ไม่มีหมวดหมู่ – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Tue, 25 Nov 2025 03:15:03 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 Boots Thailand เตรียมเปิดตัวสกินแคร์น้องใหม่ “No7 GOOD INTENT” ลุคผิวใสฉ่ำแบบ Glass Skin… กำลังจะมา! https://positioningmag.com/1548450 Tue, 25 Nov 2025 03:13:30 +0000 https://positioningmag.com/?p=1548450 No7 แบรนด์สกินแคร์ชื่อดังจากประเทศอังกฤษ เตรียมเปิดตัวไลน์สกินแคร์ใหม่ล่าสุดในไทยภายใต้ชื่อ “No7 GOOD INTENT” คอลเลกชันเพื่อผิวโกลว์ใส ฉ่ำแบบ Glass Skin ด้วยส่วนผสมพรีเมียมที่บำรุงล้ำลึก สัมผัสบางเบา มาพร้อมแพ็คเกจจิ้งใช้งานง่าย สะดวกยิ่งขึ้น กำลังเป็นที่นิยมในกลุ่มบิวตี้เลิฟเวอร์ มองหาสกินแคร์ที่เรียบง่ายแต่ได้ผลจริง ภายใต้คอนเซปต์ “GLASS SKIN starts with GOOD INTENT – กลาสสกินผิวใส ฉ่ำไว    ไม่มัน” เหมาะสำหรับคนรุ่นใหม่ที่อยากมีผิวใสดุจกระจกแบบง่าย ๆ ใช้แล้วรู้สึกสบายผิว พร้อมลุยได้ทันทีและคงผิวสวยเนียนใสได้ตลอดทั้งวัน

ใครที่กำลังมองหาสกินแคร์ที่เรียบง่ายแต่ได้ผลจริง ผลิตภัณฑ์ No7 GOOD INTENT ออกแบบให้ครบรูทีนผิวกระจก 4 ขั้นตอน ตั้งแต่ Cleanse, Tone, Treat และ Moisturize โดยมีผลิตภัณฑ์ครบไลน์ Cleansing Balm , Toner Pad , Jelly Mask ไปจนถึงมอยส์เจอร์เนื้อบางเบา แต่ให้การบำรุงที่ล้ำลึกกว่า ไอเท็มไฮไลท์ Skin Sip Moisture Milk ที่กำลังถูกพูดถึงว่าเป็นตัวช่วยให้ผิวฉ่ำโกลว์ในทันที

เตรียมพบกับงานเปิดตัวอย่างเป็นทางการ 16 ธันวาคมนี้ No7 GOOD INTENT

พร้อมเผยโฉมพรีเซนเตอร์ คนดัง และเปิดให้สัมผัสผลิตภัณฑ์แบบเอ็กซ์คลูซีฟก่อนใคร!!

Get Ready! GLASS SKIN starts soon
#No7GoodIntent #กลาสสกินผิวใส #BootsThailand

]]>
1548450
ไดกิ้นร่วมอัญเชิญ “ไฟพระฤกษ์” SEA GAMES ครั้งที่ 33 และ ASEAN Para Games 13 จุดพลังใจนักกีฬาไทย สู่อาเซียน ภายใต้แนวคิด “Breathe as One” https://positioningmag.com/1547909 Wed, 19 Nov 2025 11:34:31 +0000 https://positioningmag.com/?p=1547909 บริษัท ไดกิ้น อินดัสทรีส์ (ประเทศไทย)จำกัดในฐานะ “Gold Sponsor” อย่างเป็นทางการของการแข่งขันกีฬา SEA Games 33 และ ASEAN Para Games 13 ได้ร่วมสร้างปรากฏการณ์สุดยิ่งใหญ่และเปี่ยมด้วยพลังแห่งความสามัคคี ณ สนามราชมังคลากีฬาสถาน การกีฬาแห่งประเทศไทย (หัวหมาก) ในกิจกรรม “การเฉลิมฉลองวิ่งอัญเชิญไฟพระฤกษ์ การแข่งขันกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 33 และอาเซียนพาราเกมส์ ครั้งที่ 13” ซึ่งจัดขึ้นพร้อมกัน 4 จังหวัดทั่วประเทศ ประกอบไปด้วย กรุงเทพมหานคร, นครราชสีมา, สงขลา และชลบุรี โดยที่จังหวัดชลบุรี ยังได้มีการเปิดพื้นที่โรงงาน ไดกิ้น อินดัสทรีส์ (ประเทศไทย) อมตะนคร จังหวัดชลบุรี เป็นสถานที่จัดกิจกรรมการเฉลิมฉลองวิ่งอัญเชิญไฟพระฤกษ์ การแข่งขันกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 33 และอาเซียนพาราเกมส์ ครั้งที่ 13”

โดยพิธีเฉลิมฉลองวิ่งอัญเชิญไฟพระฤกษ์ การแข่งขันกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 33 และอาเซียนพาราเกมส์ ครั้งที่ 13 ได้เริ่มต้นขึ้นพร้อมเสียงเชียร์กึกก้องทั่วลานหน้าอินดอร์ สเตเดียม หัวหมาก แล้ววนกลับมาเข้าสู่เส้นชัยที่ การกีฬาแห่งประเทศไทย ระยะทางแห่ 64 กิโลเมตร 73 ไม้คบเพลิง โดยได้รับเกียรติจากนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เป็นประธานในพิธี พร้อมด้วยตัวแทนนักกีฬาซีเกมส์ ตัวแทนการกีฬาแห่งประเทศไทย คณะฑูตจากประเทศต่างๆ คณะกรรมการการจัดงาน ผู้สนับสนุน แขกผู้มีเกียรติ สื่อมวลชน เข้าร่วมงานเป็นจำนวนมากโดยมี        ผู้บริหารและพนักงานสยามไดกิ้นเซลล์ นำโดย นายไดสุเกะ มุราคามิ และ นายวรพงศ์ กียปัจจ์ เข้าร่วมกิจกรรมวิ่งอัญเชิญไฟพระฤกษ์ อันเป็นสัญลักษณ์ของความมุ่งมั่นและพลังใจจากหัวใจคนไทยสู่หัวใจของประชาคมอาเซียน และต่อด้วยกิจกรรมการเฉลิมฉลองไฟพระฤกษ์ระยะทาง 3 กิโลเมตรณ ลานหน้าสนามกีฬา อินดอร์สเตเดียม หัวหมาก ซึ่งมีผู้เข้าร่วมกว่า 1,000 คน ร่วมวิ่งสร้างบรรยากาศแห่งความสุขและความภาคภูมิใจ

ภายในงาน ไดกิ้นได้จัดกิจกรรมพิเศษ “Cheer up in your Heart” ชวนประชาชนร่วมส่งแรงใจให้ทีมชาติไทย ผ่านเกม AR Game Pichonkungogo ร่วมสร้างอากาศดีกับพิชอนคุง ตัวแทนแห่งพลังใจ พร้อมกิจกรรม “Cheer Board” เขียนข้อความให้กำลังใจนักกีฬา และโซน “Share Corner” สำหรับถ่ายภาพและแชร์โมเมนต์แห่งความประทับใจบนโซเชียลมีเดีย ภายใต้แฮชแท็ก #DAIKIN #BreatheAsOne #สูดพลังใจให้เป็นหนึ่ง

การเข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการแข่งขันกีฬา SEA Games 33 และ ASEAN Para Games 13 ในฐานะ “Gold Sponsor” สะท้อนถึงวิสัยทัศน์ระดับโลกของไดกิ้น ภายใต้พันธกิจ “Perfecting the Air” ที่มุ่งสร้างคุณภาพอากาศที่ดีและสิ่งแวดล้อมที่ยั่งยืน เพื่อเสริมสร้างสุขภาวะและสมรรถนะของมนุษย์ในทุกมิติ ทั้งยังสอดคล้องกับแนวทางการจัดการแข่งขันภายใต้ธีม “Green SEA Games” และ “Sustainable Paralympics” ที่มุ่งสู่การลดการปล่อยคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ (Net ZeroEmissions) ผ่านการใช้พลังงานสะอาด การขนส่งที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และผลิตภัณฑ์ที่ยั่งยืน

กิจกรรมเฉลิมฉลองวิ่งคบเพลิงไฟพระฤกษ์ได้จัดขึ้น 4 จังหวัดพร้อมกันทั่วประเทศ โดยมีอีก 3 จังหวัด ได้แก่

