Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Wed, 20 Nov 2024 07:46:47 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 GRAMMY https://positioningmag.com/1499954 Wed, 20 Nov 2024 07:46:47 +0000 https://positioningmag.com/?p=1499954 1499954 ฟาสต์ รีเทลลิ่ง แถลงความคืบหน้าของวิสัยทัศน์ LifeWear = a New Industry พร้อมขับเคลื่อนการเติบโตทางธุรกิจและความยั่งยืนด้วยโครงการ อาริอาเกะ https://positioningmag.com/1499947 Wed, 20 Nov 2024 07:36:26 +0000 https://positioningmag.com/?p=1499947 ฟาสต์ รีเทลลิ่ง (Fast Retailing) บริษัทแม่ของยูนิโคล่ จัดงานแถลง LifeWear = a New Industry สำหรับสื่อมวลชนและนักวิเคราะห์ ซึ่งการจัดงานครั้งนี้ถือเป็นงานประชุมสรุปวิสัยทัศน์ประจำปี นับเป็นครั้งที่ 4 นับตั้งแต่การจัดครั้งแรกในปี 2564 ในการแถลงนโยบายวิสัยทัศน์ LifeWear = a New Industry ซึ่ง ฟาสต์ รีเทลลิ่ง มุ่งมั่นที่จะบรรลุวิสัยทัศน์ดังกล่าวด้วยการพัฒนาโมเดลธุรกิจที่เชื่อมโยงกับเป้าหมายทั้งทางด้านการสร้างการเติบโตทางธุรกิจและทางด้านความยั่งยืน ส่วนการแถลงครั้งล่าสุดเน้นนำเสนอผลงานด้านความยั่งยืนของโครงการต่าง ๆ ที่บริษัทฯ ได้จัดทำขึ้นตามวิสัยทัศน์ภายใต้โครงการอาริอาเกะ (โครงการปฏิรูปธุรกิจซึ่งดำเนินการมาตั้งแต่ปีงบประมาณ 2560) เพื่อช่วยเดินหน้าสู่เป้าหมายด้านความยั่งยืน

โดยภายในงานแถลงสรุปวิสัยทัศน์ LifeWear = a New Industry ประจำปี 2567 ฟาสต์ รีเทลลิ่ง ได้ระบุถึงความคืบหน้าด้านเป้าหมายความยั่งยืนหลัก ๆ อาทิ การลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและการเลือกใช้วัตถุดิบที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม พร้อมเผยให้ทราบว่าบริษัทฯ รวบรวมและวิเคราะห์ความคิดเห็นของลูกค้าผ่านกว่า 30 ล้านข้อคิดเห็นจากทั่วโลกต่อปี ส่งผลให้ได้รับข้อมูลเบื้องลึกที่ช่วยให้บริษัทฯ สามารถตอบสนองต่อความต้องการตลอดจนไลฟ์สไตล์ของลูกค้าที่เปลี่ยนแปลงไปได้อย่างเหมาะสม ด้วยเหตุนี้ ฟาสต์ รีเทลลิ่งจึงสามารถผลิต ขนส่งและจัดจำหน่ายเฉพาะสิ่งที่ลูกค้าต้องการอย่างแท้จริง พร้อมส่งมอบ ณ เวลาที่พวกลูกค้าต้องการอย่างแท้จริง นับเป็นกระบวนการทางธุรกิจที่ช่วยป้องกันการก่อขยะที่ไม่จำเป็นได้อย่างสมบูรณ์แบบ

โคจิ ยาไน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารอาวุโส บริษัท ฟาสต์ รีเทลลิ่ง จำกัด กล่าวว่า “เรามีเป้าหมายที่จะผลิตและขายเฉพาะสิ่งที่ลูกค้าต้องการจริง ๆ เท่านั้น ด้วยห่วงโซ่อุปทานที่ดูแลทั้งสิ่งแวดล้อมและสิทธิมนุษยชนเพื่อให้ลูกค้าทุกคนสบายใจ นอกจากนี้แล้ว เรายังจัดทำหลากหลายโครงการเพื่อดูแลสังคม ยกตัวอย่างเช่น โครงการเสื้อยืดการกุศล PEACE FOR ALL หรือ The Heart of LifeWear ซึ่งแจกเสื้อยืดผ้าพิเศษแบบ HEATTECH และ AIRism ให้กลุ่มเปราะบาง อาทิ ผู้อพยพ เด็กและผู้ประสบภัยพิบัติไปแล้วกว่า 1 ล้านตัว โดยยูนิโคล่สามารถขยายผลโครงการได้อย่างเต็มที่ผ่านความร่วมมือกับทั้งพันธมิตรและลูกค้า รวมถึงหน่วยธุรกิจของเราเองทั่วโลก ซึ่งต่างก็มีชุมชนท้องถิ่นร่วมช่วยสนับสนุน เราจะเดินหน้าจัดทำกิจกรรมเพื่อส่งเสริมสังคมที่ยั่งยืนต่อไปในอนาคตอย่างแน่นอนผ่านทางผลิตภัณฑ์ ร้านค้า พนักงานและเครือข่ายทั่วโลกของเราเพื่อสร้างชีวิตที่มั่นคงและสงบสุขให้แก่ผู้คนทั่วโลก”

ผลงานเด่นของโครงการและกิจกรรมที่ฟาสต์ รีเทลลิ่งจัดทำขึ้นเพื่อให้บรรลุเป้าหมายความยั่งยืนภายในปีงบประมาณ 2573 มีดังนี้:

การพัฒนาและปรับปรุงผลิตภัณฑ์รวมถึง ส่วนประสมของผลิตภัณฑ์ ตามความคิดเห็นจากลูกค้า

• ในปีงบประมาณ 2567 (สิ้นสุดเดือนสิงหาคม 2567) ฟาสต์ รีเทลลิ่ง รวบรวมความคิดเห็นของลูกค้า (Voice of Customer) ได้มากถึง 31.4 ล้านข้อคิดเห็นจากทั่วโลก โดยนำข้อเสนอแนะที่ได้รับผ่านศูนย์บริการลูกค้ามาวิเคราะห์ร่วมกับความคิดเห็นต่อผลิตภัณฑ์ตามหน้าเพจร้านค้าออนไลน์และความคิดเห็นที่ลูกค้าแสดงต่อพนักงานประจำร้านโดยตรงจนได้รับข้อมูลเบื้องลึกที่เป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาและปรับปรุงผลิตภัณฑ์ ทั้งนี้ บริษัทฯ จัดทำแพลทฟอร์ม “Management Cockpit” ขึ้นตั้งแต่ปี 2566 โดยมีวัตถุประสงค์ในการบูรณาการข้อมูลเพื่อการบริหารงานโดยเฉพาะ เปิดทางให้เสียงสะท้อนของลูกค้าได้รับการรับฟังและนำเสนอเป็นภาพที่ชัดเจนสำหรับการดำเนินธุรกิจทั่วโลกของบริษัทฯ แบบเรียลไทม์ เพื่อการปรับตัวและตอบสนองที่รวดเร็วยิ่งขึ้นกว่าที่เคย

• ความคิดเห็นจากลูกค้าช่วยให้ ฟาสต์ รีเทลลิ่ง พัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่มาแล้วมากมาย อาทิ ผ้าถักแบบใหม่ “Souffle Yarn Knit” ที่ได้รับการจดลิขสิทธิ์เป็นทรัพย์สินทางปัญญาของบริษัทฯ แล้ว รวมถึงเสื้อชั้นในที่ปรับให้ใช้งานได้ดีขึ้น ตลอดจนนวัตกรรมอื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็นกางเกงผ้าถักลายนูนที่ซักได้ หรือ PUFFTECH ซึ่งล้วนแล้วแต่สร้างสรรค์มาเพื่อรองรับไลฟ์สไตล์ที่เปลี่ยนแปลงไปของลูกค้า

• ในปีงบประมาณ 2567 คะแนนเฉลี่ยความพึงพอใจผลิตภัณฑ์ของลูกค้าอยู่ในระดับสูง โดยผลิตภัณฑ์จากคอลเลคชัน Spring/Summer และ Fall/Winter ได้รับคะแนน 4.5 จาก 5

• จำนวนแบบผลิตภัณฑ์หลักที่จำหน่ายได้ทั่วโลก ซึ่งสร้างรายได้หลักให้แก่ฟาสต์ รีเทลลิ่ง มีมากกว่า 50 แบบในปีงบประมาณที่เพิ่งสิ้นสุดลงเมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ซึ่งเป็นจำนวนที่เพิ่มสูงขึ้นจากปีงบประมาณ 2560 หรือปีที่โครงการอาริอาเกะเปิดตัวมากถึง 3 เท่า ดังนั้น ฟาสต์ รีเทลลิ่งจึงสามารถลดหรือป้องกันการผลิตสิ่งที่ไม่จำเป็นได้ ตลอดจนค่อย ๆ พัฒนาการดำเนินธุรกิจแบบที่เน้นผลิตเฉพาะสิ่งที่ลูกค้าต้องการมากที่สุดเท่านั้น

