Global Trend – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Fri, 26 Apr 2024 11:46:43 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 ผู้บริโภคเตรียมตัว! ภัยแล้งกระทบผลผลิต “กาแฟ” เวียดนาม – บราซิล ราคาพุ่งสูงสุดในรอบ 16 ปี https://positioningmag.com/1471281 Fri, 26 Apr 2024 09:22:51 +0000 https://positioningmag.com/?p=1471281 คอกาแฟเตรียมรับแรงกระแทกด้านราคา ภัยแล้งปีนี้กระทบหนักต่อผลผลิต “กาแฟ” ในเวียดนามและบราซิล สองแหล่งปลูกเมล็ดกาแฟโรบัสตาหลักของโลก ราคาเมล็ดกาแฟพุ่งขึ้นสูงสุดในรอบ 16 ปี คาดต้นทุนราคาจะถูกส่งต่อเป็นลูกโซ่สู่ผู้บริโภคปลายทาง

“เวียดนาม” เป็นแหล่งเพาะปลูกและส่งออกเมล็ดกาแฟสายพันธุ์โรบัสตาที่ใหญ่ที่สุดคิดเป็นสัดส่วน 1 ใน 3 ของซัพพลายทั่วโลก ตามด้วย “บราซิล” ที่ส่งออกมากไม่แพ้กัน แต่ทั้งสองประเทศนี้กำลังเผชิญภัยแล้งจาก “เอลนีโญ” ซึ่งทำให้ราคาเมล็ดกาแฟในตลาดฟิวเจอร์พุ่งขึ้นสูงสุดในรอบ 16 ปี

ปัญหาโลกร้อนกระทบทำให้เกิดภัยแล้งในเวียดนาม จะทำให้การเพาะปลูกกาแฟปีนี้ติดดอกติดผลได้น้อยลง มีผลต่อเนื่องถึงการเก็บเกี่ยวเมล็ดกาแฟปีหน้าที่จะมีซัพพลายน้อยลงแน่นอน เมื่อแนวโน้มเป็นเช่นนี้ทำให้ราคาเมล็ดกาแฟปรับขึ้นและมีการส่งออกน้อยลง

เมื่อเดือนมีนาคม 2024 สมาคมกาแฟแห่งเวียดนามคาดการณ์ว่า การส่งออกกาแฟของประเทศจะลดลง 20% ในช่วงเดือนตุลาคม 2023 – เดือนกันยายน 2024 เทียบกับช่วงเดียวกันของรอบปีก่อนหน้า

Tran Thi Lan Anh ผู้ช่วยผู้อำนวยการบริษัท Vinh Hiep บริษัทนำเข้าส่งออกของเวียดนาม นำความเห็นจากเกษตรกรและพ่อค้าคนกลางในตลาดกาแฟมารายงานว่า ราคาเมล็ดกาแฟต่อกิโลกรัมน่าจะปรับขึ้นได้อีก 15% จากราคาปัจจุบัน โดยสำนักข่าว Bloomberg รายงานว่า โอกาสที่กาแฟจะขึ้นราคาได้อีกทำให้เกษตรกรเวียดนามพากัน ‘กักตุน’ กาแฟไว้ก่อนเป็นบางส่วน เพื่อหวังว่าจะขายได้ในราคาที่สูงขึ้นอีกในอนาคต

ฝั่งซัพพลายกาแฟน้อยลง แต่ฝั่งดีมานด์ปรับเพิ่มขึ้น จึงทำให้ราคากาแฟทะยาน ปัจจุบันตลาดที่กำลังมาแรงสำหรับการขายกาแฟคือ “เอเชีย” เพราะเศรษฐกิจเอเชียมีแนวโน้มเป็นขาขึ้น ประชากรมีรายได้ใช้จ่ายมากขึ้น และ “กาแฟ” คือหนึ่งในสินค้าที่คนนิยม สถิติจากองค์กรกาแฟสากล พบว่า การบริโภคกาแฟในทวีปเอเชียเมื่อปี 2023 ปรับขึ้น 15% เทียบกับปี 2018 และเป็นตลาดใหญ่อันดับ 2 ของโลกรองจากทวีปยุโรป

กาแฟพันธุ์โรบัสตาเป็นกาแฟที่มักจะใช้ในการผลิตกาแฟผงสำเร็จรูป แต่ต้นทุนที่สูงขึ้นนี้คงต้องรออีกสักพักกว่าที่จะกระทบเป็นลูกโซ่ถึงผู้บริโภคปลายทาง

Source

]]>
1471281
UN เผย ‘เอเชีย’ ขึ้นแท่นทวีปที่ได้รับผลกระทบจากปัญหา ‘สภาพอากาศสุดขั้ว’ มากที่สุดในปี 2023 https://positioningmag.com/1471267 Fri, 26 Apr 2024 08:45:09 +0000 https://positioningmag.com/?p=1471267 เชื่อว่าคนไทยทุกคนต่างก็สัมผัสได้กับ ความร้อน ที่สูงขึ้นทุกปี ๆ และแน่นอนว่าไม่ใช่แค่ประเทศไทย แต่หลายประเทศในภูมิภาคเอเชียต่างก็เจอกับปัญหา สภาพอากาศสุดขั้ว ที่เกิดจากภาวะโลกร้อน ซึ่ง UN ได้เปิดเผยว่า เอเชีย ถือเป็นภูมิภาคที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดในปีที่ผ่านมา

องค์การอุตุนิยมวิทยาโลก World Meteorological Organization : WMO) ซึ่งเป็นหน่วยงานสภาพอากาศของสหประชาชาติ (UN) ระบุว่า ในปี 2023 ที่ผ่านมา เอเชียเป็นภูมิภาคที่ประสบภัยพิบัติมากที่สุดในโลก เนื่องจากสภาพอากาศที่รุนแรงและภัยคุกคามด้านสภาพภูมิอากาศทวีความรุนแรงมากขึ้นเนื่องจากภาวะโลกร้อน

