ไม่มีหมวดหมู่ – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Fri, 05 Apr 2024 12:45:25 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 Lay’s MAX จับมือ BUZZEBEES พัฒนาแคมเปญการตลาดสุดชิคบน Line OA เปิดประสบการณ์ใหม่ด้วยการทำ CRM เอาใจคนรักเกม ผ่านกิจกรรม ‘เปิดแมกซ์ แลกลุ้นแรร์’ https://positioningmag.com/1469345 Fri, 05 Apr 2024 12:38:08 +0000 https://positioningmag.com/?p=1469345 เลย์ แมกซ์ มันฝรั่งทอดกรอบแผ่นหยักเอ็กซ์ตร้า โดย บริษัท เป๊ปซี่-โคล่า (ไทย) เทรดดิ้ง จำกัด ดึงพันธมิตรด้าน  CRM & Digital Engagement Platform อย่าง BUZZEBEES ที่ให้บริการครบวงจร ร่วมพัฒนาแคมเปญการตลาดแห่งปี ‘เปิดแมกซ์ แลกลุ้นแรร์’ เอาใจวัยรุ่นสายเกมด้วยระบบของ BUZZEBEES ผ่านการนำรหัสในซองเลย์แมกซ์ ไปกรอกในระบบเพื่อแลกรับ MAX COIN และใช้ MAX COIN ที่ได้ในการแลกและลุ้นของรางวัลโดนใจวัยรุ่นมากมาย ซึ่งถือเป็นกลยุทธ์ด้าน Marketing Campaign อีกมิติของการให้บริการของ BUZZEBEES ในการออกแบบและสร้างกิจกรรมตอบโจทย์คนรุ่นใหม่ ที่ชื่นชอบความท้าทาย และชอบลองสิ่งแปลกใหม่

นางสาวชลกร อภิชาติธรรม ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดผลิตภัณฑ์ขนมขบเคี้ยวประจำประเทศไทย และผู้อำนวยการศูนย์ความเป็นเลิศผลิตภัณฑ์ขนมขบเคี้ยว ภาคพื้นอินโดจีน บริษัท เป๊ปซี่-โคล่า (ไทย) เทรดดิ้ง จำกัด กล่าวว่า  “ด้วยพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว บวกกับกลุ่มเป้าหมายหลักของเลย์ แมกซ์ ซึ่งคือกลุ่ม Gen Z จึงจะเห็นได้ว่าในแต่ละปีที่ผ่านมา เลย์ แมกซ์ เน้นการใช้กลยุทธ์การตลาดผ่านการใช้ผู้นำทางความคิด ศิลปิน นักร้อง และ Influencers ที่มีผู้ชื่นชอบและติดตามเป็นจำนวนมาก ซึ่งสอดคล้องกับไลฟ์สไตล์ของกลุ่มเป้าหมาย ร่วมกับการทำกิจกรรมต่าง ๆ บน Social Media และแพลตฟอร์มต่าง ๆ รวมถึงจัดกิจกรรมส่งเสริมการตลาดร่วมกับพันธมิตรทางการค้า ควบคู่ไปกับการพัฒนาผลิตภัณฑ์เลย์ แมกซ์รสชาติใหม่ ๆ อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้เลย์ แมกซ์ เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายและมียอดขายเติบโตมากขึ้น

จึงเป็นที่มาของการจับมือกับ BUZZEBEES เพื่อยกระดับการทำ Marketing Campaign กับแคมเปญล่าสุด ‘เปิดแมกซ์ แลกลุ้นแรร์’ ซึ่งเป็นแคมเปญที่เลย์แมกซ์ได้ร่วมมือกับเกม “Nice To Z You ซ่อนหา ปาร์ตี้แก๊ง” โดยได้นำระบบของ BUZZEBEES มาต่อยอดกลยุทธ์การตลาดในครั้งนี้ เพื่อดึงดูดกลุ่ม Gen Z เนื่องด้วยเลย์ แมกซ์ เล็งเห็นว่าการมอบประสบการณ์ในมิติใหม่ ๆ ของการซื้อสินค้า อาทิ การสะสมพอยท์ผ่านการเล่นเกมเพื่อพิชิตภารกิจรับสกินดีไซน์สุดพิเศษที่ได้แรงบันดาลใจจากคุณแป้ง zbing z. หรือการแลกไอเทมบูสเตอร์พิเศษต่าง ๆ ในเกม ไปจนถึงการแลกพอยท์เพื่อรับสิทธ์ลุ้นของรางวัล Tech Gadgets ต่าง ๆ ช่วยให้แบรนด์เป็นที่จดจำและขยายกลุ่มเป้าหมายได้กว้างขึ้น จึงได้ร่วมกับพันธมิตรอย่าง BUZZEBEES ที่มีความเชี่ยวชาญด้าน CRM & Digital Engagement Platform ครบวงจรมากกว่า 10 ปี มาช่วยพัฒนาเสริมแคมเปญนี้ให้มีสีสัน เพิ่มความสนุกสนาน และกระตุ้นให้ผู้บริโภคเข้ามามีส่วนร่วมมากขึ้น”

นางสาวณัฐธิดา สงวนสิน กรรมการผู้จัดการและผู้ร่วมก่อตั้ง บริษัท บัซซี่บีส์ จำกัด (BUZZEBEES) กล่าวว่า “ความร่วมมือในครั้งนี้ ถือเป็นโอกาสครั้งสำคัญของ BUZZEBEES ที่บริษัท เป๊ปซี่-โคล่า (ไทย) เทรดดิ้ง จำกัด ให้ความไว้วางใจให้ดูแลพัฒนาในด้าน Marketing Campaign ให้กับเลย์ แมกซ์ นับเป็นอีกมิติของการเสริมความแกร่งให้กับกลุ่มธุรกิจสินค้าอุปโภคบริโภค (FMCG) ที่มีกลุ่มเป้าหมายเป็นคนรุ่นใหม่ ซึ่ง BUZZEBEES สามารถนำของรางวัลหรือไอเทมต่าง ๆ เข้ามาอยู่ในระบบได้ รวมถึงสร้างความสัมพันธ์ระหว่างแบรนด์กับลูกค้าให้ได้ทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นระยะสั้นหรือระยะยาว โดยจากผลการสำรวจพฤติกรรมของ Gen Y และ Gen Z พบว่าแพลตฟอร์มเป็นส่วนหนึ่งของการใช้ชีวิต พวกเขาจะภักดีต่อแบรนด์มากหากเกิดความประทับใจ ซึ่งความประทับใจมักเกิดจากการได้มีส่วนร่วมในแคมเปญต่าง ๆ บนแพลตฟอร์ม และการดึงดูดให้ Gen Z และ Gen Y เข้ามามีส่วนร่วมบนแพลตฟอร์มนั้น ส่วนสำคัญที่ขาดไม่ได้คือเรื่องของของรางวัล ดังนั้นการมีระบบที่สามารถเชื่อมต่อหรือปรับแต่งของรางวัลได้อย่างยืดหยุ่นหลากหลายถือเป็นจุดแข็งสำคัญของ BUZZEBEES”

สำหรับแคมเปญ ‘เปิดแมกซ์ แลกลุ้นแรร์’ ผู้เล่นสามารถแลกลุ้นรับของรางวัลได้ง่าย ๆ เพียงซื้อผลิตภัณฑ์ เลย์ แมกซ์ รสพริกปีศาจ เอ็กซ์ตร้าชิลลี่ หรือรสบาร์บีคิวพริกพ่นไฟ หรือรสเอ็กซ์ตรีมซาวครีมและหัวหอม หรือรสโนริโอเวอร์โหลด เอ็กซ์ตร้าสาหร่ายกรอบ ขนาดใดก็ได้จากร้านค้าและซูเปอร์มาร์เก็ตชั้นนำทั่วประเทศ แล้วกรอกรหัสด้านในซอง เพื่อแลกเป็น MAX COIN ใช้รับสิทธิ์แลกหรือลุ้นรางวัลถึง 3 ต่อ รวมกว่า 8.2 ล้านรางวัล รวมมูลค่าของรางวัลทั้งสิ้นกว่า 97 ล้านบาท ได้ตั้งแต่วันนี้ วันที่ 1 มีนาคม 2567 – วันที่ 30 มิถุนายน 2567

ต่อที่ 1 สะสมแต้ม MAX COIN ปลดล็อกสกินสุดพิเศษ MAX CHILI FLAME หรือ MAX NORI BUBBLE สกินดีไซน์จากคาแรคเตอร์ zbing z. ไปเล่นซ่อนหา ในเกม Nice To Z You ได้สุดแมกซ์

ต่อที่ 2 ใช้ MAX COIN แลกรับทันทีกับไอเทมบูสเตอร์รูปแบบต่าง ๆ เพื่ออัพเลเวลความสนุกแบบจัดเต็มในเกม  Nice To Z You

ต่อที่ 3 ใช้ MAX COIN แลกสิทธิ์ลุ้นรับตุ๊กตา ดีไซน์จากสกินคาแรคเตอร์ zbing z. ลิมิเต็ดอีดิชันสุดแรร์ หรือแลกสิทธิ์ลุ้นของรางวัล Gadget อัพสกิลการเล่นเกมแบบเต็มแมกซ์ทุกเดือน อาทิ iPhone 15, iPad Mini 6 WiFi,  และ Nintendo Switch OLED

ทั้งนี้ BUZZEBEES ยังคงเดินหน้าพัฒนาบริการครอบคลุมใน 5 ธุรกิจหลัก ได้แก่ 1. ธุรกิจพัฒนาแพลตฟอร์มบริหารความสัมพันธ์ลูกค้า (CRM Loyalty & Marketing Platform) 2. ธุรกิจจัดหาของรางวัลและสิทธิพิเศษ (Rewards & Privileges Management) 3. ธุรกิจบริการอีคอมเมิร์ซอย่างครบวงจร (E-Commerce Enabler Service) 4. ธุรกิจบริการระบบจัดการร้านค้าและการรับชำระเงิน (Retail & Restaurant Solutions) และ 5. ธุรกิจบริการด้านการตลาดดิจิทัลและอินฟลูเอนเซอร์ (Influencer & Digital Marketing) โดยทุกบริการครอบคลุมใน 6 ประเทศ ได้แก่ ไทย เวียดนาม มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซียและกัมพูชา โดยดูแลแพลตฟอร์มพันธมิตรกว่า 1,200 แพลตฟอร์ม และมีผู้ใช้งานบนแพลตฟอร์มกว่า 160 ล้านบัญชี

 

]]>
1469345
“อัลไลแอนซ์ ลอนดรี้” เผยธุรกิจร้านสะดวกซักปี’ 67 โต เดินหน้าดันไทยสู่ร้านต้นแบบระดับภูมิภาคด้วย 2 กลยุทธ์ พร้อมบุกตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ต่อเนื่อง หวังมาร์เก็ตแชร์เพิ่ม 20% https://positioningmag.com/1463366 Tue, 20 Feb 2024 05:46:58 +0000 https://positioningmag.com/?p=1463366 อัลไลแอนซ์ ลอนดรี้ ผู้นำด้านการผลิตและจำหน่ายเครื่องซักผ้าอบผ้าอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ที่สุดในโลก มั่นใจปี 2567 ตลาดธุรกิจร้านสะดวกซักโต 10% โดยร้านเปิดใหม่จะมีขนาดใหญ่ขึ้นและใช้เครื่องซักและอบประมาณ 15-20 เครื่องต่อร้าน พร้อมกางแผนธุรกิจดันประเทศไทยเป็นต้นแบบร้านสะดวกซักในระดับภูมิภาคผ่าน 2 กลยุทธ์หลัก ได้แก่ กลยุทธ์เปิดร้านระดับพรีเมียมและกลยุทธ์หนึ่งอำเภอหนึ่งร้านสะดวกซักพร้อมเตรียมบุกตลาดอินโดนีเซีย และ CLMV หวังดันมาร์เก็ตแชร์เพิ่ม 20% ด้วยโมเดลความสำเร็จของร้านสะดวกซักในประเทศไทย

