PR News – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Mon, 20 Jan 2025 13:07:57 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 หัวเว่ย ผนึกกำลังพันธมิตร “บานาน่า โซลาร์ (BaNANA Solar)” ฉีกกฏวงการโซลาร์เซลล์สำหรับบ้านพักอาศัย เปิดตัว “Huawei FusionsolarGreen Living”พร้อมมอบโซลูชันแบบ One-Stop Service https://positioningmag.com/1507197 Mon, 20 Jan 2025 12:59:29 +0000 https://positioningmag.com/?p=1507197 บริษัท หัวเว่ย เทคโนโลยี่ (ประเทศไทย) จํากัด ผนึกกำลังบานาน่า (BaNANA) และ บานาน่า โซลาร์ (BaNANA Solar) เปิดตัว HUAWEI FusionsolarGreen Living โซลูชันโซลาร์เซลล์ สำหรับบ้านพักอาศัย โฮมออฟฟิศและสำนักงานขนาดเล็กเต็มรูปแบบเอาใจผู้บริโภคที่ฝันอยากเปลี่ยนบ้านให้ล้ำยุคและประหยัดพลังงาน ไม่เพียงช่วยลดค่าไฟเหนือกว่าด้วยเทคโนโลยีที่ออกแบบครบวงจรออกแบบอย่างมีสไตล์นำเทคโนโลยี อินเวอร์เตอร์พลังงานแสงอาทิตย์ ระบบจัดการพลังงานอัจฉริยะ และการเชื่อมต่อกับอุปกรณ์สมาร์ทโฮมอื่น ๆ มาผสานเข้าด้วยกันอย่างไร้รอยต่อด้วยการจัดจำหน่ายพร้อมให้คำปรึกษาและบริการด้านสินเชื่อผ่านร้าน BaNANA แล้วกว่า 100 สาขา และตั้งเป้าขยายสาขาเพิ่มเติมในอนาคต มั่นใจเป็นตัวแปรสำคัญให้ผู้บริโภคสามารถเข้าถึงพลังงานสะอาดจากโซลาร์เซล์ที่มีประสิทธิภาพและปลอดภัย พร้อมทั้งมีส่วนร่วมในการสร้างชุมชนที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและก้าวสู่อนาคตรักษ์โลกอย่างแท้จริง

การเปิดตัว Huawei FusionsolarGreen Living ในครั้งนี้สะท้อนถึงเป้าหมายของหัวเว่ยในการทำให้ผู้บริโภค
สามารถเข้าถึงพลังงานแสงอาทิตย์คุณภาพสูงได้ง่ายขึ้น พร้อมสนับสนุนการสร้างอนาคตที่ยั่งยืนและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากได้อย่างปลอดภัยยิ่งขึ้นเพื่อบ้านพลังงานสีเขียว (Green Living) ที่ผู้บริโภคสามารถใช้พลังงานสะอาดภายในบ้านได้ 100% ให้ความมั่นใจทั้งในวันนี้และอนาคต

หัวเว่ยในฐานะผู้นำด้านนวัตกรรม และเทคโนโลยี ที่หัวเว่ยมีได้พัฒนามาอย่างต่อเนื่องจนมีความเชี่ยวชาญ และมั่นใจในคุณภาพ บริการ และความปลอดภัย ประกอบกับการได้ บานาน่า (BaNANA) และ บานาน่า โซลาร์ (BaNANA Solar) มาเป็นพันธมิตรในการจัดจำหน่ายและให้บริการลูกค้า จึงมีความเชื่อมั่นว่าคนไทยสามารถเข้าถึงพลังงานสะอาดได้สะดวกมากขึ้น ด้วยนวัตกรรมของอุปกรณ์ในชุดที่ประกอบด้วย อินเวอร์เตอร์พลังงานแสงอาทิตย์ ระบบจัดการพลังงานอัจฉริยะ และการเชื่อมต่อกับอุปกรณ์สมาร์ทโฮมอื่น จะช่วยเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิต การจัดเก็บ การใช้พลังงาน รวมทั้งการควบคุมการใช้พลังงานได้แบบเรียลไทม์ผ่านแอปพลิเคชันที่ใช้งานง่ายเปิดโอกาสให้ ผู้ใช้งานได้มีบทบาทสำคัญในการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนและแก้ไขปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศได้อย่างยั่งยืน พร้อมกับเพลิดเพลินไปกับประโยชน์จากค่าใช้จ่ายด้านพลังงานที่ลดลงอีกด้วย

FusionsolarGreen Living ของหัวเว่ยมาพร้อมกับอีโคซิสเตมส์โซลาร์เซลล์อุปกรณ์แบบครบวงจร ทั้งอินเวอร์เตอร์ ออปติไมเซอร์ แบตเตอรี ไปจนถึงสมาร์ทชาร์จเจอร์ ที่ได้มาตรฐานระดับสากล ด้วยเทคโนโลยีระบบโซลาร์เซลล์อัจฉริยะนี้จะแปลงพลังงานแสงอาทิตย์ให้เป็นพลังงานไฟฟ้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยพลังงานดังกล่าวจะถูกนำมาเก็บไว้ในแบตเตอรี่ช่วยให้ครัวเรือนที่จะใช้พลังงานสีเขียวได้ตลอดทั้งวันถือเป็นโซลูชันสำหรับครอบครัวยุคใหม่ ด้วยดีไซน์ที่ล้ำสมัย รวมทั้งมีเทคโนโลยีการบริหารจัดการพลังงานที่มีประสิทธิภาพ ใช้งานง่าย ให้ผู้บริโภคมั่นใจได้ในความปลอดภัยสูงสุด

แพ็กเกจโซลาร์พร้อมกับแบตเตอรี่ Huawei LUNA2000-S1 ที่ บานาน่า (BaNANA) และ บานาน่า โซลาร์ (BaNANA Solar) มาพร้อมกับ 3 ตัวเลือก ได้แก่ Lite Power, Smart Power และ Pro Power เพื่อให้ผู้บริโภคสามารถเลือกติดตั้งได้อย่างเหมาะสมกับการใช้งานและไลฟ์สไตล์ของแต่ละครอบครัวได้อย่างลงตัว

ด้านนักแสดงสาว โชติกา วงศ์วิลาส (เนย) เปิดเผยในงานเปิดตัวที่ผ่านมาว่า “ปัจจัยที่ทำให้ตัดสินใจเลือกใช้ Resident Solution ของหัวเว่ย คือเรื่องของความปลอดภัย (Safety) และการความสะดวกในการเชื่อมต่อการทำงานของระบบโซล่าร์เซลกับแอปพลิเคชั่น ที่ทำให้สามารถเห็นภาพรวมและเข้าใจการทำงานของระบบได้มากขึ้นและมั่นใจในความน่าเชื่อถือของนวัตกรรมจากหัวเว่ยที่ทำให้การเปลี่ยนมาใช้พลังงานสีเขียวเป็นเรื่องง่ายและทำได้จริงนอกจากจะช่วยประหยัดเงินค่าไฟฟ้าแล้ว ยังรู้สึกภูมิใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของความพยายามในการปกป้องสิ่งแวดล้อมด้วย”

ในขณะที่ คุณนพพล มาลีรัตน์มงคล (นพ) กูรูด้านไอที และอินฟลูเอ็นเซอร์ชื่อดังจากเพจ เอ็กซ์ตรีม ไอที กล่าวเสริมว่า “ในฐานะผู้ชื่นชอบเทคโนโลยี และมีประสบการณ์การใช้เทคโนโลยีโซล่าเซลมากว่า 5 ปีแล้ว แต่ยังพบว่ายั่งไม่ตอบโจทย์ตนเองมากนัก จนได้มามีโอกาสใช้ FusionsolarGreen Living ของหัวเว่ย รู้สึกประทับใจมาก ทั้งเรื่องของประสิทธิภาพ ใช้งานง่าย และระบบ ecosystem ที่ผสานระบบการทำงานร่วมกันได้อย่างลงตัวกับรวมถึงอุปกรณ์สมาร์ทโฮมต่างๆ ได้อย่างสมบูรณ์แบบ มีการออกแบบแยกส่วนแบบ Modular ทำให้สามารถเพิ่มเติมอุปกรณ์ต่างๆ ใน ecosystem ได้โดยไม่ต้องกังวลว่าจะมีปัญหาในภายหลัง และอีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้เกิดความมั่นใจในระบบและเทคโนโลยี ของหัวเว่ยคือ ความสม่ำเสมอในการอัพเดทซอฟแวร์ต่างๆ ตามมาตรฐาน และการบริการหลังการขายอย่างมืออาชีพ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อมีการผนึกกำลังกันระหว่าง Huawei และ BaNANA กว่า 100 สาขาทั่วประเทศ ยิ่งมั่นใจว่าเทคโนโลยีสำหรับบ้านพักอาศัยจะไม่ไกลเกินเอื้อมสำหรับหลายๆ ครอบครัวอีกต่อไป ถือว่าเป็นกำไรของผู้บริโภค”

สำหรับผู้ที่สนใจ Huawei และ BaNANA มอบโปรโมชั่นสุดพิเศษสำหรับแพ็กเกจโซลาร์เซลล์ ตั้งแต่วันที่ 18 มกราคม – 31 มีนาคม 2025 อาทิ นาฬิกาข้อมือ Huawei Watch GT5 มูลค่า 6,990 บาท ลำโพงบลูทูธ Marshall มูลค่า 7,690 บาท และ สมาร์ททีวี Samsung UHD TV มูลค่า 9,900 บาท ทั้งนี้ผู้ที่สนใจสามารถเยี่ยมชมผลิตภัณฑ์ และรับข้อมูลเพิ่มเติมจากผู้เชียวชาญได้ที่ร้าน บานาน่า (BaNANA) และ บานาน่า โซลาร์ (BaNANA Solar) ที่ร่วมรายการ เพื่อรับข้อเสนอพิเศษนี้ หรือเยี่ยมชมเว็บไซต์ หัวเว่ย ที่ https://solar.huawei.com/th และบานาน่า (BaNANA) และ บานาน่า โซลาร์ (BaNANA Solar)ที่ https://instore.bnn.in.th/banana-solarcell/huawei-form/

