัญในการกระตุ้นเศรษฐกิจของเมือง ในช่วงไฮซีซันอย่างชัดเจน”

บลูพอร์ต หัวหิน ในวันนี้จึงเป็นมากกว่าศูนย์การค้า แต่เป็นปลายทางด้านการท่องเที่ยว–ช้อปปิ้ง–ไลฟ์สไตล์ ที่ไม่ควรพลาดเมื่อมาเยือนหัวหิน และยังคงมุ่งมั่นพัฒนาเพื่อมอบประสบการณ์ใหม่ให้กับชาวหัวหินและนักท่องเที่ยว ตอบโจทย์ความต้องการของทุกเจเนอเรชัน ทุกไลฟ์สไตล์ ตอกย้ำบทบาทการเป็น “Lifestyle Destination” อย่างสมบูรณ์

]]>
1551818
“CPS l IRADA” คอลลาบอเรชั่นสุดเอ็กซ์คลูซีฟที่จะพาคุณก้าวเข้าสู่ 2 โลกแฟชั่นที่มาบรรจบกันอย่างลงตัว เมื่อความเท่และพลังแห่งเสียงดนตรีโคจรมาพบกับความคลาสสิกสุดประณีตในสไตล์เฟมินีน https://positioningmag.com/1551811 Mon, 15 Dec 2025 20:29:43 +0000 https://positioningmag.com/?p=1551811 CPS (ซีพีเอส) แบรนด์แฟชั่นที่มีดีเอ็นเอทั้งความเท่และดีไซน์อันเป็นเอกลักษณ์ เปิดตัวคอลลาบอเรชั่นสุดเอ็กซ์คลูซีฟส่งท้ายปี “CPS l IRADA” กับการจับมือของ 2 ขั้วแฟชั่น ดึงพลังความคลาสสิกและงานดีไซน์ที่มีความประณีตของ IRADA (ไอรดา) แฟชั่นแบรนด์สำหรับผู้หญิงที่โดดเด่นเรื่องแพทเทิร์นที่ซิลลูเอตเฉียบคมแต่คงความมีชีวิตชีวาของเสื้อผ้า รวมไปถึงการเลือกใช้วัสดุ ลวดลาย และการตัดเย็บผ้าที่ใส่ใจทุกรายละเอียด มาผสานเข้ากับแฟชั่นที่มีเสน่ห์ของความขบถ ขับเคลื่อนด้วยพลังของเสียงดนตรี สตรีทคัลเจอร์ที่สะท้อนตัวตนในแบบฉบับของ CPS

พลังแห่งเสียงดนตรี Alternative Rock ที่สะท้อนตัวตนความอิสระและจิตวิญญาณที่ต้องการปลดแอกจากกรอบเดิมๆ ผสมผสานเข้ากับดีไซน์ที่ Timeless แต่ Classic with a Twist ของ IRADA คือแรงบันดาลใจหลักของคอลเลกชั่นนี้ จุดเด่นคือการนำเสนอแฟชั่นไอเทมของหนังและเดนิมที่สะท้อนกลิ่นอายความเท่แบบคลาสสิก ดีไซน์เข้าคู่กับลูกไม้และ Feather ให้ความรู้สึกของความเซ็กซี่มีเสน่ห์แบบเฟมินีน ไฮไลต์ไอเทมที่ห้ามพลาด! อาทิ LATHER JACKET แจ็คเก็ตหนังสีดำ จุดเด่นอยู่ที่การรัดเข็มขัดเข้าเอวเป็น Peplum LACE TOP AND SATIN LACE TRIMMING ไอเทมที่นำลูกไม้ผ้าซาตินผสมแต่งขอบด้วยลูกไม้เป็นไอเทมที่ผู้หญิงทุกคนต้องมี HOODIE DRESS AND HOODIE TOP เดรสฮู้ดดี้และเสื้อฮู้ดดี้ เลือกใช้เนื้อผ้าเจอร์ซี่สแปนเด็กซ์สีแดงที่มีความยืดและให้ความเงา มาพร้อมกับเทคนิคการจับเดรปเพิ่มสัดส่วนของผู้หญิงให้น่าค้นหามากขึ้นเดรสและเสื้อ Feather ที่มาความนุ่มและให้ความอุ่นแต่เก๋ด้วยดีไซน์เฉพาะตัว และ DOUBLE BELT BUCKEL PANTS AND SKIRT กางเกงและกระโปรงเข็มขัดสองชั้น ที่ตัดเย็บด้วยผ้า Tailor และมีลูกเล่นอย่างเข็มขัดแทรกเป็นดีเทลเล็กๆ ที่ซ่อนอยู่

