Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Sat, 29 Mar 2025 09:14:28 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 เปิดแผนปี 68 ‘บางกอกแอร์เวย์ส’ ตั้งเป้าขนส่งผู้โดยสาร 4.7 ล้านคน https://positioningmag.com/1516583 Sat, 29 Mar 2025 09:13:48 +0000 https://positioningmag.com/?p=1516583 เปิดแผนปี 2568 ของ ‘บริษัท การบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน)’ หรือ ‘สายการบินบางกอกแอร์เวย์ส’ กับการตั้งเป้ารายได้เติบโต 8-9% และมีจำนวนผู้โดยสาร 4.7 ล้านคน หนึ่งในการสร้างการเติบโต ดังกล่าว คือ การเตรียมจับมือกับเชนโรงแรมใหญ่ทำแคมเปญตามรอยซีรีส์ White Lotus Season 3 หลังจากช่วยให้ยอดขายเส้นทางสมุยโตขึ้น 14% 

 

‘พุฒิพงศ์ ปราสาททองโอสถ’ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท การบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือสายการบินบางกอกแอร์เวย์ส กล่าวถึงภาพรวมของอุตสาหกรรมการบินว่าหลังจากที่ผ่านพ้นวิกฤตการแพร่ระบาดของโควิด-19 อุตสาหกรรมการบินก็มีแนวโน้มเติบโตขึ้นทุกปี โดยเฉพาะภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกที่มีอุปสงค์การเดินทางทางอากาศเติบโตสูงสุดเมื่อเทียบกับภูมิภาคอื่นของโลก

 

แนวโน้มนี้สอดคล้องกับทิศทางการเติบโตของบริษัทฯ ซึ่งในปี 2567 มีรายได้รวม 26,041 ล้านบาท และมีค่าใช้จ่ายรวม 20,638 ล้านบาท มีผลกำไรสุทธิ 3,798 ล้านบาท ผลกำไรจากการดำเนินงานของบริษัทฯ ในปี 2567 เป็นจำนวน 5,454 ล้านบาท อัตราการทำกำไร (EBITDA Margin) อยู่ที่ 28% และอัตราส่วนหนี้สินต่อทุนของบริษัทในปี 2567 ที่ 2.53 เท่า

สำหรับเป้าหมายดำเนินงานในปี 2568 ตั้งเป้ารายได้โต 8-9% และคาดการณ์จำนวนเที่ยวบิน 48,077 เที่ยวบิน, อัตราบรรทุกผู้โดยสาร (Load Factor) เฉลี่ยเท่ากับ 82%, ขนส่งผู้โดยสาร 4.7 ล้านคน และราคาบัตรโดยสารเฉลี่ยประมาณ 4,200 บาทต่อที่นั่ง 

 

การสร้างการเติบโตให้เป็นไปตามเป้าหมาย หนึ่งในนั้น คือ การมุ่งเน้นตลาดต่างประเทศ โดยเฉพาะการต่อยอดการขายเส้นทาง ‘สมุย’ ซึ่งเป็นเส้นทางที่ได้รับความนิยมสูงสุด และมาแรงขึ้นจากกระแสซีรีส์ White Lotus Season 3 โดยมีการสำรองที่นั่งล่วงหน้าในช่วงเดือนมีนาคม – กันยายน 2568 เพิ่มขึ้น 14% 

 

การขยายดังกล่าวจะเป็นความร่วมมือกับเชนโรงแรมใหญ่ อาทิ โฟร์ ซีซั่น, อนันตรา ฯลฯ ทำแคมเปญจับกลุ่มลูกค้าที่ตามรอยซีรีส์ โฟกัสนักท่องเที่ยวจากกลุ่มประเทศสหรัฐอเมริกา อังกฤษ เยอรมัน ออสเตรเลีย 

 

การเน้นตลาดที่เติบโตสูง เช่น คาซัคสถาน ซาอุดีอาระเบีย ตลาดที่มีฟรีวีซ่า เช่น อินเดีย และจีน ขยายการเชื่อมต่อตรงผ่านระบบกลุ่ม API/NDC/Direct Connect ให้มากขึ้น เพราะเป็นกลยุทธ์สำคัญสำหรับสายการบินในยุคดิจิทัล ที่สามารถตอบสนองพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันในตลาดโลก เริ่มจากสายการบินแควนตัสบนระบบ QDP และพันธมิตรอื่นเพื่อขยายความร่วมมือต่อไป เช่น สายการบิน Thai Airways, British Airways, Lufthansa Group, Emirates, Etihad, Eva Air 

การขยายเส้นทางการบิน โดยวางแผนกลับมาให้บริการเส้นทาง สมุย-กัวลาลัมเปอร์ วันละ 1 เที่ยวบิน ในไตรมาส 4 เพื่อรองรับการเดินทางของผู้โดยสารจากยุโรปที่เดินทางผ่านทางสนามบินกัวลาลัมเปอร์

 

จากปัจจุบันบางกอกแอร์เวย์สให้บริการเที่ยวบินสู่ 19 จุดหมายปลายทาง แบ่งเป็น ‘ภายในประเทศ’ 11 แห่ง ได้แก่ กรุงเทพฯ (สุวรรณภูมิและดอนเมือง) เกาะสมุย เชียงใหม่ ภูเก็ต กระบี่ ตราด ลำปาง แม่ฮ่องสอน สุโขทัย หาดใหญ่ อู่ตะเภา และ ‘ต่างประเทศ’ 8 แห่ง ได้แก่ มัลดีฟส์ สิงคโปร์ เสียมเรียบ พนมเปญ หลวงพระบาง ฮ่องกง เฉิงตู ฉงชิ่ง

 

เดินหน้ากลยุทธ์เครือข่ายความร่วมมือกับกลุ่มพันธมิตรสายการบิน ปัจจุบันมีสายการบินพันธมิตร (Codeshare Partners) รวมทั้งสิ้นจำนวน 30 สายการบิน และมีสายการบินข้อตกลงร่วม (Interline Partners) กว่า 70 สายการบินทั่วโลก 

 

การบริหารจัดการฝูงบินให้มีประสิทธิภาพสูงสุด ปีนี้คาดการณ์ว่าจะมีจำนวนเครื่องบินรวมทั้งสิ้นรวม 25 ลำ และมีแผนจะปรับฝูงบิน (Re-fleet) เครื่องบินรุ่น ATR72-600 รวมทั้งสิ้น 12  ลำ มีกำหนดทยอยส่งมอบระหว่างปี 2569 – 2571 

 

การลงทุนโครงการพัฒนาศูนย์ซ่อมบำรุงอากาศยาน ในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ณ ท่าอากาศยานอู่ตะเภา ล่าสุดได้ร่วมลงนามบันทึกความเข้าใจและ ‘บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน)’ เพื่อยกระดับความร่วมมือในการศึกษาความเป็นไปได้ในการร่วมมือกันพัฒนาธุรกิจศูนย์ซ่อมบำรุงอากาศยาน และธุรกิจอื่นที่เกี่ยวข้อง เพื่อรองรับการเติบโตของอุตสาหกรรมการบินในประเทศไทย และภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก เบื้องต้นคาดการณ์เงินลงทุน 10,000 ล้านบาท และจะเห็นความชัดเจนประมาณไตรมาส 3 ของปีนี้ 

 

การพัฒนาศักยภาพธุรกิจสนามบิน โดยมีแผนปรับปรุงอาคารผู้โดยสารของสนามบินสมุยที่จะเริ่มดำเนินการก่อสร้างได้ในไตรมาส 4 ของปีนี้ ส่วนสนามบินตราดมีแผนขยายรันเวย์ เพื่อให้สามารถรองรับเครื่องบินแอร์บัส 320 ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างการดำเนินการ 

]]>
1516583
เซ็นทรัลพัฒนา ย้ำความเชื่อมั่นความแข็งแรงและความปลอดภัยของศูนย์การค้าทั่วประเทศ พร้อมเคียงข้างคนไทยทุกภาคส่วน https://positioningmag.com/1516569 Sat, 29 Mar 2025 08:55:16 +0000 https://positioningmag.com/?p=1516569 บมจ. เซ็นทรัลพัฒนาดำเนินมาตรการด้านความปลอดภัยอย่างเต็มที่ โดยได้มีทีมวิศวกรเฉพาะกิจตรวจสอบโครงสร้างของอาคารและระบบต่าง ๆ ในศูนย์การค้าทุกสาขาทั่วประเทศอย่างละเอียดเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

ศูนย์การค้าเซ็นทรัลทุกแห่งเปิดให้บริการตามปกติ โดยอาคารและระบบต่าง ๆ ออกแบบและก่อสร้างตามหลักวิศวกรรม พร้อมดูแล ตรวจสอบ และประเมินผลด้านความปลอดภัยอย่างต่อเนื่องทุกสาขา เพื่อให้มั่นใจว่าทุกแห่งมีความปลอดภัยและพร้อมให้บริการ

เซ็นทรัลพัฒนาให้ความสำคัญสูงสุดกับความปลอดภัยของลูกค้า ผู้ประกอบการ และพนักงานทุกคน พร้อมติดตามสถานการณ์ ประเมินความเสี่ยง และดำเนินมาตรการด้านความปลอดภัยอย่างต่อเนื่องในทุกพื้นที่

สำหรับผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือเพิ่มเติม สอบถามข้อมูลหรือแจ้งทรัพย์สินสูญหาย กรุณาติดต่อเคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์ของศูนย์การค้าทุกสาขา หรือโทร 02-021-9999

ขอขอบคุณทุกท่านสำหรับความไว้วางใจและความร่วมมือที่ดีเสมอมา
เซ็นทรัลพัฒนายังคงยืนหยัดอยู่เคียงข้างคนไทยในทุกช่วงเวลา

 

]]>
1516569
ตลาดคอนโด ปี 68 ส่อแย่ลง อาฟเตอร์ช็อกแผ่นดินไหว-ตึกถล่ม กทม. https://positioningmag.com/1516562 Sat, 29 Mar 2025 08:47:34 +0000 https://positioningmag.com/?p=1516562 จากกรณีวานนี้ (28 มี.ค. 68) เกิดแผ่นดินไหว 8.2 ริกเตอร์ ในประเทศเมียนมา สร้างแรงสั่นสะเทือนมาถึงประเทศไทย โดยเฉพาะ กทม. ที่ได้รับผลกระทบตึกถล่มบางพื้นที่ ตลอดจนอาคารต่าง ๆ เสียหายมีรอยร้าว

เอฟเฟกต์ที่ตามมา แบ่งออกเป็น 3 ประเด็นใหญ่ ได้แก่
  • ความเชื่อมั่นผู้บริโภคลดลง ทั้งกลุ่มคนไทยและชาวต่างชาติ มู้ดการจับจ่ายอีกสักระยะจึงกลับมาสู่ภาวะปกติ
  • กลุ่มลูกค้าที่รอโอนกรรมสิทธิ์ อาจจะยื้อระยะเวลาการโอนฯ หรือหนักสุดอาจจะยกเลิกการซื้อ
  • ผู้อยู่อาศัยคอนโด เรียกหาความรับผิดชอบ และการซ่อมแซมต่าง ๆ

ปัจจัยดังกล่าว อาจทำให้ ตลาดคอนโด ปี 2568 แย่ลง ซ้ำเติมสถานการณ์ตลาดคอนโด กทม. ที่เผชิญการหดตัวของยอดขายต่อเนื่อง 2 ปี ติด (ปี 2566 – 2567) อ้างอิงตัวเลข REIC พบว่า

  • ปี 2567 ยอดขายได้ใหม่ (New Sale) มีจำนวน 13,720 ยูนิต และมูลค่า 73,458 ล้านบาท
  • ปี 2566 ยอดขายได้ใหม่ มีจำนวน 18,880 ยูนิต และมูลค่า 85,604 ล้านบาท
  • (ก่อนโควิด) ปี 2562 ยอดขายได้ใหม่ มีจำนวน 38,731 ยูนิต และมูลค่า 168,090 ล้านบาท

“หากเทียบยอดขายใหม่ของปี 2567 กับปี 2566 พบว่า ยูนิตและมูลค่า ลดลง 27.3% และ 14.2% ตามลำดับ แต่เมื่อเทียบกับช่วงก่อนโควิดปี 2562 พบว่า ยูนิตและมูลค่า หดตัวหนักถึง 64.6% และ 56.3% ตามลำดับ“

ยอดขายได้ใหม่ (New sale) รายไตรมาส ตั้งแต่ปี 2562 – 2567 ด้านบนเป็นยูนิต ด้านล่างเป็นมูลค่า อ้างอิง REIC

แม้ภาพรวมซัพพลายใหม่ (New Supply) ของคอนโดที่เข้าสู่ตลาดในปี 2567 จะมีเพียง 22,477 ยูนิต ลดลง 27.4% และมูลค่า 146,555 ล้านบาท ลดลง 4.4% เมื่อเทียบกับปีก่อน (YoY)

