PR News – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Thu, 21 Nov 2024 11:54:34 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 Meta ประกาศรางวัล Meta Agency First Awards 2024 ชูความเป็นเลิศและความสำเร็จของอุตสาหกรรมสื่อการตลาดทางดิจิทัลในไทย https://positioningmag.com/1500278 Thu, 21 Nov 2024 11:35:40 +0000 https://positioningmag.com/?p=1500278 Meta จัดงาน Meta Agency First Awards งานประกาศรางวัลสำหรับองค์การด้านสื่อการตลาดที่มีความเป็นเลิศและโดดเด่นในการใช้เครื่องมือและแพลตฟอร์มการตลาดที่พัฒนาโดย Meta เพื่อสร้างแคมเปญที่โดดเด่นบนแพลตฟอร์ม โดยปีนี้นับเป็นปีที่สองของการจัดงานมอบรางวัลอันทรงเกียรตินี้ในประเทศไทย  ซึ่งเป็นประเทศเดียว  ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่มีการจัดงานดังกล่าว Meta Agency First Awards ยังเป็นส่วนหนึ่งของพันธกิจจาก Meta ที่ต้องการสนับสนุนพันธมิตรหน่วยงานสื่อดิจิทัลต่างๆ ให้ประสบความสำเร็จบนแพลตฟอร์มของ Meta อย่างใกล้ชิดผ่านการร่วมงานกัน แบ่งปันความรู้ และให้คำปรึกษาทางกลยุทธ์อย่างต่อเนื่อง

ในปีนี้ Meta ได้ร่วมมือกับสมาคมโฆษณาดิจิทัลแห่งประเทศไทย (Digital Advertising Association (Thailand) หรือ DAAT) พัฒนาหมวดหมู่รางวัลใหม่ล่าสุด ได้แก่ “DAAT Campaign of the Year” เพื่อยกย่องแคมเปญที่ใช้กลยุทธ์การตลาดแบบ full-funnel และมีความโดดเด่นที่สุดบนแพลตฟอร์มของ Meta นอกจากนี้งานมอบรางวัลในครั้งนี้ยังได้เปิดโอกาสให้เอเจนซี่อิสระเข้าร่วมชิงรางวัลเป็นครั้งแรก ทั้งในรูปแบบของรางวัลใหม่ ได้แก่ “Thai Independent Agency of the Year” และการเชิญเข้าร่วมชิงรางวัลในบางหมวดหมู่  ที่กำหนดไว้

รางวัลทั้ง 9 หมวดหมู่ของ Meta Agency First Awards ในประเทศไทย มอบให้แก่ผู้ชนะในระดับเอเจนซี่ และระดับลูกค้าองค์กร โดยหมวดหมู่รางวัลแบ่งเป็นระดับ Gold, Silver และ Bronze โดยผู้ชนะรางวัลในแต่ละประเภทมีดังต่อไปนี้

● ประเภท Highest Media Efficiency
○ Optimum Media Direction (Thailand) – GOLD
○ CARAT THAILAND – SILVER
○ Wavemaker Thailand – BRONZE
○ dentsu X Thailand – BRONZE

● ประเภท Most Improved Media Efficiency
○ i-dac Bangkok – GOLD
○ Publicis Media – Zenith – SILVER
○ PHD (Thailand) – SILVER
○ Mindshare Thailand – BRONZE

● ประเภท Thai Independent Agency of the Year
○ Grow by Rabbit Care – GOLD
○ YDM Thailand – SILVER
○ Heroleads Asia – BRONZE

● ประเภท Most Advanced Blueprint Certificates
○ Publicis Media
○ Omnicom Media Group (Thailand)

● ประเภท Highest Growth in Blueprint Specialist Badges
○ Omnicom Media Group (Thailand)

● ประเภท Best in Branding Effectiveness
○ Wavemaker Thailand | L’Oreal (Thailand) – GOLD
○ Initiative | Vivo Thailand – SILVER
○ Optimum Media Direction (Thailand) | Beiersdorf (Thailand) – BRONZE
○ i-dac Bangkok and Hakuhodo First | Arcelik Hitachi – BRONZE

○ รางวัล Most Improved in Branding Effectiveness
■ Mindshare Thailand | CP Axtra – Lotus’s

● ประเภท Best in Commerce Strategy
○ dotMATTERS | Power Buy – GOLD
○ EssenceMediacom Thailand | Charles & Keith Thailand – SILVER
○ Digital Bites | GQ Apparel – BRONZE
○ Publicis Media | Abbott – BRONZE

○ รางวัล Most Improved in Commerce Strategy
■ Mindshare Thailand | CP Axtra – Makro

● ประเภท Best in Data Strategy and Acquisition
○ Wavemaker Thailand| BMW (Thailand) – GOLD
○ CARAT THAILAND | AP (Thailand) Public Company Limited – GOLD
○ Mindshare Thailand | Ford Sales & Service (Thailand) Co., Ltd. – SILVER
○ Optimum Media Direction (Thailand) | Mercedes-Benz (Thailand) – SILVER
○ iProspect Thailand | Sansiri PLC – SILVER
○ Mindshare Thailand | AP (Thailand) Public Company Limited – BRONZE

○ รางวัล Most Improved in Data Strategy & Acquisition
■ Publicis Media | Property Perfect

● ประเภท DAAT Campaign of the Year
○ Optimum Media Direction (Thailand) | Eucerin – GOLD
○ Publicis Media | Sting – SILVER
○ Publicis Media | Lay’s Smile – BRONZE

คุณแพร ดำรงค์มงคลกุล Country Director ประจำ Facebook ประเทศไทย จาก Meta กล่าวว่า “การตลาดดิจิทัลเป็นพื้นที่ที่มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องและเป็นปัจจัยสำคัญต่อความสำเร็จของธุรกิจทั่วโลกอย่างรวดเร็ว หนึ่งในพันธกิจของ Meta คือการสนับสนุนหน่วยงานสื่อดิจิทัลต่าง ๆ และทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดเพื่อแลกเปลี่ยนความรู้และให้คำปรึกษาเชิงกลยุทธ์ เพื่อให้มั่นใจว่าพันธมิตรจะเติบโตอย่างแข็งแกร่งบนแพลตฟอร์มของเรา เรารู้สึกยินดีอย่างยิ่งที่ได้นำรางวัล Meta Agency First Awards กลับมาสู่ประเทศไทยอีกครั้ง และขอขอบคุณสมาคมโฆษณาดิจิทัลแห่งประเทศไทย (DAAT) สำหรับการร่วมสนับสนุนงานมอบรางวัลในปีนี้ รวมถึงการก่อตั้งและคัดเลือกผู้ชนะรางวัลอันทรงเกียรติ ‘DAAT Campaign of The Year Award’ นอกจากนี้ Meta ยังขอแสดงความยินดีกับเอเจนซี่ทุกแห่งที่เข้าร่วมชิงรางวัลในปีนี้ และเรารู้สึกตื่นเต้นอย่างยิ่งที่มีโอกาสได้เห็นความคิดสร้างสรรค์และนวัตกรรมอันโดดเด่นที่เกิดขึ้นบนแพลตฟอร์มของเรา”

คุณภารุจ ดาวราย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ปับลีซิส กรุ๊ป ประเทศไทย และนายกสมาคมโฆษณาดิจิทัลแห่งประเทศ ไทย (DAAT) กล่าวว่า “หนึ่งในวิธีการยกระดับมาตรฐานการโฆษณาดิจิทัลในประเทศไทยคือการสนับสนุนผลงานสร้างสรรค์ที่เข้าใจและใช้ประโยชน์จากแพลตฟอร์มได้อย่างเต็มศักยภาพ ด้วยเหตุนี้ DAAT จึงมีความร่วมมือกับ Meta ในการมอบรางวัล ‘DAAT Campaign of The Year Award’ ให้กับแคมเปญที่สามารถใช้ประโยชน์จากแพลตฟอร์มของ Meta ได้มากที่สุด เพื่อเสริมสร้างประโยชน์สูงสุดให้กับแบรนด์ รางวัลนี้ถือเป็นตัวอย่างและแรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์ผลงานที่สามารถเชื่อมโยงกับกลุ่มเป้าหมายบนแพลตฟอร์มของ Meta ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ความสามารถของบุคลากรในอุตสาหกรรมโฆษณาดิจิทัลยังเป็นกุญแจสำคัญต่ออนาคตของอุตสาหกรรมนี้ จากปัจจัยด้านความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านสำหรับแพลตฟอร์ม รางวัล Most Advanced Blueprint Certification และ Most Decorated Media Professional จึงเป็นรางวัลที่สำคัญและจำเป็นอย่างยิ่งสำหรับบุคลากรในอุตสาหกรรมโฆษณาดิจิทัลของไทย”

คุณจิณณารัชช์ สัมพันธรัตน์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ ออมนิคอม มีเดีย กรุ๊ป (โอเอ็มจี) เจ้าของรางวัลถึง 3 สาขาในงานนี้ ได้แก่ รางวัลในระดับ Gold 2 รางวัล ระดับ Silver 1 รางวัล และ ระดับ Bronze 1 รางวัล รวมถึงรางวัลแห่งเกียรติยศ Blueprint 2 รางวัล กล่าวว่า “การคว้ารางวัลระดับ Gold ประเภท Highest Media Efficiency เป็นปีที่สองติดต่อกันในงาน Meta Agency First Awards พร้อมกับรางวัลอื่น ๆ ได้แก่ รางวัล Most Advanced Blueprint Certifications รางวัล Highest Growth in Blueprint Specialist Badges รางวัล DAAT Campaign of the Year ในระดับ Gold รางวัล Best in Data Strategy & Acquisition ในระดับ Silver และ รางวัล Best in Branding Effectiveness ในระดับ Bronze รางวัลเหล่านี้ถือเป็นหลักฐานยืนยันถึงความทุ่มเทและความเชี่ยวชาญของทีมเราอย่างแท้จริง และยังสะท้อนถึงความร่วมมืออันแข็งแกร่งที่เรามีกับ Meta รวมถึงมาตรฐานความเป็นเลิศที่เราส่งมอบให้แก่ลูกค้าอย่างต่อเนื่อง ดิฉันรู้สึกภูมิใจในทีมของเราอย่างมากและขอบคุณสำหรับความมุ่งมั่นที่มีร่วมกันของทีม ในการสร้างผลลัพธ์ที่สามารถมอบประโยชน์ได้สูงสุด”

คุณจุฑาธัช วิสุทธิพล ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการพาณิชย์และผู้ร่วมก่อตั้ง บริษัท ดอท แมทเทอร์ จำกัด ผู้ได้รับรางวัล Best in Commerce Strategy ในระดับ Gold กล่าวว่า “ในนามของบริษัท ดอท แมทเทอร์ รู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้รับรางวัล Best in Commerce Strategy ในงาน Meta Agency First Awards 2024 รางวัลอันทรงเกียรตินี้เป็นเครื่องยืนยันถึงความมุ่งมั่นของบริษัทในการสร้างแคมเปญการสื่อสารที่สร้างผลลัพธ์จริงและมีอิทธิพลให้กับลูกค้าของเรา ทีมงานและลูกค้าได้ทุ่มเทเวลาในการพัฒนาแผนกลยุทธ์และการดำเนินแคมเปญที่ดีที่สุด เพื่อให้บรรลุผลลัพธ์ทางธุรกิจที่ต้องการ การได้รับรางวัลในครั้งนี้ทำให้เราได้หันมาชื่นชมผลของความพยายามของเรา รางวัลนี้ไม่เพียงแต่เป็นการยอมรับที่สร้างเสริมกำลังใจ แต่ยังเฉลิมฉลองความทุ่มเทและแพชชันของทีมงาน รวมถึงลูกค้าของเราที่ได้ร่วมมือกัน เพื่อสร้างสรรค์ผลงานที่มีความหมายในอุตสาหกรรมนี้”

สามารถรับชมรูปภาพผู้ชนะรางวัลได้ทาง เพจ Facebook ของ Meta ประเทศไทย

 

]]>
1500278
กลุ่มหลังคา ฝาฝ้า ฉนวนและวัสดุก่อสร้าง เอสซีจี เดินหน้าสู้ภาวะโลกเดือด สู่ Net Zero ขับเคลื่อนธุรกิจด้วยนวัตกรรมคาร์บอนต่ำ เพื่อความยั่งยืน https://positioningmag.com/1500261 Thu, 21 Nov 2024 10:30:35 +0000 https://positioningmag.com/?p=1500261 หลายคนคงคุ้นหูกับคำว่า “ภาวะโลกร้อน” (Global Warming) จนรู้สึกเป็นเรื่องใกล้ตัวไปเสียแล้ว ทำให้เกิดการปรับตัวและเรียนรู้อย่างมาก โดยปัจจุบันมนุษย์โลกต้องเผชิญหน้ากับความท้าทายใหม่ที่เรียกว่า “ภาวะโลกเดือด” (Global Boiling) ที่พอเข้าใจได้ว่าถึงระดับความรุนแรงที่ยากจะแก้ไขขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งทุกวันนี้ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าสภาพอากาศแปรปรวนรุนแรง อากาศร้อนที่ทวีขึ้นทุกปี หรือเกิดฝนตกหนัก (Rain Bomb) จนเกิดเหตุการณ์น้ำป่าไหลหลาก น้ำท่วมหนักในหลายพื้นที่ ไปจนถึงเหตุการณ์ไฟป่า เป็นต้น