นายสุกรี กีไร ผู้อำนวยการฝ่ายขาย ประจำเอเชียตะวันออกเฉียงใต้บริษัท อัลไลแอนซ์ ลอนดรี้ ซิสเต็มส์ แอลแอลซี (Alliance Laundry Systems LLC) เปิดเผยว่าภาพรวมธุรกิจร้านสะดวกซักของไทยในปีที่ผ่านมา (2566) มีร้านเปิดใหม่มากถึง 1,300 ร้าน และยอดขายโดยรวมเติบโต 7% หรือประมาณ 3,900 ล้านบาท ซึ่ง ALS สามารถครองส่วนแบ่งการตลาดอยู่ที่ 62% ส่วนตลาดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ของกลุ่มประเทศ CLMV ในภาพรวมถือว่าตลาดเริ่มตอบรับและมีการเติบโตเป็นที่น่าพอใจซึ่งมียอดขายเติบโตถึง 4.5% หรือประมาณ 185 ล้านบาท

โดยภาพรวมธุรกิจร้านสะดวกซักของไทยในปี 2567 คาดว่าจะเติบโตประมาณ 10% และจะมีร้านสะดวกซักในไทยทั้งหมดประมาณ 5,500 ร้าน ซึ่งคาดว่าร้านที่เปิดใหม่จะเป็นร้านที่มีขนาดใหญ่มากขึ้นโดยเฉลี่ยจะใช้เครื่องซักและอบในร้านทั้งหมดประมาณ 15-20 เครื่องต่อร้าน และขนาดของร้านจะอยู่ที่ 80 ตารางเมตรขึ้นไปสำหรับประเทศมาเลเซียแม้ว่าจะมีร้านสะดวกซักมากกว่า 5,000 ร้านแล้วแต่ก็ยังคงมีการเติบโตอย่างต่อเนื่องในส่วนของการอัพเกรดร้านให้มีความพรีเมียมขึ้น และการรีโนเวทร้านโดยมีการเพิ่มจำนวนเครื่องซักและอบในรุ่นใหม่ๆมากขึ้น ส่วนอินโดนีเซีย, เวียดนามและ CLMV ยังคงเป็นตลาดใหม่ที่คาดการณ์ว่าจะได้ส่วนแบ่งการตลาดเพิ่มขึ้น 20% ของมูลค่ารวมตลาดทั้งหมด 2,395 ล้านบาท

“สำหรับด้านกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจในปีนี้ของไทยนั้น เราได้ตั้งเป้าหมายในการขับเคลื่อนประเทศไทยให้เป็นต้นแบบของร้านสะดวกซักในระดับภูมิภาค เพื่อส่งเสริมให้มีภาพลักษณ์ที่ชัดเจนยิ่งขึ้น ผ่าน 2 กลยุทธ์ ได้แก่กลยุทธ์การส่งเสริมให้ลูกค้าเปิดร้านในระดับพรีเมียมมากขึ้น นอกจากร้านจะมีขนาดใหญ่แล้ว ต้องมีการดีไซน์ที่สวยงาม สะดุดตาด้วยส่วนกลยุทธ์ที่สองเราสานต่อนโยบาย ‘หนึ่งอำเภอหนึ่งร้านสะดวกซัก’ เพื่อให้ลูกค้าได้เข้าถึงการใช้บริการร้านสะดวกซักมากขึ้น เนื่องจากตลาดในระดับอำเภอยังมีช่องว่างและมีศักยภาพการเติบโตสูงและเป็นโอกาสสำหรับผู้ประกอบการที่ต้องการจะลงทุนหรือขยายสาขาเพิ่ม”

ปัจจุบันอัลไลแอนซ์ลอนดรี้มีตัวแทนจำหน่ายเครื่อง Commercial สำหรับร้านสะดวกซักในประเทศไทย 9 ราย และตัวแทนจำหน่ายสำหรับเครื่อง OPL สำหรับกลุ่มโรงแรม โรงพยาบาล โรงซักผ้า และโรงงานอุตสาหกรรม 3 ราย ซี่งแบ่งตามแบรนด์ได้ดังนี้ แบรนด์ Speed Queen มีตัวแทนจำหน่าย 4 ราย ประกอบด้วย VJ International Group, Laundry You, Poch Laundry Systems, Straits Laundry -TH, แบรนด์ Huebsch มีตัวแทนจำหน่าย 1 ราย ประกอบด้วย K-Nex Corporation, แบรนด์ IPSO มีตัวแทนจำหน่าย 3 ราย ประกอบด้วย LaundryBar-TH, Limaya (Thailand), Thai Inter Laundry, แบรนด์ Primus มีตัวแทนจำหน่าย 3 ราย ประกอบด้วย Ascend Wash System, Chada Laundry, Taling Thai Development และแบรนด์ UniMac มี PEO Group เป็นตัวแทนจำหน่าย นอกจากนี้ยังมีตัวแทนจำหน่ายในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อีกกว่า 30 ราย ซึ่งประกอบด้วยประเทศมาเลเซีย, อินโดนีเซีย, เวียดนาม, สิงคโปร์ และกลุ่มประเทศ CLMV

คุณสุกรี กล่าวเพิ่มเติมว่าจากความสำเร็จของร้านสะดวกซักในประไทยตลอด 7 ปีที่ผ่านมา ทำให้เราเล็งเห็นถึงประสิทธิภาพที่สามารถนำไปต่อยอดการเติบโตทางธุรกิจและเพิ่มส่วนแบ่งทางการตลาดได้ ปีนี้เราจึงวางเป้าหมายโดยการนำโมเดลธุรกิจของไทยไปทำตลาดในประเทศอินโดนีเซีย, กัมพูชา, สปป.ลาว, เมียนมา และเวียดนามมากขึ้นโดยจะมีการสนับสนุนตัวแทนจำหน่ายปัจจุบัน และเปิดโอกาสให้นักลงทุนรายใหม่ที่สนใจจะร่วมงานกับเราสามารถติดต่อมาได้ เพื่อที่เราจะนำแบรนด์ร้านสะดวกซักของคนไทย หรือนักลงทุนชาวไทยไปลงทุนเพื่อสร้างการเติบโตทางธุรกิจไปด้วยกัน

นอกจากนี้ในไตรมาส 2 อัลไลแอนซ์ ลอนดรี้ จะนำสินค้าใหม่อย่างเครื่อง Combo ที่สามารถซักอบในเครื่องเดียวเข้ามาจำหน่ายในประเทศไทย ซึ่งจะสามารถตอบโจทย์ในเรื่องความสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น เหมาะสำหรับลูกค้าที่ชอบการซักและอบต่อเนื่อง ที่จบในหนึ่งชั่วโมงพร้อมกันนี้ยังมีเครื่องอบผ้าขนาด 75 ปอนด์ (34 กิโลกรัม) ซึ่งเป็นเครื่องอบผ้าขนาดใหญ่สุดที่ผลิตออกมาสำหรับร้านสะดวกซัก ซึ่งเหมาะสำหรับร้านที่มีกลุ่มลูกค้าภาคธุรกิจเช่น โรงแรมขนาดเล็ก อพาร์ทเมนท์รายวัน ร้านสปา ร้านตัดผม ร้านอาหาร เป็นต้น

#อัลไลแอนซ์ลอนดรี้ #AllianceLaundrySystems #ALS

 

]]>
1463366
เพิ่มลิสต์ไว้ตั้งแต่วันนี้! Netflix ประกาศไลน์อัป 31 คอนเทนต์เกาหลี รับชมเต็มอิ่มตลอดปี 2024 พร้อมการกลับมาของซีรีส์เรื่องโปรด และเซอร์ไพรส์ที่ทั้งโลกตั้งตารอ https://positioningmag.com/1461631 Tue, 06 Feb 2024 05:51:41 +0000 https://positioningmag.com/?p=1461631 ในฐานะแหล่งรวมความบันเทิงสุดฮิตที่ตอบโจทย์แฟนๆ คอนเทนต์เกาหลีทั่วโลก ปีนี้ Netflix ได้ประกาศไลน์อัปคอนเทนต์เกาหลี 31 เรื่อง จัดเต็มทั้งซีรีส์ ภาพยนตร์ และรายการวาไรตี้ ให้ผู้ชมทั่วโลกได้เพลิดเพลินกันอย่างเต็มอิ่มกับความบันเทิงตลอดปี 2024 โดยในไลน์อัปในปีนี้เรียกได้ว่ามาครบทั้งคอนเทนต์ระดับโลก การกลับมาของซีรีส์เรื่องโปรด ภาพยนตร์หลากหลายแนว และรายการวาไรตี้อีกมากมาย

ดอน คัง รองประธานฝ่ายคอนเทนต์เกาหลีของ Netflix กล่าวว่า “ในปีนี้ ไลน์อัปคอนเทนต์เกาหลีของเราเต็มไปด้วยความหลากหลาย ซึ่งเผยให้เห็นสไตล์ที่เป็นเอกลักษณ์ของนักเล่าเรื่องจากเกาหลีได้อย่างเด่นชัด ไม่ว่าจะเป็นซีรีส์ ภาพยนตร์ หรือรายการวาไรตี้สุดล้ำ เราก็พร้อมจะมอบประสบการณ์ที่น่าจดจำให้กับแฟนๆ ทั่วโลกที่ชื่นชอบผลงานความบันเทิงเหล่านี้ พร้อมทั้งนำเสนอคอนเทนต์อีกมากมายที่ไม่ควรพลาด ซึ่งสามารถรับชมได้ที่ Netflix เท่านั้น”

การกลับมาที่หลายคนรอคอยของตัวละครอันเป็นที่รักและโลกที่ทุกคนจดจำ

ซีรีส์เรื่องโปรดของใครหลายคนกำลังจะกลับมาในปีนี้อย่างแน่นอน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่ผู้ชมทั่วโลกกำลังกลั้นใจรอชมอย่างซีซั่น 2 ของ สควิดเกม เล่นลุ้นตาย (Squid Game)  หรือซีซั่น 3 ของ สวีทโฮม (Sweet Home) ซึ่งปักกำหนดสตรีมในช่วงกลางปีนี้ โดยจะมาพร้อมการสิ้นสุดลงของการกลายร่างเป็นสัตว์ประหลาด และการเริ่มต้นใหม่ของมนุษยชาติ และซีซั่น 2 ของซีรีส์ สัตว์สยองกยองซอง (Gyeongseong Creature) ที่จะพาพัคซอจุนและฮันโซฮีข้ามผ่านเวลามายังกรุงโซลในยุคปัจจุบัน ไปจนถึง ทัณฑ์นรก (Hellbound) ซีซั่น 2 ที่จะพาผู้ชมเจาะลึกลงไปถึงเรื่องราวหลังความวุ่นวายที่เกิดขึ้นในซีซั่น 1

ส่วนรายการวาไรตี้จากเกาหลีของ Netflix ที่สร้างปรากฏการณ์ฮิตในปีที่ผ่านมา กำลังจะกลับมาอย่างยิ่งใหญ่กว่าเดิมด้วยองค์ประกอบที่โดดเด่นและล้ำยุค ไม่ว่าจะเป็น ร้อยแกร่งแข่งอึด (Physical: 100) ที่ซีซั่น 1 ได้กลายเป็นรายการวาไรตี้ของเกาหลีรายการแรกที่ติดอันดับ Top 10 รายการทีวีภาษาต่างประเทศทั่วโลกของ Netflix และใน ร้อยแกร่งแข่งอึด (Physical: 100) – Underground ซีซั่น 2 กลุ่มผู้เข้าแข่งขันชุดใหม่ 100 คนจากภูมิหลังที่หลากหลายยิ่งกว่าเดิม จะเข้ามาทดสอบขีดจำกัดภายใต้คอนเซ็ปต์อันเดอร์กราวด์ใหม่ในสเกลที่ใหญ่ขึ้น ส่วน ซอมบี้เวิร์ส (Zombieverse) จะอัปเกรดซอมบี้ขึ้นอีกระดับในซีซั่น 2 และทำให้ผู้เข้าแข่งขันรายใหม่เอาตัวรอดได้ยากขึ้นอีก