• เนื่องจากฤดูร้อนมีระยะเวลายาวนานขึ้นและฤดูหนาวมีอุณหภูมิสูงขึ้นด้วยเช่นกัน ฟาสต์ รีเทลลิ่งจึงขยายหมวดผลิตภัณฑ์หลักที่เหมาะสมสำหรับใช้งานตลอดปีเพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการของลูกค้ามากยิ่งขึ้น แทนที่จะเน้นผลิตสินค้าตามฤดูกาลแบบดั้งเดิม ฟาสต์ รีเทลลิ่งกำลังหันมายกระดับส่วนประสมผลิตภัณฑ์ด้วยการเน้นผลิตภัณฑ์ที่เป็นที่นิยมตลอดปี

จัดทำระบบผลิตและโลจิสติกส์ที่เน้นผลิต ขนส่งและขายเฉพาะสิ่งที่ลูกค้าต้องการ ณ เวลาที่เหมาะสมและปริมาณที่ตรงตามความต้องการที่สุด

• ระบบคาดการณ์ความต้องการที่อิงตามอัลกอริทึมช่วยให้การวางแผนจำหน่ายแม่นยำถูกต้องยิ่งขึ้น ระบบใหม่เน้นการประสานงานอย่างใกล้ชิดกับฝ่ายผลิตเพื่อให้แผนผลิตปรับตามความต้องการได้รายสัปดาห์

• การแจ้งให้โรงงานต่าง ๆ ทราบแผนการผลิตหรือความคืบหน้าต่าง ๆ ช่วยให้มีการสต็อกวัตถุดิบที่จำเป็นอย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมรองรับการผลิตแม้เวลาที่ได้รับแจ้งล่วงหน้าจะสั้นลง ในด้านโลจิสติกส์ ฟาสต์ รีเทลลิ่งจับมือกับพันธมิตรด้านการขนส่งเพื่อขับเคลื่อนให้การจัดส่งไวขึ้น และประสิทธิภาพการทำงานสูงขึ้นแม้เวลาที่ได้รับแจ้งล่วงหน้าจะสั้นลงด้วยเช่นกัน

• ระบบคลังสินค้าอัตโนมัติช่วยให้สามารถจัดส่งผลิตภัณฑ์ที่จำเป็นให้ร้านค้าได้ตามปริมาณที่ต้องการ ถือเป็นการยกระดับประสิทธิภาพการดำเนินงานและการบริหารสินค้าคงคลังสู่ระดับสูงสุด

ความคืบหน้าตามเป้าหมายของปีงบประมาณ 2573

• ในปีงบประมาณ 2566 ฟาสต์ รีเทลลิ่ง สามารถลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลงได้ถึงร้อยละ 69.4 ในส่วนที่ตนเองควบคุมได้โดยตรง (ร้านค้าหรือสำนักงาน) เมื่อเทียบกับปีงบประมาณ 2562 ถือเป็นความคืบหน้าสู่เป้าหมายที่บริษัทฯ ตั้งใจจะลดลงให้ได้ร้อยละ 90 ภายในปีงบประมาณ 2573 นอกจากนี้แล้ว การจัดซื้อเพื่อเพิ่มสัดส่วนพลังงานหมุนเวียนของบริษัทฯ ยังเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 67.6 ณ ปีงบประมาณ 2566 จากเป้าหมายร้อยละ 100 ภายในปีงบประมาณ 2573

• การปล่อยก๊าซเรือนกระจกในห่วงโซ่อุปทานลดลงแล้วร้อยละ 10% ณ ปีงบประมาณ 2566 และมีแนวโน้มว่าจะลดลงในอัตราที่เร็วขึ้นตั้งแต่ปีงบประมาณ 2567 เป็นต้นไปจ ากการเปลี่ยนอุปกรณ์ในโรงงานและการขยายการใช้งานวัสดุที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น

• สัดส่วนของวัตถุดิบที่ก่อให้เกิดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในระดับต่ำ อาทิ วัสดุรีไซเคิล เพิ่มสูงขึ้นสู่ร้อยละ 18.2 สำหรับการผลิตผลิตภัณฑ์ในปี 2567 จากร้อยละ 8.5 ในปี 2566 ความคืบหน้าชัดเจนมากในหมวดผลิตภัณฑ์ที่ทำจากโพลีเอสเตอร์ เพราะสัดส่วนการใช้วัตถุดิบที่เป็นวัสดุรีไซเคิลนั้นสูงถึงร้อยละ 47.4

แนวคิดหลักด้านผลิตภัณฑ์และการบริการ

• RE. UNIQLO STUDIO ที่เปิดตัวในปี 2565 ขยายสู่ร้านค้า 51 แห่งใน 22 ประเทศทั่วโลกแล้วเมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา โดยฟาสต์ รีเทลลิ่ง ตั้งใจจะให้มีบริการนี้ในอย่างน้อย 60 ร้านค้าภายในเดือนธันวาคมนี้

• ฟาสต์ รีเทลลิ่ง เริ่มทดลองขายเสื้อผ้ามือสองเมื่อเดือนตุลาคม ปี 2566 โดยร้าน UNIQLO Maebashi Minami IC ในญี่ปุ่นเป็นร้านที่ 3 ที่มีบริการนี้โดยเริ่มเปิดให้บริการเมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา ส่วนอีก 2 ร้านที่มีบริการนี้เช่นกัน คือ ร้าน UNIQLO Setagaya Chitosedai และ UNIQLO Tenjin ซึ่งถือได้ว่าเป็นผู้บุกเบิกบริการดังกล่าว

• เครื่องแบบทางการของคณะกรรมการโอลิมปิกและพาราลิมปิกแห่งชาติสวีเดนเป็นเสื้อผ้าชุดแรกที่ผลิตจากโพลีเอสเตอร์รีไซเคิลจากวัตถุดิบรีไซเคิลที่ยูนิโคล่จัดเก็บเอง ปัจจุบัน ฟาสต์ รีเทลลิ่ง กำลังเดินหน้าทำการวิจัยและพัฒนาระบบรีไซเคิลเสื้อผ้าเก่าเพื่อผลิตเสื้อผ้าใหม่โดยตรงอย่างจริงจัง

แนวคิดหลักด้านซัพพลายเชน

• ฟาสต์ รีเทลลิ่ง เดินหน้าขยายเครือข่าย “วัสดุยั่งยืน” และการใช้งานวัสดุดังกล่าวสำหรับผลิตภัณฑ์ของ
บริษัทฯ ตลอดจนคำนึงถึงการปล่อยก๊าซเรือนกระจก การใช้น้ำ ความหลากหลายทางชีวภาพ สิทธิมนุษยชนและสวัสดิการสัตว์ในทุกกิจกรรมของบริษัทฯ ในปีงบประมาณ 2567 บริษัทฯ เริ่มจัดทำกรอบการดำเนินงานใหม่เพื่อกำหนดมาตรฐานสำหรับวัสดุแต่ละชนิดทั้งในเชิงคุณภาพและปริมาณ โดยการจัดทำมาตรฐานสำหรับฝ้ายเสร็จสิ้นแล้วและจะนำไปใช้ในการผลิตตั้งแต่ปีงบประมาณ 2569 เป็นต้นไป นอกจากนี้ บริษัทฯ ได้ประกาศให้ฝ้ายช่วยฟื้นฟูดินเป็นวัสดุเพื่อความยั่งยืนตั้งแต่ปีงบประมาณนี้เป็นต้นไป

• ยกระดับการตรวจสอบที่มาย้อนกลับอย่างต่อเนื่อง: ฟาสต์ รีเทลลิ่ง ริเริ่มยกระดับการตรวจสอบที่มาย้อนกลับกับฝ้ายก่อน และกำลังเริ่มขยายการยกระดับสู่วัตถุดิบชนิดอื่น ๆ ด้วยเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นแคชเมียร์หรือ
ขนสัตว์ โดย ฟาสต์ รีเทลลิ่ง จัดทำหลากหลายโครงการเพื่อสร้างความร่วมมือระยะยาวกับโรงงานต้นน้ำ อาทิ โรงงานเส้นด้าย ทั้งนี้ ฟาสต์ รีเทลลิ่งเริ่มตรวจสอบที่มาแคชเมียร์ย้อนกลับ สำหรับผลิตภัณฑ์แคชเมียร์ทั้งหมดตั้งแต่คอลเลคชันฤดูกาล 2024 Fall/Winter เป็นต้นไป ด้วยการตรวจสถานที่ล้างและปั่นเส้นใยเป็นระยะ ๆ ปัจจุบัน บริษัทฯ กำลังจัดทำกรอบการดำเนินงานในลักษณะเดียวกันกับผลิตภัณฑ์ที่ทำจากขนสัตว์ด้วย