กลุ่มหลังคา ฝาฝ้า ฉนวนและวัสดุก่อสร้าง เอสซีจี ท้ายุคโลกเดือด ด้วยบ้านเย็น

เมื่ออากาศภายนอกร้อนระอุ บ้านก็ยิ่งร้อนอบอ้าว การหาทางออกด้วยการใช้วัสดุก่อสร้างและการตกแต่งมาช่วยลดอุณหภูมิภายในบ้านจึงเป็นสิ่งสำคัญที่ทำให้บ้านน่าอยู่สุขสบายมากยิ่งขึ้น ซึ่งเป็นส่วนสำคัญในการช่วยลดการปล่อยคาร์บอน และยังช่วยให้บ้านเย็นสบายและลดการใช้พลังงานในเวลาเดียวกัน

1. หลังคาสะท้อนความร้อน

เอสซีจีมี ‘กระเบื้องหลังคาคอนกรีต นิวสไตล์ โมเดิร์น’ ที่มาพร้อมกับนวัตกรรม X-SHIELD HEATBLOCK ช่วยสะท้อนรังสีความร้อนจากดวงอาทิตย์สูงสุด 3.5 เท่า และประหยัดค่าไฟจากเครื่องปรับอากาศสูงสุด 15% นอกจากนี้สามารถใช้ ฉนวนกันความร้อน และ แผ่นสะท้อนความร้อนจาก เอสซีจี ลดการส่งต่อความร้อนเข้าสู่ตัวบ้าน หรือยังสามารถติดตั้งกระเบื้องปล่องระบายอากาศเพิ่มเติม ด้วยนวัตกรรมการออกแบบโดยใช้หลักการระบายอากาศด้วยลมธรรมชาติ (Natural Ventilation) เพื่อช่วยระบายความร้อนใต้โถงหลังคา และเสริมด้วยฝ้าสมาร์ทบอร์ดแบบมีรูระบายอากาศ เพื่อรับลมเย็นแทนที่ความร้อนได้อย่างมีประสิทธิภาพ

2. ผนังบ้านกันความร้อน

ผนังบ้านถือเป็นจุดสำคัญที่แสงแดดส่องกระทบโดยตรง และความร้อนที่สะสมอยู่ในผนังจะค่อย ๆ กระจายเข้าสู่ตัวบ้าน ปัญหานี้แก้ไขได้ด้วยการใช้วัสดุตกแต่งภายนอก เช่น การติดตั้งไม้ฝา รุ่นคูลพลัส ที่มีเทคโนโลยีคัลเลอร์ ล็อค พลัส ช่วยสะท้อนความร้อน หรือจะเลือกใช้ฉนวนกันความร้อนสำหรับงานผนัง เพื่อช่วยป้องกันความร้อนจากภายนอกเข้าสู่ตัวบ้านได้ด้วยเช่นกัน

3. เพิ่มพื้นที่สีเขียวให้ร่มเย็นรอบบ้าน

การเพิ่มพื้นที่สีเขียวรอบตัวบ้านเป็นอีกหนึ่งวิธีที่จะช่วยกรองความร้อนให้กับบ้าน ด้วยการปลูกต้นไม้เพื่อให้ได้ร่มเงาจากต้นไม้ใหญ่และสร้างบรรยากาศโดยรอบให้ดูผ่อนคลาย นอกจากจะช่วยทำให้อากาศสดชื่นแล้ว ยังเป็นวิธีที่ง่ายและเหมาะสำหรับบ้านที่มีพื้นที่เพียงพอ สามารถจัดทำพื้นที่เล็ก ๆ สำหรับมุมพักผ่อนของสมาชิกในบ้านได้อีกด้วย

กลุ่มหลังคา ฝาฝ้า ฉนวนและวัสดุก่อสร้าง เอสซีจี เดินหน้าสนับสนุนเป้าหมาย SDGs

พาองค์กรสู่ Net Zero Carbon อย่างจริงจัง

ในกลุ่มหลังคา ฝาฝ้า ฉนวนและวัสดุก่อสร้าง เดินหน้าตามนโยบายหลักของเอสซีจี พัฒนาสินค้า บริการ และโซลูชันใหม่ ๆ เพื่อการอยู่อาศัยที่ดีขึ้น ควบคู่กับการสนับสนุนเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนของสหประชาชาติ (Sustainable Development Goals: SDGs) ด้วยการตั้งเป้าหมายสำคัญ คือ การลดการปล่อยคาร์บอนลง 25% ภายในปี 2030 และ บรรลุการปลดปล่อยเป็นศูนย์ (Carbon Neutral) ในปี 2050 ซึ่งถือเป็นหนึ่งในความท้าทายที่ต้องอาศัยการเปลี่ยนแปลงระดับองค์กรและในทุกขั้นตอนของกระบวนการผลิต ตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำของโซ่อุปทาน (Supply Chain) เพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและส่งเสริมการใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ ตลอดจนคำนึงถึงสุขภาพและความปลอดภัยที่ดีสำหรับลูกค้า โดยทุกผลิตภัณฑ์ปลอดแร่ใยหิน 100% รวมถึงการรีไซเคิลวัสดุเพื่อให้เกิดการใช้ทรัพยากรซ้ำอย่างมีคุณค่า รวมไปถึงการพัฒนาสินค้าภายใต้กลุ่ม “Green Choice” โดยถูกออกแบบเพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ประหยัดพลังงาน และสร้างความปลอดภัยต่อผู้อยู่อาศัย ซึ่งกลุ่มหลังคา ฝาฝ้า ฉนวนและวัสดุก่อสร้าง ได้เริ่มทำจริงแล้ว

· ใช้วัตถุดิบคาร์บอนต่ำในการผลิตสินค้า ตัวอย่างเช่น ปูน SCG Low carbon ที่นำวัสดุเหลือใช้หรือ waste จากกระบวนการผลิตของโรงงานนำกลับมารีไซเคิล รวมถึง Waste จากภายนอก เพื่อนำมาใช้ทดแทนวัตถุดิบจากธรรมชาติ

· ใช้พลังงานสะอาด 20% ในกระบวนผลิต เช่น ใช้ Solar panel และรถยกพลังงานไฟฟ้าในการเคลื่อนย้ายวัตถุดิบและสินค้า

· ใช้พลังงานชีวมวล (Biomass Energy) คิดเป็น 40% เท่ากับลดการปล่อย CO2 ออกสู่บรรยากาศได้ 43,779 kgCO2*

* ข้อมูล ม.ค. – มิ.ย. 2567

· ใช้วัตถุดิบรีไซเคิลจากภายในและภายนอก 13% เช่น เศษคอนกรีต หินฝุ่น เถ้าลอย เป็นต้น

· Waste to value ได้มากถึง 81% โดยการนำ waste จากกระบวนการมาแปรสภาพและปรับคุณภาพเพื่อเป็นวัตถุดิบในอุตสาหกรรมอื่น ๆ เช่น การเกษตร และการก่อสร้าง

· ยิ่งไปกว่านั้น กลุ่มหลังคา ฝาฝ้า ฉนวนและวัสดุก่อสร้าง ได้ต่อยอดแบรนด์ Goodbye Waste ผลิตภัณฑ์ตกแต่งบ้านและของใช้ดีไซน์มินิมอล ด้วยแนวคิดรักษ์โลก ที่นำ waste จากกระบวนการผลิตกระเบื้องหลังคา เช่น เศษหลังคาเซรามิก เศษหลังคาคอนกรีต รวมถึงเศษหลังคาไฟเบอร์ซีเมนต์ มาใช้เป็นวัตถุดิบในการผลิต 20%

นอกจากเรื่องสิ่งแวดล้อมแล้ว กลุ่มหลังคา ฝาฝ้า ฉนวนและวัสดุก่อสร้าง ยังคงเดินหน้าลดผลกระทบต่อสุขภาพร่างกาย ตามนโยบายหลักของเอสซีจี โดยการยกเลิกการใช้แร่ใยหิน (Asbestos) ในกระบวนการผลิตวัสดุก่อสร้างทั้งหมด เพื่อความปลอดภัยของผู้อยู่อาศัย ผู้ใช้งาน รวมถึงช่างผู้ติดตั้ง และลดความเสี่ยงต่อสุขภาพที่เกิดจากการใช้แร่ใยหินในผลิตภัณฑ์ ซึ่งมีการวิจัยพบว่า แร่ใยหินก่อให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพของผู้ที่สัมผัสและใกล้ชิดกับผลิตภัณฑ์ อาทิ โรคระบบทางเดินหายใจ มะเร็งปอด และ เยื่อหุ้มปอดอักเสบ เป็นต้น

จากแนวคิดการพัฒนาสินค้า บริการ และโซลูชัน ในทุกมิติตั้งแต่กระบวนการผลิต ไปจนถึงมือผู้บริโภค เอสซีจี ยังคงเดินหน้ามุ่งมั่นก้าวสู่เป้าหมายการเป็นองค์กร Net Zero ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญที่พาธุรกิจเข้าสู่อนาคตที่เป็นมิตรต่อโลก รวมถึงการส่งต่อความห่วงใย ส่งมอบสุขภาพที่ดีและความปลอดภัยในการอยู่อาศัย โดยทุกผลิตภัณฑ์ปลอดแร่ใยหิน 100% ยกระดับคุณค่าให้กับสังคมได้อย่างยั่งยืน

]]>
1500261
เซ็นทรัลพัฒนา ผนึกพันธมิตรชั้นนำ ชูประเด็นเสวนา Climate Crisis Management พร้อมต่อยอดความสำเร็จงานกรีนเอ็กซ์โป Better Futures Project 2024 @ G Land มุ่งสู่เป้าหมาย NET Zero 2050 https://positioningmag.com/1500253 Thu, 21 Nov 2024 10:14:25 +0000 https://positioningmag.com/?p=1500253 • โชว์ความสำเร็จงานกรีนเอ็กซ์โป Better Futures Project 2024 ด้วยแนวคิดสนับสนุน Sustainable Lifestyles ให้เรื่องความยั่งยืน “เข้าใจง่าย…และทำได้จริง” โดยตลอดการจัดกิจกรรมโร้ดโชว์ที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัลรวม 7 สาขา รวมถึงมหกรรมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติปี 2567 ประสบความสำเร็จสูงจากยอดผู้เข้าร่วมงานเพิ่มขึ้นรวมกว่า 500,000 คน

• ต่อยอดสู่งาน Better Futures Project 2024 @ G Land ในคอนเซ็ปต์ “อนาคตดี ชีวิตยั่งยืน” โดยมีไฮไลท์สำคัญคือ งานเสวนากับองค์กรระดับโลกอย่าง Nasa และพันธมิตรชั้นนำ อาทิ SET, SCG, Michellin, Unilever, Deepal by Changan, Knight Frank และบูธนวัตกรรมรักษ์โลก อาทิ เทคโนโลยีพลังงานทดแทน เสื้อผ้ารีไซเคิลจากวัตถุดิบธรรมชาติ ฯลฯ

• เซ็นทรัลพัฒนา การันตีความมุ่งมั่น ลงมือทำด้านความยั่งยืน สู่การคว้าที่ 1 องค์กรยั่งยืนระดับโลก จากดัชนีความยั่งยืน DJSI World ปี 2023 ในกลุ่มอุตสาหกรรมบริหารจัดการอสังหาริมทรัพย์ จากจำนวนทั้งหมด 299 บริษัททั่วโลก ได้รับรางวัล Commended Sustainability Awards 2024 จากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) และได้รับโล่ประกาศเกียรติคุณองค์กรผู้นำด้านการจัดการก๊าซเรือนกระจก หรือ CALO ระดับยอดเยี่ยม

• สร้าง Better Futures มุ่งสู่เป้าหมาย NET Zero 2050 ผ่าน 3 แกนหลัก ได้แก่ 1) Sustainability Alliance พัฒนาอย่างยั่งยืน 2) Green Partnership จัดการพลังงานและการจัดการขยะ สร้าง CSV Project และ 3) Feasible Study for New Green Lease Format รองรับการทำสัญญาเช่าพื้นที่
สีเขียวในอนาคต

บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) ผู้นำเบอร์หนึ่งอสังหาริมทรัพย์ไทยเพื่อความยั่งยืน ดำเนินธุรกิจภายใต้วิสัยทัศน์ Imagining better futures for all และบทบาท Place Maker ผู้พัฒนา “พื้นที่” และโครงการทั้ง Retail-Residence-Hotel-Office มุ่งมั่นยกระดับคุณภาพชีวิต พร้อมดูแลชุมชน และสิ่งแวดล้อม ผนึกพันธมิตรชั้นนำทั้งภาครัฐและเอกชน ต่อยอดความสำเร็จงานกรีนเอ็กซ์โป จัดงาน Better Futures Project 2024 @ G Land วันนี้ถึง 22 พ.ย. 67 เพื่อร่วมแสดงพลังขับเคลื่อน “อนาคตดี ชีวิตยั่งยืน” โดยมีกิจกรรมไฮไลท์ตั้งแต่งานเสวนากับองค์กรระดับโลกอย่าง Nasa และพันธมิตรชั้นนำ อาทิ SET, SCG, Michelin, Unilever, Deepal by Changan, Knight Frank และอีกมากมาย ภายใต้หัวข้อสำคัญที่ทั่วโลกจับตามอง เพื่อแลกเปลี่ยนวิสัยทัศน์และสร้างความตระหนักรู้ สร้างแรงบันดาลใจด้านความยั่งยืนสู่สังคม พร้อมบูธกิจกรรมแสดงนวัตกรรมรักษ์โลก