สัมผัสพลังความต่างของ 2 ขั้วแฟชั่นในคอลลาบอเรชั่น “CPS l IRADA” ได้แล้ววันนี้ที่ร้าน CPS CHAPS เฉพาะ 14 สาขาที่เปิดจำหน่ายเท่านั้น และช่องทางออนไลน์ www.cpschaps.com

Tag : @cpschaps @iradaofficial_
Hashtag : #CPSCHAPS #CPSxIRADA

อัปเดตเทรนด์แฟชั่นสุดเท่ของ “CPS CHAPS” เพิ่มเติมได้ที่
Instagram : @cpschaps
Facebook : CPS CHAPS
LINE Official Account : @cpschaps
TikTok : cpschaps.official

]]>
1551811
โตชิบา ยืนหนึ่งตลาดไทย คว้าแชมป์ยอดขายตู้เย็นและไมโครเวฟ https://positioningmag.com/1551806 Mon, 15 Dec 2025 20:25:17 +0000 https://positioningmag.com/?p=1551806 โตชิบา ไทยแลนด์ ตอกย้ำความเป็นผู้นำในตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน ด้วยการคว้าตำแหน่งแบรนด์ตู้เย็นและไมโครเวฟที่มียอดขายอันดับ 1 ในประเทศไทย จากผลสำรวจของ GfK บริษัทวิจัยข้อมูลเกี่ยวกับธุรกิจการตลาดและผู้บริโภค สะท้อนถึงความเชื่อมั่นที่ผู้บริโภคมีต่อคุณภาพ ความทนทาน และนวัตกรรมของผลิตภัณฑ์โตชิบาตลอดมา

ข้อมูลอ้างอิงจาก GfK Market Intelligence ครอบคลุมช่วงเวลา 12 เดือน ตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2024 ถึง 31 ตุลาคม 2025 ผลการจัดอันดับนี้สะท้อนความมุ่งมั่นของโตชิบาในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์การใช้งานจริงของผู้บริโภคชาวไทย โดยเน้นเทคโนโลยีที่ช่วยประหยัดพลังงาน คงความสดของอาหาร และใช้งานง่าย รวมถึงดีไซน์ที่เหมาะกับทุกไลฟ์สไตล์ของครอบครัวไทย

โตชิบายังคงเดินหน้าพัฒนานวัตกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้าด้วยมาตรฐานญี่ปุ่น พร้อมมอบประสบการณ์การใช้งานที่เชื่อถือได้ในทุกครอบครัวต่อไป ชมข้อมูลสินค้าเพิ่มเติมได้ที่ www.facebook.com/ToshibaLifestyleThailand หรือ www.toshiba-lifestyle.com/th

]]>
1551806
“คิงบริดจ์ ทาวเวอร์” จัดพิธีปฐมฤกษ์เปิดอาคารสำนักงานให้เช่า แลนด์มาร์กใหม่พระราม 3 “The New Chapter of Rama III” พื้นที่แห่งแรงบันดาลใจในการทำงาน https://positioningmag.com/1551798 Mon, 15 Dec 2025 20:17:09 +0000 https://positioningmag.com/?p=1551798 คิงบริดจ์ ทาวเวอร์ อาคารสำนักงานเกรดเอ วิวแม่น้ำเจ้าพระยา สูงที่สุดในพระราม 3 ภายใต้โครงการมิกซ์ยูส “Community of Kindness” โดยเครือสหพัฒน์ จัดพิธีปฐมฤกษ์มหามงคล เปิดป้าย เจริญพระพุทธมนต์ และประดิษฐานศาลพระภูมิ เปิดอาคารสำนักงานและพื้นที่เชิงพาณิชย์ คิงบริดจ์ ทาวเวอร์ (KingBridge Tower) อย่างเป็นทางการ ภายใต้คอนเซ็ปต์ “The New Chapter of Rama III” ตอกย้ำบทบาทอาคารแลนด์มาร์กแห่งใหม่ที่เป็นสัญลักษณ์ของ “The Spirit of Synergy” หรือพลังแห่งความร่วมมือระหว่างผู้คนและพื้นที่