จากความสำเร็จในซีซั่น 3 ซึ่งเซอร์ไพรส์ผู้ชมด้วยการเปลี่ยนกติกาหักมุมอย่างเหนือความคาดหมาย Single’s Inferno: โอน้อยออก ใครโสดตกนรก ได้กลายเป็นรายการวาไรตี้รายการแรกของเกาหลีที่ได้ไปต่อในซีซั่นที่ 4 บน Netflix ซึ่งจะมาพร้อมกลุ่มคนโสดกลุ่มใหม่ที่ทั้งฮอตที่สุดและพร้อมหว่านเสน่ห์ที่สุดที่จะมาสานต่อภารกิจค้นหารักในรายการ  พร้อมกันนี้ Netflix ยังได้ยกระดับความร้อนฉ่าขึ้นอีกขั้นกับรายการทอล์กโชว์อย่าง ธุรกิจติดเรท (Risqué Business) ที่ขยายขอบเขตจากเอเชีย สู่การพาผู้ชมไปสำรวจเรื่องราวของผู้คนในอุตสาหกรรมสื่อบันเทิงสำหรับผู้ใหญ่ในยุโรปอีกด้วย

ซีรีส์ครบรสตอบโจทย์ผู้ชมทุกกลุ่ม จัดเต็มทั้งความระทึกขวัญ รักโรแมนติก คอเมดี้ และแอ็คชั่น

Netflix ยังคงเสิร์ฟความโรแมนติกผ่านเรื่องราวที่จะทำให้หัวใจของคุณได้ร่ำร้องและจมจ่อมเมื่อศัตรูต้องกลายเป็นคู่รัก ซีรีส์ย้อนยุค เสน่ห์ร้ายบัลลังก์ลวง (Captivating the King) จะพาไปสำรวจความรักผ่านการแข่งขันหมากล้อม ส่วนซีรีส์ยุคใหม่อย่าง ราชินีแห่งน้ำตา (Queen of Tears) จะพาคู่รักที่เหินห่างให้กลับมาใกล้ชิด ทั้งยังเป็นการกลับมาเล่นซีรีส์รักโรแมนติกอีกครั้งของ คิมซูฮยอน หลังจากที่แฟนๆ รอคอยกันมานาน (จาก It’s okay to Not Be okay: เรื่องหัวใจ ไม่ไหวอย่าฝืน (It’s Okay Not to Be Okay)) และคิมจีวอน (จาก My Liberation Notes: ปล่อยใจสู่เสรี (My Liberation Notes)) นอกจากนี้ยังมี หัวใจหมอไม่มอดไหม้ (Doctor Slump) ซีรีส์โรแมนติกคอเมดี้ที่สอดแทรกเรื่องราวของวงการแพทย์ รวมถึง Resident Playbook (WT) ที่นำแสดงโดยโกยุนจอง (จาก เล่นแร่แปรวิญญาณ (Alchemy of Souls)) ซึ่งเป็นภาคแยกของซีรีส์เรื่อง เพลย์ลิสต์ชุดกาวน์ (Hospital Playlist)

และเพื่อเติมความสดใหม่ให้กับผลงานแนวนี้ ผู้ชมยังจะได้พบกับจุดหักมุมที่แตกต่างออกไปในซีรีส์อย่าง มิสเตอร์แพลงก์ตอน (Mr. Plankton) ซึ่งเล่าเรื่องราวของหญิงสาวผู้ไม่มีความสุขที่ต้องร่วมทางกับแฟนเก่าในการเดินทางครั้งสุดท้ายของชีวิต เพื่อตามหาพ่อแม่ที่แท้จริงของเขา และเรื่อง วังวนสงครามชนชั้น (Hierarchy) ซีรีส์รักโรแมนติกผสมการแก้แค้นของเหล่าวัยรุ่น รวมถึงซีรีส์เรื่อง The Trunk ซึ่งนำแสดงโดยนักแสดงแถวหน้าอย่างกงยู (จาก ก็อบลิน คำสาปรักผู้พิทักษ์วิญญาณ (Guardian: The Lonely and Great God)) ซึ่งจะเล่าถึงเรื่องราวเมื่อความลับอันดำมืดของบริการหาคู่อย่างลับๆ ถูกเปิดเผย

สำหรับแฟนๆ ซีรีส์สืบสวนลึกลับ สามารถติดตามชมเรื่อง มรดกอาถรรพ์ (The Bequeathed) ที่จะผูกโยงเรื่องราวการฆาตกรรมและความลับดำมืดหลายอย่างเข้าด้วยกัน ผ่านสุสานฝังศพของครอบครัวที่เป็นเสมือนลางร้าย รวมถึงซีรีส์เรื่อง หน้ากากความยุติธรรม (A Killer Paradox) ที่ได้ ชเวอูชิก (จาก ชนชั้นปรสิต (Parasite)) และซนซอกกู (จาก D.P. หน่วยล่าทหารหนีทัพ (D.P.)) มารับบทเป็นสองตัวละครที่ต้องลงเล่นในเกมไล่ล่าสุดซับซ้อน ในขณะที่ หากไม้ล้มในป่าลึก… (The Frog) จะพาผู้ชมไปยังโรงแรมที่ซ่อนอยู่ลึกเข้าไปในป่าเพื่อไขคดี ซีรีส์เกาหลีในปีนี้ไม่เพียงมีเรื่องราวการไขคดีอาชญากรรมเท่านั้น แต่ยังมีเรื่องราวอื่นๆ อย่างใน The Whirlwind: แผนพลิกอำนาจ ที่เล่าถึงความบาดหมางทางการเมืองที่ต้องหาทางออก

จากนั้นไปหัวเราะกันให้สุดเสียงกับ ไก่ทอดคลุกซอส (Chicken Nugget) แล้วไปต่อกับผลงานตลกร้ายอย่าง The 8 Show โดยทั้งสองเรื่องสร้างจากเว็บตูนชื่อดัง ส่วน ปรสิต: เดอะ เกรย์ (Parasyte: The Grey) จะเนรมิตโลกมังงะเรื่องโปรดของแฟนๆ จากผลงานปลายปากกาของฮิโตชิ อิวาอากิ ให้เกิดขึ้นบนฉากหลังใหม่และเรื่องราวใหม่ๆ ที่ประเทศเกาหลี

ภาพยนตร์ที่อัดแน่นด้วยฉากแอ็คชั่นและรายการวาไรตี้ที่จุดประกายจินตนาการ

ปีนี้ Netflix ทุ่มเทเต็มที่เพื่อยกระดับความหลากหลายให้กับไลน์อัปภาพยนตร์จากเกาหลี โดยแต่ละเรื่องมาพร้อมนักแสดงเกาหลีที่โด่งดังระดับโลก ซึ่งทุ่มเททั้งหัวใจและจิตวิญญาณลงไปในภาพยนตร์แต่ละเรื่องอย่างแท้จริง ทั้งแนวรักโรแมนติกผสมดราม่า (ผมชื่อโรกีวาน (My Name is Loh Kiwan)) ที่ผู้ชมจะได้พบกับซงจุงกิ (จาก วินเชนโซ่ ทนายมาเฟีย (Vincenzo)) แนวแอ็คชั่น (เจ้าหน้าที่สายดำ (Officer Black Belt)) กับคิมอูบิน (จาก Black Knight) แนวหายนะ (The Great Flood) กับพัคแฮซู (จาก นักบุญนาร์โค (Narco-Saints)) แนวไซไฟในโลกดิสโทเปีย (นักล่ากลางนรก (Badland Hunters)) กับดอน ลี (จาก The Eternals) และแนวประวัติศาสตร์ (Uprising) กับคังดงวอน (จาก Broker) ที่สำคัญ Uprising ยังเป็นการทำงานร่วมกันเป็นครั้งแรกระหว่าง Netflix กับบุคคลที่มีชื่อเสียงอย่างพัคชานอุคอีกด้วย

Netflix ยังยกระดับรายการวาไรตี้ขึ้นอีกขั้นด้วยรายการใหม่ๆ ที่มาพร้อมธีมสุดล้ำและสเกลการสร้างที่ยิ่งใหญ่อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน ไม่ว่าจะเป็นคอนเซ็ปต์ที่ให้เจ้าหน้าที่หน่วยปฏิบัติการพิเศษมาไขคดีสุดแปลกใน มือใหม่ไขคดี (Agents of Mystery) หรือการได้ชมอภิมหาเศรษฐีเผยวิถีชีวิตสุดหรูหราใน รวย หรู ฟู่ฟ่าในเกาหลี (Super Rich in Korea) ส่วนในรายการ อินฟลูเอนเซอร์ (The Influencer) เหล่าอินฟลูเอนเซอร์ในเกาหลีใต้จะต้องมาประชันกันเพื่อดึงดูดความสนใจ ในขณะที่รายการ Unknown Chefs (WT) จะพาผู้เข้าแข่งขัน 100 คนมาประลองฝีมือการทำอาหารกันแบบดุเดือด

ดอน คัง กล่าวส่งท้ายว่า “ในปีนี้เราต้องการส่งเสริมความหลากหลายของเรื่องเล่าจากเกาหลี ด้วยการนำเสนอคอนเทนต์ที่มีความแตกต่าง ตอบโจทย์ผู้ชมทุกกลุ่ม พร้อมทั้งเติมเต็มประสบการณ์การรับชมให้กับผู้ชมทุกที่ทั่วโลก”

ดาวน์โหลดรูปภาพและอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ในไลน์อัปคอนเทนต์เกาหลีปี 2024

 

 

]]>
1461631
ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป มุ่งสร้างความแข็งแกร่งให้ธุรกิจหลัก เดินแผนถอนการลงทุนในเรด ล็อบสเตอร์ https://positioningmag.com/1459098 Wed, 17 Jan 2024 01:27:34 +0000 https://positioningmag.com/?p=1459098 การตัดสินใจถอนการลงทุนเป็นไปตามแผนกลยุทธ์ใหม่ของบริษัท ที่มุ่งสร้างความแข็งแกร่งและเติบโตในธุรกิจหลัก

โดยบันทึกเป็นรายการด้อยค่าที่ไม่ใช่เงินสดครั้งเดียว ที่จำนวนราว 18,500 ล้านบาท

ทั้งนี้ หลังจากรายการด้อยค่าดังกล่าวงบดุลทางการเงิน (Balance Sheet) ของบริษัทยังคงแข็งแกร่งด้วยอัตราส่วนหนี้ต่อทุนที่ 0.84 เท่า

บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) สร้างความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจหลัก แจ้งเดินหน้าแผนถอนการลงทุนในเรด ล็อบสเตอร์

ไทยยูเนี่ยน เป็นพันธมิตรทางธุรกิจกับ เรด ล็อบสเตอร์ ตั้งแต่ปี 2559 จากการลงทุนเชิงกลยุทธ์ในฐานะผู้ถือหุ้นส่วนน้อย และจากที่เคยแจ้งเมื่อปีที่ผ่านมาว่าได้ร่วมกันแต่งตั้งที่ปรึกษาทางธุรกิจชั้นนำเพื่อให้คำแนะนำในเชิงการปฏิบัติการและในด้านการเงิน เพื่อหาแนวทางที่ดีที่สุดให้เรด ล็อบสเตอร์

นายธีรพงศ์ จันศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ท่ามกลางการเปลี่ยน แปลงที่มีมาอย่างต่อเนื่อง ทั้งในภาคอุตสาหกรรม อัตราดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้น ต้นทุนวัตถุดิบ และค่าแรงที่ปรับตัวสูงขึ้น ส่งผลกระทบต่อการดำเนินงานของเรด ล็อบสเตอร์ ทำให้มีผลต่อบริษัทและผู้ถือหุ้นของบริษัทอย่างต่อเนื่อง และจากการพิจารณาอย่างรอบคอบแล้ว คณะกรรมการบริษัทฯ มีความเห็นว่าธุรกิจเรด ล็อบสเตอร์ ที่มีความต้องการใช้เงินสูง ไม่สอดคล้องกับแผนการจัดสรรเงินลงทุนของบริษัทฯ ในฐานะผู้ลงทุน เราจึงตัดสินใจถอนการลงทุนในเรดล็อบสเตอร์

ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2566 บริษัทฯ รับรู้ส่วนแบ่งขาดทุนของเรด ล็อบสเตอร์ จำนวน 665.8 ล้านบาท หรือ 19 ล้านเหรียญ ซึ่งในระหว่างที่บริษัทฯ ศึกษาช่องทางที่เป็นไปได้ในการถอนการลงทุนนี้ ในไตรมาสที่ 4 ของปี  2566 นี้ บริษัทฯ บันทึกเป็นรายการด้อยค่าที่ไม่ใช่เงินสดครั้งเดียว ที่จำนวนราว 18,500  ล้านบาท หรือประมาณ 530 ล้านเหรียญ