นางสาวนภารัตน์ ศรีวรรณวิทย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารการเงิน และรองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานการเงิน บัญชี และบริหารความเสี่ยง บมจ. เซ็นทรัลพัฒนา และรักษาการประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.แกรนด์ คาแนล แลนด์ กล่าวว่า “บทบาทสำคัญของเซ็นทรัลพัฒนาคือการเป็น Place Maker ที่มุ่งมั่นพัฒนาพื้นที่และสร้างสรรค์ประสบการณ์ พร้อมเชื่อมโยงทั้ง Place-People-Planet และเดินหน้าสู่องค์กร NET Zero 2050 พร้อมกับการเป็น The Ecosystem for All ที่มุ่งมั่นสร้างความยั่งยืนทางธุรกิจและคำนึงถึงทุกภาคส่วน ทั้งนี้ เราได้จับมือกับพันธมิตรทั้งภาครัฐและภาคเอกชน ในโครงการ Better Futures Project มาอย่างต่อเนื่อง และมุ่งเน้นการขยายผลโดยปีนี้ได้จัดโรดโชว์จากที่แรกคือศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ ไปยังอีก 6 สาขา ได้แก่ เซ็นทรัล เวสต์วิลล์, เซ็นทรัล ขอนแก่น, เซ็นทรัล หาดใหญ่, เซ็นทรัล เชียงใหม่, เซ็นทรัล ศรีราชา และเซ็นทรัล ลำปาง รวมทั้งมหกรรมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ ประจำปี 2567 ที่อิมแพ็ค เมืองทองธานี ซึ่งตลอดการจัดงานในปีนี้ ประสบความสำเร็จอย่างสูง จากยอดผู้เข้าร่วมงานเพิ่มขึ้นรวมกว่า 500,000 คน เพื่อร่วมกันแสดงพลังขับเคลื่อนด้านความยั่งยืน รวมถึงการจัดการแก้ปัญหาทางสิ่งแวดล้อม เช่น ปัญหาใต้ท้องทะเล ปัญหาขยะ ปัญหามลภาวะ การปล่อยก๊าซเรือนกระจก ซึ่งเป็นเรื่องเร่งด่วนที่หลายองค์กรและทั่วโลกต่างให้ความสำคัญ”

นางสาวนภารัตน์กล่าวต่อไปว่า “เรามุ่งมั่นให้งานนี้เป็นนิทรรศการที่เข้าถึงง่ายและสร้างความตระหนักรู้ให้กับประชาชนทั่วไป ส่งเสริม Eco-Lifestyles ที่เข้าใจง่ายและทำได้จริง ดังนั้น จึงได้ต่อยอดจัดงาน Better Futures Project 2024 @ G Land ครั้งนี้ ซึ่งมีกลุ่มเป้าหมายหลักคือพันธมิตรผู้เช่าอาคารสำนักงานและกลุ่มคนวัยทำงาน เป็นการสื่อสารกับอีก stakeholder ที่มีความสำคัญ ตามเป้าหมายของเซ็นทรัลพัฒนาที่ต้องการพัฒนาให้โครงการต่างๆ ของเราไม่ว่าจะเป็นศูนย์การค้า, ที่อยู่อาศัย, โรงแรม และอาคารสำนักงาน เป็นศูนย์กลางของการใช้ชีวิตของผู้คน ดูแลชุมชน และสิ่งแวดล้อม”

ดังนั้น เพื่อให้บรรลุเป้าหมายองค์กร NET Zero 2050 เซ็นทรัลพัฒนาจึงร่วมมือกับพันธมิตรชั้นนำจากหลากหลายหน่วยงาน เพื่อดำเนินงานผ่าน 3 แกนหลัก ได้แก่ 1) Sustainability Alliance สร้างระบบนิเวศที่แข็งแกร่งเพื่อพัฒนาที่ยั่งยืน 2) Green Partnership ให้ความสำคัญการจัดการพลังงานและขยะ และ CSV Project โครงการที่สร้างคุณค่าให้สังคมควบคู่การสร้างคุณค่าให้ธุรกิจ และ 3) Feasible Study for New Green Lease Format ศึกษาและวางแผนสัญญาเช่าพื้นที่สีเขียวในอนาคต ซึ่งถือเป็นก้าวสำคัญในการสร้างสรรค์พื้นที่ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวด ล้อมอย่างแท้จริง เช่น อาคารเซ็นทรัลเวิลด์ ออฟฟิศเศส และอาคารจี ทาวเวอร์ แกรนด์ พระราม 9 เป็นโครงการที่ได้รับรองมาตรฐานอาคารสุขภาวะดีในระดับสากล และจัดอยู่ในระดับ LEED และ TREES อีกทั้งปีนี้ เซ็นทรัลพัฒนา ยังเป็นผู้นำรายแรกในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และค้าปลีกไทย ที่ออก Sustainability-linked Bond (ตราสารหนี้เพื่อความยั่งยืน) ระดมทุนเดินหน้าสร้างมิกซ์ยูสและอาคารสีเขียวในไทยและต่างประเทศ สนับสนุนโครงการพลังงานสะอาด เพื่อขับเคลื่อนด้านความยั่งยืนให้เกิดขึ้นได้จริง

นางสาวอุทัยวรรณ อนุชิตานุกูล Head of Excellence & Sustainable Development บมจ. เซ็นทรัลพัฒนา กล่าวว่า “งาน Better Futures Project 2024 @ G Land เป็นอีกก้าวสำคัญที่สะท้อนถึงกลยุทธ์ด้านความยั่งยืนของเซ็นทรัลพัฒนา ให้ทุกคนได้เรียนรู้และสร้างแรงบันดาลใจด้านสิ่งแวดล้อมและความยั่งยืน และเรารู้สึกภาคภูมิใจที่ได้นำเสนอ ‘พื้นที่’ แห่งการเรียนรู้ด้านความยั่งยืนที่เข้าถึงทุกกลุ่ม ทุกคน ร่วมกับพันธมิตรชั้นนำทั้งภาครัฐและเอกชน ผ่านกิจกรรมที่หลากหลาย ตั้งแต่การเสวนากับองค์กรระดับโลกอย่าง Nasa และพันธมิตรชั้นนำสายกรีน อาทิ SET, SCG, Michellin, Unilever, Deepal by Changan, Knight Frank และอีกมากมาย ภายใต้หัวข้อสำคัญคือ 1) Climate Change การเปลี่ยนแปลงทางสภาพภูมิอากาศ 2) Energy & Waste Management การจัดการพลังงานและของเสีย และ 3) Green and Well-Being การดูแลสิ่งแวดล้อมและความเป็นอยู่ที่ดีที่ยั่งยืน พร้อมด้วยบูธแสดงนวัตกรรมรักษ์โลก นำโดย เซ็นทรัลพัฒนาและเซ็นทรัล พระราม 9 ร่วมมือกับฝ่ายสิ่งแวดล้อมและสุขาภิบาล สำนักงานเขตห้วยขวาง ร่วมด้วย Michelin แสดงเทคโนโลยีพลังงานทดแทน, SE Thailand กับเสื้อผ้ารีไซเคิลจากวัตถุดิบธรรมชาติ และ Deepal by Changan นำเสนอนวัตกรรมรถยนต์ไฟฟ้าพร้อมดีไซน์ที่ช่วยลดความเสี่ยงต่อกระดูกสันหลัง เป็นต้น”

ทั้งนี้ จากผลสำรวจด้านความยั่งยืนของเซ็นทรัลพัฒนา และบริษัท แกรนด์ คาแนล แลนด์ จำกัด (มหาชน) บริษัทในกลุ่มของเซ็นทรัลพัฒนาพบว่า หัวข้อสำคัญด้านความยั่งยืนที่องค์กรให้ความสำคัญ และมีผลกระทบต่อผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย (Stakeholder Impact) ทั้งลูกค้า คู่ค้า พนักงาน มากที่สุดอันดับ 1 คือ การจัดการสภาพภูมิอากาศ (Climate Crisis Management) รองลงมาคือ การจัดการขยะ (Waste Management) ดังนั้น การต่อยอดการจัดงาน Green Expo @ G Land จึงถือเป็นอีกก้าวสำคัญที่จะช่วยสร้างความเปลี่ยนแปลงผ่านวิสัยทัศน์ ข้อคิดเห็นที่พันธมิตรได้มาแลกเปลี่ยนร่วมกันแสดงพลังรักษ์โลกไปด้วยกัน ติดตามความเคลื่อนไหวเซ็นทรัลพัฒนา คลิก https://www.centralpattana.co.th/th/shopping/shopping-update/lifestyle-activities

#BetterFuturesProject2024 #Imaginingbetterfuturesforall #CentralPattana #เซ็นทรัลพัฒนา

 

 

 

]]>
1500253
ซิสโก้เปิดตัว Wi-Fi 7 อัจฉริยะ ปลอดภัย และเชื่อถือได้ เพื่อยกระดับประสบการณ์ลูกค้าและพนักงานองค์กร https://positioningmag.com/1500244 Thu, 21 Nov 2024 09:01:01 +0000 https://positioningmag.com/?p=1500244 • ซิสโก้เปิดตัวอุปกรณ์กระจายสัญญาณ Wi-Fi 7 พร้อมระบบอัจฉริยะ ความปลอดภัย และการรับประกันคุณภาพจากผลิตภัณฑ์เครือข่ายขั้นสูงของซิสโก้
• เทคโนโลยีไร้สายรุ่นใหม่ที่มาพร้อมกับ AI สามารถระบุตำแหน่งได้ ปรับตัวเข้ากับทุกสภาพแวดล้อมได้ทันที และปรับปรุงประสิทธิภาพอย่างต่อเนื่อง โดยมาพร้อมกับพลังของ Cisco Spaces ที่จะช่วยสร้างสถานที่ทำงานอัจฉริยะ
• การใช้งานแบบสมัครสมาชิกรวมศูนย์ (Unified subscription) และฮาร์ดแวร์ช่วยให้ลูกค้าของซิสโก้ได้รับความยืดหยุ่นสูงสุด ด้วยประสบการณ์การจัดการเครือข่ายไร้สายที่ราบรื่นทั้งบนคลาวด์ ระบบภายในองค์กร และเครือข่ายแบบไฮบริด

ซิสโก้ (NASDAQ: CSCO) เปิดตัวนวัตกรรมเครือข่ายไร้สายอัจฉริยะ ปลอดภัย และเชื่อถือได้ ด้วย ‘อุปกรณ์กระจายสัญญาณ Wi-Fi 7 อัจฉริยะ’ และการใช้งานแบบสมัครสมาชิกรวมศูนย์ (Unified subscription) ที่สามารถสร้างพื้นที่อัจฉริยะได้ทันทีหลังติดตั้ง นวัตกรรมเหล่านี้ช่วยให้ลูกค้าสามารถแก้ไขความท้าทายด้านการเชื่อมต่อ ความปลอดภัย และการรับประกันคุณภาพ พร้อมทั้งให้รากฐานที่ยืดหยุ่นเพื่อรองรับสถานที่ทำงานในอนาคต

เทคโนโลยีไร้สายได้เปลี่ยนโฉมโลก ตั้งแต่วิธีการและสถานที่ทำงาน ไปจนถึงวิธีการที่ผู้คนช้อปปิ้งและเรียนรู้ ปัจจุบันนวัตกรรมไร้สายแทบจะทำให้ไม่มีเส้นแบ่งระหว่างพื้นที่กายภาพและดิจิทัล ช่วยให้องค์กรสามารถทรานส์ฟอร์มพื้นที่ทำงานและสร้างประสบการณ์ดิจิทัลใหม่ๆ ในยุค AI ในขณะที่ Wi-Fi 7 ยกระดับการอัพเกรดประสิทธิภาพที่สำคัญ ไม่ว่าจะเป็นผู้ค้าปลีกที่ต้องการปฏิรูปประสบการณ์การช้อปปิ้ง ผู้ผลิตที่ต้องการเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานด้วยระบบการติดตาม asset แบบแม่นยำ หรือโรงพยาบาลที่ต้องการยกระดับการดูแลผู้ป่วย ทั้งหมดนี้ต่างต้องการมากกว่าแค่การเชื่อมต่อ ทุกคนต้องการแพลตฟอร์มอัจฉริยะ ปลอดภัย และเชื่อถือได้