ทว่าด้วยซัพพลายเปิดตัวใหม่ (New Supply) มากกว่า ยอดขายได้ใหม่ (New Sale) ทำให้มีหน่วยเหลือขาย ณ ไตรมาส 4 ปี 2567 ประมาณ 65,247 หน่วย เพิ่มขึ้น 9.6% และมูลค่า 375,679 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 20.8% (YoY)

“สวนทางกับอัตราการดูดซับ (Absorption Rate) ของคอนโด กทม. ณ ไตรมาส 4/68 ที่อยู่ที่เพียง 1.8% ทำให้ต้องใช้เวลาระบายสต๊อกนาน 52 เดือน (ประมาณ 4.3 ปี) จากช่วงก่อนโควิด ปี 2562 ใช้เวลาเพียง 13 เดือน (1 ปีเศษ)“

อย่างไรก็ดี หากประชาชนขาดความเชื่อมั่นในโครงการคอนโด และมีการแห่คืนห้อง และชะลอซื้อยาว ก็อาจส่งผลกระทบต่อรายได้ รวมไปถึงสภาพคล่องของกลุ่มธุรกิจอสังหาได้

]]>
1516562
CRC Sports คว้าสิทธิ์จัดจำหน่าย 3 แบรนด์คุณภาพจากสวิตเซอร์แลนด์ McKINLEY, energetics และ PRO TOUCH ขยายตลาดสปอร์ตเพอร์ฟอร์แมนซ์ให้เข้าถึงคนทุกระดับ เดินหน้าสร้าง Sport Ecosystem ครบวงจรตอบโจทย์สายสปอร์ตที่มองหาสินค้าประสิทธิภาพสูง https://positioningmag.com/1516554 Sat, 29 Mar 2025 07:41:35 +0000 https://positioningmag.com/?p=1516554 CRC Sports (ซี อาร์ ซี สปอร์ต) ในเครือเซ็นทรัลรีเทล ผู้นำธุรกิจค้าปลีกและจัดจำหน่ายเสื้อผ้าและอุปกรณ์กีฬารายใหญ่ที่สุดในประเทศไทย และผู้บริหารร้านค้าปลีกกีฬา Supersports คว้าสิทธิ์จัดจำหน่ายแบรนด์กีฬาคุณภาพจากสวิตเซอร์แลนด์เจ้าแรกในไทย พร้อมเปิดตัว 3 แบรนด์ ภายใต้ INTERSPORT ได้แก่ McKINLEY, energetics และ PRO TOUCH ตอกย้ำความเป็นผู้นำในฐานะผู้จัดจำหน่ายและค้าปลีกเครื่องแต่งกายและอุปกรณ์กีฬาชั้นนำในประเทศ ด้วยการเดินหน้าปรับ Sport Ecosystem ให้ครบวงจร ครอบคลุมทุกประเภทกีฬาให้เข้าถึงทุกกลุ่มลูกค้า ผลักดันให้ทุกคนเข้าถึงกีฬาด้วยสินค้าที่มีคุณภาพตามความต้องการและไลฟสไตล์ ขยายฐานกลุ่มลูกค้าที่รักการออกกำลังกาย ตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าที่มองหาสินค้าคุณภาพดีในราคาที่เข้าถึงได้

คุณอเล็กซองด์ อัมเบล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ซี อาร์ ซี สปอร์ต จำกัด ในเครือเซ็นทรัลรีเทล กล่าวว่า “ด้วยเป้าหมายของบริษัทฯ มุ่งมั่นที่จะเป็นผู้นำตลาดค้าปลีก Performance Sports ด้วยการสร้าง Business Ecosystem ที่ครบวงจร ครอบคลุมตั้งแต่ความเชี่ยวชาญในทุกประเภทกีฬา การบริหารแบรนด์กีฬาชั้นนำที่หลากหลาย การสร้างคอมมูนิตี้กีฬา และการมีช่องทางจำหน่ายที่เข้าถึงทุกแพลตฟอร์ม โดยเฉพาะอย่างยิ่งจุดแข็งของการเป็นมัลติแบรนด์สปอร์ตสโตร์ที่มีความครบวงจร มีแบรนด์สินค้าให้เลือกมากที่สุด ซึ่งทั้งหมดนี้จะช่วยสร้างอีโคซิสเต็มธุรกิจที่แข็งแกร่ง และการเลือกหาแบรนด์สินค้าที่มีคุณภาพมาให้ลูกค้าก็ถือเป็นพันธกิจหนึ่งที่เราให้ความสำคัญ โดยเรามุ่งหวังให้ลูกค้าได้สินค้าที่ตอบโจทย์และครอบคลุมตรงตามความต้องการมากที่สุด เพื่อให้เราเป็นที่หนึ่งในใจของลูกค้า เมื่อนึกถึงกีฬาให้นึกถึงซูเปอร์สปอร์ต”

ด้านคุณวิยะดา บูรณะภากรณ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโส ฝ่ายการตลาด บริษัท ซี อาร์ ซี สปอร์ต จำกัด ในเครือเซ็นทรัลรีเทล กล่าวว่า ซูเปอร์สปอร์ตเดินหน้าตามไดเรคชันแบรนด์ Move you, Move Sports ให้คนทุกระดับและทุกเจเนเรชันมีสุขภาพที่ดี ด้วยการเข้าถึงสินค้าและอุปกรณ์กีฬาทีมีคุณภาพ จึงมองว่าหากเรามีสินค้าที่มีความหลากหลายของราคา ก็จะเปิดโอกาสให้กับลูกค้าในกลุ่มได้เข้าถึงสินค้าที่มีคุณภาพเช่นกัน สินค้าจา INTERSPORT จึงเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่ตอบโจทย์

INTERSPORT ก่อตั้งขึ้นในปี 1968 ที่กรุงเบิร์น ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ จากความร่วมมือของ 10 องค์กรซื้อขายสินค้ากีฬา โดยมีเป้าหมายเพื่อสร้างเครือข่ายค้าปลีกกีฬาระดับนานาชาติที่แข็งแกร่ง ในช่วงปี 1970s INTERSPORT ได้รับเลือกให้เป็นผู้ค้าปลีกกีฬาอย่างเป็นทางการในโอลิมปิกที่ มิวนิก (1972), อินส์บรุค (1976) และมอสโก (1980) ทำให้แบรนด์เริ่มเป็นที่รู้จักในระดับโลก โดยขยายธุรกิจสู่เอเชียในช่วงต้นปี 2000s โดยเปิดสำนักงานจัดซื้อในฮ่องกง ก่อนขยายไปยังจีน ตะวันออกกลาง ออสเตรเลีย และอเมริกาใต้ ในช่วงเวลาเดียวกันนี้ บริษัทได้เปิดสำนักงานใหญ่ระดับโลกแห่งใหม่ที่เบิร์น สวิตเซอร์แลนด์ เพื่อรองรับการเติบโต

สำหรับ 3 แบรนด์ที่ทาง Supersports นำเข้าเพื่อรองรับความต้องการของลูกค้าสายสปอร์ตเพอร์ฟอร์แมนซ์ ประกอบด้วย

1. McKINLEY: อุปกรณ์และรองเท้าสำหรับกิจกรรมกลางแจ้งคุณภาพสูง เช่น การเดินป่า แคมปิ้ง และการปีนเขา

• ตลอด 40 ปี McKINLEY มุ่งมั่นพัฒนาอุปกรณ์และรองเท้าสำหรับการเดินป่าและกิจกรรมกลางแจ้งจาก สวิตเซอร์แลนด์ เพื่อให้ทุกคนได้ออกไปสำรวจธรรมชาติอย่างมั่นใจ ด้วยฟังก์ชัน นวัตกรรม และดีไซน์ที่ตอบโจทย์ทุกสไตล์การผจญภัย ไม่ว่าคุณจะเป็นนักเดินป่ามือใหม่หรือนักสำรวจผู้ช่ำชอง McKINLEY พร้อมพาคุณออกไปสัมผัสโลกกว้าง

• Brand Tagline: Escape To Nature

2. energetics: เสื้อผ้าและรองเท้าสำหรับออกกำลังกายทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็นวิ่ง เทรนนิ่ง และโยคะ

• กว่า 30 ปีที่ energetics สร้างสรรค์เสื้อผ้าและรองเท้ากีฬาคุณภาพสูง ในราคาที่เข้าถึงได้ เพื่อให้ทุกคนได้สนุกกับการออกกำลังกายอย่างเต็มที่ จากสวิตเซอร์แลนด์สู่กว่า 40 ประเทศทั่วโลก ไม่ว่าคุณจะวิ่ง เทรนนิ่ง หรือออกกำลังกายในแบบของคุณ energetics พร้อมพาคุณไปให้สุดทุกจังหวะของการเคลื่อนไหว

• Brand Tagline: Every Athlete. Every Sport.

3. PRO TOUCH: อุปกรณ์กีฬาและรองเท้าคุณภาพสูงจากสวิตเซอร์แลนด์ ไม่ว่าจะเป็นเทนนิส แบดมินตัน ปิงปอง บาสเก็ตบอล

• ก่อตั้งขึ้นในปี 1998 ที่เมืองเบิร์น ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ PRO TOUCH สั่งสมประสบการณ์กว่า 20 ปีในการพัฒนาอุปกรณ์สำหรับกีฬาบอลและแร็กเก็ต โดดเด่นด้วยคุณภาพ ความทนทาน และฟังก์ชันที่รองรับนักกีฬาทุกระดับ มั่นใจทุกจังหวะการเล่น ไปกับ PRO TOUCH

• Brand Tagline: Play as One

​สินค้าจาก INTERSPORT ทั้ง 3 แบรนด์ พร้อมวางจำหน่ายแล้ว ที่ร้าน Superports ทั้งหมด 38 สาขา และ Pop Up Store ที่ Supersports สาขาเซ็นทรัลชิดลม วันที่ 20 มีนาคม 2568 – มิถุนายน 2568 และจะขยายให้ครอบคลุมทั่วประเทศไทยภายในสิ้นปี 2568 พร้อมกันนี้ยังเพิ่มช่องทางจำหน่ายออนไลน์บนเว็บ Supersports.co.th รวมถึงใช้ช่องทางจัดจำหน่ายออนไลน์ยอดนิยมอื่นๆ ได้แก่ Lazada, Shopee เพื่อเพิ่มการเข้าถึง ติดตามข่าวสารข้อมูลได้ที่ Facebook > Supersports และทาง www.supersports.co.th

]]>
1516554
Gen Z ขึ้นแท่นแม่แมว No.1 ไม่มีบ้าน-รถช่างปะไร แต่ทั้งใจยกให้เหมียว ยอมเปย์แพงปีละ 7.2 หมื่นบาท https://positioningmag.com/1516550 Sat, 29 Mar 2025 04:37:27 +0000 https://positioningmag.com/?p=1516550 ตลาดสัตว์เลี้ยงในไทย (อ้างอิง ttb analytics) ปี 2567 มีมูลค่า 75,000 ล้านบาท เติบโต 12.4% เมื่อเทียบกับปีก่อน (YoY)

โดยกลุ่มคนเลี้ยงสุนัข เติบโต 40.4% และกลุ่มคนเลี้ยงแมว เติบโต 37.1% ขยับมาใกล้เคียงกันมากขึ้น (ปกติหมาจะนำโด่ง)

ส่วนปี 2568 อิมแพ็ค รวบรวมข้อมูลจากการจัดงาน Thailand International Pet Variety Exhibition พบว่า สัดส่วนกลุ่มผู้เลี้ยงสัตว์เปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญ

  • ตลาดคนเลี้ยงสุนัข เติบโต 31.6%
  • ตลาดคนเลี้ยงแมว เติบโต 32.1%

“ตลาดแมวแซงหน้าตลาดสุนัขเป็นครั้งแรกแสดงให้เห็นถึงความนิยมในการเลี้ยงแมวที่เพิ่มสูงขึ้น และอาจกลายเป็น กลุ่มตลาดหลักของอุตสาหกรรมสัตว์เลี้ยงไทยในอนาคต“ กุลวดี จินตวร ผู้อำนวยการบริหาร บริษัท อิมแพ็ค เอ็กซิบิชั่น แมเนจเม้นท์ จำกัด กล่าว

สถิติเชิงลึกเกี่ยวกับการเลี้ยงแมวที่น่าสนใจ คือ ปัจจุบันประเทศไทยมีประชากรผู้เลี้ยงแมวมากเป็นอันดับ 8 ของโลก โดยจังหวัดที่มีการเลี้ยงแมวสูงสุด ได้แก่

  • นนทบุรี
  • กรุงเทพมหานคร
  • สมุทรสงคราม

”จำนวนประชากรแมวในประเทศไทยอยู่ที่ 3,337,458 ตัว สูงเป็นอันดับที่ 14 ของโลก“

ขณะที่ค่าใช้จ่ายเฉลี่ยในการเลี้ยงแมวอยู่ที่ 14,200 บาทต่อปี หรือประมาณ 1,183 บาทต่อเดือน และมีแนวโน้มการรับเลี้ยงแมวจรเพิ่มขึ้นกว่า 14% นับตั้งแต่ปี 2562 และคาดว่าจะขยายตัวต่อเนื่อง