ข้อมูลอ้างอิง

1. LifeWear = New Industry Briefing Presentation Material

2. Fast Retailing Holds “LifeWear = New Industry” Briefing (November 7, 2023) https://www.fastretailing.com/eng/sustainability/news/2311071510.html

3. Fast Retailing Hosts Second LifeWear = Sustainability Briefing (November 16, 2022) https://www.fastretailing.com/eng/sustainability/news/2211161500.html

4. Fast Retailing Establishes Fiscal 2030 Sustainability Targets and Action Plan – Making LifeWear a “New Industry” (December 2, 2021)

https://www.fastretailing.com/eng/sustainability/news/2112021500.html

 

]]>
1499947
ซัมซุง เทคโอเวอร์ลานลิฟต์แก้ว เซ็นทรัลเวิลด์ สร้างปรากฏการณ์ “Say it with Galaxy” ชวนคุณส่งต่อความรู้สึก “คิดถึงเท่าจักรวาล” ผ่านจอยักษ์ 4 ชั้น ใจกลางเซ็นทรัลเวิลด์ https://positioningmag.com/1499937 Wed, 20 Nov 2024 05:36:58 +0000 https://positioningmag.com/?p=1499937 ซัมซุง ผู้นำด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมระดับโลก สร้างปรากฏการณ์ครั้งสำคัญส่งท้ายปีด้วยแคมเปญ “Say it with Galaxy” ที่เปลี่ยนพื้นที่ Central Court (ลานลิฟต์แก้ว) เซ็นทรัลเวิลด์ให้กลายเป็น จักรวาลแห่งความคิดถึง ชวนทุกคนส่งต่อความรู้สึกดี ๆ ผ่านจอยักษ์สูงเทียบเท่าตึก 4 ชั้น แคมเปญนี้เปิดโอกาสให้คุณ ถ่าย – แชร์ – โพสต์ โมเมนต์สุดพิเศษของชีวิต พร้อมติด #SayItwithGalaxy เพื่อแบ่งปันเรื่องราวแห่งความรัก ความคิดถึง และความทรงจำที่มีคุณค่า โดยทุกความรู้สึกของคุณจะถูกส่งต่อผ่านจอยักษ์อันตระการตา โดยแคมเปญ “Say it with Galaxy” จะจัดขึ้นตั้งแต่วันที่ 16 พฤศจิกายน 2567 – 5 มกราคม 2568 ร่วมสร้างช่วงเวลาแห่งความสุขและแรงบันดาลใจไปพร้อมกับซัมซุงที่เซ็นทรัลเวิลด์!

พร้อมกันนี้ ซัมซุงยังได้เปิดตัวภาพยนตร์โฆษณา “คิดถึงเท่าจักรวาล” ถ่ายทอดความรู้สึกของผู้คนที่เคยพลาดโอกาสในการบอกเล่าความรู้สึกดี ๆ ให้กับคนสำคัญ ภาพยนตร์เรื่องนี้สะท้อนถึงบทบาทของ Samsung Galaxy ในฐานะสื่อกลางที่ช่วยเชื่อมโยงความสัมพันธ์และส่งต่อความคิดถึงได้อย่างไร้ขีดจำกัด ตอกย้ำความมุ่งมั่นของซัมซุงในการเป็นแบรนด์ที่สร้างความทรงจำและความหมายในทุกช่วงเวลาแห่งความพิเศษ

ฉลองปีแห่งนวัตกรรมที่เปลี่ยนโฉมชีวิตผู้คน

ปีนี้ถือเป็นอีกหนึ่งบทพิสูจน์ความเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีของ Samsung Galaxy ด้วยการเปิดตัว AI Phone ครั้งแรกของโลกที่ช่วยยกระดับการสื่อสารให้สนุกและสะดวกสบายยิ่งขึ้น พร้อมทั้งมอบประสบการณ์ใหม่ผ่านการนำ AI มาใช้ในชีวิตประจำวันอย่างมีประสิทธิภาพ

ในฐานะแบรนด์ที่มุ่งเน้นการสร้างความสัมพันธ์อันมีคุณค่ากับผู้คน ซัมซุงได้สร้างแคมเปญ “Say it with Galaxy” เพื่อเป็นสัญลักษณ์แห่งการเชื่อมโยงความรู้สึกดี ๆ และสร้าง Brand Love ผ่านการมีปฏิสัมพันธ์ที่ไม่เหมือนใคร แคมเปญนี้ไม่เพียงช่วยให้ผู้คนได้ส่งต่อความรัก ความคิดถึง และเรื่องราวสำคัญ แต่ยังตอกย้ำบทบาทของเทคโนโลยีในการเติมเต็มความสัมพันธ์ในทุกมิติ

คุณพรรณวลัย อินทราพิเชฐ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดองค์กร บริษัท ไทยซัมซุง อิเลคโทรนิคส์ จำกัด กล่าวว่า “แคมเปญ Say it with Galaxy คือบทพิสูจน์อีกครั้งของความมุ่งมั่นของซัมซุงในการสร้างเทคโนโลยีที่มากกว่านวัตกรรม แต่เป็นเครื่องมือที่เชื่อมโยงความสัมพันธ์ระหว่างผู้คน เราต้องการให้เทคโนโลยีของเรากลายเป็นส่วนหนึ่งของช่วงเวลาแห่งความสุข และเป็นสื่อกลางในการส่งต่อความรู้สึกดี ๆ ที่เต็มไปด้วยคุณค่า

แคมเปญนี้ไม่ได้เป็นเพียงกิจกรรม แต่คือความตั้งใจของเราในการสร้าง Brand Love และ Brand Engagement ที่ลึกซึ้งและแตกต่าง ซัมซุงหวังว่าแคมเปญนี้จะช่วยสร้างความสัมพันธ์ที่มีความหมายและยั่งยืนระหว่างแบรนด์และผู้บริโภค รวมถึงช่วยให้ทุกคนได้แบ่งปันความรัก ความคิดถึง และความทรงจำที่มีค่ากับคนสำคัญในช่วงเทศกาลแห่งความสุขนี้”

ส่งของขวัญพิเศษสร้างการมีส่วนร่วม กระชับแบรนด์เลิฟ

แคมเปญ “Say it with Galaxy” เปิดพื้นที่เชิญชวนทุกคนมาร่วมถ่าย – แชร์ – โพสต์ พร้อมติด #SayItwithGalaxy เพื่อแบ่งปันความรู้สึกในทุกโมเมนต์ของชีวิต ไม่ว่าจะเป็นความสุข ความคิดถึง หรือเรื่องราวที่อยากส่งต่อให้คนที่รัก นอกจากนี้ยังเปิดโอกาสให้ทุกคนได้ลองใช้สมาร์ทโฟนรุ่นเรือธงอย่าง Galaxy S24 Ultra, Galaxy Z Flip6, Galaxy Z Fold6 และ Galaxy Tab S10 ในการสร้างสรรค์ภาพสวย ๆ พร้อมคำอวยพรจากฟีเจอร์ Galaxy AI อย่าง Sketch to Image โดยภาพ คลิปวิดีโอ หรือข้อความจะปรากฏขึ้นบนจอที่สูงกว่า 4 ชั้น ณ โซนกิจกรรมชั้น 1 บริเวณ Central Court (ลานลิฟต์แก้ว)

นอกจากนี้ ซัมซุงยังมอบสิทธิพิเศษมากมายสำหรับลูกค้าผ่าน Galaxy Gift เพื่อเป็นการขอบคุณและตอบแทนความไว้วางใจที่มีให้ซัมซุงตลอดปีที่ผ่านมา รวมถึงสิทธิพิเศษสุดเอ็กซ์คลูซีฟสำหรับลูกค้าใหม่ภายในงาน

