กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Fri, 06 Sep 2013 00:00:00 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 กสอ. แนะอุตสาหกรรมอาหารไทยบุกตลาดอิเหนา พร้อมเผยอินโดฯ ปี 57 กลุ่มตลาดพรีเมี่ยม โต 20% https://positioningmag.com/57163 Fri, 06 Sep 2013 00:00:00 +0000 http://positioningmag.com/?p=57163

กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม (กสอ.) กระทรวงอุตสาหกรรมเร่งนำอุตสาหกรรมไทยเจาะตลาดอินโดนีเซีย ประเดิมโชว์ศักยภาพอุตสาหกรรมไทยในงานแสดงอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่มระดับนานาชาติ ณ ประเทศอินโดนีเซีย 2013 “Interfood Indonesia 2013” พร้อมชูโครงการ เพิ่มศักยภาพธุรกิจ SMEs สู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน เพื่อติวเข้มผู้ประกอบการไทยให้พร้อมสำหรับการลงทุน โดยมุ่งเน้นการส่งเสริมสินค้าในกลุ่มอุตสาหกรรมอาหารตลาดพรีเมี่ยม ในระดับ B – A ซึ่งมีสัดส่วน 10 – 15 % ของประชากรทั้งหมด หรือคิดเป็น 24.5 ล้านคน เพื่อเจาะตลาดอินโดนีเซียที่มีแนวโน้มการเติบโตเพิ่มขึ้นกว่า 20 % ต่อปี ทั้งนี้สถิติการส่งออกของไทยไปอินโดนีเซียในช่วง 5 เดือนแรกของปี 2556 มีมูลค่ากว่า 5.07 พันล้านบาท อย่างไรก็ตาม กสอ. เผย 8 อันดับกลุ่มอุตสาหกรรมที่มีแนวโน้มการเติบโตสูงในตลาดอินโดนีเซีย อาทิ อุตสาหกรรมเครื่องดื่มชูกำลัง อุตสาหกรรมผลไม้แปรรูป อุตสาหกรรมแปรรูปเนื้อสัตว์ และอุตสาหกรรมขนมขบเขี้ยว เป็นต้น ซึ่งจาก 6 ใน 8 กลุ่มอุตสาหกรรมล้วนแล้วแต่เป็นสินค้าบริโภค พร้อมเผยแผนผลักดันผู้ประกอบการให้สามารถแข่งขันได้ใน AEC ผ่าน 5 กิจกรรมหลัก ได้แก่ 1.การฝึกอบรมติวเข้มแก่ผู้ประกอบการ 2.การพัฒนาผู้ประกอบการเชิงลึก 3.การพัฒนาแรงงานอุตสาหกรรม 4.การเพิ่มประสิทธิภาพให้กับวิสาหกิจ และ 5. การสร้างเครือข่ายธุรกิจ นอกจากนั้นยังโชว์แผนยุทธศาสตร์ในปี 2557 ที่จะเพิ่มขีดความสามารถควบคู่กับการสร้างความเชื่อมโยงสู่ตลาดในภูมิภาคอาเซียนผ่าน 4 กิจกรรม ได้แก่ 1.การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต และการบริหารจัดการ 2.การจัดพื้นที่อุตสาหกรรม 3.การสนับสนุนการเชื่อมโยงอุตสาหกรรม 4.การขยายโอกาสเข้าสู่ตลาดสากล โดยคาดว่ายุทธศาสตร์ดังกล่าวจะสามารถช่วยเหลือผู้ประกอบการกว่า 500 ราย ในการเพิ่มมูลค่าการส่งออกในภูมิภาคอาเซียนได้กว่า 2,000 ล้านบาท

นายกอบชัย สังสิทธิสวัสดิ์ รองอธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม กล่าวว่า ประเทศอินโดนีเซียถือเป็นตลาดที่ใหญ่ที่สุดในประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนสำหรับผู้ประกอบการไทย โดยอุตสาหกรรมที่มีแนวโน้มเติบโตอย่างมากในประเทศอินโดนีเซีย 8 อันดับ ได้แก่ อุตสาหกรรมสิ่งทอ อุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้า อุตสาหกรรมอาหารทะเลแช่แข็ง อุตสาหกรรมอาหารพร้อมรับประทาน (R-T-E) อุตสาหกรรมเครื่องดื่มชูกำลัง อุตสาหกรรมผลไม้แปรรูป อุตสาหกรรมแปรรูปเนื้อสัตว์ และอุตสาหกรรมขนมขบเขี้ยว โดยจาก 6 ใน 8 อุตสาหกรรมดังกล่าว เป็นกลุ่มอุตสาหกรรมประเภทอาหารและอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับสินค้าอุปโภคบริโภค ซึ่งเป็นกลุ่มอุตสาหกรรมที่ประเทศไทยมีความแข็งแกร่ง และมีศักยภาพในการลงทุนและผลิตเพื่อการส่งออก ดังนั้น กรมส่งเสริมอุตสาหกรรมจึงมีการส่งเสริมผู้ประกอบการให้สามารถพัฒนาอุตสาหกรรมให้สามารถแข่งขันรวมถึงขยายตลาดสู่ประเทศอินโดนีเซียได้ผ่านกิจกรรมต่าง ๆ อาทิ หลักสูตรเจาะลึกตลาดอินโดนีเซีย โอกาสสำหรับธุรกิจไทย ภายใต้โครงการเพิ่มศักยภาพธุรกิจ SMEs สู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน กิจกรรมสัมมนาวิชาการ กิจกรรมการจับคู่ธุรกิจ และกิจกรรมการจัดแสดงสินค้าเพื่อพัฒนาพันธมิตรทางธุรกิจ ฯลฯ

นายกอบชัย กล่าวต่อว่า ตามที่ กสอ. ได้จัด โครงการ “เพิ่มศักยภาพธุรกิจ SMEs สู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน โดยเจาะลึกตลาดอินโดนีเซียนั้น ได้ต่อยอดให้แก่ผู้ประกอบการที่เข้าร่วมโครงการกว่า 20 ราย เข้าร่วมงานแสดงสินค้า“Interfood Indonesia 2013” โดยงานมีวัตถุประสงค์เพื่อให้ผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่ม และอุตสาหกรรมอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น เทคโนโลยีการผลิต ส่วนผสม/สารปรุงแต่ง วัตถุดิบ อุปกรณ์ และบริการ ที่เกี่ยวข้อง ได้มีโอกาสในการแสดงสินค้าที่มีศักยภาพ สินค้าที่มีการพัฒนารูปแบบผลิตภัณฑ์ หรือมีเทคโนโลยีที่ทันสมัยและนำไปสู่การพัฒนาตลาด การจับคู่ทางธุรกิจ และเกิดความร่วมมือกัน ในการนี้ กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม พิจารณาแล้วเห็นว่างานแสดงสินค้านี้จะช่วยสร้างโอกาสทางธุรกิจให้กับผู้ประกอบการไทยในด้านการตลาด และการสร้างเครือข่ายกับผู้ประกอบการประเทศอินโดนีเซีย ตลอดจนเพื่อเป็นการเพิ่มช่องทางและโอกาสทางการตลาดให้กับผู้ประกอบการไทย รวมถึงเพื่อเป็นการสร้างเครือข่ายธุรกิจอุตสาหกรรมไทย ทั้งนี้ กิจกรรมดังกล่าวจัดขึ้น ระหว่างวันที่ 28 – 30 สิงหาคม ณ Jakarta International Expo ประเทศอินโดนีเซีย ภายในงาน มีบูธแสดงสินค้าจากผู้ประกอบการทั่วอาเซียนและทั่วโลก กว่า 1,000 ราย ในกว่า 40 ประเทศ