โดยมี “แม่แมว-พ่อแมว Gen Z” เป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญของตลาดแมวทั่วโลก (อ้างอิง Forture) แม้ว่าหลายคนในกลุ่มนี้จะยังไม่มีบ้านหรือครอบครัว แต่กลับให้ความสำคัญกับสัตว์เลี้ยงเป็นอย่างมาก

โดยพบว่า 74% ของเจ้าของสัตว์เลี้ยงในกลุ่มนี้เลือกทำประกันสัตว์เลี้ยงเพื่อรองรับค่าใช้จ่ายที่ไม่คาดคิด

สำหรับค่าใช้จ่ายในการเลี้ยงแมว กลุ่ม Gen Z ในตลาดโลกใช้จ่ายเฉลี่ยสูงถึง 72,624 บาทต่อปี หรือประมาณ 6,052 บาทต่อเดือน แบ่งเป็น

  • ค่าอาหารสัตว์เลี้ยง
  • ค่าของเล่น
  • ค่ากรูมมิ่ง
  • ค่ารักษาพยาบาล เช่น พาสัตว์เลี้ยงไปพบสัตวแพทย์เพื่อตรวจสุขภาพ, ค่าฉีดวัคซีนประจำปี, ค่าวิตามิน อาหารเสริมบำรุงสุขภาพ

นอกจากนี้ยังพบว่า เจ้าของแมวจำนวนมากยินดีจ่ายเงินสูงถึง 10,200 บาท ในกรณีฉุกเฉิน เช่น ค่าผ่าตัด ค่ารักษาอาการบาดเจ็บกรณีเกิดอุบัติเหตุ ตลอดจนค่าเอกซเรย์ อัลตราซาวด์ และการตรวจเลือดเพื่อวินิจฉัยปัญหาสุขภาพ

ด้วยการเติบโตอย่างต่อเนื่องของตลาดสัตว์เลี้ยงและความต้องการที่เพิ่มขึ้นในกลุ่มผู้บริโภค อิมแพ็คฯ จึงเตรียมจัดงาน “Thailand Cat Lovers Fair 2025” งานรวมพลคนรักแมวที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ บนพื้นที่กว่า 5,000 ตารางเมตร ณ ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุมอิมแพ็ค เมืองทองธานี ภายในงานรวบรวมสินค้าและบริการกว่า 300 รายการ จากกว่า 150 บูธ

โดยตั้งเป้าสร้างแบรนด์ “งานแมวอิมแพ็ค” ให้เป็นที่จดจำของกลุ่มผู้รักแมว นำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการที่ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ของคนรักแมว

คาดจะมีผู้เข้าชมงานกว่า 15,000คน พร้อมกระตุ้นเม็ดเงินหมุนเวียนภายในงานตลอด 3 วัน มากกว่า 10 ล้านบาท โดยอ้างอิงจากสถิติของงาน Thailand International Pet Variety Exhibition ที่ผ่านมา