• รับฟรี! กระเป๋า Merry Ville Limited Edition มูลค่า 1,500 บาท สำหรับลูกค้า 200 ท่านแรกที่สมัครแอป Samsung Members
• ลุ้นรับดีลพิเศษจากร้านดัง เช่น After You, Guss Damn Good, Karun และ PAUL ผ่าน Galaxy Gift (สิทธิพิเศษมีจำนวนจำกัด)
• ลูกค้าที่เข้าร่วมกิจกรรม ถ่าย – แชร์ – โพสต์ พร้อมติด #SayItwithGalaxy รับทันที! คูปองส่วนลดมูลค่า 400 บาท สำหรับการซื้อสินค้า Samsung ประเภทสมาร์ทโฟน แท็บเล็ต และอุปกรณ์สวมใส่ (นาฬิกา, หูฟัง, แหวน) รุ่นที่ร่วมรายการ มูลค่าขั้นต่ำ 10,000 บาท (ราคาหลังหักส่วนลดแล้ว) โดยคูปองสามารถใช้ได้เฉพาะที่ Samsung Experience Store สาขาเซ็นทรัลเวิลด์ สำหรับลูกค้า 250 ท่านแรก เท่านั้น

พบกับแคมเปญ “Say it with Galaxy” ได้ตั้งแต่วันที่ 16 พฤศจิกายน 2567 – 5 มกราคม 2568 ณ Central Court ชั้น 1 เซ็นทรัลเวิลด์ แล้วมาร่วมส่งต่อความรู้สึกดี ๆ พร้อมเก็บทุกโมเมนต์สำคัญไว้เป็นความทรงจำที่มีค่าไปด้วยกัน

 

 

]]>
1499937
ไทยพาณิชย์ ผนึก ไทยแลนด์ พริวิเลจ คาร์ด เสริมแกร่งเอกสิทธิ์บริการทางการเงินเหนือระดับ https://positioningmag.com/1499931 Wed, 20 Nov 2024 05:27:37 +0000 https://positioningmag.com/?p=1499931 ธนาคารไทยพาณิชย์ ตอกย้ำกลยุทธ์ Digital Bank with Human Touch มุ่งสู่การเป็นดิจิทัลแบงก์ที่เป็นอันดับหนึ่งด้านการบริหารความมั่งคั่ง พร้อมมอบประสบการณ์การให้บริการที่เข้าถึงใจ เข้าถึงคุณ จับมือ บริษัท ไทยแลนด์ พริวิเลจ คาร์ด จำกัด ในฐานะผู้ให้บริการเอกสิทธิ์ทางด้านวีซ่าพำนักระยะยาว ภายใต้การกำกับดูแลของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) ภายใต้แนวคิด “Enhance Your Financial Experience” มอบเอกสิทธิ์ด้านการบริหารความมั่งคั่งเหนือระดับให้แก่สมาชิกไทยแลนด์ พริวิเลจ คาร์ด ด้วยประสบการณ์การเงินการลงทุนแบบครบวงจรแก่กลุ่มลูกค้าชาวต่างชาติที่มีศักยภาพที่เข้ามาพำนักในประเทศไทย โดยมี นายกฤษณ์ จันทโนทก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารไทยพาณิชย์ และนายมนาเทศ อันนวัฒน์ เพรสซิเดนท์ บริษัท ไทยแลนด์ พริวิเลจ คาร์ด จำกัด พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร ร่วมลงนามความร่วมมือ เมื่อเร็วๆ นี้

นายกฤษณ์ จันทโนทก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารไทยพาณิชย์ กล่าวว่า “ภายใต้กลยุทธ์ Digital Bank with Human Touch ธนาคารให้ความสำคัญกับการนำขีดความสามารถด้านเทคโนโลยีดิจิทัลมายกระดับประสบการณ์การให้บริการที่เข้าใจและรู้ใจลูกค้ามากยิ่งขึ้น ด้วยความมุ่งมั่นที่จะเป็นดิจิทัลแบงก์ที่เป็นอันดับหนึ่งด้านการบริหารความมั่งคั่ง ธนาคารไทยพาณิชย์ จึงได้ร่วมมือกับ ไทยแลนด์ พริวิเลจ คาร์ด ภายใต้แนวคิด “Enhance Your Financial Experience” มอบเอกสิทธิ์ด้านการเงิน การลงทุนและบริการเหนือระดับที่คัดสรรให้แก่สมาชิกไทยแลนด์ พริวิเลจ คาร์ด ด้วยผลิตภัณฑ์และโซลูชันทางการเงินการลงทุนแบบครบวงจร อาทิ สนับสนุนเรื่องการเปิดบัญชีเงินฝาก การทำธุรกรรมทางการเงินผ่านแอป SCB EASY พร้อมทีมที่ปรึกษาด้านการเงินการลงทุนส่วนบุคคลระดับมืออาชีพ (Relationship Manager) ที่พร้อมดูแลลูกค้าคนสำคัญอย่างใกล้ชิด ตอบโจทย์ความต้องการของกลุ่มชาวต่างชาติที่มีศักยภาพที่เข้ามาพำนักในประเทศไทยที่มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องได้อย่างตรงใจ ความร่วมมือในครั้งนี้เป็นการผสานความแข็งแกร่งของทั้งสององค์กรเข้าไว้ด้วยกัน สะท้อนถึงความมุ่งมั่นในการยกระดับบริการทางการเงินการลงทุนที่มีคุณภาพสูงสุดสำหรับสมาชิก พร้อมหวังเป็นส่วนหนึ่งในการดึงเม็ดเงินจากต่างประเทศเข้ามากระตุ้นเศรษฐกิจไทยให้เติบโตอย่างยั่งยืน สอดรับมาตรการของรัฐบาลในการดันประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางทางการเงินของภูมิภาค”

นายมนาเทศ อันนวัฒน์ เพรสซิเดนท์ บริษัท ไทยแลนด์ พริวิเลจ คาร์ด จำกัด กล่าวว่า “บริษัทฯ ได้ผนึกกำลัง ธนาคารไทยพาณิชย์ พันธมิตรทางด้าน Wealth และหนึ่งในผู้นำด้านสถาบันการเงินของไทย เพื่อตอบโจทย์ตามความต้องการของสมาชิกในการทำธุรกรรมทางการเงินและการลงทุนให้ได้รับความสะดวกสบายมากขึ้น พร้อมตอกย้ำความแข็งแกร่งในการดำเนินงานของไทยแลนด์ พริวิเลจ คาร์ด ในฐานะผู้ให้บริการเอกสิทธิ์ทางด้านวีซ่าพำนักระยะยาว มุ่งมั่นดำเนินการนำเสนอบัตรสมาชิกพิเศษไทยแลนด์ พริวิเลจ ที่มาพร้อมกับการบริการพิเศษ ณ สนามบิน และสิทธิประโยชน์ที่หลากหลายครอบคลุมทุกไลฟ์สไตล์ ให้กับลูกค้าสมาชิกชาวต่างชาติที่พำนักระยะยาวและใช้ชีวิตในประเทศไทยภายใต้แนวคิด “Make Thailand Your Home”

 

]]>
1499931
กรุงศรีจัดงาน Krungsri-MUFG Business Matching Fair 2024 ปูทางธุรกิจสู่ความสำเร็จในอาเซียน https://positioningmag.com/1499925 Wed, 20 Nov 2024 05:22:43 +0000 https://positioningmag.com/?p=1499925 กรุงศรี (ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน)) ยืนหยัดเดินหน้าสู่การเป็น “ธนาคารชั้นนำแห่งภูมิภาคเพื่อความยั่งยืน” ร่วมกับ MUFG จัดงาน “Krungsri-MUFG Business Matching Fair 2024” งานเจรจาจับคู่ทางธุรกิจแห่งปีพบปะเครือข่ายพันธมิตรที่น่าเชื่อถือที่พร้อมสร้างโอกาสเติบโตทางธุรกิจผ่านการขยายตลาดในห้าประเทศ ได้แก่ ไทยญี่ปุ่นเวียดนามฟิลิปปินส์และอินโดนีเซีย

นายเคนอิจิ ยามาโตะ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “งาน Krungsri-MUFG Business Matching Fair 2024 เกิดขึ้นจากความมุ่งมั่นของกรุงศรี และ MUFG ที่ต้องการส่งเสริมระบบนิเวศทางธุรกิจที่เอื้อต่อการเติบโตอย่างเต็มประสิทธิภาพแก่ผู้ประกอบการทั้งในประเทศไทย ญี่ปุ่น และประเทศอื่น ๆ ในภูมิภาค โดยครั้งนี้จัดขึ้นเป็นครั้งที่ 12 ซึ่งนอกจากจำนวนลูกค้าและประเภทอุตสาหกรรมที่เข้าร่วมงานมากขึ้นแล้ว จำนวนผู้เข้าร่วมงานจากต่างประเทศก็เพิ่มมากขึ้นเช่นกันสะท้อนให้เห็นถึงความสนใจในการขยายธุรกิจสู่ภูมิภาคอาเซียนอย่างต่อเนื่องและด้วยความร่วมมือที่แน่นแฟ้นระหว่างกรุงศรี และ MUFG งานในวันนี้จึงประสบความสำเร็จตามพันธกิจโดยเราสามารถจับคู่ธุรกิจให้ได้กว่า200 คู่”