“ทุกสิ่งที่เราทำในปัจจุบันผสมผสานระหว่างพฤติกรรมมนุษย์กับเซ็นเซอร์ กล้อง หรือหน้าจอ ประสบการณ์ทางกายภาพในโลกดิจิทัลที่กำลังขยายตัว และ Wi-Fi คือศูนย์กลางของทั้งหมดนี้” จีทู พาเทล, ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายผลิตภัณฑ์ของซิสโก้ กล่าว “ด้วยอุปกรณ์กระจายสัญญาณ Wi-Fi 7 และ Cisco Spaces เราได้ส่งมอบการเชื่อมต่อ การรับประกันคุณภาพ และข้อมูลที่ฝ่ายไอที อสังหาริมทรัพย์ ฝ่าย facilities ต้องการเพื่อปรับโฉมประสบการณ์ของลูกค้าและพนักงานองค์กรในทุกที่”

ไลเซนส์การใช้งานที่ง่าย พร้อมการติดตั้งที่ยืดหยุ่น

อุปกรณ์กระจายสัญญาณ Cisco Wireless Wi-Fi 7 รุ่นใหม่นำมาตรฐานไวร์เลสล่าสุดมาสู่ลูกค้า อุปกรณ์กระจายสัญญาณอัจฉริยะใหม่ของซิสโก้สามารถจัดการได้ทั้งในระบบภายในองค์กรหรือผ่านคลาวด์ และสามารถสลับระหว่างทั้งสองระบบได้อย่างราบรื่น ความยืดหยุ่นนี้เกิดขึ้นผ่านการสมัครสมาชิกแบบรวมศูนย์ของซิสโก้ (Cisco’s unified networking subscription) ซึ่งเป็นใบอนุญาตเดียวที่ครอบคลุมโซลูชัน Wi-Fi 7 ทั้งหมดของซิสโก้ การสมัครสมาชิกแบบใหม่นี้ช่วยให้การทำธุรกิจกับซิสโก้ง่ายขึ้น และช่วยให้องค์กรสามารถลงทุนในเครือข่ายไร้สายที่สามารถเติบโตและพัฒนาไปพร้อมกับธุรกิจได้อย่างมั่นใจ

จุดเด่นของซิสโก้

บทบาทของเทคโนโลยีไร้สายกำลังเติบโตขึ้น เมื่อองค์กรต่างๆ พึ่งพาเทคโนโลยีในการเพิ่มขีดความสามารถให้กับพนักงานองค์กรและสร้างประสบการณ์ที่แตกต่างให้กับลูกค้า นวัตกรรมที่ขับเคลื่อนด้วย Wi-Fi 7 ของซิสโก้มอบแนวทางอัจฉริยะ ขยายขนาดได้ และมุ่งเน้นประสบการณ์ให้กับลูกค้า ดังนี้:

ความอัจฉริยะ: อุปกรณ์กระจายสัญญาณ Wi-Fi 7 ใหม่ของซิสโก้นำเสนอผลิตภัณฑ์ไร้สายที่อัจฉริยะที่สุดในอุตสาหกรรม มาพร้อมการเพิ่มประสิทธิภาพด้วย AI และการตั้งค่าอัตโนมัติแบบพร้อมใช้งาน อุปกรณ์กระจายสัญญาณนี้สามารถใช้งานได้ทั่วโลกและสามารถตรวจจับตำแหน่งได้โดยอัตโนมัติทันทีที่เสียบปลั๊ก ด้วยการเข้าถึงแพลตฟอร์ม Cisco Spaces ที่รวมอยู่ในการสมัครสมาชิก ลูกค้าจะได้รับระบบปฏิบัติการที่จะเปลี่ยนพื้นที่ทำงานให้เป็นพื้นที่อัจฉริยะ

ความปลอดภัย: ขับเคลื่อนด้วยความสามารถในการตรวจจับภัยคุกคามที่ล้ำสมัยที่สุดในอุตสาหกรรม ซิสโก้รักษาความปลอดภัยในทุกการเชื่อมต่อด้วยการจำแนกอุปกรณ์ด้วย AI การป้องกันภัยคุกคาม และการรักษาความปลอดภัยไร้สายขั้นสูงพร้อมการเข้ารหัสข้อมูล

ความเชื่อถือได้: ด้วย Cisco ThousandEyes ลูกค้าสามารถไว้วางใจได้ว่าทุกประสบการณ์การเชื่อมต่อใช้ AI และระบบอัตโนมัติเพื่อระบุและแก้ไขปัญหาคอขวดด้านประสิทธิภาพในเครือข่ายไร้สาย เครือข่ายที่เป็นเจ้าของ และไม่ได้เป็นเจ้าของ ปลดล็อกความสามารถในการส่งมอบประสบการณ์ดิจิทัลที่ยอดเยี่ยมให้กับผู้ใช้ทุกคน ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน

อีโคซิสเต็มที่รองรับแนวทางแพลตฟอร์มของซิสโก้

นวัตกรรมในวันนี้ตอกย้ำการเดินทางของซิสโก้ในการส่งมอบแนวทางแพลตฟอร์ม Networking Cloud ด้วย AI ที่ฝังอยู่ทั่วทั้งระบบ ซิสโก้แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการทำให้การปฏิบัติงานง่ายและปลอดภัยสำหรับลูกค้าและพันธมิตร

“Fira de Barcelona จัดงาน 270 งานต่อปีในบาร์เซโลนา รวมถึงงานเทคโนโลยีการเชื่อมต่อไร้สายระดับโลกอย่าง Mobile World Congress และการประชุมต่างๆ ทั่วโลก” คาร์ลอส ซานเชส เบนา, ผู้จัดการฝ่ายโทรคมนาคมของ Fira de Barcelona กล่าว “ผู้บริหารจากทั่วโลกมารวมตัวกันเพื่อกำหนดอนาคตของเทคโนโลยีไร้สาย ดังนั้น การให้บริการเชื่อมต่อที่ราบรื่นในพื้นที่จัดแสดง 500,000 ตารางเมตรของเราจึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง เราต้องการประสบการณ์การใช้งานไร้สายที่เชื่อถือได้ คาดการณ์ได้ และปลอดภัยที่สุดเท่านั้น เมื่อเทคโนโลยีแบนด์วิธสูงแพร่หลายมากขึ้น ความสามารถในการรองรับ AR/VR และไลฟ์สตรีมมิ่งยิ่งมีความสำคัญมากขึ้น นั่นคือเหตุผลที่เรายินดีที่ Wi-Fi 7 จากซิสโก้มาถึงแล้ว ซึ่งเป็นผู้ให้บริการรายเดียวที่เราร่วมมือด้วยเพื่อการเชื่อมต่อที่น่าเชื่อถือ ปลอดภัย และรองรับการใช้งานจำนวนมาก”

“อุปกรณ์กระจายสัญญาณ Wi-Fi 7 ที่ใช้งานได้ทั่วโลกและแนวทาง Unified Licensing ของซิสโก้เป็นการเปลี่ยน แปลงที่น่าตื่นเต้น ช่วยให้โซลูชันของพวกเขาง่ายขึ้นและทำให้ลูกค้าใช้งานได้ง่ายขึ้น” คริสทีน เฟียโร, ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่าย Edge & Core Solutions ของ World Wide Technology กล่าว “เรารู้สึกตื่นเต้นที่จะช่วยให้ลูกค้าของเราเข้าใจบริการใหม่เหล่านี้ได้ดียิ่งขึ้น รวมถึงวิธีที่พวกเขาสามารถปรับปรุงการดำเนินงานและเพิ่มประสิทธิภาพภายในเครือข่ายของตน”

“Wi-Fi เป็นเทคโนโลยีที่มีอยู่ทุกที่และเป็นตัวขับเคลื่อนสำคัญในการสื่อสารในชีวิตประจำวันและองค์กรต่างๆ ทั่วโลก ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา อุตสาหกรรมได้เห็นการนำแพลตฟอร์มเครือข่ายมาใช้เพิ่มขึ้นเพื่อใช้ประโยชน์จากการดำเนินงานที่ง่ายขึ้น ซึ่งขับเคลื่อนด้วย AI” แบรนดอน บัทเลอร์, ผู้จัดการอาวุโสฝ่ายวิจัยด้านเครือข่ายองค์กรของ IDC กล่าว “ผลิตภัณฑ์ไร้สายและแนวทาง Unified Licensing ของซิสโก้แสดงให้เห็นถึงคุณค่าของแนวทางแพลตฟอร์มสำหรับลูกค้า ซึ่งช่วยให้พวกเขาเข้าถึงนวัตกรรม ความยืดหยุ่น การปรับปรุงประสิทธิภาพอย่างต่อเนื่องมากขึ้น”

กำหนดการวางจำหน่าย

อุปกรณ์กระจายสัญญาณ Wi-Fi 7 ของซิสโก้สามารถสั่งซื้อในเดือนพฤศจิกายน 2567 และจัดส่งได้ในเดือนธันวาคม 2567

ข้อมูลเพิ่มเติม:

• บล็อกผู้บริหาร: Zero Friction Wireless for Smarter Workplaces โดย Lawrence Huang รองประธานอาวุโส/ผู้จัดการทั่วไป ฝ่ายเครือข่ายซิสโก้ – Meraki และระบบไร้สาย
• บล็อกผลิตภัณฑ์: Assuring Digital Experiences for Wi-Fi 7 and Beyond โดย Mike Hicks นักวิเคราะห์โซลูชันอาวุโส Cisco ThousandEyes
• พอดคาสต์ TechBeat: Talking Wireless Convergence, Open Roaming, 5G, and the future of Wi-Fi 7 with Matt MacPherson
• สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Cisco Live Melbourne กรุณาเยี่ยมชม The Newsroom

เกี่ยวกับ ซิสโก้ (Cisco)

Cisco (NASDAQ: CSCO) เป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีระดับโลกที่เชื่อมต่อทุกสิ่งอย่างปลอดภัยเพื่อให้ทุกสิ่งเป็นไปได้ เป้าหมายของซิสโก้คือขับเคลื่อนอนาคตสำหรับทุกคนโดยช่วยลูกค้าคิดใหม่ (reimagine) เกี่ยวกับแอปพลิเคชัน ขับเคลื่อนการทำงานแบบไฮบริด รักษาความปลอดภัยให้กับองค์กร ทรานส์ฟอร์มโครงสร้างพื้นฐาน และบรรลุเป้าหมายด้านความยั่งยืน เปิดประสบการณ์กับซิสโก้ที่ห้องข่าว The Newsroom และติดตามข่าวสารของซิสโก้บน X ที่ @Cisco.

 

]]>
1500244
คนรุ่นใหม่มองอนาคตประเทศไทยสดใส แม้เผชิญความท้าทายในด้านการศึกษาและการจ้างงาน https://positioningmag.com/1500239 Thu, 21 Nov 2024 08:54:30 +0000 https://positioningmag.com/?p=1500239 ผลการศึกษาล่าสุดโดย Vero Advocacy และ Kadence International ชี้ให้เห็นว่าคนรุ่นใหม่ ไทยมากกว่า 4 ใน 5 คน (89%) มองอนาคตของประเทศในอีก 5 ปีข้างหน้าในแง่บวก อย่างไรก็ตาม ความหวังนี้มาพร้อมกับความท้าทายสำคัญที่ต้องได้รับการแก้ไข เพื่อผลักดันความฝันของพวกเขาให้กลายเป็นจริง

Vero Advocacy บริษัทที่ปรึกษาด้านนโยบายสาธารณะและรัฐกิจสัมพันธ์ และ Kadence International บริษัทวิจัยการตลาดระดับโลก มีเป้าหมายในการศึกษามุมมองของกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่มีร่วมกันในภูมิภาค และสำรวจความหวัง ความใฝ่ฝัน และความท้าทายของพวกเขาต่ออนาคต การศึกษาครั้งนี้ได้สำรวจความคิดเห็นของกลุ่ม Gen Z และ Millennials กว่า 2,700 คนจาก 5 ประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยมีผู้ตอบแบบสอบถามจากประเทศไทย 452 คน การศึกษาครั้งนี้มีเป้าหมายเพื่อนำไปสู่การวางแนวทางให้ภาครัฐและเอกชนสามารถพัฒนานโยบายและโครงการที่ตอบโจทย์ความต้องการของปัจจุบัน เพื่อผลักดันไปสู่การเจริญเติบโตที่ยั่งยืนในระยะยาว

หมายเหตุ: Gen Z คือกลุ่มคนที่เกิดระหว่าง พ.ศ. 2540 – 2555 หรือ ค.ศ. 1997 – 2012 ในขณะที่ Millennials หรือ Generation Y คือกลุ่มคนที่เกิดระหว่าง พ.ศ. 2523 – 2540 หรือ ค.ศ. 1981 – 1996

ผลการสำรวจพบว่า 42% ของผู้ตอบแบบสอบถามในกลุ่ม Gen Z คาดหวังว่าชีวิตในอนาคตจะ “ดีขึ้นมาก” และอีก 47% คาดว่าชีวิตของพวกเขาจะ “ดีขึ้น” ซึ่งสูงกว่าคำตอบในประเด็นเดียวกันของกลุ่ม Millennials ที่รวมอยู่ที่ 85% ในขณะเดียวกัน ค่าเฉลี่ยของผู้ตอบ Gen Z จากประเทศอื่น ๆ ในภูมิภาคก็แสดงให้เห็นถึงความหวังในแง่บวกที่แตกต่างกันไป ได้แก่ อินโดนีเซีย (87%) มาเลเซีย (85%) ฟิลิปปินส์ (85%) สิงคโปร์ (74%) และเวียดนาม (90%)