ทั้งนี้ หลังจากการบันทึกรายการด้อยค่าดังกล่าว ภาพรวมทางธุรกิจไทยยูเนี่ยนยังเติบโต มีสถานะทางการเงินที่แข็ง แกร่ง และระดับหนี้ต่ำโดยมีอัตราส่วนหนี้ต่อทุนที่ 0.84 เท่า และเพื่อแสดงสถานะทางการเงินที่แข็งแกร่งของบริษัทฯ คณะกรรมการบริษัทฯ ได้มีมติอนุมัติโครงการซื้อหุ้นคืนเพื่อบริหารทางการเงินในวงเงินไม่เกิน 3,600 ล้านบาท หรือไม่เกิน 200 ล้านหุ้น บริษัทฯ ยังคงมุ่งมั่นที่จะพัฒนาความสามารถในการทำกำไร และเพิ่มอัตรากำไรในทุกธุรกิจหลัก โดยบริษัทฯ อยู่ในระหว่างการจัดทำแผนกลยุทธ์สำหรับปี 2573 ซึ่งจะให้ความสำคัญกับกลุ่มธุรกิจหลักคือ อาหารทะเลแปรรูปบรรจุกระป๋อง อาหารทะเลแช่แข็ง แช่เย็น และอาหารสัตว์เลี้ยง ที่จะสร้างความแข็งแกร่ง และทำกำไร พร้อมสร้างมูลค่าที่เพิ่มขึ้นในระยะยาวสำหรับผู้ถือหุ้น

สามารถติดตามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ไทยยูเนี่ยน www.thaiunion.com

 

]]> 1459098 วัตสันเผย เทรนด์สุขภาพและความงามผู้บริโภค ที่ควรจับตามอง ปี 2024 https://positioningmag.com/1458261 Wed, 10 Jan 2024 10:45:47 +0000 https://positioningmag.com/?p=1458261 ในช่วงปีที่ผ่านมา การใช้เวลานอกบ้านไม่ว่าจะเป็นการออกไปท่องเที่ยว แฮงค์เอ้าท์กับเพื่อน หรือทำกิจกรรมอื่นๆกลางแจ้งกลับมาได้รับความนิยมมากขึ้น ทำให้การดูแลตัวเองเพื่อเพิ่มความมั่นใจพร้อมออกไปพบปะผู้คนมากมายก็ดูจะเป็นเรื่องที่จำเป็นไม่แพ้กัน

เทรนด์พฤติกรรมผู้บริโภคเป็นสิ่งที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา แต่ดูเหมือนตลาดด้านสุขภาพและความงาม จะปรับเปลี่ยนไปในทิศทางที่ดีขึ้นและเติบโตอย่างต่อเนื่อง สอดคล้องกับผลสำรวจ[1]ล่าสุดจากวัตสัน ผู้นำร้านเพื่อสุขภาพและความงามอันดับหนึ่งของประเทศไทยที่เผยถึงพฤติกรรมของผู้บริโภคที่น่าจับตามองในปี 2024 นี้

New Year New Me กับแนวโน้มชอปเพิ่มเพื่อดูแลตัวเองของผู้บริโภคในปี 2024

ผลสำรวจของวัตสัน พบว่าผู้บริโภคกว่า39% มีแผนชอปปิ้งสินค้าด้านสุขภาพและความงามเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับก่อนโควิด สะท้อนถึงการให้ความสำคัญในการดูแลตัวเองมากขึ้น ทั้งในด้านของสุขภาพภายใน และภาพลักษณ์ภายนอก รวมถึงสอดคล้องกับเทรนด์การเติบโตของสินค้ากลุ่มพรีเมียม อย่างน้ำหอมและเครื่องสำอาง ที่ผู้บริโภคมีความยินดีที่จะจ่ายมากขึ้นเพื่อให้ได้สินค้าโดนใจ

เพราะเมคอัพบ่งบอกตัวตนผู้บริโภคในปี 2024 ใส่ใจเรื่องสี สไตล์ และความเข้ากันได้มากขึ้น

ผู้บริโภคมากกว่า 90% เผยว่าสไตล์การแต่งหน้าถือเป็นส่วนสำคัญในการแสดงออกถึงตัวตน ทำให้ผู้บริโภคมีความใส่ใจในการเลือกสี สไตล์ และผลิตภัณฑ์ที่สอดคล้องกับบุคลิกของตนเอง หรือช่วยส่งเสริมบุคลิกภาพให้ดียิ่งขึ้น ซึ่งจะเห็นตัวอย่างได้จากเทรนด์การเช็คPersonal Colourซึ่งเป็นการทำแบบทดสอบเพื่อหาโทนสีเมคอัพและเสื้อผ้าที่เหมาะกับโทนสีผิวของตนเองในช่วงปี 2023 ที่ผ่านมา การทำ Personal Colourได้รับความนิยมอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นการเช็คด้วยตัวเองทางออนไลน์ หรือการเปิดสอนเป็นคลาสเรียน นอกจากนี้หลายๆ แบรนด์ยังเปิดตัวผลิตภัณฑ์ที่ออกแบบมาแล้วว่ามีโทนสีที่เข้ากัน ในช่วงปีที่ผ่านมาเราจึงได้เห็นผลิตภัณฑ์เมคอัพใหม่ๆ ในตลาดที่มีการแบ่งโทนสีที่หลากหลายมากขึ้น เช่น เมคอัพโทนเข้ม-อ่อน โทนร้อน-เย็น หรือการจับคู่สีลิปสติกและสีบลัชออนที่ส่งเสริมกันและกัน เพื่อตอบรับตัวตนและการแสดงออกที่หลากหลายของผู้บริโภคถือเป็นอีกหนึ่งเทรนด์สำหรับตลาดเมคอัพที่ควรใส่ใจเพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์ใหม่ที่ตรงใจผู้บริโภคมากขึ้น

ช่องทางซื้อที่น่าเชื่อถือยังมีผลต่อการตัดสินใจ

ช่องทางที่ได้รับความนิยมสูงสุดในการซื้อสินค้าเพื่อสุขภาพและความงามยังคงเป็นช่องทางหลักที่ผู้บริโภคให้ความไว้วางใจอย่างห้างสรรพสินค้าและหน้าร้าน ด้วยความตอบโจทย์ด้านความน่าเชื่อถือผู้บริโภคมั่นใจว่าได้รับสินค้าของแท้คุณภาพตรงปก สามารถหยิบจับ รวมถึงทดลองสินค้าได้ โดยผลสำรวจจากวัตสันเผยว่าห้างสรรพสินค้า (70.1%) ออนไลน์ชอปปิ้งแอปพลิเคชัน (56.1%) และร้านเพื่อสุขภาพและความงาม (51.9%) ยังคงทำคะแนนนำจากผู้บริโภคเหนือช่องทางที่เกิดขึ้นใหม่อย่าง Shoppertainment[2]และร้านค้าปลีกออนไลน์อยู่หลายเท่าตัว

โปรโมชั่นโดนใจ มีชัยไปเกินครึ่ง

ผู้บริโภคปี 2024ยังคงช่างเลือกและคำนึงถึงการชอปอย่างคุ้มค่า ก่อนเลือกสินค้าลงตะกร้าและจ่ายเงินโปรโมชั่นจะต้องคุ้มค่าจริงโดยผลสำรวจแสดงให้เห็นว่าเมื่อจะตัดสินใจซื้อสินค้า ผู้บริโภคจะคำนึงถึงความคุ้มค่าจากโปรโมชั่นเป็นอันดับหนึ่ง ตามด้วยปัจจัยด้านราคา และความน่าเชื่อถือของแบรนด์

คาดได้ว่าปี 2024 จะเป็นอีกปีที่สดใสสำหรับวงการสินค้าสุขภาพและความงาม ส่วนหนึ่งมาจากผู้บริโภคพร้อมที่จะซื้อสินค้าที่จะช่วยเติมเต็มความรู้สึกดีภายใน นอกเหนือจากการส่งเสริมภาพลักษณ์ภายนอก ทำให้เส้นแบ่งระหว่างความงามกับสุขภาพค่อยๆ ลดความชัดเจน จนกลายเป็นส่วนหนึ่งของกันและกันมากขึ้น ซึ่งถือเป็นโอกาสสำหรับแบรนด์ต่างๆ ที่จะเข้ามาเติมเต็มความต้องการนี้ และหากรวมกับโปรโมชั่นโดนใจแล้วล่ะก็ รับรองว่าได้ใจผู้บริโภคไปเต็มๆ อย่างแน่นอน

ที่มา:
https://www.mckinsey.com/Industries/Retail/Our-Insights/The-beauty-market-in-2023-A-special-State-of-Fashion-report

https://www.premiumbeautynews.com/en/beauty-is-on-an-upward-trajectory,22100

[1]ผลสำรวจจาก Watsons Customer Trend Online Survey 2023-2024 จากผู้ตอบแบบสอบถามจำนวน 3,000 คนระหว่างเดือนตุลาคม – พฤศจิกายน 2023

[2]การชอปปิ้งรูปแบบใหม่ที่เน้นสร้างประสบการณ์การชอปปิ้งด้วยความบันเทิง เน้นการเชื่อมโยงทางอารมณ์กับผู้บริโภคด้วยการนำเสนอที่สนุกสนาน

]]>
1458261
‘พฤกษา’ ยกขบวนพาร์ทเนอร์ จัดกิจกรรม “Live well Stay well Market Fest” สร้างสรรค์ชุมชนเพื่อการอยู่อาศัยที่ “อยู่ดี มีสุข” พร้อมมอบของขวัญส่งท้ายปี เพียงชวนเพื่อนเป็นสมาชิกครอบครัวพฤกษา รับค่าแนะนำสูงสุด 1 แสนบาท https://positioningmag.com/1456251 Wed, 20 Dec 2023 09:29:48 +0000 https://positioningmag.com/?p=1456251

‘พฤกษา’ จัดกิจกรรมพิเศษ “Live well Stay well Market Fest” ส่งเสริมประสบการณ์การอยู่อาศัยในสไตล์ อยู่|ดี|มี|สุข ให้กับครอบครัวพฤกษา ในช่วงส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ จับมือพันธมิตรธุรกิจ ยกขบวนผลิตภัณฑ์และบริการดี ๆ พร้อมกิจกรรมมากมาย ครอบคลุมการดูสุขภาพ ต่อยอดไปถึงการดูแลสิ่งแวดล้อมให้ลูกบ้านและชุมชนใกล้เคียงได้สัมผัสถึงที่โครงการพฤกษา อเวนิว พัฒนาการ 38 พร้อมมอบข้อเสนอพิเศษสุด! เพียงชวนเพื่อนมาเป็นสมาชิกครอบครัวพฤกษา นอกจากจะได้มาร่วมกิจกรรมดี ๆ แบบนี้แล้ว ยังมีโอกาสรับค่าแนะนำสูงสุดถึง 100,000 บาท

จิตชญา ตู้จินดา รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานการตลาดองค์กรกลุ่ม บริษัท พฤกษา โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ PSH กล่าวว่า “Live well Stay well Market Fest by PRUKSA Holding เป็นกิจกรรมที่พฤกษาจัดขึ้นเพื่อส่งมอบความเป็นอยู่ที่ดี สุขภาพที่ดี รวมถึงการสร้างสรรค์สังคมชุมชนที่ดี โดยร่วมกับพันธมิตรทางธุรกิจ ออกแบบทุกกิจกรรมในงานให้สมาชิกครอบครัวพฤกษาได้รับความสุขกาย สบายใจ โดยนำผลิตภัณฑ์และบริการดี ๆ ในเครือโรงพยาบาลวิมุตและแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซของพฤกษาให้เข้าถึงลูกบ้านมากขึ้นตามเจตนารมณ์ที่มุ่งมั่นเพื่อการอยู่อาศัยที่ “อยู่ดี มีสุข” ซึ่งจัดขึ้นที่พฤกษา อเวนิว พัฒนาการ 38 และได้การตอบรับเป็นอย่างดี มีลูกบ้านพฤกษาจากหลายโครงการมาร่วมกิจกรรมเป็นจำนวนมาก เรารู้สึกดีใจเป็นอย่างยิ่งที่งานนี้ได้สร้างช่วงเวลาแห่งความสุข ทำให้ลูกบ้านมีช่วงเวลาดี ๆ และมีส่วนร่วมในการปลูกผังจิตสำนึกในการรักษ์โลกไปพร้อมกัน”