• จังหวัดชลบุรี กิจกรรมการวิ่งอัญเชิญไฟพระฤกษ์เริ่มจากโรงงานไดกิ้น อินดัสทรีส์ (ประเทศไทย) จำกัด ไปสิ้นสุดที่แหลมบาลีฮาย พัทยา ระยะทาง 75 กิโลเมตร 73 ไม้คบเพลิง โดยมี ตัวแทนผู้บริหาร นำโดย นายสึโทมุ คุริฮารา ประธาน บริษัท ไดกิ้น อินดัสทรีส์ (ประเทศไทย) จำกัด, Mr. Hiroyuki Sato, Mr. Kazuhisa Hinatsu, นายวัลลภ พ่วงไพโรจน์, Mr. NiwatSiripaiboon, Mr. AukkaresChoochouy และ นายโอซามู ซูโด รักษาการประธานเจ้าหน้าที่การตลาดบริษัท อมตะ คอร์ปอเรชัน จำกัด (มหาชน) ร่วมกิจกรรมวิ่งอัญเชิญไฟพระฤกษ์ พร้อมตัวแทนพนักงานบริษัทไดกิ้น อินดัสทรีส์ (ประเทศไทย) จำกัด และครอบครัว ร่วมวิ่งกิจกรรมการเฉลิมฉลองไฟ    พระฤกษ์ ที่เริ่มต้นและสิ้นสุดที่โรงงานไดกิ้น อินดัสทรีส์ (ประเทศไทย) อมตะนคร ชลบุรี ระยะทาง 3 กิโลเมตร ซึ่งมีผู้เข้าร่วมกว่า 1,000 คน

• จังหวัดสงขลา กิจกรรมการวิ่งอัญเชิญไฟพระฤกษ์เริ่มจากสนามกีฬาติณสูลานนท์ ไปยังลานพระบิดา มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ รวมระยะทาง 70 กิโลเมตร 73 ไม้คบเพลิง กิจกรรมการเฉลิมฉลองไฟพระฤกษ์ระยะทาง 5 กิโลเมตร ณ บริเวณสนามกีฬาติณสูลานนท์ โดยมีผู้บริหารตัวแทนจำหน่ายภาคใต้ และพนักงานสยามไดกิ้นเซลล์นำโดย นายดิฐพล จุฑาภัทรกุล ผู้จัดการทั่วไป ฝ่ายตัวแทนจำหน่าย บริษัท สยามไดกิ้นเซลส์ จำกัด เข้าร่วมกิจกรรมวิ่งอัญเชิญไฟพระฤกษ์

• จังหวัดนครราชสีมา กิจกรรมการวิ่งอัญเชิญไฟพระฤกษ์เริ่มจากอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี (ย่าโม) ไปยังสนามกีฬาเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา ระยะทาง 26 กิโลเมตร 73 ไม้คบเพลิง กิจกรรมการเฉลิมฉลองไฟพระฤกษ์ระยะทาง
5 กิโลเมตร ณ บริเวณอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี (ย่าโม)

ซึ่งหลังเสร็จสิ้นพิธีวิ่งอัญเชิญไฟพระฤกษ์ในกรุงเทพฯ ตะเกียงไฟพระฤกษ์จะถูกเก็บรักษาไว้ ณ พิพิธภัณฑ์กีฬา การกีฬาแห่งประเทศไทย เพื่อเป็นสัญลักษณ์แห่งเกียรติยศ

ภายหลังกิจกรรมอัญเชิญไฟพระฤกษ์ในครั้งนี้ เส้นทางแห่งเกียรติยศจะสานต่อสู่พิธีเปิดการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 33 ที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพระหว่างวันที่ 9–20 ธันวาคม 2568 และการแข่งขันอาเซียนพาราเกมส์ ครั้งที่ 13 ระหว่างวันที่ 20–26 มกราคม 2569 ซึ่งไดกิ้นจะยังคงร่วมสนับสนุนและส่งต่อพลังใจให้กับนักกีฬาทุกชาติ ภายใต้แนวคิด “Breathe as One: สูดพลังใจให้เป็นหนึ่ง” เพื่อให้ทุกลมหายใจเต็มไปด้วยพลังแห่งความหวัง ความมุ่งมั่น และความสามัคคีของประชาคมอาเซียน

#DAIKIN #BreatheAsOne #SEA Games33 #ASEANParaGames13 #PerfectingTheAir

]]>
1547909
เมกาบางนา ผนึกแฟร์เท็กซ์ เปิดสังเวียนมวยไทยสมัครเล่น งาน “SMOKER11: CYBER SANTA MEGA FIGHT FEST” ดันซอฟต์พาวเวอร์ไทย ตอกย้ำพื้นที่แห่ง ACTIVE HEALTHY LIFESTYLE ของคนรุ่นใหม่ https://positioningmag.com/1546277 Mon, 10 Nov 2025 12:11:36 +0000 https://positioningmag.com/?p=1546277 ศูนย์การค้าเมกาบางนา แหล่งช้อปปิ้งที่ใหญ่ที่สุดแห่งกรุงเทพฯ ฝั่งตะวันออก พร้อมเติมเต็มประสบการณ์ชีวิตที่ดีในทุกๆ วัน ด้วยแนวคิด YOUR EVERYDAY MEETING PLACE ผนึกกำลังแบรนด์มวยไทยระดับโลก “แฟร์เท็กซ์” จัดการแข่งขันมวยไทยสมัครเล่น “SMOKER11: CYBER SANTA MEGA FIGHT FEST” เมื่อเร็วๆ นี้ ณ ฟู้ดวอล์ก พลาซ่า ศูนย์การค้าเมกาบางนา โดยได้เปิดโอกาสให้นักเรียนมวยไทยจากทุกค่ายทั่วประเทศได้โชว์ศักยภาพบนสังเวียนจริง พร้อมตอกย้ำพลัง SOFT POWER ผ่านศิลปะมวยไทยอันทรงคุณค่า และบทบาทของเมกาบางนาในฐานะพื้นที่ส่งเสริม ACTIVE HEALTHY LIFESTYLE ให้เกิดขึ้นได้จริงในชีวิตประจำวันสำหรับทุกคอมมูนิตี้

คุณวรรณวิมล อรดีดลเชษฐ์ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดศูนย์การค้าเมกาบางนา เปิดเผยว่า “ในปีนี้นับเป็นครั้งแรกที่  เมกาบางนา ได้ร่วมกับแฟร์เท็กซ์ จัดงาน SMOKER11: CYBER SANTA MEGA FIGHT FEST เพื่อยกระดับศิลปะมวยไทยสมัครเล่นให้กลายเป็นเวทีแห่งแรงบันดาลใจของคนรุ่นใหม่ เพราะมวยไทยไม่เพียงเป็นศิลปะการต่อสู้ที่งดงามและทรงคุณค่า แต่ยังเป็นกิจกรรมที่ช่วยส่งเสริมทั้งสุขภาพกายและใจให้แข็งแรงขึ้น พร้อมเชื่อมผู้คนต่างรุ่นต่างเชื้อชาติ ต่างไลฟ์สไตล์ให้มาใช้เวลาร่วมกันอย่างมีพลังในแบบของ ACTIVE HEALTHY LIFESTYLE ซึ่งเป็นแนวคิดสำคัญที่เมกาบางนามุ่งส่งเสริมให้เกิดขึ้นได้จริงในชีวิตประจำวันของทุกคอมมูนิตี้”

ตลอด 3 วันเต็มของงาน “SMOKER11: CYBER SANTA MEGA FIGHT FEST” เมกาบางนาและแฟร์เท็กซ์ได้เปลี่ยนให้พื้นที่ ฟู้ดวอล์ก พลาซ่า เมกาบางนา กลายเป็นคอมมูนิตี้สำหรับผู้ที่ชื่นชอบกีฬามวยไทยสมัครเล่น ทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติได้มาแข่งขัน โชว์ทักษะและความแข็งแกร่งของร่างกายที่ผ่านการฝึกฝนมาเป็นอย่างดี นอกจากนี้ ยังมีกิจกรรมให้ความรู้จากเหล่านักกีฬาและโค้ชคนดังของวงการมวยมากมาย อาทิ รำไหว้ครูมวยไทยจาก “ตุ้ม-ปริญญา”, MUAY THAI WORKSHOP โดย “ยอดไก่แก้ว แฟร์เท็กซ์”, สัมภาษณ์พิเศษกับ “พระจันทร์ฉาย พี.เค.แสนชัย, การแสดงรำไหว้ครูและสาธิตแม่ไม้มวยไทยโดย “ร.ต.นิธิโรจน์ บัวศรีธรานนท์” หรือ “กำไลเพชร อโยธยาไฟท์ยิม”, กิจกรรมสาธิตการต่อสู้ป้องกันตัวจาก “Family BJJ Gym”, การสาธิตกีฬามวยสากลโดยอดีตฮีโร่เหรียญเงินโอลิมปิก “วรพจน์ เพชรขุ้ม”, MUAY THAI WORKSHOP และสัมภาษณ์พิเศษกับ “ก้องธรณี ส.สมหมาย” และ “เจ้าเสือใหญ่ ม.กรุงเทพธนบุรี” รวมไปถึงคู่มวยสุดพิเศษระหว่าง “แทค-พงศกร สุเกียง” นักแสดงหนุ่มฮอต กับ “โหงวเฮ้ง-อัครพงษ์ศักดิ์ พงษ์สุวรรณ” ยูทูบเบอร์ชื่อดังลูกชายของ เท่ง-เถิดเทิง อีกด้วย

ดูรายละเอียดเพิ่มเติมหรือเงื่อนไขการแลกรับได้ที่แอปพลิเคชันเมกาบางนา, เฟซบุ๊ก : FACEBOOK.COM/MEGABANGNASHOPPINGCENTER และ ไลน์ : @MEGABANGNAOFFICIAL