นายกอบชัย กล่าวต่อว่า เป็นโอกาสทางธุรกิจอันดีที่ผู้ประกอบการไทยจะบุกตลาดอาหารแปรรูปในอินโดนีเซีย ซึ่งมีแนวโน้มการเติบโตของตลาดเพิ่มขึ้นกว่า 20 % ต่อปี เนื่องจากมีจำนวนประชากรกว่า 237.6 ล้านคน ซึ่งคิดเป็น 50 เปอร์เซ็นต์ของประชากรในภูมิภาคอาเซียน โดยในปี 2554 อินโดนีเซียมีมูลค่าการนำเข้าสินค้าในหมวดหมู่อาหารกว่า 8,707.3 ล้านดอลล่าร์สหรัฐ และมีการเติบโตของตลาดอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากประชากรมีจำนวนมากจึงไม่สามารถผลิตได้เพียงพอต่อความต้องการของประชาชนในประเทศ และต้นทุนการผลิตสินค้าประเภทอาหารภายในประเทศที่ค่อนข้างสูง ฉะนั้น จึงนิยมนำเข้าสินค้าอาหารแปรรูปเป็นส่วนใหญ่ โดยเฉพาะอาหารแปรรูปในระดับพรีเมี่ยมที่มีผู้ผลิตในท้องตลาดน้อยราย แต่กลับมีกลุ่มผู้บริโภคในระดับ B – A โดยมีสัดส่วน 10 – 15% ของประชากรทั้งหมด หรือคิดเป็น 24.5 ล้านคน โดยผู้บริโภคกลุ่มนี้มีกำลังการซื้อสูงและมักจะมีพฤติกรรมการซื้อผลิตภัณฑ์อาหารแปรรูปที่นำเข้าจากต่างประเทศ ซึ่งอาหารแปรรูปจากประเทศไทยถือเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกสำหรับผู้บริโภคชาวอินโดนีเซียมักจะนิยมซื้อ เนื่องจากอาหารแปรรูปจากไทยมีคุณภาพดี ราคาถูก และมีความหลากหลาย ซึ่งชาวอินโดนีเซียเองคุ้นเคยกับประเภทของอาหารไทยเป็นอย่างดี นอกจากนั้น รัฐบาลอินโดนีเซียเองยังให้สิทธิประโยชน์ทางด้านการค้าแก่ผู้ประกอบการไทย ภายใต้ข้อตกลง CEPT ที่ลดกำแพงภาษีการค้าลงเหลือร้อยละ 0 – 5 ซึ่งจะเอื้อประโยชน์อย่างมากต่อการค้าการลงทุนระหว่างประเทศ แต่ยังมีผู้ประกอบการอุตสาหกรรมแปรรูปอาหารของไทยน้อยรายที่คิดจะเข้าไปลงทุนและทำการตลาดในประเทศอินโดนีเซีย ซึ่งส่วนใหญ่ที่ลงทุนมักจะเป็นการทำธุรกิจในลักษณะการร่วมทุน (joint venture) มากกว่าการลงทุนโดยตรง เนื่องจากขาดโอกาสในการเปิดตลาดอินโดนีเซีย ทั้งนี้ สถิติการส่งออกของไทยไปอินโดนีเซียในช่วง 5 เดือนแรกของปี 2556 มีมูลค่ากว่า 5.07 พันล้านบาท นายกอบชัย กล่าวสรุป

นายกอบชัย กล่าวต่อว่า ตั้งแต่ปี 2553 กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม (กสอ.) เร่งผลักดันให้อุตสาหกรรมไทยให้สามารถแข่งขันได้ใน AEC เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมให้ผู้ประกอบการก้าวเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยมีนโยบายส่งเสริมศักยภาพอุตสาหกรรมเป้าหมายใน 9 สาขา ได้แก่ อุตสาหกรรมเกษตรแปรรูป อุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับ อุตสาหกรรมไม้และเครื่องเรือน อุตสาหกรรมสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่ม อุตสาหกรรมยานยนต์และชิ้นส่วน อุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ อุตสาหกรรมสินค้า Lifestyle อุตสาหกรรมรองเท้าและผลิตภัณฑ์เครื่องหนัง และอุตสาหกรรมก่อสร้าง ให้สามารถสร้างมูลค่าการส่งออก รวมทั้งลงทุนในภูมิภาคอาเซียนเพิ่มมากขึ้น ซึ่งทางกรมส่งเสริมอุตสาหกรรมได้จัดกิจกรรมส่งส่งเสริมผู้ประกอบการไทยในเวทีประชาคมอาเซียน เพื่อยกระดับขีดความสามารถของธุรกิจในทุกๆด้าน เช่น ด้านการลงทุน ด้านแรงงาน ด้านการตลาด ด้านการเจรจาธุรกิจ ด้านมาตรฐานสินค้า ด้านกฎระเบียบและข้อบังคับของการค้าระหว่างประเทศ ผ่าน 5 กิจกรรมหลัก ได้แก่

1. ฝึกอบรมติวเข้มสร้างความตระหนักรู้ให้กับผู้ประกอบการพร้อมการประเมินตนเอง (self assessment) วิเคราะห์ SWOT ของตนเอง รวมทั้งวิเคราะห์กลุ่มเป้าหมาย งบประมาณ และผลกำไร เป็นต้น ทั้งก่อนและหลังการสัมมนา เพื่อให้ทราบสถานการณ์ปัจจุบันของกิจการของตนเอง และวางแนวทางในการก้าวสู่ AEC ด้วยแผนที่ธุรกิจหรือ Business Roadmap โดยมีเป้าหมายดำเนินการในปีงบประมาณ 2556 แก่ผู้ประกอบการในพื้นที่ดังกล่าวจำนวน 12,000 ราย

2. พัฒนาผู้ประกอบการเชิงลึก ด้วยวิธีการฝึกอบรมให้กับผู้ที่มีความรู้ในการประกอบกิจกรรมในระดับหนึ่งแล้ว เช่น ความรู้เรื่องภาษีนำเข้าของแต่ละประเทศ กฎระเบียบ ประเพณี ค่านิยมและศาสนา เป็นต้น ตั้งเป้าดำเนินการแก่ผู้ประกอบการในพื้นที่ จำนวน 5,000 ราย

3. พัฒนาแรงงานอุตสาหกรรม เน้นไปที่บุคลากรในโรงงานอุตสาหกรรมเพื่อเพิ่มเติมความรู้ และเตรียมพร้อมต่อการปรับตัวสู่ AEC เช่น การพัฒนาผลิตภัณฑ์ การเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิต การส่งต่อและรับช่วงงาน เป็นต้น ซึ่งเป็นการให้ความรู้ในเชิงลึกในรายสาขา โดยมีเป้าหมายพัฒนาแรงงานในพื้นที่จำนวน 5,000 ราย