]]>
1507197
‘เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ ประเทศไทย’ เปิดพื้นที่ของคนรุ่นใหม่ร่วมสร้างประสบการณ์สุดอบอุ่น กับการประกวดวงดนตรี โครงการ Frasers Property presents “We Play Together…ร้องด้วยกัน เล่นด้วยกัน อบอุ่นไปด้วยกัน” https://positioningmag.com/1507189 Mon, 20 Jan 2025 12:52:06 +0000 https://positioningmag.com/?p=1507189 เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ ประเทศไทย ชวนคนรุ่นใหม่ร่วมโชว์ศักยภาพทางดนตรี สร้างประสบการณ์ที่ดีครั้งหนึ่งในชีวิต กับการประกวดวงดนตรี โครงการ Frasers Property presents “We Play Together…ร้องด้วยกัน เล่นด้วยกัน อบอุ่นไปด้วยกัน” เปิดโอกาสให้น้อง ๆ ที่กำลังศึกษาอยู่ระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย และระดับมหาวิทยาลัย โชว์ความสามารถกับโจทย์เพลง “อบอุ่น” ชิงทุนการศึกษามูลค่ารวมกว่า 400,000 บาท* และโอกาสในการร่วมประสบการณ์พัฒนาทักษะกับศิลปินชั้นนำของเมืองไทย เปิดรับสมัครแล้ววันนี้ ถึง 15 กุมภาพันธ์ ศกนี้

นายสมบูรณ์ วศินชัชวาล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านการเงิน และรักษาการประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มอสังหาริมทรัพย์เพื่อการอยู่อาศัย บริษัท เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ในปีที่ผ่านมา เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ (ประเทศไทย) ได้ส่งมอบประสบการณ์ที่ดีให้กับทุกคนผ่านการสร้างสรรค์เพลง “อบอุ่น” ที่ได้ร่วมกับศิลปินชื่อดังอย่าง ตู่ ภพธร และ แทน ลิปตา ถ่ายทอดความสุขและความอบอุ่นของการอยู่อาศัยในบ้านที่มีฟังก์ชันครบครันจาก เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ ที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของคนทุกเจเนอเรชั่น รวมถึงคนรุ่นใหม่ เพื่อให้ทุกคนได้สัมผัสประสบการณ์ที่ดีที่สุด ภายใต้เจตนารมย์ของบริษัทฯ ในการสร้างสรรค์พื้นที่ให้ประสบการณ์ที่ดีคงอยู่ (Inspiring experiences, creating places for good.)

“เพื่อเป็นการต่อยอดความสำเร็จจากบทเพลงดังกล่าว และสร้างประสบการณ์ที่ดีผ่านการใช้ “ดนตรี” เป็นสื่อกลางในการเชื่อมโยงกับกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่มีความหลงใหลในดนตรี และมองหาโอกาสในการแสดงออกถึงความสามารถ ผ่านการร้องและการเล่นดนตรีร่วมกัน ในปีนี้ เราจึงได้จัดการประกวดวงดนตรีสำหรับเยาวชนคนรุ่นใหม่ขึ้น ภายใต้โครงการ Frasers Property presents “We Play Together…ร้องด้วยกัน เล่นด้วยกัน อบอุ่นไปด้วยกัน” เพื่อมุ่งหวังในการส่งเสริมศักยภาพทางด้านดนตรีของคนรุ่นใหม่ พร้อมมอบประสบการณ์ใหม่ ๆ เพื่อขยายโอกาสให้เยาวชนคนรุ่นใหม่ได้แสดงความสามารถทางด้านดนตรี และเป็น “พื้นที่” ให้น้อง ๆ ที่มีใจรักในเสียงดนตรีได้ปล่อยพลังความสามารถออกมาอย่างเต็มที่ ผ่านเสียงเพลงในแบบของคุณ พร้อมทั้งเปิดโอกาสให้เยาวชนคนรุ่นใหม่ได้เรียนรู้และพัฒนาทักษะจากศิลปินชั้นนำ โดยการประกวดฯ นี้ไม่ได้เพียงแค่เป็นเวทีการแข่งขัน แต่เป็นพื้นที่ให้คนรุ่นใหม่ได้มา สร้างประสบการณ์ และมอบความสุขผ่านการเล่นดนตรีร่วมกันในบรรยากาศที่อบอุ่นและมีความสุข

โครงการ Frasers Property presents “We Play Together…ร้องด้วยกัน เล่นด้วยกัน อบอุ่นไปด้วยกัน” เป็นโครงการประกวดวงดนตรีสำหรับเยาวชนคนรุ่นใหม่ที่มีใจรักในเสียงดนตรี ซึ่งจัดขึ้นเป็นครั้งแรกเพื่อเปิดโอกาสให้น้อง ๆ ได้ร่วมแสดงความสามารถทางด้านดนตรีผ่านเสียงเพลงในแบบของคุณ พร้อมชิงทุนการศึกษามูลค่ารวมกว่า 400,000 บาท* และโอกาสในการร่วมประสบการณ์สุดพิเศษกับศิลปินชั้นนำของเมืองไทย โดยจะแบ่งการประกวดออกเป็น 2 รุ่น ได้แก่ รุ่น High School Class – มัธยมศึกษาตอนปลาย หรือเทียบเท่า และรุ่น University Class – มหาวิทยาลัย / อุดมศึกษา หรือเทียบเท่า ซึ่งเปิดรับสมัครอย่างเป็นทางการแล้ววันนี้ถึง 15 กุมภาพันธ์ 2568 เท่านั้น โดยจะประกาศผลผู้ที่ผ่านเข้ารอบ Audition จำนวน 20 วง (รุ่นละ 10 วง) ในวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2568 เพื่อทำการแสดงต่อหน้าคณะกรรมการผู้คร่ำวอดในแวดวงดนตรีระดับประเทศที่ให้เกียรติมาร่วมตัดสินในโครงการนี้ อาทิ คุณหนึ่ง – จักรวาล เสาธงยุติธรรม, คุณแมว – จิรศักดิ์ ปานพุ่ม, คุณฮอล – ชัชชนท อาภาสโชคทวี และ ผู้เชี่ยวชาญจากกองดุริยางค์ทหารอากาศ หน่วยบัญชาการอากาศโยธิน ในวันที่ 8 มีนาคมนี้ และรอบ Final กำหนดจัดขึ้นในวันที่ 29 มีนาคมนี้ ณ สามย่านมิตรทาวน์ฮอลล์

โดยอีกหนึ่งความพิเศษที่ทางโครงการประกวดฯ เตรียมไว้ในครั้งนี้ คือการนำ 3 ศิลปินชั้นนำของเมืองไทย ได้แก่ คุณคัตโตะ นักร้องนำจากวงลิปตา, คุณมีน มือกีต้าร์จากวงไททศมิตร และ คุณเอก นักร้องนำจากวง Season Five มาร่วมให้คำแนะนำ และเทคนิคต่าง ๆ จากประสบการณ์จริง เพื่อให้น้องๆ สามารถนำไปปรับใช้ในการแสดงดนตรี ทั้งด้านการร้องเพลงและการเล่นเครื่องดนตรี ซึ่งมั่นใจว่าน้อง ๆ ทั้ง 10 ทีมสุดท้าย (รุ่นละ 5 ทีม) ที่ผ่านเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศจะได้สัมผัสกับประสบการณ์สุดพิเศษ และได้รับความรู้กลับไปอย่างเต็มที่อย่างแน่นอน

“ขอเชิญชวนเยาวชนคนรุ่นใหม่ที่มีใจรักในด้านดนตรี มาร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการจัดการประกวดวงดนตรีฯ ในครั้งนี้ กันเยอะๆ เพราะนี่คือโอกาสที่ไม่เพียงแต่จะได้แสดงความสามารถทางด้านดนตรี แต่ยังได้เรียนรู้และพัฒนาทักษะจากศิลปินมืออาชีพที่มีประสบการณ์จริง เพื่อมอบประสบการณ์ใหม่ ๆ ในการทำตามความฝันของทุกคน นอกจากนี้ในอนาคต บริษัทฯ ยังเตรียมเดินหน้าจัดกิจกรรมที่เชื่อมโยงกับไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่ เพื่อสร้างประสบการณ์ที่ดี และสร้างการมีส่วนร่วมในหลากหลายด้านมากยิ่งขึ้น เพื่อตอกย้ำเจตนารมณ์ของบริษัทฯ ในการสร้างสรรค์พื้นที่ ให้ประสบ การณ์ที่ดีคงอยู่ (Inspiring experiences, creating places for good.) พร้อมทำให้เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ ประเทศไทย เป็นแบรนด์ที่โดดเด่นและสามารถตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าในทุกเจเนอเรชั่นได้อย่างครบถ้วนทุกมิติ” นายสมบูรณ์ กล่าว

ผู้สนใจสามารถสมัครเข้าร่วมโครงการ Frasers Property presents “We Play Together…ร้องด้วยกัน เล่นด้วยกัน อบอุ่นไปด้วยกัน” พร้อมส่งใบสมัครและผลงานได้ที่ [email protected] ตั้งแต่วันนี้ – 15 กุมภาพันธ์นี้ หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.facebook.com/FPTFamilyClub

 

]]>
1507189
ดีเอชแอล เอ๊กซ์เพรส เปิดศูนย์บริการที่ 15 ในไทย เสริมแกร่งตำแหน่งผู้นำโลจิสติกส์ระหว่างประเทศหนุนการค้าโลก https://positioningmag.com/1507183 Mon, 20 Jan 2025 12:42:49 +0000 https://positioningmag.com/?p=1507183 • ศูนย์บริการดีเอชแอล เอ๊กซ์เพรสแห่งใหม่ตั้งอยู่ที่ ต.เทพารักษ์ อ.เมืองสมุทรปราการ ใกล้สนามบินสุวรรณภูมิ เสริมการเชื่อมต่อระหว่างประเทศไทยและทุกประเทศทั่วโลก
• มีระบบคัดแยกพัสดุความเร็วสูงถึง 900 ชิ้นต่อชั่วโมงในช่วงพีค
• อาคารสร้างด้วยโครงสร้างและระบบเพื่อความเป็นกลางทางคาร์บอน ติดตั้งสมาร์ทมิเตอร์ ไฟ LED แผงโซล่าเซลล์และระบบชาร์จไฟสำหรับรถขนส่งไฟฟ้า

ดีเอชแอล เอ๊กซ์เพรส ผู้นำระดับโลกด้านการขนส่งด่วนระหว่างประเทศเปิดศูนย์บริการแห่งใหม่แห่งที่ 15 ในประเทศไทยที่ ต.เทพารักษ์ อ.เมืองสมุทรปราการ ตอกย้ำความมุ่งมั่นของบริษัทในการส่งมอบบริการขนส่งด่วนข้ามประเทศที่รวดเร็วและไว้วางใจได้ให้ลูกค้าผ่านเครือข่ายการขนส่งทางอากาศครอบคลุมทั่วโลกของดีเอชแอล