ภายในงานคัดสรรสินค้าและบริการ รวมถึงกิจกรรมดี ๆ ที่จะมาช่วยรังสรรค์ความ “อยู่ดี มีสุข” อย่างครบวงจร ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของทุกคนในครอบครัว เริ่มด้วยบูธจาก Z-décor บริการออกแบบตกแต่งภายในแบบ One Stop Service ครบจบในที่เดียว จำหน่ายเฟอร์นิเจอร์บ้าน สำนักงาน และร้านอาหาร รวมถึงสมาร์ทเฟอร์นิเจอร์ที่ปรับเปลี่ยนฟังก์ชั่นได้หลายการใช้งาน ตามมาด้วยบูธที่เอาใจสายรักการช้อปปิ้งจาก clickzy.com (คลิกซิ) ซึ่งเป็น E-Marketplace สำหรับคนรักบ้านและสุขภาพ ที่ให้บริการค้าปลีกผ่านการช้อปออนไลน์ ง่ายแค่คลิกเดียว โดยยกขบวนร้านค้าพาร์ทเนอร์ชั้นนำมากมายในราคาพิเศษ ทั้งสินค้าสินค้าที่เกี่ยวกับที่อยู่อาศัย การบำรุงรักษาบ้าน การออกแบบตกแต่งภายใน การดูแลสุขภาพ เป็นต้น ต่อด้วยบูธจาก My Haus ซึ่งเป็น Smart home ตัวช่วยที่ส่งเสริมเรื่องที่อยู่อาศัย ให้ผู้คนมีชีวิตที่ง่ายและสะดวกขึ้น ครอบคลุมทั้งหมด เช่น IoT, อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์, นักพัฒนา, การจัดการทรัพย์สิน, การดูแลสุขภาพ, สอบถามข้อมูล ฯลฯ นอกจากนี้ในงานยังมีกิจกรรม Workshop ประดิษฐ์ของตกแต่งบ้าน ทั้งโคมไฟขวดโหล และแต่งแต้มระบายสีบนเทียน ต้อนรับเทศกาลคริสมาสต์อีกด้วย

และเพราะสุขภาพที่ดีเป็นจุดเริ่มต้นของชีวิตที่ดี จึงแนะนำการเข้าถึงบริการทางสุขภาพผ่าน โรงพยาบาลวิมุต และโรงพยาบาลเทพธารินทร์ ที่ใส่ใจให้บริการด้านการตรวจสุขภาพอย่างครอบคลุม จนไปถึงการดูแลสุขภาพของน้อง ๆ สัตว์เลี้ยงแสนรัก ที่เป็นอีกหนึ่งสมาชิกในครอบครัว มอบบริการตรวจสุขภาพสัตว์เลี้ยงเบื้องต้น และวัคซีนสัตว์เลี้ยงราคาพิเศษ จากโรงพยาบาลสัตว์ทองหล่อ มาให้บริการดูแลน้อง ๆ ถึงโครงการ และภายในงานยังได้จัดมุมสำหรับ Pet Lover ให้นำน้อง ๆ มาเล่นสนุกผ่อนคลายกันเต็มที่ พร้อมด้วยกิจกรรมรักษ์โลกให้ลูกบ้านได้สร้างความสุขจากการได้ดูแลและใส่ใจโลกเพื่อส่งเสริมให้ลูกบ้านมีส่วนร่วมในการลดโลกร้อนและสร้างสิ่งแวดล้อมที่ดี

พิเศษสุดกับ โปรแกรม “เพื่อน ชวน เพื่อน” เพียงชวนเพื่อนมาเป็นลูกบ้านพฤกษา นอกจากจะได้มาร่วมกิจกรรมดี ๆ แบบนี้แล้ว ยังช่วยสร้างรายได้ง่าย ๆ เพียงแนะนำเพื่อน มาซื้อที่อยู่อาศัย ประเภทใดก็ได้ทั้งทาวน์เฮาส์ บ้านเดี่ยว คอนโดมิเนียม ในโครงการและยูนิตที่ร่วมรายการ โดยกรอกข้อมูลของผู้ถูกแนะนำก่อนแวะเยี่ยมชมโครงการ แลัวรอผู้ถูกแนะนำทำการรับโอนกรรมสิทธิ์ ผู้แนะนำจะได้รับค่าแนะนำมูลค่าสูงสุดถึง 1 แสนบาท (ค่าแนะนำแตกต่างกันตามโครงการ และยูนิตเข้าร่วม กรุณาสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ Sale Gallery หรือ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.pruksa.com หรือ โทร. 1739)

“ด้วยปณิธานของพฤกษา…เราไม่ได้หยุดอยู่ที่การพัฒนาที่อยู่อาศัย แต่เป็นการพัฒนา “การอยู่อาศัย” เพราะพฤกษาใส่ใจ มุ่งส่งมอบสิ่งที่ช่วยรังสรรค์ความเป็นอยู่ที่ดี เติมเต็มประสบการณ์การใช้ชีวิตที่เปี่ยมด้วยความสุข พร้อมสร้างชุมชนที่ยั่งยืน เพื่อรองรับทุกชีวิตให้ “อยู่ดี มีสุข” อย่างแท้จริง” จิตชญา กล่าวเสริม

 

]]>
1456251
ครบรอบ 40 ปี “ตลาดสี่มุมเมือง” ขับเคลื่อนเศรษฐกิจ เคียงข้างเกษตรกรไทย ตอกย้ำ “ศูนย์กลางค้าส่งผักผลไม้ของสดชั้นนำของเอเชีย” มาตรฐานระดับโลก https://positioningmag.com/1447973 Thu, 12 Oct 2023 11:54:29 +0000 https://positioningmag.com/?p=1447973
  • ต้นแบบตลาดกลางค้าส่งระดับโลก ที่บริหารจัดการครบวงจร การจัดประเภทสินค้า การให้บริการอย่างมีระบบโดยเทคโนโลยีที่ทันสมัย การจัดระบบแรงงาน และการเก็บข้อมูลราคาสินค้าที่องค์กรและเกษตรกรนำไปใช้อ้างอิงเป็นราคากลางของประเทศ
  • สี่มุมเมือง คือ เมืองแห่งโอกาสและการสร้างสร้างอาชีพที่มั่นคงยั่งยืน เป็น Sustainable Ecosystem ที่เชื่อมโยงกันเป็นฟันเฟือง ทั้งผู้ซื้อ ผู้ขาย แรงงาน และชุมชน รวมกว่า 70,000 คน
  • ตลาดค้าส่งเพื่อความยั่งยืน สร้าง Circular Economy  ที่ดำเนินธุรกิจให้มีความสมดุลทั้งในด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม สู่ความยั่งยืนอย่างเป็นรูปธรรม
  • มุ่งมั่นพัฒนาต่อยอดธุรกิจภายใต้วิสัยทัศน์ Customer Centricity การยึดลูกค้าเป็นศูนย์กลาง
  • ตลาดสี่มุมเมือง ฉลองความสำเร็จพร้อมก้าวเข้าสู่ปีที่ 40 อย่างยิ่งใหญ่  ตลาดค้าส่งผักผลไม้ของสดชั้นนำของเอเชีย ที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจเคียงข้างคนไทยมาตลอด 4  ทศวรรษ เป็นศูนย์กลางที่เกษตรกรนำสินค้ามาจำหน่ายบนพื้นที่กว่า 350 ไร่ เพื่อกระจายวัตถุดิบอาหารไปทั่วประเทศด้วยสินค้ากว่า 8,000 ตันต่อวัน ยืนหยัดเคียงคู่เกษตรกร พ่อค้าแม่ค้า แรงงาน ชุมชน ตลาดสด ร้านอาหาร โรงแรม องค์กร และผู้บริโภค

    ต้นแบบตลาดกลางค้าส่งระดับโลก ที่มีการบริหารจัดการที่ทันสมัยครบทุกมิติ

    สี่มุมเมืองเป็นตลาดต้นแบบของตลาดค้าส่งผักผลไม้ของสดทั้งในประเทศและต่างประเทศ ตลอด 40 ปี ตลาดสี่มุมเมืองไม่เคยหยุดพัฒนา มีการนำเทคโนโลยีผสมผสานกับระบบการจัดการที่เข้าใจง่ายและมีประสิทธิภาพสูงสุด อาทิ

    • ตลาดแรกที่มีการวางระบบแบบแยกประเภทสินค้าเป็นหมวดหมู่โซนตลาดอย่างชัดเจน (โซนผัก ของสด เครื่องปรุง 12 อาคารตลาด, โซนผลไม้ 7 อาคารตลาด, ตลาดดอกไม้และสังฆภัณฑ์, ลานคอนเทนเนอร์ และโซนอาคารห้องเย็น) ทั้งหมดตั้งอยู่บนพื้นที่ 350 ไร่
    • ตลาดแรกที่กำหนดมาตรฐานสินค้าเป็นคำเรียกเฉพาะ (อาทิ LA (ใหญ่ สวย) MA (กลาง สวย) SA (เล็ก สวย)) เพื่อสร้างความเข้าใจตรงกันระหว่างผู้ซื้อและผู้ขาย
    • ศูนย์กลางของข้อมูลราคาสินค้า ผัก ผลไม้ วัตถุดิบอาหาร ดอกไม้ ที่องค์กรรัฐและเอกชน เกษตรกร ผู้ประกอบการและสื่อมวลชนใช้อ้างอิงเป็นราคากลางของประเทศไทย
    • มีฝ่ายตรวจสอบสารพิษภายใต้มาตรฐานกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ สุ่มตรวจสินค้าที่จำหน่ายในตลาดทุกวัน และยังเปิดให้ผู้ที่สนใจที่ต้องการใบรับรองเพื่อส่งออกเข้ามาใช้บริการได้
    • เพิ่มความสะดวกสบายให้กับผู้ซื้อมากขึ้นด้วย Simummuang Online มาร์เก็ตเพลสที่ผู้ซื้อสามารถสั่งสินค้าผ่านทางออนไลน์ ทำให้เข้าถึงสินค้าได้โดยตรงกับแผงค้าในตลาดฯ และได้ราคาส่งโดยไม่จำเป็นต้องเข้ามาซื้อสินค้าด้วยตัวเอง รวมถึงอำนวยความสะดวกให้กับเกษตรกรและผู้ค้าส่งในตลาดฯ สามารถเข้าถึงผู้ซื้อได้ง่ายขึ้น

    มากกว่าตลาดค้าส่ง “สี่มุมเมือง” คือ เมืองแห่งโอกาส

    ตลาดสี่มุมเมืองเป็นมากกว่าตลาด แต่เป็นเมืองแห่งโอกาสและแหล่งสร้างอาชีพเป็น Sustainable Ecosystem ที่เชื่อมโยงกันเป็นฟันเฟือง ทั้งผู้ซื้อ ผู้ขาย แรงงาน ชุมชน โรงเรียน และเครือข่ายรถเร่สี่มุมเมืองที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ รวมกว่า 70,000 คน 24 ชั่วโมง ตลอด 40 ปี ที่ไม่เคยหยุด ทำให้หลายครอบครัวมีรายได้ มีชีวิตที่ดีขึ้น ส่งลูกเรียนจบ ปลดหนี้สิน ตลาดสี่มุมเมืองกลายเป็นพื้นที่แห่งความผูกพันจากรุ่นสู่รุ่น การซื้อขายอย่างซื่อสัตย์ บริการอย่างคนรู้ใจ เพื่อมอบสิ่งที่ดีที่สุด คุณค่าที่ส่งต่อจนถึงผู้บริโภค ทั้งหมด คือ รากฐานสำคัญที่ทำให้ตลาดสี่มุมเมืองแข็งแกร่งและมั่นคง

    “ครอบครัวสี่มุมเมือง” หลังคาทุกอาคารตลาดของสี่มุมเมืองมาจากโลโก้ของตลาด ซึ่งสื่อถึงหลังคาบ้านที่พร้อมจะปกป้องและเป็นที่พึ่งให้กับทุกคนในตลาดแห่งนี้ นอกจากนี้ยังมาจากอักษรจีน 人 อ่านว่า เหริน แปลว่า “ผู้คน” ที่นี่เปรียบเสมือนบ้านหลังใหญ่ของทุกคน