อย่างไรก็ตาม กลุ่ม Gen Z และ Millennials ในประเทศไทยต่างระบุว่า โอกาสในการทำงานและคุณภาพการศึกษาเป็นความท้าทายที่สำคัญที่สุด รวมไปถึงความกังวลในด้านการเข้าถึงที่อยู่อาศัยในราคาที่เหมาะสม ปัญหาเหล่านี้เป็นปัญหาที่พบได้ทั่วไปในทุกประเทศที่ทำการสำรวจ นอกจากนี้ ยังพบความกังวลในประเด็นอื่น ๆ อาทิ การปกป้องสิ่งแวดล้อม การเข้าถึงการดูแลสุขภาพ และการจัดการระบบภาษีและทรัพยากรให้มีประสิทธิภาพ

การขาดแคลนโอกาสในการจ้างงานอาจสร้างความไม่แน่นอนในอนาคต

เยาวชนไทยจำนวนมากกำลังเผชิญกับความไม่แน่นอนในการประกอบอาชีพ ผลสำรวจพบว่า 63% ของกลุ่ม Gen Z และ 69% ของกลุ่ม Millennials ยกประเด็นการจ้างงานเป็นความท้าทายอันดับหนึ่ง เช่นเดียวกับความพึงพอใจต่อนโยบายด้านการจ้างงานที่ได้รับคะแนนต่ำที่สุดในบรรดานโยบายทุกด้าน คนรุ่นใหม่ทั้งสองกลุ่มมองว่าโอกาสในการทำงานที่มีจำกัดและการแข่งขันที่สูงเป็นอุปสรรคสำคัญ พวกเขายังต้องการให้ภาครัฐเข้ามาสนับสนุนอย่างจริงจังเพื่อเพิ่มโอกาสในการจ้างงาน

สำหรับคนรุ่นใหม่ การเข้าถึงงานที่มั่นคงเป็นรากฐานสำคัญที่นำไปสู่การมีชีวิตที่มั่นคง เนื่องจากเป็นปัจจัยที่เอื้อให้สามารถเข้าถึงบริการจำเป็นพื้นฐานต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นการดูแลสุขภาพ ที่อยู่อาศัย และการศึกษา พวกเขาเรียกร้องให้มีการพัฒนาบริการด้านการจ้างงานที่ครอบคลุมมากยิ่งขึ้น อาทิ การให้คำปรึกษาด้านการประกอบอาชีพ การจัดโครงการจัดหาและย้ายสายงานแบบครบวงจร ตลอดจนการเพิ่มการสนับสนุนด้านการประกอบธุรกิจ นอกจากนี้ พวกเขายังยังเรียกร้องให้มีการริเริ่มโครงการด้านการศึกษาและการฝึกอบรมพนักงานที่สอดคล้องกับความต้องการของตลาดแรงงานที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา เพื่อเสริมสร้างทักษะที่จำเป็นต่อการก้าวเข้าสู่ตลาดแรงงานที่มีการแข่งขันสูง เพื่อสร้างอาชีพที่ยั่งยืนในระยะยาว

คุณภาพการศึกษา: ความท้าทายไปไกลกว่าเรื่องค่าใช้จ่าย

แม้ว่าประเทศไทยจะมีนโยบายเรียนฟรีตั้งแต่ระดับก่อนประถมศึกษาไปจนถึงมัธยมศึกษาแบบครอบคลุมทั่วทั้งประเทศ รวมถึงการอุดหนุนค่าเล่าเรียน ค่าหนังสือเรียน และค่าชุดนักเรียน แต่ผลสำรวจกลับพบว่า 69% ของกลุ่ม Gen Z และ 66% ของกลุ่ม Millennials ยังแสดงความกังวลเกี่ยวกับคุณภาพการศึกษาอยู่

กระทรวงศึกษาธิการของประเทศไทยได้รับการจัดสรรงบประมาณสูงถึง 328,000 ล้านบาทในปี 2567 และจากรายงานของสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย หรือ TDRI พบว่านโยบายดังกล่าวประสบความสำเร็จในการลดช่องว่างทางการศึกษาระหว่างพื้นที่ชนบทและเมืองได้จริง อย่างไรก็ตาม ผู้ตอบแบบสอบถามให้คะแนนความพึงพอใจต่อนโยบายการศึกษาในประเทศไทยเพียง 54% เท่านั้น แม้จะเป็นคะแนนที่ค่อนข้างสูง แต่ก็ยังมีพื้นที่ให้ปรับปรุงและพัฒนาอีกมาก ข้อจำกัดในการเข้าถึงการศึกษาที่มีคุณภาพนั้นส่งผลกระทบโดยตรงต่อโอกาสของคนรุ่นใหม่ในการพัฒนาทักษะและความสามารถที่จำเป็นต่อการแข่งขันในตลาดแรงงาน ซึ่งกลายเป็นอุปสรรคสำคัญต่อการสร้างความมั่นคงในชีวิต ผู้ตอบแบบสอบถามให้ข้อเสนอแนะว่า การปรับปรุงระบบการศึกษาควรดำเนินการในหลายมิติ เช่น การทบทวนและปรับปรุงหลักสูตรให้ทันสมัยอย่างสม่ำเสมอ ควบคู่ไปกับการเพิ่มการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานทางการศึกษาและเทคโนโลยี ซึ่งจะช่วยยกระดับคุณภาพการศึกษาในองค์รวม และเตรียมความพร้อมให้ผู้เรียนสามารถรับมือกับความท้าทายของโลกการทำงานยุคใหม่ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

ความท้าทายของเจนเนอเร ‘เช่า’ ในการเข้าถึงที่อยู่อาศัย

45% ของกลุ่ม Gen Z และ Millennials มองประเด็นเรื่องที่อยู่อาศัยที่เข้าถึงได้เป็นความท้าทายลำดับต้น ๆ แม้ว่าผลสำรวจจะแสดงให้เห็นว่า 53% ของผู้ตอบแบบสอบถามชาวไทยพึงพอใจกับนโยบายที่อยู่อาศัยในปัจจุบัน ซึ่งนับเป็นอัตราความพึงพอใจที่สูงที่สุดเมื่อเทียบกับคนรุ่นใหม่ในประเทศที่มีการสำรวจทั้งหมด แต่ความกังวลเกี่ยวกับการขาดแคลนที่อยู่อาศัยในทำเลที่เข้าถึงได้ยังคงเป็นเรื่องที่น่าเป็นห่วง ปัญหานี้ส่งผลกระทบในวงกว้าง เนื่องจากการมีที่อยู่อาศัยในทำเลที่เหมาะสมนั้นเชื่อมโยงโดยตรงกับการเข้าถึงโอกาสในการทำงาน การศึกษา การเข้ารับบริการด้านสุขภาพ และบริการพื้นฐานที่จำเป็น อื่น ๆ

จากรายงานของสำนักข่าวเดอะเนชั่นระบุว่า ผู้บริโภคที่เป็นคนรุ่นใหม่จำนวนมากหันมาเช่าแทนการซื้อที่อยู่อาศัย และมีแนวโน้มขยับแผนการซื้อที่อยู่อาศัยออกไปเรื่อย ๆ เกิดเป็นปรากฏการณ์ใหม่ที่เรียกว่า ‘Generation Rent’ ปัจจัยเหล่านี้ทำให้ความต้องการเป็นเจ้าของที่อยู่อาศัยถูกลดความสำคัญลงในหมู่คนรุ่นใหม่เป็นจำนวนมาก

ผู้ตอบแบบสอบถามได้เสนอแนะให้เร่งผลักดันความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชนในการพัฒนาที่อยู่อาศัย เพื่อเพิ่มจำนวนที่อยู่อาศัยที่เข้าถึงได้ให้มากยิ่งขึ้น โดยเชื่อว่าความร่วมมือดังกล่าวจะช่วยลดต้นทุนของที่อยู่อาศัย ยกระดับคุณภาพโครงสร้างพื้นฐานในพื้นที่รอบนอกเมือง และนำไปสู่การออกแบบมาตรการเงินอุดหนุนที่ตรงกลุ่มเป้าหมายสำหรับครอบครัวผู้มีรายได้น้อย ส่งผลให้ทั้งการซื้อและการเช่าที่อยู่อาศัยเป็นทางเลือกที่เข้าถึงได้มากขึ้นสำหรับคนรุ่นใหม่

“การจ้างงาน การศึกษา และที่อยู่อาศัยคือความท้าทายเร่งด่วนของคนรุ่นใหม่ในยุคปัจจุบัน เพราะสิ่งเหล่านี้เป็นรากฐานสำคัญที่ไม่เพียงแต่สนับสนุนความมั่นคงในชีวิต แต่ยังส่งผลกระทบโดยตรงต่อความเจริญก้าวหน้าของสังคมโดยรวม” พงศ์ศิริ ภูรินธนโชติ หนึ่งในหุ้นส่วนผู้จัดการของ Vero Advocacy อธิบาย “คนรุ่นใหม่ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้กำลังจะก้าวขึ้นมาเป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนอนาคตของภูมิภาค การแก้ไขความท้าทายเหล่านี้จึงจำเป็นอย่างยิ่งต่อการปลดล็อกศักยภาพของพวกเขาและสร้างการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ทั้งยั่งยืนและครอบคลุม”

ด้วยความเชี่ยวชาญด้านนโยบายสาธารณะและรัฐกิจสัมพันธ์ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ Vero Advocacy ตระหนักถึงความสำคัญของการเชื่อมประสานระหว่างกลุ่มคนรุ่นใหม่ กับภาคเอกชน และภาครัฐ Vero Advocacy ได้ตระหนักถึงความกังวลของคนรุ่นใหม่ และพร้อมผลักดันให้เกิดการมีส่วนร่วมและการตอบสนองอย่างมีประสิทธิภาพจากทั้งสองภาคส่วน เพื่อร่วมกันออกแบบนโยบายและโครงการที่ยั่งยืนและตรงกับความต้องการของคนรุ่นใหม่อย่างแท้จริง

ข้อเสนอแนะ

ออกแบบนโยบายที่มุ่งเน้นคนรุ่นใหม่เป็นศูนย์กลาง

ภาครัฐควรให้ความสำคัญกับการผลักดันโครงการที่มุ่งส่งเสริมการเข้าถึงการศึกษาที่มีคุณภาพ สร้างโอกาสในการจ้างงาน และพัฒนาระบบที่อยู่อาศัยให้มีราคาที่เข้าถึงได้ การให้ความสำคัญกับประเด็นพื้นฐานเหล่านี้จะช่วยสร้างระบบนิเวศทางสังคมที่เอื้อต่อการพัฒนาศักยภาพและความก้าวหน้าในชีวิตของคนรุ่นใหม่

สร้างการมีส่วนร่วมของคนรุ่นใหม่อย่างแท้จริง

การเปิดโอกาสให้เยาวชนมีส่วนร่วมในการเสวนาเชิงนโยบายและกระบวนการตัดสินใจถือเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง หน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรแสวงหาและให้ความสำคัญกับมุมมองและความคิดเห็นของคนรุ่นใหม่ในการกำหนดนโยบายที่จะส่งผลต่ออนาคตของพวกเขาโดยตรง

สร้างพื้นที่สร้างสรรค์สำหรับคนรุ่นใหม่

การจัดให้มีเวทีหรือพื้นที่เฉพาะสำหรับคนรุ่นใหม่ในการแสดงความคิดเห็นอย่างอิสระเป็นสิ่งจำเป็น พื้นที่เหล่านี้ควรส่งเสริมการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นอย่างสร้างสรรค์และเปิดกว้าง เพื่อกระตุ้นให้เกิดแนวคิดใหม่ๆ และเปิดโอกาสให้คนรุ่นใหม่ได้แสดงศักยภาพในการมีส่วนร่วมขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศ

ส่งเสริมผู้ประกอบการรุ่นใหม่

ภาคเอกชนควรพัฒนาโครงการสนับสนุนผู้ประกอบการรุ่นใหม่ โดยใช้ประโยชน์จากทรัพยากรและความเชี่ยวชาญที่พวกเขามีอยู่ให้เกิดประโยชน์สูงสุด การสนับสนุนทั้งด้านเงินทุนและองค์ความรู้จะช่วยบ่มเพาะความคิดสร้างสรรค์และทักษะทางธุรกิจ อันจะนำไปสู่การสร้างผู้นำและนวัตกรรุ่นใหม่ที่มีศักยภาพ