4. พัฒนาวิสาหกิจ โดยให้ผู้ประกอบการที่อยู่ในกลุ่มธุรกิจเดียวกันรวมกลุ่มกัน เพื่อให้ที่ปรึกษาเข้าไปให้คำแนะนำและเพิ่มเติมความรู้เกี่ยวกับการวางกำหนดนโยบาย ระบบการบริหารจัดการ การทำแผนกลยุทธ์ การกำหนดเป้าหมาย การประมาณการพัฒนาศักยภาพต่าง ๆ รวมทั้งการประเมินการใช้ทรัพยากรไม่ว่าจะเป็น แรงงาน วัตถุดิบ และเงินลงทุน เป็นต้น ซึ่งมีเป้าหมายในพื้นที่เข้าร่วมกับโครงการ จำนวน 650 กิจการ

5. การสร้างเครือข่ายธุรกิจ ด้วยการอำนวยความสะดวกให้ผู้ประกอบการสร้างเครือข่ายในการประกอบกิจการกับประเทศใกล้เคียง อาทิ เวียดนาม พม่า กัมพูชา และลาว เป็นต้น เพื่อสร้างความร่วมมือในระบบห่วงโซ่การผลิต ซึ่งคาดว่าจะสามารถสร้างเครือข่ายในพื้นที่ได้ไม่ต่ำกว่า 10 เครือข่าย

อย่างไรก็ดีในปี 2557 ทางกรมส่งเสริมอุตสาหกรรมมีแผนที่จะยกระดับอุตสาหกรรม SMEs ผ่านแผนยุทธศาสตร์การเพิ่มขีดความสามารถของผู้ประกอบการและภาคอุตสาหกรรมในการแข่งขัน และการสร้างความเชื่อมโยงสู่พื้นที่และตลาดอาเซียน ซึ่งเป็นยุทธศาสตร์ที่มุ่งเน้นการพัฒนาองค์กรโดยสร้างความแข็งแกร่งจาก ผ่าน 4 กิจกรรม ดังนี้

1. การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต และการบริหารจัดการ โดยเฉพาะ Labor Productivity และ Total Factor Productivity

2. การจัดพื้นที่อุตสาหกรรม (Zoning Planning) ในแต่ละพื้นที่อย่างเหมาะสม ให้สอดคล้องกับทุกด้าน เช่น วัตถุดิบ การขนส่ง สิ่งแวดล้อม และชุมชน เป็นต้น

3. การสนับสนุนการเชื่อมโยงอุตสาหกรรม ทั้งภายในกลุ่มสาขา และการเชื่อมโยงข้ามกลุ่มสาขา รวมถึง Cluster ใน ASEAN production chain ที่ต้องการทรัพยากรจากประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อเพิ่มมูลค่าให้กับผลิตภัณฑ์

4. การขยายโอกาสเข้าสู่ตลาดสากล โดยเฉพาะตลาด ASEAN โดยพัฒนาสินค้าเข้าสู่มาตรฐานสากล ตรงตามความต้องการ และสินค้าที่มีโอกาสสูงในการเจาะตลาด

ด้าน นางสาวพัชราภรณ์ วงศ์สุวรรณ ผู้จัดการฝ่ายการส่งออกและการตลาด บริษัท ทรอปิคานา ออยล์จำกัด หนึ่งในผู้ประกอบการที่บุกตลาดในงาน “Interfood Indonesia 2013” กล่าวว่า บริษัทผลิตและจัดจำหน่ายน้ำมันมะพร้าวสกัดเย็น และเครื่องสำอางที่มีส่วนผสมของน้ำมันมะพร้าว ได้แก่ แชมพู สบู่เหลว ครีมทาผิว น้ำมันหอมระเหย โทนเนอร์ เป็นต้น โดยมีตลาดการส่งออกสินค้าหลักอยู่ที่ประเทศ รัสเซีย จีน ออสเตรเลีย และในกลุ่มประเทศอาเซียน ได้แก่ สิงคโปร์ เป็นต้น ซึ่งได้รับการตอบรับสินค้าเป็นอย่างดี โดยสามารถเจาะกลุ่มผู้บริโภคที่รักสุขภาพ เนื่องจากน้ำมันมะพร้าวสกัดเย็นของบริษัทเป็นน้ำมันมะพร้าวที่ปราศจากสารเคมีใดๆ และยังอุดมไปด้วยคุณประโยชน์ต่อสุขภาพทั้งในด้านความงาม และการป้องกันโรค โดยทางบริษัทมีแผนที่จะเจาะกลุ่มตลาดในภูมิภาคอาเซียนเพิ่มมากขึ้นจึงได้เข้าร่วมโครงการเจรจาการค้าธุรกิจ Business Matching ของกรมส่งเสริมอุตสาหกรรมที่ประเทศอินโดนีเซีย โดยมองว่าอินโดนีเซียเป็นประเทศที่มีประชากรจำนวนมาก หรือกว่า 240 ล้านคน ซึ่งสินค้าของบริษัทเป็นสินค้าพรีเมี่ยมที่คาดว่าจะสามารถตอบโจทย์กลุ่มผู้บริโภคที่รักสุขภาพและผิวพรรณภายในประเทศได้ และแนวโน้มของกลุ่มผู้รักสุขภาพภายในประเทศน่าจะมีจำนวนเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ โดยดูได้จากสัดส่วนตลาดของเครื่องสำอางบำรุงผิวในประเทศที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และสินค้าประเภท น้ำมันมะพร้าวสกัดเย็นในตลาดอินโดนีเซียยังมีผู้จำหน่ายน้อยรายที่มีคุณภาพเทียบเท่ากับสินค้าของบริษัท โดยคาดว่าจะสามารถเพิ่มมูลค่าการส่งออกสินค้าสู่ประเทศอินโดนีเซียได้กว่า 20 ล้านบาท อีกทั้งการเจรจาการค้าธุรกิจในครั้งนี้ยังถือเป็นการสำรวจความต้องการสินค้าของกลุ่มคนรักสุขภาพในอินโดนีเซีย ซึ่งทางบริษัทเคยได้เข้าร่วมโครงการเจรจาการค้าธุรกิจ Business Matching ที่ประเทศญี่ปุ่น และประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก โดยมียอดการสั่งซื้อสินค้าในประเทศญี่ปุ่นอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตามคาดการณ์ว่าการเจรจาการค้าธุรกิจในประเทศอินโดนีเซียครั้งนี้จะสามารถเพิ่มยอดขายการส่งออกของบริษัทได้กว่า 10 % และมีการส่งออกในอินโดนีเซียอย่างต่อเนื่อง