พิธีเปิดจัดขึ้นในวันจันทร์ที่ 8 ธันวาคม 2568 เวลา 9.00 – 11.30 น. ณ อาคารคิงบริดจ์ ทาวเวอร์ โดยภายในงานประกอบด้วยพิธีพราหมณ์ พิธีสงฆ์ และพิธีเปิดป้ายอาคารอย่างเป็นทางการ ซึ่งได้รับเกียรติจาก นายบุณยสิทธิ์ โชควัฒนา ประธานเครือสหพัฒน์ เป็นประธานในพิธีตัดริบบิ้น และ เจ้าประคุณสมเด็จพระมหารัชมงคลมุนี (สมเด็จธงชัย) ให้ความเมตตาประกอบพิธีเจิมป้ายชื่ออาคารเพื่อความเป็นสิริมงคล โดยมีคณะผู้บริหาร นำโดย นายวิชัย กุลสมภพ กรรมการผู้จัดการ บริษัท คิงบริดจ์ ทาวเวอร์ จำกัด และ ประธานกรรมการบริหารและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สหพัฒนาอินเตอร์โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ SPI และ ดร. สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ประธานกรรมการ บริษัท สหพัฒนาอินเตอร์โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) เข้าร่วมในพิธี และให้การต้อนรับผู้ร่วมงานในบรรยากาศอบอุ่น

นายวิชัย กุลสมภพ กรรมการผู้จัดการ บริษัท คิงบริดจ์ ทาวเวอร์ จำกัด และประธานกรรมการบริหารและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สหพัฒนาอินเตอร์โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ SPI เปิดเผยว่า โครงการคิงบริดจ์ ทาวเวอร์  ถูกพัฒนาขึ้นให้เป็นมากกว่าอาคารสำนักงานทั่วไป แต่เป็นแลนด์มาร์กใหม่ที่ทำหน้าที่เป็น “สะพาน” เชื่อมโอกาสทางธุรกิจและการใช้ชีวิต โดยให้ความสำคัญกับความยั่งยืน ฟังก์ชันล้ำสมัย และภาพลักษณ์องค์กรระดับสากล

โครงการนี้พัฒนาภายใต้แนวคิด The Spirit of Synergy มุ่งสร้างพื้นที่ทำงานที่ผสานประสิทธิภาพ ความสุข และความสมดุล ผ่าน 3 แกนหลัก ได้แก่ คน – พื้นที่ – แรงบันดาลใจ พร้อมพื้นที่ส่วนกลางและพื้นที่สีเขียวมากถึง 55% เพื่อสนับสนุนสุขภาวะของผู้ใช้อาคารอย่างแท้จริง ทั้งในโซน “Spirit of Well-being” และ “Spirit of Conversation” ที่มี Common Area ดีไซน์เป็น Open Space มีห้องประชุมหลายรูปแบบ และ Co-Working Space รองรับการทำงานยุคใหม่

นอกจากนี้ โครงการยังมอบประสบการณ์พิเศษแก่ผู้เช่า อาทิ Sky Garden ชั้น 23 มองเห็นวิวแม่น้ำเจ้าพระยา  และสะพานภูมิพล 360 องศา, Sky Lounge ชั้น 39 สำหรับรับรองแขกสำคัญ รวมถึงฟู้ดคอร์ทที่ออกแบบให้มีบรรยากาศเหมือนร้านอาหาร พร้อมมุมวิวสะพานภูมิพลอันโดดเด่น ชูโมเดลต้นแบบ อาคารเขียว พลิกโฉมความยั่งยืนด้วยตัวเลขที่จับต้องได้ นอกเหนือจากความสวยงาม คิงบริดจ์ ทาวเวอร์ ยังยกระดับมาตรฐานอาคารสำนักงานยุคใหม่ด้วยแนวคิดเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) และการลดคาร์บอน (Decarbonization) อย่างเป็นระบบ โดยผสานเทคโนโลยีการออกแบบขั้นสูง อาทิ Aero Dynamic Shape และ Digital Twin จนสามารถสร้างผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรม ได้แก่:

• ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมสูงสุด: อาคารสามารถลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้มากถึง 1,157.8 ตันต่อปี หรือเทียบเท่ากับการปลูกต้นไม้ยืนต้นกว่า 115,000 ต้น เสมือนเป็นปอดแห่งใหม่ให้กับย่านพระราม 3
• นวัตกรรมการก่อสร้างรักษ์โลก: การเลือกใช้วัสดุและการก่อสร้างด้วยเทคโนโลยี BIM และ Modular Design ช่วยลดขยะก่อสร้างและลดคาร์บอนแฝง (Embodied Carbon) ได้เพิ่มอีกกว่า 121.38 ตันต่อปี
• ประหยัดพลังงานเพื่ออนาคต: ระบบจัดการพลังงานอัจฉริยะ (Chiller Plant) ประสิทธิภาพสูง ช่วยลดการใช้พลังงานได้มากกว่า 10% ซึ่งเทียบเท่ากับปริมาณการใช้ไฟฟ้าของบ้านเรือนกว่า 150 หลังคาเรือนตลอดหนึ่งปี