]]>
1516550
กรุงเทพประกันภัย ยกระดับองค์กรสู่ความเป็นเลิศที่โดดเด่นและแตกต่างในทุกมิติ ประกาศแผนปี 2568 ตั้งเป้าเบี้ยฯ 34,200 ล้านบาท https://positioningmag.com/1516542 Fri, 28 Mar 2025 09:56:05 +0000 https://positioningmag.com/?p=1516542 ดร.อภิสิทธิ์ อนันตนาถรัตน กรรมการและประธานคณะผู้บริหาร บริษัท กรุงเทพประกันภัย จำกัด (มหาชน) หรือ BKI เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานในปี 2567 (ม.ค.-ธ.ค.) บริษัทฯ มีเบี้ยประกันภัยรับรวม 31,736.1 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 6.1 เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมีผลกำไรสุทธิจากการรับประกันภัยหลังหักค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานแล้ว 1,871.0 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 9.6 ส่วนกำไรจากการลงทุนสุทธิเท่ากับ 1,799.9 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 38.5 ทำให้บริษัทฯ มีกำไรก่อนหักค่าใช้จ่ายภาษีเงินได้ 3,670.9 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 8.9 และมีกำไรสุทธิ 3,059.8 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.5 คิดเป็นกำไรต่อหุ้นขั้นพื้นฐาน 28.74 บาท และบริษัทฯ ยังคงสามารถรักษาอันดับความน่าเชื่อถือทางการเงินในระดับสูงหรือ Credit Rating A- (Stable) (ณ ต.ค. 67) โดย Standard & Poor’s (S&P) สถาบันการจัดอันดับทางการเงินชั้นนำของโลกได้อย่างต่อเนื่อง
ปัจจุบันกรุงเทพประกันภัยเป็นบริษัทย่อยที่สร้างรายได้หลักให้แก่ บริษัท บีเคไอ โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ BKIH ซึ่งประกอบธุรกิจผ่านการถือหุ้นในบริษัทอื่น (Holding Company) โดยมุ่งลงทุนในธุรกิจหลักด้านการประกันภัยและธุรกิจอื่นที่หลากหลายและมีศักยภาพ สำหรับผลการดำเนินงานในปี 2567 (ม.ค.-ธ.ค.) บีเคไอ โฮลดิ้งส์มีรายได้รวม 23,422.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 12.8 เมื่อเปรียบเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน โดยมีรายได้จากการรับประกันภัย 21,481.7 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 10.9และมีรายได้จากการลงทุน1,940.8 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 39.0 โดยมีผลกำไรสุทธิจากการดำเนินงาน 1,854.8 ล้านบาท และรายได้สุทธิจากการลงทุนเท่ากับ 1,802.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 38.7 ทำให้มีกำไรก่อนหักค่าใช้จ่ายภาษีเงินได้ 3,657.3 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 8.6 และมีกำไรสุทธิเท่ากับ 3,046.2 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.1 คิดเป็นกำไรต่อหุ้นส่วนที่เป็นของผู้ถือหุ้น 28.61 บาทสำหรับการจัดสรรเงินปันผลในปี 2567 บริษัทฯ จัดสรรเงินปันผลระหว่างกาลไปแล้วอัตราหุ้นละ 11.25 บาท และในงวดสุดท้ายของปี 2567 ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทเสนอให้จ่ายเงินปันผล หุ้นละ 5.75 บาท รวมจ่ายเงินปันผลทั้งปี 2567 ในอัตราหุ้นละ 17 บาท โดยมีอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลที่ร้อยละ 5.84
สำหรับแนวโน้มของธุรกิจประกันวินาศภัยในปี 2568 สมาคมประกันวินาศภัยไทยคาดว่าจะขยายตัวร้อยละ 1.5-2.5 ซึ่งเติบโตเพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้าคิดเป็นเบี้ยประกันภัยรับโดยตรง 2.91-2.95 แสนล้านบาท ซึ่งมีแนวโน้มการเติบโตมาจากการเร่งขยายโครงการก่อสร้างขนาดใหญ่จากเงินลงทุนภาครัฐ ประกอบกับประกันภัยสุขภาพที่เติบโตจากการตระหนักถึงความเสี่ยงด้านสุขภาพที่เพิ่มขึ้น ทั้งจากสภาพแวดล้อมในปัจจุบันที่นำไปสู่โรคประจำฤดูกาล ปัญหาฝุ่นละออง PM 2.5 รวมถึงปัจจัยค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพที่เพิ่มขึ้นจากภาวะเงินเฟ้อทางการแพทย์ (Medical Inflation) ด้านตลาดบ้านที่อยู่อาศัยถึงแม้จะได้รับผลกระทบจากกำลังซื้อของประชาชนที่ลดลง แต่ด้วยสภาวะการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ทำให้เกิดภัยธรรมชาติที่ทวีความรุนแรงและบ่อยครั้งขึ้น ซึ่งเป็นแรงผลักดันให้ประชาชนตระหนักถึงการประกันความเสี่ยงภัยดังกล่าว โดยเฉพาะในพื้นที่ที่เสี่ยงต่อน้ำท่วมและลมพายุ
อย่างไรก็ตาม จากสภาวะเศรษฐกิจที่ผันผวนผนวกกับภาระหนี้สินครัวเรือนที่ยังอยู่ในระดับสูง ยังคงเป็นปัจจัยกดดันการเติบโตของธุรกิจประกันวินาศภัยจากผลกระทบด้านกำลังซื้อของผู้บริโภค ขณะเดียวกันความเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อของสถาบันการเงินที่ส่งผลต่อเนื่องมายังยอดจำหน่ายสินทรัพย์ เช่น บ้านและรถยนต์ ยังเป็นปัจจัยที่ชะลอการเติบโตของเบี้ยประกันอัคคีภัยและประกันภัยรถยนต์อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ อีกทั้งมาตรการด้านภาษีของรัฐบาลสหรัฐฯ ที่เพิ่มแรงกดดันต่อการค้ากับประเทศจีน และส่งผลให้สินค้าจากจีนทะลักเข้าสู่ประเทศไทย โดยเฉพาะรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ที่แนวโน้มการแข่งขันด้านราคาจะรุนแรงขึ้น ซึ่งสถานการณ์ดังกล่าวอาจนำไปสู่ความผันผวนของราคาและทุนประกันภัยที่บริษัทประกันวินาศภัยต้องจับตามองอย่างใกล้ชิดต่อไป
Year of Distinguished Excellence ปีแห่งความเป็นเลิศที่โดดเด่นและแตกต่าง
หลังจากในปี 2567 เป็นปีแห่ง Regenerative ที่กรุงเทพประกันภัยมุ่งเน้นการต่อยอดและพัฒนาการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับทุกกิจกรรมในห่วงโซ่คุณค่าที่จะส่งมอบให้แก่ลูกค้า คู่ค้า และผู้มีส่วนได้เสียทุกกลุ่ม รวมถึงสังคมและสิ่งแวดล้อมให้ได้รับผลกระทบเชิงบวกจากกระบวนการพัฒนาผลิตภัณฑ์ บริการ และกิจกรรมทางธุรกิจต่างๆ โดยนอกเหนือจากการสร้างผลิตภัณฑ์ประกันภัยและการบริการที่เหนือความคาดหวัง ซึ่งส่งผลให้บริษัทฯ สามารถรักษาความเป็นผู้นำในธุรกิจประกันวินาศภัยแล้ว ยังช่วยสร้างความยั่งยืนให้แก่ผู้มีส่วนได้เสียของบริษัทฯ ตลอดจนสังคมและสิ่งแวดล้อมไปพร้อมกัน
โดยในปี 2568 นี้ จะเป็นก้าวย่างครั้งสำคัญที่จะสร้างโอกาสใหม่ในการขยายธุรกิจให้เติบโตไปข้างหน้าอย่างแข็งแกร่งและมั่นคง พร้อมยกระดับองค์กรให้ก้าวล้ำไปอีกขั้น ภายใต้แนวคิด Distinguished Excellence มุ่งสร้างความเป็นเลิศที่โดดเด่นและแตกต่าง ผ่านการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย ตอบโจทย์วิถีชีวิตของคนยุคใหม่ ควบคู่กับการสร้างสรรค์นวัตกรรมด้านการบริการที่ตรงใจ นำเทคโนโลยีและดิจิทัลโซลูชันมาเสริมประสิทธิภาพการดำเนินงาน พร้อมพัฒนาบุคลากรให้มีความรู้และความสามารถรอบด้าน
สำหรับทิศทางการดำเนินงานในปี 2568 กรุงเทพประกันภัยได้ตั้งเป้าหมายด้วยเบี้ยประกันภัยรับรวมที่ 34,200 ล้านบาท เติบโตร้อยละ 8.0 แบ่งเป็นเบี้ยประกันภัยรถยนต์ 14,700 ล้านบาท และเบี้ยประกันภัยที่ไม่ใช่ประกันภัยรถยนต์หรือ Non-Motor 19,500 ล้านบาท โดยบริษัทฯมุ่งมั่นที่จะขยายธุรกิจด้วยการพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมดิจิทัล ยกระดับผลิตภัณฑ์และบริการให้ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าอย่างแท้จริง เพื่อส่งมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุด ทั้งในด้านความสะดวก รวดเร็ว และความพึงพอใจสูงสุดในทุกการบริการ
ยกระดับเทคโนโลยี สร้างสรรค์นวัตกรรมบริการที่เป็นเลิศและเหนือความคาดหวัง
กรุงเทพประกันภัยมุ่งมั่นพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมอย่างต่อเนื่อง เพื่อยกระดับการให้บริการและเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงานให้สอดรับกับเทรนด์ผู้บริโภคในปัจจุบัน โดยให้ความสำคัญกับการนำเทคโนโลยีล้ำสมัยมาปรับใช้ภายในองค์กร หนึ่งในนั้นคือปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence: AI) ซึ่งช่วยเพิ่มความแม่นยำและความรวดเร็วในการให้บริการ พร้อมเสริมศักยภาพในการพัฒนานวัตกรรมด้านบริการเพื่อสร้างประสบการณ์ที่ดีและตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้อย่างครอบคลุม
นางสาวปวีณา จูชวน ผู้อำนวยการใหญ่ กล่าวว่า กรุงเทพประกันภัยให้ความสำคัญกับการดูแลลูกค้าในทุกมิติ เพื่อส่งมอบประสบการณ์ที่ดีและสร้างความประทับใจ โดยบริษัทฯ ได้นำเทคโนโลยี AI มาประยุกต์ใช้ในหลากหลายด้าน เพื่อยกระดับการบริการสู่การเป็น “Service Excellence” ให้ลูกค้าได้รับความพึงพอใจสูงสุด ดังต่อไปนี้
• RPA (Robot Process Automation) เทคโนโลยีที่บริษัทฯ ใช้มาตั้งแต่ปี 2562 เพื่อช่วยให้ระบบทำงานอัตโนมัติ ตลอด 24 ชั่วโมง โดยเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน ลดขั้นตอนซ้ำซ้อนและข้อผิดพลาด ส่งผลให้สามารถบริการลูกค้าได้อย่างรวดเร็วและมีคุณภาพ โดยในปี 2568 นี้ บริษัทฯ ได้นำเทคโนโลยี RPA และ AIOCR (Optical Character Recognition) เข้ามาใช้ร่วมกัน ซึ่งจะเพิ่มขีดความสามารถของระบบงานต่างๆ ภายในองค์กรได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ พร้อมทั้งเปิดโอกาสให้บุคลากรได้มีเวลาทำงานเพิ่มขึ้น และมุ่งเน้นไปยังงานที่ต้องใช้ความคิดสร้างสรรค์ การวิเคราะห์ และการติดต่อกับลูกค้า รวมถึงเป็นการส่งเสริมด้านการพัฒนาทักษะใหม่ๆ ซึ่งจะสร้างมูลค่าเพิ่มให้องค์กร โดยบริษัทฯ จะนำ RPA และ AI OCR มาใช้ในหลายส่วน อาทิ ขั้นตอนการออกกรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์ การออกใบสั่งงาน และการเปิดเคลม ซึ่งคาดว่าจะช่วยลดการทำงานได้ 450,000 Transactions ต่อปีและลดชั่วโมงการทำงานได้ถึง 35,160 ชั่วโมงต่อปี
• AIOCR (Optical Character Recognition) เทคโนโลยีที่สามารถแปลงภาพหรือแปลงเอกสารเป็นข้อความดิจิทัลแบบอัตโนมัติโดยนำระบบ AI เข้ามาช่วยทำความเข้าใจและตีความในภาษาแบบอัตโนมัติเพื่อนำข้อมูลจากภาพและเอกสารไปใช้ในกระบวนการทำงานต่อไปได้อย่างถูกต้องและรวดเร็ว  ซึ่งจะช่วยให้กระบวนการที่เคยใช้เวลาและแรงงานมาก เป็นการทำงานที่มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น โดยบริษัทฯ ได้นำ AI OCR มาใช้ในหลายด้าน เริ่มจากฝ่ายบัญชีและการเงิน เช่น ใบกำกับภาษี ใบเพิ่มหนี้ ใบลดหนี้ และเอกสารอื่นๆ ซึ่งช่วยลดเวลาการทำงาน ลดข้อผิดพลาดที่อาจเกิดขึ้นจากการป้อนข้อมูลด้วยมือพร้อมทั้งช่วยให้การจัดการข้อมูลมีความแม่นยำและรวดเร็วมากยิ่งขึ้น โดยคาดว่าภายในปี 2568 จะสามารถช่วยจัดการเอกสารต่างๆ ได้ 327,119 แผ่นต่อปี และลดชั่วโมงการทำงานได้ 16,356 ชั่วโมงต่อปี
• AI Agent รับแจ้งอุบัติเหตุที่ไม่เร่งด่วน (เคลมแห้ง) และให้บริการตอบคำถามเกี่ยวกับข้อมูลทั่วไป เช่น ขั้นตอนการเคลม การจ่ายสินไหมทดแทน โดยคาดว่าจะมีจำนวน 235,000 สายต่อปี ซึ่งจะช่วยให้ลูกค้าเข้าถึงบริการได้อย่างสะดวก รวดเร็ว ตลอด 24 ชั่วโมง โดยไม่ต้องรอสายเป็นเวลานาน นอกจากนี้ ยังช่วยลดภาระงานซ้ำซ้อนของเจ้าหน้าที่ฝ่ายบริการลูกค้า ช่วยลดอัตราสายที่พลาดการติดต่อและเพิ่มประสบการณ์การให้บริการที่ราบรื่นและพึงพอใจแก่ลูกค้าโดยเฉพาะลูกค้าที่มีความจำเป็นเร่งด่วนในการแจ้งอุบัติเหตุที่กำลังเกิดขึ้นในขณะนั้น
• AI ช่วยอนุมัติการซ่อมรถได้รวดเร็วบริษัทฯ ได้นำ AI มาใช้ในกระบวนการอนุมัติการจัดซ่อมรถยนต์ของอู่ สำหรับกรณีที่มีวงเงินไม่เกิน 10,000 บาท ได้ภายใน 1 วัน ทำให้อู่ซ่อมสามารถเริ่มงานซ่อมได้ทันที และช่วยลดระยะเวลาการรอคอยของลูกค้า
• Self-Service Analytics เป็นเครื่องมือที่ช่วยให้พนักงานสามารถเข้าถึง วิเคราะห์ และใช้ข้อมูลได้ด้วยตนเอง เนื่องจากมีการออกแบบให้ใช้งานง่าย ไม่จำเป็นต้องมีทักษะด้านเทคนิคสูง โดยจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน สนับสนุนการตัดสินใจที่แม่นยำและรวดเร็ว ลดความผิดพลาดจากการวิเคราะห์ข้อมูลที่ล่าช้าหรือไม่ครบถ้วน นอกจากนี้ ยังช่วยเพิ่มความคล่องตัวและส่งเสริมวัฒนธรรมการใช้ข้อมูลภายในองค์กร เพิ่มความโปร่งใสในการบริหารจัดการข้อมูล และทำให้เข้าใจพฤติกรรมลูกค้าได้ดียิ่งขึ้น เพื่อนำไปพัฒนาแนวทางการให้บริการเฉพาะบุคคล รวมถึงกำหนดกลยุทธ์ทางการตลาดที่เหมาะสมต่อไป
• AI เสริมความแข็งแกร่งให้ระบบ Cyber Securityบริษัทฯ ได้นำ AI มาช่วยตรวจจับและป้องกันภัยคุกคามทางไซเบอร์แบบเรียลไทม์ โดยเรียนรู้จากข้อมูลจำนวนมากเกี่ยวกับพฤติกรรมที่เป็นสัญญาณอันตราย ทำให้สามารถระบุภัยคุกคามได้ตั้งแต่ช่วงเริ่มต้นของการโจมตี ลดความเสี่ยงและป้องกันการละเมิดความปลอดภัยอย่างมีประสิทธิภาพ โดยถือเป็นหนึ่งในเครื่องมือสำคัญที่ช่วยให้การตรวจจับ วิเคราะห์ และป้องกันภัยไซเบอร์เป็นไปอย่างรวดเร็วและแม่นยำยิ่งขึ้น
