Advertorial – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Tue, 26 Nov 2024 06:09:05 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 THE KLINIQUE จับอินไซต์ “ทำสวย” ของคนไทย สู่แคมเปญ “หมอไหน” รุก Music Marketing ครั้งแรก ย้ำภาพคลินิกความงามเบอร์ 1 ในไทย https://positioningmag.com/1500501 Tue, 26 Nov 2024 03:45:31 +0000 https://positioningmag.com/?p=1500501

ในยุคปัจจุบันเรื่องการ “ศัลยกรรม” ไม่ใช่เรื่องที่น่าอายอีกต่อไป สังคมได้เปิดกว้างมากขึ้น อีกทั้งคนไทยก็มีพฤติกรรมเสริมความงามด้วยมีดหมอมากขึ้น ทุกเพศทุกวัยสามารถเข้าถึงการทำหัตถการ และศัลยกรรม ประโยคที่ว่าทำบุญสวยชาติหน้า ทำหน้าสวยชาตินี้จึงกลายเป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นจริง ที่หลายคนคงปฏิเสธไม่ได้แล้ว

ส่งผลให้ตลาดคลินิกเสริมความงามมีการเติบโตอย่างต่อเนื่องในไทย แม้จะมีวิกฤตการณ์ใดๆ แต่ก็มิอาจหยุดสวยได้ โดยที่ศูนย์วิจัยกสิกรไทยได้ประเมินภาพรวมธุรกิจศัลยกรรม และเสริมความงามของประเทศไทยปี 2566 มีมูลค่าตลาดประมาณ 71,000-72,000 ล้านบาท มีการเติบโตเฉลี่ยปีละ 10%

THE KLINIQUE (เดอะคลีนิกค์) เป็นชื่อที่คุ้นหู และได้ยินมาอย่างยาวนาน ได้ทำตลาดในไทยแล้ว 16 ปี เป็นหนึ่งในผู้บุกเบิกตลาดคลินิกความงามยุคแรกๆ ในไทยเลยก็ว่าได้ จึงได้รับความไว้วางใจจากคนไทย และชาวต่างชาติมาจนถึงทุกวันนี้


แข็งแกร่งด้วยการเติบโตมากกว่าตลาด

ปัจจุบัน THE KLINIQUE มีส่วนแบ่งการตลาดเป็นอันดับ 1 ของกลุ่มธุรกิจคลินิกความงามขนาดใหญ่ในประเทศไทย ด้วยสาขารวมกว่า 70 แห่งทั่วประเทศ รายได้มีการเติบโตในระดับ 2 หลัก ถือว่าเป็นการเติบโตมากกว่าตลาด โดยในปี 2566 มีรายได้จากแผนกผิวหนัง และความงาม 80.7% แผนกศัลยกรรมตกแต่ง 10.3% แผนกชะลอวัยและฟื้นฟูสุขภาพ 6.3% และแผนกลดน้ำหนักและดูแลรูปร่าง 2.7%

ทั้งในแง่ของแบรนดิ้งก็มีความแข็งแกร่ง ได้รับรางวัลชนะเลิศในระดับเอเชียแปซิฟิกคือ “Winner of the Ulthera Lifting Highest Achievement Asia-Pacific Award” ซึ่งแสดงให้เห็นว่า THE KLINIQUE  มีการเติบโตและได้รับความเชื่อมั่นทั้งในประเทศและระดับสากล

นายแพทย์อภิรุจ ทองวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เดอะคลีนิกค์ คลินิกเวชกรรม จำกัด (มหาชน) เริ่มเล่าว่า

“THE KLINIQUE มีการเติบโตมากกว่า 2-3 เท่าของอุตสาหกรรม เป็นการเติบโตสวนกระแส ซึ่งแสดงถึงความแข็งแกร่งของแบรนด์ โดยมีการเติบโตจาก 3 ปัจจัยคือ

  1. ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการแพทย์ความงามของโลก ประเทศไทยเป็น 1 ใน 5 ศูนย์กลางการแพทย์ความงามของโลก เป็นรองเพียงสหรัฐอเมริกา เกาหลีใต้ จีน และ บราซิล
  2. ทิศทางผู้บริโภค แม้ว่าประชากรไทยมีแนวโน้มจะลดลงในช่วงปี 2567-2583 แต่รายได้เฉลี่ยของประชากรมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นถึง 60.3% ทำให้เกิดกำลังซื้อที่จะเพิ่มขึ้นอย่างมากในกลุ่มประชากรในเมือง (Urban residents) ซึ่งตรงกับกลุ่มเป้าหมายของ THE KLINIQUE
  3. นโยบายสนับสนุนจากภาครัฐ ประเทศไทยได้รับการผลักดันจากภาครัฐให้เป็นศูนย์กลางการแพทย์ความงามของโลก พร้อมกับนโยบายกระตุ้นซอฟต์พาวเวอร์ด้านการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ ซึ่งจะดึงดูดให้ชาวต่างชาติเดินทางมาประเทศไทยเพื่อรับบริการศัลยกรรมและเสริมความงาม

เมื่อลงลึกในตลาดคลินิกความงามที่มีมูลค่ากว่า 72,000 ล้านบาทนั้น สามารถแบ่งตามรูปแบบการให้บริการเป็น 2 ประเภท คือ 1. ธุรกิจบริการหัตถการเสริมความงาม 25% และ 2. ธุรกิจศัลยกรรมความงาม 75%

โดยที่ธุรกิจบริการหัตถการเสริมความงาม ส่วนใหญ่ผู้บริโภคจะใช้บริการเพื่อการรักษาและบำรุงผิวมากที่สุด ควบคู่กับการใช้บริการหัตถการประเภทอื่น บริการนี้ได้รับความนิยมมากขึ้นในยุคปัจจุบัน เนื่องจากผู้บริโภคหลายคนมีการเปลี่ยนจากการใช้สกินแคร์ มาทำหัตถการ เพราะได้รับผลลัพธ์ที่ดีกว่า รวดเร็วกว่า

พบว่า ผู้บริโภคเลือกใช้บริการหัตถการเสริมความงามที่คลินิกขนาดใหญ่ที่มีสาขามากที่สุด ทั้งในกลุ่มการฉีด (โบท็อกซ์ ฟิลเลอร์ IV Dip สเต็มเซลส์) กลุ่มรักษาและบำรุงผิว (ทรีตเมนต์ ฉีดสิว/กดสิว เลเซอร์ผิว เลเซอร์กำจัดขน) และกลุ่มลดไขมัน ปรับรูปร่าง รูปหน้า (คลื่นความถี่ เทคโนโลยีกระชับสัดส่วน ร้อยไหม)

บริการหัตถการมีแนวโน้มในการขยายฐานผู้ใช้บริการมากขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มผู้ชาย และกลุ่ม Gen Z มีกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่ฉีดโบท็อกซ์ตั้งแต่อายุยังน้อยมากขึ้น เพราะมีการดูแลตัวเองมากขึ้น

สำหรับกลุ่มศัลยกรรมความงาม ก็เป็นกลุ่มที่มีการเติบโตไม่แพ้กัน โดยที่ 5 อันดับที่คนไทยนิยมทำศัลยกรรมมากที่สุด ได้แก่ จมูก, ตา, ใบหน้า (คาง กราม), ดูดไขมัน และหน้าอก ในประเทศไทยโด่งดังในการผ่าตัดหน้าอก และผ่าตัดแปลงเพศ

จากข้อมูลพบว่า ผู้ที่ผ่านการทำศัลยกรรมส่วนใหญ่ยังคงทำศัลยกรรมมากกว่า 1 ประเภท คิดเป็น 65% ของผู้ที่เคยทำศัลยกรรม อีกทั้งผู้บริโภคมีแนวโน้มให้ความสนใจการศัลยกรรมเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะกลุ่ม Gen Z และ LGBTQIA+


จับอินไซต์ได้อยู่หมัด สู่แคมเปญ “หมอไหน”

เรียกได้ว่า THE KLINIQUE เป็นคลินิกความงามรายแรกที่ลงทุนทำ Music Marketing ในการสื่อสารกับผู้บริโภคผ่านแคมเปญ “หมอไหน” เพื่อเป็นการสื่อสารว่าในการการทำศัลยกรรม หรือหัตถการเสริมความงามในแต่ละครั้ง ไม่ใช่ว่าจะทำกับหมอที่ไหนก็ได้ แต่ต้องเป็นหมอ และคลินิกที่ได้มาตรฐาน อีกทั้งยังเล่นกับวลีของคนในวงการศัลยกรรม ที่เมื่อเห็นเพื่อนไปอัพหน้าซีรีส์ใหม่ จะต้องถามเลยว่า “จมูกนี้หมอไหน” บางคนก็จะได้ตามไปทำด้วยนั่นเอง

แคมเปญหมอไหน ถือเป็นหนึ่งในนวัตกรรมของ THE KLINIQUE ที่ทำการสื่อสารผ่าน Music Marketing ได้ทำงานร่วมกับค่ายเพลงระดับโลกอย่าง Warner Music Thailand พร้อมได้นักร้องสาว “น้ำชา ชีรณัฐ” มาเป็นผู้ขับร้อง พร้อมกับแสดงมิวสิควิดีโอ Featuring นัท นิสามณี

โดยมีเนื้อหาที่สะท้อนนิยามความสวยแบบใหม่ บ่งบอกถึงยุคสมัยที่ผู้บริโภคภูมิใจในการตัดสินใจกำหนดนิยามความงามได้ด้วยตัวเอง สะท้อนมุมมองของผู้บริโภคในปัจจุบันที่มีต่อการทำหัตถการและศัลยกรรมว่าเป็นเรื่องที่ทำได้ ผู้บริโภคกล้าเปิดเผยและมั่นใจที่จะทำ ไม่ต้องปกปิดอีกต่อไป เพราะดูดีจนคนต้องถามว่า “ทำกับหมอไหนมา” โดยการใช้ Music Marketing ช่วยทำให้แบรนด์สามารถเข้าถึงคนรุ่นใหม่ได้มากขึ้น รวมทั้งเป็นแคมเปญที่สื่อสารถึงจุดแข็งในเรื่องทีมบุคลากรทางการแพทย์ของ

นายแพทย์อภิรุจ เสริมอีกว่า เมื่อผู้บริโภคปัจจุบันมีความภูมิใจในการรับบริการหัตถการและศัลยกรรมเสริมความงาม และมีความต้องการมากขึ้น THE KLINIQUE เองจึงใช้กลยุทธ์ “Proud to be New” ซึ่งหลอมรวมมุมมองเชิงบวกของผู้บริโภคปัจจุบันที่มีต่อการศัลยกรรมความงาม เข้ากับการสร้างนวัตกรรมใหม่ๆ ที่แบรนด์ภูมิใจ เกิดเป็นแคมเปญ “หมอไหน” เพื่อสื่อสารว่า การทำศัลยกรรมเป็นการตัดสินใจครั้งสำคัญ ไม่ใช่จะทำกับหมอที่ไหนก็ได้ แต่ต้องอยู่ในความดูแลของหมอผู้ชำนาญการเฉพาะเท่านั้น โดยชื่อเพลงมีที่มาจากคำค้นหาที่ติดอันดับสูงสุดทางอินเตอร์เน็ตในเรื่องการทำหัตถการและศัลยกรรมที่ทีมการตลาดของ THE KLINIQUE ได้รวบรวมข้อมูลเพื่อความเข้าใจผู้บริโภคอย่างลึกซึ้ง ปัจจุบันเพลงหมอไหนมียอดวิวมากกว่า 1 ล้านวิวแล้วใน TikTok



ลงทุน 500 ล้าน ขยายเพิ่มอีก 20 สาขา

สำหรับในปี 2567 THE KLINIQUE มีการใช้งบลงทุนรวม 500 ล้านบาท ทั้งในแง่ของการขยายสาขาใหม่ 20 แห่ง เฉลี่ย 25-30 ล้านบาท/สาขา ทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด รวมไปถึงการลงทุนพัฒนานวัตกรรมความงาม เครื่องมือทางการแพทย์ และเทคโนโลยีใหม่

ในปี 2568 ได้เตรียมขยายสาขาเพิ่มอีก 10-15 สาขา ครบคลุมทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัดเช่นกัน