#เมกาบางนา #MEGABANGNA #YOUREVERYDAYMEETINGPLACE #MEGABANGNAxFAIRTEX #FAIRTEX
#SMOKER11 #CYBERSANTAMEGAFIGHTFEST

ติดตามข่าวสารและโปรโมชันของเมกาบางนาได้ที่
แอปพลิเคชัน : HTTP://ONELINK.TO/N37E4G
เว็บไซต์ : HTTPS://WWW.MEGA-BANGNA.COM/
เฟซบุ๊ก : FACEBOOK.COM/MEGABANGNASHOPPINGCENTER
อินสตาแกรม : @MEGABANGNA_TH
เอ็กซ์ : @MEGABANGNA_TH
ไลน์ : @MEGABANGNAOFFICIAL
หรือโทร. 02-105-1000

 

]]>
1546277
ปลดปล่อยพลังในตัวคุณ! ร่วมสร้างแรงบันดาลใจกับนักกีฬาทีมชาติไทย ในงาน “YOU ARE THE MEDAL” 14-16 พย.นี้ https://positioningmag.com/1546033 Fri, 07 Nov 2025 11:59:59 +0000 https://positioningmag.com/?p=1546033 1546033 แคนนอน เปิดตัว Canon EOS R6 Mark III และเลนส์ไพรม์ RF45mm f/1.2 STM ตอบโจทย์ทุกจินตนาการ ด้วยศักยภาพเหนือชั้นเพื่อช่างภาพตัวจริง https://positioningmag.com/1545803 Thu, 06 Nov 2025 12:40:07 +0000 https://positioningmag.com/?p=1545803 แคนนอน (Canon) เปิดตัวสมาชิกล่าสุดในตระกูล EOS R ด้วยผลิตภัณฑ์กล้องมิเรอร์เลสฟูลเฟรมรุ่นใหม่ “EOS R6 Mark III” และเลนส์ไพรม์รูรับแสงกว้าง “RF45mm f/1.2 STM” ตอบโจทย์ทั้งสำหรับผู้ที่หลงใหลในการถ่ายภาพและช่างภาพที่ต้องการยกระดับผลงานแบบมืออาชีพ

EOS R6 Mark III สานต่อความสำเร็จจากรุ่น EOS R6 Mark II (ซึ่งเปิดตัวไปเมื่อปี 2566) โดยอัปเกรดความละเอียดสูงขึ้นเป็น 32.5 ล้านพิกเซล พร้อมการทำงานที่รวดเร็ว ประสิทธิภาพ และคุณภาพที่มั่นใจได้มากกว่าเดิม พร้อมผสานฟีเจอร์การถ่ายงานวิดีโอขั้นสูงเพื่อรองรับเวิร์กโฟลว์ระดับมืออาชีพเต็มรูปแบบ

พร้อมปล่อยหมัดเด็ดเลนส์ไพรม์สำหรับถ่ายภาพบุคคล RF45mm f/1.2 STM เป็นเลนส์ไพรม์รูรับแสงกว้างที่สุดของซีรีส์ RF ในราคาที่เข้าถึงง่าย ทางยาวโฟกัสที่ 45 มม. เมื่อใช้งานร่วมกับกล้องฟูลเฟรม และเมื่อใช้กับกล้องเซนเซอร์ APS-C อย่างรุ่น EOS R50 จะให้มุมมองเทียบเท่าระยะ 72 มม. ซึ่งเหมาะสมกับการถ่ายภาพบุคคลที่สวยงาม

นางสาวเนตรนรินทร์ จันทร์จรัสสุข ผู้อำนวยการอาวุโส กลุ่มผลิตภัณฑ์คอนซูมเมอร์อิมเมจจิ้งอินฟอร์เมชั่น บริษัท แคนนอน มาร์เก็ตติ้ง (ไทยแลนด์) จำกัด กล่าวว่า “การเปิดตัว EOS R6 Mark III ทำให้กลุ่มผลิตภัณฑ์ซีรีส์ EOS R ‘6’ ก้าวสู่เจเนอเรชันที่สามอย่างเต็มตัว โดยกล้องรุ่นนี้สืบทอดดีเอ็นเอของซีรีส์เอาไว้อย่างสมบูรณ์แบบ อัดแน่นด้วยเทคโนโลยีภาพนิ่งและวิดีโอใหม่ล่าสุดของแคนนอน เพื่อสร้างเครื่องมือถ่ายทอดเรื่องราวอันทรงพลังและมอบความยืดหยุ่นในการทำงานมากที่สุด”

อัปเกรดความละเอียดพร้อมความเร็วในการทำงาน

ด้วยความละเอียดภาพ 32.5 ล้านพิกเซล EOS R6 Mark III มอบรายละเอียดที่คมชัดและยืดหยุ่นต่อการครอปภาพมากขึ้น และเหมาะอย่างยิ่งเมื่อต้องถ่ายภาพวัตถุระยะไกลเพื่อนำมาครอปให้ใกล้ขึ้น

EOS R6 Mark III สามารถถ่ายภาพได้ราว 150 ภาพ เมื่อใช้งานโหมดถ่ายภาพต่อเนื่อง ความเร็วสูงสุด 40 เฟรมต่อวินาที (ชัตเตอร์อิเล็กทรอนิกส์) และแม้ในขณะประมวลผลข้อมูลปริมาณมหาศาล กล้องก็ยังสามารถรักษาอัตราการถ่ายภาพต่อเนื่องความเร็วสูงไว้ได้สูงสุด 40 เฟรมต่อวินาที (ชัตเตอร์อิเล็กทรอนิกส์) และสูงสุด 12 เฟรมต่อวินาที (แบบผสมทั้งชัตเตอร์กลไก/ชัตเตอร์อิเล็กทรอนิกส์)

ไม่พลาดทุกจังหวะสำคัญ

EOS R6 Mark III มาพร้อมฟีเจอร์ Pre-Continuous Shooting ที่ใช้งานง่าย บันทึกภาพต่อเนื่องได้ล่วงหน้าสูงสุด 20 เฟรม ก่อนกดชัตเตอร์ลงสุด รองรับไฟล์ภาพนิ่งทุกรูปแบบ ทั้ง RAW, C-RAW และ HEIF และโฟกัสอัตโนมัติทุกโหมด โดยสามารถเลือกเฟรมไปปรับแต่งต่อได้เหมือนไฟล์ภาพทั่วไป

อัลกอริทึมระบบออโต้โฟกัสรุ่นปรับปรุงใหม่ ช่วยให้ติดตามวัตถุได้แม่นยำกว่าเดิม เพิ่มโอกาสในการถ่ายวัตถุยาก ๆ ได้มากขึ้นและลดภาระงานหลังการถ่ายทำ นอกจากนี้ยังติดตั้งฟังก์ชัน Register People Priority จากรุ่นเรือธง EOS R1 ช่วยให้กล้องสามารถจดจำตัวบุคคลที่กำหนดไว้ ทำให้จับภาพและติดตามได้อย่างเหนียวแน่นทั้งภาพนิ่งและวิดีโอ เหมาะกับการถ่ายบุคคลในกลุ่มคนจำนวนมาก ทั้งในงานอีเวนต์ คอนเสิร์ต หรือกีฬาที่เล่นเป็นทีม

การพัฒนางานวิดีโอแบบก้าวกระโดด

EOS R6 Mark III เพิ่มตัวเลือกการบันทึกวิดีโอและการตัดต่อให้ครอบคลุมความต้องการที่หลากหลาย โดยรองรับการบันทึกวิดีโอไฟล์ RAW 7K 60p จากตัวเครื่องไปยังการ์ด CFexpress Type B และยังเป็นกล้องตระกูล EOS R รุ่นแรกที่รองรับการบันทึกวิดีโอแบบ Open Gate ในอัตราส่วน 3:2 (สูงสุด 7K 30p RAW)

ฟีเจอร์นี้ช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นในขั้นตอนการตัดต่อเมื่อต้องการจัดกรอบภาพใหม่ โดยเฉพาะเมื่อต้องการสร้างวิดีโอแนวนอนและแนวตั้งจากฟุตเทจเดียวกัน ในระหว่างการบันทึกวิดีโอไฟล์ RAW 7K 60p ยังสามารถบันทึกไฟล์พร็อกซีขนาดเล็กแบบ MP4 หรือไฟล์ 4K DCI Fine MP4 สำรองลงการ์ด SD พร้อมกันได้

กล้องรุ่นนี้สามารถบันทึกไฟล์ได้หลายรูปแบบมากขึ้น โดยเพิ่ม Internal RAW, Canon Log 2, และ HLG Gamma เสริมจาก Canon Log 3 และ HDR PQ ที่มีอยู่เดิม พร้อมรองรับ Custom Picture (CP) แบบเดียวกับกล้องตระกูล Cinema EOS รวมถึง Custom LUTs เพื่อกำหนดตัวเลือกการถ่ายอย่าง gamma, colour sampling และ bit depth ให้เหมาะกับเวิร์กโฟลว์และความต้องการที่แตกต่างกัน ผู้ใช้ยังสามารถดาวน์โหลดโปรไฟล์สี LUT ได้ฟรี จากเว็บไซต์ Canon LUT Library (https://color.ssw.imaging-saas.canon) นอกจากนี้ ยังสามารถอิมพอร์ตไฟล์ LUT ใส่กล้องผ่านทางแอปพลิเคชัน Camera Connect หรือผ่านสื่อบันทึก อื่น ๆ ได้อย่างสะดวกรวดเร็ว