นอกจากนี้ เพื่ออำนวยความสะดวกสูงสุดให้แก่ลูกค้า บริษัทฯ ได้พัฒนากระบวนการจ่ายสินไหมทดแทนให้รวดเร็วยิ่งขึ้นในกรณียื่นคำร้องการเคลมสินไหมทดแทนรถยนต์ที่บริษัทฯวงเงินไม่เกิน 10,000บาท และมีเอกสารครบถ้วน จะได้รับเงินสินไหมทดแทนเป็นเงินสดภายใน 20 นาทีสำหรับค่าสินไหมทดแทนที่ลูกค้าต้องการให้โอนเงินเข้าบัญชีจะได้รับภายใน 3 วันทำการและในอนาคตยังมีแผนขยายช่องทางการจ่ายผ่าน e-Wallet เพื่อรองรับไลฟ์สไตล์ดิจิทัลของคนยุคใหม่อีกด้วย
แอปพลิเคชัน Bangkok Insurance สะดวก รวดเร็วใช้งานง่าย
ต่อยอดการพัฒนาอย่างไม่หยุดนิ่ง เพื่อส่งมอบบริการที่มีคุณภาพและเข้าถึงง่าย กรุงเทพประกันภัยเตรียมเปิดตัวแอปพลิเคชัน Bangkok Insurance โฉมใหม่ ที่ออกแบบมาให้ใช้งานง่าย ทันสมัย เป็นมิตรและตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ดิจิทัล พร้อมทำหน้าที่เป็น One-Stop Pocket Service ดูแลลูกค้าให้เข้าถึงบริการประกันภัยได้ทุกที่ ทุกเวลา ซึ่งมีการพัฒนาฟีเจอร์มาเพื่อรองรับพฤติกรรมของผู้บริโภคยุคใหม่โดยเฉพาะ เช่น
• Video Claim แจ้งเคลมรถยนต์ผ่านวิดีโอคอลกับเจ้าหน้าที่
• ส่งพิกัดแจ้งสถานที่รถเกิดอุบัติเหตุ เพื่อให้เจ้าหน้าที่ช่วยเหลือได้รวดเร็ว
• Tracking ติดตามสถานะเคลมสินไหมทดแทน
• ต่ออายุกรมธรรม์และชำระเบี้ยประกันภัยได้ทันที
• แจ้งเตือนเฉพาะบุคคล เช่น ต่ออายุกรมธรรม์เมื่อใกล้ครบกำหนด แจ้งเตือนการใช้สิทธิลดหย่อน ภาษีประจำปี
• ค้นหาอู่ซ่อมรถ/โรงพยาบาล ที่อยู่ในเครือข่ายได้ง่ายๆ
• เพิ่มช่องทางการชำระเงินให้ลูกค้าสะดวกยิ่งขึ้น
เสริมศักยภาพพนักงาน พัฒนาทักษะด้วย AI
กรุงเทพประกันภัยมุ่งมั่นยกระดับศักยภาพของพนักงานให้ก้าวทันโลกยุคดิจิทัล ผ่านการสร้างการรับรู้และพัฒนาทักษะด้าน AI เพื่อให้พนักงานสามารถนำเทคโนโลยีมาปรับใช้ในกระบวนการทำงาน พร้อมสร้างโอกาสในการเรียนรู้ และต่อยอดสู่การพัฒนานวัตกรรมใหม่ๆ ไปพร้อมกับการพัฒนาบุคลากรให้มีความรู้และความสามารถรอบด้าน เพื่อก้าวสู่การเป็น “People Excellence”โดยในปี 2568 บริษัทฯ มีแผนจะจัดกิจกรรมและโครงการด้าน AI ตลอดทั้งปี เริ่มต้นด้วย AI Talkซึ่งเป็นเวทีสัมมนาที่เชิญผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีชื่อดังมาร่วมถ่ายทอดความรู้และประสบการณ์ พร้อมเผยแนวโน้มของเทรนด์ AI ในโลกธุรกิจ ซึ่งกิจกรรมนี้จัดขึ้นครั้งแรกเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา และได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากพนักงานจึงได้ขยายการเรียนรู้ด้วยการจัดอบรม AI Trainingให้พนักงานตามทักษะและหน้าที่ความรับผิดชอบของแต่ละบุคคลและหน่วยงาน
จากนั้นบริษัทฯ เตรียมจัดกิจกรรม AI Day ซึ่งเป็นงานแสดงนวัตกรรมด้าน AI โดยมีบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำมาร่วมนำเสนอเทคโนโลยีล้ำสมัย เพื่อให้พนักงานได้เรียนรู้และสัมผัสเทคโนโลยีอย่างใกล้ชิด ต่อยอดแนวคิดในการนำ AI มาประยุกต์ใช้กับการทำงานจริง พร้อมส่งท้ายปีด้วยโครงการประชันไอเดียที่เปิดโอกาสให้แต่ละหน่วยงานนำเสนอโปรเจกต์เกี่ยวกับการประยุกต์ใช้ AI ในการทำงาน ซึ่งไม่เพียงแต่จะช่วยกระตุ้นให้เกิดนวัตกรรมใหม่ๆ ภายในองค์กรแล้ว ยังเป็นเวทีที่ส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์และการทำงานเป็นทีม ซึ่งจะนำไปสู่การพัฒนาการทำงานและเกิดผลลัพธ์ที่ดีไปสู่ลูกค้าและคู่ค้าของบริษัทฯ
พัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ตรงใจรองรับไลฟ์สไตล์ยุคใหม่
นางสาวลสา โสภณพนิช ผู้อำนวยการใหญ่กล่าวถึงการพัฒนาผลิตภัณฑ์ว่าบริษัทฯได้สร้างสรรค์ประกันภัยใหม่อย่างต่อเนื่อง พร้อมนำเสนอความคุ้มครองที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าและวิถีชีวิตที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ผ่านกลยุทธ์ Lifestyle Insurance ที่สามารถตอบโจทย์ทุก Pain Point ของลูกค้า เพื่อนำไปสู่การเป็น “Product Excellence” พร้อมกับการเพิ่มทางเลือกด้านความคุ้มครอง เพื่อให้ลูกค้ารับมือกับสภาวะเศรษฐกิจได้อย่างมั่นใจ
• ประกันภัยโรคร้ายแรง
สภาพแวดล้อมและพฤติกรรมการใช้ชีวิตที่เปลี่ยนแปลงไป ส่งผลให้ผู้คนมีความเสี่ยงต่อโรคร้ายแรงมากขึ้น ซึ่งโรคเหล่านี้มักมาพร้อมกับค่ารักษาพยาบาลที่สูงและระยะเวลาการรักษาที่ยาวนาน ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อรายได้และภาระค่าใช้จ่ายของครอบครัว กรุงเทพประกันภัยจึงพัฒนาแผนประกันภัยโรคร้ายแรง ที่ให้ความคุ้มครองครอบคลุมโรคสำคัญ อาทิ โรคอัลไซเมอร์ โรคพาร์กินสัน โรคหลอดเลือดสมองแตกหรืออุดตัน โรคไตวายเรื้อรัง โรคสมองอักเสบจากเชื้อไวรัส และโรคเบาหวาน ด้วยความคุ้มครองตั้งแต่ 100,000 – 1,000,000 บาท เมื่อตรวจพบโรคร้ายแรงดังกล่าวเป็นครั้งแรก พร้อมเงินชดเชยรายวันเพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายในช่วงที่ต้องหยุดพักรักษาตัว ซึ่งแผนประกันภัยนี้ออกแบบมาเพื่อช่วยเพิ่มความอุ่นใจแม้ต้องเผชิญกับสถานการณ์ที่ไม่คาดคิด ด้วยเบี้ยประกันภัยเริ่มต้นเพียง 1,600 บาทต่อปี
•ประกันภัยการเดินทางต่างประเทศ เพิ่มความคุ้มครองสัตว์เลี้ยง (สุนัขและแมว)
จากการเติบโตอย่างต่อเนื่องของประกันภัยการเดินทางต่างประเทศ โดยเฉพาะช่วงหลังวิกฤติโควิด-19 ที่คนไทยมีการเดินทางไปยังต่างประเทศเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด กรุงเทพประกันภัยได้พัฒนาแผนประกันภัยการเดินทาง Travel Delight Plus โดยเพิ่มความพิเศษยิ่งขึ้น ด้วยความคุ้มครองสำหรับผู้เดินทางที่มีสัตว์เลี้ยง (สุนัขและแมว) เพื่อรองรับเทรนด์ Pet Humanization ที่ผู้คนให้ความสำคัญกับสัตว์เลี้ยงและร่วมเดินทางด้วยกันมากขึ้น ซึ่งจะครอบคลุมกรณีการได้รับบาดเจ็บของสัตว์เลี้ยง ขณะร่วมเดินทางในต่างประเทศไปกับผู้เอาประกันภัย โดยมีวงเงินคุ้มครอง 10,000 บาท/ตัว/ครั้ง เเละในกรณีเสียชีวิตจะได้รับความคุ้มครอง 10,000 บาท/ตัว/ครั้ง นอกจากนี้ ยังให้ความคุ้มครองกรณีฝากสัตว์เลี้ยงไว้ที่โรงแรมสัตว์เลี้ยงหรือศูนย์รับฝากเลี้ยง หากเกิดเหตุเที่ยวบินล่าช้าจนทำให้ต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมในการฝากเลี้ยงที่ไทย
• ประกันภัยสำหรับบ้านหรู 20-50 ล้านบาท
ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ระดับพรีเมียมพร้อมเจาะกลุ่มลูกค้ากำลังซื้อสูง บริษัทฯ เตรียมพัฒนากรมธรรม์ประกันภัยสำหรับบ้านอยู่อาศัยที่มีมูลค่า 20-50 ล้านบาท สำหรับเจ้าของบ้านที่ต้องการความคุ้มครองแบบครบครัน โดยจะเพิ่มความคุ้มครองทรัพย์สินมีค่า ความสูญเสียหรือเสียหายของ Solar Rooftop และอุปกรณ์บ้านอัจฉริยะซึ่งให้ความคุ้มครองการกู้ข้อมูลที่เชื่อมต่อกับอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์นอกจากนี้ ยังครอบคลุมประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคล พร้อมบริการเสริม Nursing at Home ดูแลช่วงพักฟื้นโดยบุคลากรทางการแพทย์ซี่งจะมาดูแลลูกค้าถึงบ้าน
• ต่อยอดความนิยม ประกันภัยรถยนต์ประเภท 2+ ขยายอายุรถถึง 25 ปี
ปัจจุบันประกันภัยรถยนต์ 2+ ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ด้วยความคุ้มครองที่ตรงใจในราคาที่คุ้มค่า โดยหลังจากแผนประกันภัยรถยนต์ 2+Super Special ของกรุงเทพประกันภัยเปิดตัวในปี 2566 ล่าสุดมียอดขายเติบโตขึ้นถึง 3 เท่า และเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค ในปี 2568 บริษัทฯ จะขยายเงื่อนไขการรับประกันภัยให้ครอบคลุมรถยนต์ที่มีอายุรถสูงสุด 25 ปีนอกจากนี้ ยังเตรียมปรับปรุงแผนประกันภัยรถยนต์ประเภท 3+ ให้สอดรับกับสภาวะเศรษฐกิจ ตอบโจทย์ลูกค้าที่กำลังมองหาทางเลือกอื่นๆนอกเหนือจากประกันภัยรถยนต์ประเภท 1
มุ่งสู่ความเป็นผู้นำในธุรกิจประกันวินาศภัยด้านการดำเนินธุรกิจเพื่อความยั่งยืน
กรุงเทพประกันภัยยังคงมุ่งมั่นในการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับทุกกิจกรรมในห่วงโซ่คุณค่าที่บริษัทฯ จะส่งมอบให้แก่ลูกค้า คู่ค้า และผู้มีส่วนได้เสียทุกกลุ่มรวมถึงสังคมและสิ่งแวดล้อมให้ได้รับผลกระทบเชิงบวกจากกระบวนการพัฒนาผลิตภัณฑ์ บริการ และกิจกรรมทางธุรกิจต่างๆ พร้อมกับการใช้ศักยภาพความรู้และความเชี่ยวชาญของบริษัทฯ เพื่อส่งเสริมสังคมและสิ่งแวดล้อม ซึ่งมีแผนจะดำเนินการโครงการใหม่ๆ ในปี 2568 ดังนี้
• กรมธรรม์ประกันภัยบ้านอยู่อาศัยที่ให้ความคุ้มครองค่าใช้จ่ายวัสดุก่อสร้างที่เป็นวัสดุ Green บริษัทฯ กำลังพัฒนากรมธรรม์ประกันภัยบ้านอยู่อาศัยแบบพิเศษที่ครอบคลุมค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมสำหรับวัสดุก่อสร้างแบบ Green ซึ่งมีราคาสูงกว่าวัสดุปกติราว 30-40% รวมถึงค่าติดตั้งที่แพงกว่า เพื่อตอบโจทย์ลูกค้าที่ต้องการซ่อมแซมบ้านด้วยวัสดุรักษ์โลก ซึ่งเบี้ยประกันภัยจะเพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อยจากกรมธรรม์ประกันภัยบ้านอยู่อาศัยแบบปกติ
• กรมธรรม์ประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคล ราคาประหยัด สำหรับผู้มีรายได้น้อย ซึ่งเข้าถึงประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคลแบบปกติได้อย่างจำกัด พร้อมเพิ่มความคุ้มครองค่าปลงศพ เพื่อช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายของครอบครัว
• การเข้าสำรวจภัยและปรับปรุงความเสี่ยงภัยแก่โรงเรียนบริษัทฯ ได้นำความเชี่ยวชาญด้านการสำรวจและให้คำปรึกษาด้านความเสี่ยงภัย โดยทีมวิศวกรผู้เชี่ยวชาญและเทคโนโลยีที่ทันสมัย เข้าไปประเมินความเสี่ยงภัยและดำเนินการปรับปรุงด้านความปลอดภัยให้แก่โรงเรียน พร้อมจัดอบรมให้ความรู้แก่ครูและนักเรียนเกี่ยวกับการลดและป้องกันความเสี่ยงภัย เพื่อเสริมสร้างสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยยิ่งขึ้น นอกเหนือจากการปรับภูมิทัศน์ภายในโรงเรียนให้มีสุขอนามัยที่ดี
• การสำรวจภัยอู่ซ่อมในสัญญาของบริษัทฯ ในต่างจังหวัด หลังจากดำเนินการสำรวจและปรับปรุงความเสี่ยงภัยให้แก่อู่ซ่อมรถยนต์ในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑลแล้ว บริษัทฯ มีแผนขยายการสำรวจไปยังอู่ซ่อมในต่างจังหวัด โดยทีมวิศวกรผู้เชี่ยวชาญ ซึ่งได้มีการจัดอบรมให้ความรู้แก่อู่ซ่อมเกี่ยวกับแนวทางการซ่อมรถที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและการป้องกันการเกิดอัคคีภัย เพื่อเป็นหลักประกันความต่อเนื่องในการดำเนินธุรกิจของอู่ซ่อมในสัญญา ลดความเสี่ยงความเสียหายต่อรถยนต์ของลูกค้าขณะรอซ่อมตลอดจนสร้างความเชื่อมั่นว่าการซ่อมรถยนต์ของลูกค้าจะไม่ก่อให้เกิดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและชุมชน
• การจูงใจให้ลูกค้าของบริษัทฯ มีพฤติกรรมการดูแลสุขภาพที่ดี ด้วยการมอบส่วนลดเบี้ยประกันภัยหรือ Gift Voucher แก่ลูกค้าที่ซื้อประกันภัยสุขภาพ ทั้งลูกค้าใหม่และลูกค้าต่ออายุ เมื่อแสดงหลักฐานการฉีดวัคซีนต่างๆ เช่น ไข้หวัดใหญ่ มะเร็งปากมดลูก บาดทะยัก ไข้เลือดออก หรือแสดงผลตรวจสุขภาพประจำปีที่มีค่าสุขภาพต่างๆ อยู่ในเกณฑ์ปกติ
• การให้ลูกค้าของบริษัทฯ มีส่วนร่วมในการบริจาคเงินแก่องค์กรการกุศล โดยลูกค้าที่ซื้อกรมธรรม์ประกันภัยโรคมะเร็งกับบริษัทฯ โดยตรง หรือผ่านเคาน์เตอร์ธนาคารกรุงเทพ จะมีส่วนร่วมในการบริจาคเงิน 50 บาทต่อกรมธรรม์ให้แก่องค์กรการกุศล โดยไม่มีการปรับเพิ่มเบี้ยประกันภัยแต่อย่างใดซึ่งได้เริ่มดำเนินการแล้วตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2568 ที่ผ่านมา
ในปี 2568 นี้นับเป็นอีกปีแห่งโอกาสครั้งสำคัญของกรุงเทพประกันภัยในการต่อยอดความสำเร็จสู่การสร้างความเป็นเลิศที่โดดเด่นและแตกต่าง ด้วยการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์วิถีชีวิตคนยุคใหม่ สร้างสรรค์นวัตกรรมบริการที่ตรงใจ ผ่านการนำเทคโนโลยีและดิจิทัลโซลูชันมาช่วยเสริมประสิทธิภาพการดำเนินงาน รวมถึงพัฒนาบุคลากรให้มีความรู้ก้าวทันโลกดิจิทัล มุ่งพัฒนากระบวนการทำงานให้สอดคล้องกับแนวทางความยั่งยืน โดยให้ความสำคัญในการปกป้อง รักษา และฟื้นฟู เพื่อส่งมอบสังคมและสิ่งแวดล้อมที่ดีแก่คนรุ่นหลังไปพร้อมกับการยกระดับองค์กรให้เติบโตอย่างมั่นคงและแข็งแกร่งยิ่งขึ้นกว่าเดิมในทุกมิติ
]]>
1516542
Pet Economy บูม ธุรกิจสัตว์เลี้ยงโตต่อเนื่อง แมวเก็ตติ้งสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจอันดับหนึ่ง https://positioningmag.com/1516519 Fri, 28 Mar 2025 08:35:45 +0000 https://positioningmag.com/?p=1516519 กระแสคนรักแมวพุ่งแรง! ตลาดแมวเติบโตแซงหน้าสุนัขเป็นครั้งแรกที่ 32.1% สะท้อนพฤติกรรมเจ้าของสัตว์เลี้ยงยุคใหม่ โดยเฉพาะกลุ่ม Gen Z ที่ทุ่มเทให้สัตว์เลี้ยงไม่ต่างจากคนในครอบครัว ทั้งการดูแลสุขภาพ อาหารเสริม และไลฟ์สไตล์ครบวงจร อิมแพ็คฯ เพิ่มพอร์ตงานสัตว์เลี้ยง ปั้นแบรนด์ “Thailand Cat Lovers Fair 2025” งานรวมพลคนรักแมวที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ คาดดึงดูดผู้เข้าร่วมงานกว่า 15,000 คน และสร้างเม็ดเงินหมุนเวียนตลอด 3 วัน กว่า 10 ล้านบาท