“ในปีที่ผ่านมา หลายประเทศในภูมิภาคเอเชียเผชิญกับปีที่ร้อนที่สุดเป็นประวัติการณ์ ควบคู่ไปกับสภาวะที่รุนแรง ตั้งแต่ภัยแล้ง คลื่นความร้อน ไปจนถึงน้ำท่วมและพายุ” เซเลสต์ เซาโล เลขาธิการ WMO กล่าว

ประชาชนมากกว่า 9 ล้านคน บนทวีปได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมและพายุ ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตกว่า 2,000 ราย ขณะเดียวกันแนวโน้มคลื่นความร้อนที่เพิ่มขึ้นในภูมิภาคยังคงดำเนินต่อไป โดยรายงานเตือนว่า ตัวบ่งชี้การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่สำคัญ เช่น อุณหภูมิพื้นผิว การละลายของธารน้ำแข็ง และการเพิ่มขึ้นของระดับน้ำทะเล ส่งสัญญาณถึงสภาวะที่เลวร้ายลงและความจำเป็นในการป้องกันความเสี่ยงจากภัยพิบัติที่เพิ่มมากขึ้นในเอเชีย

ในปี 2023 อุณหภูมิเฉลี่ยทั่วเอเชียสูงสุดเป็นประวัติศาสตร์ เนื่องจากแนวโน้มภาวะโลกร้อนเพิ่มขึ้นเกือบสองเท่านับตั้งแต่ช่วงปี 1960-1990 ซึ่งทำให้เอเชียร้อนขึ้นเร็วกว่าค่าเฉลี่ยทั่วโลก โดยมีผู้เสียชีวิตและความสูญเสียทางเศรษฐกิจเพิ่มขึ้น โดยรายงานพบว่า อุณหภูมิในพื้นที่ตั้งแต่ไซบีเรียตะวันตกไปจนถึงเอเชียกลาง และจากจีนตะวันออกไปจนถึงญี่ปุ่นนั้นสูงขึ้นเป็นพิเศษ ในขณะที่ประเทศต่าง ๆ เช่น ญี่ปุ่นและคาซัคสถานเผชิญกับความร้อนที่ร้อนสูงสุดเป็นประวัติการณ์

แม้ว่า WMO พบว่าพื้นที่ส่วนใหญ่ในเอเชียได้รับผลกระทบจากการขาดแคลนฝนอย่างมาก แต่ก็มีเหตุการณ์สภาพอากาศสุดขั้วมากมายที่ทำให้เกิดฝนตกหนักและน้ำท่วม ตามรายงานล่าสุดพบว่า น้ำท่วมรุนแรงในจีนและความแห้งแล้งในอินเดียทำให้เกิดความเสียหายทางเศรษฐกิจส่วนใหญ่ในเอเชียแปซิฟิกมูลค่า 6.5 หมื่นล้านดอลลาร์ ในปีที่แล้ว

น้ำท่วมหนักทางตอนเหนือของจีนในเดือนกรกฎาคม ซึ่งประสบพายุที่เลวร้ายที่สุดในรอบหลายปี ในขณะที่เมืองหลวงของปักกิ่งมีฝนตกหนักที่สุดในรอบ 140 ปี ส่วนทางตะวันตกเฉียงใต้ของจีนประสบปัญหาภัยแล้งอย่างต่อเนื่อง โดยมีปริมาณน้ำฝนต่ำกว่าปกติเกือบทุกเดือนของปี 2023 

อินเดียยังต้องเจอกับปัญหาน้ำท่วมและความแห้งแล้ง และในเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา อินเดียมีเดือนที่ร้อนที่สุดในโลกนับตั้งแต่เคยบันทึกไว้ และอินเดียยังเผชิญกับคลื่นความร้อนในเดือนเมษายนและมิถุนายน ซึ่งทำให้มีผู้เสียชีวิตจากโรคลมแดดมากกว่า 100 ราย 

Source

]]>
1471267
‘Meta’ กำไรพุ่งเท่าตัวแต่มูลค่าดิ่ง 2 แสนล้านดอลลาร์ หลังนักลงทุนกังวลแผนการลงทุนเกี่ยวกับ AI และ Metaverse https://positioningmag.com/1471099 Thu, 25 Apr 2024 05:01:34 +0000 https://positioningmag.com/?p=1471099 แม้ว่าผลประกอบการของ Meta ในช่วง Q1/2024 จะออกมาค่อนข้างดี แต่มูลค่าบริษัทกลับลดฮวบถึง 2 แสนล้านดอลลาร์ หลังจากที่นักลงทุนกังวลถึงแผนการลงทุนของบริษัทที่ยังคงมีเรื่องของ Metaverse ซึ่งเป็นหนึ่งในแผนกที่ขาดทุนหนักที่สุด อีกทั้งยังมีแผนลงทุนใน AI ระยะยาว ซึ่งยังมองไม่เห็นโอกาสทำกำไร

Meta รายงานผลประกอบการ Q1/2024 โดยมีรายได้รวม 36,455 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น +27% จากช่วงเดียวกันในปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 12,369 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น +117% ที่น่าสนใจคือ รายได้จาก โฆษณา ที่เติบโตสูงถึง 27% ซึ่งรายได้จากโฆษณาคิดเป็นสัดส่วนสูงถึง 97.8% ตามด้วยธุรกิจด้าน AR VR และ Metaverse 1.2% และอื่น ๆ 1.0%

ทั้งนี้ การเติบโตของโฆษณานั้นส่วนหนึ่งมาจากที่ Threads เริ่มขายโฆษณาได้ รวมไปถึง Reels ฟีเจอร์วิดีโอสั้นที่สามารถตรึงให้ผู้ใช้อยู่บนแพลตฟอร์มได้