EOS R6 Mark III รองรับการวัดแสงแบบ Waveform Monitor พร้อม False Color และ Zebra เพื่อช่วยเช็กและตั้งค่ารูรับแสงที่แม่นยำได้ตั้งแต่แรกเช่นเดียวกับรุ่น EOS R5 Mark II โดยฟีเจอร์ใหม่อย่าง AWB Response และ Shockless WB ยังช่วยให้การเปลี่ยนสมดุลแสงขาวระหว่างถ่ายวิดีโอ สามารถทำได้อย่างเนียนตา ไม่ว่าจะใช้โหมดปรับสมดุลแสงขาวอัตโนมัติหรือปรับเองก็ตาม

ในระหว่างการบันทึกวิดีโอยังสามารถเลือกโทนสีอัตโนมัติ Color Filters ได้ถึง 14 แบบ ทั้งภาพนิ่งและวิดีโอ เพื่อการจบงานได้อย่างรวดเร็ว หรือพรีวิวผลงานไฟนอลได้อย่างฉับไว นอกจากนี้ ยังมีโหมด S&F ที่บันทึกวิดีโอ 4K แบบเร่งเวลาได้สูงสุด 60 เท่า และสโลว์โมชันได้สูงสุด 5 เท่า (ความละเอียด 4K) หรือ 7.5 เท่า (ความละเอียด 2K DCI)

การออกแบบบอดี้ที่ล้ำสมัย

EOS R6 Mark III ยังคงมอบสัมผัสการใช้งานพื้นฐานที่เรียบง่าย รวมถึงความทนทานและการออกแบบตัวเครื่องที่ไว้ใจได้ในสไตล์ EOS R6 Mark II พร้อมการปรับแต่งปุ่มให้มีความยืดหยุ่นมากขึ้นและปรับรูปทรงให้เหมาะสมตามหลักสรีรศาสตร์เพื่อการถ่ายแนวตั้งที่สะดวกขึ้น ใช้แบตเตอรี่รุ่น LP-E6P และยังรองรับอุปกรณ์เสริม แบตเตอรีกริปรุ่น BG-R20/BG-R20EP ที่ใส่แบตได้ถึงสองก้อน ช่วยยืดเวลาการถ่ายภาพและเพิ่มความถนัดในการจับกล้องถ่ายแนวตั้งได้มากกว่าเดิม

เข้าถึงประสิทธิภาพเลนส์ระดับ f/1.2

ด้วยความเป็นเลนส์ f/1.2 รุ่นแรกในคลาสนี้ของแคนนอน ทำให้ RF45mm f/1.2 STM มีจุดเด่นที่ขนาดกะทัดรัด น้ำหนักเบา และโบเก้ละลายพื้นหลังได้สวย พร้อมความยืดหยุ่นในการถ่ายในที่แสงน้อยและระบบโฟกัสอัตโนมัติที่เงียบ โดยทางยาวโฟกัส 45 มม. ยังให้มุมมองที่เป็นธรรมชาติ ซึ่งสามารถขยับจากภาพมุมกว้างมาสู่ระยะคลอสอัพได้อย่างง่ายดายในแค่ก้าวเดียว

เมื่อใช้ร่วมกับกล้องเซนเซอร์ APS-C เลนส์นี้ให้มุมมองเทียบเท่าระยะ 72 มม. เหมาะกับการถ่ายพอร์ตเทรต คลอสอัพวัตถุ และภาพแนวสตรีต พร้อมการทำโบเก้ของ f/1.2 ยังช่วยกำหนดกรอบภาพเพื่อบอกเล่าเรื่องราวได้อย่างชัดเจน และเมื่อหรี่รูรับแสงถึง f/8 ก็จะมอบความคมชัดจรดขอบภาพทุกด้านด้วยมาตรฐานระดับมืออาชีพ

เลนส์ RF45mm f/1.2 STM มีน้ำหนักประมาณ 346 กรัม ถือเป็นเลนส์ f/1.2 ขนาดเล็กที่สุดทั้งในตระกูล EF และ RF ซึ่งเกิดจากการประยุกต์ใช้ชิ้นเลนส์ PMo (plastic molded) aspherical อย่างมีประสิทธิภาพ ผสานมอร์เตอร์ขับเคลื่อนชิ้นเลนส์ STM แบบเฟือง พร้อมฟังก์ชันการแก้ไขความคลาดเคลื่อนของเลนส์แบบดิจิทัล (Digital Lens Correction)

นอกจากนี้ บอดี้ที่กะทัดรัดและน้ำหนักเบาถือเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับใช้ร่วมกับกล้องฟูลเฟรมอย่าง EOS R6 Mark III และกล้องเซนเซอร์แบบ APS-C ขนาดเล็กอย่าง EOS R50 เพื่อการใช้งานที่มีความคล่องตัวสูง

ประสิทธิภาพทรงพลังพร้อมความคุ้มค่า

ทั้ง EOS R6 Mark III และ RF45mm f/1.2 STM มอบความคุ้มค่าในด้านประสิทธิภาพด้วยการติดตั้งฟีเจอร์ทรงพลังที่มีในกล้องระดับสูง รูรับแสงกว้างสุดที่ f/1.2 ของ RF45mm f/1.2 STM ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการเปิดรับแสงให้กับเซนเซอร์ของ EOS R6 Mark III เพื่อดึงศักยภาพของ Dual Pixel CMOS AF II ให้ทำงานในสภาพแสงน้อยได้อย่างเต็มที่ ส่งผลให้การตรวจจับและติดตามวัตถุในที่มืดมีความรวดเร็วและแม่นยำมากขึ้น

เมื่อทำงานร่วมกับระบบป้องกันภาพสั่นไหวแบบ 5 แกนในตัวกล้อง EOS R6 Mark III จะทำให้เลนส์ RF45mm f/1.2 STM มอบภาพที่คมชัด ไม่สั่นไหว แม้ใช้สปีดชัตเตอร์และค่า ISO ต่ำ ทำให้สองผลิตภัณฑ์ใหม่นี้ถือเป็น “คู่หูทรงพลัง” สำหรับผู้ที่ใช้งานกล้องที่กำลังมองหาความคุ้มค่าสูงสุด พร้อมสมรรถนะและความยืดหยุ่นเต็มพิกัด

ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://asia.canon

]]>
1545803
WPP Media Thailand ชู AI นำทัพในการปรับโครงสร้างผู้นำ มุ่งสู่โมเดลยึดลูกค้าเป็นศูนย์กลาง https://positioningmag.com/1541481 Mon, 06 Oct 2025 12:10:21 +0000 https://positioningmag.com/?p=1541481 WPP Media Thailand (ดับบลิวพีพีมีเดีย ประเทศไทย) ประกาศการปรับโครงสร้างผู้นำครั้งสำคัญ เพื่อเพิ่มการนำ AI และนวัตกรรมมาใช้ในการขับเคลื่อนการเติบโตให้กับแบรนด์ และมุ่งสู่การส่งมอบบริการที่ยึดลูกค้าเป็นศูนย์กลางอย่างไร้รอยต่อ การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ถูกออกแบบมาเพื่อเปิดโอกาสให้ลูกค้าสามารถเข้าถึงบุคลากรชั้นนำได้โดยตรง

ส่วนหนึ่งของการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ แอนิต้า มันโรประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายการลงทุน ภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิก ได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งเพิ่มเติมในฐานะผู้นำองค์กรสำหรับประเทศไทยเพื่อกำกับดูแลทิศทางเชิงกลยุทธ์ให้กับ WPP Media ที่มีสัดส่วนการบริหารเม็ดเงินโฆษณาถึงหนึ่งในสามของประเทศ การเปลี่ยนแปลงนี้สอดคล้องกับกลยุทธ์ Vision 30 ซึ่งเป็นแผนการดำเนินการระยะเวลาห้าปีของ WPP Media ทั่วโลก เพื่อพัฒนาทักษะและการบริการด้านสื่อยุคใหม่ผ่านการใช้ AI และตอบสนองความต้องการที่เปลี่ยนแปลงไปของนักการตลาดยุคใหม่

“ด้วยการเสริมพลังให้กับทีมงานของเราด้วย AI และเทคโนโลยีที่ล้ำสมัย เราจึงมั่นใจได้ว่าพวกเราจะสามารถมุ่งเน้นไปที่สิ่งที่สำคัญที่สุด นั่นคือการส่งมอบโซลูชันอันทรงพลังและมีประสิทธิภาพที่จะขับเคลื่อนการเติบโตให้กับลูกค้าของเรา” แอนิต้า มันโร กล่าว

ผู้นำของ WPP Media Thailand

การสนับสนุนโมเดลใหม่นี้คือการแต่งตั้งบุคคลสำคัญและการสานต่อความเป็นผู้นำที่มุ่งเน้นลูกค้า การเติบโตและความเป็นเลิศในการปฎิบัติงาน