ศูนย์บริการดีเอชแอล เอ๊กซ์เพรส สาขาเทพารักษ์มีพื้นที่ปฏิบัติการ คลังสินค้าและสำนักงานรวม 2,462 ตารางเมตร นับเป็นหนึ่งในศูนย์บริการของดีเอชแอล เอ๊กซ์เพรสที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ตำแหน่งที่ตั้งเชิงกลยุทธ์ใกล้สนามบินสุวรรณภูมิช่วยย่นระยะเวลาขนส่งไปและจากศูนย์กระจายสินค้ากรุงเทพฯ (DHL Bangkok Hub) ซึ่งเป็นฮับระดับภูมิภาคสำหรับส่งออกและนำเข้าของดีเอชแอล เอ๊กซ์เพรส ด้วยเที่ยวบินขนส่งสินค้ารวมกว่า 85 เที่ยวบินในหนึ่งสัปดาห์ เชื่อมต่อประเทศไทยและ 220 ประเทศและเขตปกครองพิเศษทั่วโลก

มุ่งมั่นสนับสนุนการค้าโลกให้เติบโต

“การเปิดศูนย์บริการแห่งใหม่ของดีเอชแอล เอ๊กซ์เพรสเป็นเครื่องยืนยันความมุ่งมั่นที่ไม่หยุดนิ่งของเราในการพัฒนาความสามารถในการให้บริการและช่วยลูกค้าทั้งองค์กรขนาดใหญ่หรือธุรกิจอีคอมเมิร์ซให้สามารถส่งสินค้าระหว่างประเทศไทยและทั่วโลกได้อย่างรวดเร็ว” คุณเฮอร์เบิต วงศ์ภูษณชัย กรรมการผู้จัดการ ดีเอชแอล เอ๊กซ์เพรส ประเทศไทยและหัวหน้าภาคพื้นอินโดจีน กล่าว “ศูนย์บริการสาขาเทพารักษ์ไม่เพียงเสริมความแข็งแกร่งของเน็ตเวิร์คการขนส่งระหว่างประเทศของดีเอชแอล แต่ยังตอกย้ำความมุ่งมั่นด้านความยั่งยืนและนวัตกรรมโลจิสติกส์อีกด้วย”

ข้อมูลรายงานเรื่องการเชื่อมต่อระหว่างประเทศของดีเอชแอล (DHL Global Connectedness Track) ระบุว่าการค้าระหว่างประเทศยังคงเป็นเสาหลักขับเคลื่อนเศรษฐกิจโลก โดยในปี 2566 มูลค่าสินค้าและบริการทั้งหมดที่เกิดขึ้นคิดเป็นการซื้อขายข้ามประเทศ 21% ต่ำกว่าสถิติสูงสุดที่เคยทำไว้ที่ 22% เพียงเล็กน้อย นอกจากนี้ ดีเอชแอล  เอ๊กซ์เพรสยังเห็นแนวโน้มการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศเพิ่มขึ้นภายในเน็ตเวิร์คของดีเอชแอล โดยเฉพาะระหว่างภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกไปยังทวีปต่างๆ ทั่วโลกที่เพิ่มขึ้น 6% ในช่วงเก้าเดือนแรกของปี 2567 เทียบกับปี 2566

นอกจากเปิดศูนย์บริการสาขาเทพารักษ์แล้ว เมื่อเร็วๆ นี้ ดีเอชแอล เอ๊กซ์เพรส ประเทศไทยยังได้ย้ายศูนย์บริการจากดอนเมือง กรุงเทพฯ มาที่ อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี รองรับการส่งออกและนำเข้าของกลุ่มลูกค้าองค์กร SME และลูกค้าทั่วไปในพื้นที่ แสดงให้เห็นถึงการพัฒนาศูนย์บริการอย่างต่อเนื่องเพื่อส่งมอบบริการขนส่งระหว่างประเทศตามความต้องการลูกค้ามากที่สุด

พัฒนาขีดความสามารถเพื่อตอบรับดีมานต์ที่เพิ่มขึ้น

ประเทศไทยเป็นหนึ่งในตัวเลือกอันดับต้นๆ สำหรับบริษัทที่ต้องการกระจายฐานการผลิตและลดผลกระทบจากการหยุดชะงักด้านซัพพลายเชน ด้วยที่ตั้งของศูนย์บริการใหม่ที่อยู่ท่ามกลางเขตอุตสาหกรรมต่างๆ ศูนย์บริการดีเอชแอล เอ๊กซ์เพรส เทพารักษ์จึงสามารถส่งมอบบริการโลจิสติกส์เพื่อสนับสนุนธุรกิจระหว่างประเทศให้ได้รับประโยชน์สูงสุดจากการเปลี่ยนแปลงด้านภูมิศาสตร์และการเติบโตของอีคอมเมิร์ซ

ศูนย์บริการเทพารักษ์เพียบพร้อมด้วยเครื่องตรวจพัสดุระบบเอกซเรย์แบบดูอัลวิว ระบบคัดแยกและกระจายสินค้าที่ทันสมัย รองรับทั้งชิปเมนต์น้ำหนักเบาที่สามารถลำเลียงบนสายพานได้ (น้ำหนักต่ำกว่า 25 กิโลกรัม) และชิปเมนต์ขนาดใหญ่และน้ำหนักมาก (มากกว่า 100 กิโลกรัม) โดยสามารถคัดแยกชิปเมนต์ได้สูงสุดกว่า 900 ชิปเมนต์ต่อชั่วโมงในช่วงพีค ศูนย์บริการเทพารักษ์ยังมีจุดให้บริการ (ServicePoint) สำหรับลูกค้าทั่วไปที่ต้องการส่งของไปต่างประเทศด้วยตัวเอง

ศูนย์บริการเทพารักษ์ให้บริการลูกค้าที่อยู่ในกรุงเทพฯ เขตพระโขนงและเขตบางนา และลูกค้าที่อยู่ในเขตอุตสาหกรรม รวมถึงเขตที่อยู่อาศัยในจังหวัดสมุทรปราการ ครอบคลุมอำเภอเมืองสมุทรปราการ เทพารักษ์ สำโรงเหนือ บางเมืองและบางปู

ผู้ให้บริการโลจิสติกส์ที่ยั่งยืน

การก่อสร้างศูนย์บริการเทพารักษ์เป็นไปตามกลยุทธ์ของดีเอชแอล กรุ๊ปที่สะท้อนความมุ่งมั่นในการลดคาร์บอนฟุตพริ้นท์ โดยอาคารได้รับการออกแบบให้มีความเป็นกลางทางคาร์บอน ด้วยการติดตั้งระบบที่ส่งเสริมความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เช่น สมาร์ทมิเตอร์ ไฟ LED และแผงโซล่าเซลล์เพื่อผลิตกระแสไฟฟ้าอย่างยั่งยืน ศูนย์บริการแห่งนี้ยังได้เตรียมสถานีชาร์จไฟเพื่อรองรับการนำรถขนส่งไฟฟ้ามาใช้ในอนาคตอีกด้วย

ปัจจุบัน ดีเอชแอล เอ๊กซ์เพรสได้เปลี่ยนมาใช้รถขนส่งไฟฟ้ารวมแล้วมากกว่า 50 คัน คิดเป็น 21% ของจำนวนยานพาหนะทั้งหมดที่ใช้สำหรับขนส่งทั้งเฟิร์สและลาสไมล์ในประเทศไทย

ดีเอชแอล กรุ๊ปตั้งเป้าลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก (GHG) จากกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับโลจิสติกส์ให้ต่ำกว่า 29 ล้านตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า ภายในปี 2573

 

]]>
1507183
ORI โชว์ Backlog แกร่ง 47,329 ล้านบาท รอรับรู้รายได้ต่อเนื่อง 5 ปี พร้อมเสนอขายหุ้นกู้ชุดใหม่ 10 – 11, 13 กุมภาพันธ์ 2568 นี้ ให้แก่ผู้ลงทุนทั่วไป ชูอัตราดอกเบี้ยคงที่ 4.50 -5.15% ต่อปี https://positioningmag.com/1507174 Mon, 20 Jan 2025 12:34:22 +0000 https://positioningmag.com/?p=1507174 บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ ORI พร้อมเสนอขายหุ้นกู้ให้แก่ผู้ลงทุนทั่วไป และผู้ลงทุนสถาบัน จำนวน 3 รุ่น อัตราดอกเบี้ย 4.50 – 5.15% จ่ายดอกเบี้ยทุก 3 เดือน เสนอขายระหว่างวันที่ 10 – 11 และวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2568 ผ่าน 9 สถาบันการเงิน ได้แก่ ธ.ซีไอเอ็มบี ไทย บล. เอเซีย พลัส บล. ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) บล.บลูเบลล์ บล.โกลเบล็ก บล.ยูโอบี เคย์เฮียน บล.เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) บล.พาย  และบล.  เมอร์ชั่น พาร์ทเนอร์ พร้อมโชว์ Backlog ในมือ 47,329 ล้านบาท รอรับรู้สร้างรายได้ต่อเนื่อง 5 ปี เตรียมโอนกรรมสิทธิ์โครงการคอนโดก่อสร้างแล้วเสร็จใหม่ปี 2568 เพิ่มอีก 13 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 17,180 ล้านบาท มึแบ็คล็อกเฉลี่ยแล้วกว่า 70%

นายพีระพงศ์ จรูญเอก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ ORI เปิดเผยว่า ORI พร้อมเสนอขายหุ้นกู้ครั้งที่ 1/2568 โดยหุ้นกู้ที่เสนอในครั้งนี้ เป็นหุ้นกู้ชนิดระบุชื่อผู้ถือ ประเภทไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีประกัน และมีผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ ทั้งนี้ทริสเรทติ้งจัดอันดับเครดิตองค์กรและจัดอันดับความน่าเชื่อถือของหุ้นกู้ที่ระดับ “BBB+” แนวโน้ม “คงที่” อันดับเครดิตดังกล่าวสะท้อนถึงสถานะขององค์กรที่มีแบ็คล็อกสูง รอรับรู้รายได้ต่อเนื่อง 5 ปี โดยมีวัตถุประสงค์เสนอขายหุ้นกู้ครั้งนี้เพื่อนำไปใช้ในการชำระคืนหุ้นกู้ที่จะครบกำหนดรอบเมษายน 2568 โดยหุ้นกู้ที่เสนอขายมีจำนวนทั้งหมด 3 ชุด พร้อมเสนอขายหุ้นกู้ระหว่างวันที่ 10 – 11 และวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2568 หุ้นกู้ทั้ง 3 ชุด ชำระดอกเบี้ยทุก 3 เดือน และมีรายละเอียดดังนี้