ในส่วนของจำนวนผู้ใช้งานประจำทุกวันรวมทุกแพลตฟอร์ม (Family Daily Active People – DAP) เพิ่มขึ้น +7% เป็น 3.24 พันล้านคน นอกจากนี้ จำนวนพนักงานทั่วโลกลดลงเหลือ 69,329 คน จากในปี 2022 ที่มีจำนวนพนักงานสูงสุดที่กว่า 87,000 คน

แม้ว่าบริษัทจะมีกำไรแต่หุ้นของ Meta ร่วงลงอย่างรวดเร็ว เนื่องจากนักลงทุนกังวลเกี่ยวกับการลงทุนที่กำลังจะเกิดขึ้น โดยเฉพาะในส่วนของ Metaverse ที่ขาดทุนอย่างหนักอีกครั้งถึง 3.8 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งถือว่าน้อยกว่าที่คาดไว้แล้วก็ตาม รวมแล้วตั้งแต่ปลายปี 2020 แผนกนี้ขาดทุนสะสมไปกว่า 4.5 หมื่นล้านดอลลาร์

อีกเรื่องหนึ่งเรื่องก็คือ AI โดย มาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก ซีอีโอของเมตา ต้องการจะลงทุนระยะยาวกับ AI เพื่อสร้างรายได้ใหม่นอกจากรายได้จากโฆษณา ดังนั้น บริษัทต้องจัดสรรทรัพยากรใหม่เพื่อมุ่งเน้นไปที่การลงทุนด้าน AI ส่งผลให้ค่าใช้จ่ายด้านทุนของปีนี้จะอยู่ที่ 35,000 – 40,000 ล้านดอลลาร์ ซึ่งเพิ่มขึ้นจากประมาณการเดิม

ไม่ใช่แค่การลงทุนที่เพิ่มขึ้น แต่การผลิตภัณฑ์ AI จนสามารถสร้างผลกำไรด้วยตัวมันเองของ Meta อาจต้องใช้เวลานานหลายปี และเขาก็ไม่สามารถระบุกรอบระยะเวลาในการทำกำไรจาก AI อย่างชัดเจน เพียงแต่ว่ามั่นใจในศักยภาพของบริษัทในด้านนี้

Source

]]>
1471099
Volkswagen ยังสู้ศึก EV ในจีน แม้ส่วนแบ่งทางการตลาดลดลง เตรียมส่งรถยนต์ไฟฟ้า 30 รุ่นภายในปี 2030 https://positioningmag.com/1470906 Thu, 25 Apr 2024 03:27:26 +0000 https://positioningmag.com/?p=1470906 โฟล์คสวาเกน (Volkswagen) ผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่จากเยอรมนี เตรียมส่งรถยนต์ไฟฟ้า 30 รุ่นจากหลากหลายแบรนด์ภายในปี 2030 และยังยืนยันที่จะเดินหน้าทำธุรกิจ โดยตั้งเป้าที่จะเป็นแบรนด์ต่างประเทศเบอร์ 1 ในจีน แม้ว่าตัวเลขส่วนแบ่งทางการตลาดในประเทศจีนจะเริ่มลดลงก็ตาม

Volkswagen ผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่จากเยอรมนี มีแผนที่จะผลิตรถยนต์ไฟฟ้ามากถึง 30 รุ่นเพื่อวางขายในประเทศจีนภายในปี 2030 ซึ่งตลาดดังกล่าวมีการแข่งขันที่ดุเดือดมากขึ้นเรื่อยๆ แต่บริษัทยังเดินหน้าในการทำธุรกิจ และต้องการที่จะเป็นแบรนด์ต่างประเทศเบอร์ 1 ในจีน

ผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ได้เปิดเผยในงาน Auto China 2024 ว่าบริษัทจะผลิตรถยนต์ไฟฟ้ามากถึง 30 รุ่นเพื่อวางขายในประเทศจีนภายในปี 2030 ภายใต้แบรนด์ต่างๆ ของบริษัท อย่างไรก็ดีบริษัทยังมีการผลิตรถยนต์ประเภทใช้เชื้อเพลงจากฟอสซิล 12 รุ่นและรุ่นไฮบริดอีก 6 รุ่นด้วย

Ralf Brandsatter ซึ่งเป็น CEO ของ Volkswagen ยังตั้งเป้าว่าภายในปี 2030 บริษัทจะส่งมอบรถยนต์ไฟฟ้าได้มากถึง 4 ล้านคันต่อปีภายในปี 2030 และเขายังกล่าวว่าในการผลิตสินค้าในจีนยังทำให้ต้นทุนการผลิตนั้นสามารถที่จะแข่งขันและทำให้บริษัทสามารถดำเนินธุรกิจแบบมีกำไรได้

บริษัทเองยังได้โปรโมตว่าการผลิตรถยนต์ไฟฟ้านั้นเกิดขึ้นในประเทศจีนเพื่อที่จะวางขายให้กับคนจีน (In China, for China) และยังกล่าวถึงการพัฒนาเทคโนโลยีของรถยนต์ไฟฟ้าหรือแม้แต่การจับมือกับพันธมิตรที่เป็นบริษัทจีน

Volkswagen ยังได้ส่งสัญญาณว่าบริษัทต้องการที่จะเป็นผู้ผลิตรถยนต์แบรนด์ต่างประเทศที่ต้องการเป็นเบอร์ 1 ในตลาดจีน ซึ่งบริษัทได้กล่าวถึงการทำตลาดในแดนมังกรมายาวนานกว่า 40 ปีและจะยังคงเดินหน้าต่อไป