ความสำเร็จเหล่านี้ทำให้อาคารตอบโจทย์การเป็นสำนักงานแห่งอนาคตที่ใส่ใจทั้งประสิทธิภาสิ่งแวดล้อม และคุณภาพชีวิตของผู้ใช้งานอย่างแท้จริง

ในโอกาสเปิดอาคารสำนักงานใหม่ คิงบริดจ์ ทาวเวอร์ จัดงาน “KingBridge Photo Exhibition” ร่วมกับสมาคมถ่ายภาพแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ระหว่างวันที่ 8 ธันวาคม 2568 ถึง 13 กุมภาพันธ์ 2569 เปิดให้บุคคลทั่วไปเข้าชมอย่างต่อเนื่อง

นิทรรศการครั้งนี้นำเสนอแนวคิด KINGBRIDGE TOWER, RAMA III: “The Inspiring Workplace Experience” สะท้อนวิสัยทัศน์ของ คิงบริดจ์ ทาวเวอร์ในการเป็นศูนย์กลางแรงบันดาลใจด้านการทำงานและการใช้ชีวิตสำหรับคนทุกเจเนอเรชัน ผ่านมุมมองสร้างสรรค์ของช่างภาพที่ตีความพื้นที่อาคารอย่างหลากหลาย

นิทรรศการร้อยเรียงผลงานภาพถ่ายที่ถ่ายทอด “มิติของแรงบันดาลใจ” จากพื้นที่จริงของอาคาร ตั้งแต่ความเป็น ”สถาปัตยกรรมเคียงคู่สะพานภูมิพล” แลนด์มาร์กแห่งใหม่ของย่านพระราม 3 เสน่ห์งานสถาปัตยกรรมที่ผสานมุมมองภายนอก–ภายใน ความสัมพันธ์ของอาคารกับสะพานภูมิพลและแม่น้ำเจ้าพระยา ไปจนถึงวิถีผู้คนและชุมชนรอบด้าน รวมถึงภาพสะท้อนความสุข ความสมดุล และประสบการณ์การทำงานยุคใหม่ พร้อมทิวทัศน์เมืองที่สามารถพบได้ที่ คิงบริดจ์ ทาวเวอร์

คิงบริดจ์ ทาวเวอร์ อาคารสำนักงานให้เช่าเกรดเอ บนถนนพระราม 3 หนึ่งในโครงการมิกซ์ยูส “Community of Kindness” ของเครือสหพัฒน์ เปิดให้เยี่ยมชม Office Show Suite แล้ววันนี้ โทร. 02-295-3333 เว็บไซต์ www.KingBridgeTower.com และ Facebook: KingBridgeTower

]]>
1551798
DRT ปรับกลยุทธ์รับมือผลกระทบจากปัจจัยภายนอก เตรียมความพร้อมสินค้าและบริการขยายตลาดรีโนเวท https://positioningmag.com/1551790 Mon, 15 Dec 2025 20:05:20 +0000 https://positioningmag.com/?p=1551790 “บมจ.ผลิตภัณฑ์ตราเพชร หรือ DRT” ปรับกลยุทธ์รับมือผลกระทบจากปัจจัยภายนอกทั้งภาพรวมเศรษฐกิจที่ยังชะลอตัวและเหตุอุทกภัยในหลายพื้นที่ ประเมินระยะสั้นจะเกิดการซ่อมแซมที่อยู่อาศัยและอาจมีความต้องการบ้านใหม่จากการย้ายถิ่นที่อยู่เพื่อลดความเสี่ยงจากอุทกภัยในอนาคต หนุนความต้องการใช้วัสดุก่อสร้าง ชูความพร้อมด้านสินค้าที่หลากหลายพร้อมบริการติดตั้งขยายตลาดปรับปรุงและซ่อมแซม รุกพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่อย่างต่อเนื่อง พร้อมวางแผนจัดกิจกรรมการตลาดในพื้นที่ภาคต่างๆ