· หุ้นกู้ชุดที่ 1 อายุ 2 ปี 1 เดือน 8 วัน อัตราดอกเบี้ยคงที่ร้อยละ 4.50 ต่อปี

· หุ้นกู้ชุดที่ 2 อายุ 3 ปี อัตราดอกเบี้ยคงที่ร้อยละ 4.85 ต่อปี

· หุ้นกู้ชุดที่ 3 อายุ 4 ปี อัตราดอกเบี้ยคงที่ร้อยละ 5.15 ต่อปี

ในปี 2567 บริษัทฯมียอดขายหรือ Presale จากโครงการที่อยู่อาศัยจำนวน 35,435 ล้านบาท ได้ตามเป้าหมายโดยแบ่งเป็นยอดขายที่อยู่อาศัยแนวสูงหรือคอนโดมิเนียมภายใต้บริษัท ออริจิ้น เวอร์ติเคิล คอร์ปอเรชั่น จำกัด จำนวน 28,891 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วน 82% ขณะที่ยอดขายจากโครงการบ้านจัดสรรหรือที่อยู่อาศัยแนวรายภายใต้บริษัท บริทาเนีย จำกัด (มหาชน) หรือ BRI จำนวน 6,544 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 18% ของยอดขายทั้งหมด

นอกจากนี้ในปี 2567 ยังคงมีโครงการร่วมทุนใหม่ รวม 14 โครงการ ทั้งโครงการคอนโดมิเนียม โครงการบ้านจัดสรร โรงแรม และคลังสินค้า ทำให้สิ้นปี 2567 กลุ่มบริษัท มีโครงการร่วมทุนรวม 119 โครงการ มูลค่ารวม 186,960 ล้านบาท บริษัทฯ ยังเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันด้วยการเปิดตัว Origin Agent Club เพื่อเปิดตลาดเชิงรุกเจาะกลุ่มลูกค้าต่างชาติด้วยการจับมือกับ เอเจนท์กว่า 300 ราย ทำให้ปี 2567 ที่ผ่านมาบริษัทฯสามารถทำยอดขายกลุ่มลูกค้าต่างชาติได้ถึง 5,700 ล้านบาท เติบโตถึง 225%

ในส่วนของกลุ่มธุรกิจใหม่ของบริษัทฯ หรือ New S Curve ทั้งธุรกิจโรงแรม คลังสินค้า และบริการ เพื่อสร้างสมดุลการเติบโตอย่างยั่งยืน โดยปัจจุบันธุรกิจโรงแรมครอบคลุมโรงแรมแบรนด์ดัง 11 แห่ง อาทิ สเตย์บริดจ์ สวีท แบงค็อก ทองหล่อ, ฮอลิเดย์ อินน์ แอนด์ สวีทส์ ศรีราชา-แหลมฉบัง, อินเตอร์คอนติเนนตัล กรุงเทพ สุขุมวิท และมีห้องพักทั้งหมด 2,657 ห้อง โดยในช่วงเดือนธันวาคม 2567 มีอัตราการเข้าพักเฉลี่ยสูงถึง 76% ธุรกิจคลังสินค้ามีทำเลยุทธศาสตร์ขนส่งทั้งหมด 10 แห่งทั่วประเทศ อาทิ สมุทรปราการ ปทุมธานี ฉะเชิงเทรา ชลบุรี คิดเป็นพื้นที่เช่ารวมกว่า 403,447 ตารางเมตร โดยมีอัตราเช่าคลังสินค้าทะลุ 90% และสุดท้ายธุรกิจบริการอสังหาฯครบวงจรภายใต้ บริษัท พรีโม เซอร์วิส โซลูชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ PRI นั้น ปัจจุบัน ดูแลลูกค้าตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ ทั้งควบคุมงานก่อสร้าง บริหารนิติบุคคล บริหาร Investment Property บริการออกแบบและตกแต่งภายใน บริการด้านความสะอาด ที่ดูแลทั้งหมดกว่า 229 โครงการ คิดเป็นกว่า 44.650 ครอบครัว ซึ่งกลุ่มธรุกิจใหม่ของบริษัทฯจะสามารถสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนให้กับบริษัทฯได้ในระยะยาว โดยไม่จำเป็นต้องพึ่งพาการสร้างอสังหาริมทรัพย์เพื่อขายเพียงอย่างเดียว

สำหรับผู้ลงทุนที่สนใจลงทุนหุ้นกู้ สามารถจองซื้อขั้นต่ำ 100,000 บาท และทวีคูณของ 100,000 บาท ผ่านสถาบันการเงินทั้ง 9 แห่ง ดังต่อไปนี้

· ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย จำกัด (มหาชน) โทร. 02-626-7777 หรือ จองซื้อผ่าน Mobile application – CIMB Thai

· บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด โทร. 02-680-4004h

· บริษัทหลักทรัพย์ ซีจีเอส อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) จำกัด โทร. 02-846-8675

· บริษัทหลักทรัพย์ บลูเบลล์ จำกัด โทร. 02-249-2999

· บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด โทร. 02-687-7543

· บริษัทหลักทรัพย์ ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) โทร. 02-659-5272-73

· บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) โทร. 02-658-5050

· บริษัทหลักทรัพย์ พาย จำกัด (มหาชน) โทร. 02-205-7000 ต่อ 7387

· บริษัทหลักทรัพย์ เมอร์ชั่น พาร์ทเนอร์ จำกัด (มหาชน) โทร. 02-660-6688

คำเตือน: การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาและทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน ทั้งนี้ ผู้ลงทุนสามารถศึกษารายละเอียดได้จากแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์และร่างหนังสือชี้ชวนที่ www.sec.or.th

หมายเหตุ: การจัดสรรขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของผู้จัดการการจัดจำหน่ายหุ้นกู้ เงื่อนไขการจัดจำหน่ายเป็นไปตามที่กำหนดในร่างหนังสือชี้ชวน

]]>
1507174
ซิสโก้เผยผลสำรวจ “ความพร้อมด้าน AI ในประเทศไทยยังไม่คืบหน้า” แม้ตลาดเติบโตอย่างรวดเร็วและมีการคาดการณ์ผลกระทบสูง https://positioningmag.com/1507167 Mon, 20 Jan 2025 12:16:37 +0000 https://positioningmag.com/?p=1507167 • บริษัทในประเทศไทยเผชิญความเป็นจริงเรื่องความพร้อมด้าน AI โดยพบว่ามีเพียง 21% เท่านั้นที่มีความพร้อมอย่างเต็มที่ในการใช้ประโยชน์จาก AI ซึ่งเพิ่มขึ้นเล็กน้อยจาก 20% ในปีที่ผ่านมา
• องค์กรต่างๆ ลงทุนด้าน AI อย่างหนัก โดยบริษัทมากกว่าครึ่งจัดสรรงบประมาณไอที 10-30% ในการนำ AI มาใช้ แต่ผลตอบแทนยังไม่เป็นไปตามที่คาดหวัง
• บริษัทต่างๆ กำลังเผชิญกับความเร่งด่วนที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้โดย 62% ระบุว่ามีเวลาเพียง “หนึ่งปี” ในการวางกลยุทธ์ด้าน AI ให้ถูกต้องมิฉะนั้นอาจได้รับผลกระทบในเชิงลบ

ซิสโก้ (Cisco) ผู้นำระดับโลกด้านเครือข่ายและความปลอดภัยเปิดเผย ‘ผลการศึกษาจากดัชนีความพร้อมด้าน AI ประจำปี 2024’ (Cisco 2024 AI Readiness Index) พบว่าองค์กรในประเทศไทยเพียง 21% เท่านั้นที่มีความพร้อมอย่างเต็มที่ในการนำเทคโนโลยี AI มาใช้งานเพิ่มขึ้นเล็กน้อยจาก 20% ในปีที่ผ่านมาสะท้อนให้เห็นถึงความท้าทายที่บริษัทต่างๆกำลังเผชิญในการนำ AI มาใช้ติดตั้งและใช้ประโยชน์อย่างเต็มที่เมื่อพิจารณาถึงการพัฒนาของตลาดที่รวดเร็วและผลกระทบสำคัญที่คาดว่า AI จะมีต่อการดำเนินธุรกิจช่องว่างของความพร้อมนี้จึงเป็นประเด็นที่น่ากังวลอย่างยิ่ง

ดัชนีนี้จัดทำขึ้นจากการสำรวจแบบ double-blind กับผู้บริหารระดับสูง 3,660 คนจากองค์กรที่มีพนักงาน 500 คนขึ้นไปครอบคลุม 14 ตลาดในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกญี่ปุ่นและจีนโดยผู้บริหารเหล่านี้เป็นผู้รับผิดชอบการผสานและติดตั้ง AI ในองค์กรของตนโดยดัชนีความพร้อมด้าน AI วัดผลจาก 6 แกนหลักสำคัญ ได้แก่ กลยุทธ์ โครงสร้างพื้นฐานข้อมูล การกำกับดูแล บุคลากร และวัฒนธรรมองค์กร

การดำเนินการด้วยความเร่งด่วน

AI ได้กลายเป็นหัวใจสำคัญของกลยุทธ์ทางธุรกิจและบริษัทต่างๆ กำลังเผชิญกับความเร่งด่วนที่เพิ่มขึ้นในการนำ AI มาใช้ สำหรับประเทศไทยบริษัททั้งหมด (100%) รายงานว่ามีความเร่งด่วนในการนำ AI มาใช้เพิ่มขึ้นในปีที่ผ่านมาโดยมีซีอีโอและทีมผู้บริหารเป็นแรงขับเคลื่อนหลัก นอกจากนี้บริษัทต่างๆ ยังทุ่มเททรัพยากรจำนวนมากให้กับ AI โดย 53% จัดสรรงบประมาณด้านไอทีถึง 10-30% สำหรับการนำ AI มาใช้

แม้จะมีการลงทุนด้าน AI อย่างมากในด้านกลยุทธ์สำคัญ เช่น ความปลอดภัยทางไซเบอร์ โครงสร้างพื้นฐานด้านไอทีและการวิเคราะห์และจัดการข้อมูล แต่หลายบริษัทรายงานว่า “ผลตอบแทนจากการลงทุน”เหล่านี้ยังไม่เป็นไปตามที่คาดหวัง

นายวีระ อารีรัตนศักดิ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซิสโก้ ประเทศไทย กล่าวว่า “ในขณะที่บริษัทต่างๆเร่งเดินหน้าสู่การใช้งาน AI สิ่งสำคัญคือต้องมีแนวทางการนำไปใช้ที่ครอบคลุมและเชื่อมโยงความมุ่งมั่นด้าน AI เข้ากับความพร้อมขององค์กร ดัชนีความพร้อมด้าน AI ประจำปีนี้ชี้ให้เห็นว่า เพื่อใช้ประโยชน์จากศักยภาพของ AI ได้อย่างเต็มที่บริษัทต่างๆ จำเป็นต้องมี ‘โครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลที่ทันสมัย’ ซึ่งสามารถรองรับความต้องการด้านประสิทธิภาพที่เปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ พร้อมด้วยมุมมองที่ชัดเจนเพื่อบรรลุเป้าหมายทางธุรกิจ และที่สำคัญไม่แพ้กันคือทั้งหมดนี้ต้องอยู่บนพื้นฐานของความไว้วางใจ และการใช้ AI อย่างมีความรับผิดชอบเพื่อขับเคลื่อนอนาคตสำหรับทุกคน”