ไม่เพียงเท่านี้ CEO ของ Volkswagen ยังกล่าวว่าจะมีความร่วมมือกับบริษัทในจีนเพื่อพัฒนาการผลิตรถยนต์ไฟฟ้ารวมถึงลดต้นทุนในการผลิตด้วย

การแข่งขันของผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศจีนถือว่าดุเดือดไม่น้อย เนื่องจากผู้ผลิตในจีนครองตลาดในแดนมังกรมากถึง 64% ในขณะที่ผู้ผลิตจากต่างประเทศ ซึ่ง Volkswagen ก็เป็นหนึ่งแบรนด์ที่อยู่ในตลาดดังกล่าว กลับมีส่วนแบ่งทางการตลาดลดลง

ภายใต้การแข่งขันอันดุเดือดดังกล่าวทำให้หลายแบรนด์เองต้องงัดลูกเล่นไม่ว่าจะเป็น การตัดราคา หรือแม้แต่การเพิ่งฟังก์ชั่นในการใช้งานรถยนต์ไฟฟ้า เพื่อที่จะดึงดูดลูกค้าชาวจีนให้ซื้อรถยนต์ไฟฟ้าของแบรนด์ตัวเอง

อย่างไรก็ดีในปี 2023 ที่ผ่านมาส่วนแบ่งทางการตลาดของ Volkswagen ในประเทศจีนได้ลดลง 0.6% เหลือเพียงแค่ 14.2% เท่านั้น แต่ผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่จากเยอรมนีรายนี้ได้ส่งสัญญาณว่าจะยังสู้ศึกดังกล่าวต่อไป

ที่มา – Volkswagen Group, CleanTechnica, South China Morning Post

]]>
1470906
‘อาลีบาบา’ เตรียมทุ่ม 2.6 พันล้านลงทุนใน ‘Ably’ อีคอมเมิร์ซสายแฟชั่นของเกาหลีใต้ https://positioningmag.com/1470875 Wed, 24 Apr 2024 06:33:49 +0000 https://positioningmag.com/?p=1470875 ตลาดอีคอมเมิร์ซทั่วโลกตอนนี้กำลังถูกยึดครองโดยจีนไปแล้ว เพราะมีผู้เล่นเบอร์ใหญ่หลายราย ไม่ว่าจะเป็นอาลีบาบา, TikTok และ Temu ที่กระจายตัวไปเป็นผู้นำตลาดอีคอมเมิร์ซในหลาย ๆ ประเทศ ล่าสุด อาลีบาบาก็เตรียมลงทุนในแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซในเกาหลีใต้ เพื่อเปิดทางในการรุกตลาดเกาหลีใต้

ตามรายงานโดยหนังสือพิมพ์ The Korea Economic Daily เปิดเผยว่า อาลีบาบา กรุ๊ป โฮลดิ้ง กําลังจับตามองการลงทุน ครั้งแรกในภาคอีคอมเมิร์ซของเกาหลีใต้ โดยกำลังเจรจาเพื่อลงทุน 72.4 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อซื้อหุ้น 5% ใน Ably Corp แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซสินค้าแฟชั่นหญิงของเกาหลีใต้

โดยการลงทุนดังกล่าวหากประสบความสำเร็จ จะช่วยให้อาลีบาบาสามารถตั้งหลักในตลาดเกาหลีใต้ได้มากขึ้น เนื่องจากปัจจุบัน ทั้ง AliExpress, Shein และ Temu กำลังแข่งขันกับแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซเจ้าใหญ่ของเกาหลีใต้อย่าง Gmarket และ Coupang

นอกจากนี้ อาลีบาบากำลังเผชิญกับการแข่งขันในตลาดโลกจากแพลตฟอร์มเพื่อนร่วมชาติ ทั้ง Shein และ PDD Holdings’ Temu ซึ่ง Ably จะเข้ามาช่วยเสริมกับกลยุทธ์ของ AliExpress ที่เพิ่งเปิดตัวช่องทางสำหรับขายเสื้อผ้าแฟชั่นผู้หญิงโดยเฉพาะ

Ably ก่อตั้งขึ้นในปี 2018 ปัจจุบัน แพลตฟอร์มมีมูลค่ามากกว่า 1.5 พันล้านดอลลาร์ และเติบโตจนมีจำนวนผู้ใช้มากที่สุดในแพลตฟอร์มแฟชั่นออนไลน์ของเกาหลีใต้ โดยมีผู้ใช้กว่า 8.05 ล้านคน ในเดือนมีนาคม อีกทั้ง Ably ยังเป็นแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซแฟชั่นเพียงรายเดียวที่ทํากําไรได้ในปีที่แล้ว

สำหรับข่าวการเจรจา AliExpress-Ably เกิดขึ้นหลายสัปดาห์หลังจากมีข่าวลือว่าอาลีบาบากําลังวางแผนการลงทุนประมาณ 1.1 พันล้านดอลลาร์ในเกาหลีใต้ในอีก 3 ปีข้างหน้า โดยอาลีบาบาจะใช้เงิน 200 ล้านดอลลาร์ในปีนี้เพื่อสร้างศูนย์โลจิสติกส์และ 100 ล้านดอลลาร์เพื่อช่วยบริษัทขนาดเล็กและขนาดกลางในการขายสินค้าของตนในต่างประเทศ นอกจากนี้ อาลีบาบาจะลงทุนอีก 72.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อปรับปรุงการคุ้มครองผู้บริโภค

ปัจจุบัน สินค้าจีนได้รับความสนใจจากนักช้อปชาวเกาหลีใต้ โดยปีที่แล้วการบริโภคออนไลน์เพิ่มขึ้น 121% เป็น 3.3 ล้านล้านวอนจากปีก่อนหน้า ซึ่งคิดเป็นเกือบครึ่งหนึ่งของการซื้อ e-commerce ในต่างประเทศทั้งหมดของประเทศ