นายสาธิต สุดบรรทัด ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ผลิตภัณฑ์ตราเพชร จำกัด (มหาชน) หรือ DRT ผู้ผลิตและจำหน่ายสินค้าระบบหลังคา ไม้สังเคราะห์และบอร์ดไฟเบอร์ซีเมนต์ บอร์ดตกแต่งผนัง อิฐมวลเบา บริการติดตั้งโครงหลังคาสำเร็จรูปและกระเบื้องหลังคา พื้น บันได และผนังพร้อมบริการติดตั้ง ‘SPC Solutions’ แบบครบวงจร ภายใต้เครื่องหมายการค้า ‘ตราเพชร’ เปิดเผยว่า จากภาพรวมเศรษฐกิจนับจากต้นปีถึงปัจจุบันที่ยังคงชะลอตัวและการเกิดเหตุอุทกภัยในหลายพื้นที่ ล่าสุดคือเหตุการณ์อุทกภัยในพื้นที่ภาคใต้ที่ส่งผลกระทบต่อที่อยู่อาศัยเกิดความเสียหายเป็นจำนวนมาก ในระยะสั้นจึงจำเป็นต้องมีการซ่อมแซมและปรับปรุงที่อยู่อาศัย ส่วนระยะกลางและระยะยาวอาจมีความต้องการบ้านใหม่รองรับการย้ายถิ่นที่อยู่เพื่อลดความเสี่ยงจากการเกิดเหตุอุทกภัยในอนาคต โดยหลังจากรัฐบาลได้ออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ เช่น การออกมาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการปรับปรุงโรงแรม เป็นต้น รวมถึงมาตรการเยียวยาและฟื้นฟูผู้ประสบอุทกภัย คาดว่าจะส่งผลดีต่อกำลังซื้อของผู้บริโภคและการจับจ่ายใช้สอยค่อยๆ ฟื้นตัว

ทั้งนี้ เหตุการณ์ดังกล่าวถือเป็นปัจจัยภายนอกที่ส่งผลกระทบกับบริษัทฯ และกำลังซื้อของผู้บริโภค อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ ยังคงมีความพร้อมด้านสินค้าวัสดุก่อสร้างที่หลากหลายพร้อมบริการติดตั้ง สามารถตอบสนองความต้องการใช้งานและรองรับการก่อสร้างบ้านได้ทั้งหลัง บริษัทฯ จึงปรับกลยุทธ์ให้สอดคล้องกับสถานการณ์เศรษฐกิจและความต้องการใช้สินค้าวัสดุก่อสร้างเพื่อการปรับปรุงและซ่อมแซมที่อยู่อาศัยที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นในช่วงนี้ โดยการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่อย่างต่อเนื่องและร่วมกับร้านค้าผู้แทนจำหน่ายนำเสนอสินค้าในพื้นที่ อาทิ ผลิตภัณฑ์หลังคาเซรามิก, ฝ้าระบายอากาศ, ผลิตภัณฑ์พื้นและบันได SPC ที่มีความแข็งแรงทนทาน ทนน้ำและความชื้น ติดตั้งง่ายและรวดเร็ว, ผลิตภัณฑ์ไม้สังเคราะห์ WPC สำหรับงานตกแต่งภายนอก ฯลฯ และล่าสุดได้พัฒนาอิฐมวลเบา MAX BLOCK ขนาดใหญ่ 60x60x7.5 เซนติเมตร สามารถก่อผนังเร็วขึ้น 3 เท่าช่วยลดต้นทุนและค่าแรง

นอกจากนี้ บริษัทฯ เตรียมแผนเชิงรุกผ่านการจัดกิจกรรมการตลาดในพื้นที่ภาคต่างๆ เพื่อแนะนำสินค้าใหม่แก่ร้านค้า ผู้แทนจำหน่าย บริษัทรับสร้างบ้าน ผู้รับเหมาก่อสร้างและต่อเติม รองรับการขยายตลาดรีโนเวทและงานก่อสร้างบ้านและโครงการที่อยู่ในพื้นที่ ทั้งในจังหวัดหลักและหัวเมืองรอง ซึ่งจะช่วยกระตุ้นยอดขายของบริษัทฯ ส่วนช่องทางตลาดต่างประเทศที่มีสัดส่วน 13-15% ของรายได้รวม บริษัทฯ วางแผนรุกตลาดประเทศอื่นๆ นอกจากกัมพูชาให้มากขึ้น อาทิ สปป.ลาว, มาเลเซีย, เวียดนาม, ฟิลิปปินส์ ฯลฯ ส่วนเมียนมาแม้มีเหตุการณ์การเมืองภายในประเทศ แต่ยังคงมีความต้องการใช้วัสดุก่อสร้างในระดับสูง โดยจะนำเสนอผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ เพื่อเพิ่มโอกาสการขายสินค้ามากยิ่งขึ้น