ผนวกการพัฒนาคนรุ่นใหม่เข้ากับพันธกิจด้านความรับผิดชอบต่อสังคม

องค์กรภาคเอกชนควรบูรณาการแนวคิดการพัฒนาคนรุ่นใหม่เข้าเป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์ด้านความรับผิดชอบต่อสังคม (CSR) โดยมุ่งเน้นการริเริ่มโครงการที่ยกระดับคุณภาพชีวิตของชุมชนและแก้ไขประเด็นทางสังคมที่ส่งผลกระทบต่อคนรุ่นใหม่โดยตรง แนวทางนี้จะช่วยผลักดันให้เกิดการพัฒนาสังคมที่ครอบคลุมและตอบโจทย์ความต้องการของคนรุ่นใหม่ได้อย่างตรงจุด

“การศึกษาครั้งนี้เผยให้เห็นถึงความท้าทายสำคัญที่กลุ่ม Gen Z และ Millennials กำลังเผชิญ และสะท้อนให้เห็นถึงความจำเป็นเร่งด่วนต่อการเปลี่ยนแปลงในระดับโครงสร้าง เพื่อเพิ่มโอกาสและการเข้าถึงบริการต่าง ๆ ของคนรุ่นใหม่ การแก้ไขความท้าทายเหล่านี้อย่างทั่วถึงจะนำไปสู่การพัฒนาศักยภาพทางเศรษฐกิจและสังคมของคนรุ่นใหม่อย่างมีนัยสำคัญ พร้อมทั้งวางรากฐานอนาคตที่มั่นคงและยั่งยืนสำหรับคนทุกช่วงวัย” Ashutosh Awasthi, ผู้อำนวยการ Kadence International กล่าว

ด้าน ณัฐพร บัวมหะกุล หนึ่งในหุ้นส่วนผู้จัดการของ Vero Advocacy กล่าวเสริมว่า “กลุ่มคนรุ่นใหม่ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้คือกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนการเติบโตของภูมิภาค จึงเป็นความรับผิดชอบโดยตรงของรัฐบาลและผู้กำหนดนโยบายที่จะต้องเข้าใจและตอบสนองต่อความใฝ่ฝันของคนรุ่นใหม่ ด้วยการยกระดับคุณภาพชีวิตและสร้างโอกาสให้พวกเขาอย่างเต็มที่ เพราะอนาคตของพวกเราทุกคนล้วนขึ้นอยู่กับการเสริมสร้างศักยภาพของคนรุ่นใหม่ให้มีคุณภาพชีวิตที่ดียิ่งขึ้น”

ดาวน์โหลดรายงานฉบับเต็มได้ฟรีที่เว็บไซต์ของ Vero

]]>
1500239
กสิกรไทยหนุนบ้านรักษ์โลก ดอกเบี้ย 1.99% ปีแรก พร้อมรับส่วนลดจาก SCG และ H SEMรวมสูงสุด 20,000 บาท เอาใจสายกรีน https://positioningmag.com/1500234 Thu, 21 Nov 2024 08:50:09 +0000 https://positioningmag.com/?p=1500234 นายชัยยศ ตันพิสุทธิ์ (กลาง) ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกสิกรไทย ร่วมด้วยนายธัญญ์กวิน บุดดีมี (ซ้าย) กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอสซีจี เอ็กซพีเรียนซ์ จำกัด และนายวันชัย ลี้นะวัฒนา (ขวา) ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอช เซม มอเตอร์ จำกัด จับมือจัดโปรโมชันหนุนลูกค้าที่ซื้อบ้านประหยัดพลังงาน ด้วยแคมเปญสินเชื่อบ้านสีเขียว ดอกเบี้ยพิเศษ 1.99% ปีแรก พร้อมส่วนลดในการซื้อสินค้าและบริการที่มีนวัตกรรมช่วยประหยัดพลังงานจาก SCG Home Experience และยานพาหนะไฟฟ้าพลังงานสะอาดจาก H SEMมูลค่ารวมสูงสุดกว่า 20,000 บาท เพื่อสนับสนุนให้ลูกค้าเข้าถึงไลฟ์สไตล์ Green Living ได้ง่ายขึ้น รวมทั้งเป็นการสร้าง Green Ecosystem ให้เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง

โดยลูกค้าที่ซื้อบ้านประหยัดพลังงาน จากบริษัทอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำที่ร่วมรายการจำนวน 725 โครงการ และขอสินเชื่อบ้านสีเขียวจากธนาคารกสิกรไทย ตั้งแต่วันที่ 15 พฤศจิกายน 67 ถึง 31 ธันวาคม 67 และจดจำนองภายในวันที่ 31 มกราคม 68 จะได้รับขัอเสนอพิเศษ ดังนี้

• สินเชื่อบ้านสีเขียว อัตราดอกเบี้ยพิเศษ 1.99% ปีแรก วงเงินกู้สูงสุด 110% และฟรีค่าประเมินหลักประกัน

• รับส่วนลดมูลค่าสูงสุด 10,000 บาท จาก SCG Home Experience เมื่อซื้อผลิตภัณฑ์และบริการในหมวด ประหยัดพลังงาน และ Smart Home Solution อาทิ ฉนวนกันความร้อน SCG บริการติดตั้งหลังคาโซลาร์ SCG บริการติดตั้ง SCG Active AIRflow System บริการติดตั้งระบบ Smart Home บริการติดตั้งกล้องวงจรปิด และบริการติดตั้งมอเตอร์ประตู ตามเงื่อนไขที่กำหนด

• รับส่วนลดมูลค่าสูงสุด 11,000 บาท จาก H SEMเมื่อซื้อยานพาหนะไฟฟ้าพลังงานสะอาด อาทิ รถกอล์ฟไฟฟ้า รถชมวิวไฟฟ้า รถไฟฟ้าอเนกประสงค์ รถสามล้อไฟฟ้า และรถจักรยานยนต์ไฟฟ้า ตามเงื่อนไขที่กำหนด

สำหรับลูกค้าที่สนใจสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมติดต่อ K-Contact Center 02-8888888

กู้เท่าที่จำเป็นและชำระคืนไหว อัตราดอกเบี้ยอยู่ระหว่าง 4%-5% ต่อปี

หมายเหตุ : สมมติฐานการคำนวณมาจากอัตราดอกเบี้ย MRR ณ วันที่ 1 พฤศจิกายน 2567 = 7.18% ต่อปี  ทั้งนี้ “อัตราดอกเบี้ยลอยตัวสามารถเปลี่ยนแปลงเพิ่มขึ้นหรือลดลงได้” อัตราดอกเบี้ยพิเศษ 1.99% ปีแรก เป็นอัตราดอกเบี้ยปีแรกและทำประกันตามเงื่อนไข วงเงินกู้สูงสุด 110% ของราคาซื้อขาย หรือไม่เกิน 110% ของราคาประเมินหลักประกัน ฟรีค่าประเมินราคาหลักประกันมูลค่า 3,000 บาท รายละเอียดการคำนวณเพิ่มเติมดูได้ที่เว็บไซต์ www.kasikornbank.com

 

 

]]>
1500234
แม็คโคร ส่งท้ายปี ด้วยแคมเปญ “Happiness Overload” ขนทัพกระเช้าของขวัญคอลเลคชันพิเศษ รับเทศกาลปีใหม่ https://positioningmag.com/1500227 Thu, 21 Nov 2024 08:45:33 +0000 https://positioningmag.com/?p=1500227 แม็คโคร ผู้นำธุรกิจค้าส่ง ภายใต้บริษัท ซีพี แอ็กซ์ตร้า จำกัด (มหาชน) ส่งมอบความสุข ส่งท้ายปี ด้วยแคมเปญ “Happiness Overload” ความสุขเป็นตัน มอบให้กันได้เสมอ มอบความสุขเกินคุ้มเพื่อลูกค้าคนสำคัญของแม็คโคร กับกระเช้าของขวัญหลากหลาย ครบครันด้วยสินค้าดีมีคุณภาพมากกว่า 2,000 รายการ จากแหล่งผลิตชั้นนำทั่วทุกมุมโลก ในราคาเริ่มต้นเพียง 450 บาท ครอบคลุมทุกความต้องการของลูกค้า โดยในปีนี้ชูไฮไลต์ กระเช้ารักษ์โลก ด้วยวัสดุรีไซเคิล สามารถนำกลับมาใช้ประโยชน์ได้ พร้อมยังสนับสนุนกระเช้ากระจูดฝีมือคนพิการ จากศูนย์พัฒนาศักยภาพและอาชีพคนพิการ จังหวัดนครศรีธรรมราช ส่งคืนความสุขทั่วไทย ที่แม็คโครทุกสาขา ตั้งแต่วันนี้ – 7 มกราคม 2568

ในปีนี้ แม็คโครจัดใหญ่ จัดเต็ม ส่งกระเช้าของขวัญจากแบรนด์พันธมิตรชั้นนำ อาทิ ดอยคำ, ดอยตุง, กระเช้าซีโน่ และ กระเช้าพิริยพูล มาให้ลูกค้าได้เลือกซื้อพร้อมจัดโปรโมชั่น ยกทัพสินค้า ทั้งกลุ่มอาหารสด อาหารแห้ง ผักและผลไม้นำเข้าทั่วโลก รวมถึงเครื่องใช้ไฟฟ้า พร้อมส่งความสุขสุดพิเศษกับสินค้าที่มีจำหน่ายที่แม็คโครเท่านั้น เช่น กลุ่มขนม คุกกี้ บิสกิต ช็อกโกแลตนำเข้า และกลุ่มสินค้าพรีเมียมลายลิขสิทธิ์แทนคำขอบคุณ ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ทั้งผู้ประกอบการและลูกค้าอย่างครบวงจร

นอกจากนี้ยังจัดแคมเปญส่งความสุขใหญ่ให้ลูกค้า makro PRO พร้อมส่วนลดสูงสุด 18% เมื่อสั่งกระเช้าผ่านช่องทางออนไลน์ และรับพอยท์เพิ่มส่งท้ายปี ใช้สิทธิ์แลกพอยท์ลุ้นรางวัลใหญ่ในทุกๆ 2 สัปดาห์ ไม่ว่าจะเป็น iphone 16 pro , แพ็กเกจเที่ยวฮ่องกง เสริมทรัพย์รับปีใหม่, สร้อยคอทองคำ 1 สลึง และ ทองคำแท่ง 1 บาทโดยสามารถแลกพอยท์เริ่มต้นตั้งแต่ 1 makro PRO point เท่านั้น

เพื่อมอบความสุขส่งท้ายปีแบบไม่มีหมด แม็คโครยังเตรียมเซอร์ไพรส์พิเศษกับ Happy Moment Activity สุขทุกโมเมนต์ ที่เตรียมมาให้สำหรับลูกค้าแม็คโคร กับครั้งแรก ลานต้นคริสต์มาสยักษ์ ตกแต่งแสงไฟและสีสันสุดละลานตา พร้อมให้ลูกค้าได้มาถ่ายรูปเช็คอินที่แม็คโครลาดพร้าว ตั้งแต่วันนี้ – 15 มกราคม 2568 และกิจกรรมสุดเอ็กซ์คลูซีฟ “เจอแล้วต้องจัดกับ Axtra Finds” ลุ้นเป็น 1 ใน 30 ผู้โชคดีร่วม Meet & Greet กับ ณเดชน์ คุกิมิยะ พร้อมรับเพิ่ม 900 Makro PRO point ขั้นตอนการร่วมสนุกง่าย ๆ สำหรับสายแชร์ เพียงแค่ถ่ายรูปกับป้ายสัญลักษณ์ Axtra Finds ในสไตล์คุณ ที่แม็คโครทุกสาขา และแชร์โพสต์รูปลง Facebook พร้อมเขียนแคปชั่นโดนใจ เปิดเป็นสาธารณะ ก็มีสิทธิ์ลุ้นเป็นผู้โชคดี หรือสำหรับใครที่เป็นสายช้อป เพียงแค่ซื้อสินค้า Axtra Finds ที่แม็คโคร ครบ 300 บาทขึ้นไป / ใบเสร็จ และมียอดรวมซื้อสินค้าทั้งใบเสร็จ 1,500 บาทขึ้นไป ที่แม็คโครทุกสาขา และ MakroPRO ช่องทางออนไลน์ นำใบเสร็จจากการซื้อที่หน้าสาขา หรือ ช่องทางออนไลน์ ไปแลกคูปองชิงโชคที่จุดบริการลูกค้า กรอกรายละเอียด และนำคูปองชิงโชคใส่กล่องรับคูปอง ก็มีสิทธิ์ลุ้นเป็นผู้โชคดีได้เหมือนกัน ซึ่งกิจกรรมทั้งหมดนี้ สะท้อนความมุ่งมั่นการดำเนินธุรกิจเคียงข้างผู้ประกอบการและลูกค้าในทุกช่วงเวลา ร่วมเติบโตไปด้วยกันอย่างยั่งยืน

มาร่วมกันส่งมอบความสุขด้วยกระเช้าของขวัญปีใหม่ ที่แม็คโครทุกสาขา ตั้งแต่วันนี้ – 7 มกราคม 2568 และสะดวกสบายช้อปง่าย ๆ ส่งตรงถึงบ้านผ่าน แอปพลิเคชัน “แม็คโคร โปร” (Makro PRO) และสามารถติดตามข่าวสารและอัปเดตโปรโมชันใหม่ ๆ ผ่านทางเว็บไซต์แม็คโคร (www.makro.co.th), แอปพลิเคชัน “แม็คโคร โปร” (Makro PRO) รวมถึงทางเพจเฟซบุ๊ค Makro – แม็คโคร(https://www.facebook.com/makroHQ)