Source

]]>
1470875
ตามคาด! “Tesla” กำไร Q1/2024 หดตัว “เกินครึ่ง” หลังผ่านศึกจีนตีตลาด – ดีมานด์ “รถอีวี” ซบเซา https://positioningmag.com/1470853 Wed, 24 Apr 2024 03:57:21 +0000 https://positioningmag.com/?p=1470853 “Tesla” รายงานกำไรไตรมาส 1 ปี 2024 หดตัว “เกินครึ่ง” จากปีก่อน เป็นไปตามคาดการณ์หลังถูก “รถอีวี” แบรนด์จีนตีตลาดด้วยราคาถูกกว่า บวกกับดีมานด์ที่เริ่มอ่อนตัวลง โดยบริษัทกำลังปรับตัวลดต้นทุนด้วยการ “เลย์ออฟ” พนักงาน และเตรียมโต้ศึกด้วยโมเดลรถยนต์รุ่นใหม่

Tesla รายงานผลประกอบการไตรมาสแรกปี 2024 ทำกำไรสุทธิ 1,130 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งถือว่าตกลงเกินครึ่งหนึ่งเมื่อเทียบกับไตรมาสแรกปี 2023 ที่เคยทำกำไรถึง 2,510 ล้านเหรียญสหรัฐ ผลจากการแข่งขันกับรถยนต์ไฟฟ้าแบรนด์จีนที่ทำราคาได้ถูกกว่า ผลกำไรที่ตกลงตามคาดนี้ทำให้ราคาหุ้น Tesla ตกลงมาแล้ว 43% ตั้งแต่เข้าปี 2024

ขณะที่รายได้ไตรมาสแรกปีนี้เองก็ตกลงเล็กน้อย โดยบริษัททำรายได้ได้ 21,300 ล้านเหรียญสหรัฐ ตกลงจากไตรมาสแรกปีก่อนที่เคยทำได้ 22,000 ล้านเหรียญสหรัฐ

ภาพจาก Shutterstock

ก่อนหน้านี้มีกระแสข่าวมากมายเกี่ยวกับการปรับตัวของ Tesla กับสงครามรถอีวีจีน ทั้งการลดต้นทุนที่บริษัทเตรียมจะเลย์ออฟพนักงาน 10% ของจำนวนพนักงานทั่วโลกที่มีอยู่ 140,000 คน และคาดว่าจะออกโมเดลรถรุ่นใหม่ภายในไตรมาส 2 ปี 2025 แต่ยังไม่แน่ชัดว่าบริษัทจะออกโมเดลรถในกลุ่มราคาไหน แม้จะมีข่าวสะพัดว่า Tesla อาจจะออกรถรุ่น ‘Model 2’ ที่เป็นรถรุ่นราคาถูกกว่าเพื่อสู้ศึกกับแบรนด์จีน ดึงลูกค้าหน้าใหม่ และดึงดูดใจในตลาดรถอีวีที่ดีมานด์กำลังตกลง

“ยอดขายในตลาดรถอีวีอยู่ภายใต้แรงกดดันอย่างต่อเนื่อง หลังจากผู้ผลิตรถยนต์หลายเจ้าหันไปเน้นการผลิตและขายรถยนต์ไฮบริดมากกว่าอีวี” Tesla แถลงเพื่อตอกย้ำว่าสถานการณ์ของบริษัทไม่ได้แปลกแตกต่างจากตลาดรวม

 

เลย์ออฟตามแผน

ตามแผนที่ Tesla แจ้งไว้ว่าจะมีการปลดพนักงานออก 10% ของจำนวนพนักงานทั่วโลก บริษัทเริ่มประกาศการเลย์ออฟแล้ว 3,332 ตำแหน่งในรัฐแคลิฟอร์เนีย และ 2,688 ตำแหน่งในโรงงาน ‘gigafactory’ ของบริษัทที่รัฐเท็กซัส โดยจะเริ่มปลดจริงตั้งแต่เดือนมิถุนายนนี้ รวมถึงจะมีการปลดพนักงาน 285 ตำแหน่งในนิวยอร์กด้วย

ท่ามกลางข่าวการปลดพนักงาน Tesla มีประเด็นเดือดอีกอย่างหนึ่งคือ “ค่าตอบแทน” ที่ให้แก่ “อีลอน มัสก์” นายใหญ่ของบริษัท เพราะบริษัทเคยมีการตั้งแพ็กเกจค่าตอบแทนให้มัสก์เป็นมูลค่าสูงถึง 56,000 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 2.06 ล้านล้านบาท) ซึ่งแพ็กเกจค่าตอบแทนนี้ถูกผู้พิพากษารัฐเดลาแวร์ปฏิเสธไป เพราะถือว่าเป็นการละเลยต่อหน้าที่ที่จะต้องดูแลผลประโยชน์ให้กับบริษัทก่อน

ล่าสุดเมื่อสัปดาห์ก่อน Tesla นำแพ็กเกจค่าตอบแทนนี้กลับมาให้คณะกรรมการบริษัทพิจารณาใหม่ แม้ว่าแพ็กเกจที่อิงตามราคาหุ้นนี้จะทำให้มูลค่าค่าตอบแทนจะลดลงไปเหลือประมาณ 46,000 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 1.69 ล้านล้านบาท) แล้วก็ตาม แต่มูลค่าดังกล่าวก็ยังสูงเสียจนมากกว่ามูลค่าจีดีพีของหลายประเทศในโลกด้วยซ้ำ