]]>
1551790
LINE ชูภารกิจเชื่อมความห่วงใยคนไทยช่วงภัยพิบัติ พัฒนาฟีเจอร์ LINE Safety Check แจ้งสถานะปลอดภัย จับมือ 5 หน่วยงานรัฐเชื่อมข้อมูลที่เชื่อถือได้ https://positioningmag.com/1551784 Mon, 15 Dec 2025 19:57:58 +0000 https://positioningmag.com/?p=1551784 LINE ประเทศไทย ตอกย้ำบทบาทโครงสร้างพื้นฐานชีวิตดิจิทัลของคนไทย พัฒนาฟีเจอร์ LINE Safety Check บนแอปฯ LINE ให้ผู้ใช้แจ้งสถานะปลอดภัยแก่เพื่อนบน LINE ในสถานการณ์ภัยพิบัติฉุกเฉิน พร้อมขยายความร่วมมือกับ 5 หน่วยงานภาครัฐ ประสานข้อมูลระหว่างหน่วยงานอย่างเป็นระบบ เพื่อผลักดันระบบเตือนภัยดิจิทัลที่เข้าถึงประชาชนไทยได้ง่ายยามฉุกเฉิน ทั้งการแจ้งเตือนเหตุ การยืนยันความปลอดภัยของประชาชน และการอัปเดตข้อมูลข่าวสารได้รวดเร็ว

LINE Safety Check คือ ฟีเจอร์ยืนยันความปลอดภัยที่ LINE พัฒนาขึ้นเพื่อให้ประชาชนสามารถแจ้ง”สถานะความปลอดภัย”ของตนเอง ได้ทันทีเมื่อเกิดเหตุภัยพิบัติ ผ่านแพลตฟอร์ม LINE ที่ใช้งานอยู่ทุกวัน โดยระบบจะแสดงแบนเนอร์แจ้งเตือนภายในแอปเมื่อเกิดเหตุภัยพิบัติ ผ่านการรับข้อมูลที่รับรองจากหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง ลดความเสี่ยงจากข่าวลวงหรือข้อมูลคลาดเคลื่อน ผู้ใช้สามารถกดรายงานสถานะของตนเอง ซึ่งเพื่อนบน LINE ไม่ว่าจะเป็นครอบครัวและคนใกล้ชิดจะสามารถเห็นได้อย่างรวดเร็วและชัดเจน โดยฟีเจอร์นี้ได้รับการออกแบบให้ใช้งานง่าย ไม่ต้องติดตั้งหรือสมัครบริการเพิ่มเติม และมีชุดข้อความพร้อมใช้ตามลักษณะเหตุการณ์ รวมถึงมีข้อมูลข่าวสารเกี่ยวสถานการณ์ที่ได้รับการตรวจสอบความน่าชื่อถือแล้ว เพื่อช่วยให้การสื่อสารในช่วงสถานการณ์วิกฤติเป็นไปอย่างถูกต้องและมีประสิทธิภาพ

โดย LINE ประเทศไทยเริ่มพัฒนาฟีเจอร์ LINE Safety Check สำหรับผู้ใช้ในประเทศไทยตั้งแต่เหตุการณ์แผ่นดินไหวเมื่อต้นปี 2568 ที่ผ่านมา และเพื่อให้การปฏิบัติการของฟีเจอร์ดำเนินอย่างมีประสิทธิภาพ LINE จึงต่อยอดลงนามความร่วมมือกับ 5 หน่วยงานภาครัฐ ได้แก่ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ กรมควบ คุมมลพิษและกรุงเทพมหานคร ในการเชื่อมโยงการปฏิบัติการด้านข้อมูลการแจ้งเตือนภัยจากแต่ละภาคส่วนที่เกี่ยว ข้อง พร้อมยกระดับการใช้ LINE Safety Check สู่หนึ่งในระบบสื่อสารยามฉุกเฉินของประเทศ การร่วมมือครั้งนี้สะท้อนถึงความเชื่อมั่นของภาครัฐที่มีต่อ LINE ในฐานะแพลตฟอร์มโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลที่อยู่ในชีวิตประจำวันของคนไทย ทั้งในด้านการครอบคลุมประชาชน ความน่าเชื่อถือ และศักยภาพในการเป็นแพลตฟอร์มที่ประชาชนเข้าถึงได้ทันที ช่วยให้การกระจายข้อมูลสำคัญเป็นไปอย่างถูกต้อง ลดความสับสนในสถานการณ์วิกฤติ และเปิดโอกาส ให้ประชาชนสามารถตรวจสอบความปลอดภัยของครอบครัวได้อย่างรวดเร็วยิ่งขึ้น

LINE Safety Check สานต่อความมุ่งมั่นของ LINE ในการเชื่อมต่อคนไทยเข้าด้วยกันในแม้ในเหตุภัยพิบัติ ความร่วมมือกับภาครัฐครั้งนี้เป็นก้าวสำคัญของประเทศในการพัฒนาระบบเตือนภัยที่ทันสมัย เข้าถึงง่าย และเชื่อถือได้ เพื่อให้ประชาชนรู้สึกปลอดภัย เชื่อมต่อความห่วงใยได้ทุกสถานการณ์ โดยก่อนหน้านี้ LINE Safety Check ได้เปิดให้บริการแล้วในญี่ปุ่น ไต้หวัน และอินโดนีเซีย