ผลการศึกษาที่สำคัญ

ความพร้อมด้าน AI หยุดนิ่งในหลายด้าน โดยพบว่า ‘โครงสร้างพื้นฐาน’ เป็นจุดที่น่ากังวล: บริษัทต่างๆ กำลังเผชิญความท้าทายด้านความพร้อมของโครงสร้างพื้นฐาน โดยมีช่องว่างในหลายด้าน ทั้งประสิทธิภาพการประมวลผล เครือข่ายศูนย์ข้อมูล และความปลอดภัยทางไซเบอร์ มีเพียง33% ขององค์กรที่มี GPU ที่จำเป็นสำหรับรองรับความต้องการด้าน AI ทั้งในปัจจุบันและอนาคต และมีเพียง 47% ที่มีขีดความสามารถในการปกป้องข้อมูลในโมเดล AI ด้วยการเข้ารหัสแบบครบวงจร (end-to-end encryption) การตรวจสอบความปลอดภัย การเฝ้าระวังอย่างต่อเนื่องและการตอบสนองต่อภัยคุกคามแบบทันที

บริษัทต่างๆ ลงทุนแล้ว แต่ผลลัพธ์ยังไม่เป็นไปตามที่คาดหวัง: ในปีที่ผ่านมา AI เป็นรายจ่ายที่องค์กรในประเทศ ไทยให้ความสำคัญ โดย 53% จัดสรรงบประมาณด้านไอที 10-30% สำหรับโครงการด้าน AI โดยการลงทุนด้าน AI มุ่งเน้นใน 3 กลยุทธ์ที่สำคัญ ได้แก่ โครงสร้างพื้นฐานด้านไอที (59% ของบริษัทอยู่ในระดับการใช้งานเต็มรูปแบบ/ขั้นสูง) ความปลอดภัยทางไซเบอร์ (45%) และการบริหารการตลาดและการขาย (43%) โดยผลลัพธ์หลัก 3 ประการที่องค์กรต้องการบรรลุ ได้แก่ การเพิ่มประสิทธิภาพของระบบ กระบวนการ การดำเนินงาน และความสามารถในการทำกำไร; ความสามารถในการสร้างนวัตกรรมและรักษาความสามารถในการแข่งขัน; และการสร้างประสบการณ์ที่ดีขึ้นให้กับลูกค้าและพาร์ทเนอร์

แม้จะมีการลงทุนเพิ่มขึ้น แต่โดยเฉลี่ย 40% ของผู้ตอบแบบสำรวจระบุว่ายังไม่เห็นผลลัพธ์ หรือผลลัพธ์ที่ได้ต่ำกว่าที่คาดหวังไว้ ทั้งในด้านการเพิ่มประสิทธิภาพ การช่วยเหลือ หรือการทำงานอัตโนมัติของกระบวนการ หรือการดำเนินงานในปัจจุบัน

แรงกดดันที่ต่อเนื่องเพื่อความสำเร็จ: ผู้บริหารระดับสูงเพิ่มแรงกดดันและความเร่งด่วนในการนำเทคโนโลยี AI มาใช้ โดยกว่าครึ่ง (59%) รายงานว่า ซีอีโอและทีมผู้บริหารเป็นผู้ผลักดันการนำ AI มาใช้ ตามมาด้วยผู้บริหารระดับกลาง (49%) และคณะกรรมการบริษัท (44%) ในขณะที่เวลาเดินหน้าอย่างต่อเนื่อง ธุรกิจในประเทศไทยกำลังเร่งความพยายามและเพิ่มการลงทุนเพื่อก้าวข้ามอุปสรรคและรับการเปลี่ยนแปลงที่ขับเคลื่อนด้วย AI ที่น่าสนใจคือ หนึ่งในห้า (23%) ขององค์กรวางแผนที่จะจัดสรรงบประมาณด้านไอทีมากกว่า 40% สำหรับการลงทุนด้าน AI ในอีก 4-5 ปีข้างหน้า เพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดดจากปัจจุบันที่มีเพียง 5% ของบริษัทที่จัดสรรงบประมาณในสัดส่วนใกล้เคียงกันให้กับ AI

บริษัทต่างๆ ตระหนักดีว่าต้องดำเนินการเพิ่มเพื่อให้มีความพร้อมในการใช้ประโยชน์จาก AI อย่างมีประสิทธิภาพ โดยพบว่า 57% ของบริษัทในประเทศไทยให้ความสำคัญสูงสุดกับ การปรับปรุงความสามารถในการขยายระบบ ความยืดหยุ่น และการจัดการโครงสร้างพื้นฐานด้านไอทีสะท้อนให้เห็นว่าบริษัทตระหนักถึงช่องว่างที่ต้องได้รับการแก้ไขเพื่อยกระดับความพร้อมด้าน AI โดยรวม

การจัดการช่องว่างด้านทักษะและบุคลากร

แม้จะมีความท้าทายเฉพาะในแต่ละด้าน แต่พบประเด็นปัญหาร่วมกันอย่างชัดเจน นั่นคือ “การขาดแคลนบุคลากรที่มีทักษะ” บริษัทต่างๆ ชี้ว่านี่คือความท้าทายอันดับต้นๆ ทั้งด้านโครงสร้างพื้นฐาน ข้อมูล และการกำกับดูแล สะท้อนให้เห็นถึงความจำเป็นเร่งด่วนในการมีผู้เชี่ยวชาญที่มีทักษะเพื่อขับเคลื่อนการดำเนินการด้าน AI

 

]]>
1507167
ต้อนรับตรุษจีนปี 2568 อย่างมีสไตล์ที่ “เอราวัณ แบงค็อก” อิ่มอร่อยเสริมความเฮงตลอดเทศกาล https://positioningmag.com/1507160 Mon, 20 Jan 2025 12:02:03 +0000 https://positioningmag.com/?p=1507160 ศูนย์การค้าเอราวัณ แบงค็อก ศูนย์กลางแหล่งไลฟ์สไตล์ (Lifestyle Destination) ครบวงจรสำหรับคนเมือง ชวนทุกท่านร่วมเฉลิมฉลองเทศกาลตรุษจีนที่เต็มไปด้วยสีสัน ความสนุก และความอร่อย ขนทัพความเฮง! มาแบบจัดเต็ม ทั้งการแสดงเชิดสิงโตสุดตื่นตา พร้อมกับโปรโมชั่นจาก 3 ร้านอาหารระดับไอคอนิกที่คัดสรรเมนูสุดสร้างสรรค์ โดยเฉพาะในช่วงตรุษจีนนี้ ห้ามพลาด! มาเช็กอินที่ศูนย์การค้าเอราวัณ แบงค็อก เพื่อรับ ของที่ระลึกมงคล เสริมโชคดีรับปีใหม่ ในวันที่ 27 – 29 มกราคม 2568 (ของมีจำนวนจำกัด)

Man Ho Bistro ฉลองตรุษจีนด้วยมื้ออาหารจีนระดับพรีเมียมที่รังสรรค์ขึ้นโดยเชฟผู้เชี่ยวชาญ กับเซ็ตเมนูตรุษจีนผสมผสานรสชาติดั้งเดิมและความทันสมัยไว้ได้อย่างลงตัว อิ่มอร่อยกับวัตถุดิบสดใหม่คุณภาพเยี่ยม พร้อมบรรยากาศที่เต็มไปด้วยชีวิตชีวาสำหรับฉลองช่วงเวลาสุดพิเศษสำหรับครอบครัว

ราคาสุดพิเศษ: เซ็ตเมนูเริ่มต้น 12,800++ บาท/เซ็ต สำหรับ 6 ท่าน
ระยะเวลา: เฉพาะวันที่ 20 มกราคม – 20 กุมภาพันธ์ 2568 เท่านั้น

สำรองที่นั่งได้ที่: Man Ho Bistro ชั้น 2
โทร: 02-079-1189 | อีเมล: [email protected]

Erawan Tea Room เพลิดเพลินกับชุด “Moon Afternoon Tea” ที่จัดเสิร์ฟพร้อมของหวานสุดพิเศษอย่าง Rose Cheesecake ทำจากแก้วมังกรสีม่วง และเมนูของหวานอื่น ๆ เช่น สาคูมันม่วง และ Lime Crémeux เหมาะกับการจิบชายามบ่ายในบรรยากาศสุดชิลใจกลางเมือง

ราคา: 1,058 บาทสุทธิ/เซ็ต

สำรองที่นั่งได้ที่: Erawan Tea Room ชั้น 2
โทร: 02-254-1234 | อีเมล: [email protected]

Jharokha by Indus ร่วมสัมผัสความลักซ์ชัวรี่ของรสชาติที่ไม่เหมือนใครกับ Antonius Caviar ครั้งแรกในประเทศไทย ผ่านเมนูที่ออกแบบมาอย่างพิถีพิถัน ผสานความอร่อยของคาเวียร์ชั้นเลิศกับกลิ่นอายของอาหารอินเดียอย่างลงตัว!

ระยะเวลา: 29 มกราคม 2568 วันเดียวเท่านั้น ตั้งแต่ 18:00 – 22:00 น.

สำรองที่นั่งได้ที่: Jharokha by Indus ชั้น 2
โทร: 082-997-3399 | LINE: @jharokhaindus | Instagram: @jharokhaindus

เพิ่มความเฮงในเทศกาลตรุษจีน ร่วมชมการแสดงเชิดสิงโตเสริมสิริมงคลในวันที่ 29 มกราคม 2568 เวลา 12.00 น. และอย่าลืมแวะเช็กอินและโพสต์ทาง Social Media หรือ Google Review ติด hashtag #ErawanBangkokCNY เพื่อรับ ของที่ระลึกมงคล สุดพิเศษเสริมโชคดีรับปีใหม่ ในระหว่างวันที่ 27 – 29 มกราคม 2568 (ของมีจำนวนจำกัด)

อย่าพลาดโอกาสเฉลิมฉลองตรุษจีนในแบบที่แตกต่าง พร้อมสัมผัสประสบการณ์ Eat-Play-Live ได้ที่ศูนย์การค้าเอราวัณ แบงค็อก เปิดให้บริการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 10:00 – 22:00 น. ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.erawanbangkok.com