    นอกจากนี้ ตลาดสี่มุมเมือง ยังมีบทบาทในการดูแลหมู่บ้านภายในโครงการกว่า 10,000 หลังคาเรือน รวมถึงก่อตั้งโรงเรียนพัฒนาวิทยา เพื่อดูแลด้านการศึกษาให้กับบุตรหลานของคนในชุมชน พ่อค้าแม่ค้า และพนักงานอีกด้วย

    ตลาดสี่มุมเมือง ตลาดค้าส่งเพื่อความยั่งยืน ภายใต้แนวคิด Circular Economy

    ตลาดสี่มุมเมืองดำเนินธุรกิจโดยยึดหลักความสมดุลทั้งในด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม สู่ความยั่งยืนอย่างเป็นรูปธรรม ซึ่งตลาดฯ ให้ความสำคัญเรื่องขยะ ลดการใช้พลังงานไฟฟ้า และคืนน้ำดีให้กับชุมชน ทั้ง 3 สิ่งล้วนมีผลงานเชิงประจักษ์

    • ด้านบริหารจัดการขยะ ตลาดสี่มุมเมืองได้รับรางวัลชนะเลิศ ผลงานประเภทการใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ (Resource Efficiency) จาก TGDA 2021 เป็นต้นแบบของตลาดที่มีระบบการจัดการขยะ เป็นรูปธรรมและมีความยั่งยืน สามารถ Recycle และ Upcycle 40% จากขยะทั้งหมด 230 ตัน ต่อ วัน ทำให้ลดการฝั่งกลบและสร้างรายได้เพิ่มอีกด้วย
    • การจัดการขยะอินทรีย์ นำเศษผักกว่า 190 ตันต่อวัน สามารถเปลี่ยนเป็นอาหารปลาได้ถึงวันละ 50 ตันต่อวัน และสามารถนำไปแปรรูปเป็นอาหารโคได้ 20 ตันต่อวัน
    • การจัดการขยะอนินทรีย์ นำขวดแก้ว กล่องโฟม กระดาษ พลาสติก แก้ว โลหะจากทั้งในตลาดและหมู่บ้านไปจำหน่ายต่อให้กับโรงงานและบริษัทที่รับซื้อเพื่อไปรีไซเคิลต่อไป และมีรถบริการรับซื้อขยะถึงที่
    • ลดการใช้ไฟฟ้าด้วยการติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์ บนหลังคาของโซนห้องเย็น และหลังคาอาคารตลาดต่าง ๆ กว่า 4,000 ตารางเมตร (1,271 แผ่น) สามารถลดการใช้ไฟฟ้าได้มากถึง 12% ต่อเดือน
    • คืนน้ำดีให้กับชุมชน ตลาดฯ ลงทุน 40 ล้านบาท นำเทคโนโลยี Activated Sludge มาใช้บำบัดน้ำเสียทั้งจากตลาดและหมู่บ้าน ได้มากถึง 6,500ลูกบาศก์เมตรต่อวัน และผ่านการรับรองจากสำนักสิ่งแวดล้อม จังหวัดปทุมธานี น้ำที่ได้จากการบำบัดถูกนำไปใช้ประโยชน์รอบตลาด เช่น ล้างพื้นตลาด รดน้ำต้นไม้ รวมทั้งปล่อยน้ำดีคืนให้กับแหล่งน้ำของชุมชนต่อไป

    ทุกโครงการได้รับความร่วมมือจากผู้ค้า แรงงาน พนักงานทุกคน และชุมชนรอบตลาดฯ ที่ร่วมผนึกกำลังขับเคลื่อนการดำเนินงานประสบความสำเร็จและอยู่ร่วมกันได้อย่างยั่งยืน

    เตรียมเปิดตลาดดอกไม้ปลายปี 2566 และโครงการระยะ 3 ในปี 2568

    ตลาดสี่มุมเมืองยังพัฒนาต่อยอดธุรกิจภายใต้วิสัยทัศน์ Customer Centricity คือ การยึดลูกค้าเป็นศูนย์กลางด้วยการเพิ่มโซนสินค้าเพื่อตอบโจทย์ผู้บริโภค

    • พฤษภาคม 2566 เปิดบริการตลาดปลา-อาหารทะเล บนพื้นที่ 6,700 ตร.ม. ประกอบไปด้วย 2 โซน คือ โซนสินค้าปลาน้ำจืด ขายส่งกลุ่มปลาเศรษฐกิจ และโซนสินค้าอาหารทะเล ขายส่งอาหารทะเล
    • พฤศจิกายน 2566 เปิดบริการตลาดดอกไม้ยุคใหม่ ขยายจากตลาดดอกไม้เดิมขึ้น 150% บนพื้นที่ 5,200 ตร.ม. ประกอบไปด้วย 4 โซน คือ โซนดอกไม้ไหว้พระ โซนดอกไม้ประดับ โซนสังฆภัณฑ์และอุปกรณ์ตกแต่ง และโซนจัดแต่งดอกไม้
    • ปี 2568 เตรียมเผยโปรเจกต์ใหญ่ โครงการระยะที่ 3 ซึ่งเป็นธุรกิจใหม่ที่ตลาดยังไม่เคยทำมาก่อน เพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคที่ปรับเปลี่ยนตลอดเวลา
    ]]>
    1447973
    เกรท วอลล์ มอเตอร์ ประกาศราคาอย่างเป็นทางการรถยนต์เอสยูวีออฟโรดระดับพรีเมียม All New GWM TANK 500 HEV เริ่มต้นที่ 2,049,000 บาท และ All New GWM TANK 300 HEV ที่ 1,649,000 บาท https://positioningmag.com/1446093 Thu, 28 Sep 2023 13:12:58 +0000 https://positioningmag.com/?p=1446093 เกรท วอลล์ มอเตอร์ สั่นสะเทือนวงการยานยนต์ไทยอีกครั้ง กับการเปิดตัวและประกาศราคาอย่างเป็นทางการสุดยิ่งใหญ่ของรถยนต์รุ่นใหม่ภายใต้ GWM TANK เพื่อเสริมความแข็งแกร่งให้กับตลาดรถยนต์เอสยูวีออฟโรดประเทศไทย โดย “All New GWM TANK 500 HEV” รถยนต์เอสยูวีพรีเมียมออฟโรด เปิดตัวรุ่น PRO ในราคา 2,049,000 บาท และรุ่น ULTRA ในราคา 2,269,000 บาท สำหรับ “All New GWM TANK 300 HEV” รถยนต์เอสยูวีออฟโรดสำหรับไลฟ์สไตล์อันโดดเด่น รุ่น PRO ที่ราคา 1,649,000 บาท และรุ่น ULTRA ราคา 1,799,000 บาท ซึ่งแฟน ๆ ที่สนใจสามารถจับจองเป็นเจ้าของได้ที่ GWM application และเว็บไซต์ www.gwm.co.th ได้ตั้งแต่วันที่ 28 กันยายน 2566 เวลา 18.00 น. เป็นต้นไป

    GWM TANK เป็นรถยนต์ภายใต้ เกรท วอลล์ มอเตอร์ ที่มุ่งเน้นการพัฒนารถยนต์เอสยูวีในสไตล์ออฟโรดที่มีความแข็งแกร่ง บึกบึน ผสมผสานกับความพรีเมียม หรูหรา และความอเนกประสงค์ในการใช้งาน ที่พร้อมมอบประสบการณ์การขับขี่ที่เหนือระดับในทุกเส้นทาง โดยรถยนต์ GWM TANK ได้รับการพูดถึงในวงกว้างอย่างรวดเร็วตั้งแต่เปิดตัวครั้งแรกในประเทศจีนภายในงาน Guangzhou Auto Show ประจำปี 2564 ซึ่ง GWM TANK 500 สามารถทำยอดจองได้ถึง 26,000 คัน เพียง 2 ชั่วโมงหลังเปิดตัว นอกจากนี้ GWM TANK 300 ยังได้รับความนิยมอย่างสูงในตลาดจีน จนเกิดปรากฏการณ์หาซื้อยาก หรือ “TANK Phenomenon” ยิ่งไปกว่านั้น การเปิดตัวของ All New GWM TANK 500 HEV ในประเทศไทยเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ภายในงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ 2566 มียอดจองสิทธิ์ซื้อทะลุมากกว่า 1,000 คัน ภายในระยะเวลาเพียง 1 สัปดาห์ ตั้งแต่เปิดรับจองสิทธิ์ และตอกย้ำความร้อนแรงด้วยการคว้ารางวัล “The Most Exciting SUV Award” หรือ รางวัลรถยนต์เอสยูวีที่สร้างความตื่นเต้นได้มากที่สุด ภายในงานอีกด้วย

    นายวุฒิกร สุริยะฉันทนานนท์ รองประธานฝ่ายการตลาด เกรท วอลล์ มอเตอร์ อาเซียน กล่าวว่า “เกรท วอลล์ มอเตอร์ ได้มุ่งมั่นสร้างสรรค์ยนตรกรรมเอสยูวีออฟโรดพรีเมียมระดับโลกภายใต้ GWM TANK ที่สะท้อนถึงนวัตกรรมหลากหลายมิติของ เกรท วอลล์ มอเตอร์ ที่ขับเคลื่อนด้วยมุมมองระดับโลก ข้อมูลเชิงลึกทางตลาด เอสยูวีออฟโรดระดับไฮเอนด์ และเสียงตอบรับของผู้ใช้ เราได้คิดค้นเทคโนโลยีออฟโรดที่น่าตื่นเต้นในรูปแบบของรถยนต์พลังงานใหม่ บนแพลตฟอร์ม TANK โดยเป้าหมายของเราคือการสร้างไลฟ์สไตล์การขับขี่ออฟโรดที่เปี่ยมด้วยสมรรถนะ ความทรงพลัง และความสะดวกสบาย  GWM TANK ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมากในประเทศจีนและทั่วโลก เรามียอดขายสะสมมากกว่า 300,000 คัน หรือคิดเป็นส่วนแบ่งทางการตลาดมากกว่า 60% ของตลาดรถยนต์ออฟโรดในประเทศจีน ในวันนี้ เรามีความภูมิใจเป็นอย่างยิ่งที่จะเปิดตัวรถยนต์ใหม่ทั้ง 2 รุ่น ในตลาดประเทศไทย ผมเชื่อว่า รถยนต์ทั้ง 2 รุ่นนี้ จะมาสร้างปรากฏการณ์และความตื่นเต้นให้กับเซ็กเมนต์รถยนต์เอสยูวีออฟโรดพลังงานใหม่ในประเทศไทยและตอบโจทย์ผู้บริโภคเจนเนอเรชันใหม่ที่มองหาดุลยภาพระหว่างการผจญภัยแบบออฟโรดและการเดินทางในเมืองได้อย่างแน่นอน”

    โดยรถยนต์ภายใต้แบรนด์ TANK ทั้งสองรุ่นใหม่ที่ได้เปิดตัวและประกาศราคาอย่างเป็นทางการนี้  ถูกออกแบบมาภายใต้แนวคิด “NOTHING BUT TANK” สะท้อน DNA ที่ผสมผสานกันอย่างลงตัวของ 4 บุคลิก ได้แก่ T – คือ  Tough ทรหด อดทน ผจญทุกอุปสรรค, A – Ambitious มุ่งมั่น ไม่หยุดนิ่ง ก้าวไปข้างหน้าอยู่เสมอ, N – Normal เรียบง่าย เข้าถึงได้ เป็นตัวของตัวเอง แต่แฝงไว้ด้วย K – Kind ความดีงามของจิตใจ ความอ่อนโยน คิดถึงคนรอบข้าง  ที่พร้อมส่งมอบประสบการณ์การขับขี่ที่เหนือชั้นให้กับตลาดรถยนต์เอสยูวีและผู้ขับขี่ชาวไทย ให้ทุกการผจญภัยแตกต่าง แปลกใหม่ และสามารถถึงจุดมุ่งหมายได้อย่างสะดวกสบายและปลอดภัยไร้กังวล