นางสาวปกรณ์พรรณ เผือกสวัสดิ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท จิมส์กรุ๊ป จำกัด กล่าวว่า บริษัทผลิตและจัดจำหน่าย กาแฟสำเร็จรูป ครีมซุปแบบผง เครื่องดื่มผง เครื่องแกงผง ผงปรุงรส และแป้งชุบทอด โดยมีกาแฟสำเร็จรูปเป็นผลิตภัณฑ์หลักภายใต้ชื่อ Jim Coffee โดยบริษัทรับผลิตให้แก่บริษัทอื่น ๆ (OEM) และส่งขาย ร้านค้าปลีกสมัยใหม่ (Modern Trade) มีสัดส่วนการขายในประเทศ 90 % และต่างประเทศ 10 % ได้แก่ ประเทศ ลาว พม่า เวียดนาม และอินโดนีเซีย บริษัทมีกำลังการผลิต 250 ตัน/เดือน โดยมีโรงงานในประเทศ 2 แห่ง ซึ่งตั้งอยู่ใน อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี และมีโรงงานอยู่ในประเทศพม่า บริษัทมียอดขาย 300 – 400 ล้านบาท / ปี ทางบริษัทมองว่าการเข้าร่วมเจรจาทางธุรกิจในครั้งนี้ น่าจะเป็นโอกาสในการเพิ่มยอดขายในอินโดนีเซียเพิ่มมากขึ้น เนื่องจาก ทางบริษัทได้ส่งออกสินค้าในอินโดนีเซียอยู่แล้ว แต่ช่องทางการจัดจำหน่ายในประเทศอินโดนีเซียยังคงจำกัด ฉะนั้น การเจราจาในครั้งนี้จึงเป็นการสร้างโอกาสในการทำธุรกิจร่วมกับตัวแทนจำหน่ายภายในประเทศ รวมทั้ง เป็นการศึกษาโอกาสในการลงทุนเปิดโรงงานภายในประเทศอินโดนีเซีย ซึ่งการเข้าร่วมการเจรจาธุรกิจในครั้งนี้คาดว่าจะมียอดสั่งสินค้าจากตัวแทนจำหน่ายกว่า 50 ล้านบาท ทั้งนี้ ในอนาคตบริษัทมีแผนที่จะส่งออกในประเทศอื่น ๆ ในภูมิภาคอาเซียนมากยิ่งขึ้น ได้แก่ประเทศ กัมพูชา สิงคโปร์ และมาเลเซีย รวมทั้งการพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้สอดคล้องกับประเภทของอาหารในประเภทภูมิภาคอาเซียนมากยิ่งขึ้น ซึ่งทางบริษัทได้เคยเข้าร่วมการเจรจาธุรกิจ Business Matching ณ ประเทศเวียดนามและออสเตรเลีย ซึ่งประสบความสำเร็จอย่างในด้านการเปิดตลาดการค้าระหว่างประเทศ โดยคาดว่าการเจรจาธุรกิจที่ประเทศอินโดนีเซียจะสร้างมูลค่าทางการส่งออกสินค้าได้กว่า 30 ล้านบาท

]]>
57163
กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม มอบรางวัลที่ปรึกษาตัวอย่างแห่งปี https://positioningmag.com/53179 Mon, 27 Sep 2010 00:00:00 +0000 http://positioningmag.com/?p=53179

กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม จัดพิธีมอบรางวัลที่ปรึกษาตัวอย่างแห่งปี DIP Consultant Award 2010 ให้แก่ที่ปรึกษาธุรกิจอุตสาหกรรม ที่มีผลงานโดดเด่น จำนวน 4 ประเภทสาขา เพื่อยกระดับที่ปรึกษาไทย ต่อยอดการพัฒนาคุณภาพให้มีความพร้อมก้าวสู่สากล

นายมัธยม นิภาเกษม ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า รางวัลที่ปรึกษาตัวอย่างแห่งปี DIP Consultant Award 2010 ถือเป็นการประกาศเกียรติคุณและมอบรางวัลให้แก่ที่ปรึกษาธุรกิจอุตสาหกรรมในสาขาต่างๆ ที่มีผลงานโดดเด่นเป็นที่ยอมรับ และมีคุณสมบัติอันสมควรเป็นแบบอย่างของที่ปรึกษาอื่นๆ เพื่อเป็นการยกระดับ และกระตุ้นให้วงการ ที่ปรึกษาไทยเกิดการตื่นตัว รวมถึงยังเป็นการต่อยอดการพัฒนาคุณภาพที่ปรึกษาไทยให้มีความพร้อมเป็นที่ยอมรับ และก้าวสู่มาตรฐานในระดับสากลได้

นายวิฑูรย์ สิมะโชคดี ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวเสริมว่า กระทรวงอุตสาหกรรม ในฐานะที่เป็นองค์หลักในการผลักดันภาคอุตสาหกรรม ได้เล็งเห็นความสำคัญในการสนับสนุน ส่งเสริมและยกย่องบุคลากรในวิชาชีพที่ปรึกษาธุรกิจที่มีประสบการณ์ และแนวปฏิบัติอันควรเป็นแบบอย่างที่ดี โดยแบ่งรางวัลออกเป็น 4 สาขาด้วยกัน อันได้แก่ 1. ประเภทสาขาการวินิจฉัย เป็นผลงานด้านวินิจฉัยสถานประกอบการ โดยการวิเคราะห์สภาพปัจจุบันขององค์กร เพื่อหาปัญหาที่แท้จริง และจัดลำดับความสำคัญของปัญหาด้านต่างๆ อาทิเช่นการเงิน การจัดการผลิต การบุคคล การตลาด พร้อมเสนอแนวทางในการแก้ไขปัญหา ปรับปรุงพัฒนาองค์กร 2. ประเภทสาขาการบริหารจัดการ เป็นผลงานด้านการบริหารจัดการองค์กร การบริหารทรัพยากรบุคคล การบริหารการบัญชีและการเงิน การบริหารงานการตลาดและลูกค้าสัมพันธ์ รวมถึงเครื่องมือที่ใช้ในการดำเนินงาน 3. ประเภทสาขาเทคนิควิศวการ เป็นผลงานด้านวิศวกร การจัดการกระบวนการผลิต การลดต้นทุน การจัดการพลังงาน การจัดการสิ่งแวดล้อม การออกแบบบรรจุภัณฑ์ และ 4. ประเภทสาขาวิสาหกิจชุมชน เป็นผลงานด้านวิสาหกิจชุมชน การผลิตสินค้า OTOP และ การส่งเสริมธุรกิจชุมชนในส่วนภูมิภาค กลไกการบริหารงานของวิสาหกิจชุมชน รวมถึงการประยุกต์ใช้ผลิตภัณฑ์ของชุมชน

รางวัลที่ปรึกษาตัวอย่างแห่งปี “ DIP Consultant Award 2010 ในครั้งนี้ มีผู้ได้รับรางวัล ดังนี้

ประเภทสาขาการวินิจฉัย
ได้แก่ คุณมนัสนันท์ ปัญญาสกุลวงศ์ คุณสุพัตรา บัวแสงจันทร์ คุณอุกฤษ สายสิทธิ์

ประเภทสาขาการบริหารจัดการ
ได้แก่ คุณพีระพงษ์ กิติเวชโภคาวัฒน์ คุณอัศม์เดช วานิชชินชัย คุณชวการ มากะนัตถ์

ประเภทสาขาเทคนิควิศวการ
ได้แก่ คุณมนตรี วิทยศักดิ์ คุณกฤษณพงศ์ ลายอักษร คุณรักชัย นามทอง

]]>
53179
กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม เร่งยกระดับคุณภาพที่ปรึกษาไทย https://positioningmag.com/52536 Wed, 07 Jul 2010 00:00:00 +0000 http://positioningmag.com/?p=52536

กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม (กสอ.) เดินหน้าประชาสัมพันธ์โครงการพัฒนาระบบส่งเสริมคุณภาพที่ปรึกษาไปยังส่วนภูมิภาค เปิดรับสมัครสมาชิก “ บ้านที่ปรึกษา ” พร้อมเฟ้นหา “ ที่ปรึกษาตัวอย่างแห่งปี ” ยกระดับคุณภาพที่ปรึกษาไทย

กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม โดยสำนักพัฒนาหน่วยบริการอุตสาหกรรม (สพบ.กสอ.) เร่งประชาสัมพันธ์ “ รางวัลที่ปรึกษาตัวอย่างแห่งปี ” หรือ DIP Consultant Award 2010 ซึ่งจัดขึ้นในปี 2553 นี้เป็นปีแรก เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจแก่ที่ปรึกษาทางธุรกิจที่มีผลงานโดดเด่น และถือเป็นการ เชิดชูและประกาศเกียรติคุณแก่ผู้สมควรแก่การเป็นแบบอย่างที่ปรึกษา โดยได้ประชาสัมพันธ์การรับสมัครเป็นสมาชิก “บ้านที่ปรึกษา” ซึ่งแบ่งความเชี่ยวชาญของที่ปรึกษาเป็น 4 ด้าน ได้แก่ บ้านการวินิจฉัย บ้านบริหารจัดการ บ้านเทคนิควิศวการ และบ้านวิสาหกิจชุมชน รวมทั้งกิจกรรมการคัดเลือก “ ที่ปรึกษาตัวอย่างแห่งปี ” ไปยังศูนย์ส่งเสริมอุตสาหกรรมภาคต่างๆ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ หอการค้าจังหวัด สนง.อุตสาหกรรมจังหวัด ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ฯลฯ ซึ่งกิจกรรมดังกล่าวได้รับการตอบรับจากเครือข่ายที่ปรึกษาในพื้นที่เป็นอย่างดี

นายกิติพัฒน์ ปณิฐาภรณ์ ผู้อำนวยการศูนย์ส่งเสริมอุตสาหกรรมภาคที่ 9 จังหวัดชลบุรี หนึ่งในหน่วยงานเป้าหมายการประชาสัมพันธ์โครงการ กล่าวในฐานะประธานการประชุมเครือข่ายที่ปรึกษาจังหวัดชลบุรี ซึ่งจัดขึ้นเมื่อเร็วๆนี้ว่า “ ที่ปรึกษาในส่วนศูนย์ภาค 9 มีการรวมกลุ่มกัน เพราะเล็งเห็นความสำคัญในการพัฒนาตนเองได้ โดยไม่ต้องพึ่งพาภาครัฐแต่เพียงอย่างเดียว และการที่ กสอ. ส่งเสริมให้เกิดการรวมกลุ่มของที่ปรึกษานับว่าเป็นสิ่งดี เพราะที่ปรึกษาจะสามารถสร้างเครือข่ายในการแลก เปลี่ยนข้อมูล หรือในกรณีที่ได้รับงานต่างพื้นที่ ก็สามารถขอความช่วยเหลือจากที่ปรึกษาในพื้นที่ได้ และภาครัฐสามารถให้การสนับสนุนกลุ่มที่ปรึกษาได้ทั่วถึงกว่าที่ปรึกษารายบุคคล ”

สำหรับที่ปรึกษาที่สนใจส่งผลงานเข้ารับ “ รางวัลที่ปรึกษาตัวอย่างแห่งปี ” ซึ่งเปิดรับสมัครแล้วตั้งแต่วันนี้ – 15 กรกฏาคม 2553 สามารถดาวน์โหลดใบสมัครได้ที่ www.dip.go.th, www.facebook.com/sphome,
www.sphome.wordpress.com หรือติดต่อขอรับข้อมูลเพิ่มเติมสำหรับ การสมัครสมาชิก “บ้านที่ปรึกษา” ที่ สำนักพัฒนาหน่วยบริการอุตสาหกรรม กรมส่งเสริมอุตสาหกรรมโทร. 02 354 3239, 02 202 4513, 02 354 3169, 02 202 4493 และที่บริษัทยักษ์ใหญ่ทีมจำกัดโทร. 02 267 5782, www.yakyaiteam.com

]]>
52536
ECDA ใช้เทคนิคการฝึกอบรม รูปแบบ CEFE เสริมสร้างศักยภาพให้ผู้ประกอบการใหม่ ฟรี.. https://positioningmag.com/51318 Wed, 10 Mar 2010 00:00:00 +0000 http://positioningmag.com/?p=51318

สมาคมเพื่อการพัฒนาศักยภาพผู้ประกอบการ ร่วมกับ สำนักพัฒนาอุตสาหกรรมชุมชน กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม โดย ทีมงานวิทยากรที่ปรึกษา CEFE (“เซเฟ่” เทคนิคการอบรมจากเยอรมนี) ผู้มีความรู้และประสบการณ์ตรงจากภาคธุรกิจอุตสาหกรรม ขอเชิญผู้ที่สนใจเข้าร่วมการฝึกอบรม “โครงการเสริมสร้างผู้ประกอบการใหม่” รุ่นที่ 2/53 โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ผู้ที่ผ่านการคัดเลือกจะได้เรียนรู้และเข้าใจเชิงลึก ตามชุดความรู้ “การค้นหาคุณลักษณะการเป็นผู้ประกอบการ การกลั่นกรองเลือกโครงการธุรกิจ ด้านการตลาด การผลิต การเงิน และการบริหาร และการศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการธุรกิจที่ต้องการทำ” เปิดรับสมัครและคัดเลือกเพียง 50 ท่าน อบรมระหว่างวันที่ 24 -30 มี.ค.นี้ (7 วันติดต่อกัน)

เชิญผู้ที่สนใจ ติดต่อ สมาคมเพื่อการพัฒนาศักยภาพผู้ประกอบการ (ECDA)
โทร. 086-555-8383 และ 0-2158-0556 และ 02-158-0750 แฟกซ์ 02-158-0556
อีเมล์ CONTACT.ECDA@GMAIL.COM
ดาวน์โหลดรายละเอียดเพิ่มเติมได้จากเวปไซต์ www.ecda.or.th

]]>
51318
กสิกรไทยสานต่อเจตนารมณ์ โครงการก่อร่างสร้างตัวเพื่อเอสเอ็มอีรายใหม่ https://positioningmag.com/50638 Thu, 21 Jan 2010 00:00:00 +0000 http://positioningmag.com/?p=50638

ธนาคารกสิกรไทย กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม และสสว. จับมือลุยโครงการก่อร่างสร้างตัวเพื่อ เอสเอ็มอีรายใหม่ปี 2553 หวังเสริมเขี้ยวเล็บเอสเอ็มอีมือใหม่ให้บริหารจัดการอย่างมือเซียนปีนี้ 30,000 ราย รองรับการฟื้นตัวของเอสเอ็มอีปีนี้ที่มูลค่าตลาดทะลุ 6.4 ล้านล้านบาท ส่งออก 1.66 ล้านล้านบาท โต 5%