การมุ่งเน้นลูกค้ามาเป็นศูนย์กลาง

การปรับโครงสร้างนี้ออกแบบมาเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการตอบสนองความต้องการและยกระดับประสบการณ์ของลูกค้า ด้วยการเชื่อมโยงผู้นำและผู้เชี่ยวชาญของ WPP Media เข้ากับกลุ่มลูกค้าโดยตรง เพื่อให้มั่นใจได้ว่าบุคลากรเหล่านี้จะสามารถมุ่งเน้นไปที่ผลลัพธ์ที่สำคัญที่สุดและการตอบโจทย์ลูกค้าได้อย่างเต็มที่ ซึ่งรวมถึงการแนะนำตำแหน่งใหม่ที่สำคัญ:

• คริสโตเฟอร์ ออกัสท์, กนกพร เตชธรรมานนท์ และณัฐรดา กุลรัตนมณี ได้รับการแต่งตั้งเป็น Client President ซึ่งเป็นตำแหน่งที่สร้างขึ้นใหม่ โดยได้รับมอบหมายให้ดูแลกลุ่มลูกค้าที่แตกต่างกันเพื่อสะท้อนภูมิทัศน์ของตลาดที่มีการแข่งขันอย่างเข้มข้น โดยมุ่งเน้นการสนับสนุนที่ปรับให้เหมาะสมสำหรับกลุ่มธุรกิจรายใหญ่ในประเทศ กลุ่มแบรนด์และธุรกิจข้ามชาติที่ต้องการการประสานงานระดับโลก และกลุ่มธุรกิจที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็วและมีแรงขับเคลื่อนสูง การปรับกลยุทธ์การบริหารรูปแบบใหม่นี้ช่วยให้ลูกค้าในทุกหมวดหมู่ของตลาดมั่นใจได้ จะได้รับบริการที่ตอบโจทย์ความต้องการทางการตลาด ในสถานการณ์ที่ธุรกิจต้องเติบโตอย่างมีประสิทธิภาพ

ความได้เปรียบด้านบุคลากรและ AI

หลักการสำคัญของกลยุทธ์Vision 30 คือการผนวกความสามารถของAI เข้าไปในทุกส่วนอย่างลึกซึ้ง พร้อมดึงดูดบุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญสูงสุดเพื่อมาใช้ประโยชน์จากพลังของเทคโนโลยีดังกล่าว การมุ่งเน้นไปที่เทคโนโลยีและบุคลากรเป็นสิ่งสำคัญต่อการออกแบบการดำเนินงานใหม่

• พันดูรังกา มัตตู ได้รับตำแหน่ง Choreograph Lead โดยเป็นหัวหอกในการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ข้อมูลและเทคโนโลยีระดับโลกของ WPP ให้กับลูกค้า
• อุษณี อภิรัตน์ภิญโญ เข้าร่วมงานกับ WPP Media ในฐานะ Head of People ประจำประเทศไทยเพื่อให้มั่นใจว่าองค์กรจะยังคงดึงดูดและพัฒนาบุคลากรที่มีความสามารถสูงสุดในอุตสาหกรรม

การเติบโตและความเป็นเลิศในการปฎิบัติงาน

ด้วยแนวทางการทำงานที่เป็นหนึ่งเดียวทำให้โครงสร้างการดำเนินงานมีความคล่องตัวสูง สามารถเร่งการตัดสินใจและส่งมอบคุณค่าให้กับลูกค้าได้รวดเร็วทันสถานการณ์ จิรัศดา ลิ้มสุวรรณ จะขยายบทบาทจากด้านการลงทุนมารับผิดชอบในการสร้างแผนกใหม่ภายใต้ชื่อ Media Management & Delivery มีหน้าที่กำกับดูแลงานด้านการซื้อและใช้สื่อทั้งหมดเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดโดยจะได้รับการสนับสนุนจาก

• จอห์น ประดิษฐวณิช Principle Consultant ของ WPP Media Solutions
• พิมพร ปันเด Head of Biddable & Activation
• ปภพ ฤชุตระกูล Head of The Goat Agency หน่วยงานเฉพาะด้านการตลาดอินฟลูเอนเซอร์และคอนเทนต์ของ WPP Media
• เจนนิเฟอร์ มาร์เกต์ เบร์โรด์ Head of eCommerce Southeast Asia and Pakistan ที่จะเข้ามาขับเคลื่อนการเติบโตและโอกาสทางด้าน Commerce ให้กับตลาดในประเทศไทย

รัฐกร สืบสุข จะยังคงมีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนการเติบโตขององค์กรและธุรกิจใหม่ในฐานะ Head of Growth & Marketing โดยจะทำงานร่วมกับณัฐวีร์ ณีว มาวิจักขณ์ ซึ่งเป็นพาร์ทเนอร์ทางด้านการตลาดและข้อมูล  ผู้บริโภคเชิงลึกอย่างใกล้ชิด เพื่อกำหนดทิศทางเชิงกลยุทธ์และแสวงหาโอกาสใหม่ ๆ ให้กับลูกค้า ขณะเดียวกัน ความแข็งแกร่งด้านการเงินของบริษัทจะยังคงได้รับการดูแลอย่างต่อเนื่อง โดย รัชดาพร ฤทธิกัณฑ์ ในฐานะ Chief Financial Officer

ประสิทธิภาพของกลยุทธ์และโครงสร้างใหม่นี้ สะท้อนให้เห็นจากผลลัพธ์ที่จับต้องได้ ผ่านการขยายธุรกิจบนลูกค้าสำคัญรายใหม่ร่วมกับครีเอทีฟพาร์ทเนอร์ ซึ่งเป็นเครื่องยืนยันถึงโมเดลการทำงานที่ยึดลูกค้าเป็นศูนย์กลาง

“ทุกสิ่งที่เรากำลังทำอยู่คือการส่งมอบคุณค่าให้มากขึ้น เร็วขึ้น และมีประสิทธิภาพมากขึ้นสำหรับลูกค้าของเรา”      แอนิต้า มันโร กล่าวเสริม “มันคือการ ยึดลูกค้าเป็นศูนย์กลาง อย่างแท้จริงในทุกแง่มุมของคำนี้ และการใช้ความได้เปรียบด้าน AI ของเราเพื่อขับเคลื่อนผลลัพธ์ที่จับต้องได้”

 

 

]]>
1541481
“คอนโดเงินเหลือ” กับดักขายฝันรวย สู่หนี้ก้อนโต https://positioningmag.com/1540072 Mon, 29 Sep 2025 11:04:39 +0000 https://positioningmag.com/?p=1540072 ในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา เริ่มมีข่าวและเสียงร้องเรียนจากผู้บริโภคว่า ถูกชักชวนให้ซื้อ “คอนโดเงินเหลือ”

โมเดลธุรกิจนี้ คือ นายหน้าให้ลูกค้าซื้อคอนโด และกู้เกินราคาจริง เช่น คอนโด A ราคา 2 ล้านบาท แต่ทำเรื่องยื่นกู้กับธนาคาร 3 ล้านบาท ผลลัพธ์คือผู้ซื้อได้ “เงินเหลือ” 1 ล้านบาท ไว้ใช้จ่าย เช่น ปิดหนี้บัตรเครดิต หนี้นอกระบบ หรือซื้อรถใหม่ เป็นต้น

นายหน้ามักขายฝันต่อว่า คอนโดที่กู้มา จะช่วยหาผู้เช่าให้ ทำให้ผู้ซื้อไม่ต้องควักเงินผ่อนเอง

แต่เมื่อความจริงไม่เป็นตามสัญญา ไม่มีผู้เช่ามาอยู่ ผู้ซื้อกลับต้องผ่อนเองเต็ม ๆ แถมยังเจอค่าส่วนกลางและค่าใช้จ่ายแฝง สุดท้ายหนี้พอกพูนจนกลายเป็นภาระใหญ่

นายหน้าอสังหาริมทรัพย์ (ที่มาภาพ Shutterstock)

ทำไมคนถึงยอมเสี่ยง?

1.แรงกดดันจากหนี้เก่า

คนจำนวนมากติดหนี้บัตรเครดิตที่ดอกเบี้ยสูงถึง 16–20% ต่อปี หรือหนี้นอกระบบที่โหดกว่านั้น เมื่อมีทางเลือก “เปลี่ยนเป็นหนี้กู้บ้าน” ที่ดอกเบี้ยเพียง 6–8% จึงดูเหมือนเป็นทางออกถูกกว่า (*เรตดอกเบี้ยอาจแตกต่างกันไปในแต่ละธนาคาร และตามโปรโมชั่นที่ลูกค้าได้รับ)

2.มายาคติว่าอสังหาฯ คือการลงทุนที่ปลอดภัย

ความเชื่อที่ว่า “ซื้อคอนโดเก็บไว้ยังไงก็ไม่ขาดทุน” ทำให้ผู้ซื้อจำนวนไม่น้อยคิดว่าต่อให้ไม่มีคนเช่า สุดท้ายก็ขายทำกำไรได้

3.ความฝัน Passive Income

ความฝันของคนส่วนใหญ่ คือ การลงทุนที่ทำรายได้เข้ามาอย่างสม่ำเสมอ มักถูกชักจูงด้วยคำพูดประเภท “คอนโดไม่ต้องผ่อนเอง เพราะมีผู้เช่าผ่อนแทน” หรือ “ซื้อลงทุนหลายห้องเพื่อรับ Passive Income เยอะ ๆ”

เหล่านี้เป็น narrative ที่โดนใจมนุษย์เงินเดือนที่อยากมีรายได้เสริมแบบไม่ต้องเหนื่อย

Passive Income จากอสังหาริมทรัพย์ (ที่มา Shutterstock)

ทำไมโมเดลนี้จึงไม่เวิร์ก?