ผู้ใช้ควรอัปเดต LINE เป็นเวอร์ชันล่าสุดอยุ่เสมอ เพื่อรองรับการใช้งานอย่างมีประสิทธิภาพ

]]>
1551784
กูร์เมต์ มาร์เก็ต เดินหน้าเจาะตลาดพรีเมียม–องค์กร ส่ง “Blissful Hampers 2026” พร้อมคอลเล็กชั่นไทยคราฟต์จาก Vassana คาดยอดกระเช้าปีใหม่โตต่อเนื่อง https://positioningmag.com/1551775 Mon, 15 Dec 2025 19:50:34 +0000 https://positioningmag.com/?p=1551775 กูร์เมต์ มาร์เก็ต พรีเมียมซูเปอร์มาร์เก็ตในเครือเดอะมอลล์ กรุ๊ป ตอกย้ำความเป็นผู้นำ “Premium Gifting Destination” ด้วยการเปิดตัวแคมเปญ “Gourmet Market Blissful Hampers 2026” ชูจุดแข็งเรื่องคุณภาพ ความหลากหลาย และงานดีไซน์ระดับพรีเมียม พร้อมผสานกลยุทธ์สร้าง “คุณค่าเพิ่ม” ผ่านงานหัตถศิลป์ไทย จับมือ Vassana เปิดตัวคอลเล็กชั่นกระเช้า “Wish Craft – Inspired by Thai Folk Wisdom” ตอบโจทย์ทั้งลูกค้าองค์กรและพรีเมียมเซกเมนต์ รวมถึงผู้บริโภครุ่นใหม่ที่ให้ความสำคัญกับของขวัญที่มีคุณค่าทางใจ ใส่ใจในเรื่องความยั่งยืน และสะท้อนถึงอัตลักษณ์ความเป็นไทย (Meaningful Gifts – Sustainability – Thai Identity) คาดช่วยหนุนยอดขายช่วงเทศกาลปลายปีเติบโตต่อเนื่องท่ามกลางการฟื้นตัวของตลาดของขวัญพรีเมียม

ตลาดกระเช้า 2025 – 2026 โตตามดีมานด์องค์กร–ลูกค้าพรีเมียม คาดเติบโต 10%

นายศุภวุฒิ ไชยประสิทธิ์กุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริหารสินค้าซูเปอร์มาร์เก็ตและฟู้ด บริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ป จำกัด (Mr. Supawut Chaiprasitkul, Chief Business Officer – Supermarket & Food, The Mall Group Co.,Ltd.) กล่าวว่า “ตลาดกระเช้าปีใหม่ปีนี้ยังมีแรงส่งดี โดยเฉพาะในช่วง 2 สัปดาห์สุดท้ายก่อนปีใหม่  ซึ่งเป็นไฮซีซั่น กูร์เมต์ มาร์เก็ตคาดว่าตลาดรวมปีนี้จะเติบโตประมาณ 10% จากดีมานด์ของกลุ่มองค์กร–บริษัท–ห้างร้านกว่า 85% ที่ให้ความสำคัญกับสินค้าพรีเมียม ดีไซน์ และความคุ้มค่าของราคา ขณะที่อีก 15% เป็นกลุ่มลูกค้าต่างชาติที่เลือกซื้อกระเช้าเป็นของฝากช่วงเทศกาล” การเติบโตยังมาจากเทรนด์ผู้บริโภคที่ซื้อกระเช้าด้วยตนเอง เพื่อสะท้อนเอกลักษณ์ของผู้ให้ โดยเฉพาะกลุ่มผลไม้ สินค้าเพื่อสุขภาพ สินค้านำเข้า และขนมระดับพรีเมียม เช่น คุกกี้และช็อกโกแลต”

กว่า 140 แบบ ตอบโจทย์ทุกเซ็กเมนต์ ตั้งแต่พรีเมียม–องค์กร–นักท่องเที่ยว

ปีนี้ กูร์เมต์ มาร์เก็ต จัดกระเช้าของขวัญกว่า 140 รูปแบบ ครอบคลุมทุกกลุ่มราคาและสไตล์ ตั้งแต่ Premium Hampers, Prestige Hampers, Fresh Fruits Hampers, Gourmet Thai, Kud Thai ไปจนถึงสินค้าเอ็กซ์คลูซีฟจากชุมชนและหัตถศิลป์ไทย พร้อมเมนูมื้อพิเศษ เช่น ไก่งวง บีฟเวลลิงตัน ชีสบอร์ด และคาเวียร์ รวมถึงช่องทางช้อปครบวงจรทั้งหน้าร้าน–ออนไลน์–เดลิเวอรี่–บริการส่งทั่วประเทศและกว่า 30 ประเทศทั่วโลก