นายปกรณ์ พรรธนะแพทย์ รองกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย เปิดเผยว่า ธนาคารได้ร่วมกับกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม และสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) เปิดโครงการก่อร่างสร้างตัวเพื่อเอสเอ็มอีรายใหม่ปี 2553 เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการเอสเอ็มอีรายใหม่ที่เพิ่งเริ่มต้นทำธุรกิจให้มีความแข็งแกร่ง เพื่อสร้างเอสเอ็มอีรุ่นใหม่ที่มีความรู้ ความสามารถในการบริหารจัดการธุรกิจให้อยู่รอด และสามารถแข่งขันได้ทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยจะมีการช่วยเหลือเอสเอ็มอีที่เพิ่งเริ่มทำธุรกิจอย่างครบวงจร ทั้งบริการทางด้านการเงิน การฝึกอบรมให้ความรู้ การเข้าร่วมอบรมสัมมนา การเข้าร่วมเครือข่ายผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ทั้งในรูปแบบระบบ Online Business Matching บน www.ksmecare.com และสิทธิ์เข้าร่วมงาน Event Fair ต่าง ๆ ที่ธนาคารและพันธมิตรจัดขึ้น

นายอาทิตย์ วุฒิคะโร อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม กล่าวว่า นอกจากองค์ความรู้จากธนาคารกสิกรไทยแล้ว ผู้ประกอบการเอสเอ็มอียังจะได้รับสิทธิเข้าร่วมกิจกรรม SMEs FORUM ซึ่งเป็นการจัดอบรม/สัมมนาหลักสูตรระยะสั้นที่กรมส่งเสริมอุตสาหกรรมจัดขึ้นทุกเดือน เพื่อให้ความรู้พื้นฐานระยะสั้นก่อนเข้า อบรมหลักสูตรโครงการเสริมสร้างผู้ประกอบการใหม่ โดยเป็นความรู้พื้นฐานด้านการจัดการทางธุรกิจ การวางแผนการเงิน บริการให้คำปรึกษา บริการด้านบทวิจัย วารสารและข้อมูลต่าง ๆ รวมถึงบริการด้านการจัดกิจกรรมทางการตลาดร่วมกัน เช่น การสนับสนุนพื้นที่ในการจัดงาน ออกร้านขายสินค้า งานนิทรรศการ

ด้านนายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม กล่าวว่า ปัจจุบันเอสเอ็มอีมีความสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศสูง เนื่องจากมีผู้ประกอบการเอสเอ็มอีกระจายอยู่ทั่วประเทศถึง 2.82 ล้านกิจการ คิดเป็นร้อยละ 99.7 ของจำนวนวิสาหกิจทั่วประเทศ มีการจ้างงาน 8.9 ล้านคน คิดเป็นร้อยละ 76 ของการจ้างงานในประเทศ

ทั้งนี้ จากการศึกษาของโครงการศึกษาวิเคราะห์และเตือนตัวเอสเอ็มอีรายสาขาของสสว. พบว่า ในปี 2552 เอสเอ็มอีจะมีมูลค่าตลาดที่วัดจากรายได้สุทธิเป็น 6.21 ล้านล้านบาท โดยเป็นการส่งออก1.59 ล้านล้านบาท ขณะที่คาดการณ์ปี 2553 จะมีมูลค่าตลาดที่วัดจากรายได้สุทธิอยู่ที่ 6.41 ล้านล้านบาท ขยายตัวจากปี 2552 ร้อยละ 3.23 โดยเป็นการส่งออก 1.66 ล้านล้านบาท ขยายตัวร้อยละ 4.91

สำหรับการสนับสนุนผู้ประกอบการเอสเอ็มอีที่เข้าร่วมโครงการ ก่อร่างสร้างตัวเพื่อเอสเอ็มอีใหม่ในปี 2553 ทางสสว.ยังคงให้การสนับสนุนวิทยากรในการบรรยายในหลักสูตรสัมมนาอย่างน้อยเดือนละ 1 ครั้ง การให้คำปรึกษาเกี่ยวกับการส่งเสริมเอสเอ็มอีในเรื่องต่าง ๆ บริการด้านบทวิจัย วารสาร และข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ที่อยู่ระหว่างการเริ่มต้นธุรกิจ บริการด้านการจัดกิจกรรมการตลาด และบริการด้านฐานข้อมูลสมาชิก เพื่ออำนวยความสะดวกสำหรับการใช้บริการ

นายปกรณ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ในช่วงที่ผ่านมาธนาคารกสิกรไทย ได้ให้การสนับสนุนผู้ประกอบการเอสเอ็มอีทั้งด้านความรู้และแหล่งเงินทุนอย่างต่อเนื่อง โดยได้ดำเนินโครงการ K-SME Start-Up Solutions สำหรับผู้ประกอบการที่เริ่มทำธุรกิจ ซึ่งมีผู้เข้าร่วมโครงการ 4,600 ราย ขอสนับสนุนสินเชื่อจำนวน 602 ราย วงเงินประมาณ 168 ล้านบาท ซึ่งในปีนี้ ธนาคารตั้งเป้าหมายมีผู้เข้าร่วมในโครงการ K-SME Start-Up Solutions จนถึงสิ้นปีนี้จำนวน 30,000 ราย วงเงินสินเชื่อ 1,300 ล้านบาท

ทั้งนี้ ผู้ประกอบการที่สนใจเข้าร่วมโครงการก่อร่างสร้างตัวเพื่อเอสเอ็มอีรายใหม่ ปี 2553 สามารถสมัครผ่านทางเว็บไซต์ http://startup.ksmecare.com/, K-Biz Contact Center 0 2888 8822 และที่ K SME Care Knowledge Center อาคารจามจุรีสแควร์ ชั้น 2 ได้ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป

]]>
50638
กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม จับมือ อีเบย์ จัดสัมมนา-เวิร์คช็อปอีคอมเมิร์ซที่เชียงใหม่ https://positioningmag.com/50278 Fri, 11 Dec 2009 00:00:00 +0000 http://positioningmag.com/?p=50278

กรุงเทพฯ – 4 ธันวาคม 2552 – กรมส่งเสริมอุตสาหกรรมร่วมกับอีเบย์ ตลาดออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก เดินหน้าส่งเสริมธุรกิจเอสเอ็มอีไทยในภาคเหนือในการขยายฐานการค้าสู่ตลาดต่างประเทศผ่านช่องทางอินเตอร์เน็ต โดยริเริ่มกิจกรรมสัมมนาและเวิร์คช็อป “ขยายธุรกิจ พิชิตตลาดโลกรับปี 2010 ด้วยอีคอมเมิร์ซกับอีเบย์” ขึ้นในระหว่างวันที่ 17 – 18 ธันวาคม 2552 ณ มหาวิทยาลัยฟาร์อีสเทอร์น แอร์พอร์ต จังหวัดเชียงใหม่