นายยู ซาโต กรรมการผู้จัดการใหญ่หัวหน้าฝ่ายให้คำปรึกษากลยุทธ์ทางการเงินธนาคาร MUFG กล่าวว่า “งานจับคู่ทางธุรกิจภายใต้ความร่วมมือของกรุงศรี และ MUFG จัดขึ้นครั้งแรกในปี 2556 ซึ่งมีส่วนสำคัญในการเสริมสร้างความสัมพันธ์ทางธุรกิจระหว่างประเทศไทยและญี่ปุ่นมาอย่างต่อเนื่องจนถึงปัจจุบันสำหรับการจัดงานในปีนี้ นับเป็นปีแรกที่ MUFG ได้เชิญลูกค้าจากธนาคารพันธมิตรทั้งหมดมาร่วมงานด้วย ทั้งนี้ เรามุ่งหวังที่จะเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยเปิดโอกาสให้กับผู้ประกอบการทั้งสองประเทศในการขยายธุรกิจโดยอาศัยความรู้และเครือข่ายระดับโลกที่แข็งแกร่งของ MUFG”

งานเจรจาจับคู่ธุรกิจ Krugsri-MUFG Business Matching Fair 2024 จัดขึ้นต่อเนื่องเพื่อเปิดโอกาสสำหรับ    ผู้ประกอบการไทยในการขยายกิจการไปสู่ต่างประเทศ นอกจากบริการทางการเงินที่กรุงศรีสนับสนุนให้ผู้ประกอบการเดินหน้าสร้างการเติบโตแล้ว ยังมีการนำองค์ความรู้และเครือข่ายที่แข็งแกร่งของ MUFG มาต่อยอดเพื่อเสริมความแข็งแกร่งอีกด้วย โดยในปีนี้มีผู้สนใจเข้าร่วมงานจำนวนมาก ประกอบด้วยบริษัทจากประเทศญี่ปุ่นกว่า 50 บริษัท จากประเทศไทยกว่า 60 บริษัท และจากประเทศอื่น ๆ ในอาเซียนอีกมากมาย ซึ่งเป็นผู้ประกอบการในภาคอุตสาหกรรม และธุรกิจต่าง ๆ อาทิ อาหาร เครื่องดื่ม สินค้าอุปโภค ของใช้ในบ้าน เครื่องครัว เครื่องสำอาง ผลิตภัณฑ์บำรุงผิว ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ และเชนร้านอาหาร เป็นต้น นอกจากการจับคู่เจรจาธุรกิจ (Business Matching) แล้วกรุงศรียังมีทีมที่ปรึกษาทางธุรกิจ Krungsri ASEAN LINK ที่พร้อมให้คำปรึกษาด้านธุรกิจสำหรับผู้ประกอบการที่ต้องการขยายธุรกิจสู่อาเซียนอีกด้วยโดยคาดว่าจะช่วยให้เกิดการต่อยอดในการขยายเครือข่ายทางธุรกิจให้กับผู้ประกอบการ ซึ่งจะเป็นการปูทางสู่การเติบโตทางเศรษฐกิจของภูมิภาคต่อไปในอนาคตได้อย่างแข็งแกร่ง

“ผมขอขอบคุณทุกภาคส่วน ที่ร่วมมือกันจนงานวันนี้ประสบความสำเร็จได้เป็นอย่างดี ทั้งยังเป็นการตอกย้ำถึงพันธกิจของเราในการเชื่อมโยงบริษัทญี่ปุ่นและบริษัทไทยเข้าด้วยกัน สะท้อนถึงความเชื่อมั่นและไว้วางใจให้เราได้เป็นส่วนหนึ่งที่ได้ช่วยสนับสนุนการขยายตัวทางธุรกิจแก่ลูกค้าของเราที่เป็นผู้ประกอบการในทุกระดับให้เติบโต และมีแรงขับเคลื่อนเชิงบวกเพื่อสร้างสรรค์ระบบนิเวศที่แข็งแกร่ง ผ่านการใช้งานนวัตกรรมทางการเงินที่เหมาะสม และตั้งอยู่บนแนวทาง ESG ที่กรุงศรี และ MUFG ยึดมั่น อันเป็นรากฐานที่ดีต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของทั้งสองประเทศให้มีความแข็งแกร่งอย่างยั่งยืนสืบไป และเราจะเดินหน้าพัฒนาและนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการใหม่ ๆ อย่างต่อเนื่อง    ที่จะช่วยเพิ่มคุณค่าแก่ธุรกิจของทุกท่านต่อไป” นายยามาโตะ กล่าวปิดท้าย

 

]]>
1499925
ยูโอบี ประเทศไทย คว้าสองรางวัลผู้นำด้านความยั่งยืน https://positioningmag.com/1499919 Wed, 20 Nov 2024 05:19:03 +0000 https://positioningmag.com/?p=1499919 ธนาคารยูโอบี ประเทศไทย ภูมิใจคว้าสองรางวัลอันทรงเกียรติด้านการธนาคารระดับนานาชาติด้วยจากการเป็นผู้นำด้านการเงินที่ยั่งยืน ตอกย้ำถึงบทบาทสำคัญที่เพิ่มขึ้นของธนาคารในภาคการเงินสีเขียวของประเทศไทย ธนาคาร    ยูโอบี ประเทศไทย ได้รับรางวัล Best Wholesale/Transaction Bank for Sustainable Finance – Thailand จากเวที The Digital Banker – Global Sustainable Finance Awards 2024 และรางวัล Thailand International Green Finance Initiative of the Year Awards จากเวที Asian Banking & Finance (ABF) Wholesale Banking Awards 2024 ทั้งสองรางวัลนี้สะท้อนถึงความเป็นผู้นำและวิสัยทัศน์เชิงกลยุทธ์ของธนาคารยูโอบี ประเทศไทย ในการพัฒนากรอบแนวคิดการให้สินเชื่อเพื่อความยั่งยืนที่ครอบคลุม เพื่อสนับสนุนธุรกิจไทยในการเปลี่ยนผ่านสู่แนวทางการดำเนินงานที่ยั่งยืน กรอบแนวคิดการให้สินเชื่อเพื่อความยั่งยืนของยูโอบีกำหนดเกณฑ์ชัดเจนสำหรับโครงการที่มีคุณสมบัติที่เหมาะสม ครอบคลุมทั้งสินเชื่อสีเขียว สินเชื่อที่เชื่อมกับการดำเนินการด้านความยั่งยืน สินเชื่อธุรกิจนำเข้าส่งออก และโซลูชันทางการเงินอื่นๆ ซึ่งสอดคล้องกับมาตรฐานระดับสากลและผ่านการประเมินจากหน่วยงานอิสระ

นางวีระอนงค์ จิระนคร ภู่ตระกูล กรรมการผู้จัดการ Deputy CEO และ Wholesale Banking ธนาคารยูโอบี ประเทศไทย กล่าวว่า “เรารู้สึกเป็นเกียรติที่ได้รับรางวัลทั้งสองนี้ และขอขอบคุณที่เล็งเห็นถึงความมุ่งมั่นของเรา    ในการส่งเสริมการพัฒนาอย่างยั่งยืน รางวัลนี้เป็นเครื่องยืนยันถึงความตั้งใจของเราในการสนับสนุนธุรกิจในการเปลี่ยนผ่านสู่ความยั่งยืน โดยเราได้พัฒนากรอบแนวคิดการให้สินเชื่อเพื่อความยั่งยืน นวัตกรรมโซลูชัน และผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่ออกแบบมาเฉพาะ เพื่อช่วยให้ธุรกิจลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและขับเคลื่อนการเติบโตในระยะยาว เราเชื่อว่าการสนับสนุนลูกค้าธุรกิจในการมุ่งสู่ความยั่งยืนนั้นจะช่วยส่งผลกระทบเชิงบวกต่อเศรษฐกิจและสิ่งแวดล้อมในวงกว้าง และเราหวังที่จะรักษาโมเมนตัมนี้ต่อไปและทำงานร่วมกับลูกค้าเพื่อสร้างอนาคตที่ยั่งยืน มั่นคง และรุ่งเรืองยิ่งขึ้นให้กับประเทศไทย”