จับมือ Vassana พางานคราฟต์ไทยระดับโลกสู่เทศกาลปีใหม่

นางสาวพลอยชมพู อัมพุช ผู้อำนวยการใหญ่บริหารสินค้าซูเปอร์มาร์เก็ต บริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ป จำกัด (Ms. Ploychompu Umpujh, Vice President – Merchandising (Gourmet Market), The Mall Group Co., Ltd.) กล่าวว่า “ผู้บริโภควันนี้ต้องการของขวัญที่มีคุณค่าทางใจ ไม่ใช่แค่สวยงาม แต่ต้องเป็นของขวัญที่มีความหมาย ดีต่อชุมชน และดีต่อโลก เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม รายได้จากสินค้าในกลุ่ม Gourmet Thai มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง สะท้อนพฤติกรรมการเลือกสินค้าที่สร้าง Social Impact ชัดเจนขึ้น

กูร์เมต์ มาร์เก็ต จึงร่วมกับแบรนด์ Vassana ซึ่งเคยทำงานร่วมกับหลายชุมชน รวมถึงแบรนด์แฟชั่นระดับโลก พัฒนากระเช้าของขวัญคอลเล็กชั่น “Wish Craft – Inspired by Thai Folk Wisdom” กระเช้าคราฟต์ไทย 5 ดีไซน์ที่ผลิตจากวัสดุธรรมชาติ ใช้งานซ้ำได้จริง รวมถึงออกแบบลวดลายและงานจักสานที่ถ่ายทอดภูมิปัญญาไทย พร้อมสร้างรายได้ตรงสู่ชุมชน อาทิ กลุ่มช่างฝีมือในแถบภาคเหนือ ซึ่งเป็นกลุ่มทำงานเดิมของแบรนด์ กลุ่มกระจูดจากจังหวัดนครปฐม และจังหวัดชัยนาท รวมถึงกลุ่มเปราะบางในทัณฑสถานวัยหนุ่มพระนครศรีอยุธยา ทุกกระเช้าจึงไม่ใช่แค่ “สินค้า” แต่เป็น “สัญลักษณ์ของคุณค่า–ความหมาย–และงานฝีมือไทย” สอดคล้องกับเทรนด์ผู้บริโภคที่เลือกสินค้าจากมูลค่าทางวัฒนาธรรม และความยั่งยืน”

โปรโมชั่นเข้มสุดของปี คืนสูงสุดรวม 49% พร้อมสิทธิพิเศษจากพาร์ตเนอร์

ขณะเดียวกันเพื่อเป็นของขวัญให้แก่ลูกค้าที่สนับสนุนกูร์เมต์ มาร์เก็ตด้วยดีเสมอมา ยังจัดโปรโมชั่นให้ลูกค้ารับสิทธิพิเศษ ลดรวมสูงสุด 49% จากโปรโมชั่นต่าง ๆ เช่น ส่วนลดลูกค้าทั่วไปสูงสุด 25%, สมาชิก M Card ลดเพิ่มสูงสุด 20%, สิทธิพิเศษ Bangkok Bank M Visa รับ M Cash Coupon สูงสุด 25,000 บาท, ผ่อน 0% สูงสุด 10 เดือน และส่งฟรีเมื่อช้อปครบ 5,000 บาท ผ่าน Call Chat Shop เป็นต้น และลูกค้ายังสามารถสะสมความคุ้มค่าต่อกับแคมเปญใหญ่ “MONCHHICHI x THE MALL GROUP THE GREAT NEW YEAR 2026” เพื่อรับส่วนลดหรือเครดิตเงินคืนเพิ่มตามเงื่อนไข

มั่นใจสร้างยอดขายกระเช้าปีใหม่โตไม่น้อยกว่า 10%

กูร์เมต์ มาร์เก็ตเชื่อว่าโมเดล “Business x Community Grow Together” จะช่วยขับเคลื่อนทั้งยอดขายและสร้างรายได้แก่ชุมชนไทย คาดว่าสามารถผลักดันยอดขายแคมเปญปลายปีเติบโตมากกว่า 10% จากปีก่อน พร้อมเดินหน้าใช้กลยุทธ์ “Premium + Local Wisdom + Sustainability” เป็นแกนหลักต่อเนื่องในปี 2026

 

]]>
1551775