ปัจจุบัน THE KLINIQUE มีฐานลูกค้าที่มีกำลังซื้อสูง 300,000 ราย เป็นลูกค้าประจำที่มีการมาซ้ำ 70% สัดส่วนลูกค้าคนไทยประมาณ 85% ต่างชาติ 15% ส่วนใหญ่มาจากกลุ่มประเทศเพื่อนบ้าน CLMV, จีน และกลุ่มตะวันออกกลาง ลูกค้ากลุ่มนี้มียอดการใช้จ่ายเฉลี่ย 12,000-15,000 บาท/ครั้ง

ในปีนี้ THE KLINIQUE ตั้งเป้าการเติบโตที่ 30% เป็นการเติบโตมากกว่าตลาด 3 เท่า และมีรายได้ 2,900-3,000 ล้านบาท

 

]]>
1500501
ชมงานอาร์ต ศิลปะร่วมสมัย และแสง สี งานไฟกลางกรุง พร้อม “ยลสายน้ำ ยินทำนอง Melodies of the River” ในงาน Bangkok River Festival 2024 สายน้ำแห่งวัฒนธรรมไทย https://positioningmag.com/1498853 Thu, 14 Nov 2024 02:57:35 +0000 https://positioningmag.com/?p=1498853

เรียกได้ว่ามางานเดียว ได้ครบทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นการสืบสานประเพณีลอยกระทง ขอขมาพระแม่คงคา ลอยกระทงแบบวิถีคนรักษ์โลก กับบ่อลอยรักษ์โลก ในงาน Bangkok River Festival 2024 สายน้ำแห่งวัฒนธรรมไทย ที่ปีนี้จัดต่อเนื่องเป็นปีที่ 10 ณ 10 ท่าน้ำร่วมสมัย ภายใต้แนวคิด “ยลสายน้ำ ยินทำนอง Melodies of the River” ระหว่างวันที่ 14 – 16 พ.ย.นี้ นอกจากกิจกรรมที่ทุกคนจะได้รับชมมหรสพที่หาชมได้ยาก พร้อมร่วมรำลึกถึงดุริยกวีแห่งกรุงรัตนโกสินทร์ หลวงประดิษฐ์ไพเราะ (ศร ศิลปบรรเลง) ไหว้พระ ทำบุญ ช้อป ชิม สินค้าชุมชน แล้ว ภายในงานยังมีผลงานศิลปะร่วมสมัยจากงานเทศกาลศิลปะร่วมสมัยนานาชาติ บางกอก อาร์ต เบียนนาเล่ 2024 (BAB2024) ทั้งจากศิลปินต่างชาติและศิลปินไทย ชั้นนำทั่วโลก ที่มีผลงานศิลปะส่วนหนึ่งจัดแสดง ณ พื้นที่การจัดงาน Bangkok River Festival 2024 ได้แก่ วัดโพธิ์ วัดอรุณฯ วัดประยูรฯ ที่พร้อมให้ทุกท่านได้รับชมความงามที่มุ่งเน้นที่จะถ่ายทอดความหมายที่แตกต่างของธรรมชาติ การเลี้ยงดู ความเป็นผู้หญิง และการครุ่นคิดเกี่ยวกับนิเวศวิทยา การเมือง หรืออำนาจเหนือธรรมชาติต่าง ๆ เพื่อสะท้อนให้เห็นถึงสภาพปัจจุบัน กระตุ้นให้ฉุกคิด รวมทั้งมองหาวิธีใหม่ในการจัดการกับประเด็นปัญหาของอนาคตในด้านสังคม และสิ่งแวดล้อม

และยังมีอีกหนึ่งจุดที่น่าสนใจไม่แพ้กันคือ Bangkok River Festival x Awakening Bangkok 2024 งานไฟกลางกรุง ศิลปกรรมไฟและศิลปะดิจิทัล ภายใต้ธีม”One Light, One Rises ปลุกไฟย่าน เติมไฟคน” ที่ไม่เพียงแต่จะช่วยปลุกฟื้นย่านเก่าเท่านั้น แต่ยังช่วยเติมไฟและสร้างแรงบันดาลใจให้กับผู้คนได้อีกด้วย ซึ่งหนึ่งในพื้นที่จัดงานคือ ท่ายอดพิมาน ริเวอร์ วอล์ค

พิเศษ บริการเรือรับส่ง ฟรี ! ตลอด 3 วัน วันที่ 14 และ 16 พ.ย. 2567 เวลา 16.00 น. – 22.00 น. , วันที่ 15 พ.ย. 2567 เวลา 16.00 น. – 24.00 น. ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติม ได้ที่เพจเฟซบุ๊ก River Festival Thailand

 

]]>
1498853
ลอยกระทงปีนี้ ขอขมาพระแม่คงคาแล้ว ต้องไม่พลาดกับพิกัดขอพรพระอารามหลวง สุดปังทั้งงาน เงิน ความรัก ในงาน Bangkok River Festival 2024 สายน้ำแห่งวัฒนธรรมไทย https://positioningmag.com/1498736 Wed, 13 Nov 2024 03:40:48 +0000 https://positioningmag.com/?p=1498736

Bangkok River Festival 2024 สายน้ำแห่งวัฒนธรรมไทย ชวนเที่ยวงานลอยกระทง สืบสานวัฒนธรรมอันดีงาม เฉลิมฉลองก้าวเข้าสู่การจัดงานปีที่ 10 ภายใต้แนวคิด “ยลสายน้ำ ยินทำนอง Melodies of the River” ระหว่างวันที่ 14 – 16 พฤศจิกายน 2567 ณ 10 ท่าน้ำร่วมสมัย วัดโพธิ์, วัดอรุณฯ, วัดกัลยาฯ, วัดระฆังฯ,          วัดประยูรฯ, เอเชียทีค เดอะริเวอร์ฟร้อนท์ เดสติเนชั่น, สุขสยาม ณ ไอคอนสยาม, ท่ามหาราช, ยอดพิมาน ริเวอร์ วอล์ค, และคลองโอ่งอ่าง – วัดบพิตรพิมุขฯ – ศาลรัฐธรรมนูญ

ลอยกระทงแบบรักษ์สายน้ำ รักษ์โลก โดยไม่สร้างขยะให้กับแม่น้ำ ลำคลอง กับ “บ่อลอยรักษ์โลก” ที่จัดไว้ให้ทุกคนได้มาขอขมาพระแม่คงคาแบบดีต่อใจ ดีต่อสิ่งแวดล้อม พร้อมเปิดพิกัดสายมู ขอพรพระอารามหลวงอย่างไรให้รักรุ่ง งานเด่น ร่ำรวยโชคลาภ แบบครบ จบ ในงานเดียว

อยากมีความรักดีๆ อยากเจอคนที่ใช่ ขอแนะนำให้มาที่วัดโพธิ์ สักการะพระนอนที่วิหารพระพุทธไสยาสน์ หรืออยากขอพรเสริมเรื่องงาน ให้ไปไหว้พระวัดอรุณฯ ชีวิตจะรุ่งโรจน์ ทุกคืนวัน เป็นการเสริมชะตาให้ชีวิตพบเจอแต่ความรุ่งเรืองในหน้าที่การงาน มีฤกษ์ชัย ปัดเป่าภัยร้าย ให้สามารถเริ่มต้นชีวิตใหม่ได้อย่างราบรื่น หากต้องการเสริมเรื่องโชคลาภ ค้าขายดี การเดินทางแคล้วคลาดปลอดภัย ขอแนะนำสักการะขอพรองค์พระประธานภายในพระวิหารหลวง พระพุทธไตรรัตนนายก หรือ “หลวงพ่อโต” หรือที่คนจีนเรียกว่า “ซำปอกง” ที่วัดกัลยาฯ หากต้องการขอพรให้มีชื่อเสียงโด่งดัง ก้าวหน้าในการงาน ต้องไปขอพรที่วัดระฆัง และปิดท้ายที่วัดประยุรฯ ใครที่กำลังดวงตก การเงินไม่ดี การงานติดขัด แนะนำให้กราบไหว้เสาครูที่ด้านบนพระบรมธาตุมหาเจดีย์ เชื่อกันว่าเสาครูจะค้ำชีวิตมิให้ตกต่ำ และที่สำคัญก่อนลงจากพระบรมธาตุมหาเจดีย์ให้ลอดซุ้มทางออก ด้วยเชื่อกันว่า การลอดอุโมงค์วัดประยุรฯ เป็นการสะเดาะเคราะห์หนุนดวง

ภายในงานยังมีกิจกรรมอีกมากมาย เพลินตาเพลินใจ มหรสพที่หาชมได้ยาก พร้อมร่วมรำลึกถึงดุริยกวี แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ หลวงประดิษฐ์ไพเราะ (ศร ศิลปบรรเลง) ไหว้พระ ทำบุญ ช้อป ชิม สินค้าชุมชน ได้ที่ 10 ท่าน้ำร่วมสมัย พิเศษ บริการเรือรับส่ง ฟรี ! ตลอด 3 วัน วันที่ 14 และ 16 พ.ย. 2567 เวลา 16.00 น. – 22.00 น. , วันที่ 15 พ.ย. 2567 เวลา 16.00 น. – 24.00 น. ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติม ได้ที่เพจเฟซบุ๊ก River Festival Thailand

]]>
1498736
เมืองสุขสยาม ประสบการณ์สารพัดสุขสนุกแบบไทย ผนึกพันธมิตร ต้อนรับเทศกาลลอยกระทง ประจำปี 2567 จัดงาน “สุขสยาม ยลสายน้ำ ยินทำนอง” สืบสานวัฒนธรรม อนุรักษ์ประเพณี และมรดกทางวัฒนธรรมอันทรงคุณค่า ริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา สายน้ำแห่งความรุ่งเรืองของรัตนโกสินทร์ ร่วมผลักดัน Soft Power อัตลักษณ์ความเป็นไทย เพิ่มมูลค่าเศรษฐกิจสร้างสรรค์ ภายใต้แนวคิด “ยลวิถีคืนเพ็ญ รักษ์น่านน้ำ” นุ่งไทย ห่มสไบ ลอยกระทงด้วยวัสดุที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ณ เมืองสุขสยาม ไอคอนสยาม 5 – 18 พ.ย. นี้ https://positioningmag.com/1498513 Tue, 12 Nov 2024 09:24:42 +0000 https://positioningmag.com/?p=1498513 เมืองสุขสยาม  ณ ไอคอนสยาม ต้อนรับเทศกาลลอยกระทง หนึ่งในประเพณีระดับชาติของไทย พร้อมด้วยพันธมิตรภาครัฐและเอกชน ได้แก่ กระทรวงวัฒนธรรม, การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.), ไอคอนสยาม,  Bangkok River Festival 2024, บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน), บริษัท ประชารัฐรักสามัคคี วิสาหกิจเพื่อสังคม (ประเทศไทย) จำกัด ,ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน), บริษัท ไทย อกริ ฟู้ดส์ จำกัด (มหาชน) กะทิขวดเรียลไทย, และ บริษัท เนกซ์สเตป จำกัด (Good TV / Thainess) ร่วมจัดงาน “สุขสยาม ยลสายน้ำ ยินทำนอง”

ภายใต้แนวคิด “ยลวิถีคืนเพ็ญ รักษ์น่านน้ำ” ซึ่งจะตกแต่งบรรยากาศ รอบเมืองสุขสยาม ด้วยโคมล้านนาจากงานฝีมือภูมิปัญญาชาวล้านนา  พร้อมเชิญชวน นุ่งไทย ห่มสไบ ลอยกระทงด้วยวัสดุที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

ตั้งแต่วันนี้ – 18 พฤศจิกายน 2567

โดยได้มีพิธีเปิดงานในวันพฤหัสบดีที่ 7 พฤศจิกายน 2567  ได้รับเกียรติจากคุณ สุรพล เศวตเศรนี ประธานการจัดงาน Bangkok River Festival 2024 สายน้ำแห่งวัฒนธรรมไทย พร้อมด้วยพันธมิตรมากมายเข้าร่วมงาน พร้อมชมการแสดงทางวัฒนธรรม “ชุดสายน้ำ แห่งสยาม” จากสถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์ กระทรวงวัฒนธรรม บรรยากาศภายในงานเต็มไปด้วยความรื่นเริงกับท่วงทำนองดนตรี สนุกสนาน ต้อนรับเทศกาลลอยกระทง ประเพณีคู่ชาวไทย ที่กำลังจะมาถึง