 

]]>
1500227
ไมเนอร์ โฮเทลส์ เปิดผลประกอบการไตรมาส 3 เติบโตอย่างแข็งแกร่ง เดินหน้ารุกตลาดโรงแรมในเอเชีย เพิ่ม 100 แห่งภายในปี 2569 พร้อมเปิดตัวโรงแรมเอ็นเอชแห่งแรกในกรุงเทพฯ https://positioningmag.com/1500219 Thu, 21 Nov 2024 08:38:25 +0000 https://positioningmag.com/?p=1500219 ไมเนอร์ โฮเทลส์ (Minor Hotels) ผู้ดำเนินธุรกิจโรงแรม ทั้งในรูปแบบเป็นเจ้าของเอง บริหารจัดการ และร่วมลงทุน ซึ่งปัจจุบันมีโรงแรมและรีสอร์ทในเครือกว่า 550 แห่ง ใน 60 ประเทศทั่วโลก เปิดผลประกอบการไตรมาสที่ 3 ปี 2567 ของโรงแรมในเครือทั่วโลก โตต่อเนื่องด้วยผลกำไรสุทธิ 9 เดือนแรกของปีอยู่ที่ 3,100 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ในขณะที่รายได้จากการดำเนินงานนับตั้งแต่ต้นปีอยู่ที่ 100.2 พันล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 11 จากปีที่ผ่านมา และสูงกว่าประมาณการที่ตั้งไว้ ซึ่งมีปัจจัยหนุนหลักจากการดำเนินงานของโรงแรมในยุโรปและประเทศไทย อีกทั้งยังมีการเดินหน้ารุกตลาดภูมิภาคเอเชียตามกลยุทธ์ Asset Right โดยล่าสุดได้เปิดตัวโรงแรม เอ็นเอช กรุงเทพฯ สุขุมวิท บูเลอวาร์ด ซึ่งเป็นโรงแรมเอ็นเอชแห่งแรกในกรุงเทพฯ รับไฮซีซั่น

ในไตรมาส 3 โมเนอร์ โฮเทลส์ ทั่วโลกยังคงเติบโตอย่างแข็งแกร่ง โดยได้รับแรงหนุนจากความต้องการทั้งในส่วนของการเดินทางเพื่อธุรกิจและการพักผ่อนที่เพิ่มสูงขึ้นในยุโรป ประเทศไทยซึ่งเป็นฐานหลักของไมเนอร์ก็ได้รับประโยชน์จากความแข็งแกร่งของตลาดในช่วงโลว์ซีซั่นเช่นกัน โดยอัตราการเข้าพัก (Occupancy) ทั่วโลกแตะร้อยละ 69 ในไตรมาส 3 เพิ่มขึ้นร้อยละ 1 เมื่อเทียบกับปีก่อน รายได้เฉลี่ยต่อห้องต่อคืน (RevPAR) เติบโตขึ้นร้อยละ 6 ในไตรมาส 3 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว และเพิ่มขึ้นร้อยละ 12 นับตั้งแต่ต้นปี

ไทยครองตำแหน่งผู้นำด้านผลประกอบการในภูมิภาคเอเชีย

การหลั่งไหลเข้ามาอย่างต่อเนื่องของนักท่องเที่ยวต่างชาติและการเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศที่คึกคัก ทำให้รายได้เฉลี่ยต่อห้องต่อคืน (RevPAR) ในประเทศไทยเติบโตขึ้นร้อยละ 12 ในไตรมาส 3 แม้จะอยู่ในช่วงฤดูฝนซึ่งเป็นโลว์ซีซั่น โดยอัตราการเข้าพัก (Occupancy) เพิ่มขึ้นร้อยละ 2 อยู่ที่ร้อยละ 66 เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า กลยุทธ์การเพิ่มผลตอบแทนของไมเนอร์ที่ผลักให้ราคาห้องพักเฉลี่ย (ADR) เพิ่มขึ้นร้อยละ 9 และผลักดันอัตราการเข้าพักให้เพิ่มขึ้น แสดงให้เห็นถึงความสามารถของบริษัทในการดึงดูดกลุ่มนักท่องเที่ยวที่หลากหลายและสร้างผลกำไรได้ตลอดทั้งปี

ในไตรมาส 3 ไมเนอร์ โฮเทลส์ ยังรุกขยายธุรกิจในภูมิภาคเอเชีย ด้วยการเปิดโรงแรมใหม่ โดยครึ่งหนึ่งของโรงแรมที่เปิดใหม่อยู่ภายใต้สัญญาบริหารจัดการ ซึ่งสอดคล้องกับกลยุทธ์ของบริษัทในการเพิ่มผลกำไรและขยายตลาดสำคัญที่มีการเติบโตสูงโดยใช้ประโยชน์จากโครงสร้างพื้นฐานด้านการจัดการที่มีอยู่ การขยายธุรกิจยังช่วยเสริมสร้างตำแหน่งทางการตลาดของไมเนอร์ โฮเทลส์ และดึงดูดนักท่องเที่ยวกลุ่มเป้าหมายที่หลากหลายมากขึ้น ซึ่งในช่วงที่ผ่านมา ได้มีการเปิดตัวโรงแรมใหม่ อาทิ เอ็นเอช และเอ็นเอช คอลเลคชั่น ในศรีลังกา และมัลดีฟส์ รวมถึงโรงแรมเอ็นเอชแห่งแรกในกรุงเทพฯ อันได้แก่ โรงแรม เอ็นเอช กรุงเทพฯ สุขุมวิท บูเลอวาร์ด เพื่อรับไฮซีซั่นของประเทศ ไทย ซึ่งตามการคาดการณ์ภาพรวมการท่องเที่ยวไทยในปี 2567 จะมีนักท่องเที่ยวเดินทางมายังประเทศไทยประมาณ 38 ล้านคน คาดว่าจะสร้างรายได้การท่องเที่ยวถึง 1.77 ล้านล้านบาท

มร. ปูนีท ธวัน หัวหน้าฝ่ายบริหาร ไมเนอร์ โฮเทลส์ ประจำภูมิภาคเอเชีย  ได้เผยว่า ปัจจุบันเครือไมเนอร์ โฮเทลส์  มีโรงแรมกว่า 60 แห่ง ใน 11 ประเทศ ในภูมิภาคเอเชีย ให้บริการห้องพักกว่า 8,800 ห้อง ซึ่งนอกจากโรงแรมเอ็นเอช และเอ็นเอช คอลเลคชั่น ในประเทศไทย ศรีลังกา และมัลดีฟส์ แล้ว กลุ่มไมเนอร์ยังได้เปิดตัวโรงแรมภายใต้แบรนด์อื่น ๆ อีกหลายแห่ง อาทิ อวานี รัชดา ในกรุงเทพฯ อนันตรา อูบุด ในบาหลี อินโดนีเซีย อนันตรา จิลว์ บาฆ ในจัยปูร์ อินเดีย ไปจนถึงบริการอื่น ๆ อีกมากมาย ตั้งแต่บริการอาหารบนกระเช้าลอยฟ้า Canopy dining ที่ อนัน ตรา สามเหลี่ยมทองคำ จังหวัดเชียงราย SIN บาร์ ณ อวานี พลัส ริเวอร์ไซด์ กรุงเทพฯ บริการทางด้านเวลเนสเพื่อสุขภาพ Layan Life ณ อนันตรา ลายัน จังหวัดภูเก็ต Anantara Wellness ณ อนันตรา ริเวอร์ไซด์ กรุงเทพฯ และ AvaniWell ณ อวานี พลัส หัวหิน รวมถึงบริการเรือนอนหรู โบฮิม (Boheme) ล่องแม่น้ำโขง ในหลวงพระบาง โดยมีแผนขยายโรงแรมในเอเชียกว่า 100 แห่งภายในปี 2569 อีกด้วย

“ไมเนอร์ โฮเทลส์ มีความมุ่งมั่นที่จะขยายพอร์ตโฟลิโอแบรนด์โรงแรมในเครือไปสู่ประเทศใหม่ๆ ในภูมิภาคเอเชียอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจากประสบการณ์และความเชี่ยวชาญในการดำเนินธุรกิจโรงแรมมาอย่างยาวนานของเรา รวมถึงฐานลูกค้าที่แข็งแกร่งและการเพิ่มขึ้นของกลุ่มลูกค้าเป้าหมายในอนาคต จะช่วยผลักดันสู่การเติบโตอย่างมีศักยภาพในทุกมิติ สะท้อนความเป็นผู้นำเชนโรงแรมระดับสากลที่ตอบโจทย์ทุกความต้องการของนักเดินทาง ทั้งเพื่อธุรกิจหรือการพักผ่อนได้อย่างรอบด้าน” มร. ปูนีท กล่าว

ด้าน นางสาวเนาวรัตน์ อรุณคง ผู้จัดการทั่วไป โรงแรม เอ็นเอช กรุงเทพฯ สุขุมวิท บูเลอวาร์ด กล่าวว่า “โรงแรม เอ็นเอช กรุงเทพฯ สุขุมวิท บูเลอวาร์ด นับเป็นโรงแรมเอ็นเอช แห่งแรกในกรุงเทพฯ ภายใต้กลยุทธ์การขยายแบรนด์เอ็นเอชสู่เอเชีย การเปิดให้บริการในช่วงไตรมาสที่ 3 สอดรับกับความต้องการห้องพักที่สูงขึ้นในช่วงไฮซีซั่นโดยเฉพาะกลุ่มตลาดระยะไกล (Long haul) โดยที่ผ่านมาลูกค้าหลักของโรงแรมเป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวจากทางตะวันออก กลางที่เดินทางมาพักผ่อน การที่โรงแรมรีแบรนด์เป็นโรงแรมเครือเอ็นเอชซึ่งมีชื่อเสียงในหมู่นักเดินทางในยุโรป บวกกับเอกลักษณ์ของแบรนด์ที่เน้นความคุ้มค่า ส่งผลให้ทางโรงแรมได้ลูกค้าจากตลาดยุโรปมากขึ้นตั้งแต่เปิดให้บริการอย่างเป็นทางการในเดือนตุลาคมที่ผ่านมา เราเชื่อว่าแผนการขยายโรงแรมเอ็นเอชในเอเชีย ยังจะช่วยกระตุ้นยอดการจองจากนักท่องเที่ยวในภูมิภาคนี้อีกด้วย”

นางสาวเนาวรัตน์ เชื่อว่าจุดแข็งของโรงแรมที่ตั้งอยู่ในทำเลทองย่านสุขุมวิท และห้องพักที่ได้รับการปรับปรุงใหม่ ประกอบกับมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยว รวมถึงการยกเว้นวีซ่าให้กับนักท่องเที่ยวจาก 93 ประเทศ ยังช่วยเพิ่มศักยภาพของโรงแรมในการรองรับลูกค้า พร้อมดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มาใช้บริการมากขึ้น

โรงแรม เอ็นเอช สุขุมวิท บูเลอวาร์ด ประกอบด้วยห้องพักและห้องสวีท 9 ประเภท มีขนาดตั้งแต่ 28 ตารางเมตร ถึง 66 ตารางเมตร รวมทั้งหมด 309 ห้อง ห้องพักที่ได้รับการปรับปรุงใหม่เน้นสีเอิร์ธโทนและตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์สไตล์โมเดิร์นเพื่อให้ผู้เข้าพักรู้สึกผ่อนคลายในบรรยากาศที่อบอุ่นและเป็นกันเอง ที่นี่ยังมีห้องอาหารทรอปิคาน่า (Tropicana) ที่เปิดให้บริการอาหารจานอร่อยตลอดทั้งวัน มิราจ บาร์ (Mirage Bar) ที่เสิร์ฟเครื่องดื่มนานาชนิดในโซนล็อบบี้ และยังมีห้องประชุม รองรับการจัดงานหลากหลายประเภท ห้องออกกำลังกายที่มาพร้อมอุปกรณ์มากมาย และสระว่ายน้ำกลางแจ้งขนาดใหญ่ ไว้รองรับทุกความต้องการของลูกค้าทุกรูปแบบ อีกทั้งยังเดินทางสะดวกด้วยรถไฟฟ้า ห่างจากสถานี BTS นานาเพียง 200 เมตร ถือเป็นศูนย์กลางแห่งความสะดวกสบายที่สุดในกรุงเทพฯ เนื่องจากรอบล้อมไปด้วยศูนย์การค้า ร้านอาหารชั้นนำ หรือโรงพยาบาลใจกลางเมือง และง่ายต่อการเดินทางไปยังสนามบินนานาชาติสุวรรณภูมิ และสนามบินดอนเมืองอีกด้วย