แมวเก็ตติ้งเติบโตสูงสุดในกลุ่มสัตว์เลี้ยง

นางสาวกุลวดี จินตวร ผู้อำนวยการบริหาร บริษัท อิมแพ็ค เอ็กซิบิชั่น แมเนจเม้นท์ จำกัด เปิดเผยว่า “ตลาดสัตว์เลี้ยงในประเทศไทยและทั่วโลกยังมีแนวโน้มที่จะเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยจากข้อมูลของธนาคารทหารไทยธนชาต (TTB) พบว่า ตลาดสัตว์เลี้ยงในไทยปี 2567 ที่ผ่านมามีมูลค่าประเมินอยู่ที่ 75,000 ล้านบาท หรือเติบโตขึ้น 12.4% จากปีก่อนหน้า สะท้อนถึงความแข็งแกร่งของอุตสาหกรรมสัตว์เลี้ยง โดยเฉพาะกลุ่มผู้เลี้ยงแมวที่มีบทบาทเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน สำหรับแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงของตลาดเริ่มเห็นได้ตั้งแต่ต้นปี 2567 โดยกลุ่มคนเลี้ยงสุนัขมีอัตราการเติบโตที่ 40.4% ขณะที่ตลาดแมวเติบโต 37.1% ซึ่งถือว่าใกล้เคียงกัน อย่างไรก็ตามในปี 2568 จากสถิติที่รวบรวมโดยอิมแพ็คฯ จากการจัดงาน Thailand International Pet Variety Exhibition พบว่าตัวเลขมีการเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญ โดยตลาดคนเลี้ยงสุนัขเติบโตที่ 31.6% ขณะที่ตลาดแมวเติบโตถึง 32.1% แซงหน้าตลาดสุนัขเป็นครั้งแรกซึ่งแสดงให้เห็นถึงความนิยมในการเลี้ยงแมวที่เพิ่มสูงขึ้น และอาจกลายเป็นกลุ่มตลาดหลักของอุตสาหกรรมสัตว์เลี้ยงไทยในอนาคต

งานวิจัยชี้ Gen Z หนุนตลาดเลี้ยงแมวทั่วโลกโตต่อเนื่อง พร้อมทุ่มงบดูแลสัตว์เลี้ยงระดับพรีเมียม

อิมแพ็คฯ เปิดเผยข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับตลาดแมวในประเทศไทย พบว่า ประเทศไทยมีประชากรผู้เลี้ยงแมวมากเป็นอันดับ 8 ของโลก โดยจังหวัดที่มีการเลี้ยงแมวสูงสุด ได้แก่ นนทบุรี กรุงเทพมหานคร และสมุทรสงคราม ข้อมูลระบุว่า จำนวนประชากรแมวในประเทศไทยอยู่ที่ 3,337,458 ตัว สูงเป็นอันดับที่ 14 ของโลก ขณะที่ค่าใช้จ่ายเฉลี่ยในการเลี้ยงแมวอยู่ที่ 14,200 บาทต่อปี หรือประมาณ 1,183 บาทต่อเดือน และมีแนวโน้มการรับเลี้ยงแมวจรเพิ่มขึ้นกว่า 14% นับตั้งแต่ปี 2562 และคาดว่าจะขยายตัวต่อเนื่อง

ส่วนตลาดแมวทั่วโลก Fortune เว็บไซต์วิเคราะห์ข่าวธุรกิจ เศรษฐกิจ และการเงิน ได้เปิดเผยงานวิจัยเมื่อเดือนธันวาคม 2567 ระบุว่า ตลาดแมวทั่วโลกมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง โดยเฉพาะกลุ่ม Gen Z ที่มีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมสัตว์เลี้ยง แม้ว่าหลายคนในกลุ่มนี้จะยังไม่มีบ้านหรือครอบครัว แต่กลับให้ความสำคัญกับสัตว์เลี้ยงเป็นอย่างมาก โดยพบว่า 74% ของเจ้าของสัตว์เลี้ยงในกลุ่มนี้เลือกทำประกันสัตว์เลี้ยงเพื่อรองรับค่าใช้จ่ายที่ไม่คาดคิด

สำหรับค่าใช้จ่ายในการเลี้ยงแมว กลุ่ม Gen Z ในตลาดโลกใช้จ่ายเฉลี่ยสูงถึง 72,624 บาทต่อปี หรือประมาณ 6,052 บาทต่อเดือน โดยแบ่งเป็น ค่าอาหารสัตว์เลี้ยง ค่าของเล่น ค่ากรูมมิ่ง และ ค่ารักษาพยาบาล เช่น พาสัตว์เลี้ยงไปพบสัตวแพทย์เพื่อตรวจสุขภาพ, ค่าฉีดวัคซีนประจำปี, ค่าวิตามิน อาหารเสริมบำรุงสุขภาพ นอกจากนี้ยังพบว่า เจ้าของแมวจำนวนมากยินดีจ่ายเงินสูงถึง 10,200 บาทในกรณีฉุกเฉิน เช่น ค่าผ่าตัด ค่ารักษาอาการบาดเจ็บกรณีเกิดอุบัติเหตุ ตลอดจนค่าเอกซเรย์ อัลตราซาวด์ และการตรวจเลือดเพื่อวินิจฉัยปัญหาสุขภาพ

ปั้น “Thailand Cat Lovers Fair 2025” หรือ “งานแมวอิมแพ็ค”

หนุนเศรษฐกิจสัตว์เลี้ยง สร้างเม็ดเงินหมุนเวียนกว่า 10 ล้านบาท

นางสาวกุลวดี กล่าวต่อว่า “ด้วยการเติบโตอย่างต่อเนื่องของตลาดสัตว์เลี้ยงและความต้องการที่เพิ่มขึ้นในกลุ่มผู้บริโภค อิมแพคฯ จึงเตรียมจัดงาน “Thailand Cat Lovers Fair 2025” งานรวมพลคนรักแมวที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ บนพื้นที่กว่า 5,000 ตารางเมตร ณ ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุมอิมแพ็ค เมืองทองธานี ภายในงานรวบรวมสินค้าและบริการกว่า 300 รายการ จากกว่า 150 บูธ โดยตั้งเป้าสร้างแบรนด์ “งานแมวอิมแพ็ค” ให้เป็นที่จดจำของกลุ่มผู้รักแมว นำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการที่ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ของคนรักแมว ตั้งแต่อาหาร ขนมเพื่อสุขภาพ อุปกรณ์ดูแลสัตว์เลี้ยง ของเล่น นวัตกรรมเทคโนโลยีสำหรับแมว ไปจนถึงบริการพิเศษ อาทิ อาบน้ำตัดขน ประกันสุขภาพแมว โรงแรมและที่อยู่อาศัยแบบ Pet-friendly ศูนย์สุขภาพ โรงพยาบาลสัตว์ รวมถึงบริการดูแลสุขภาพจิตและจิตแพทย์สำหรับแมว เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของเจ้าของสัตว์เลี้ยงในยุคปัจจุบัน และยังมีกิจกรรมเพื่อเหล่าทาสแมวอีกมากมาย

คาดจะมีผู้เข้าชมงานกว่า 15,000 คน พร้อมกระตุ้นเม็ดเงินหมุนเวียนภายในงานตลอด 3 วัน มากกว่า 10 ล้านบาท โดยอ้างอิงจากสถิติของงาน Thailand International Pet Variety Exhibition ที่ผ่านมา ทั้งยังเป็นเวทีสำคัญในการกระตุ้นเศรษฐกิจอุตสาหกรรมสัตว์เลี้ยง เปิดโอกาสทางธุรกิจให้ผู้ประกอบการทั้งรายใหญ่และรายย่อย (SME) ตลอดจนช่วยเพิ่มยอดขายให้กับร้านค้าและผู้ให้บริการที่เกี่ยวข้อง

กิจกรรมสุดพิเศษเพื่อคนรักแมว

งาน “Thailand Cat Lovers Fair 2025” ได้รับการสนับสนุนจาก การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (Amazing Thailand) และความร่วมมือจากสมาคมผู้ชื่นชอบแมวแห่งประเทศไทย (CFA) และสมาคมแมวไทยโบราณนานาชาติ (TIMBA) จึงทำให้มีกิจกรรมที่น่าสนใจมากมายเกิดขึ้นภายในงาน อาทิ โชว์แมวแปลก หายาก และราคาแพงที่สุด ที่จะเปิดโอกาสให้ได้สัมผัสความน่าทึ่งของสายพันธุ์หายากจากทั่วโลก ละคร(แมว)คุณธรรม การแสดงสุดพิเศษที่ถ่ายทอดเรื่องราวแสนอบอุ่นโดยนักแสดงสี่ขา การประกวดแมวไทย 5 สายพันธุ์ เฟ้นหาสุดยอดแมวไทยที่งดงามตามลักษณะดั้งเดิม การประกวดแมวไทยสีแปลก โอกาสพิเศษในการชมแมวไทยสีหายากที่ไม่ค่อยได้พบเห็น การประกวดแมวสายพันธุ์ระดับนานาชาติ ที่ได้รับความสนใจจากทั้งผู้เข้าประกวดและคณะกรรมการ โซนจำหน่ายสินค้าและบริการสำหรับแมว ที่รวบรวมผลิตภัณฑ์และนวัตกรรมใหม่ ๆ มาให้เลือกสรรมากมาย

“Thailand Cat Lovers Fair 2025” จะจัดขึ้นระหว่างวันศุกร์ที่ 28 มีนาคม – วันอาทิตย์ที่ 30 มีนาคม 2568 ณ อิมแพ็ค เมืองทองธานี ฮอลล์ 8

 

]]>
1516519
โรบินสันไลฟ์สไตล์ ชวนสนุกบูสเอนเนอร์จี้รับซัมเมอร์ ตะลุยแดนซาฟารีชมขบวนสัตว์ยักษ์ในงาน “Giant Jungle Summer Camp” https://positioningmag.com/1516514 Fri, 28 Mar 2025 08:25:57 +0000 https://positioningmag.com/?p=1516514 ศูนย์การค้าโรบินสันไลฟ์สไตล์ ในเครือเซ็นทรัล รีเทล ชวนครอบครัวและสายรักสัตว์มาร่วมผจญภัยในดินแดนแห่งความสนุกฤดูร้อน ในงาน “Giant Jungle Summer Camp” เนรมิตลานกิจกรรมของโรบินสันไลฟ์สไตล์ให้กลายเป็นซัมเมอร์แคมป์ในป่าซาฟารีสุดตื่นตาตื่นใจ พร้อมยกขบวนสัตว์ไซส์ใหญ่และสัตว์หายากนานาชนิดกว่า 30 สายพันธุ์ มาให้ชมกันแบบใกล้ชิดระหว่างวันที่ 24 มี.ค. 68 – 7 พ.ค. 68 ที่โรบินสันไลฟ์สไตล์ 9 สาขาทั่วประเทศ  ชมฟรีตลอดงาน!

พบกับสัตว์ไซส์ยักษ์จากสายพันธุ์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก อาทิ แมวเซอร์วัล, เต่าซูคาต้า, คาปิบาร่า, นกอินทรียักษ์และสัตว์เอ็กโซติกสุดน่ารักอีกมากมาย พร้อมเพลิดเพลินกับทุกไฮไลต์ความสนุกภายในงาน ไม่ว่าจะเป็น

• ถ่ายรูปสุดคิวต์กับเหล่าสัตว์สายพันธุ์หายากอย่างนกมาคอร์แสนรู้, นกเค้าอินทรี, คาปิบาร่า, และกิ้งก่าเตกูได้ทุกวันตั้งแต่เวลา 12.00 – 18.00 น.