คุณบัญชา ฉันทดิลก กรรมการผู้จัดการโครงการสุขสยาม เปิดเผยว่า งาน “สุขสยาม ยลสายน้ำ ยินทำนอง” จัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ ซึ่งงานนี้มิใช่เป็นเพียงแค่ประเพณีลอยกระทง ตามความเชื่อเพื่อแสดงความเคารพต่อแม่น้ำ ขอขมาต่อพระแม่คงคาเท่านั้น แต่มุ่งส่งเสริมให้เทศกาลลอยกระทง หนึ่งในประเพณีระดับชาติของไทย กลายเป็นเทศกาลสำคัญที่ช่วยส่งเสริมภาพลักษณ์ของประเทศ ซึ่งนับเป็น Festival ระดับโลก และเป็นที่รู้จักของทั้งชาวไทยและนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ  อีกทั้งมุ่งหวังให้เกิดความร่วมมือ และส่งเสริมการสร้างโอกาสหารายได้ให้แก่ชุมชนร้านค้า และผู้ประกอบการ จากการมาออกบูธจำหน่ายสินค้าในช่วงเทศกาล พร้อมร่วมส่งเสริม และกระตุ้นให้เกิดการ

ท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม และประเพณีไทย เพื่อให้นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติได้สัมผัสประเพณีและวัฒนธรรมต่างๆ ที่เกิดขึ้นผลักดัน Soft Power อัตลักษณ์ความเป็นไทยเพิ่มมูลค่าเศรษฐกิจสร้างสรรค์ สร้างรายได้และภาพลักษณ์ที่ดี ให้แก่ประเทศอย่างยั่งยืน   โดยภายในงานได้เตรียมกิจกรรมเพื่อให้ได้สัมผัสถึง ความรื่นเริง สนุกสนาม ท่วงทำนองแห่งดนตรีและเสียงเพลง เสน่ห์ทางวัฒนธรรมอันทรงคุณค่า มากมาย

สุขสนุกกับการแสดงศิลปวัฒนธรรม 4 ภาค

สนุกกับศิลปวัฒนธรรมอันดีงามแบบไทย ด้วยท่วงทำนอง จังหวะอันครื้นเครง อาทิ การแสดงเปิงมางคอกสำแดงสดการแสดงหุ่นละครเล็ก คณะโจหลุยส์, การแสดงโขนชุด นางลอย, การแสดงศิลปะมวยไทยศรศิลป์ และการแสดงการละเล่น รำฟ้อน 4 ภาค

วันที่ 14 พ.ย. 2567 เวลา 18.00 น. ร่วมชมและเป็นกำลังใจให้กับสาวงามผู้เข้าประกวด”นางนพมาศ ประจำปี 2567” ในค่ำคืนวันเพ็ญ สืบสานการอนุรักษณ์ประเพณีไทย การแต่งกายชุดไทยตามแบบฉบับสาวงามเมืองสุโขทัย ชิงเงินรางวัลและของรางวัลมูลค่ากว่า 50,000 บาท

พิเศษ! วันที่ 13 – 15 พ.ย. 2567  นำพาทุกท่านร่วมชมความตระการตากับขบวนแห่อัญเชิญประทีปโคมลอยตำนานท้าวศรีจุฬาลักษณ์  พร้อมชมสุดยอดการแสดงศิลปวัฒนธรรมไทย 4 ภาค, การแสดงดนตรีรำวงย้อนยุคจากโรงเรียนนาหลวง

สุขสร้างสรรค์กับกิจกรรมบูธไปรษณีย์ไทย

พบกับบูธไปรษณีย์ไทย พร้อมส่ง EMS World ไปได้ไกลกว่า 96 ประเทศทั่วโลก และกิจกรรมพิเศษจากไปรษณีย์ไทยกับ iStamp ภาพถ่ายส่วนตัว หนึ่งเดียวในโลก สามารถนำไปใช้งานได้จริง กับCollection พิเศษ ดีไซน์หมูเด้งและธีม ลอยกระทงให้คุณเลือกได้ที่นี่ที่เดียว พิเศษ!ไปอีก เมื่อใช้บริการส่งพัสดุด่วน/ EMS World หรือร่วมทำ iStamp ตามเงื่อนไข รับของที่ระลึกสุดพิเศษฟรี! พบกันที่เมืองสุขสยาม ชั้น G ที่บริเวณประตูสุขสุวรรณศาลา (GATE 5)

สุขเสน่ห์ “นุ่งไทย ห่มสไบ” งามอย่างไทย ทั่วเมืองสุขสยาม

วันที่ 13 – 15 พ.ย. 2567 ร่วมสร้างปรากฏการณ์ความงาม เชิญชวนแต่งกายชุดไทยหรือผ้าไทย พร้อมถ่ายรูปในกระทงยักษ์บริเวณบ่อภาคกลาง  พิเศษ :  โปรโมชั่น “งามอย่างไทย ในคืนเพ็ญ”  แต่งไทยถ่ายรูปเช็คอิน รับส่วนลดมูลค่า 200 บาท ที่ร้านสิรินาถ ทิพย์วดี จำนวนจำกัด 200 ท่านเท่านั้น

สุขแซ่บกับตลาดย้อนยุค 4 ภาค

ชวนช็อป ชิม อาหารไทย 4 ภาค แนว Street Food  พร้อมด้วยสินค้าไทยจากชุมชนประชารัฐรักสามัคคี อาทิ เมนูม้าฮ่อ ส่วนผสมจากส้มซ่า อาหารว่างไทยโบราณ เมนูซันบัว ซาลาเปาเผื่อสุขภาพ ผลผลิตจากเกษตรกรนครสวรรค์ เครื่องดื่มนมแพะวิถีธรรมชาติ จากจ.สตูล หอม อร่อย สุขภาพดี มีคุณค่าทางโภชนาสูง และผลิตภัณฑ์ทะเลแปรรูป ผลิตภัณฑ์ชุมชน ของดีส่งตรงจากจ.ตรัง รวมถึงผ้าปาเต๊ะ เครื่องนุ่งห่มอันเป็นเอกลักษณ์ของชายหญิงแดนใต้ ซึ่งมีสีสันและลวดลายที่สวยงาม จากจ.กระบี่ และผ้าขาวม้าคุณภาพดีจากจ.นนทบุรี

พิเศษ … กับกะทิเรียลไทย กะทิไทยแท้ 100% โดยบริษัท ไทย อกริ ฟู้ดส์ จำกัด (มหาชน) ชื่นใจไปกับเมนูสุดฮิต สเลอปี้ชาไทยในราคาสุดพิเศษ 39 บาท และเตรียมพบกับ Cooking Show จากกะทิขวดเรียลไทย กับหลากหลายเมนูที่ให้ความเข้มข้น หอม มัน ทั้งเมนูคาวและเมนูหวาน ทุกวันศุกร์ – เสาร์ – อาทิตย์ ตลอดงาน

รักษ์น่านน้ำ รักษ์โลกอย่างยั่งยืน

เมืองสุขสยาม ยังคงคำนึงถึงการรักษาสิ่งแวดล้อมเป็นสิ่งสำคัญ เพื่ออนุรักษ์แม่น้ำเจ้าพระยา และ ลำคลอง ร่วมสืบสานประเพณีลอยกระทง โดยเปิดให้นักท่องเที่ยวชาวไทย และ ชาวต่างชาติ ได้ร่วมลอยกระทง ที่ผลิตจากใบลาน วัสดุจากธรรมชาติงานฝีมือของชาวเมืองสุโขทัย ใน “บ่อลอยกระทงรักษ์โลก” บริเวณบ่อภาคใต้ ในวันที่ 13 – 15 พ.ย. 67 นอกจากนี้ยังได้  ร่วมกับ Bangkok River Fest 2024 ผนึกกำลังพันธมิตร และจิตอาสา สานต่อกิจกรรม “คลีนคลอง ปีที่10“ ส่งเสริมการบริหารจัดการขยะ เพื่อสิ่งแวดล้อมชุมชนที่ดีขึ้นอย่างยั่งยืน ส่งต่อกระทงใน “บ่อลอยกระทงรักษ์โลก”เพื่อนำไปรีไซเคิล ในโครงการ “เก็บกลับ-รีไซเคิล”

นอกจากนี้ในวันที่ 14 – 16  พ.ย.นี้ เวลา 16.00 – 22.00 น.ร่วมกิจกรรมพิเศษกับ Bangkok River Festival 2024 สายน้ำแห่งวัฒนธรรมไทย  ที่จัดขึ้นอย่างต่อเนื่องเป็นครั้งที่ 10 ณ ท่าเรือที่ไอคอนสยาม เมืองสุขสยาม สะสมคะแนนกับ SX Application แลกรับของที่ระลึกภายในเมืองสุขสยาม ชั้น G ฟรี!

ร่วมสืบสานประเพณีลอยกระทง

ตั้งแต่วันนี้ – 18 พฤศจิกายน 2567 ที่เมืองสุขสยาม ณ ไอคอนสยาม ชั้น G ติดตามรายละเอียดได้ทางเฟสบุ๊ก SOOKSIAM

]]>
1498513
“Bangkok River Festival 2024 สายน้ำแห่งวัฒนธรรมไทย” ร่วมต่อยอดคุณค่าทางวัฒนธรรม พร้อมกระตุ้นเศรษฐกิจชุมชนริมน้ำทั้งฝั่งพระนครและธนบุรี https://positioningmag.com/1498491 Mon, 11 Nov 2024 14:00:00 +0000 https://positioningmag.com/?p=1498491 จัดขึ้นอย่างต่อเนื่องเป็นปีที่ 10 สำหรับงานเทศกาลวัฒนธรรมอันดีงามที่มีความยั่งยืนอย่างแท้จริง “Bangkok Festival 2024 สายน้ำแห่งวัฒนธรรมไทย” ภายใต้แนวคิด “ยลสายน้ำ ยินทำนอง” (Melodies of the River) ระหว่างวันที่ 14-16 พฤศจิกายน 2567 บนพื้นที่จัดงานริมโค้งน้ำเจ้าพระยา เริ่มตั้งแต่ วัดพระชุตพนวิมลมังคลาราม ราชวรมหาวิหาร (วัดโพธิ์) วัดอรุณราชวราราม ราชวรมหาวิหาร (วัดอรุณฯ) วัดกัลยาณมิตร วรมหาวิหาร (วัดกัลยาฯ) วัดระฆังโฆสิตาราม วรมหาวิหาร (วัดระฆังฯ) วัดประยุรวงศาวาส วรวิหาร (วัดประยูรฯ) เอเชียทีค เดอะ ริเวอร์ฟร้อนท์ เดสติเนชั่น สุขสยาม ณ ไอคอนสยาม ยอดพิมาน ริเวอร์ วอล์ค และปิดท้ายด้วย คลองโอ่งอ่าง แลนด์มาร์คใหม่ของการจัดงาน

หนึ่งในเป้าหมายหลักของการจัดงานนี้ คือต้องการที่จะต่อยอดคุณค่าทางวัฒนธรรมกับประเพณีลอยกระทงและมงคลอันดีงามของไทย พร้อมเชิดชูวัฒนธรรมไทยสู่สากล ผ่านกิจกรรมทางวัฒนธรรมต่าง ๆ รวบรวมไว้ในงาน ไม่ว่าจะเป็นการเชิญชวนแต่งชุดไทย ไหว้พระทำบุญเสริมสิริมงคล พิธีขอขมาพระแม่คงคา พิธีสวดกระทง ลอยกระทงรักษ์โลก มหกรรมการแสดงมหรสพสืบสานมรดกวัฒนธรรมของแผ่นดิน พิเศษสุดกับการแสดงของมูลนิธิหลวงประดิษฐไพเราะ (ศร ศิลปบรรเลง) และเครือข่ายเพื่อนดนตรี ในโอกาสฉลองครบรอบ 144 ปี หลวงประดิษฐไพเราะ (ศร ศิลปบรรเลง) ประกอบด้วย ปี่พาทย์มอญ วงกุญชรดุริยะ ที่วัดโพธิ์ การแสดงวงดนตรีร่วมสมัย “ก่อไผ่” ที่วัดอรุณฯ ปีพาทย์ไทย วงคุณพระอโยธยา ที่วัดประยูรฯ

ขณะเดียวกันยังช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจชุมชนที่อยู่ในพื้นที่จัดงานริมแม่น้ำเจ้าพระยาทั้งฝั่งพระนครและธนบุรี พร้อมเปิดพื้นที่ให้ชุมชนนำของดีของเด่นประจำชุมชนมาออกร้านจำหน่ายโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย สำหรับปีนี้มีร้านค้ารวมแล้วกว่า 100 ร้าน เรียกได้ว่ามีทั้งอาหารคาว อาหารหวาน และเครื่องดื่มให้นักท่องเที่ยวได้เลือก ช้อป ชิม อย่างครบครัน โดยหวังว่างาน “Bangkok River Festival 2024 สายน้ำแห่งวัฒนธรรมไทย” จะเป็นหนึ่งในงานที่มีส่วนช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจและสร้างรายได้ให้แก่ชุมชนโดยรอบพื้นที่จัดงานอย่างยั่งยืน