นอกจากจะปัดฝุ่นเรื่องค่าตอบแทนขึ้นมาในช่วงนี้แล้ว อีลอน มัสก์ ยังเสนอให้บอร์ดโหวตรับรองเพื่อย้ายที่ทำการบริษัทจากรัฐเดลาแวร์ไปรัฐเท็กซัสแทนด้วย ซึ่งไอเดียนี้เกิดขึ้นมาหลังจากผู้พิพากษาแห่งรัฐปฏิเสธไม่ให้จ่ายค่าตอบแทนให้กับมัสก์

Source

]]>
1470853
7-Eleven ตั้งเป้าภายในปี 2030 จะมี 100,000 สาขาทั่วโลก เจาะตลาดยุโรป ลาตินอเมริกา ตะวันออกกลาง เพิ่ม https://positioningmag.com/1470845 Wed, 24 Apr 2024 01:20:37 +0000 https://positioningmag.com/?p=1470845 เซเว่น อีเลฟเว่น (7-Eleven) ได้ตั้งเป้ามีร้านสะดวกซื้อทั่วโลกแตะ 100,000 สาขาภายในปี 2030 โดยเน้นตั้งเป้าขยายสาขาในประเทศต่างๆ ในทวีปยุโรป ลาตินอเมริกา ตะวันออกกลาง หรือแม้แต่แอฟริกา 

สำนักข่าว Reuters รายงานข่าวว่า Seven & i Holdings บริษัทแม่เจ้าของแฟรนไชส์ 7-Eleven ในประเทศญี่ปุ่น ได้เตรียมที่ขยายสาขาทั่วโลก โดยตั้งเป้าว่าภายในปี 2030 บริษัทจะขยายสาขาเพิ่มอีก 18% หรือคิดเป็น 100,000 สาขา เมื่อเทียบตัวเลขดังกล่าวกับตัวเลขล่าสุด

ตลาดที่ Seven & i Holdings จะเจาะโดยการขายสิทธิแฟรนไชส์สาขาก็คือ ยุโรป ลาตินอเมริกา นอกจากนี้ยังรวมถึงตะวันออกกลาง และแอฟริกา และจะทำให้เชนร้านสะดวกซื้อนั้นขยายสาขาได้เป็น 30 ประเทศทั่วโลก จากเดิมซึ่งอยู่ที่ 20 ประเทศ

แผนดังกล่าวนั้นตามมาจากแผนของ Seven & i Holdings ที่ตั้งเป้าในปี 2026 จะมีสาขาในทวีปเอเชียเพิ่มขึ้นอีก 3,600 สาขา โดยมองปัจจัยสำคัญมาจากชนชั้นกลางที่เพิ่มจำนวนมากขึ้น ส่งผลต่อการจับจ่ายใช้สอยที่เพิ่มขึ้นตาม ขณะเดียวกันร้านสะดวกซื้อเองก็ถือว่าตอบโจทย์การใช้ชีวิตในยุคปัจจุบัน

ก่อนหน้านี้บริษัทได้ทุ่มงบลงทุนมากถึง 2,000 ล้านเหรียญสหรัฐ เพื่อเร่งขยายสาขาในสหรัฐอเมริกา หรือแม้แต่ออสเตรเลียหลังจากในปีที่ผ่านมา Seven & i Holdings ได้ซื้อธุรกิจร้านสะดวกซื้อจำนวน 751 สาขากลับมา เพื่อที่จะขยายธุรกิจได้รวดเร็วมากขึ้น

นอกจากนี้แรงกดดันจากนักลงทุนยังทำให้ Seven & i Holdings เตรียมขายสินทรัพย์ที่ไม่สร้างกำไรให้กับบริษัทอย่างธุรกิจ Supermarket ในประเทศญี่ปุ่นออกไปอีกด้วย

ข้อมูลล่าสุดช่วงปลายปี 2023 จำนวนร้านสะดวกซื้อ 7-Eleven นั้นมีอยู่มากกว่า 80,000 สาขาทั่วโลก โดยจำนวนสาขาที่เยอะมากสุดคืออยู่ในทวีปเอเชีย 

]]>
1470845
มาเลเซียตั้งเป้าเป็น ‘ศูนย์กลางดิจิทัลระดับภูมิภาค’ ภายในปี 2030 ดึงดูดสตาร์ทอัพหรือแม้แต่บริษัทเทคฯ เข้ามาลงทุนในประเทศ https://positioningmag.com/1470683 Tue, 23 Apr 2024 08:14:01 +0000 https://positioningmag.com/?p=1470683 มาเลเซียเตรียมที่จะตั้งเป้าเป็นศูนย์กลางดิจิทัลระดับภูมิภาคภายในปี 2030 ให้ได้ ไม่ว่าจะเป็นการดึงดูดสตาร์ทอัพหรือแม้แต่บริษัทเทคฯ ต่างๆ เข้ามาลงทุนในประเทศ รวมถึงการออกแบบเซมิคอนดักเตอร์ เพื่อที่จะเพิ่มมูลค่าให้กับเศรษฐกิจในประเทศ

Anwar Ibrahim นายกรัฐมนตรีของมาเลเซีย ได้กล่าวในงาน KL20 Summit ว่า มาเลเซียต้องการที่จะตั้งเป้าเป็นศูนย์กลางดิจิทัลระดับภูมิภาค และต้องการที่จะติด 1 ใน 20 ประเทศในดัชนี Global Start-up Ecosystem ภายในปี 2030 ให้ได้

แผนการดังกล่าวนั้นมีทั้งการที่จะปั้นให้มาเลเซียที่จากเดิมเป็นแหล่งสำหรับทดสอบและทำแพ็กเกจจิ้งชิป และมีส่วนแบ่งในอุตสาหกรรมมากถึง 13% ให้กลายเป็นแหล่งสำหรับออกแบบชิป ซึ่งการออกแบบชิปถือว่าเป็นอุตสาหกรรมที่มีมูลค่าสูงมากกว่า หลังจากนี้จะมีการตั้งพื้นที่สำหรับการออกแบบชิปโดยเฉพาะ