• ครั้งแรก! กับโซนคาเฟ่กระต่ายสุดน่ารักรับสิทธิ์เข้าโซนเพียงแสดงใบเสร็จช้อปภายในศูนย์ฯ ครบ 300 บาท (จำกัด 1 สิทธิ์/ใบเสร็จ และเข้าโซนได้ 15 นาที/สิทธิ์)

งาน “Giant Jungle Summer Camp” พร้อมเดินสายสร้างความตื่นเต้นทั่วประเทศที่โรบินสันไลฟ์สไตล์ 9 สาขา ได้แก่ ลาดกระบัง (24 – 30 มี.ค. 68), กำแพงเพชร (9-15 เม.ย. 68), สุพรรณบุรี (10-16 เม.ย. 68), ฉลอง (10-16 เม.ย. 68), ถลาง (17 – 23 เม.ย. 68), บุรีรัมย์ (24 – 30 เม.ย. 68), ปราจีนบุรี (24 – 30 เม.ย. 68), สกลนคร (29 เม.ย. – 5 พ.ค. 68) และเพชรบุรี (1 – 7 พ.ค. 68)

ร่วมสัมผัสประสบการณ์ซัมเมอร์แคมป์สุดมันส์ต้อนรับปิดเทอม ให้น้องๆ หนูๆได้ใกล้ชิดกับสัตว์หายากนานาชนิด เสริมสร้างประสบการณ์ใหม่ และสนุกสนานกันทั้งครอบครัว พร้อมปลูกฝังความรักธรรมชาติให้กับเด็กๆ ได้ในงาน “Giant Jungle Summer Camp” ที่โรบินสันไลฟ์สไตล์ใกล้บ้านคุณ(เงื่อนไขเป็นไปตามที่กำหนด ตรวจสอบเพิ่มเติมได้ที่จุดกิจกรรมภายในงาน)

ติดตามข้อมูลข่าวสารโปรโมชัน และกิจกรรมใหม่ ของศูนย์การค้าโรบินสันไลฟ์สไตล์ ผ่านทาง Facebook Page: Robinson Lifestyle (https://www.facebook.com/RobinsonLifestyleMall)

#โรบินสันไลฟ์สไตล์ #RobinsonLifestyle #SummerEnergy

 

]]>
1516514
เนสกาแฟ ดอลเช่ กุสโต้ ตอกย้ำผู้นำตลาดเครื่องชงกาแฟแคปซูล เปิดตัว “สตาร์บัคส์ บลอนด์ เอสเปรสโซ โรสต์” พร้อมแคมเปญใหม่ปลุกแรงบันดาลใจให้คอกาแฟ “แค่คลิกก็ยกคาเฟ่มาไว้ที่บ้าน” https://positioningmag.com/1516505 Fri, 28 Mar 2025 06:36:40 +0000 https://positioningmag.com/?p=1516505 เนสกาแฟ ดอลเช่ กุสโต้ เดินหน้าตอกย้ำความเป็นผู้นำตลาดเครื่องชงกาแฟแคปซูลในไทยต่อเนื่องในปีนี้ เปิดตัว    “สตาร์บัคส์ บลอนด์ เอสเปรสโซ โรสต์” กาแฟสูตรพิเศษผสานเมล็ดกาแฟจากลาตินอเมริกา ให้รสชาติที่เข้มข้นแต่กลมกล่อม พร้อมกลิ่นหอมหวานสดชื่น ควบคู่กับการเปิดตัวแคมเปญ “แค่คลิกก็ยกคาเฟ่มาไว้ที่บ้าน” สร้างแรงบันดาลใจให้คอกาแฟชาวไทยได้สร้างสรรค์ประสบการณ์คาเฟ่ที่บ้านได้ง่าย ๆ

ภายในงานนี้ยังได้เปิดตัว อาโป – ณัฐวิญญ์ วัฒนกิติพัฒน์ ในฐานะแบรนด์แอมบาสเดอร์ของเนสกาแฟ ดอลเช่ กุสโต้เป็นครั้งแรก เพื่อสร้างการมีส่วนร่วมของผู้บริโภค ด้วยการสร้างแรงบันดาลใจให้คนรักกาแฟสร้างสรรค์เครื่องดื่มสไตล์คาเฟ่ที่บ้านด้วยตัวเอง กับเนสกาแฟ ดอลเช่ กุสโต้ ที่มีเครื่องดื่มคุณภาพสูงหลากหลายชนิด และเครื่องชงกาแฟที่ใช้เทคโนโลยีล้ำสมัย มอบเครื่องดื่มที่ลงตัวได้ง่ายๆ ด้วยปลายนิ้วของคุณ

เนสกาแฟ ดอลเช่ กุสโต้ เดินหน้าตอกย้ำความเป็นผู้นำตลาดเครื่องชงกาแฟแคปซูล

ตลาดเครื่องชงกาแฟแคปซูลทั่วโลกมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยปัจจัยสำคัญที่ทำให้กาแฟแคปซูลได้รับความนิยมจากคอกาแฟอย่างมาก ได้แก่ ความสะดวกในการชงดื่มแก้วต่อแก้ว การใช้งานเครื่องชงกาแฟที่สะดวกง่ายดาย และทางเลือกของกาแฟที่หลากหลายและสามารถปรุงเองได้ และวัฒนธรรมการดื่มกาแฟที่ขยายตัวมากขึ้นของกลุ่มคนในเมืองที่นิยมชงกาแฟที่บ้าน รวมถึงพฤติกรรมที่เปลี่ยนแปลงไปของผู้บริโภคหลังสถานการณ์โควิด-19 ส่งผลให้เกิดความต้องการสัมผัสประสบการณ์การดื่มกาแฟที่ดีเยี่ยมจากคาเฟ่ที่บ้านเพิ่มมากขึ้น

อนาคตของตลาดกาแฟไทยจึงขึ้นอยู่กับกลุ่มเครื่องชงกาแฟแคปซูล โดยปัจจุบัน ตลาดเครื่องชงกาแฟแคปซูลในประเทศไทยมีมูลค่ากว่า 1,800 ล้านบาท และมีการเติบโตอย่างรวดเร็ว ด้วยอัตราการเติบโตเฉลี่ยสะสมต่อปี (Compound Annual Growth Rate – CAGR) อยู่ที่ 8.5% (ที่มา: ยูโรมอนิเตอร์)

เนสกาแฟ ดอลเช่ กุสโต้ เป็นผู้นำในตลาดเครื่องชงกาแฟแคปซูลในประเทศไทย โดยมีการเติบโตเป็นตัวเลขสองหลักทุกปีตลอดระยะเวลา 7 ปีที่ผ่านมา ซึ่งเกิดจากเทรนด์ของคอกาแฟที่มีไลฟ์สไตล์นิยมการดื่มด่ำประสบการณ์คาเฟ่ที่บ้าน ส่งผลให้มีโอกาสดื่มกาแฟมากขึ้น รวมถึงความหลากหลายของเครื่องดื่มจากสตาร์บัคส์ และเนสกาแฟ ดอลเช่ กุสโต้ ตลอดจนเทคโนโลยีเครื่องชงกาแฟที่ล้ำสมัย และความชื่นชอบแบรนด์สตาร์บัคส์ และเนสกาแฟ ดอลเช่ กุสโต้อย่างเหนียวแน่น ทั้งนี้ เนสกาแฟ ดอลเช่ กุสโต้ และสตาร์บัคส์ ยังมุ่งสร้างความสัมพันธ์อันดีกับคอกาแฟอย่างต่อเนื่อง ผ่านกิจกรรมและการสื่อสารไปยังผู้บริโภค เพื่อให้ความรู้ในการใช้งานเครื่องชงกาแฟและเพลิด เพลินกับเครื่องดื่มในรูปแบบต่างๆ

เดินหน้าขับเคลื่อนตลาดด้วยนวัตกรรมผลิตภัณฑ์ พร้อมเปิดตัวแคมเปญใหม่

นายโจโจ้ เดลา ครูซ ผู้อำนวยการบริหารธุรกิจผลิตภัณฑ์กาแฟและครีมเทียม บริษัท เนสท์เล่ (ไทย) จำกัด เปิดเผยว่า “ในปีนี้ เนสกาแฟ ดอลเช่ กุสโต้ มุ่งมั่นมอบประสบการณ์พิเศษของคาเฟ่มาให้คอกาแฟได้เพลิดเพลินไปกับแนวคิด “ร้านกาแฟที่บ้านคุณ” (Your Coffee Shop at Home) โดยมีกลยุทธ์หลักมุ่งเน้นการนำเสนอเครื่องดื่มสไตล์คาเฟ่คุณภาพเยี่ยมที่ชงดื่มเองที่บ้านได้ ด้วยเครื่องชงกาแฟที่ใช้งานสะดวกง่ายดาย ตลอดจนผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มที่หลากหลายและนวัตกรรมใหม่ๆ ให้แก่คอกาแฟชาวไทย”

กลยุทธ์สำคัญขับเคลื่อนการเติบโต ประกอบด้วย

กลยุทธ์ที่ 1 ประสบการณ์การใช้งานเครื่องชงกาแฟที่ง่ายและสะดวก ทำให้ประสบการณ์การชงเครื่องดื่มแก้วโปรดที่ผู้บริโภคกำลังมองหา ทำได้ง่ายเพียงคลิกเดียว กับเครื่องชงกาแฟเนสกาแฟ ดอลเช่ กุสโต้ ที่ได้รับรางวัลการออกแบบยอดเยี่ยมระดับโลก เรด ดอท ดีไซน์ อวอร์ด และยังมีขนาดเหมาะสำหรับพื้นที่จำกัดของบ้านหรือคอนโดอีกด้วย

กลยุทธ์ที่ 2 นำเสนอเครื่องดื่มที่หลากหลาย ตอบโจทย์ความต้องการในการดื่มด่ำกับเครื่องดื่มคุณภาพที่บ้าน จากความเชื่อของเราที่ยึดมั่นมาตั้งแต่ปี 2561 ว่า “กาแฟไม่ได้มีแค่กาแฟดำ” (Coffee is not just black) ได้พัฒนามาสู่แนวคิด “ร้านกาแฟที่บ้านคุณ” (Your Coffee Shop at Home) ด้วยการนำเสนอเมนูเครื่องดื่มที่หลากหลายจำนวนมากใกล้เคียงกับร้านกาแฟ รวมทั้งยังมีเมนูกาแฟดำ จากกาแฟคั่วบดละเอียด 100% คุณภาพสูงจากแบรนด์สตาร์บัคส์ และ เนสกาแฟ บรรจุด้วยเทคโนโลยีสมาร์ทแคปซูล ที่ออกแบบให้สามารถรักษารสชาติที่ดีเยี่ยมของกาแฟคุณภาพสูงตั้งแต่กระบวนการคั่วจนถึงการชง

กลยุทธ์ที่ 3 นวัตกรรมผลิตภัณฑ์ เช่น การร่วมมือของ “เนสกาแฟ ดอลเช่ กุสโต้ x คิทแคท” ในการเปิดตัวเครื่องดื่มโกโก้ใหม่เมื่อช่วงต้นเดือนมกราคมที่ผ่านมา และได้รับการตอบรับที่ดีเยี่ยมจากผู้บริโภคอย่างล้นหลาม

นายโจโจ้ เดลา ครูซ กล่าวเสริมว่า “ในฐานะผู้นำตลาด เรามีความยินดีอย่างยิ่งที่จะเปิดตัว “สตาร์บัคส์ บลอนด์ เอสเปรสโซ โรสต์” ซึ่งเป็นนวัตกรรมผลิตภัณฑ์ล่าสุดของเราในเดือนเมษายน 2568 ที่จะมาถึงนี้ เพื่อตอบรับเทรนด์กาแฟคั่วอ่อนที่กำลังได้รับความนิยมและสร้างความประทับใจให้แก่คอกาแฟ พร้อมกันนี้ เรายังได้เปิดตัวแคมเปญใหม่ “แค่คลิก กับ เนสกาแฟ ดอลเช่ กุสโต้” (CLICK with NESCAFÉ Dolce Gusto) ซึ่งได้จับมือกับ ‘อาโป’        ในฐานะแบรนด์แอมบาสเดอร์ของเนสกาแฟ ดอลเช่ กุสโต้ ซึ่งเป็นตัวแทนของคนรักกาแฟที่สนุกกับการใช้เครื่องชงกาแฟเนสกาแฟ ดอลเช่ กุสโต้ ซึ่งอาโปจะร่วมทำคอนเทนต์และร่วมงานอีเวนต์สำหรับผู้บริโภค เพื่อเชิญชวนแฟน ๆ มาร่วมสนุกและสัมผัสประสบการณ์ “อะ คลิก ทู คาเฟ่ คัลเจอร์” (A Click to Café Culture) ไปด้วยกันเราหวังเป็นอย่างยิ่งว่า นวัตกรรมผลิตภัณฑ์และแคมเปญใหม่นี้ จะช่วยผลักดันเนสกาแฟ ดอลเช่ กุสโต้ ให้มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง สอดคล้องกับความนิยมของคอกาแฟชาวไทยที่ชื่นชอบประสบการณ์คาเฟ่ที่บ้านอย่างลงตัว”

ขอเชิญชวนคอกาแฟมาร่วมสนุกในงาน “แค่คลิก กับ เนสกาแฟ ดอลเช่ กุสโต้” (CLICK with NESCAFÉ Dolce Gusto) ณ ลานบีคอน 2 ชั้น 1 ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ ตั้งแต่วันนี้จนถึงวันที่ 30 มีนาคม 2568 โดยภายในงานได้เนรมิตบรรยากาศสไตล์คาเฟ่ที่บ้าน ”A Click to Café Culture at Home” ทั้งหมด 4 โซน ได้แก่