ติดตามรายละเอียดและข้อมูลการจัดงาน “Bangkok River Festival 2024 สายน้ำแห่งวัฒนธรรมไทย” ได้ที่ Facebook : Riverfestivalthailand

 

]]>
1498491
สยามพารากอน สยามเซ็นเตอร์ และ สยามดิสคัฟเวอรี่ The World’s Best Destination for Celebration Experiences ชนะเลิศ! จัดเต็มฉลองเทศกาลความสุขต่อเนื่อง 68 วัน ด้วยมหกรรมอีเว้นท์ระดับโลก https://positioningmag.com/1498291 Mon, 11 Nov 2024 09:30:12 +0000 https://positioningmag.com/?p=1498291

สยามพารากอน สยามเซ็นเตอร์  และ สยามดิสคัฟเวอรี่ โกลบอลเดสติเนชั่นที่ครองใจลูกค้าเป็น #1 Top of Mind ฉลองเทศกาลแห่งความสุข เป็น The World’s Best Destination for Celebration Experiences จุดหมายปลายทางแห่งการเฉลิมฉลองเทศกาลแห่งความสุขสำหรับทุกคน  จัดเต็มมหกรรมอีเว้นท์ & เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ ต่อเนื่อง 68 วัน รวมกว่า 20 อีเว้นท์ใหญ่ ทั้งการฉลองเฟสทีฟตอกย้ำการเป็น Luxury Destination, ปรากฏการณ์ใหม่ๆ เกิดขึ้นเป็นครั้งแรก, มหกรรมอาร์ททอยรวบรวมคาแรกเตอร์สุดฮอตไว้มากที่สุดกว่า 100 คาแรกเตอร์จากค่ายดังทั่วโลก, และเซอร์ไพรส์ด้วยศิลปินระดับโลก! ปักหมุดเป็นสถานที่ที่ทุกคนต้องมาถ่ายรูปแล้วแชร์โมเม้นต์ สนุก และมีความสุข

นางสรัลธร อัศเวศน์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารสายงานบริหารธุรกิจศูนย์การค้า บริษัท สยามพิวรรธน์ จำกัด กล่าวว่า “สยามพารากอน สยามเซ็นเตอร์ และสยามดิสคัฟเวอรี่ เป็นโกลบอลเดสติเนชั่นที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ทุกรูปแบบและครบครันมากที่สุด เรามุ่งมั่นนำเสนอสิ่งที่ดีที่สุดเพื่อเป็น ที่หนึ่งในเดสติเนชั่นแห่งการเฉลิมฉลอง เป็นสถานที่ที่ทุกคนต้องมาถ่ายรูปแล้วแชร์โมเม้นต์ สนุก และมีความสุข ให้ทุกคนมาเริ่มสตาร์ทฉลองเทศกาลแห่งความสุขร่วมกัน เริ่มด้วยการตกแต่งบรรยากาศเฟสทีฟ เนรมิตทั่วพื้นที่ได้เต็มไปด้วยบรรยากาศแห่งความสุขท่ามกลางสีสันที่เปล่งประกายสะท้อนแสงแห่งความมหัศจรรย์ที่อยู่ในมิติต่างๆ โดยนำรูปทรงของสโนว์เฟล็กมาเป็นสัญลักษณ์ที่บ่งบอกถึงการก้าวเข้าสู่เทศกาลแห่งความสุข ทั้งนี้ ได้ระดมมหกรรมอีเว้นท์ระดับโลก จัดเต็มต่อเนื่อง 68 วัน ระหว่างวันที่ 1 พ.ย. 2567 – 7 ม.ค. 2568 รวมกว่า 20 อีเว้นท์ใหญ่ โดยมีไฮไลท์มากมาย แบ่งเป็น  World First & Pioneering , Global Collaborations , World Class Extraordinary Experiences , และ Forever Sustainability


World First & Pioneering รวมมหกรรมปรากฏการณ์ “ครั้งแรก”

เทศกาลแห่งความสุขปีนี้ สยามเซ็นเตอร์ เมืองแห่งไอเดียที่ล้ำเทรนด์ เนรมิตทั้งศูนย์ฯ ให้เป็นอาร์ททอยเดสติเนชั่น ในงาน  The Magical Art (of) Toy Celebration รวมเหล่าอาร์ททอยไว้จำนวนมากที่สุด คือ กว่า 100 คาแรกเตอร์ จากนานาค่ายดังทั่วโลกไว้ในที่เดียว  เริ่มด้วยการตกแต่งบรรยากาศให้เป็นการเฉลิมฉลองที่เต็มไปด้วยเหล่าอาร์ททอยเหมาะสำหรับการมา Share Moments ถ่ายภาพแล้วแชร์สุดสนุก และยังมีมหกรรมงานอาร์ททอยจัดขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยตั้งแต่วันที่ 4 ธ.ค. 2567 เป็นต้นไป สยามเซ็นเตอร์ จับมือ Toyzero Plus เปิด TOYZEROPLUS WORLD” ครั้งแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ พบกับคาแรกเตอร์สุดฮอตที่โด่งดังไปทั่วโลก อาทิ Butterbear ที่มาพร้อมกล่องสุ่มที่เปิดตัวคอลเลคชั่นใหม่ล่าสุดเฉพาะ ซึ่งนับเป็นครั้งแรกที่ TOYZEROPLUS ได้ร่วม Collaboration กับ Butterbear  นอกจากนั้น ยังมี LuLu the Piggy, PP x MONSTER, Foodie Dinosaur , และ Esther Bunny

ต่อด้วย Siam Center presents Pony on Wheel x TOYCITY การจับมือครั้งสำคัญของวงการอาร์ททอยค่ายดัง เปิด Pop-Up ครั้งแรกในไทย สร้างสรรค์ดีไซน์พิเศษสำหรับเฟสทีฟซีซั่นโดยเฉพาะ ให้เป็นที่ที่เหมาะสมที่สุดในการฉลองเทศกาลแห่งความสุขของคนรักอาร์ททอย 17 ธ.ค. 2567– 7 ม.ค. 2568

นอกจากนี้ ยังมีอาร์ทอยจากค่ายดังและคาแรกเตอร์ซีเคร็ทที่จะมาเซอร์ไพรส์อีกมากมาย ทั้งนี้ ภายในสยามเซ็นเตอร์ยังมีร้านและแฟล็กชิปสโตร์ที่เป็นสวรรค์ของคนรักของเล่นและอาร์ททอย อาทิ The Gundam Base ชั้น 1 Flagship Store แห่งแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ , Tamashii Spot Bangkok , Banpresto , Gashapon Bandai Official, Buddy Land รวมคลังแสงตู้คีบตุ๊กตา, JINART The FIRST Flagship Store in Thailand Yumeya, FREAK, SEEK ‘N KEEP CLUB, Super! Daddy Store

ด้าน สยามพารากอน นำเสนอร้านใหม่เอาใจสาวกนินเทนโด กับ  Nintendo Authorized Store by Synnex ที่ชั้น 3 สยามพารากอน โดยความร่วมมือของ บริษัท ซินเน็ค (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) , บริษัท คอปเปอร์ ไวร์ด จำกัด (มหาชน) และ บริษัท สยามพิวรรธน์ จำกัด

เดือนธันวาคมนี้ สยามพารากอน และฟลอร่า พาร์ค ยังได้เนรมิตพาร์คพารากอนให้เป็นสวนกุหลาบขนาดยักษ์ ในงาน Eternal Bloom: The Silk Rose Garden สร้างสรรค์สวนกุหลาบอันงดงามหลากสายพันธุ์ ในแบบ  immersive rose-themed zones และกุหลาบสายพันธุ์ใหม่ที่เปิดตัวครั้งแรกในไทย ระหว่างวันที่ 5 – 15 ธ.ค. 2567


Global Collaborations งานคอลลาบอเรชั่นระดับโลก

เทศกาลแห่งความสุขปีนี้ พบกับการ Co-create & Collaboration ระหว่าง สยามพารากอน สยามเซ็นเตอร์ และ Molly หรือ นิสา ศรีคำดี จาก Molly Factory Studio ศิลปินชาวไทยผู้สร้างสรรค์คาแรกเตอร์ยอดนิยมระดับโลก ในงาน Siam Paragon x CryBunny “Letting go”  ณ พาร์คพารากอน ซึ่งจัดควบคู่ไปพร้อมกันกับงาน  Siam Center x CryTeddy “Holding on” ตื่นตาไปกับ inflatable sculptures คาแรกเตอร์สุดคิวท์ขนาดยักษ์ใจกลางเมืองครั้งแรกของโลก! ไปพร้อมกัน ระหว่างวันที่ 20 พ.ย. – 1 ธ.ค. 2567

ด้าน สยามดิสคัฟเวอรี่ ร่วม Collaboration กับ กรุงเทพมหานคร และองค์กรพันธมิตร จัดงาน Siam Discovery Future Lab Vol. IV: Design Culture เพื่อมอบประสบการณ์แปลกใหม่ ต่อยอดตัวอักษรคำว่า “กรุงเทพมหานคร” ที่อยู่ใจกลางกรุงเทพฯ ณ ลานสกายวอล์ควันสยาม สี่แยกปทุมวัน ซึ่งทำให้สยามดิสคัฟเวอรี่เป็นแลนด์มาร์คสำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องมาถ่ายภาพเช็คอิน สยามดิสคัฟเวอรี่จึงนำไฮไลท์สำคัญนี้มาตอกย้ำสร้างสรรค์ในรูปแบบใหม่ๆ นำอักขระ ฟ้อนท์ตัวอักษร มาประดิษฐ์ในแบบต่างๆ นำเสนอสิ่งดีๆ สู่สายตาคนทั่วโลก


World Class Extraordinary Experiences มอบประสบการณ์เหนือระดับและแปลกใหม่

สยามพารากอนและสยามเซ็นเตอร์จัดเต็มมอบประสบการณ์เหนือระดับ เตรียมพบกับ BANDAI SPIRIT HOBBY EXHIBITIONS 2024” ระหว่างวันที่ 7-17 พฤศจิกายน 2567 ณ พาร์ค พารากอน สยามพารากอน และงาน GUNPLA Builders World Cup in Thailand 2024” ระหว่างวันที่ 13-17 พ.ย. 2567 ณ เอเทรียม สยามเซ็นเตอร์ เฟ้นหาผู้ชนะเลิศการสร้างสรรค์ GUNPLA เป็นตัวแทนประเทศไทยไปแข่งขันระดับโลก

ตื่นตาตื่นใจ Be Amazed ไปกับงานเฉลิมฉลองเทศกาลแห่งความสุขในแบบลักซ์ชูรี่สำหรับทุกคน ในงาน Cartier celebrates the festive season with a magical tale” ครั้งแรกของต้นคริสต์มาสสุดลักซ์ชูรี่สูงเด่นใจกลางสยาม ส่องแสงเปล่งประกายเจิดจ้า พร้อมบทเพลงพิเศษฉลองเฟสทีฟจากคาร์เทียร์ มอบความสุขทั่วพาร์คพารากอน และบริเวณคาสเขต สยามพารากอน ให้ทุกคนมาถ่ายภาพแล้วแชร์โมเม้นต์ประทับใจ  และตลอดเฟสทีฟซีซั่นร้านค้ากลุ่มลักซ์ชูรี่ยังร่วมสร้างสรรค์ Luxury Festive Vibes สร้างบรรยากาศเทศกาลความสุขแบบเหนือระดับที่ทุกคนต้องประทับใจ  ทั้งการตกแต่งวินโดว์ดิสเพลย์ในแบบลักซ์ชูรี่ และการนำเสนอสินค้าคอลเลคชั่นพิเศษสำหรับเฟสทีฟซีซั่น

งานฉลองแห่งปี! สยามพารากอนจัดงานฉลองครบรอบ 19 ปีอย่างยิ่งใหญ่ Siam Paragon 19th Anniversary The Spectacular Celebration ยกขบวนมาทั้งศิลปินชั้นนำสุดฮอตจากทุกกระแสเทรนด์ พร้อมโชว์สุดพิเศษ และพบกับการเปิดตัวอินสตอเลชั่นอาร์ทขนาดยักษ์ ผลงานของศิลปินระดับโลกโดย JAIME HAYON for Siam Paragon