โรงแรม เอ็นเอช สุขุมวิท บูเลอวาร์ด  พร้อมให้บริการเข้าพักรองรับทุกไลฟ์สไตล์ของการพักผ่อนย่านใจกลางเมือง  ผู้สนใจสำรองห้องพักหรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ โทร 02 365 9109

https://www.nh-hotels.com/en/hotel/nh-bangkok-sukhumvit-boulevard

]]>
1500219
แกร็บ สบช่องเทศกาล ดันบริการ GrabDriveYourCar ชูกลยุทธ์ Social Marketing เจาะกลุ่มนักดื่ม รับดีมานด์พุ่ง 50% https://positioningmag.com/1500212 Thu, 21 Nov 2024 08:29:38 +0000 https://positioningmag.com/?p=1500212 แกร็บ ประเทศไทย รุกตลาดเรียกรถผ่านแอปฯ ผ่านกลยุทธ์ Social Marketing ดันบริการ GrabDriveYourCar เต็มสูบ รับดีมานด์พุ่ง 50% ในช่วงเทศกาล ชูจุดเด่นคนขับมืออาชีพมาตรฐานสูง มาถึงไวในเวลา 15 นาที ด้วยราคาเริ่มต้นเพียง 350 บาท พร้อมประกันอุบัติเหตุที่คุ้มครองทั้งผู้โดยสารและยานพาหนะด้วยวงเงินสูงสุดถึง 5 ล้านบาท ผุดแคมเปญพิเศษ “โปรเด็ด (เพื่อ) นักดื่ม” ส่งหนังโฆษณาปลุกจิตสำนึกรณรงค์ดื่มไม่ขับ พ่วงผนึกพันธมิตรผับ-บาร์และสถานบันเทิงให้ส่วนลดนักดื่มในช่วงเทศกาล พร้อมจัดคอร์สอบรมออนไลน์ให้คนขับหวังสร้างจิตสำนึกด้านความปลอดภัยและความรับผิดชอบต่อสังคม

นางสาวเมธิณี อนวัชกุล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานธุรกิจการเดินทางและบริหารพาร์ทเนอร์คนขับ แกร็บ ประเทศไทย กล่าวว่า “ในช่วงปลายปีถือเป็นช่วงเวลาแห่งการเฉลิมฉลองและมีการจัดงานเทศกาลต่างๆ อย่างต่อเนื่อง นอกจากผู้คนจะออกเดินทางท่องเที่ยวมากขึ้นแล้ว ก็ยังมีการนัดพบปะสังสรรค์และจัดงานเลี้ยงฉลองกันบ่อยครั้งด้วย ส่งผลให้บริการเรียกรถผ่านแอปฯ ได้รับอานิสงส์เชิงบวกจากปัจจัยดังกล่าว ทำให้มียอดผู้ใช้บริการเพิ่มสูงขึ้น ซึ่งรวมถึง GrabDriveYourCar หรือบริการคนขับรถยนต์ส่วนตัวมืออาชีพ ที่แกร็บเปิดให้บริการมาตั้งแต่ปี 2562 โดยได้รับความนิยมอย่างมากจากผู้ใช้บริการในกลุ่มนักเที่ยวกลางคืนหรือสายดื่มที่เป็นเจ้าของรถยนต์แต่ไม่ต้องการขับรถเอง เมื่อไปปาร์ตี้สังสรรค์เพื่อหลีกเลี่ยงการเมาไม่ขับ รองลงมาคือกลุ่มผู้ใช้บริการที่ไม่สะดวกขับรถด้วยตัวเองในโอกาสต่างๆ จึงต้องการคนขับที่ไว้ใจได้ช่วยขับรถให้ เช่น ไปรับ-ส่งคนในครอบครัวเพื่อไปทำธุระหรือโรงพยาบาล รวมถึงกลุ่มนักธุรกิจที่มีประชุมนัดหมายสำคัญหรือเลี่ยงขับรถเองในช่วงเวลากลางคืน เป็นต้น”

“โดยปกติแล้ว บริการ GrabDriveYourCar จะได้รับความนิยมมากขึ้นอย่างมีนัยยะสำคัญในช่วงปลายปีถึงต้นปี (พฤศจิกายน – มกราคม) ซึ่งสะท้อนผ่านยอดเรียกใช้บริการที่สูงขึ้นกว่าช่วงปกติถึง 50%[1] ดังนั้น ในปีนี้ แกร็บจึงได้รุกทำตลาดบริการคนขับรถมืออาชีพอย่างจริงจัง โดยใช้กลยุทธ์การตลาดเพื่อสังคมหรือ Social Marketing ผ่านการทำแคมเปญพิเศษที่ชื่อ ‘โปรเด็ด (เพื่อ) นักดื่ม’ พร้อมส่งภาพยนตร์โฆษณาชุดพิเศษเพื่อร่วมรณรงค์ด้านความปลอดภัยและกระตุ้นจิตสำนึกให้กับผู้ใช้บริการสายดื่ม โดยนำอินไซต์จริงที่สะท้อนวิธีคิดและพฤติกรรมของนักดื่ม รวมถึงผลกระทบที่เกิดขึ้นทั้งต่อตัวผู้กระทำ คนรอบข้างและสังคมโดยรวม มาเป็นจุดขายเพื่อกระตุ้นให้เกิดการเปลี่ยน แปลงพฤติกรรมและความรับผิดชอบร่วมกัน โดยแฝงมุขตลกเพื่อให้เข้าถึงได้ง่าย พร้อมผนึกพันธมิตรกับสถานบันเทิงต่างๆ เพื่อสร้างแรงกระเพื่อมทางสังคมให้เกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม”

จุดเด่นของบริการ GrabDriveYourCar คือ

• มีฐานคนขับมืออาชีพพร้อมให้บริการ โดยคนขับแกร็บที่จะสามารถให้บริการ GrabDriveYourCar ได้ต้องผ่านระบบคัดกรองที่เข้มข้น ตั้งแต่การตรวจประวัติอาชญากรรมย้อนหลัง การทำแบบทดสอบทั้งข้อเขียนและสัมภาษณ์เพื่อประเมินทักษะด้านการขับรถ ทัศนคติ มาตรฐานความปลอดภัย รวมถึงความสามารถในการจัดการและรับมือกับเหตุไม่คาดฝัน ซึ่งคนขับกลุ่มนี้สามารถขับรถยนต์ได้ทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็น รถยนต์ซีดาน รถ SUV รถกระบะ รถตู้ ไปจนถึงซุปเปอร์คาร์
• มาไวทันใจ โดยผู้ใช้บริการจะใช้เวลารอคนขับเฉลี่ยเพียง 15 นาทีหลังจากระบบได้จัดสรรคนขับแล้ว
• ราคาเข้าถึงได้ โดยแกร็บได้ปรับราคาเริ่มต้นเพียง 350 บาทต่อเที่ยว[2]
• อุ่นใจ โดยแกร็บได้ทำประกันอุบัติเหตุระหว่างการเดินทางในทุกเที่ยว ซึ่งคุ้มครองทั้งผู้ใช้บริการและยานพาหนะ ด้วยวงเงินคุ้มครองสูงสุดถึง 5 ล้านบาทต่อเที่ยว
A person holding a phone and a drinkDescription automatically generatedA person in a carDescription automatically generated

“ภายใต้แคมเปญนี้ แกร็บยังได้มอบส่วนลดบริการ GrabDriveYourCar 30% (สูงสุด 200 บาท) สำหรับผู้ใช้บริการใหม่ เพียงใส่รหัส DRIVE30 ตั้งแต่วันนี้จนถึงช่วงสิ้นปี พร้อมกันนี้ ยังได้ผนึกความร่วมมือกับคอมมูนิตี้มอลล์ ร้านอาหาร และสถานบันเทิงทั่วกรุงเทพฯ อาทิ theCOMMONS Groove @ centralwOrld ร้าน Brick Bar ร้าน Molly ร้าน Mulligans Irish Bar ร้าน Waterside Karaoke และร้าน 12Plato Brewing เป็นต้น เพื่อผลักดันให้คน “ดื่มไม่ขับ เรียก GrabDriveYourCar ขับให้” ให้ทุกคนได้เดินทางกลับบ้านอย่างปลอดภัย  นอกจากนี้ เรายังได้จัดคอร์สอบรมออนไลน์สำหรับคนขับแกร็บที่ให้บริการเรียกรถผ่านแอปฯ เพื่อสร้างความตระหนัก  รู้ถึงโทษภัยของการดื่มแล้วขับ พร้อมให้บริการด้วยความปลอดภัยและมีความรับผิดชอบต่อสังคมด้วย” นางสาวเมธิณี ปิดท้าย

รับชมภาพยนตร์โฆษณาชุดพิเศษได้ที่ https://youtu.be/qI7mvDD3MNg

รู้หรือไม่:

• ช่วงเวลาที่มีคนเรียกใช้บริการคนขับส่วนตัวมากที่สุด คือ เวลา 22.00 – 4.00 น. ซึ่งเป็นช่วงที่มีการปาร์ตี้มากที่สุด
• บริการ GrabDriveYourCar มีให้บริการแค่ในประเทศไทยเท่านั้น
• ย่านยอดนิยมสำหรับการใช้บริการ GrabDriveYourCar สูงสุด 3 อันดับแรกในกรุงเทพฯ ได้แก่ ย่านทองหล่อ-เอกมัย ย่านอโศก และย่านรัชดา
• รู้ไหม? ดื่มไวน์ 3 แก้ว หรือวิสกี้ 2 แก้ว หรือเบียร์ 2 ขวดเล็ก ก็ทำให้ระดับแอลกอฮอล์ในเลือดเกิน 50 มิลลิกรัมต่อเลือด 100 มิลลิลิตร หากดื่มเท่านี้ แนะนำให้เรียก GrabDriveYourCar ได้เลย
• เมาแล้วขับ โดนปรับหนักแน่! ค่าปรับเริ่มต้นของการเมาแล้วขับ คือ 5,000 บาท เทียบเท่ากับการใช้บริการ GrabDriveYourCar ถึง 14 ครั้ง (เมื่อเทียบกับราคาเริ่มต้น)

]]>
1500212
‘บุญรอด ซัพพลายเชน’ คว้ารางวัลด้าน Contact Center ยอดเยี่ยม เวที CC-APAC Regional Awards 2024 ย้ำความมุ่งมั่นยกระดับคุณภาพบริการสู่สากล https://positioningmag.com/1500202 Thu, 21 Nov 2024 08:08:03 +0000 https://positioningmag.com/?p=1500202 บริษัท บุญรอด ซัพพลายเชน จำกัด (BRS) คว้ารางวัล Silver Award สาขา Employee Engagement จากเวทีระดับภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก CC-APAC Regional Awards 2024 ประเทศสิงคโปร์ ซึ่งเป็นการให้รางวัลศูนย์บริการลูกค้า (Contact Center) ยอดเยี่ยมในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ตอกย้ำความสำเร็จของการขับเคลื่อนองค์กร ภายใต้แนวคิด Bringing Joy to Life หรือ ‘เติมความสุขให้ชีวิต’ ยกระดับคุณภาพและมาตรฐานบริการสู่เวทีสากล

คุณธนวรรธน์ ไทยอยู่ ผู้อำนวยการกลุ่มบริการและสนับสนุนลูกค้า บริษัท บุญรอด ซัพพลายเชน จำกัด กล่าวว่า “บริษัทฯ มีความมุ่งมั่นในการสร้างและพัฒนาการบริการให้มีมาตรฐานระดับสากล โดยเราได้ดำเนินการพัฒนาในหลายด้าน หนึ่งในนั้นคือการสนับสนุนการมีส่วนร่วมของพนักงานทุกคน สร้างความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันในองค์กรและการทำงานร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อให้ส่งมอบประสบการณ์และบริการที่ดีที่สุดสำหรับลูกค้า จนเป็นที่มาให้เราคว้ารางวัล Silver Award สาขา Employee Engagement จาก CC-APAC Regional Awards 2024 ที่สิงคโปร์ แม้จะเข้าร่วมเวทีเป็นครั้งแรกก็ตาม”

สำหรับรางวัล CC-APAC Regional Awards 2024 จัดโดย สมาคมศูนย์บริการลูกค้าแห่งเอเชียแปซิฟิก (CC-APAC) เพื่อมอบรางวัลให้กับผู้ประกอบการด้าน Contact Center ที่มีความโดดเด่นและประสบความสำเร็จในระดับเอเชียแปซิฟิก โดยปีนี้มีบริษัทชั้นนำเข้าร่วม 47 แห่ง จาก 8 ประเทศในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก

ทั้งนี้ ผู้ที่จะได้รับรางวัลจากเวที CC-APAC Regional Awards 2024 ต้องเป็นผู้ที่ได้รับรางวัล Gold Award จากเวที TCCTA Contact Center Awards 2024 จากการจัดอันดับของสมาคมการค้าธุรกิจศูนย์บริการทางโทรศัพท์ไทย (Thai Contact Center Trade Associations) เวทีชั้นนำของวงการ Contact Center ในประเทศไทย ซึ่งก่อนหน้านี้บริษัท บุญรอด ซัพพลายเชน จำกัดสามารถคว้า 3 รางวัลจากเวทีดังกล่าว ได้แก่ Gold Award สาขา The Best Employee Engagement Contact Center, Silver Award สาขา The Best Facilities Contact Center และ Bronze Award สาขา The Best Business Contribution Contact Center

 

]]>
1500202