  • ตลาดเช่าคอนโดตกต่ำ

ในหลายทำเล โดยเฉพาะชานเมือง มีซัพพลายคอนโดมากกว่าความต้องการจริง ผู้เช่ามีอำนาจต่อรองสูง ทำให้การปล่อยเช่าไม่ง่ายและราคาค่าเช่ากดต่ำ

  • ต้นทุนแฝงรออยู่


ค่างวดผ่อน ค่าส่วนกลาง เป็นค่าใช้จ่ายต่อเนื่องที่ไม่มีวันหยุด หากปล่อยเช่าไม่ได้ เจ้าของต้องควักเองทุกเดือน

  • หนี้ก้อนใหญ่ ระยะยาว

การเปลี่ยนหนี้บัตรเครดิต 2-3 แสนบาท มาเป็นหนี้คอนโด 2-3 ล้านบาท เท่ากับยืดปัญหาไป 20–30 ปี และดอกเบี้ยรวมตลอดอายุสัญญาอาจแพงกว่าที่คิด

คอนโดเงินเหลือกำลังสะท้อนปัญหาเชิงระบบของไทย

1.เอเจนต์ผลักความเสี่ยงให้ผู้ซื้อ

โมเดลนี้ไม่ต่างจากการปั่นดีมานด์เทียม เพื่อระบายสต๊อกคอนโด แต่ผู้ซื้อคือคนแบกรับความเสี่ยงแต่เพียงฝ่ายเดียว

2.สะท้อนความเปราะบางทางการเงินของครัวเรือนไทย

การที่คนยอมเสี่ยงขนาดนี้ เพราะรายได้โตไม่ทันรายจ่าย หนี้เก่ากดดัน และช่องทางลงทุนอื่นยังเข้าถึงยาก

3.ความเสี่ยงต่อสถาบันการเงิน

หากกรณีนี้แพร่หลาย ‘อาจ’ ทำให้เกิด NPL (หนี้เสีย) ในระบบธนาคารเพิ่มขึ้น เพราะลูกหนี้กู้โดยไม่ได้อยากได้ที่อยู่อาศัยจริง และไม่คำนึงถึงการผ่อนชำระระยะยาว แต่กู้เพื่อนำเงินสดส่วนต่างมาใช้เท่านั้น

บทเรียนจาก “คอนโดเงินเหลือ”

“คอนโดเงินเหลือ” ไม่ใช่ทางลัดสู่ความมั่งคั่ง แต่เป็น “การย้ายหนี้” จากก้อนเล็กที่ดอกเบี้ยสูง ไปสู่หนี้ก้อนใหญ่ที่ยืดยาว ซึ่งอาจหนักกว่าเดิมหากรายได้ไม่เพิ่ม

ในเชิงเศรษฐกิจ นี่คือสัญญาณเตือน 2 ด้านพร้อมกัน

  • ฝั่งดีมานด์ : ครัวเรือนไทยอ่อนแอจนต้องพึ่งทางลัดทางการเงิน
  • ฝั่งซัพพลาย : ตลาดคอนโดเหลือขายมากจนเอเจนต์ต้องหากลยุทธ์ขายแบบนี้

สรุปสั้น ๆ

“คอนโดเงินเหลือ” คือกับดักหนี้ที่เกิดจากการผสมกันระหว่าง ความฝันของผู้ซื้อ และ แรงกดดันของผู้ขาย        ในตลาดที่ซัพพลายล้น

หากปล่อยให้ขยายวงกว้าง อาจกลายเป็นปัญหาหนี้ครัวเรือนซ้อนทับกับหนี้เสียในระบบธนาคาร ซึ่งเป็นความเสี่ยงเชิงโครงสร้างต่อเศรษฐกิจไทยในอนาคต

]]>
1540072
“M STUDIO” และ “ช่อง 3” เปิดตัว “บ้านผีสิงธี่หยด” สุดยิ่งใหญ่ ที่ Universal Studios Singapore ส่งพลัง Soft Power ไทยสู่สายตาทั่วโลก https://positioningmag.com/1539726 Fri, 26 Sep 2025 04:17:35 +0000 https://positioningmag.com/?p=1539726 ภาพยนตร์ไทย “ธี่หยด” ยังคงเดินหน้าสร้างชื่อเสียงและมูลค่าเพิ่มให้แก่อุตสาหกรรมภาพยนตร์ไทยอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดเข้าร่วมงานรอบสื่อมวลชนเพื่อเปิดตัวบ้านผีสิง “ธี่หยด” ซึ่งเป็นหนึ่งใน 4 บ้านหลักของเทศกาล Halloween Horror Nights 13 ณ Universal Studios Singapore นับเป็นคอนเทนต์ไทยที่ก้าวขึ้นสู่เวทีความบันเทิงระดับโลกอย่างสมภาคภูมิ พร้อมตอกย้ำศักยภาพของ Soft Power ไทย ที่ได้รับการยอมรับบนเวทีโลก

งานเปิดตัวรอบสื่อมวลชนจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ บรรยากาศงานเต็มไปด้วยความคึกคัก ท่ามกลางการออกแบบและตกแต่งบ้านผีสิงที่นำกลิ่นอายและเรื่องราวจากฉากสำคัญต่างๆ ในภาพยนตร์ธี่หยด ภาค 1 และ 2 ถ่ายทอดออกมาอย่างสมจริง สร้างความตื่นเต้นและความประทับใจแก่แขกผู้เข้าร่วมงานนานาประเทศ โดยภายในงานได้รับเกียรติจาก คุณสุรเชษฐ์ อัศวเรืองอนันต์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร M Studio, คุณเทรซีแอนน์ มาลีนนท์ ผู้ช่วยประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการกลุ่ม บมจ.บีอีซี เวิลด์ พร้อมด้วยผู้กำกับ แป๊ป-ณฤทธิ์ ยุวบูรณ์ และทีมนักแสดงนำจาก “ธี่หยด 3” ได้แก่ เดนิส-เจลีลชา, นีน่า-ณัฐชา, จูเนียร์-กาจบัณฑิต และ เฟรนด์-พีระกฤตย์ เข้าร่วมงานอย่างพร้อมหน้า

สุรเชษฐ์ อัศวเรืองอนันต์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร M STUDIO กล่าวว่า “ความสำเร็จของ ธี่หยด ในวันนี้ ถือเป็นหมุดหมายสำคัญของวงการภาพยนตร์ไทย ที่ไม่ได้เป็นเพียงแค่ภาพยนตร์ที่ได้รับความนิยมในประเทศ แต่วันนี้ได้ก้าวสู่เวทีโลกในฐานะ Soft Power ไทย ที่สะท้อนศักยภาพของอุตสาหกรรมภาพยนตร์ไทยว่ามีความพร้อมและคุณภาพทัดเทียมระดับสากล ผมเชื่อว่า บ้านผีสิงธี่หยด จะเป็นหนึ่งในตัวอย่างที่ช่วยต่อยอดพลัง Soft Power ไทยให้เป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญของเศรษฐกิจสร้างสรรค์ในอนาคต”

เทรซีแอนน์ มาลีนนท์ ผู้ช่วยประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการกลุ่ม บมจ.บีอีซี เวิลด์ กล่าวเสริมว่า “การที่เราได้เป็นหนึ่งในบ้านผีสิงหลักของเทศกาลระดับโลกอย่าง Halloween Horror Nights 13 ไม่เพียงสร้างความภูมิใจให้คนไทย แต่ถือเป็นแรงบันดาลใจที่ผลักดันให้ผู้สร้างหนังไทย กล้าที่จะคิด กล้าที่จะสร้างสรรค์ และช่วยกันพา Soft Power ไทยไปเวทีโลกอย่างยั่งยืน”

การปรากฏตัวของ “ธี่หยด” ที่ Universal Studios Singapore ครั้งนี้ ไม่เพียงเป็นความสำเร็จของภาพยนตร์เรื่องหนึ่ง แต่ยังเป็นการยืนยันว่า ภาพยนตร์ไทยคือพลังสร้างสรรค์ที่สามารถก้าวสู่ระดับโลก และสร้างความภูมิใจอันยิ่งใหญ่ให้แก่คนไทยทุกคน สำหรับเทศกาล Halloween Horror Nights 13 จะเปิดให้ผู้เข้าชมได้สัมผัสความหลอนเต็มรูปแบบตั้งแต่วันที่ 26–27 กันยายน, 3–4, 9–11, 16–19, 23–26, 30–31 ตุลาคม และ 1 พฤศจิกายน 2025 โดย “บ้านผีสิงธี่หยด” ถือเป็นหนึ่งในไฮไลต์ที่จะพาผู้ชมทั่วโลกไปพบกับประสบการณ์สยองขวัญจากภาพยนตร์ไทย ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ทาง Facebook/Instagram/TikTok: @Mstudiomovies, @Ch3Thailand @TeeyodMovie, @Universalstudiossingapore @ResortsWorldatSentosa