โดยสำหรับพื้นที่สำหรับการออกแบบชิป นายกรัฐมนตรีของมาเลเซีย ได้กล่าวว่า รัฐบาลมาเลเซียได้พูดคุยกับบริษัทออกแบบชิประดับโลกอย่าง Arm ในเรื่องดังกล่าวแล้ว แต่เขาไม่ได้ให้รายละเอียดเพิ่มเติมแต่อย่างใด

สำหรับการให้ความช่วยเหลือสตาร์ทอัพที่ตั้งธุรกิจในมาเลเซีย รัฐบาลได้วางแผนทั้งการให้ข้อมูลทั้งภายในประเทศและต่างประเทศ โอกาสในการหาลูกค้า การให้ความช่วยเหลือในเรื่องของวีซ่า หรือแม้แต่การให้ความรู้ในเรื่องการระดมทุน

นายกรัฐมนตรีของยังเชิญชวนให้บริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่มาลงทุนในประเทศ และยังกล่าวเสริมว่ากองทุนที่ลงทุนในสตาร์ทอัพทั่วโลก หรือ Venture Capital มากถึง 12 แห่งเตรียมที่จะตั้งสำนักงานในประเทศ เพื่อที่จะสร้างระบบนิเวศขึ้นให้ได้

ไม่เพียงเท่านี้กองทุนความมั่งคั่งของมาเลเซียอย่าง Khazanah Nasional เตรียมเม็ดเงินมากถึง 1,000 ล้านริงกิต เพื่อที่จะลงทุนในบริษัทมาเลเซียที่มีการเติบโตสูงและมีนวัตกรรมทันสมัยด้วย

Rafizi Ramli รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังของมาเลเซียยังกล่าวเสริมในเรื่องของแผนการของมาเลเซียในครั้งนี้ว่า มาเลเซียต้องการที่จะดึงดูดสตาร์ทอัพจากทั่วโลก บริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่ รวมถึงแรงงานทักษะสูง ซึ่งจะสร้างตำแหน่งงานทักษะสูงในอนาคต โดยตั้งเป้าว่าตำแหน่งงานดังกล่าวจะเพิ่มขึ้น 100,000 ตำแหน่ง

นอกจากนี้ยังรวมถึงการให้วีซ่าระยะยาวแก่เจ้าของบริษัทสตาร์ทอัพ การให้สิทธิประโยชน์ทางด้านภาษี เพื่อที่จะทำให้มาเลเซียกลายเป็นศูนย์กลางดิจิทัลระดับภูมิภาคให้ได้

ที่มา – Malay Mail, Reuters

]]>
1470683
หวั่นผูกขาด! สหรัฐฯ ฟ้องระงับการควบรวมกิจการ ‘Coach’ – ‘Capri’ มูลค่า 8.5 พันล้านดอลลาร์ https://positioningmag.com/1470744 Tue, 23 Apr 2024 04:53:16 +0000 https://positioningmag.com/?p=1470744 ย้อนไปช่วงเดือนสิงหาคม 2023 ที่ผ่านมา บริษัท Tapestry Inc. ซึ่งเป็นเจ้าของแบรนด์สินค้าลักชัวรีอย่าง Kate Spade และ Coach กำลังเข้าซื้อกิจการ Capri Holdings ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของ Michael Kors และ Versace ในมูลค่า 8.5 พันล้านดอลลาร์ หรือเกือบ 3 แสนล้านบาท

อย่างไรก็ตาม การเข้าซื้อกิจการดังกล่าวอาจไม่ได้ราบรื่นอย่างที่คิด เนื่องจาก คณะกรรมาธิการการค้าของรัฐบาลกลางสหรัฐฯ (US Federal Trade Commission: FTC) กำลังฟ้องร้องเพื่อสกัดข้อตกลงการควบรวมกิจการของ Tapestry กับ Capri Holdings

สาเหตุที่ทำให้ FTC ยื่นฟ้องระงับการควบรวมกิจการเป็นเพราะ สมาชิกสภานิติบัญญัติของสหรัฐฯ หลายรายต้องการให้ FTC เพิ่มความเข้มงวดในการตรวจสอบดีลการควบรวมกิจการมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์ เนื่องจากมีความเสี่ยงทำให้สินค้ามีราคาแพงขึ้นจนส่งผลกระทบต่อผู้บริโภค นอกจากนี้ ผู้บังคับใช้การต่อต้านการผูกขาดของสหรัฐฯ ยังได้ออกแนวทางการควบรวมกิจการใหม่ในช่วงเดือนธันวาคมที่ผ่านมา เพื่อส่งเสริมตลาดที่ยุติธรรม เปิดกว้าง และมีการแข่งขัน

“ข้อเสนอการควบรวมกิจการอาจส่งผลต่อการแข่งขันด้านราคา ส่วนลดและโปรโมชั่น นวัตกรรม การออกแบบ การตลาด และการโฆษณา” FTC กล่าวในแถลงการณ์

ย้อนไปเดือนสิงหาคม 2023 ที่ผ่านมา บริษัท Tapestry ได้เสนอซื้อ Capri โดยหวังว่าจะต่อสู้กับคู่แข่งรายใหญ่ของยุโรป เช่น LVMH ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของ Louis Vuitton และอาจได้รับส่วนแบ่งมากขึ้นในตลาดสินค้าหรูหราระดับโลก แม้ดีลดังกล่าวจะเริ่มพูดคุยในเดือนสิงหาคม แต่แต่ FTC ได้ขอข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับข้อตกลงดังกล่าวในเดือนพฤศจิกายน