รางวัล Best Wholesale/Transaction Bank for Sustainable Finance – Thailand จากงาน The Digital Banker – Global Sustainable Finance Awards 2024 ยกย่องความพยายามของธนาคารในการขยายการเข้าถึงแหล่งเงินทุนที่ยั่งยืนสำหรับลูกค้ากลุ่มธุรกิจขนาดใหญ่ โดย The Digital Banker ชื่นชมความมุ่งมั่นของธนาคาร ยูโอบี ประเทศไทย ในการช่วยประเทศไทยบรรลุเป้าหมายการมีส่วนร่วมที่ประเทศกำหนด (Nationally Determined Contributions – NDC) และการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ โดยร่วมกับลูกค้าในเชิงรุกในการปรับเปลี่ยนรูปแบบและแนวทางการดำเนินธุรกิจ พร้อมเสนอโซลูชันทางการเงินเพื่อการเปลี่ยนผ่านนี้

นอกจากนี้ ธนาคารยูโอบี ประเทศไทย ยังได้รับรางวัล Thailand International Green Financing Bank of the Year จากงาน ABF Wholesale Banking Awards 2024 ซึ่งยกย่องการพัฒนากรอบแนวคิดและโซลูชันการให้สินเชื่อเพื่อความยั่งยืนอย่างต่อเนื่องของยูโอบีในการสนับสนุนธุรกิจให้เปลี่ยนผ่านสู่ความยั่งยืน เวทีนี้เน้นย้ำถึงการที่ยูโอบีผนวกรวมความยั่งยืนเข้าเป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์ทางธุรกิจและการขยายกรอบแนวคิดการให้สินเชื่อเพื่อความยั่งยืนของธนาคารเพื่อเสริมศักยภาพลูกค้าในหลายภาคส่วน ในปี 2566 ยูโอบีได้บรรลุข้อตกลงสินเชื่อเพื่อความยั่งยืนใหม่จำนวน 79 รายการ ภายใต้กรอบแนวคิดการให้สินเชื่อเพื่อความยั่งยืนทั้งห้าของธนาคาร ซึ่งสะท้อนถึงการเติบโตอย่างยั่งยืนที่มีนัยสำคัญ

ความสำเร็จนี้สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของธนาคารยูโอบี ประเทศไทย ในการสนับสนุนธุรกิจในการปรับตัวสู่เศรษฐกิจคาร์บอนต่ำ พร้อมเสริมสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันในระยะยาว

]]>
1499919
แมคโดนัลด์ จัดโปรเอาใจสายเนื้อ รับเทศกาล! ‘Beef Festival’ เสิร์ฟเบอร์เกอร์เนื้อๆ เน้นๆ อร่อยเต็มคำ https://positioningmag.com/1499914 Wed, 20 Nov 2024 05:14:01 +0000 https://positioningmag.com/?p=1499914 แมคโดนัลด์ เชิญพบกับเทศกาล ‘Beef Festival’ ที่คนรักเนื้อต้องร้องว้าว! จับอินไซต์คนรักเบอร์เกอร์เนื้อ ที่ต้องเล็งหามุมที่ดูน่าทานที่สุดก่อนจะกัดเบอร์เกอร์คำโตๆ เพื่อให้ได้รสชาติที่อร่อยเต็มคำครบทุกองค์ประกอบ ตั้งแต่คำแรก! โดยเทศกาล ‘Beef Festival’ สุดพิเศษนี้แมคโดนัลด์ยกขบวน 3 เมนูเบอร์เกอร์ ตัวท็อป ที่การันตีความอร่อยเต็มคำแบบเนื้อๆ เน้นๆ กัดแล้วฟินทุกคำ กับเนื้อวัว 100% นำเข้าจากประเทศออสเตรเลีย พร้อมวิธีการย่างเนื้อที่ล็อครสชาติให้ชุ่มฉ่ำขึ้น, เสิร์ฟร้อนๆ ชีสเยิ้มๆ กับขนมปังที่หอมนุ่ม และซอสสูตรเฉพาะ พร้อมราคาโปรโมชั่นสุดพิเศษ เริ่มต้นเพียงชิ้นละ 99 บาท เท่านั้น เลือกอร่อยตามใจ กับ 3 เมนูเนื้อสุดโปรด ดังนี้

• ดับเบิ้ลชีสเบอร์เกอร์ (Double Cheeseburger) อร่อยแบบดับเบิ้ลกับเนื้อวัว 2 ชิ้นที่ย่างจนหอมกรุ่น เสิร์ฟพร้อมชีสคุณภาพดีจากนิวซีแลนด์ เพียงชิ้นละ 99 บาท
• บิกแมค (Big Mac) อิ่มอร่อยกับเมนูเบอร์เกอร์ระดับตํานานที่หลายคนหลงรัก พร้อมซอสบิกแมคสูตรเฉพาะของแมคโดนัลด์ เพียงชิ้นละ 115 บาท
• ควอเตอร์ พาวน์เดอร์ วิทชีส (Quarter Pounder with Cheese ) ฉีกทุกกรอบเบอร์เกอร์ ด้วยเนื้อล้นขอบ อร่อยสะใจกับเนื้อแผ่นใหญ่กว่าเดิม เพียงชิ้นละ 119 บาท

ลิ้มรสความอร่อยแบบเนื้อ ๆ เน้น ๆ อร่อยเต็มคำ แบบสุดคุ้มจากทั้ง 3 เมนู ได้แล้ว ตั้งแต่ 20 พ.ย. 67 – 14 ม.ค. 68 ที่ร้านแมคโดนัลด์ทุกสาขาที่ร่วมรายการ และ บริการ ไดร์ฟ ทรู (Drive Thru) ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Facebook.com/McThai

#McDonalds #แมคโดนัลด์ #BeefFestival

*ราคาอาจแตกต่างกันในแต่ละสาขา

*บริการจัดส่งอาหารถึงบ้านแมคดิลิเวอรี ไม่ร่วมรายการ

*เริ่มจำหน่ายตั้งแต่เวลา 11 โมง ถึงตี 5

]]>
1499914
‘กองรีท LHSC’ พร้อมนำหน่วยทรัสต์เพิ่มทุนเข้าเทรด 21 พ.ย.นี้ เพิ่มสภาพคล่องในตลาด ชูจุดเด่นทรัพย์สิน ‘ศูนย์การค้าเทอร์มินอล 21 อโศก และ พัทยา’ รับผลบวกท่องเที่ยวและค้าปลีกโตเด่น https://positioningmag.com/1499906 Wed, 20 Nov 2024 05:08:19 +0000 https://positioningmag.com/?p=1499906 LHSC กองรีทโครงการศูนย์การค้าเทอร์มินอล 21 จากกลุ่ม บมจ.แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ พร้อมนำหน่วยทรัสต์เพิ่มทุน
เข้าเทรดในวันที่ 21 พฤศจิกายนนี้ โดยผู้ที่สนใจสามารถเข้าลงทุนผ่านตลาดหลักทรัพย์ฯ หลังกองทรัสต์ฯ เสนอขายหน่วยทรัสต์เพิ่มทุนเพื่อเข้าลงทุนในทรัพย์สินเพิ่มเติมใน “โครงการศูนย์การค้าเทอร์มินอล 21 พัทยา” เป็นที่เรียบ ร้อย หนุนศักยภาพสร้างรายได้เพิ่มขึ้น และประมาณการยีลด์จากเงินปันผลปีแรกสูงถึง 9.7%* มองภาพรวมการท่องเที่ยวและค้าปลีกที่กำลังเติบโต และทิศทางอัตราดอกเบี้ยขาลงช่วยหนุนความน่าสนใจต่อการลงทุนในกองรีท