 

]]>
1539726
ททท. เตรียมพร้อมจัดเต็มทุกมิติใหม่การท่องเที่ยวผ่านงาน DNA Travel & Fair 2025 ที่สุดของงานมหกรรมท่องเที่ยวที่ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ https://positioningmag.com/1539310 Tue, 23 Sep 2025 11:38:26 +0000 https://positioningmag.com/?p=1539310 การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) แถลงข่าวเปิดตัวงาน “DNA 2025 (Destination Navigator Assessment)” ภายใต้แนวคิด “Thailand’s Subculture: Decode Your Journey” เตรียมจัดงานยิ่งใหญ่ในวันที่ 9 – 12 ตุลาคม 2568 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ชั้น G ฮอลล์ 3 – 4 งานที่รวบรวมความหลากหลายทางวัฒนธรรมย่อย (Subculture) ของประเทศไทย จัดเต็ม 5 โซนกิจกรรม เพื่อตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์การท่องเที่ยวไว้ในงานเดียว โดยมี นางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการ ททท. เป็นประธานในการแถลงข่าว ณ ห้องโถงธนะรัชต์ อาคาร ททท.

นาย ณัฐ ครุฑสูตร ผู้อำนวยการฝ่ายกิจกรรม ททท. กล่าวว่า กลุ่มวัฒนธรรมย่อย (Subculture) ถือเป็นสิ่ง ที่สะท้อนตัวตนและความชอบเฉพาะกลุ่มของบุคคล ซึ่งปฏิเสธไม่ได้ว่าความชื่นชอบดังกล่าวเป็นสารตั้งต้นให้เกิดความหลากหลายในสังคมและพฤติกรรมการท่องเที่ยวตามไลฟ์สไตล์ที่เด่นชัด ซึ่งถือเป็นกลุ่มเป้าหมายนักท่องเที่ยวคุณภาพที่แวดวงอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไม่ควรมองข้าม จึงเป็นที่มาของการจัดงาน DNA 2025 (Destination Navigator Assessment) ซึ่งจัดอย่างต่อเนื่องมาเป็นปีที่ 2 โดยมีเป้าหมายในการถอดรหัสความสนใจ ไลฟ์สไตล์ และตัวตนของนักเดินทาง เพื่อเชื่อมโยงไปสู่การออกแบบเส้นทางท่องเที่ยวที่ตอบโจทย์ความต้องการเฉพาะบุคคล (Personalized) ผ่านการจัดกิจกรรม “DNA Travel & Fair 2025” ที่สุดของงานมหกรรมท่องเที่ยวที่ตอบโจทย์ ทุกไลฟ์สไตล์ มุ่งนำเสนอเส้นทางและประสบการณ์การท่องเที่ยวที่หลากหลาย ครอบคลุมทั้งผจญภัย วัฒนธรรม ประวัติศาสตร์ ธรรมชาติ นำเสนอจัดเต็มผ่าน 5 โซนกิจกรรม พร้อมเป็นเวทีแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างนักท่องเที่ยว ผู้ประกอบการ และหน่วยงาน เพื่อพัฒนาการท่องเที่ยวไทยให้เติบโตอย่างยั่งยืนและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

งาน DNA Travel & Fair 2025 ในปีนี้ได้จะเนรมิตให้นักท่องเที่ยวได้สัมผัสกับประสบการณ์ที่แปลกใหม่ ผ่าน “Immersive Room: Your DNA – The Black Box” ซึ่งเป็นห้องทดลองเสมือนจริงที่สะท้อนตัวตนและแนวทางการท่องเที่ยวของผู้เข้าร่วมงานตามเฉดสีของวัฒนธรรมย่อยต่าง ๆ ผ่าน 5 โซนหลักภายนงานที่ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ ดังรายละเอียดต่อไปนี้

โซน THAI POP: เจาะลึกวัฒนธรรมสมัยนิยมที่ได้รับอิทธิพลทั้งจากประเทศไทยและกระแสโลก พบกับกิจกรรมน่าสนใจมากมาย อาทิ

  • POP Gallery จัดแสดงผลงาน Art Toy หาชมยากจาก Trendy Gallery
  • บูธ Official Merchandise จาก GMM TV พร้อมมาสคอตและกิจกรรมพิเศษ
  • Drag Room พื้นที่ให้คุณได้ปลดปล่อยตัวตนและแปลงโฉมกับ Drag Queen ชื่อดังและนักแสดงจาก Alcazar Cabaret Pattaya
  • House of Pop Market ตลาดที่รวบรวมร้านค้าจากศิลปินและอินฟลูเอนเซอร์ชื่อดัง

โซน SIAM STYLE: สัมผัสวิถีคลาสสิกและมนต์เสน่ห์ของไทยในอดีตผ่านกิจกรรมและนิทรรศการต่าง ๆ อาทิ

  • นิทรรศการชุดไทยพระราชนิยม 8 แบบ
  • นิทรรศการของสะสมวินเทจหายากจากบ้านพิพิธภัณฑ์ คุณาวงศ์
  • โซนดูดวง Maison Divination & Mystique กับอาจารย์แห้ว ในวันที่ 9 ตุลาคม เวลา 13:00 น. เป็นต้นไป
  • กิจกรรมของคณะลิเก หมอลำ และลูกทุ่ง ที่เปิดโอกาสให้พบปะแฟนคลับอย่างใกล้ชิด

โซน WORK & PLAY: คอมมูนิตี้สำหรับนักเดินทางยุคใหม่ ที่สามารถทำงานจากที่ไหนก็ได้ โดดเด่นด้วย Digital Tunnel ที่นำเข้าสู่วิถีเมืองดิจิทัล พร้อมกิจกรรมมากมาย อาทิ

  • นิทรรศการภาพถ่าย “Next Destination” โดย Foto club BKK
  • TikTok LIVE Studio ที่เปิดโอกาสให้คุณได้ทดลองเป็นนักไลฟ์มืออาชีพ
  • พื้นที่ทำงานร่วมกับคาเฟ่บรรยากาศเก๋ไก๋จากกาแฟพันธุ์ไทย
  • พื้นที่ของฟรีแลนซ์ สร้างโอกาส สร้างรายได้ เชื่อมตรงสู่ Platform Fastwork

โซน LIFESTYLE & FAMILY: เพิ่มพลังชีวิต เติมเต็มความสุข และสร้างประสบการณ์การเดินทางสำหรับครอบครัว ผ่านกิจกรรมมากมาย อาทิ

  • โซนถ่ายภาพและกิจกรรมจาก Jurassic World Experience
  • แลนด์มาร์คจำลองม้าหมุนบนหุบเขา พร้อมกิจกรรมจากฟาร์มต่างๆ
  • พื้นที่ส่วนกลางสำหรับกิจกรรมหมุนเวียน เช่น การแสดงสัตว์เลี้ยงแสนรู้ และการให้ความรู้ ด้าน Wellness Tourism

โซน THAI TASTE: สวรรค์ของนักชิมที่รวบรวมร้านอาหารไทยชื่อดังจากทุกภาค ทั้งร้านดังจาก TikTok และร้านของดาราอินฟลูเอนเซอร์กว่า 95 ร้าน พร้อมกิจกรรม Chef Workshop ที่เชฟชื่อดังจะมาสาธิตการทำอาหาร Fine Dining จากวัตถุดิบท้องถิ่น

นอกจากนี้ ยังมีกิจกรรมมากมายที่นักท่องเที่ยวสามารถร่วมสนุกได้ เพียงลงทะเบียนเข้างาน ฟรี! ผ่านระบบออนไลน์ โดยการสแกน QR Code กรอกข้อมูลให้ครบถ้วน พร้อมตอบแบบสอบถามเกี่ยวกับการท่องเที่ยวที่สะท้อนตัวตนของคุณ และทุกยอดใช้จ่ายภายในงาน ครบทุก 100 บาท รับ 10 คะแนนสะสมเพื่อแลกของรางวัลและสิทธิ์ร่วมทำกิจกรรมสุด Exclusive อาทิ Personal Color ดูดวง Drag Makeover, Special Menu จากกาแฟพันธุ์ไทย Puppy Yoga และ Upcycling Workshop รวมไปถึงกิจกรรมบนเวทีกลางตลอดทั้ง 4 วันของการจัดงาน อาทิ การแสดงจาก Fino the Ranad, เดินแฟชั่นโชว์ผ้าไทย, กิจกรรมส่งเสริมการขาย Workation 100 เดียวเที่ยวได้งาน พร้อมจัดเต็มความบันเทิงจากศิลปินและนักแสดงชื่อดังตลอดการจัดงาน 9 ตุลาคม 2568 : เก่ง หฤษฎ์ และ น้ำปิง นภัสกร นักแสดงนำจากซีรีส์ “เขมจิราต้องรอด” 10 ตุลาคม 2568 : การแสดงจากคณะลิเกสองเทพบุตรสุดที่รัก และคอนเสิร์ตจาก PALMY 11 ตุลาคม 2568 : ยูกิ ไหทองคำ และ 12 ตุลาคม 2568 : ปิดท้ายความม่วนด้วยลำไย ไหทองคำ และวงหมอลำแห่งยุค ระเบียบวาทะศิลป์