ส่งท้ายปลายปีด้วยเคาท์ดาวน์ให้สนุกกว่าใครในงาน  Siam Paragon Glorious Countdown 2025  พบกับศิลปินระดับโลกสุดเซอร์ไพรส์และศิลปินดาราไทยที่ยกขบวนมาอย่างคับคั่งจุใจ ตลอดเทศกาลระหว่างวันที่ 23 – 31 ธ.ค. 2567  และยังมีงานเอ็นเตอร์เทนเม้นท์ระดับโลกที่ พารากอนฮอลล์ ชั้น 5 สยามพารากอน ได้แก่ งาน White Party Bangkok ชวนทุกคนมาฉลองความสุขเต็มพิกัดส่งท้ายปี


Forever Sustainability ไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตที่ใส่ใจความยั่งยืน

สยามดิสคัฟเวอรี่ ดิเอ็กซ์พลอราทอเรี่ยม ดินแดนแห่งกิ๊ฟท์เดสติเนชั่น ชวนเลือกช้อปของขวัญที่คัดสรรชิ้นพิเศษไม่เหมือนใคร นอกจากนี้ ยังมี Eco Gifts รวมของขวัญแนวคิดรักษ์โลก จาก Ecotopia และ ร้าน Loft สเปเชียลิตี้สโตร์สุดฮอตที่มี everyday surprise เตรียมของขวัญสุดพิเศษไว้มากมาย

ไฮไลท์ของเฟสทีฟซีซั่นในทุกปี คือ Sustainable Christmas Tree ซึ่งสยามพิวรรธน์โดยสยามดิสคัฟเวอรี่ เป็น Pioneer บุกเบิกสร้างสรรค์ก่อนใครและดำเนินการมาอย่างต่อเนื่องมากว่า 20 ปี ในปีนี้ สยามดิสคัฟเวอรี่ ร่วมกับ ธนาคารกสิกรไทย และ GC สร้างสรรค์ต้นคริสต์มาสรักษ์โลกที่สร้างจากผ้าอัพไซเคิลจากขวดน้ำพลาสติกใช้แล้ว โดยนำมาดีไซน์และปริ้นสีจาก Epson ผ่านกระบวนการผลิตตามมาตรฐานด้านสิ่งแวดล้อมและไม่มีสารเคมีที่เป็นอันตรายต่อมนุษย์ สร้างลวดลายสีสันจากหมึก UltraChrome  สะท้อนแสงที่มีชีวิตชีวาและโดดเด่น ซึ่งนอกจากจะเป็นการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่าแล้ว ยังได้ต้นคริสต์มาสรักษ์โลกที่มีความสวยงาม สร้างความสุขให้กับผู้พบเห็น นอกจากนี้ ธนาคารกสิกรไทย ยังร่วมมอบความสุขและสิทธิพิเศษเฉพาะสำหรับลูกค้าบัตรเครดิตกสิกรไทยครอบคลุมทั้งกลุ่มสินค้าแฟชั่น และ F&B อีกด้วย

ทั้งนี้ สยามพารากอน สยามเซ็นเตอร์ และสยามดิสคัฟเวอรี่ พร้อมเต็มที่ในการมอบความสุข สร้างความประทับใจ และมอบประสบการณ์สุดพิเศษเหนือความคาดหมาย เป็น The World’s Best Destination for Celebration Experiences และเป็นสถานที่ที่ทุกคนต้องมาถ่ายรูปแล้วแชร์โมเม้นต์ สนุก มีความสุขและความประทับใจ

]]>
1498291
สยามพารากอน ผนึกกำลัง RICHEMONT มอบประสบการณ์สุดเอ็กซ์คลูซีฟจาก 7 แบรนด์หรูระดับโลก ครั้งแรกในเอเชียแปซิฟิก “THE BOUTIQUE EXPERIENCES” ระหว่างวันทื่ 1-5 พฤศิจากายน 2567 ณ สยามพารากอน https://positioningmag.com/1496500 Thu, 31 Oct 2024 00:26:20 +0000 https://positioningmag.com/?p=1496500

เพื่อส่งมอบประสบการณ์เหนือระดับให้กับลูกค้าอย่างต่อเนื่อง สยามพารากอน ผนึกกำลัง RICHEMONT
ตอกย้ำความเป็น Luxury Destination และยังเป็นศูนย์รวมแบรนด์นาฬิกาชั้นนำระดับโลกที่มากที่สุดในประเทศไทย รังสรรค์อีเว้นท์สุดยิ่งใหญ่ครั้งแรกในเอเชียแปซิฟิก THE BOUTIQUE EXPERIENCES” ชวนสัมผัสประสบการณ์สุดเอ็กซ์คลูซีฟจาก 7 แบรนด์หรูชั้นนำระดับโลก อาทิ A. Lange & Söhne, Jaeger-LeCoultre, IWC Schaffhausen, Montblanc, Piaget, Panerai และ Vacheron Constantin ต่อเนื่องตลอด 5 วันเต็ม ระหว่างวันที่ 1-5 พฤศจิกายน 2567 จากบูติกที่มีเพียงสาขาเดียวในประเทศไทย ที่สยามพารากอนเท่านั้น!!!

ร่วมสัมผัสประวัติศาสตร์ทางวัฒนธรรมแห่งการสร้างสรรค์ผลงานชิ้นมาสเตอร์พีซจาก 7 ลักซ์ชัวรี่แบรนด์ชั้นนำระดับโลก ที่ตั้งใจคัดสรรกิจกรรมพิเศษเพื่อมอบประสบการณ์เหนือความคาดหมายให้กับลูกค้าผู้มาเยือนสยามพารากอน

  1. Lange & Söhne พาก้าวเข้าสู่โลกแห่งความเป็นเลิศด้านการรังสรรค์เรือนเวลา ต้อนรับการเฉลิมฉลองครบรอบ 30 ปีของ LANGE 1 ผ่านการถ่ายทอดเรื่องราวจากมุมมองเหล่านักสะสม เผยให้เห็นช่วงเวลาสำคัญ ที่เป็นแรงบันดาลใจ และแรงผลักดันอยู่เบื้องหลังความสำเร็จของพวกเขา ร่วมค้นพบเรื่องราวเบื้องหลัง LANGE 1 เปิดตัวครั้งแรกที่บูติก A. Lange & Söhne

Jaeger-LeCoultre นำเสนอเรื่องราวเหนือกาลเวลาของคอลเลคชั่นที่โดดเด่นที่สุดของแบรนด์ นาฬิกา Jaeger-LeCoultre Reverso ถือกำเนิดขึ้นในยุค Art Deco ที่ให้ความรู้สึกหรูหรา เปี่ยมไปด้วยความประณีตของรูปทรง สะท้อนถึงจิตวิญญาณของยุคนั้น ร่วมสัมผัสเรือนเวลา Reverso อันน่าหลงใหล และอิ่ทเอมกับของว่างพิเศษจาก 1931 Café ได้ที่บูติกรูปโฉมใหม่ Jaeger-LeCoultre

IWC Schaffhausen พร้อมต้อนรับทุกท่านเข้าสู่จักรวาลแห่งศิลปะวิศวกรรมอันโดดเด่นของแบรนด์ ที่ผสมผสานระหว่างวิศวกรรมเทคโนโลยีแห่งความแม่นยำเข้ากับการออกแบบอันเป็นเอกลักษณ์ได้อย่างแยบยล สำหรับรุ่น Pilot’s Watch Performance Chronograph 41 Mercedes-AMG PETRONAS Formula One™ Team โดดเด่นด้วยหน้าปัดที่มีเทคนิคอันซับซ้อนที่สุดภายในตัวเรือน Ceratanium® ขอบหน้าปัดที่มาพร้อม Tachymeter สำหรับวัดความเร็วเฉลี่ย และดีไซน์โฉบเฉี่ยวพร้อมหน้าปัดสีดำมัน ตัวเลขแสดงผลแบบฝัง ดัชนีและตัวเลขที่เคลือบสารเรืองแสง Super-LumiNova® เพื่อให้มองเห็นได้ชัดเจนยามค่ำคืน มาร่วมดื่มด่ำกับศิลปะแห่งความแม่นยำของงานฝีมือชั้นยอดของแบรนด์ได้ที่บูติก IWC Schaffhausen

ดื่มด่ำกับโลกของ Montblanc และการเฉลิมฉลองครบรอบ 100 ปี Meisterstück หนึ่งในผลงานชิ้นเอกที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างยิ่งในหมู่ของนักสะสม เตรียมพบกับเวิร์กช็อปศิลปะการประดิษฐ์ตัวอักษร และการรังสรรค์อักษรย่อที่มีชิ้นเดียวในโลกในแบบของคุณ ร่วมสัมผัสประสบการเหนือระดับสุดเอ็กซ์คลูซีฟ ได้ที่บูติก Montblanc

PANERAI ชวนสัมผัสจักรวาลแห่งผลงานชิ้นเอกของการรังสรรค์ประดิษฐกรรมแห่งเรือนเวลาชั้นสูง
ผ่านการผสมผสานระหว่างการออกแบบสไตล์อิตาลี นำมาผนวกเข้ากับความเชี่ยวชาญด้านการทำนาฬิกาของสวิส
จนกลายเป็นผลงานชิ้นมาสเตอร์พีซอันน่าหลงใหล ร่วมสัมผัสประดิษฐกรรมแห่งเรือนเวลาชั้นสูงได้ที่บูติก PANERAI

ร่วมเฉลิมฉลอง 150 ปีของ Piaget ผ่านผลงานการออกแบบอันประณีต Piaget Polo Skeleton ที่เปรียบเสมือนงานศิลป์อันเลอค่า โดดเด่นด้วยตัวเรือนขนาด 42 มม. ที่ผลิตจากแสตนเลสสตีล มาพร้อมความบางเพียง 6.5 มม. ภายในขับเคลื่อนด้วยกลไกอัตโนมัติจากโรงงานผลิตของ Piaget เอง ทั้งหมดถูกออกแบบและผลิตขึ้นอย่างพิถีพิถัน สะท้อนถึงความเชี่ยวชาญทางด้านการผลิตนาฬิกาอันไร้ที่ติ พบกับความงดงามของชิ้นงานได้ที่บูติก Piaget

Vacheron Constantin นำเสนอนิทรรศการ “โปรเจ็คต์ หัตถกรรมหวาย – จากเรขาคณิตสู่งานศิลปะ” ที่เป็นความร่วมมือเชิงศิลป์ร่วมกับช่างหัตถกรรมหวายไทย โดยสอดคล้องกับแนวคิดประจำปีของ Vacheron Constantin ที่ว่า “จากเรขาคณิตสู่งานศิลปะ” โปรเจ็คต์นี้ได้ประกอบขึ้นด้วยงานประติมากรรมเชิงหัตถกรรมซึ่งนำมาตกแต่งทั้งบนเพดานและวินโดว์ ดิสเพลย์ทั่วบูติก เพื่อร่วมถ่ายทอดถึงศิลปะแห่งหัตถกรรมหวายที่ได้ผสมผสานสู่รูปแบบของเรขาคณิตได้อย่างน่าสนใจ ร่วมสัมผัสประสบการณ์ใหม่ได้ที่บูติก Vacheron Constantin

ร่วมสัมผัสประสบการณ์เหนือระดับกับที่สุดแห่งนวัตกรรมเรือนเวลาจากแบรนด์ดังระดับโลกที่แรกและที่เดียวก่อนใคร ณ ชั้น M ศูนย์การค้าสยามพารากอน สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมโทร.02-610-8000 หรือติดตามข้อมูลได้ที่ Facebook : SiamParagon

]]>
1496500
“อารักขาพืชเจียไต๋” พัฒนาโซลูชั่นช่วยให้เกษตรปลอดภัย ด้วยผลิตภัณฑ์คุณภาพบนมาตรฐานสากล https://positioningmag.com/1496335 Wed, 30 Oct 2024 02:45:20 +0000 https://positioningmag.com/?p=1496335

เกษตรกรรมขึ้นชื่อว่าเป็นหัวใจสำคัญของอาหารการกินโดยเฉพาะในประเทศไทยที่การทำเกษตรกรรมแบบครบวงจรตั้งแต่ต้นน้ำ ยันปลายน้ำ ผลผลิตส่วนใหญ่ได้จากการเกษตรทั้งสิ้น เรียกได้ว่าถ้าเกษตรปลอดภัย ก็ช่วยให้ผลผลิตปลอดภัย มีคุณภาพด้วยเช่นกัน เพราะฉะนั้นการที่มีโซลูชั่นช่วยดูแลพืชพรรณก็จะดีไม่น้อย