]]>
1507160
พบ “ป.ปลาอารมณ์ดี” ของดีลำน้ำพอง ที่ โก โฮลเซลล์ ขอนแก่น แหล่งรวมวัตถุดิบอาหารคุณภาพจากเกษตรกรมืออาชีพ https://positioningmag.com/1507153 Mon, 20 Jan 2025 11:54:39 +0000 https://positioningmag.com/?p=1507153 สำหรับคนที่ชื่นชอบการรับประทานปลา เชื่อว่าปลานิล กับปลาทับทิม คงเป็นหนึ่งในบรรดาปลาน้ำจืดของไทยที่ทุกคนในครอบครัวได้เคยลิ้มลองกันมาแล้ว รวมทั้งบรรดาร้านอาหารต่างๆ ทั่วทุกภูมิภาคของประเทศย่อมต้องมีปลาทั้งสองชนิดนี้บรรจุเป็นเมนูเด็ดอย่างไม่ต้องสงสัย แต่จะมีกี่คนที่รู้บ้างว่า การจะได้ปลาคุณภาพที่มีรสชาติอร่อยและโภชนาการสูง จะต้องผ่านกระบวนการอะไรบ้างก่อนที่ปลาเหล่านี้จะถูกส่งไปยังตลาดร้านค้า

คุณสุนทร แตงอุดม เกษตรกรผู้เลี้ยงปลาทับทิมและปลานิล ลำน้ำพอง จังหวัดขอนแก่น เล่าให้ฟังว่า “การจัดการ” ถือเป็นหัวใจสำคัญในการเลี้ยงสัตว์น้ำ เพื่อให้ได้คุณภาพและเป็นที่ต้องการของตลาด โดยปัจจุบันแหล่งเพาะเลี้ยงปลานิล ปลาทับทิมคุณภาพตามแหล่งน้ำธรรมชาติในประเทศไทยมีไม่กี่แห่ง และหนึ่งในนั้นคือในพื้นที่ลำน้ำพอง ด้วยเพราะเป็นแหล่งน้ำที่ทำให้ปลานิลและปลาทับทิมมีจุดเด่นไม่เหมือนใคร คือ ความสด ความสะอาด เนื่องจากเลี้ยงในกระชังที่อยู่ในลำน้ำที่ไหลตลอด ทำให้ปลาสดชื่นเพราะได้ออกกำลังกายทุกวัน รสชาติจึงดี เนื้อจะหวานและไม่มีกลิ่นคาว หรือกลิ่นโคลน ปลาที่ได้จะมีคุณค่าทางโภชนาการสูง โดยให้โปรตีนสูงมาก ปริมาณไขมันต่ำ และมีสารอาหารมากมาย

ปลาลำน้ำพอง จึงขึ้นชื่อว่าเป็น “ปลาอารมณ์ดี” แถมการเลี้ยงในกระชัง ยังทำให้ปลาไม่ต้องสัมผัสพื้นดิน จึงไม่มีกลิ่นคาว ทำให้สะอาด ผิวเนื้อสัมผัสมีรสชาติที่ดี

สิ่งสำคัญคือเรื่องการจัดการ ซึ่งต้องมีการจดบันทึก จดตัวเลขทางสถิติ รวมทั้งการตรวจเช็คคุณภาพ ซึ่งไม่ได้เช็คแค่คุณภาพน้ำเท่านั้น แต่ยังตรวจสุขภาพปลาเป็นระยะๆ ด้วย ที่สำคัญเขาเลี้ยงด้วยระบบไบโอติก จึงไม่มียาปฏิชีวนะหรือสารตกค้างใดๆ สามารถรับประทานได้อย่างสบายใจ

”สรุป คือ ปลาของเรามีคุณภาพทั้งความสด สะอาด เนื้อดี มีการจัดการที่ดีตั้งแต่ต้นจนส่งมอบปลาไปถึงลูกค้า ระบบไบโอติกที่ควบคุมทำให้มั่นใจได้ว่า จะช่วยทำให้ปลามีคุณภาพดีเยี่ยม ที่นี่จึงถือเป็นแหล่งปลาสุดยอดของภาคอิสาน“ คุณสุนทรกล่าวย้ำ

ด้วยความมุ่งมั่นและทุ่มเทของเกษตรกรที่กล่าวมา สอดคล้องกับแนวทางของ โก โฮลเซลล์ (GO WHOLESALE) ที่มีความตั้งใจส่งมอบวัตถุดิบอาหารคุณภาพจากเกษตรกรไทยไปถึงมือผู้ประกอบการร้านอาหาร พร้อมสนับสนุนเกษตรกรให้มีช่องทางการจำหน่ายเพื่อสร้างความมั่นคงทางรายได้ โดยปลานิลและปลาทับทิมเหล่านี้จะถูกส่งไปยังร้านอาหารและผู้บริโภคให้หาซื้อได้ผ่านสาขาต่างๆ ของ โก โฮลเซลล์ โดยเฉพาะสาขาขอนแก่น ที่เปิดอย่างเป็นทางการวันที่ 22 มกราคมนี้

“พวกเราดีใจที่ โก โฮลเซลล์ มาสนับสนุนด้านการตลาด ซึ่งถือเป็นหัวใจสำคัญไม่แพ้กัน ในนามของตัวแทนเกษตรกร ขอขอบคุณที่ช่วยส่งเสริมอาชีพ และสร้างรายได้ให้กับเกษตรกร เราตั้งใจที่จะส่งมอบปลานิล ปลาทับทิมที่มีความสด สะอาด รสชาติดี โภชนาการสูง เป็นปลาดี อารมณ์ดี เพื่อให้ทุกคนสามารถหาซื้อได้ที่ โก โฮลเซลล์ ครับ” คุณสุนทรกล่าวทิ้งท้าย

ปลานิล ปลาทับทิม ถือเป็นปลาเศรษฐกิจของไทยที่ควรได้รับการส่งเสริม ด้วยรสชาติที่อร่อยสามารถประกอบอาหารได้หลากหลายเมนู มีคุณค่าทางโภชนาการ อีกทั้งราคาที่ถูกและหาซื้อได้ง่าย แต่ถ้าจะให้แน่ใจ ควรตรวจสอบแหล่งที่มาเพื่อให้ได้ปลาที่สด ดีต่อสุขภาพ และยังปลอดภัยต่อการบริโภคด้วย

ปัจจุบัน โก โฮลเซลล์ มีสาขาทั้งหมด 11 สาขา ได้แก่ ศรีนครินทร์ เชียงใหม่ อมตะชลบุรี พัทยาใต้ พระราม2 รังสิต รามคำแหง ราไวย์ เมืองภูเก็ต เจริญราษฎร์ อุดรธานี ล่าสุดขอนแก่น สาขาลำดับที่ 12 ซึ่งจะเปิดตัวอย่างเป็นทางการวันที่ 22 มกราคมนี้

]]>
1507153
เอบีม คอนซัลติ้ง เผยกรอบกลยุทธ์ Mid-Term Strategy Framework ขับเคลื่อนผลลัพธ์ ทางกลยุทธ์ปลดล็อกอุปสรรคการประสานงานภายในองค์กร https://positioningmag.com/1507145 Mon, 20 Jan 2025 11:46:11 +0000 https://positioningmag.com/?p=1507145 เอบีม คอนซัลติ้ง เน้นความสำคัญของ Mid-Term Strategy ซึ่งเป็นการวางแผนและปฏิบัติการเชิงกลยุทธ์ที่หลายองค์กรมักมองข้าม การปรับกลยุทธ์ในช่วงระหว่างกระบวนการวางแผนประจำปีถือเป็นกุญแจสำคัญในการเชื่อมโยงวิสัยทัศน์ระยะยาวเข้ากับสถานการณ์ในปัจจุบันได้อย่างมีประสิทธิภาพ กรอบแนวคิดนี้ช่วยยกระดับการดำเนินงานต่อกิจกรรมองค์กรในหลายมิติ ตั้งแต่การวางแผนการจัดการทรัพยากรให้สอดคล้องกันในทุกหน่วยงาน การเพิ่มสมรรถนะ การสร้างความยืดหยุ่นและความสามารถในการปรับตัว การบริหารความเสี่ยง ไปจนถึงการสื่อสารกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียต่อองค์กรอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อสร้างความเติบโตอย่างยั่งยืนในอนาคต

ผู้บริหารในหลายองค์กรมักประสบปัญหาเรื่องการนำแผนกลยุทธ์ไปใช้ให้ได้ผลลัพท์ที่ต้องการ บ่อยครั้งที่แม้มีการทุ่มเททรัพยากรอย่างเต็มที่ในกระบวนการวางแผนอย่างดีที่สุดตามวาระรอบปีหรือแม้แต่รายครึ่งปี ผลลัพท์ที่ได้กลับมามักมีเพียงตัวเลขในแผนงบประมาณและ KPI เท่านั้น ซึ่งแทบจะไม่มีความเชื่อมโยงต่อกลยุทธ์องค์กรในภาพรวมแต่อย่างใด ซ้ำร้ายยังสิ้นเปลืองเวลาและทรัพยากร และยังทำให้องค์กรพลาดโอกาสทางธุรกิจที่สำคัญอีกด้วย จึงชวนให้เกิดคำถามที่ว่า เพราะเหตุใดจึงเกิดปัญหาเหล่านี้ขึ้น และองค์กรจะสามารถปิดช่องว่างดังกล่าวเพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาเหล่านี้ได้อย่างไร

ปัญหาสำคัญที่หลายองค์กรเผชิญคือ องค์กรจำนวนมากมีโครงสร้างการทำงานแบบ “Silo” กล่าวคือ เสมือนมีกำแพงกั้นระหว่างหน่วยธุรกิจและทีมต่าง ๆ ภายในองค์กร ทำให้แต่ละฝ่ายมุ่งเน้นไปที่เป้าหมายของตัวเองโดยขาดการเชื่อมโยงกับกลยุทธ์ในระดับองค์กร โครงสร้างแบบ Silo นี้เป็นผลพวงมาจากแนวคิดกระบวนการวางแผนทางธุรกิจแบบดั้งเดิมที่ไม่สามารถบูรณาการกลยุทธ์ระหว่างแผนกต่าง ๆ ได้ และไม่คำนึงถึงการสร้างแรงจูงใจร่วมกันในการเชื่อมโยงเป้าหมายของแต่ส่วนในองค์กร จนทำให้เกิดช่องว่างที่มีแต่จะขยายกว้างขึ้นระหว่างวิสัยทัศน์ระยะยาวและการปฎิบัติงานประจำวัน เอบีม คอนซัลติ้ง ตระหนักถึงปัญหาสำคัญเป็นอย่างดี จึงได้ริเริ่มพัฒนาแนวคิด Mid-Term Strategy Development and Execution Framework เพื่อตอบโจทย์นี้โดยตรง ผ่านการสร้างความสอด คล้องเชิงกลยุทธ์ให้เกิดขึ้นทั่วทั้งองค์กร