ทั้งนี้ สำหรับผู้ที่สนใจสามารถติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Facebook page : ThailandFestival หรือ โทร. 1672 Travel Buddy

]]>
1539310
เปิดตัวอย่างเป็นทางการ “BELLUXI” (เบลลุคซี่) ผลิตภัณฑ์กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนระดับพรีเมียม จากประเทศเกาหลี ที่ตอบโจทย์เพื่อผิวสวยทุกมิติ มั่นใจได้ทุกองศา https://positioningmag.com/1538896 Mon, 22 Sep 2025 09:11:02 +0000 https://positioningmag.com/?p=1538896 บริษัท เล็ท อิท บิ้วตี้ จำกัด หนึ่งในบริษัทนำเข้าและจัดจำหน่ายยา เครื่องสำอาง และเครื่องมือแพทย์คุณภาพ    อันดับหนึ่ง กับการจัดงานเปิดตัวครั้งยิ่งใหญ่ของ “ Belluxi ” ผลิตภัณฑ์ Collagen Stimulator PCL              (Polycarpolactone) ในรูปแบบ Fully Liquid Technology ตัวใหม่ล่าสุด ที่โดดเด่น CPR Effect (Clear Pores,Perfect Tone,Restore Lines) ด้านการฟื้นฟูผิวอย่างเป็นธรรมชาติ ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่ ฟื้นฟูริ้วรอยร่องลึกและตื้น คืนความยืดหยุ่น รูขุมขนกระชับขึ้น เผยผิวกระจ่างใส เรียบเนียนอย่างเป็นธรรมชาติทำให้ผิวดูอ่อนเยาว์อย่างมีชีวิตชีวา โดยจะมีงาน Grand Opening “ Belluxi Ring The Belluxi Day “ อย่างเป็นทางการ ในวันศุกร์ที่ 19 กันยายน 2568 ณ Chadra Ballroom Siam Kempinski Hotel

ภายในงานได้รับเกียรติจาก คุณธัญน์ชนก พรมดาว ผู้บริหารจากบริษัท Let it Beauty Thailand และ คุณ Park Jun sung ผู้บริหารจากบริษัทเกาหลี เป็นประธานกล่าวเปิดงาน พร้อมด้วยทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจากประเทศเกาหลี นำทีมโดย คุณหมอพัค ยองจิน, คุณหมอชเว โฮซอง, คุณหมอฮง วอนกยู และคุณหมอยอ กึนดง มาพร้อมทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจากประเทศไทย นำทีมโดย ศ.นพ.วาสนภ วชิรมน, นพ.ธนนท์นัต กันต์นพฤทธิ์ และแพทย์หญิงภัทรพร จุ้ยยิ้ม ที่มาร่วมพูดคุยและร่วมแชร์เทคนิคการฉีด BELLUXI และประสบการณ์การใช้ BELLUXI Collagen Stimulator PCL (Polycarpolactone) ในรูปแบบ Fully Liquid ให้มีประสิทธิภาพเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด เพื่อตอบโจทย์ผู้ที่มีปัญหาผิวริ้วรอยร่องตื้นและลึก ดูหมองคล้ำ ไม่สดใส ตลอดจนแชร์เคล็ดลับดีๆ ที่ช่วยปลุกผิวให้สวยใสแบบที่เป็นตัวเองอีกครั้ง ท่ามกลางแขกผู้มีเกียรติในแวดวงความงามและอุตสาหกรรมความงาม โดยมี คุณแมท ธิว ดีน พิธีกรมากความสามารถ เป็นพิธีกรหลักในการดำเนินงานเปิดตัว BELLUXI ในครั้งนี้

BELLUXI ได้รับการวิจัยและพัฒนาจากทีมผู้เชี่ยวชาญในประเทศเกาหลี ทีมวิจัยและพัฒนา BELLUXI มุ่งเน้นมอบประสิทธิภาพ Collagen Stimulator PCL (Polycarpolactone) ในรูปแบบ Fully Liquid Technology สำหรับฉีดเข้าผิวหนัง เพื่อไปกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนที่เสื่อมสภาพอยู่ใต้ผิวหนังใบหน้า ให้ผิวกลับมาแข็งแรง      มีความเข้มข้นของ PCL ถึง 21% สามารถย่อยสลายไปได้เองจึงไม่มีสารตกค้างหรืออนุภาคขนาดใหญ่-เล็กที่อาจ
ไปขัดขวางการทำงานภายใต้ผิวปกติจนเกิดผลกระทบข้างเคียงในภายหลัง อีกทั้ง PCL ยังเป็นหนึ่งในสารที่ใช้ทำไหมละลายยอดนิยมมากกว่า 10 ปี BELLUXI จึงไม่เป็นอันตรายต่อร่างกาย เพื่อรับรองความปลอดภัยคุณสมบัติของ BELLUXI ภายใต้มาตรฐานความปลอดภัยระดับสากล พร้อมการรับรองจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา ประเทศไทย เลขที่ 68-2-1-2-0000232

BELLUXI Effect ฟื้นฟูผิวครบมิติด้วย CPR Effect

✨ Clear Pores – รูขุมขนกระชับ

การกระตุ้นตามกระบวนธรรมชาติของการสร้างคอลลาเจน เมื่อคอลลาเจนเพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่องส่งผลให้สุขภาพผิวแลดูเต่งตึงและเรียบเนียน อิ่มน้ำ ชุ่มชื้น รูขุมขนกระชับขึ้น

✨ Perfect Tone – โทนผิวสวย

ฟื้นฟูสุขภาพผิวจากภายในอย่างล้ำลึก เผยผิวกระจ่างใส เรียบเนียนอย่างเป็นธรรมชาติ

✨ Restore Lines – ฟื้นฟูโครงหน้า

ยกกระชับผิวที่หย่อนคล้อยด้วยการไปกระตุ้นให้เซลล์ Fibroblast เพื่อทำการผลิตคอลลาเจนและอิลาสตินให้มีจำนวนมากขึ้นจากเดิม โดยจะเป็นการกระตุ้นตามกระบวนธรรมชาติเสริมความหนาแน่น มีความแน่นฟู กระชับและเพิ่มความแข็งแรงของผิว

“BELLUXI” ผลิตภัณฑ์กลุ่ม Collagen Stimulator PCL (Polycarpolactone) ในรูปแบบ Fully Liquid Technology ที่ได้รับการรับรองมาตรฐานความปลอดภัยจากทั้งประเทศเกาหลีและประเทศไทย ช่วยดูแลและแก้ไขปัญหาผิวอย่างล้ำลึก ปัญหาผิวดูไม่กระชับ ดูหมองคล้ำ ไม่สดใส มีริ้วรอยเล็กๆ ฝ้ากระ ทำให้ดูไม่มั่นใจ เป็นปัญหาที่อยู่คู่กับคนไทยมานาน ด้วยสภาวะแวดล้อมที่มีอากาศร้อนจัด แดดแรงตลอดปี หรือ แม้กระทั่งฝุ่นควัน มลภาวะ ซึ่งเป็นตัวการหลักในการทำร้ายคอลลาเจนในชั้นผิว นอกจากปัญหาด้านวัยหรืออายุ เมื่ออายุเพิ่มขึ้น การผลิตคอลลาเจนของร่างกายค่อย ๆ ลดลง ส่งผลให้ผิวสูญเสียความยืดหยุ่น เกิดริ้วรอยและความหย่อนคล้อย อีกทั้งโครงสร้างผิวและรูปหน้าสูญเสียความสมดุล จนทำให้หลายคนหมดความมั่นใจ

“BELLUXI” คือคำตอบใหม่ของการดูแลผิว การฟื้นฟูผิว ลดอายุผิว ฟื้นฟูคอลลาเจนใต้ผิว ให้ได้ผิวที่แข็งแรง  สดใส ริ้วรอยดูลดเลือน ด้วยองค์ประกอบหลัก คือ สาร PCL หรือ Polycarpolactone ซึ่งมีความเข้มข้นของ PCL  (Polycarpolactone) ถึง 21% ซึ่งมีคุณสมบัติพิเศษในการช่วยให้ผิวฟู อุ้มน้ำ เพิ่มวอลุ่มให้ชั้นผิว

กระตุ้นคอลลาเจนตามกระบวนธรรมชาติ คืนความยืดหยุ่น ทำให้ผิวดูสดใส เรียบเนียน และกระชับให้ผิวดูอ่อนเยาว์ทำให้คุณกลับมารู้สึกมั่นใจได้อีกครั้ง มาร่วมคืนความมั่นใจ พร้อมเผยผิวสวยสุขภาพผิวดีเหนือระดับไปกับ BELLUXI ทางเลือกใหม่สำหรับผู้ที่ใส่ใจในสุขภาพผิวอย่างแท้จริง

]]>
1538896