นายมนรัฐ ผดุงสิทธิ์ กรรมการผู้อำนวยการ บริษัท หลักทรัพย์จัดการกองทุน แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด
(LH Fund) ในฐานะผู้จัดการกองทรัสต์ LHSC กล่าวว่า หลังจาก LHSC ได้เสนอขายหน่วยทรัสต์เพิ่มทุนเพื่อเข้าลงทุนเพิ่มเติมในสิทธิการเช่า “โครงการศูนย์การค้าเทอร์มินอล 21 พัทยา” จากกลุ่ม บมจ.แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ เป็นที่เรียบร้อยและได้รับการตอบรับอย่างล้นหลาม จากนักลงทุนรายย่อยและนักลงทุนสถาบัน ล่าสุดพร้อมนำหน่วยทรัสต์เพิ่มทุนเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ในวันที่ 21 พฤศจิกายน 2567 ซึ่งจะช่วยเพิ่มสภาพคล่องในตลาดจากขนาดของกองทรัสต์ที่ใหญ่ขึ้น โดยผู้ที่พลาดการจองซื้อในช่วงเสนอขายหน่วยทรัสต์เพิ่มทุนที่ผ่านมา สามารถเข้าลงทุนผ่านตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ทั้งนี้ ปัจจุบันเป็นจังหวะดีที่จะเข้าลงทุนใน LHSC กองรีท รีเทลที่ลงทุนในทรัพย์สิน Tourist Mall ซึ่งได้รับผลดีจากภาพรวมการท่องเที่ยวและค้าปลีกของไทยที่กำลังขยายตัว ประกอบกับทิศทางอัตราดอกเบี้ยของไทยและทั่วโลกที่เริ่มเข้าสู่ขาลง จะทำให้การลงทุนในกองรีทมีความน่าสนใจยิ่งขึ้น เนื่องจากต้นทุนทางการเงินของกองรีทลดลง และส่วนต่างผลตอบแทนระหว่างพันธบัตรอายุ 10 ปี และเงินปันผลของกลุ่มรีทและพร็อพเพอร์ตี้ฟันด์มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นได้อีก ขณะที่ดัชนีราคากลุ่มกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์และทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (PF&REIT) ณ สิ้นไตรมาส 3/2567 ปรับเพิ่มขึ้นอย่างโดดเด่นกว่า 20% เทียบกับสิ้นไตรมาสก่อนหน้า

ดร.ณัฐกวิน เจียมโชติพัฒนกุล ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานและอสังหาริมทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด ในฐานะผู้จัดการกองทรัสต์ กล่าวว่า หลังจากลงทุนเพิ่มเติม LHSC มีศักยภาพสร้างรายได้เพิ่มขึ้น จากทรัพย์สินในพอร์ตโฟลิโอที่เพิ่มขึ้นเป็น 2 โครงการ ได้แก่ โครงการศูนย์การค้าเทอร์มินอล 21 อโศก ที่ตั้งอยู่ในบริเวณเดียวกับโรงแรมแกรนด์ เซนเตอร์ พอยต์ เทอร์มินอล 21 บนทำเลใจกลางเมืองอโศก-สุขุมวิท จุดเชื่อมต่อรถไฟฟ้า BTS อโศก และ MRT สุขุมวิท รวมถึงแวดล้อมด้วยโรงแรมระดับ 4 – 5 ดาว คอนโดมิเนียม อาคารสำนักงาน สถานศึกษา ศูนย์ประชุมนานาชาติ และโครงการศูนย์การค้าเทอร์มินอล 21 พัทยา ซึ่งเป็นทรัพย์สินใหม่ที่มีจุดเด่นด้านการออกแบบภายใต้ธีมท่าอากาศยานแห่งการช้อปปิ้งสุดชิค พร้อมมีอาคารจอดรถที่สามารถรองรับได้กว่า 2,000 คัน ถือเป็นแลนด์มาร์คของพัทยาเหนือ และตั้งอยู่ใกล้กับวงเวียนปลาโลมา โดยทั้งสองศูนย์การค้ามีอัตราการเช่าพื้นที่เฉลี่ย ณ สิ้นไตรมาส 3/2567 อยู่ที่ 99% ขณะที่ผลการดำเนินงานงวด 9 เดือนแรกของปี 2567 ของกองทรัสต์ก่อนเข้าลงทุนในทรัพย์สินใหม่มีรายได้จากการลงทุนรวม 1,049.87 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิจากการลงทุนรวม 489.13 ล้านบาท เติบโตกว่า 14% และ 29% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า (ตามลำดับ) และจ่ายเงินปันผลจากผลการดำเนินงาน 8 เดือนแรกแล้วรวม 0.697 บาทต่อหน่วย นอกจากนี้ LHSC ได้รับรางวัล Best REIT Performance Awards ในกลุ่มรางวัล Business Excellence จากงาน SET Awards 2023 และงาน SET Awards 2024 ติดต่อกัน 2 ปีซ้อน ตอกย้ำกองรีทที่มีผลการดำเนินงานโดดเด่น

นางสาวจิตติสา เจริญพานิช ผู้บริหารงานวาณิชธนกิจ ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่ายร่วม กล่าวว่า LHSC เป็นกองรีทรีเทลที่มีจุดเด่นหลากหลาย โดยการลงทุนเพิ่มเติมในครั้งนี้เป็นการลงทุนในทรัพย์สินที่พัฒนาและบริหารโดยกลุ่ม บมจ.แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ ซึ่งเป็นบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำที่มีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญสูง ประกอบกับทรัพย์สินปัจจุบันและทรัพย์สินที่ลงทุนเพิ่มเติมอยู่บนทำเลที่มีศักยภาพในย่านใจกลางกรุงเทพฯ และพัทยา และกองทรัสต์มีประวัติการจ่ายเงินปันผลอย่างสม่ำเสมอ โดย LHSC ประมาณการอัตราจ่ายประโยชน์ตอบแทนในปี 2568 ภายหลังการเพิ่มทุนสูงถึง 9.7%*

นายยศวีร์ สุทธิกุลพานิช ผู้บริหารสายงาน Investment Banking and Capital Markets ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่ายร่วม กล่าวว่า จากบรรยากาศและความเชื่อมั่นการลงทุนที่ฟื้นตัวประกอบกับทิศทางอัตราดอกเบี้ยขาลง ส่งผลให้กองรีทเป็นหนึ่งในสินทรัพย์เพื่อการลงทุนที่น่าสนใจ โดยเฉพาะ LHSC ที่ลงทุนในโครงการศูนย์การค้าเทอร์มินอล 21 อโศก และโครงการศูนย์การค้าเทอร์มินอล 21 พัทยา ที่มีนักท่องเที่ยวต่างชาติและคนไทยมาใช้บริการจำนวนมาก ซึ่งจะได้รับปัจจัยบวกจากการเข้าสู่ไฮซีซันของธุรกิจการท่องเที่ยว และแนวโน้มการเติบโตอย่างต่อเนื่องของจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติในปี 2568

*อ้างอิงประมาณการจ่ายประโยชน์ตอบแทนของกองทรัสต์ ตามที่เปิดเผยในหนังสือชี้ชวน

คำเตือน:
– ผู้ลงทุนโปรดทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน
– ผลการดำเนินงานในอดีต/ผลการเปรียบเทียบผลการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ในตลาดทุน มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต

]]>
1499906
สายเคเบิลใต้ทะเลบอลติกขาดอีก 2 เส้น เยอรมนี-ฟินแลนด์คาดเป็นการ ‘ก่อวินาศกรรม’ ใช้เวลาซ่อม 5-15 วัน https://positioningmag.com/1499902 Wed, 20 Nov 2024 04:49:40 +0000 https://positioningmag.com/?p=1499902 สายเคเบิลใยแก้ว 2 เส้นที่ใช้รับส่งข้อมูลสื่อสารผ่านทะเลบอลติกถูกตัดขาด รวมถึงเส้นที่เชื่อมระหว่างฟินแลนด์กับเยอรมนี ทำให้ประเทศและบริษัทที่เกี่ยวข้องออกมาตั้งข้อสงสัยว่านี่จะเป็นการ “ก่อวินาศกรรม” โดยกลุ่มผู้ไม่หวังดีหรือไม่

เหตุการณ์ล่าสุดที่เกิดขึ้นยังทำให้หลายฝ่ายนึกไปถึงกรณีอื่นๆ ที่มีการตรวจสอบแล้วว่า อาจเกิดจากการก่อวินาศกรรม ไม่ว่าจะเป็นความเสียหายที่เกิดกับท่อก๊าซและสายเคเบิลใต้ทะเลเมื่อช่วงปีที่แล้ว รวมถึงเหตุท่อก๊าซนอร์ดสตรีม ระเบิดเมื่อปี 2022

สายเคเบิลใยแก้วความยาว 1,200 กิโลเมตรที่เชื่อมระหว่างกรุงเฮลซิงกิกับท่าเรือรอสต็อกของเยอรมนีหยุดทำงานเมื่อราวๆ 2.00 น. GMT เมื่อวันจันทร์ที่ 18 พ.ย. ตามข้อมูลจากบริษัทด้านความมั่งคงไซเบอร์และโทรคมนาคม Cinia ของฟินแลนด์

ขณะเดียวกัน สายเคเบิลรับส่งสัญญาณอินเทอร์เน็ตความยาว 218 กิโลเมตรที่เชื่อมระหว่างลิทัวเนียกับเกาะกอต ลันด์ (Gotland Island) ของสวีเดนก็หยุดทำงานไปในเวลาประมาณ 8.00 น. GMT ของวันอาทิตย์ที่ 17 พ.ย. ตามข้อมูลของบริษัทโทรนาคม Telia Leituva ในลิทัวเนีย