แนวทางของเอบีม คอนซัลติ้ง มีจุดเน้นอยู่ที่การมองกลยุทธ์ให้มีความต่อเนื่องและพร้อมต่อการปรับตัวอยู่เสมอ ซึ่งเป็นพื้นฐานในการทำให้วิสัยทัศน์ขององค์กรตั้งอยู่บนสถานการณ์ของความเป็นจริงที่ต้องคำนึงถึงทั้งสภาพแวดล้อมภายนอกที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา บวกกับทรัพยากรและความสามารถที่มีอยู่ภายในองค์กรเอง ดังนั้น การบริหารจัดการจึงต้องใช้ทั้งวิธีการแบบ Top-Down ที่นำโดยฝ่ายบริหารระดับสูง และ Bottom-Up ขึ้นมาจากระดับปฏิบัติการโดยตรง กลยุทธ์ในแบบของเอบีม คอนซัลติ้ง เน้นการปรับทิศทางของหน่วยธุรกิจต่าง ๆ ในแนวราบให้สอดคล้องกับระดับการบริหารงานในแนวดิ่ง วิธีการนี้ช่วยให้ทุกส่วนในองค์กรสามารถก้าวไปข้างหน้าในทิศทางเดียวกัน ทำให้เห็นโรดแมปและขั้นตอนที่สามารถปฏิบัติได้จริงอย่างชัดเจน ดังนั้น Mid-Term Strategy สามารถเป็นสะพานที่เชื่อมต่อระหว่างการปฏิบัติประจำวันเข้ากับเป้าหมายในระยะยาวตามวิสัยทัศน์ขององค์กรได้

ในโลกธุรกิจยุคปัจจุบันที่เต็มไปด้วยความผันผวน ทุกองค์กรต้องตระหนักว่ากลยุทธ์เป็นกระบวนการที่ไม่หยุดนิ่งและต้องพร้อมสำหรับการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอหากมีความจำเป็น โดยอาศัยการพัฒนาอย่างต่อเนื่องผ่านการใช้ข้อมูลแบบเรียลไทม์ โดยแนวทางของเอบีม คอนซัลติ้ง ให้ความสำคัญต่อการสร้าง Insight บนพื้นฐานของข้อมูล และการจัดสรรเวลาอย่างเพียงพอให้กับการพูดคุยและทำความเข้าใจในกลยุทธ์ขององค์กร เพื่อให้มั่นใจว่าการสนับสนุนของเราเป็นไปอย่างถูกทางและสามารถนำไปปฏิบัติได้จริงและตรงกับเป้าหมาย การสร้างความสอดคล้องทางกลยุทธ์ในลักษณะนี้จะช่วยให้องค์กรสามารถทลายกำแพง Silo ที่เคยแยกส่วนต่าง ๆ ออกจากกัน ทำให้การจัดสรรทรัพยากรทำได้อย่างคุ้มค่ามากขึ้น และแผนปฏิบัติการของทุกฝ่ายสามารถสอดประสานกันไปสู่เป้าหมายร่วมกันได้อย่างแท้จริง

 

แนวทาง Mid-Term Strategy Development and Execution Framework ของเอบีม คอนซัลติ้ง เป็นโซลูชันที่จะช่วยเสริมศักยภาพองค์กร ปรับกระบวนทัศน์ในการวางกลยุทธ์ให้เป็นมากกว่าแผนการบนหน้ากระดาษ โดยเอบีม คอนซัลติ้ง มีประสบการณ์สนับสนุนองค์กรต่าง ๆ ให้ประสบความสำเร็จในการสร้างโรดแมปด้วยแผนปฏิบัติการที่ทำได้จริงบนพื้นฐานของสถานการณ์ปัจจุบันโดยไม่ละเลยการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า นอกจากนี้ แนวทางของเรายังช่วยเพิ่มขีดความสามารถขององค์กรในการสร้างมูลค่าเพิ่ม สามารถตอบสนองต่อความเปลี่ยนแปลงได้อย่างคล่องตัว และเติบโตบนพื้นฐานที่มั่นคงแม้องค์กรจะต้องเผชิญความท้าทายใหม่ ๆ อย่างไม่สิ้นสุด

]]>
1507145
อิ่มอร่อยพร้อมรับโชคต้อนรับปี “มะเส็ง” ร่วมเฉลิมฉลองเทศกาลตรุษจีนกับแมริออท บอนวอย ในประเทศไทย https://positioningmag.com/1507136 Mon, 20 Jan 2025 11:38:48 +0000 https://positioningmag.com/?p=1507136 ในขณะที่ทั่วโลกกำลังเตรียมตัวฉลองเทศกาลตรุษจีน แมริออท บอนวอย (Marriott Bonvoy®) โปรแกรมสิทธิประโยชน์และมาร์เก็ตเพลสด้านการเดินทางและท่องเที่ยวของแมริออท อินเตอร์เนชั่นแนล (Marriott International) ที่ได้รับรางวัลมาแล้วมากมาย เชิญชวนแขกผู้มีเกียรติก้าวเข้าสู่ “ปีมะเส็ง” ด้วยตัวเลือกสำหรับการรับประทานอาหารหลากหลายที่ให้ทั้งความอิ่มอร่อยและอิ่มอกอิ่มใจไปพร้อมกัน โดยแขกสามารถเลือกลิ้มลองอาหารรสเลิศได้ที่โรงแรมและรีสอร์ทในเครือแมริออททั่วประเทศไทย

ห้องอาหารภายในโรงแรมและรีสอร์ทในเครือแมริออทต่างสร้างสรรค์การเฉลิมฉลองพิเศษสำหรับเทศกาลตรุษจีน ครบครันทั้งอาหารเมนูพิเศษ เซตเมนู และบุฟเฟต์ ที่ทั้งอร่อยและเป็นศิริมงคล พร้อมการแสดงที่น่าตื่นตาตื่นใจ การตกแต่งอย่างมีสีสัน และเซอร์ไพรส์อีกมากมาย พร้อมให้คุณพาคนที่คุณรักไปเปิดรับศักราชใหม่ที่เต็มไปด้วยความสุขและความมั่งคั่ง

ที่โรงแรมแบงค็อก แมริออท มาร์คีส์ ควีนส์ปาร์ค (Bangkok Marriott Marquis Queen’s Park) เชฟ Oscar Pun นำเสนอประสบการณ์การรับประทานอาหารสุดพิเศษที่พาโกด้า ไชนีส เรสเตอรองท์ (Pagoda Chinese Restaurant) ตั้งแต่กล่องของขวัญที่ออกแบบอย่างสวยงาม ไปจนถึงธรรมเนียมการรับประทานหยี่ซัง (Yu Sheng) ซึ่งก็คือ สลัดมงคลแห่งความสมบูรณ์พูนสุข และเซตเมนูชุดใหญ่สำหรับรับประทานทั้งครอบครัว เชื่อว่าแขกทุกท่านจะมีตัวเลือกที่ตรงใจสำหรับการฉลองต้อนรับปีมะเส็ง หรือหากต้องการประสบการณ์ที่แตกต่าง สามารถเลือกไปใช้บริการที่เอเชียทีค แอนเชี่ยนท์ ที เฮ้าส์ (Asiatique Ancient Tea House) ร้านอาหารที่ตั้งอยู่ในบ้านริมแม่น้ำอายุนับร้อยปีที่ได้รับการบูรณะอย่างพิถีพิถัน เพื่อลิ้มลอง “Flavors of Fortune” กับเมนู à la carte สุดพิเศษ เช่น หยี่ซังแซลมอน (Yu Sheng salmon) หอยเป๋าฮื้อตุ๋น (braised abalone) และซี่โครงหมูกรอบเจงกิสข่าน (Genghis Khan crispy short ribs) เพื่อเสริมมงคลและโชคลาภตามธรรมเนียมของเทศกาลตรุษจีนที่สืบทอดมายาวนาน

ที่โรงแรมเรเนซองส์ กรุงเทพ ราชประสงค์ (Renaissance Bangkok Ratchaprasong Hotel) แขกจะได้ก้าวเข้าสู่ปีใหม่อันรุ่งเรืองด้วยเซตเมนูพรีเมียมที่มีให้เลือกถึง 3 เซตที่ห้องอาหารเฟยยา (Fei Ya) หนึ่งในร้านอาหารจีนที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในกรุงเทพฯ ไฮไลท์ของที่นี่คือเป็ดปักกิ่งอันเลื่องชื่อของเชฟ ส่วนที่โรงแรมแบงค็อก แมริออท เดอะ สุรวงศ์ (Bangkok Marriott Hotel The Surawongse) แขกจะได้เพลิดเพลินกับมื้อค่ำสุดพิเศษที่เย่า เรสเตอรองท์ (Yao Restaurant) ร้านอาหารจีนบนชั้น 32 โดยมีเมนูสำหรับรับบประทานร่วมกันเป็นครอบครัวที่คัดสรรโดยเชฟ Bruce และหลังจากนั้นสามารถขึ้นไปที่รูฟท็อป บาร์เพื่อผ่อนคลายกับเสียงเพลงโดยดีเจ Zoey Jones นับเป็นการฉลองการก้าวสู่ปีมะเส็งอย่างมีสไตล์!

สำหรับประสบการณ์ฉลองตรุษจีนสุดหรูที่โรงแรมเจดับบลิว แมริออท กรุงเทพฯ (JW Marriott Hotel Bangkok) ร้านอาหารจีนที่ได้รับรางวัลอย่างห้องอาหารจีนมานโฮ (Man Ho) นำเสนอเซตเมนูให้เลือก 2 เซต คือ “Abundance” และ “Vigor” ซึ่งล้วนแต่ที่ได้รับการสร้างสรรค์มาอย่างพิถีพิถันเพื่อนำโชคลาภมาสู่ครอบครัวและกลุ่มเพื่อนที่มาใช้บริการ ด้วยอาหารจานหรูเช่น หยี่ซังภูเก็ตล็อบสเตอร์ (Phuket Lobster Yu Sheng) หมูหันสไตล์ฮ่องกง (Hong Kong-style whole suckling pig) และบอสตันล็อบสเตอร์ผัดกระเทียมพริกไทย (wok-fried Boston lobster with spicy garlic) ซึ่งเชื่อเมนูเหล่านี้จะนำพาความสำเร็จมาให้ในปีใหม่ นอกจากนี้แขกยังจะได้เพลิดเพลินกับการผสมผสานของรสชาติแบบดั้งเดิมและทันสมัยที่ห้องอาหารจีนมานโฮ บิสโทร (Man Ho Bistro) ที่ Erawan Bangkok ซึ่งนำเสนอเซตเมนูที่คัดสรรอย่างพิถีพิถัน รวมถึงไฮไลท์อย่างแซลมอนหยี่ซัง (Yu Sheng salmon) เป็ดปักกิ่ง และปลาทะเลไทยผัดพริกเสฉวนและซอสถั่วเหลือง เพื่อเสริมศิริมงคลและความเจริญรุ่งเรือง