อย่างไรก็ตาม หลังจากที่ FTC เตรียมยื่นฟ้องให้ระงับการควบรวม ทาง Capri Holdings ก็ออกมาแสดงความเห็นว่า ไม่เห็นด้วยอย่างยิ่งกับการตัดสินใจของ FTCดยบริษัทมองว่า หน่วยงานไม่ได้มองถึง ความเป็นจริงของตลาดที่แข่งขันกันเข้มข้น และธุรกรรมนี้จะไม่ส่งผลต่อการแข่งขัน

ขณะที่ Tapestry กล่าวเสริมว่า ดีลดังกล่าวเป็นข้อตกลงที่เอื้อการแข่งขันและสนับสนุนผู้บริโภค และ FTC กำลังเข้าใจผิดถึงการแข่งขันของตลาดและวิธีที่ผู้บริโภคซื้อสินค้า

Source

]]>
1470744
ตึงเครียดทั่วโลก! งบ ‘การทหาร’ ทั่วโลกพุ่งทะลุ 2.44 ล้านล้านดอลลาร์ แตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ เนื่องจากภาวะสงคราม https://positioningmag.com/1470667 Mon, 22 Apr 2024 12:17:41 +0000 https://positioningmag.com/?p=1470667 จากสงคราม รัสเซีย-ยูเครน ตามด้วยความตึงเครียดแถบตะวันออกกลางของ อิสราเอล กับภัยคุกคาม ทั้งจาก กลุ่มฮามาส ฮิซบอลเลาะห์ อิหร่าน และในเขตเวสต์แบงก์ ยังไม่รวมความขัดแย้งของ จีน-สหรัฐฯ ที่พลอยทำให้ จีนกับไต้หวันเริ่มตึง ๆ ใส่กัน ดังนั้น การที่งบที่ใช้จ่ายกับการทหารทั่วโลกจะสูงขึ้น จึงไม่ใช่อะไรที่น่าแปลกใจนัก

ข้อมูลจาก สถาบันวิจัยสันติภาพนานาชาติสตอกโฮล์ม (SIPRI) เปิดเผยว่า ในปี 2566 ที่ผ่านมา งบการลงทุนทางทหารทั่วโลกแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ที่ 2.44 ล้านล้านดอลลาร์ +6.8% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา และเพิ่มขึ้นสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2552 ที่มีรายงานเรื่องแนวโน้มการใช้จ่ายทางทหาร

“การใช้จ่ายทางทหารที่เพิ่มขึ้นอย่างไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนเป็นการตอบสนองโดยตรงต่อการเสื่อมถอยของสันติภาพและความมั่นคงทั่วโลก” หนาน เทียน นักวิจัยอาวุโสในโครงการการใช้จ่ายทางทหารและการผลิตอาวุธของ SIPRI กล่าว

รายงานระบุว่า รายจ่ายทางการทหารเพิ่มขึ้นติดต่อกันเป็นปีที่ 9 และรายจ่ายทางการทหารเพิ่มขึ้นในทุกภูมิภาคของโลก ซึ่งปัจจัยสำคัญมาจาก สงครามรัสเซีย-ยูเครน และความตึงเครียดที่เพิ่มขึ้นใน ตะวันออกกลาง

แน่นอนว่ายูเครนและรัสเซียซึ่งอยู่ในภาวะสงครามอย่างแข็งขัน ติดอันดับประเทศที่เพิ่มการใช้จ่ายทางทหารมากที่สุดในปี 2566 อยู่ที่ 51% และ 24% ตามลำดับ โดยค่าใช้จ่ายทางการทหารตามจริงของ รัสเซีย ยังคงสูงกว่ายูเครนอยู่มาก โดยอยู่ที่ประมาณ 109,000 ล้านดอลลาร์ ส่วน ยูเครน อยู่ที่ 64,800 ล้านดอลลาร์

โดย รัสเซีย กลายเป็นรายจ่ายทางการทหารรายใหญ่ อันดับ 3 ของโลก ตามหลัง สหรัฐฯ ที่ใช้จ่าย 916,000 ล้านดอลลาร์ +2.3% และ จีน ใช้จ่าย 296,000 ล้านดอลลาร์ +6% ในขณะที่ค่าใช้จ่ายของ เยอรมนี และ สหราชอาณาจักร เพิ่มขึ้น +9% และ +7.9% ตามลำดับ ส่วน อิสราเอล ซึ่งกำลังอยู่ในความขัดแย้งเช่นกัน ใช้จ่าย 27,500 ล้านดอลลาร์ +24%

“ค่าใช้จ่ายทางทหารรายเดือนของอิสราเอลเพิ่มขึ้นอย่างมากนับตั้งแต่เริ่มสงครามในฉนวนกาซา”

ในแถบเอเชีย ประเทศอย่าง ไต้หวัน ใช้จ่ายทางทหารที่ 16,600 ล้านดอลลาร์ +11% ซึ่งเป็นยอดใช้จ่ายเพิ่มขึ้นมากสุดในรอบ 5 ปี เนื่องจากไต้หวันก็ต้องเตรียมพร้อมรับมือกับภัยคุกคามจากรัฐบาลจีน ส่วน เกาหลีใต้ ใช้ 47,900 ล้านดอลลาร์ +1.1%

ที่น่าสนใจคือ ญี่ปุ่น ที่ใช้มากถึง 50,200 ล้านดอลลาร์ +11% ซึ่งถือเป็นงบประมาณที่เพิ่มขึ้น มากที่สุดนับตั้งแต่ปี 2515 และยังถือเป็นงบสร้างกองทัพที่มากที่สุดของญี่ปุ่น นับตั้งแต่ช่วงสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 2

สำหรับ ไทย มีการใช้จ่ายทางทหารอยู่อันดับที่ 38 ของโลก โดยมีงบประมาณอยู่ที่ 5,800 ล้านดอลลาร์ ลดลงจากปีก่อนหน้า 6.5%

]]>
1470667