นายอาทิตย์ วุฒิคะโร อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม เผยว่า “กรมส่งเสริมอุตสาหกรรมกับอีเบย์เพื่อจัดฝึกอบรมด้านอีคอมเมิร์ซให้กับธุรกิจเอสเอ็มอีทั้งในกรุงเทพฯ และจังหวัดใกล้เคียงมาหลายครั้ง สำหรับการจัดสัมมนาและเวิร์คช็อปร่วมกับอีเบย์ที่จังหวัดเชียงใหม่ในครั้งนี้ เราหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะช่วยชี้ช่องทางการตลาดระดับนานาชาติผ่านอีเบย์ให้กับผู้ผลิตงานฝีมือพื้นเมืองภาคเหนือและนักธุรกิจในท้องถิ่นได้ ซึ่งจังหวัดเชียงใหม่นั้นมีชื่อเสียงเป็นที่เลื่องลือทั่วโลกในเรื่องสินค้าประเภทเครื่องประดับ เสื้อผ้าเครื่องแต่งกาย และงานฝีมือต่างๆ อยู่แล้ว”

จากผลสำรวจสถานภาพการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ของประเทศไทย พ.ศ. 2551 โดยสำนักงานสถิติแห่งชาติ พบว่า ธุรกิจพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์หรืออีคอมเมิร์ซในปัจจุบันส่วนใหญ่อยู่ในกลุ่มอุตสาหกรรมแฟชั่น เครื่องแต่งกาย อัญมณีและเครื่องประดับมากที่สุด คิดเป็นร้อยละ 29.4 ของธุรกิจอีคอมเมิร์ซทั้งหมด

ด้าน มร. โอลิเวอร์ ฮัว ประธานเจ้าหน้าที่ด้านปฏิบัติการ อีเบย์ ประเทศจีนและภาคพื้นเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ให้ความเห็นว่า “นับตั้งแต่อีเบย์ได้ร่วมมือกับกรมส่งเสริมการส่งออกเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2552 เป็นต้นมา มีการตอบรับที่ดีมาก โดยมีธุรกิจเอสเอ็มอีไทยที่เข้าร่วมกิจกรรมฝึกอบรมกับกรมส่งเสริมการส่งออกและอีเบย์ จำนวนมากกว่า 250 ราย ที่ได้เริ่มต้นขายสินค้าผ่านตลาดออนไลน์อีเบย์”

“เฉพาะในช่วงไตรมาส 3/2552 ยอดการซื้อขายสินค้าผ่านอีเบย์มีมูลค่าสูงถึง 15,000 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือราว 510,000 ล้านบาท โดยมีผู้ซื้อ-ผู้ขายกระจายอยู่ทั่วโลกมากกว่า 89 ล้านคน ผมจึงเชื่อมั่นว่าอีเบย์จะสร้างโอกาสการเติบโตให้กับธุรกิจเอสเอ็มอีไทยได้เป็นอย่างดี โดยเป็นช่องทางสำคัญในการขยายตลาดเพื่อให้เข้าถึงฐานลูกค้าใหม่ๆ ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจที่มีการแข่งขันรุนแรงเช่นในปัจจุบัน” มร. ฮัว กล่าว

กิจกรรมสัมมนาและเวิร์คช็อป “ขยายธุรกิจ พิชิตตลาดโลกรับปี 2010 ด้วยอีคอมเมิร์ซกับอีเบย์” ครอบคลุมประเด็นที่น่าสนใจในตลาดอีคอมเมิร์ซ อาทิ แนวทางเริ่มต้นธุรกิจการค้าออนไลน์ กลยุทธ์สู่ความสำเร็จในธุรกิจอีคอมเมิร์ซ เคล็ดลับการตลาดบนอีเบย์โดยผู้ชำนาญการ พร้อมแลกเปลี่ยนประสบการณ์จริงกับนักขายมือทอง นอกจากนี้ ผู้เข้าร่วมเวิร์คช็อปจะได้เรียนรู้วิธีการประกาศขายสินค้าบนตลาดออนไลน์อย่างละเอียดและฝึกภาคปฏิบัติบนอีเบย์ผ่านระบบออนไลน์ ปิดท้ายด้วยเวทีให้คำปรึกษาแบบตัวต่อตัวจากเหล่ากูรูอีเบย์

ธุรกิจเอสเอ็มอีไทยและผู้สนใจทุกท่าน สามารถศึกษารายละเอียดการสัมมนา พร้อมลงทะเบียนเข้าร่วมงาน โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายได้ที่ http://www.shopping.co.th/eBayDIP หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมที่ โทร. 02-204-7979 ตั้งแต่เวลา 9.00 – 17.00 น.

]]>
50278
กรมส่งเสริมอุตสาหกรรมและอีเบย์ ประกาศความร่วมมือ สนับสนุนเอสเอ็มอีไทย เจาะตลาดออนไลน์โลก https://positioningmag.com/46312 Fri, 20 Feb 2009 00:00:00 +0000 http://positioningmag.com/?p=46312

กรมส่งเสริมอุตสาหกรรมและอีเบย์ ประกาศลงนามในบันทึกความร่วมมือ เพื่อสนับสนุนธุรกิจเอสเอ็มอีไทยในการขยายตลาดให้ครอบคลุมทั่วโลก โดยใช้ระบบอีคอมเมิร์ซ เพื่อจำหน่ายสินค้าให้แก่ผู้ซื้อมากกว่า 86 ล้านราย บนแพลทฟอร์มตลาดออนไลน์ของอีเบย์ พร้อมยกเว้นค่าธรรมเนียมวางขายสินค้าสำหรับ 100 รายการแรกของสมาชิกใหม่ที่สมัครภายใต้โครงการ “เสริมพลังธุรกิจ SMEs ด้วยอีคอมเมิร์ซ”

ทั้งนี้ พิธีลงนามดังกล่าวได้จัดขึ้นในงานสัมมนาเรื่อง “เสริมพลังธุรกิจ SMEs ด้วยอีคอมเมิร์ซกับอีเบย์” ในวันนี้ เพื่อให้ผู้ประกอบการไทยในทุกแขนงธุรกิจมีความรู้และทักษะในการขายสินค้าในตลาดโลกด้วยระบบอีคอมเมิร์ซผ่านอีเบย์ และเพิ่มแต้มต่อในการแข่งขันในภาวะเศรษฐกิจโลกที่มีความผันผวน

นายปราโมทย์ วิทยาสุข อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม กล่าวว่า “กรมส่งเสริมอุตสาหกรรมมีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ร่วมมือกับอีเบย์ ผู้นำในเวทีอีคอมเมิร์ซระดับโลก เพื่อเสริมสร้างการเติบโตให้กับธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมของไทย ให้สามารถขยายตลาดผ่านช่องทางอินเตอร์เน็ต เข้าถึงผู้ซื้อนับล้านคนทั่วทุกมุมโลก ซึ่งด้วยศักยภาพของผู้ประกอบการในประเทศไทยที่มีสินค้ามากมายหลายประเภท และมีเอกลักษณ์อันโดดเด่น เป็นที่ต้องการของตลาดโลก ซึ่งเมื่อเสริมด้วยแพลทฟอร์มตลาดออนไลน์ของอีเบย์ จะทำให้ธุรกิจไทยจะสามารถเข้าถึงลูกค้านับล้านคนทั่วโลกได้สะดวกยิ่งขึ้น”