เจียไต๋ ผู้นำธุรกิจนวัตกรรมการเกษตรของไทย นอกจากจะมีธุรกิจใหญ่ในเรื่องของเมล็ดพันธุ์พืช และปุ๋ยแล้ว ยังมีธุรกิจที่เรียกว่า “อารักขาพืช” ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้นำธุรกิจเคมีเกษตรในไทยและอาเซียน ที่ช่วยดูแลทั้งพืช และสิ่งแวดล้อมไปพร้อมๆ กัน

อารักขาพืชเจียไต๋ ดำเนินธุรกิจโดยยึดหลักคุณธรรมและความรับผิดชอบต่อผู้บริโภคและสิ่งแวดล้อมเป็นสำคัญ ภายใต้กรอบแนวคิดตามหลักมาตรฐานทางจริยธรรมขององค์การอาหารและการเกษตรแห่งสหประชาชาติ (FAO Code of Conduct) ทุกผลิตภัณฑ์ของอารักขาพืชเจียไต๋ผลิตภายใต้คุณภาพมาตรฐานระดับนานาชาติที่ผ่านการทดสอบความปลอดภัยนับครั้งไม่ถ้วนว่าไม่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ผู้ใช้งาน ชุมชนรอบข้าง รวมถึงผู้บริโภค เรารับผิดชอบการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ตั้งแต่ต้นทาง ทั้งยังส่งเสริมให้มีการอบรมให้ความรู้ด้าน การใช้อย่างถูกต้องเหมาะสมทั้งวิธีการและปริมาณที่ใช้แก่พนักงานขาย ร้านค้า และเกษตรกร โดยคำนึงถึงความปลอดภัยสูงสุดของทุกภาคส่วน

หลายคนจะทราบดีว่า ในการทำเกษตรกรรมย่อมมีปัจจัยที่หลากหลาย ทั้งที่ควบคุมได้ และควบคุมไม่ได้ ไม่ว่าจะเป็น สภาพดิน สภาพอากาศ ภัยพิบัติ บางพื้นที่มีทรัพยากร มีสภาพแวดล้อมที่พร้อมสรรพ สามารถเพาะปลูกได้ผลผลิตดี แต่ในบางพื้นที่ต้องอาศัยปัจจัยส่งเสริมอื่นๆ ที่จะช่วยให้การเกษตรประสบผลสำเร็จ

ในท้องตลาดจึงมีผลิตภัณฑ์ซึ่งเป็นตัวช่วยให้เกษตรกรเพาะปลูกได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น หนึ่งในนั้นคือผลิตภัณฑ์อารักขาพืชเจียไต๋ โดยบริษัท เจียไต๋ จำกัด ผู้นำธุรกิจนวัตกรรมการเกษตรของไทย ที่เข้าใจถึงความต้องการของพืชแต่ละชนิด จึงช่วยบำรุงและดูแลพืชให้เจริญเติบโตในแต่ละช่วงได้อย่างเหมาะสม

ผลผลิตดี มีคุณภาพและความปลอดภัย คือเป้าหมายหลักของการเพาะปลูกแบบฉบับอารักขาพืชเจียไต๋

ธนพัฒน์ วงษ์โคเมท ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ธุรกิจอารักขาพืช บริษัท เจียไต๋ จำกัด เล่าว่า

เกษตรปลอดภัยคือหัวใจหลักของการพัฒนาผลิตภัณฑ์อารักขาพืชเจียไต๋ เพราะเรามุ่งนำเสนอสินค้าคุณภาพสูง พร้อมด้วยบริการ และโซลูชั่นที่จะช่วยให้เกษตรกรใช้งานได้อย่างเหมาะสม ได้ผลผลิตดี ในขณะเดียวกันก็ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมน้อยที่สุด และผู้บริโภคได้บริโภคผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรที่มีคุณภาพอย่างปลอดภัย” 

อารักขาพืชเจียไต๋มุ่งนำเสนอสินค้าคุณภาพสู่ตลาด พร้อมๆ กับตระหนักถึงความรับผิดชอบต่อผู้คน สังคม และสิ่งแวดล้อม จึงดำเนินธุรกิจบนมาตรฐาน ISO 14001: 2015 ซึ่งเป็นระบบจัดการด้านสิ่งแวดล้อมที่นอกจากเป็นกรอบการพัฒนาสินค้าให้มีคุณภาพสูง มีคุณสมบัติที่เหมาะสมกับพืชแต่ละประเภทแล้ว ยังช่วยส่งเสริมด้านความยั่งยืน นอกจากนี้ อารักขาพืชเจียไต๋ยังมีห้องปฏิบัติการวิเคราะห์ผลิตภัณฑ์ตั้งอยู่ภายในโรงงานเจียไต๋ อ้อมน้อย ที่ผ่านการรับรองมาตรฐาน ISO/IEC 17025: 2017 สำหรับตรวจสอบสินค้าทั้งก่อน ระหว่าง และหลังการผลิต เพื่อให้มั่นใจว่าสินค้ามีมาตรฐานตรงตามข้อกำหนดของกรมวิชาการเกษตร และการันตีคุณภาพของสินค้าได้อย่างแม่นยำและเชื่อถือได้

ธนพัฒน์ กล่าวเสริมว่า “อารักขาพืชเจียไต๋เรามีพันธกิจนำเสนอผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ที่เป็นเชิงนวัตกรรม เพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพทางการเพาะปลูกให้กับเกษตรกร ทั้งยังสามารถลดต้นทุน และเพิ่มความปลอดภัยต่อผู้ใช้งาน ผู้บริโภค รวมถึงสิ่งแวดล้อม เพราะเมื่อเกษตรกรสามารถใช้งานผลิตภัณฑ์ได้อย่างถูกต้องเหมาะสม ก็จะมีความปลอดภัย ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ผลผลิตทางการเกษตรที่อยู่ในท้องตลาดก็จะมีคุณภาพ และปลอดภัยต่อการบริโภคเช่นเดียวกัน ซึ่งส่งผลต่อเนื่องถึงความมั่นคงทางอาหาร และส่งเสริมเกษตรที่ยั่งยืนในระยะยาวด้วย”

3 กลยุทธ์ปั้นสินค้าคุณภาพ มุ่งสู่เกษตรปลอดภัย

1.หานวัตกรรมใหม่อยู่เสมอ

อารักขาพืชเจียไต๋มุ่งมั่นพัฒนาผลิตภัณฑ์ เสาะหาเทคโนโลยี พร้อมพัฒนาศักยภาพของบุคลากร ตลอดจนเสริมสร้างความร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจ เพื่อนำนวัตกรรมต่างๆ มาต่อยอดความสำเร็จให้กับภาคเกษตรกรรมไทย ผลิตภัณฑ์จึงมีความหลากหลายพร้อมสำหรับการบำรุง เพิ่มผลผลิต และปกป้องพืชพันธุ์ ในขณะเดียวกันก็ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมน้อยที่สุด

2.โซลูชั่น คำตอบที่ใช่สำหรับเกษตรกร

อารักขาพืชเจียไต๋ ทำงานร่วมกับหน่วยงานภาครัฐและเอกชน เพื่อร่วมวิจัยและทดลองหาโซลูชั่นทางการเกษตรที่ตอบโจทย์ตามความต้องการของพืชแต่ละชนิด รวมถึงตอบสนองต่อสภาพความแตกต่างในแต่ละพื้นที่ทำเกษตร โดยนำสินค้านวัตกรรมต่างๆ มาสร้างสรรค์เป็นโซลูชั่น หรือ สูตรสำเร็จทางการเกษตร แนะนำการใช้งานให้กับเกษตรกรตั้งแต่เริ่มเพาะปลูกไปจนถึงการเก็บเกี่ยว ซึ่งช่วยให้เกษตรกรลดต้นทุนด้านปัจจัยการผลิต นอกจากนี้ ยังเพิ่มประสิทธิภาพด้วยการใช้งานโซลูชั่นร่วมกับโดรนเพื่อการเกษตร เพื่อประหยัดเวลา ประหยัดแรงงาน อีกทั้ง เพิ่มความแม่นยำ และความปลอดภัย เช่น

  • โซลูชั่นนาข้าว แบ่งช่วงการดูแลเป็น 3 ระยะ ได้แก่ ระยะคุมเลน ระยะคุม-ฆ่า และระยะบำรุงรวงอ่อน ทั้ง 3 โซลูชั่นแบบฉบับเจียไต๋เพื่อพี่น้องชาวนาได้ข้าวเต็มถัง เงินเต็มถุง

  • โซลูชั่นทุเรียน อีกหนึ่งพืชเศรษฐกิจที่ต้องการการดูแลเป็นพิเศษ แบ่งการดูแลออกแบ่ง 12 ระยะ ตั้งแต่ระยะเพิ่มความสมบูรณ์ใบอ่อน 3 รุ่น ระยะส่งเสริมการออกดอก ระยะกระตุ้นตาดอก ระยะบำรุงหลังออกดอก ระยะกระตุ้นแตกใบอ่อน ระยะเพิ่มปริมาณการติดผล ระยะบำรุงผลอ่อน ในช่วง 1-3 เดือน ระยะเร่งการสุกและคุณภาพ

ซึ่งเกษตรกรที่ได้รับคำแนะนำและนำไปปรับใช้กับพื้นที่เกษตรของตนต่างการันตีผลลัพธ์ เพิ่มคุณภาพผลผลิตได้จริง

3.ทำงานใกล้ชิดลูกค้า เข้าใจพืชผล มอบคำแนะนำการใช้งานผลิตภัณฑ์ 

เพื่อให้การดำเนินธุรกิจเป็นไปตามเป้าหมาย อารักขาพืชเจียไต๋ได้ปรับปรุงระบบงานเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าและเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน ไม่ว่าจะเป็นการบริการลูกค้าทั้งเกษตรกรและร้านค้าตัวแทนจำหน่าย ด้วยการมอบคำแนะนำเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์และการใช้งานที่ถูกต้องเหมาะสมอย่างปลอดภัย ผ่านกิจกรรมอบรมและสัมมนาต่างๆ

ในส่วนของฝ่ายโรงงาน ได้ปรับระบบการทำงานให้เป็นไปตามข้อกำหนดและมีมาตรฐานรองรับ นอกจากนี้ การส่งมอบผลิตภัณฑ์สู่มือลูกค้า อารักขาพืชเจียไต๋ได้นำเทคโนโลยีมาใช้ อย่างระบบจัดการคลังสินค้า และระบบตรวจสอบย้อนกลับที่ลูกค้าจะสามารถตรวจสอบย้อนกลับไปถึงข้อมูลผลิตภัณฑ์ตั้งแต่ต้นทาง เช่น ข้อมูลการผลิต ล็อตสินค้า และคำแนะนำการใช้งาน

เพราะเกษตรปลอดภัยไม่ใช่เรื่องไกลตัว และเกษตรกรรมคือการผลิตอาหารของโลก ระบบการผลิตที่ดีนำมาซึ่งอาหารปลอดภัย ทั้งนี้ เพื่อให้อาชีพเกษตรกรรมที่เป็นวิถีชีวิตของสังคมไทยสามารถเป็นอาชีพที่มั่นคงขึ้นได้อย่างยั่งยืน อารักขาพืชเจียไต๋พร้อมที่จะนำเสนอสินค้าคุณภาพ พร้อมด้วยบริการ และโซลูชั่น ภายใต้หัวใจหลักเรื่องความปลอดภัยต่อ 3 มิติ ทั้งผู้คน (ผู้ใช้งานและผู้บริโภค) สังคม และสิ่งแวดล้อม

 

]]>
1496335
รู้จัก “เมดิเอเตอร์” ผู้พัฒนา “TJRI” โครงการสื่อกลางเพื่อช่วยเชื่อมสัมพันธ์ “นักธุรกิจไทย-ญี่ปุ่น” https://positioningmag.com/1496260 Tue, 29 Oct 2024 09:00:06 +0000 https://positioningmag.com/?p=1496260