    All New GWM TANK 500 HEV เป็นรถยนต์เอสยูวีออฟโรดขนาดใหญ่ระดับพรีเมียม มิติรถกว้างขวางที่สุดในรถยนต์ระดับเดียวกัน ด้วยมิติตัวรถ 1,934 x 5,078 x 1,905 มม. (กว้าง x ยาว x สูง) และระยะฐานล้อ 2,850 มม. ดีไซน์เรียบง่ายและหรูหราเป็นเอกลักษณ์ โดดเด่นด้วยกระจังหน้าขนาดใหญ่ที่ผสานช่องระบายอากาศแนวนอนและโลโก้ TANK รับเส้นสายที่นูนขึ้นของฝากระโปรง ไฟหน้า Intelligent LED ไฟท้าย Vertical LED อย่างเต็มระบบที่ตอบโจทย์ทั้งแฟชันและฟังก์ชันได้อย่างลงตัว และหลังคาซันรูฟระบบไฟฟ้าแบบพาโนรามิคขนาดใหญ่ รวมถึงล้ออัลลอยขนาด 20 นิ้ว และยางขนาด 265/50 R20 ที่ช่วยเสริมภาพลักษณ์การขับขี่ให้หรูหรามากขึ้นไปอีกระดับ ควบคู่กับการตกแต่งห้องโดยสารด้วยวัสดุสีดำ สีดำเงา สีโครเมียม และสีเงิน นาฬิกาแบบคลาสสิก และเบาะหนัง  NAPPA

    All New GWM TANK 500 HEV มาพร้อมสมรรถนะที่ทรงพลังและเทคโนโลยีออฟโรดล้ำสมัย ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์เบนซิน 2.0 ลิตร พร้อมระบบเทอร์โบแปรผัน (VGT) ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้าและแบตเตอรี่ความจุ 1.76 กิโลวัตต์ ให้กำลังเครื่องยนต์สูงสุด 244 แรงม้า พร้อมแรงบิดเครื่องยนต์สูงสุด 380 นิวตัน–เมตร และกำลังมอเตอร์ไฟฟ้าสูงสุด 106 แรงม้า พร้อมแรงบิดมอเตอร์ไฟฟ้าสูงสุด 268 นิวตัน-เมตร ระบบเกียร์อัตโนมัติแบบ 9 สปีด (9HAT) และโหมดการขับขี่ที่มีมากถึง 11 รูปแบบ สอดรับกับแนวคิด “Nothing is Unreachable ไม่มีความสำเร็จไหนที่ไปไม่ถึง” ได้อย่างสมบูรณ์แบบ โดย All New GWM TANK 500 HEV มีทั้งหมด 2 รุ่นย่อย ได้แก่ รุ่น PRO และรุ่น ULTRA ที่มาพร้อมกับเฉดสีรถภายนอกทั้งหมด 4 เฉดสี ได้แก่ สีขาว สีดำ สีเทา และสีใหม่เทาคริสตัล (เฉพาะรุ่น ULTRA) และเฉดสีรถภายในทั้งหมด 2 สี ได้แก่ สีดำ และทูโทนสีน้ำเงิน-เบจ (เฉพาะรุ่น  ULTRA และตัวรถสีเทาคริสตัล)

    All New GWM TANK 300 HEV – Define Your Own World เป็นรถยนต์พรีเมียมเอสยูวีออฟโรดขนาดกลาง มิติตัวรถ 1,930 x 4,760 x 1,903 มม. (กว้าง x ยาว x สูง) และระยะฐานล้อ 2,750 มม. ให้ความแปลกตาด้วยดีไซน์แบบออฟโรดที่ผนวกกับดีไซน์ BOXY ได้อย่างไร้รอยต่อ ด้วยกระจังหน้าแบบ Rectangle ตัดขอบสีดำเงาที่รวมการจัดเรียงของไฟหน้าทรงกลมตัด DRL ทรงเหลี่ยมผสานเข้ากับตัวรถ เสริมความเท่ทะมัดทะแมงด้วยกันชนดีไซน์ออฟโรดร่วมสมัย บังโคลนขนาดใหญ่ และบันไดข้าง พร้อมเพิ่มความแข็งแกร่งและมั่นใจให้กับภาพลักษณ์ด้วยล้ออัลลอยขนาด 17 นิ้ว สีดำ และยาง A/T ขนาด 265/65 R17 เน้นย้ำความหรูหราของดีไซน์ออฟโรดที่ทันสมัยและสะดวกสบาย ด้วยนาฬิกาแบบคลาสสิก เบาะหนัง NAPPA ระบบกรองอากาศ PM2.5 และ Ionizer รวมถึงระบบชาร์จโทรศัพท์แบบไร้สาย ช่องจ่ายไฟสำรอง 220V แบบพร้อมเต้ารับสายไฟ และช่อง USB สำหรับผู้โดยสารข้างหน้า-หลัง และสำหรับกล้องบันทึกภาพ

    All New GWM TANK 300 HEV ถูกสร้างบนแพลตฟอร์ม TANK ที่อัดแน่นไปด้วยประสิทธิภาพ สมรรถนะ และเทคโนโลยีที่เหนือชั้นเช่นเดียวกัน โดยรถยนต์รุ่นนี้ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์เบนซิน 2.0 ลิตร พร้อมระบบเทอร์โบแปรผัน (VGT) ให้กำลังสูงสุด 244 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 380 นิวตัน-เมตร เป็น Flat Torque ในช่วง 1,700 – 4,000 รอบต่อนาที ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้าให้กำลังมอเตอร์ไฟฟ้าสูงสุด 106 แรงม้า และแรงบิดมอเตอร์ไฟฟ้าสูงสุด 268 นิวตัน-เมตร ทั้งยังมาพร้อมระบบเกียร์แบบ 9 สปีด (9HAT) ที่สร้างขึ้นเพื่อรองรับความหลากหลายของระบบการขับเคลื่อนรถยนต์ไฮบริด และโหมดการขับขี่ที่มีถึง 7 รูปแบบ ได้แก่ โหมดปกติ โหมดสปอร์ต โหมดประหยัด โหมดพื้นหิมะ โหมดพื้นโคลน โหมดพื้นทราย และโหมด 4L ซึ่ง All New GWM TANK 300 HEV มี 2 รุ่นย่อย ได้แก่ รุ่น PRO และรุ่น ULTRA โดยมีเฉดสีรถภายนอกทั้งหมด 4 เฉดสี ได้แก่ สีส้ม สีดำ สีเทา และสีขาว และมีเฉดสีรถภายในทั้งหมดสีเดียว ได้แก่ สีดำ (ลักษณะของเบาะจะแตกต่างกันในรุ่น PRO และรุ่น ULTRA)

    All New GWM TANK 500 HEV และ All New GWM TANK 300 HEV มาพร้อมการรับประกันคุณภาพ 5 ปี หรือ 150,000 กิโลเมตร (แล้วแต่อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน) และการรับประกันแบตเตอรี่ไฮบริด 8 ปี ไม่จำกัดระยะทาง นอกจากนี้ รถยนต์ทั้งสองรุ่น ยังมาพร้อมข้อเสนอสุดพิเศษมากมาย ไม่ว่าจะเป็น ฟรี ประกันภัยชั้นหนึ่ง 1 ปี ฟรี ค่าอะไหล่และค่าแรงบํารุงรักษาตามระยะทาง GWM Pro Service Inclusive – GPSI  สูงสุด 10  ครั้ง ภายใน 5 ปีหรือ 100,000 กิโลเมตร แล้วแต่อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน (ไม่รวมอะไหล่สิ้นเปลือง) ฟรี บริการช่วยเหลือฉุกเฉิน (Roadside Assistance ) ตลอด 24 ชั่วโมง ระยะเวลา 5 ปี ฟรี บริการระบบตรวจสอบและสั่งการรถผ่านอินเทอร์เน็ต* (Telematic Service) พร้อมแพ็กเกจอินเทอร์เน็ตภายในรถ (Internet in Vehicle) ระยะเวลา 3 ปี รวมถึงสิทธิพิเศษกับการเป็นส่วนหนึ่งของ GWM TANK CLUB และกิจกรรมสุดพิเศษมากมาย

    สำหรับลูกค้าที่สั่งซื้อ Value Pack ของ All New GWM TANK 500 HEV ไว้ในช่วง Pre-sale จะได้รับส่วนลดเงินสดมูลค่า 50,000 บาท และแพ็กเกจอินเทอร์เน็ตภายในรถเป็นระยะเวลา 3 ปี โดยลูกค้าจะต้องวางเงินจองภายในวันที่ 28 ตุลาคม 2566 เวลา 17.59 น. หรือภายใน 1 เดือนหลังจากการประกาศราคา มิฉะนั้นจะถือว่าสละสิทธิ์ Value Pack ดังกล่าว ยิ่งไปกว่านั้นลูกค้าที่จองสิทธิ Pre-sale จะได้สิทธิพิเศษรับรถก่อนลูกค้าที่จะเริ่มจองเข้ามาตามปกติ โดยลูกค้าที่จองสิทธิ์ Pre-sale จะต้องชำระเงินมัดจำภายใน 24 ชั่วโมงนับจากการเริ่มเปิดจอง หรือถึงเวลา 17.59 น. ของวันที่ 29 กันยายน 2566 เท่านั้น หลังจากนั้นลำดับการส่งมอบรถจะเป็นไปตามปกติ ซึ่งขึ้นอยู่กับระยะเวลาการจ่ายเงินจองสำเร็จของลูกค้า

    ลูกค้าที่สนใจสามารถจับจองเป็นเจ้าของ All New GWM TANK 500 HEV และ All New GWM TANK 300 HEV ได้ตั้งแต่วันที่ 28 กันยายน 2566 เวลา 18.00 น. เป็นต้นไป ผ่าน GWM application และเว็บไซต์ www.gwm.co.th โดยเกรท วอลล์ มอเตอร์จะทยอยส่งมอบรถยนต์ทั้ง 2 รุ่นนี้ตั้งแต่เดือนตุลาคมเป็นต้นไป

    “เกรท วอลล์ มอเตอร์ มีความภูมิใจเป็นอย่างมากที่ได้เป็นส่วนสำคัญในการปลุกกระแสการเติบโตอย่างต่อเนื่องของรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทย และคาดหวังเป็นอย่างยิ่งว่าผลิตภัณฑ์ออฟโรดพลังงานใหม่ทั้งสองนี้ อย่าง All New GWM TANK 500 HEV และ All New GWM TANK 300 HEV จะเข้าไปอยู่ในใจคนไทย และร่วมเป็นหนึ่งในผู้เล่นที่ทำให้ตลาดรถยนต์เอสยูวีออฟโรดในไทยครึกครื้นยิ่งกว่าที่เคย ด้วยพลังแห่งแพลตฟอร์ม TANK ออฟโรดอัจฉริยะที่ทรงประสิทธิภาพทั้งด้านพละกำลังและเทคโนโลยีที่ก้าวล้ำนำสมัย เพื่อส่งต่อประสบการณ์การขับขี่ออฟโรดที่ไม่เหมือนใคร และตอบสนองไลฟ์สไตล์ที่หลากหลายของคนยุคใหม่ได้อย่างลงตัว” นายณรงค์ สีตลายน กรรมการผู้จัดการ เกรท วอลล์ มอเตอร์ (ประเทศไทย) กล่าวเสริม

    เกรท วอลล์ มอเตอร์  ในฐานะบริษัทที่ให้บริการเทคโนโลยีอัจฉริยะระดับโลก (Global Intelligent Technology Company) มุ่งมั่นในการพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการที่อัดแน่นไปด้วยเทคโนโลยีล้ำสมัย ปลอดภัย และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม โดยยึดถือแนวคิดที่คำนึงถึงการใช้งานของผู้บริโภคเป็นหลัก (User-centric) เพื่อสานต่อเจตนารมณ์ในการยกระดับระบบนิเวศยานยนต์ไฟฟ้าของประเทศไทยให้เป็นรูปธรรม ตลอดจนปลุกปั้นอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยให้เติบโตสู่ระดับสากลได้อย่างมั่งคั่งและยั่งยืน

     