สำหรับความร่วมมือระหว่างอีเบย์และกรมส่งเสริมอุตสาหกรรมดังกล่าว จะครอบคลุมถึงการจัดกิจกรรมส่งเสริมการตลาด การขาย และการฝึกอบรมให้ความรู้ร่วมกัน อาทิ การจัดสัมมนา การอบรมเชิงปฏิบัติการ และการให้คำปรึกษาเชิงลึก นอกจากนี้ กรมส่งเสริมอุตสาหกรรมยังมีนโยบายสนับสนุนกลุ่มธุรกิจเอสเอ็มอีไทย โดยเชิญชวนให้เข้าร่วมซื้อขายสินค้าบนตลาดออนไลน์อีเบย์ ซึ่งถือเป็นก้าวแรกของการขยายธุรกิจผ่านช่องทางอีคอมเมิร์ซ

“ในฐานะที่เป็นตลาดซื้อขายออนไลน์ขนาดใหญ่ที่สุดของโลก อีเบย์จะช่วยเสริมสร้างการเติบโตให้แก่ธุรกิจ
อีคอมเมิร์ซในประเทศไทย โดยการสนับสนุนให้เอสเอ็มอีไทยเข้าถึงตลาดใหม่ๆ ซึ่งจะทำให้สามารถขยายฐานลูกค้าและสร้างยอดขายเพิ่มขึ้น” มร. โอลิเวอร์ ฮัว ประธานเจ้าหน้าที่ด้านปฏิบัติการ อีเบย์ ประเทศจีนและภาคพื้นเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ กล่าว พร้อมเสริมว่า “ภายใต้ความร่วมมือดังกล่าว อีเบย์และกรมส่งเสริมอุตสาหกรรมจะสนับสนุนซึ่งกันและกันในการแลกเปลี่ยนข้อมูล บุคลากร และทรัพยากรอื่นๆ เพื่อให้มีศักยภาพในการพัฒนาตลาดอีคอมเมิร์ซให้รองรับการเติบโตของธุรกิจเอสเอ็มอีไทยได้อย่างยั่งยืน”

และเพื่อส่งเสริมให้ธุรกิจเอสเอ็มอีไทยเข้ามาใช้อีเบย์เป็นช่องทางในการซื้อขายสินค้ามากขึ้น อีเบย์จึงได้ประกาศยกเว้นค่าธรรมเนียมวางขายสินค้าสำหรับ 100 รายการแรกของสมาชิกใหม่ที่เข้าร่วมโครงการ และมอบส่วนลดค่าธรรมเนียมสูงสุด 25% ให้แก่ 100 รายการแรกที่รับชำระเงินผ่านเพย์พาลในเครือของอีเบย์

เกี่ยวกับอีเบย์
อีเบย์ อิงค์ เชื่อมโยงผู้คนหลายล้านคนทั่วโลก ด้วยแพลทฟอร์มทางอินเตอร์เน็ตที่สร้างขึ้นสำหรับการซื้อขายสินค้าและบริการระบบการชำระเงินและการสื่อสารออนไลน์ อีเบย์ อิงค์ ก่อตั้งเมื่อ พ.ศ. 2538 และได้ขยายธุรกิจสู่แบรนด์ระดับโลกอื่นๆ อย่างต่อเนื่อง อาทิ อีเบย์ (eBay) ตลาดออนไลน์ชั้นนำของโลก เพย์พาล (PayPal) ระบบการชำระเงินออนไลน์ที่ได้รับความเชื่อถือจากนานาชาติ สไกพ์ (Skype) ซอฟท์แวร์การสื่อสารทางโทรศัพท์ผ่านระบบอินเตอร์เน็ต สตับฮับ (StubHub) ตลาดออนไลน์สำหรับซื้อขายตั๋วชมการแสดงและการแข่งขันกีฬา และ Shopping.com เว็บไซต์อำนวยความสะดวกในการเลือกซื้อสินค้าทางอินเตอร์เน็ต โดยเปรียบเทียบข้อมูลจากร้านค้าออนไลน์ทั้งหมด ทั้งนี้ อีเบย์มีสำนักงานใหญ่อยู่ที่เมืองซานโฮเซ่ มลรัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา

]]>
46312
พิธีปิดหลักสูตร ที่ปรึกษาธุรกิจ จ.สงขลา https://positioningmag.com/42801 Tue, 19 Aug 2008 00:00:00 +0000 http://positioningmag.com/?p=42801

นายวิริยะ ลิขิตวงศ์ ผู้อำนวยการ คณะที่ปรึกษาธุรกิจเพื่อการพัฒนาวิสาหกิจไทย (คนที่ 2 จากซ้าย) พร้อมด้วยผู้บริหารจากกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม ร่วมพิธีมอบวุฒิบัตรแก่ผู้จบหลักสูตร โครงการสร้างที่ปรึกษาธุรกิจขนาดเล็ก จังหวัดสงขลา ซึ่งได้ผ่านความพร้อมในการเป็นที่ปรึกษาทั้งภาคทฤษฏี และปฏิบัติด้วยกันทั้งสิ้น 30 คน โดยได้รับวุฒิบัตรจากผู้ตรวจราชการ กระทรวงอุตสาหกรรม ณ อาคารประชุมนานาชาติ เฉลิมพระเกียรติ อ.หาดใหญ่ จ. สงขลา เมื่อเร็วๆนี้

]]>
42801
งานประชุมพัฒนาเครือข่ายที่ปรึกษาครั้งที่ 1 https://positioningmag.com/42450 Tue, 29 Jul 2008 00:00:00 +0000 http://positioningmag.com/?p=42450

นางศิวพร วงศ์วิวัฒน์ไชย ผู้อำนวยการส่วนพัฒนามาตรฐาน และเครือข่ายบริการอุตสาหกรรม กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม พร้อมด้วย นายวิริยะ ลิขิตวงศ์ กรรมการบริหาร คณะที่ปรึกษาธุรกิจเพื่อการพัฒนาวิสาหกิจไทย ร่วมจัดงานประชุมพัฒนาเครือข่ายที่ปรึกษาครั้งที่ 1 เพื่อจัดตั้งเครือข่าย และวางโครงสร้างแผนกลยุทธ์ร่วมกัน ซึ่งมีสมาชิกเครือข่ายที่ปรึกษาจากจังหวัดต่างๆให้ความสนใจเข้าร่วมประชุม เมื่อเร็วนี้ ณ โรงแรม ทาวน์ อิน ทาวน์

]]>
42450
พิธีมอบรางวัลด้าน ผลิตภัณฑ์ และบรรจุภัณฑ์ https://positioningmag.com/41565 Thu, 12 Jun 2008 00:00:00 +0000 http://positioningmag.com/?p=41565

นายกิตติพัฒน์ ปณิฐาภรณ์ ผู้อำนวยการสำนักหน่วยบริการอุตสาหกรรม กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม พร้อมด้วย นายวิริยะ ลิขิตวงศ์ กรรมการบริหาร คณะที่ปรึกษาธุรกิจเพื่อการพัฒนาวิสาหกิจไทย ทำพิธีมอบรางวัลและเกียรติบัตร ให้กับผู้เข้าอบรมในโครงการพัฒนาบุคลากร ด้านผลิตภัณฑ์และบรรจุภัณฑ์ ( บ่มเพาะ ) พร้อมจัดแสดงผลงานของผู้เข้าอบรม และเปิดคลีนิคให้คำปรึกษาด้านการออกแบบฟรี ณ ห้องคอนเวนชั่นฮอลล์ โรงแรมชาลีน่า ปริ้นเซส รามคำแหง 65

]]>
41565