นอกจากนี้ยังสามารถลิ้มรสอาหารชั้นเลิศได้ที่โรงแรม ดิ แอทธินี โฮเทล แบงค็อก, อะ ลักซ์ชูรี คอลเล็คชั่น โฮเทล (The Athenee Hotel, a Luxury Collection Hotel, Bangkok) ที่ซึ่งมีเซตเมนู “Lucky Golden Snake” ให้เลือกทั้งแบบ 6 คอร์สและ 8 คอร์สที่เดอะ ซิลค์ โร้ด (The Silk Road) พร้อมด้วยเมนู à la carte สุดพิเศษ รวมถึงติ่มซำแสนอร่อยและหยี่ซังสำหรับเทศกาลตรุษจีน เพื่อเป็นการต้อนรับศักราชใหม่อันรุ่งโรจน์

ที่ ฮั่น เดอะไชนีสควิซีน จากโรงแรมเชียงใหม่ แมริออท โฮเทล แขกสามารถลิ้มรสเมนูยอดนิยมจากมณฑลต่าง ๆ รวมถึงติ่มซำสไตล์กวางตุ้ง และจานโปรดจากเสฉวนและเซี่ยงไฮ้ ด้วยแรงบันดาลใจจากวัฒนธรรมที่หลากหลาย ฮั่นได้นำเสนอรสชาติแบบต้นตำรับมาเสิร์ฟถึงเชียงใหม่ สุดท้ายที่โรงแรมคอร์ทยาร์ด แมริออท ภูเก็ต ทาวน์ (Courtyard by Marriott Phuket Town) ซึ่งตั้งอยู่ท่ามกลางมรดกทางวัฒนธรรมจีนอันทรงคุณค่าในย่านเก่าของภูเก็ต แขกสามารถนัดพบปะกันและลิ้มลอง “Golden Prosperity Feast” ที่ เย่ว เรสเทอรองท์ แอนด์ บาร์ (Yue Restaurant & Bar) ร้านอาหารจีนสไตล์กวางตุ้งที่ตกแต่งสวยงาม เหมาะสำหรับการรับประทานอาหารเป็นกลุ่มสูงสุด 10 ท่าน พร้อมชุดเมนูอลังการที่เต็มไปด้วยของอร่อยและเป็นมงคล ทั้งยังจะได้รับเหนียนเกา (nian gao) หรือขนมเข่งปีใหม่เป็นของขวัญกลับบ้านอีกด้วย

ทั้งหมดนี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งของแพ็กเกจและโปรโมชั่นในประเทศไทยในเทศกาลตรุษจีนปีนี้ สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมและการฉลองปีมะเส็งด้วยอาหารอร่อยและความสุขจากการได้อยู่กับครอบครัวและเพื่อนฝูง โปรดเยี่ยมชมที่เว็บไซต์ marriott.com/en-us/dining/campaign/chinese-new-year-thailand.mi

 

 

]]>
1507136
“ลอนดรี้บาร์” จับมือ ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย เดินหน้าปลดล็อกโอกาสใหม่ด้วยสินเชื่ออัตราพิเศษ กระตุ้นการเติบโตของผู้ประกอบการแฟรนไชส์ร้านสะดวกซัก https://positioningmag.com/1507130 Mon, 20 Jan 2025 11:31:07 +0000 https://positioningmag.com/?p=1507130 ลอนดรี้บาร์ (LaundryBar) แบรนด์ร้านสะดวกซักครบวงจร อันดับ 1 ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ประกาศความร่วมมือกับธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย (ไอแบงก์) เปิดตัวโครงการพิเศษ “สินเชื่อเพื่อผู้ประกอบการร้านสะดวกซัก”
เสนออัตรากำไรพิเศษ เพื่อช่วยสนับสนุนผู้ประกอบการที่สนใจลงทุนในแฟรนไชส์ร้านสะดวกซักที่มีศักยภาพการเติบโตสูง ตอกย้ำโอกาสสร้างผลตอบแทนที่มั่นคง

คุณพิมลวรรณ ชีวเกรียงไกร กรรมการผู้จัดการ บริษัท ลอนดรี้บาร์ ไทย จำกัด กล่าวว่า “ธุรกิจแฟรนไชส์ร้านสะดวกซักในยุคใหม่กำลังกลายเป็นหนึ่งในตัวเลือกการลงทุนที่โดดเด่นสำหรับนักลงทุนยุคปัจจุบัน โดยกลุ่มเป้าหมายหลักมีความหลากหลาย ตั้งแต่นักลงทุนรายย่อยที่มองหาธุรกิจเสริมรายได้ พนักงานประจำ และเจ้าของธุรกิจขนาดเล็กที่ต้องการการลงทุนที่มีระบบสนับสนุนที่แข็งแกร่งและความเสี่ยงต่ำ ไปจนถึงผู้ประกอบการที่มีประสบการณ์ในธุรกิจบริการ นอกจากนี้ ยังมีนักลงทุนที่มีศักยภาพทางการเงินสูง ซึ่งนิยมเลือกแฟรนไชส์ระดับพรีเมียม และนักลงทุนรุ่นใหม่ ที่สนใจธุรกิจที่ทันสมัย ใช้เทคโนโลยี และสอดรับกับไลฟ์สไตล์ยุคดิจิทัล การจับมือกับธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย (ไอแบงก์) ในครั้งนี้ เป็นอีกก้าวสำคัญที่สะท้อนถึงความตั้งใจของเราในการสนับสนุนและขยายโอกาสให้กับผู้ประกอบการรายใหม่และสตาร์ทอัพ ที่มองหาแนวทางการเริ่มต้นธุรกิจร้านสะดวกซักได้อย่างมั่นคงและ ด้วยเหตุนี้ ความร่วมมือระหว่างลอนดรี้บาร์และธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทยจึงเกิดขึ้น เพื่อมอบโซลูชันทางการเงินที่ตอบโจทย์และช่วยลดภาระให้กับผู้ประกอบการ ทั้งในด้านอัตรากำไรพิเศษ เงื่อนไขสินเชื่อที่ครอบคลุม และการสนับสนุนด้านหลักประกันที่ยืดหยุ่น”

“สำหรับแพ็กเกจสินเชื่อที่เราร่วมพัฒนากับธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย ได้รับการออกแบบมาเพื่อช่วยให้ผู้ประกอบการสามารถเริ่มต้นธุรกิจได้ง่ายขึ้น ซึ่งถือเป็นการเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการมีเวลาในการสร้างความมั่นคงและเติบโตไปกับธุรกิจ เพื่อตอบสนองความต้องการที่หลากหลาย โดยเรามั่นใจว่าความร่วมมือในครั้งนี้จะไม่เพียงแค่ช่วยกระตุ้นการเติบโตของธุรกิจร้านสะดวกซักในประเทศไทย แต่ยังช่วยสนับสนุนระบบเศรษฐกิจในภาพรวม ด้วยการเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการรายย่อยและนักลงทุนหน้าใหม่เข้าถึงโซลูชันทางการเงินที่มีประสิทธิภาพและคุ้มค่าได้ง่ายขึ้น เราหวังว่าผู้ประกอบการทุกคนจะสามารถใช้ประโยชน์จากข้อเสนอพิเศษนี้ เพื่อก้าวไปสู่ความสำเร็จในธุรกิจของพวกเขา”

คุณพิมลวรรณ ยังได้กล่าวเพิ่มเติมว่า “ลอนดรี้บาร์มุ่งมั่นที่จะสร้างความร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจที่เชื่อถือได้ โดยเรายังคงเดินหน้าสร้างสรรค์โอกาสและสนับสนุนความสำเร็จของผู้ประกอบการผ่านการพัฒนานวัตกรรมและบริการที่ตอบโจทย์ลูกค้าในทุกมิติ ไม่ว่าจะเป็นการส่งเสริมการเข้าถึงแหล่งเงินทุน หรือการให้คำปรึกษาด้านธุรกิจ เราเชื่อมั่นว่าด้วยความร่วมมือในครั้งนี้ ผู้ประกอบการจะสามารถเติบโตได้อย่างมั่นคงและสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อเศรษฐกิจและสังคมในระยะยาว”

เทรนด์ร้านสะดวกซักปี 2568 พลิกโฉมสู่อนาคต: อัจฉริยะ-ยั่งยืน-ครอบคลุมทุกพื้นที่ใกล้ไกล

ในปี 2568 เราคาดการณ์ว่าจะได้เห็นเทรนด์ธุรกิจร้านสะดวกซักก้าวสู่มิติใหม่ด้วยแนวคิดที่ผสานเทคโนโลยีล้ำสมัยเข้ากับความยั่งยืน ตอบสนองไลฟ์สไตล์ที่เปลี่ยนแปลงของผู้บริโภคยุคใหม่ ในส่วนของลอนดรี้บาร์เราให้ความสำคัญด้านสิ่งแวดล้อมมาโดยตลอด เราเป็นร้านสะดวกซัก ที่ใช้พลังงานหมุนเวียนและใช้น้ำยาซักผ้าเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม (Eco-friendly) มีการใช้เครื่องจ่ายน้ำยาเข้าเครื่องซักผ้าอัตโนมัติ ซึ่งช่วยลดขยะจากแพคเกจ ซอง น้ำยาซัก น้ำยาปรับผ้านุ่ม โดยในปีนี้เราจะวางจำหน่ายน้ำยาซัก น้ำยาปรับผ้านุ่มสูตรออแกนิกอีกด้วย รวมถึงเพิ่มความสะดวกให้ลูกค้าด้วยระบบซักผ้าอัจฉริยะ (Smart Laundry) ที่ให้ลูกค้าสามารถจองเครื่องซักผ่านแอปพลิเคชัน พร้อมการยกระดับร้านสะดวกซักเป็นพื้นที่ไลฟ์สไตล์ ด้วยคอนเซปต์ LaundryBar Cafe ที่เปิดโอกาสให้ลูกค้าพักผ่อนหรือทำงานในระหว่างรอการซักผ้า

เทรนด์ใหม่ที่น่าสนใจยังรวมถึง บริการซัก-อบ 24 ชั่วโมงพร้อมจัดส่งถึงบ้าน เพื่อตอบโจทย์ชีวิตคนเมือง และ การใช้เทคโนโลยีฆ่าเชื้อขั้นสูง เช่น ระบบ UV-C หรืออบไอน้ำ เพื่อความมั่นใจด้านสุขอนามัย

ธุรกิจนี้กำลังก้าวสู่ยุคแห่งการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ที่ไม่เพียงแต่ตอบสนองความสะดวกสบาย แต่ยังคำนึงถึงสิ่งแวดล้อมและประสบการณ์ของลูกค้าอย่างครบถ้วน ถือเป็นอีกหนึ่งธุรกิจบริการแห่งอนาคตที่น่าจับตามองและมีโอกาสขยายตัวอย่างต่อเนื่อง

ผู้สนใจติดต่อ Line : @LaundryBarThai หรือ Call Center 0-9267-54455

]]>
1507130