    ]]>
    1446093
    “แฟนต้า” ควง พริงเกิลส์ ยกระดับความสนุกทะลุเพดาน กับแคมเปญ “ภารกิจคู่ซ่า “แฟนต้า” คู่ พริงเกิลส์” https://positioningmag.com/1445709 Wed, 27 Sep 2023 04:46:47 +0000 https://positioningmag.com/?p=1445709 “แฟนต้า” โดย กลุ่มธุรกิจโคคา-โคล่า ในประเทศไทย อันประกอบไปด้วย บริษัท ไทยน้ำทิพย์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด บริษัท หาดทิพย์ จำกัด (มหาชน) และบริษัท โคคา-โคล่า (ประเทศไทย) จำกัด เดินหน้า เขย่าวงการสแน็กอย่างต่อเนื่อง จับมือ กับแบรนด์ “พริงเกิลส์” ผู้ผลิตมันฝรั่งทอดกรอบชั้นนำจากสหรัฐฯ เปิดตัวแคมเปญ “ภารกิจคู่ซ่า “แฟนต้า” คู่ พริงเกิลส์” ชวนผู้บริโภคร่วมสนุก และชิงของรางวัลพิเศษในภารกิจสุดสร้างสรรค์และเป็นที่น่าจดจำ พร้อมแบ่งปันเรื่องราวความสนุกไม่ซ้ำกับมื้อขนมขบเคี้ยวยามว่างผ่านช่องทางโซเชียลมีเดีย โดยแคมเปญนี้ตอกย้ำความสนุกซ่าของ “แฟนต้า” ที่มาพร้อมกับความอร่อยสดชื่นของเครื่องดื่มอัดลมกลิ่นผลไม้หลากหลายรสชาติที่ผสมผสานกับรสชาติของขนมขบเคี้ยวได้อย่างไร้ที่ติ

    นางริชา ซิงห์ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด โคคา-โคล่า ประจำประเทศไทย เมียนมา และลาว กล่าวว่า “ความร่วมมือในครั้งนี้ตอกย้ำภาพลักษณ์ของ “แฟนต้า” ในฐานะแบรนด์ที่รักความสนุกสนาน และส่งมอบประสบการณ์ความสนุกซ่าแก่ผู้บริโภคมาโดยตลอด ทั้งนี้ เรามีความยินดีอย่างยิ่งที่ได้ร่วมมือกับ “พริงเกิลส์” มันฝรั่งทอดกรอบชั้นนำสัญชาติอเมริกาที่ครองใจคนในกว่า 140 ประเทศทั่วโลก และมักจะมีการทำรสชาติใหม่ ๆ ให้ถูกปากกับคนในประเทศนั้น ๆ อยู่เสมอ รวมถึงประเทศไทย ที่ “พริงเกิลส์” มีหลากหลายรสชาติโดนใจผู้บริโภค Gen Z ยิ่งไปกว่านั้น “แฟนต้า” และ “พริงเกิลส์” พร้อมจับมือเติมเต็มความสนุกในการกิน กินได้ต่อเนื่องผ่านการจับคู่ดูโอ้ของทั้งสองแบรนด์ การันตีความพิเศษและความตื่นเต้นกับประสบการณ์การทานขนมขบเคี้ยวให้เหนือกว่าที่เคย และเปลี่ยนช่วงเวลาที่แสนน่าเบื่อเป็นความสนุกสุดมันส์เข้ากับทุกกิจกรรมระหว่างวัน”

    “แฟนต้า” เล่นใหญ่ เอาใจ Gen Z จัดกิจกรรมในรูปแบบ Gamification บนแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย ภายใต้แคมเปญ “ภารกิจคู่ซ่า “แฟนต้า” คู่ พริงเกิลส์ ยกระดับความสนุกทะลุเพดานกับ 2 ภารกิจใหม่ คือ ถ่ายภาพช่วงเวลาการทานขนมขบเคี้ยว “พริงเกิลส์” คู่กับ “แฟนต้า” รสชาติใด ขนาดใดก็ได้ ให้สนุกซ่าเกินต้าน และภารกิจส่งต่ออีโมจิ แชร์ฟีลฟัน ๆ คู่กันมันส์กว่าโดยใช้คู่หูดูโอ้แห่งวงการสแน็ก “แฟนต้า” กับ “พริงเกิลส์” เป็นองค์ประกอบหลัก จากนั้นอัพโหลดภารกิจลงโซเชียลมีเดียพร้อมใส่แฮชแท็ก #ภารกิจคู่ซ่าแฟนต้าคู่พริงเกิลส์ ตลอดทั้งเดือนกันยายน – ตุลาคม 2566 และไต่ระดับความมันส์ไปอีกขั้นกับเหล่าคอนเทนต์ครีเอเตอร์ ที่ “แฟนต้า” ขนกันมาเติมความสนุกและร่วมทำภารกิจไปพร้อมกับผู้บริโภคตลอดแคมเปญ โดยผู้เข้าร่วมสนุกมีสิทธิ์ร่วมชิงรางวัลมากมาย อาทิ Voucher ที่พักโรงแรม The Standard Hua Hin 2 คืน พร้อมอาหารเช้า, กล้องโพลารอยด์ Instax mini 12 และอื่น ๆ อีกมากมาย

    “แฟนต้า” เตรียมยกทัพความฟินส่ง 2 หนุ่มหล่อ คู่จิ้น คู่ฮอต “ออฟ-จุมพล อดุลกิตติพร” และ “กัน-อรรถพันธ์ พูลสวัสดิ์” ไปเสิร์ฟความสนุกซ่าเกินใครกันที่เซ็นทรัลเฟสติวัล หาดใหญ่ ในวันที่ 11 พฤศจิกายน 2566 เปิดโอกาสให้แฟน ๆ ของทั้ง 2 หนุ่ม “ออฟ-กัน” มีโอกาสใกล้ชิดได้สิทธิ LUCKY FAN และร่วมสนุกเล่นเกมทํากิจกรรมกับนักแสดงที่ตัวเองชื่นชอบ โดยภายในงานมีบูทกิจกรรมให้ร่วมสนุก พร้อมของรางวัลอีกเพียบ ปักหมุดรอกันได้เลย!

    อร่อยฟินเต็มคำไปกับ “พริงเกิลส์” ขนมขบเคี้ยวยามว่าง และ “แฟนต้า” ทั้ง 4 รสชาติ ได้แก่ “แฟนต้า” ส้ม “แฟนต้า” องุ่นป๊อบ “แฟนต้า” สตรอเบอร์รี และ “แฟนต้า” ฟรุตพันช์ รวมถึง  “แฟนต้า” สูตรไม่มีน้ำตาล ณ ร้านค้า ร้านสะดวกซื้อ ซูเปอร์มาร์เก็ต และห้างสรรพสินค้าชั้นนำทั่วประเทศ รวมถึงช่องทางอีคอมเมิร์ซต่าง ๆ และสามารถติดตามข่าวสารล่าสุดพร้อมแบ่งปันโมเมนต์ช่วงความสนุกซ่าระหว่างมื้อขนมขบเคี้ยวแสนอร่อยได้ที่ https://www.facebook.com/FantaThailand/

    ]]>
    1445709
    SCB 10X ประกาศร่วมลงทุนใน AI21 Labs ผู้บุกเบิกด้าน Generative AI ในรอบ Series C https://positioningmag.com/1445179 Fri, 22 Sep 2023 04:41:18 +0000 https://positioningmag.com/?p=1445179 เอสซีบี เท็นเอกซ์ (SCB 10X) เดินหน้าสานต่อภารกิจ Moonshot Mission มุ่งลงทุนในบริษัทเทคโนโลยีและสตาร์ทอัพที่มีศักยภาพทั่วโลกอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างขีดความสามารถใหม่ทางด้านเทคโนโลยีที่สามารถผลักดันให้กลุ่มเอสซีบี เอกซ์ (SCBX Group) มุ่งสู่เป้าหมายการเป็น AI-First Organization ล่าสุด ประกาศเป็นผู้ร่วมลงทุนหลักใน AI21 Labs ผู้นำด้าน Generative AI จากประเทศอิสราเอล ในการระดมทุนรอบ Series C ซึ่งมีมูลค่า 155 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ส่งผลให้มูลค่าบริษัท AI21 Labs เพิ่มขึ้นเป็น 1.4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ

    การระดมทุนในรอบนี้มีกลุ่มนักลงทุนหลักระดับโลก นำโดย Walden Catalyst, Pitango, SCB 10X, b2venture, Samsung Next และ Prof. Amnon Shashua นอกจากกลุ่มนักลงทุนหลัก ยังมีบริษัทเทคโนโลยีระดับโลก ได้แก่ Google และ Nvidia ร่วมลงทุนในการลงทุนรอบนี้อีกด้วย สะท้อนถึงความเชื่อมั่นต่อขีดความสามารถทางเทคโนโลยีของ AI21 Labs อย่างแท้จริง

    AI21 Labs มีนวัตกรรมที่เป็นเรือธงหลัก ได้แก่ AI21 Studio แพลตฟอร์มสำหรับนักพัฒนาที่ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถสร้างแอปพลิเคชั่นเกี่ยวกับการใช้ภาษาที่สามารถปรับแต่งได้ตามความต้องการของนักพัฒนาที่ปรับแต่งได้ตามความต้องการของผู้ใช้ โดยแพลตฟอร์มนี้ใช้โมเดลปัญญาประดิษฐ์ที่มีชื่อว่า Jurassics LLM models ซึ่งเป็นกรรมสิทธิ์เฉพาะของ AI21 Labsในการประมวลผล นอกจากนี้ AI21 Labs ยังมีนวัตกรรม Wordtune ซึ่งเป็นเครื่องมือช่วยด้านการอ่านและการเขียนที่นำ AI มาใช้ในการสรุปเนื้อหา ถอดความและปรับเปลี่ยนรูปแบบประโยคให้สวยงามและมีความหลากหลาย การตรวจทานและแก้ไขข้อผิดพลาดทางไวยากรณ์ รวมถึงตรวจสอบความถูกต้องของการสะกดคำ เป็นต้น ซึ่งโมเดลยังรองรับหลายภาษา เช่น ภาษาสเปน เยอรมัน อิตาลี และดัตช์

    นายโยอาฟ โชฮัม (Yoav Shoham) Co-founder and Co-CEO ของ AI21 Labs กล่าวว่า “ระบบ AI ของ AI21 Labs ให้ผลลัพธ์ที่เชื่อถือได้และแม่นยำ โดยความท้าทายหลักของอุตสาหกรรมด้าน Generative AI คือคุณภาพและปริมาณของข้อมูลที่ถูกป้อนให้กับโมเดล AI เพื่อใช้ในการฝึกฝน จึงจะทำให้การประมวลผลสามารถทำได้อย่างน่าเชื่อถือและแม่นยำ ซึ่งเรามีการฝึกฝนโมเดลของเราด้วยการป้อนข้อมูลใหม่ๆอย่างต่อเนื่อง และข้อมูลที่นำมาใช้ต้องน่าเชื่อถือและเป็นข้อมูลที่เป็นปัจจุบันมากที่สุด”

    นางมุขยา (ใต้) พานิช ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (CEO) และ Chief Venture and Investment Officer บริษัท เอสซีบี เท็นเอกซ์ จำกัด (SCB 10X) สะท้อนความมุ่งมั่น และเล็งเห็นความสำคัญในการลงทุนครั้งนี้ว่า “อุตสาหกรรมด้าน AI กำลังพัฒนาไปอย่างรวดเร็ว และ บริษัท AI21 Labs ก็เป็นหนึ่งในผู้นำในการนำการเปลี่ยนแปลงมาสู่อุตสาหกรรม ซึ่งการที่ SCB 10X ได้ร่วมลงทุนในการระดมทุนรอบ Series C ไม่ได้เป็นเพียงแค่การสนับสนุนด้านการเงิน แต่ยังสะท้อนถึงความมุ่งมั่นของ SCB 10X ในการให้ความสำคัญต่อการพัฒนาเทคโนโลยี  AI อีกทั้งยังพิสูจน์ถึงความเชื่อมั่นที่เรามีต่อวิสัยทัศน์และความสามารถของ AI21 Labs อย่างแท้จริง”

    การระดมทุนครั้งนี้จะช่วยให้ AI21 Labs สามารถพัฒนาการวิจัยและพัฒนา (R&D) ควบคู่กับการพัฒนาเทคโนโลยี  AI โดย AI21 Labs วางแผนที่จะขยายความร่วมมือกับบริษัทต่างๆ ด้านเทคโนโลยี และจ้างพนักงานเพิ่มขึ้นอีกกว่า 200 คน โดยเน้นด้านการวิจัยและพัฒนาธุรกิจเป็นหลัก

     

    ]]>
    1445179