ปัจจุบันบริษัทญี่ปุ่นตั้งอยู่ในเมืองไทยมากถึง 6,000 บริษัท แต่มีบริษัทจากแดนปลาดิบที่เปิดประตูร่วมลงทุนกับบริษัทไทยน้อยมาก แม้นักธุรกิจไทยรุ่นใหม่จะมีศักยภาพสูงและพร้อมจะพัฒนาร่วมกันให้ประเทศไทยเป็นมากกว่าเพียงแค่ ‘ฐานผลิต’ ซึ่งแนวคิดตั้งต้นดังนี้ทำให้ “กันตธร วรรณวสุ” ผู้ก่อตั้ง “เมดิเอเตอร์” เลือกจะเปิดโครงการพิเศษ​ “TJRI” เพื่อมุ่งเป้าเป็นตัวกลางเชื่อมสัมพันธ์ให้นักธุรกิจไทยกับญี่ปุ่นได้เจอกันและต่อยอดธุรกิจให้แน่นแฟ้นมากกว่าที่เคย

“จุดเริ่มต้นที่ทำให้บริษัทญี่ปุ่นมาลงทุนในไทยคือ ‘ยุคโชติช่วงชัชวาล’ ของไทยเมื่อ 30-40 ปีก่อน ที่มีการส่งเสริมการลงทุนจากต่างประเทศและอนุญาตให้คนญี่ปุ่นตั้งบริษัทโดยคนญี่ปุ่นถือหุ้น 100% ไม่ต้องมีคนไทยร่วมด้วย ดังนั้นคนญี่ปุ่นจึงเหมือนทำงานเฉพาะแต่กับคนญี่ปุ่นด้วยกันเองเท่านั้น” กันตธร วรรณวสุ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เมดิเอเตอร์ จำกัด ฉายภาพถึงบริบทของบริษัทญี่ปุ่นในประเทศไทยตั้งแต่ยุคอดีต

“ประกอบกับทั้งสังคมญี่ปุ่นและสังคมไทยต่างก็เป็นสังคม ‘High Context’ หรือสังคมที่มีลักษณะการเจรจาแบบอ้อมค้อม ไม่พูดตรงๆ ทำให้สุดท้ายคนญี่ปุ่นกับคนไทยที่อยู่คนละองค์กรกันจะไม่ค่อยมีการสร้างความสัมพันธ์และทำงานร่วมกันเลย”

กันตธร วรรณวสุ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เมดิเอเตอร์ จำกัด

เหตุที่กันตธรมองทะลุปรุโปร่งว่าวัฒนธรรมคนญี่ปุ่นเป็นอย่างไรนั้น เป็นเพราะตัวเขามีโอกาสได้ไปศึกษาต่อที่ญี่ปุ่นเป็นเวลา 5 ปี และได้ทำงานในญี่ปุ่นต่ออีก 5 ปี เมื่อกลับมาประเทศไทยจึงเลือกทำธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับคนญี่ปุ่น ด้วยการก่อตั้งบริษัท เมดิเอเตอร์ จำกัด เมื่อปี 2552 โดยเริ่มแรกทำธุรกิจรับบริหารจัดการอีเวนต์ นิทรรศการ งานสัมมนา ฯลฯ ตามที่ได้รับมอบหมายจากหน่วยงานรัฐของญี่ปุ่นในไทย เช่น JETRO (องค์การส่งเสริมการค้าต่างประเทศของญี่ปุ่น) และ JNTO (องค์การส่งเสริมการท่องเที่ยวแห่งประเทศญี่ปุ่น)

อย่างไรก็ตาม เมื่อต้องทำงานและประสานงานกับชาวญี่ปุ่นในไทยมาถึงปัจจุบัน กันตธรกล่าวว่า ตัวเขาเริ่มเห็นสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไปของบริบทธุรกิจในประเทศไทย เพราะในอดีตไทยอาจจะเป็นเพียง ‘ฐานผลิต’ ให้กับบริษัทญี่ปุ่น ดังนั้นการเก็บตัวอยู่เฉพาะในสังคมญี่ปุ่นจึงอาจจะไม่ใช่ปัญหา แต่วันนี้เมื่อไทยกำลังจะเสียศักยภาพการเป็นฐานผลิตต้นทุนต่ำให้กับประเทศใกล้เคียง เช่น เวียดนาม อินโดนีเซีย หากความสัมพันธ์ของบริษัทญี่ปุ่นกับคนไทยไม่ได้แน่นแฟ้นและเป็นมากกว่าฐานผลิต อนาคตอาจเห็นการย้ายออกของบริษัทญี่ปุ่นไปจากประเทศไทยก็ได้!

ในขณะเดียวกัน กันตธรมองว่า อันที่จริงแล้วนักธุรกิจและผู้บริหารคนไทยยุคนี้มีความสามารถสูงขึ้นมาก มีทายาทธุรกิจมากมายที่ ‘โปรไฟล์ดี จบนอก วิสัยทัศน์ไกล’ ซึ่งน่าเสียดายหากนายญี่ปุ่นมองไม่เห็นโอกาสที่จะได้สร้างสัมพันธ์และต่อยอดธุรกิจร่วมกัน

นั่นจึงเป็นเหตุผลและที่มาที่ทำให้กันตธรเริ่มต้นโครงการ “TJRI” หรือ “Thai-Japanese Investment Research Institute” ขึ้น มุ่งหมายจะเป็นโครงการที่ช่วยส่งเสริมความสัมพันธ์ทางธุรกิจของคนไทยและคนญี่ปุ่นโดยเฉพาะ


พีระมิด 5 ขั้นสร้างสัมพันธ์ไทย-ญี่ปุ่น

กันตธรกล่าวว่า โครงการ TJRI นี้ต้องการจะสร้างความสัมพันธ์ตั้งแต่รากฐาน การทำงานเพื่อส่งเสริมสัมพันธ์จึงจะต้องทำงานเป็นพีระมิด 5 ขั้น จากหน่วยเล็กไปหาหน่วยใหญ่ คือ

  1. Business Matching – จับคู่ทางธุรกิจระหว่างบริษัทญี่ปุ่นกับบริษัทไทย เพื่อให้เกิดการพัฒนาร่วมกัน
  2. Thai Localization – ทำให้บริษัทญี่ปุ่นที่เริ่มสร้างฐานในไทยแล้วสามารถปรับตัวเข้ากับเมืองไทยได้ และส่งเสริมให้คนไทยได้เลื่อนขั้นเป็นระดับผู้บริหารในองค์กรญี่ปุ่น
  3. B2B Marketing – ทำการตลาดและประชาสัมพันธ์กับบริษัทญี่ปุ่นให้เลือกมาลงทุนที่เมืองไทย
  4. Exhibition & Conference – จัดสัมมนาและการประชุมในกลุ่มธุรกิจญี่ปุ่นเพื่อให้หันมาสนใจประเทศไทย
  5. Media Management – ส่งบทความและข้อมูลต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการทำธุรกิจในไทยไปปรากฏบนหน้าสื่อ สร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับประเทศไทยและคนไทยให้กับคนญี่ปุ่น

หลังตั้ง TJRI ขึ้น มีหลายโปรเจ็กต์ที่ได้จัดสำเร็จลุล่วงไปแล้ว เช่น กิจกรรมพานักธุรกิจญี่ปุ่นทัวร์โรงงานและบริษัทไทย นำสตาร์ทอัพญี่ปุ่นเข้าร่วมเวที Talk Stage ในงาน Sustainability Expo 2023 หรือการจัดงานสัมมนาเปิดให้บริษัทไทยเล่าความต้องการทางธุรกิจและโอกาสสร้างความร่วมมือกับพาร์ทเนอร์ชาวญี่ปุ่น เป็นต้น

ในกิจกรรมต่างๆ เหล่านี้ มีหลายบริษัทที่มีชื่อเสียงในไทยเคยเข้าร่วมกับโครงการ TJRI เช่น PTT, C.P. Group, SCG, กลุ่มมิตรผล, อิชิตัน กรุ๊ป, เซ็นทรัลพัฒนา ส่วนบริษัทญี่ปุ่นก็มีหลายรายที่ร่วมเป็นสมาชิก TJRI แล้ว เช่น Denso, Marubeni, Misumi, Sanyo Trading Group, Itochu, Sumitomo Corporation Thailand ฯลฯ

ด้านการสร้างรากฐานความเข้าใจคนไทยในสื่อ กันตธรกล่าวว่า TJRI ได้ลงบทความภาษาญี่ปุ่นไปแล้วมากมาย โดยส่วนใหญ่จะได้รับเสียงตอบรับที่ดีและเป็นที่ฮือฮา เพราะบทความที่ลงมักจะเลือกหัวข้อที่คนญี่ปุ่นมักจะ ‘ไม่กล้าพูด’ กันเอง เช่น ข่าวการจัดอันดับ Top 50 บริษัทที่คนรุ่นใหม่ชาวไทยอยากร่วมงานด้วยมากที่สุดปี 2024 ที่จัดโดย WorkVenture ปรากฏว่า มีบริษัทญี่ปุ่นแค่ 3 แห่งเท่านั้นในลิสต์ คือ LINE, Toyota และ Unicharm ซึ่งความจริงข้อนี้ทำให้คนญี่ปุ่นตกใจมากที่บริษัทญี่ปุ่นไม่ได้เป็นที่นิยมในกลุ่มคนทำงานไทยอีกแล้ว และกลายเป็นบริษัทใหญ่ของไทยเองที่ครองใจคนรุ่นใหม่จำนวนมาก

“เราอยากให้คนญี่ปุ่นมองไทยใหม่ว่า เราไม่ใช่แค่ฐานผลิตเฉย ๆ แต่อยากให้เขามองว่าจะมาร่วมงานกับคนไทยเพื่อสร้างสรรค์พัฒนานวัตกรรมใหม่ ธุรกิจใหม่ สื่อสารจุดแข็งของไทยเราว่าสามารถเป็นสปริงบอร์ดออกไปในกลุ่มประเทศ CLMV (กัมพูชา ลาว เมียนมา เวียดนาม) ได้ด้วย” กันตธรกล่าว “นอกจากนี้ยังมีอีกหลายธุรกิจที่ประเทศไทยต่อยอดร่วมกับญี่ปุ่นได้ เช่น ด้านเกษตรกรรม ถ้าร่วมกับนวัตกรรมจากญี่ปุ่น เราอาจจะต่อยอดเป็นอุตสาหกรรมไบโอเทค ยา หรืออาหารได้อีกมาก”


“THAIBIZ” นิตยสารธุรกิจภาษาญี่ปุ่นฝีมือคนไทย

สำหรับการสร้างฐานพีระมิดที่จะพัฒนาความเข้าใจของคนญี่ปุ่นต่อสังคมธุรกิจไทยนั้น กันตธรมองว่า แค่ลงบทความในสื่ออื่นยังไม่พอ แต่ต้องมีสื่อเป็นของตนเองด้วย ทำให้บริษัทตัดสินใจเทกโอเวอร์นิตยสารภาษาญี่ปุ่น “ArayZ” ซึ่งดำเนินการในไทยมานานถึง 10 ปี นำมาเปลี่ยนชื่อใหม่เป็น “THAIBIZ” และปรับแนวทางเป็นนิตยสารเพื่อสื่อสารเรื่องธุรกิจ-เศรษฐกิจเป็นหลัก

โดยเรื่องราวที่ลงในนิตยสารจะมีทั้งเรื่องของบริษัท/ผู้บริหารญี่ปุ่นในไทย เช่น ผู้บริหารจาก Denso และบริษัท/ผู้บริหารไทยที่น่าสนใจ เช่น MK Restaurant Group ซึ่งคนญี่ปุ่นจะได้รู้จักและคุ้นเคยกับบริษัทไทยมากยิ่งขึ้น

ปัจจุบัน THAIBIZ เริ่มตีพิมพ์ทุกเดือนตั้งแต่เดือนเมษายน 2567 จำนวนพิมพ์ฉบับละ 12,000 เล่ม วางแจกฟรีตามสำนักงาน บริษัทญี่ปุ่นและซูเปอร์มาร์เก็ตที่คนญี่ปุ่นนิยม นอกจากนี้ บริษัทยังจัดส่งบทความรายวันทางอีเมลให้กับสมาชิก เพื่อให้คนญี่ปุ่นสามารถติดตามข่าวสารได้แม้จะไม่ได้อยู่ในกรุงเทพฯ หรือในประเทศไทย

“กลุ่มเป้าหมายของเราคือ ผู้บริหารคนญี่ปุ่นที่ยังหนุ่มสาว ไฟแรง และอยากจะพัฒนาตัวเอง อยากหาคอนเน็กชันให้มาก” กันตธรกล่าว