รัฐบาลฟินแลนด์และเยอรมนีได้ออกคำแถลงร่วมระบุว่า “มีความกังวลอย่างยิ่งต่อกรณีสายเคเบิลใต้ทะเลถูกตัด” และกำลังเร่งสืบหาความจริง “เกี่ยวกับเหตุการณ์ซึ่งทำให้เกิดข้อสงสัยในทันทีว่า จะเป็นการจงใจก่อความเสียหายหรือไม่”

คำแถลงร่วมยังระบุด้วยว่า ความมั่นคงปลอดภัยของยุโรปกำลังถูกคุกคามโดยสงครามระหว่างรัสเซียกับยูเครน “รวมถึงสงครามไฮบริดอันเป็นฝีมือของพวกผู้ไม่หวังดี” ซึ่งก็ไม่ได้บอกว่าหมายถึงใคร

“การปกป้องโครงสร้างพื้นฐานร่วมที่จำเป็นยิ่งยวดถือว่าสำคัญต่อความมั่นคงและความอดทนยืดหยุ่นในสังคมของพวกเรา”

ด้าน ออดรีอุส สตาซิอูไลทิส โฆษกของ Telia Leituva เปิดเผยว่ายังมีสายเคเบิลอีกเส้นหนึ่งที่ถูกตัดขาดเช่นกัน โดยเป็นสายเคเบิลของบริษัท Arelion ของสวีเดนที่ใช้เพื่อการรับส่งสัญญาณอินเทอร์เน็ตของ Telia Leituva

“จำเป็นจริงๆ ที่จะต้องหาคำตอบให้ได้ชัดเจนว่า ทำไมสายเคเบิล 2 เส้นในทะเลบอลติกถึงไม่ทำงาน” คาร์ล-ออส การ์ โบห์ลิน รัฐมนตรีกระทรวงป้องกันพลเรือนสวีเดน ให้สัมภาษณ์ผ่านสถานีโทรทัศน์ STV

ทะเลบอลติกซึ่งตั้งอยู่ในภูมิภาคยุโรปเหนือถือเป็นเส้นทางเดินเรือพาณิชย์ที่สำคัญ และมีอาณาเขตติดกับ 9 ประเทศ รวมถึงรัสเซีย

อารี-จุสซี คนาปิลา ซีอีโอของ Cinia ระบุในงานแถลงข่าวว่า จุดที่สายเคเบิลเชื่อมฟินแลนด์กับเยอรมนีเสียหายนั้นอยู่ใกล้ๆ กับตอนใต้ของเกาะโอลันด์ (Oland Island) ของสวีเดน และอาจต้องใช้เวลาประมาณ 5-15 วันในการซ่อมแซม

ย้อนไปเมื่อช่วงปีที่แล้ว ท่อก๊าซใต้ทะเล 1 เส้นและสายเคเบิลรับส่งสัญญาณสื่อสารใต้ทะเลบอลติกอีกหลายเส้นก็ได้รับความเสียหาย ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่สร้างความหวั่นวิตกไปทั่วภูมิภาค

พนักงานสอบสวนของฟินแลนด์และเอสโตเนียได้แถลงในปี 2023 ว่า เรือสินค้าจีนลำหนึ่งน่าจะเป็นตัวการลากสมอจนทำให้สายเคเบิลถูกทำลาย แต่ก็ไม่ได้ชี้ชัดลงไปว่าเป็นอุบัติเหตุ หรือการกระทำโดยจงใจ

ในปี 2022 ท่อส่งก๊าซนอร์ดสตรีมที่เชื่อมระหว่างรัสเซียกับเยอรมนีในทะเลบอลติกก็ถูกระเบิดจนพังเสียหาย ซึ่งเป็นคดีที่ทางการเยอรมนียังอยู่ระหว่างสืบสวนหาต้นตอ

]]>
1499902
เคาท์ดาวน์แบบติดแกลม! หมูกระทะคนรวย ICONSIAM จัดแพ็คเกจเคาท์ดาวน์โซนริมน้ำ เริ่มต้น 12,000-60,000 บาท https://positioningmag.com/1499881 Wed, 20 Nov 2024 04:36:49 +0000 https://positioningmag.com/?p=1499881 เรียกได้ว่าเข้าสู่โค้งสุดท้ายของปีเต็มที เข้าสู่ช่วงเวลาแห่งการเฉลิมฉลองส่งท้ายปีเก่าต้องรับปีใหม่ ในแต่ละปีศูนย์การค้า และร้านอาหารต่างคึกคักไปด้วยผู้คนที่ต่างออกมาเคาท์ดาวน์ ต่างงัดไม้เด็ดออกมาดึงดูดลูกค้า

ICONSIAM ขึ้นชื่อว่าเป็นศูนย์การค้าริมน้ำเจ้าพระยา และมีการจัดงานเคาท์ดาวน์ต้นรับปีใหม่ที่ค่อนข้างโดดเด่น จัดเต็มด้วยศิลปิน กิจกรรมต่างๆ และพลุอย่างอลังการ แถมปีนี้ยังได้ “ลิซ่า BLACKPINK” มาร่วมงานด้วย เตรียมปรากฎการณ์ห้างแตกได้เลย

และด้วยความที่เป็นศูนย์การค้าริมแม่น้ำเข้าพระยา ทำให้มีโซนห้างที่ติดริมน้ำ ร้านอาหารบางส่วนก็มีโซนติดริมน้ำเช่นกัน สร้าง Vibe สร้างบรรยากาศอีกแบบ เพิ่มมูลค่าให้ร้านอาหารได้ดีทีเดียว ในช่วงวันปีใหม่ร้านอาหารใน ICONSIAM ต่างกันออกแพ็คเกจเคาท์ดาวน์ด้วยราคาแบบปังๆ เคาท์ดาวน์แบบติดแกลม เฉลี่ยแล้วตกคนละ 6,000 บาทเลยทีเดียว แต่ก็อาจจะคุ้ม เพราะวิวหลักล้าน

อย่าง “รวยไม่หยุด กรุ๊ป” เจ้าของแบรนด์ดังมากมาย ส่งแบรนด์ nice two Meat u และหมูกระทะคนรวย เข้าร่วมแพ็คเกจเคาท์ดาวน์เพราะมีสาขาตั้งอยู่โซนเอาท์ดอร์ โดยร่วมทานอาหาร และเคาท์ดาวน์ตั้งแต่เวลา 22.00-01.30 น.

nice two Meat u มีแพ็คเกจ ตั้งแต่ 2-8 คน ราคาตั้งแต่ 2 คน = 9,999 ++, 4 คน = 19,999 ++, 6 คน = 29,999 ++ และ 8 คน = 39,999 ++ ซึ่งราคายังไม่รวม vat 7% และ service charge 10% หากจำนวนลูกค้าเกินกำหนด คิดเพิ่มคนละ 3,999 ++

ส่วนหมูกระทะคนรวยได้สร้างเสียงฮือฮาเป็นพิเศษ เพราะแพ็คเกจราคาสูงสุดถึง 60,000 บาท มีแพ็คเกจราคาตั้งแต่ 2 คน = 11,999 ++, 4 คน = 23,999 ++, 6 คน = 35,999 ++ และ 10 คน = 59,999 ++ ราคายังไม่รวม vat 7% และ service charge 10% เช่นกัน หากจำนวนลูกค้าเกินกำหนด คิดเพิ่มท่านละ 4,999 ++ 

ส่วนร้าน “กับข้าวกับปลา” ของกลุ่มไอเบอร์รี่ก็ส่งเข้าประกวดด้วยเช่นกัน แต่เป็นราคาต่อคนไม่ได้เป็นแพ็คเกจโต๊ะ ราคา 5,999 บาท จะได้รับรับ Welcome drink 1 แก้ว/ท่าน, อาหารทานเล่น 1 จาน/ท่าน, เมนูส้มตำหรือยำ 1 เมนู/โต๊ะ, บลูเบอร์รี่ชีสเค้ก 1 ชิ้น/ท่าน, 5 wishes ice cream 1 ที่ /โต๊ะ และ Piccini Prosecco DOC Venetian Dres (Italy) 1 ขวด/ 2 ท่าน

เรียกได้ว่างานเคาท์ดาวน์ปีนี้ไม่มีใครยอมใครเลยจริงๆ ทางศูนย์การค้าก็งัดหมัดเด็ดในการดึงลูกค้าเข้าศูนย์ และก็เป็นโอกาสทองของร้านอาหารที่จะได้ขายอาหาร และบรรยากาศดีๆ ในช่วงส่งท้ายปี

]]>
1499881