โซนที่ 1 – ตกหลุมรักแรกคลิก (Love at First Click): สัมผัสประสบการณ์ “ร้านกาแฟที่บ้านคุณ” (Your Coffee Shop at Home) กับเมนูเครื่องดื่มที่หลากหลายจากสตาร์บัคส์ เนสกาแฟ และ เนสกาแฟ ดอลเช่ กุสโต้ x คิทแคท ในมุมคาเฟ่ที่บ้านดีไซน์สุดคูล นำเสนอไอเดียสร้างสรรค์ในการเปลี่ยนมุมโปรดในบ้านของคุณให้เป็นคาเฟ่

โซนที่ 2 – คลิกรสชาติโปรดของคุณ (Click Your Favorite Taste): เชิญชวนคอกาแฟมาเลือกเครื่องดื่มแก้วโปรดได้ง่าย ๆ แค่คลิกเดียว พร้อมดื่มด่ำรสชาติกาแฟคุณภาพสูงจากกาแฟคั่วบดละเอียด และกาแฟใส่นม รวมถึงเครื่องดื่มอื่น ๆ ที่ไม่ใช่กาแฟ อาทิ มัทฉะ และช็อกโกชิโน่ ที่บรรจุอย่างพิถีพิถันด้วยเทคโนโลยีสมาร์ทแคปซูล

โซนที่ 3 – ลองคลิกกับบาริสต้า (Click to A Cup): ทดลองใช้เครื่องชงกาแฟเนสกาแฟ ดอลเช่ กุสโต้ กับบาริส ต้ามืออาชีพ พร้อมลิ้มลองเมนูเครื่องดื่มสไตล์คาเฟ่ที่แสนง่ายดาย ให้ทุกคนสามารถกลับไปทำเองง่าย ๆ ได้ที่บ้าน

โซนที่ 4 – แค่คลิก และรับกลับบ้าน (A Click and Collect): หลังจากคลิกเลือกเครื่องดื่มแก้วโปรดแล้ว สามารถรับเครื่องดื่ม และชำระเงินได้ในโซนนี้

สำหรับคอกาแฟที่ต้องการสัมผัสประสบการณ์คาเฟ่ที่บ้านแบบพิเศษสุด ขอเชิญทุกคนมาร่วมดื่มด่ำเครื่องดื่ม ทดลองใช้เครื่องชงกาแฟ พร้อมรับโปรโมชั่นพิเศษที่มีเฉพาะในงานนี้ ตั้งแต่วันนี้จนถึง 30 มีนาคม 2568 นอกจากนี้ ยังสามารถเพิ่มเพื่อนที่ LINE OA @nescafedolcegusto เพื่อรับข้อเสนอสุดเอ็กซ์คลูซีฟ พร้อมติดตามข่าวสารล่าสุดจากเนสกาแฟ ดอลเช่ กุสโต้

สตาร์บัคส์ บลอนด์ เอสเปรสโซ โรสต์ มีจำหน่ายแล้วในราคา 329 บาทต่อกล่อง รวม 12 แคปซูล ที่ร้านค้าชั้นนำ และร้านค้าออนไลน์: https://www.dolce-gusto.co.th สำหรับผู้สนใจแพ็กเกจรายเดือนจากเนสกาแฟ ดอลเช่ กุสโต้ สามารถเลือกเครื่องชงกาแฟและแคปซูลที่คุณชื่นชอบได้ที่ https://www.dolce-gusto.co.th/ monthly-package

]]>
1516505
เซ็นทรัลเวิลด์ จัดใหญ่เต็มพื้นที่งาน “TTE 2025” มหกรรมของเล่นของสะสมที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในเอเชีย เต็มอิ่ม 9 ไฮไลต์เด็ดตลอด 4 วันเต็ม 3 – 6 เม.ย. 2568 https://positioningmag.com/1516497 Fri, 28 Mar 2025 06:20:00 +0000 https://positioningmag.com/?p=1516497 • สร้างปรากฏการณ์ใหม่แห่งวงการอาร์ตทอย Thailand Toy Expo 2025ในธีม “HERO vs. MONSTER” พร้อมไฮไลต์สุดพิเศษในงานมากมาย
• ปักหมุด ‘World Best Festive Destination and Land of ART TOY’ ยกระดับวงการอาร์ตทอยไทยให้ยิ่งใหญ่ที่สุดในเอเชีย
• รวมอาร์ตทอยดีไซเนอร์ 300 แบรนด์ชั้นนำ พบการคอลแลบส์สุดปังระดับโลกคอลเลกชันสุดลิมิเต็ดแห่งแรกในโลกพร้อมอัดแน่นกิจกรรมตลอดวัน
ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ ไลฟ์สไตล์เดสติเนชั่นแลนด์มาร์กใจกลางเมือง ร่วมกับ TTE เตรียมจัดงานแห่งปี TTE 2025 (Thailand Toy Expoครั้งที่ 13) มหกรรมของเล่นและของสะสมระดับโลกที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในเอเชีย ปีนี้จะพาเหล่าแฟนๆ นักสะสมของเล่นท่องโลกแห่งแฟนตาซี ในธีม “HERO vs. MONSTER” ที่แอบซ่อนไฮไลท์สุดพิเศษในงานไว้มากมาย! จุใจกับของเล่นของสะสมรวมกว่า 300 แบรนด์ จาก 14 ประเทศทั่วโลก เต็มพื้นที่ 5,000 ตารางเมตรยิ่งใหญ่กว่าที่เคย พร้อมปักหมุดเซ็นทรัลเวิลด์ให้เป็น ‘World Best Festive Destination and Land of ART TOY’ ยกระดับวงการอาร์ตทอยไทยให้ยิ่งใหญ่ที่สุดในเอเชีย เป็นจุดหมายปลายทางของนักสะสม ทอยดีไซเนอร์ และแฟนอาร์ตจากทั่วทุกมุมโลก!ร่วมเปิดประสบการณ์เหนือจินตนาการ และเพลิดเพลินกับกิจกรรมภายในงาน จัดเต็มความยิ่งใหญ่ทั่วทุกโซนตลอด 4 วัน เข้าฟรี!!! ตั้งแต่วันที่ 3-6 เมษายน 2568 จัดเต็มทั่วทุกพื้นที่ ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์
ดร.ณัฐกิตติ์ ตั้งพูลสินธนา กรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานการตลาด บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า เซ็นทรัลเวิลด์เป็นผู้บุกเบิกและปลุกกระแส Art Toy Pop Culture ในไทยอย่างต่อเนื่อง เห็นถึงศักยภาพของวัฒนธรรมป๊อปและเป็นจุดเริ่มต้นของการจัดงาน Thailand Toy Expo เมื่อ 12 ปีที่แล้ว และล่าสุดเมื่อปลายปี 2567 ที่ผ่านมากับการสร้าง Talk of the Town ด้วยการร่วมมือกับ J.P. TOYS GALLERY และ TTE นำเทรนด์ระดับโลกมาสร้างต้นคริสต์มาส Art Toy เป็นครั้งแรกของโลกและปี 2568 นี้เซ็นทรัลเวิลด์ก็พร้อมแล้วที่จะสร้างปรากฏการณ์อาร์ตทอยที่ยิ่งใหญ่อีกครั้งในงาน TTE 2025 ปักหมุดความเป็น ‘World Best Festive Destination and Land of ART TOY’ ไม่เพียงย้ำความเป็น Global Destination แต่ยังได้ยกระดับวงการอาร์ตทอยไทยให้ยิ่งใหญ่ที่สุดในเอเชีย ผลักดันให้ประเทศไทยเป็นจุดหมายปลายทางของนักสะสม ทอยดีไซเนอร์ และแฟนอาร์ตจากทั่วทุกมุมโลก!
“เซ็นทรัลเวิลด์มองเห็นศักยภาพของอาร์ตทอยในฐานะเทรนด์ระดับโลก จึงผลักดันวงการอาร์ตทอยไทยผ่านการคอลแลบส์กับศิลปินระดับสากล เพื่อตอบโจทย์นักสะสมรุ่นใหม่ที่สนใจศิลปะร่วมสมัยและดีไซน์ งาน TTE เป็นเวทีสำคัญที่เปิดโอกาสให้ศิลปินไทยนำเสนอผลงานระดับประเทศ และสร้างความร่วมมือกับแบรนด์ระดับโลก ผลักดันศิลปะไทยสู่เวทีสากล คาดว่า TTE 2025 จะดึงดูดผู้เข้าร่วมงานกว่า 8 แสนคน พร้อมกิจกรรมและอาร์ตทอยสุดเอ็กซ์คลูซีฟจากทั่วโลก” ดร.ณัฐกิตติ์ กล่าว
9 ไฮไลต์ TTE 2025 โชว์ศักยภาพและความน่าสนใจของตลาดอาร์ตทอยในประเทศไทยเต็มพื้นที่เซ็นทรัลเวิลด์
1. รวมตัวสุดยอดศิลปินอาร์ตทอยระดับโลกกว่า 300 แบรนด์ชั้นนำ จาก 14 ประเทศทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็น สหรัฐอเมริกา, ยุโรป,  ญี่ปุ่น, จีน, ฮ่องกง และ เกาหลีใต้ ที่จะนำ Exclusive Edition ที่ไม่เคยเปิดเผยที่ไหนมาเปิดตัวและจัดจำหน่ายที่งาน TTE2025 ที่เดียว
2. คอลเลกชันคอลแลบส์สุดปังระดับโลก! TTE2025 ร่วมกับศิลปินชื่อดังระดับโลกครั้งแรก เซอร์ไพรส์กับคอลเลกชันสุดลิมิเต็ด LABUBU Bangkok limited-edition จากคาซิง ลุง พลาดไม่ได้พบความร่วมมือระหว่าง JPX และ TOEI เปิดตัวโปรเจคพิเศษ Kamen Rider Art Toy Collection Nong Toy: Kamen Rider Black และ Nong JP: Shadow Moonนอกจากนี้ยังมีPunk Dunkers x บัวขาว, COARSE x JPX; Kachapati New Legacy, Mookda x Hidden Wooo, OZAI x Nong Toy: OZAI A Wind Up Bear
3. Meet & greet กับศิลปินตัวท็อป!พบตัวจริงเสียงจริงของนักออกแบบอาร์ตทอยชื่อดัง อาทิ Kasing Lung, Hiroto Ohkubo จาก Instinctoy,OyakataPunkdrunkers, COARSE, PlanetBear, Sooya และ AYAN ศิลปินผู้สร้าง Dimoo
4. ฉลอง 50 ปี SUPER SENTAI! ประเทศแรกในโลก ชมนิทรรศการฉลองครบรอบ 50 ปี SUPER SENTAI พร้อมชมการแสดงโชว์ขบวนการ 5 สี อนิเมชั่นชื่อดังจากแดนซากุระ จัดเต็มครบทีม 2 ขบวนการ 5 สีใหม่ล่าสุด ได้แก่ “ขบวนการซิ่งระเบิดระเบ้อ บูนบูมเจอร์ (Boonboomger)” และ “ขบวนการนัมเบอร์วัน โกจูเจอร์ (Gozyuger) โดยชุดแสดงของแท้จากญี่ปุ่น
5. Showcase อาร์ตทอยยักษ์ครั้งแรกของโลก จากแบรนด์แนวหน้าของวงการอาร์ตทอย ภายในศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์
6. TTE Character Contest เปิดตัว 10 ผลงาน Prototype สุดเจ๋งจากนักออกแบบไทยที่คัดเลือกโดยกรรมการระดับโลก อาทิ Kasing Lung, Hiroto Ohkubo จาก Instinctoy, Oyakata Punk จาก Punkdrunkers, Fools Paradise และ COARSE รวมถึงตัดสินและประกาศผลรับรางวัลในงาน
7. เวิร์กช็อปอาร์ตทอย เรียนรู้ศิลปะอาร์ตทอยแบบลึกซึ้ง พูดคุยแลกเปลี่ยนประสบการณ์ เพื่อสร้างแรงบันดาลใจให้วงการศิลปะ ให้อาร์ตทอยเป็นส่วนหนึ่งของการส่งเสริมและสนับสนุนวัฒนธรรมไทย
8. TTE Cosplay Competition ประกวดคอสเพลย์สุดมันส์! คอสตูมสุดปัง ภายใต้คอนเซ็ปต์ “Let’s Battle” ชิงรางวัลใหญ่ใน TTE Cosplay Award วันที่ 6 เม.ย. 2568
9. “Spiritual Zone” โซนแห่งโชคชะตาที่ผสมผสานอาร์ตทอยให้เข้ากับศิลปะวัฒนธรรมไทย พร้อมจับมือกับศิลปินร่วมจัดแสดงผลงานของนักออกแบบเชิงวัฒนธรรมไทย อาทิ ครอบครัวพุทธศิลป์
แล้วพบกันที่งาน TTE 2025 วันที่ 3-6 เมษายน 2568 ณ ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ รายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.facebook.com/ThailandToyExpo หรือ Instagram @thailandtoyexpo ติดตามความเคลื่อนไหวเซ็นทรัลพัฒนา คลิก https://www.centralpattana.co.th/th/shopping/shopping-update/lifestyle-activities
]]>
1516497