ปัจจุบันเมดิเอเตอร์มีพนักงานรวมทั้งหมด 60 คน (คนไทย 50 คน และคนญี่ปุ่น 10 คน) พร้อมที่จะให้บริการช่วยเหลือบริษัทญี่ปุ่นที่จะมาลงทุนในไทย รวมทั้งบริษัทไทยหรือญี่ปุ่นที่ต้องการรู้จัก เชื่อมสัมพันธ์ข้ามชาติ สร้างสรรค์พัฒนาไปด้วยกัน

“KPI ของผมวันนี้ไม่ได้อยู่ที่ยอดขายหรือกำไร แต่อยู่ที่เราสร้างผลกระทบเชิงบวกให้กับเมืองไทยได้มากแค่ไหนครับ” กันตธรกล่าวปิดท้าย

]]>
1496260
ICS ไลฟ์สไตล์ คอมเพล็กซ์ ตอกย้ำความเป็น ‘มิกซ์ยูส’ สมบูรณ์แบบ เปิดตัวโรงแรมฮิลตัน การ์เดน อินน์ กรุงเทพฯ ริเวอร์ไซด์ ยกระดับแลนด์มาร์กฝั่งธนฯ สู่จุดหมายใหม่ด้านการลงทุนและท่องเที่ยว https://positioningmag.com/1495584 Fri, 25 Oct 2024 06:00:44 +0000 https://positioningmag.com/?p=1495584

ไอซีเอส ไลฟ์สไตล์ คอมเพล็กซ์  (ตรงข้ามไอคอนสยาม)  หนึ่งในโครงการมิกซ์ยูส ที่ให้บริการครบครันทั้งพื้นที่รีเทล โรงแรม และพื้นที่สำนักงาน ล่าสุดเปิดให้บริการ “ฮิลตัน การ์เดน อินน์ กรุงเทพฯ ริเวอร์ไซด์” โรงแรมใหม่ล่าสุดของฮิลตัน เสริมภาพให้ ICS เป็นโครงการมิกซ์ยูสที่สมบูรณ์แบบ ตอกย้ำแลนด์มาร์คใหม่ฝั่งธนบุรี ตอบโจทย์ความครบครันทุกมิติ ทุกไลฟ์สไตล์ เพื่อรองรับการขยายตัวของเมืองในฝั่งธนบุรี ประกาศรุกไตรมาสสุดท้าย จัดแคมเปญโปรโมชั่น “Catch Deals, if you can ช้อปคว้าดีล” มอบสิทธิพิเศษให้กับสมาชิก ONESIAM เพื่อลุ้นรับรางวัลและแลกของรางวัลรวมมูลค่ากว่า 700,000 บาท ตั้งแต่วันที่ 30 ต.ค. 67 – 30 พ.ย. 67

นายไพรัช วิเศษศิริลักษณ์ ผู้บริหารสายงานบริการลูกค้า บริษัท  ไอซีเอส จำกัด กล่าวว่า การเปิดให้บริการของโรงแรมฮิลตัน การ์เดน อินน์ กรุงเทพฯ ริเวอร์ไซด์  ทำให้ ICS เป็นโครงการมิกซ์ยูสที่สมบูรณ์แบบ รวมการใช้งานพื้นที่ทั้งรีเทล โรงแรม และพื้นที่สำนักงานอย่างลงตัว เพื่อสร้างสภาพแวดล้อมที่ตอบโจทย์ทั้งการใช้ชีวิตและการทำงาน ช่วยเสริมสร้างความสะดวกสบายให้กับผู้มาเยือนและชุมชนในพื้นที่ พร้อมเป็นจุดหมายใหม่ที่ครบวงจรสำหรับนักลงทุนและนักท่องเที่ยว

สำหรับ “ไอซีเอส ไลฟ์สไตล์ คอมเพล็กซ์” เปิดให้บริการเมื่อวันที่ 11 มกราคม 2566 ตั้งอยู่ริมถนนเจริญนคร พื้นที่ 5 ไร่ เป็นอาคารสูง 29 ชั้น ตั้งอยู่ริมถนนเจริญนคร ตรงข้ามกับไอคอนสยาม ทำเลทองที่มีความโดดเด่นเดินทางสะดวกได้ทั้งรถยนต์ส่วนตัว รถโดยสารสาธาธารณะ และรถไฟฟ้าสายสีทอง สถานีเจริญนคร เชื่อมต่อตรงกับโครงการไอคอนสยามที่ด้านหลังติดโค้งน้ำเจ้าพระยาซึ่งรองรับการหมุนเวียนของทราฟฟิกจากท่าเรือสาธารณะถึง 99 ท่าเรือ ภายในโครงการประกอบด้วยธุรกิจ 3 ส่วน ได้แก่ 1. ธุรกิจค้าปลีก รูปแบบเป็นอาคารโลว์ไรส์ รวม 8 ชั้น โดยจับมือกับพันธมิตรคู่ค้าชั้นนำอีกกว่า 200 แบรนด์ 2. ไอซีเอส ออฟฟิศทาวเวอร์ พื้นที่สำนักงานให้เช่า ตั้งอยู่ระหว่างชั้น 6-8 พัฒนาภายใต้แนวคิดที่ต้องการส่งเสริมการทำธุรกิจของผู้ประกอบการ และ 3. โรงแรมฮิลตัน การ์เดน อินน์ กรุงเทพฯ ริเวอร์ไซด์  บริหารโดย ฮิลตัน บริษัทชั้นนำด้านธุรกิจการบริการระดับโลก จ้าของแบรนด์ระดับโลกถึง  24 แบรนด์ ประกอบด้วยโรงแรมมากกว่า 8,000 แห่ง และห้องพักกว่า 1.2 ล้านห้องใน 126 ประเทศ

ความโดดเด่นของ “ไอซีเอส ไลฟ์สไตล์ คอมเพล็กซ์” ที่สร้างความแตกต่างจากค้าปลีกอื่นๆ ยังเป็นความครบครันทั้งด้านสินค้าและบริการ ที่สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าในทุกกลุ่ม จากกลยุทธ์การผนึกกำลังกับแบรนด์ชั้นนำ ที่เปรียบเสมือน “จิ๊กซอว์” แต่ละตัวที่เข้ามาเติมเต็มให้ภาพโครงการมีความสมบูรณ์ ภายใต้โมเดล “บิสเนส แฟลกชิพ” ที่มีความพิเศษ แตกต่าง ทันสมัย เพื่อสร้างประสบการณ์ใหม่ให้กับผู้เข้ามาใช้บริการ นอกเหนือจาก “ฮิลตัน การ์เดน อินน์ กรุงเทพฯ ริเวอร์ไซด์” ที่เปิดให้บริการล่าสุด ก่อนหน้านี้ ยักษ์ค้าปลีก “โลตัส” เลือกที่จะเปิดแบรนด์ใหม่ Lotus’s Privé (โลตัส พรีเว่) พรีเมียมไฮเปอร์มาร์เก็ต ประเดิมสาขาแห่งแรกที่โครงการไอซีเอส (ICS) เช่นเดียวกับ โรงพยาบาลศิริราช” ที่เลือกเปิด “SIRIRAJ H SOLUTIONS” ศูนย์ดูแลสุขภาพแบบครบวงจรนอกพื้นที่ครั้งแรกที่ไอซีเอสฯ  เพื่อสร้างประสบการณ์ใหม่ให้กับผู้เข้ามาใช้บริการ ทั้งยังเป็นการขยายฐานลูกค้าใหม่ ๆ ย่านฝั่งธนฯ ได้เพิ่มมากขึ้น

“จากการเปิดตัว “ไอซีเอส ไลฟ์สไตล์ คอมเพล็กซ์” โครงการมิกซ์ยูส ที่ให้บริการครบครันทั้งพื้นที่รีเทล โรงแรม และพื้นที่สำนักงาน ออฟฟิศอย่างสมบูรณ์แบบ ยังเป็นการตอบรับอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวในประเทศช่วงโค้งท้ายของปี ที่คาดว่าจะเติบโตต่อเนื่อง จากข้อมูลของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ระบุว่า ช่วงเดือนกันยายน-ธันวาคม 2567 สถานการณ์ตลาดท่องเที่ยวต่างประเทศ เดินทางเข้าประเทศไทย มีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้นกว่าช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว คาดว่ามีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติ 12,226,500 คน หรือขยายตัวเพิ่มขึ้น 20% สร้างรายได้ 652,826 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 29% เทียบช่วงเดียวกันของปี 2566” คุณไพรัช กล่าว

ด้านนายศิรพัฒน์ เลิศกังวาลไกล กรรมการบริหาร บริษัท ไอคอน โฮเทล ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด กล่าวว่า   โรงแรมฮิลตัน การ์เดน อินน์ กรุงเทพฯ ริเวอร์ไซด์ ที่ตั้งอยู่ในโครงการ ICS ไลฟ์สไตล์ คอมเพล็กซ์ ถนนเจริญนคร มีห้องพัก 241 ห้อง พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวทั้งกลุ่มธุรกิจและนักเดินทางที่มาพักผ่อน โดดเด่นด้วยทำเลที่ตั้งเป็นอาคารสูงเพียงแห่งเดียวในย่าน ทำให้สามารถรับชมวิวกรุงเทพฯ แบบ 360 องศา ครอบคลุมทั้งฝั่งพระนครและฝั่งธนบุรี

“โรงแรมแห่งนี้ตอบโจทย์นักท่องเที่ยวที่มองหาประสบการณ์การพักผ่อนที่หรูหราและสะดวกสบาย พร้อมให้บริการในช่วงเทศกาลท่องเที่ยวปลายปี ซึ่งเป็นช่วงที่กรุงเทพฯ คึกคักไปด้วยกิจกรรมพิเศษที่จัดขึ้นโดยไอคอนสยามและไอซีเอส เราเชื่อมั่นว่าโรงแรมฮิลตัน การ์เดน อินน์ กรุงเทพฯ ริเวอร์ไซด์ จะเป็นจุดหมายปลายทางใหม่สำหรับผู้ที่ต้องการสัมผัสประสบการณ์การท่องเที่ยวและพักผ่อนในใจกลางกรุงเทพฯ ที่ไม่เหมือนใคร”  คุณศิรพัฒน์  กล่าวทิ้งท้าย

ภาพห้องพัก-King-Deluxe-City-View

ภาพห้อง Twin-Deluxe-River-View

เพื่อร่วมต้อนรับฤดูกาลท่องเที่ยวปลายปีนี้ ICS  ส่งแคมเปญโปรโมชั่น “Catch Deals, if you can ช้อปคว้าดีล” เอาใจนักช็อป ตั้งแต่วันที่ 30 ตุลาคม – 30 พฤศจิกายน 2567 โดยมอบสิทธิพิเศษให้กับสมาชิก ONESIAM เพื่อลุ้นรับรางวัลและแลกของรางวัลรวมมูลค่ากว่า 700,000 บาท ลุ้นโชค 2 ต่อ: ต่อที่ 1: ลุ้นรับแพ็กเกจความงามจากร้าน APEX, Gangnam Clinic และ The Ritz Clinic จำนวน 3 รางวัล รวมมูลค่ากว่า 300,000 บาท และต่อที่ 2: ช็อปครบตามเงื่อนไข รับสิทธิ์แลกของรางวัล เช่น SIAM GIFT CARD หรือคูปองส่วนลดจากร้านค้าที่ร่วมรายการ  *โปรดตรวจสอบเงื่อนไขเพิ่มเติมได้ที่เคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์

นอกจากนี้  ไอซีเอส ไลฟ์สไตล์ คอมเพล็กซ์ ยังจัดมหกรรมความงามแห่งปี  ICS BEAUTY AND THE LISTS” ขนทัพบิวตี้ไอเท็มเด็ดมาให้เลือกช้อปลดสูงสุดกว่า 70% จากร้านค้าที่ร่วมรายการ พร้อมบริการเพื่อความงามจากแบรนด์ดังมาให้เลือกสรรครบครัน พบกิจกรรมเพื่อความงามมากมายอาทิ กิจกรรมหาโทนสีที่ใช่กับ “Personal Color” กิจกรรม Beauty Pool : Lucky Time All You Can Beauty” ตักสินค้า Beauty ไม่อั้นใน 10 วินาที และกิจกรรมพิเศษ ICS Beauty Happy Fan รับสิทธิ์กระทบไหล่ศิลปินสุดฮอต  ตลอดจนโปรโมชั่นพิเศษจากร้านค้ากลุ่ม Health & Beauty ใน ICS เพื่องานนี้เท่านั้น กิจกรรมจัดขึ้นระหว่างวันที่ 30 ตุลาคม 2567- 10 พฤศจิกายน 2567 ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เฟสบุ๊ก ICS

]]>
1495584