กระทรวงพาณิชย์ – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Mon, 29 Aug 2022 03:36:07 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 สยามพิวรรธน์ต่อยอดความสำเร็จนำแบรนด์ไทยสู่เวทีโลก Qurated X ICONCRAFT เปิดตัวแฟชั่นโชว์ Sawasdee KL ในงานกัวลาลัมเปอร์แฟชั่นวีค https://positioningmag.com/1397979 Tue, 30 Aug 2022 04:00:46 +0000 https://positioningmag.com/?p=1397979

“สยามพิวรรธน์” ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์และธุรกิจค้าปลีกชั้นนำ เดินหน้าต่อยอดความสำเร็จจากการขยายธุรกิจแบรนด์สินค้าไทยในต่างประเทศ พร้อมนำอัตลักษณ์ไทยชนะใจคนทั่วโลก (Win The World for Thailand) ผสานความร่วมมือกับกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) กระทรวงพาณิชย์ และดีไซเนอร์ไทย ในโครงการ Qurated X ICONCRAFT สร้างสรรค์แฟชั่นโชว์ในธีม Sawasdee KL คอลเล็กชันมัลติแบรนด์ที่สวยงามและสุดพิเศษ ต่อยอดงานศิลป์ภูมิปัญญาไทย เปิดตัวเป็นครั้งแรกให้เหล่าแฟชั่นนิสต้าชาวมาเลเซียรู้จักในงานกัวลาลัมเปอร์แฟชั่นวีค สิงหาคม 2565

ไอคอนคราฟต์ (ICONCRAFT) เป็นหนึ่งในแบรนด์ที่รังสรรค์โดยสยามพิวรรธน์ (Owned Brand) ซึ่งเปิดตัวที่พาวิลเลียน บูกิต จาลิล (Pavilion Bukit Jalil) ภายใต้ความร่วมมือกับพาวิลเลียนกรุ๊ป (Pavilion Group) เจ้าของและผู้บริหารห้างระดับไฮเอนท์ในประเทศมาเลเซียในช่วงต้นปีที่ผ่านมา

บริษัท สยามพิวรรธน์ จำกัด เจ้าของและผู้บริหารโครงการที่มีชื่อเสียงระดับโลก อาทิ สยามพารากอน สยามเซ็นเตอร์ สยามดิสคัฟเวอรี่ หนึ่งในพันธมิตรเจ้าของไอคอนสยาม และสยาม พรีเมี่ยม เอาท์เล็ต  เปิดไอคอนคราฟต์ เพื่อเป็นพื้นที่แห่งแรงบันดาลใจที่รวมผลงานจากช่างฝีมือไทยทั่วประเทศ พร้อมเชิดชูภูมิปัญญาไทยในมุมมองใหม่ ไอคอนคราฟต์จึงเป็นเสมือนประตูแห่งโอกาสให้กับช่างฝีมือและผู้ประกอบการรายย่อยมากกว่า 800 รายจากทั่วทุกภูมิภาคของไทยได้ก้าวสู่การทำธุรกิจแบบโมเดิร์นเทรด เพื่อส่งเสริมให้แบรนด์ไทยเป็นที่รู้จักและมีชื่อเสียงบนเวทีโลก

คุณปารีสา จาตนิลพันธุ์ ผู้จัดการทั่วไป กลุ่มธุรกิจ Retail Concept Shop บริษัท สยามพิวรรธน์ จำกัด กล่าวว่า “ไอคอนคราฟต์ มีพันธกิจในการส่งเสริมช่างฝีมือ  พร้อมเชิดชูภูมิปัญญาท้องถิ่นของไทยในมุมมองใหม่ลงบนงานหัตถศิลป์  การสนับสนุนศักยภาพทางด้านความคิดสร้างสรรค์และการพัฒนาคุณภาพผลิตภัณฑ์ของช่างฝีมือไทย  จึงได้ร่วมมือกับเครือข่ายพันธมิตรที่แข็งแกร่งทั้งในประเทศ และต่างประเทศ เปิดโอกาสให้ช่างฝีมือของไทยได้แสดงศักยภาพสูงสุดและส่งต่อความมหัศจรรย์ของดีไซเนอร์ไทย ร่วมกับผู้ชื่นชมงานศิลป์ และ Sawasdee KL ทำให้ไอคอนคราฟต์ได้ตอบโจทย์และบรรลุเป้าหมายนี้”

Qurated X ICONCRAFT มุ่งเน้นการสร้างสรรค์ด้านแฟชั่นที่เป็นเอกลักษณ์จากภูมิปัญญาไทย งานฝีมือที่มีความร่วมสมัย และความคิดสร้างสรรค์ที่เปี่ยมไปด้วยแรงบันดาลใจ โดยบ่มเพาะแบรนด์และเจ้าของกิจการมาแล้วทั้งหมด 40 ราย สำหรับการสร้างสรรค์ Sawasdee KL คอลเล็กชัน Spring/Summer 2023 ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโครงการเตรียมความพร้อมผู้ประกอบการแฟชั่น (Qurated Fashion Incubation Project) ส่งเสริมการพัฒนาผู้ประกอบการสินค้าแฟชั่นทั่วประเทศที่ได้รับการสนับสนุนจากกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ นักออกแบบมือใหม่จากทั่วประเทศได้รับการคัดเลือกเพื่อเข้าร่วมเวิร์กชอปที่เข้มข้น และครอบคลุมทั้งแฟชั่นเทรนด์ การวิเคราะห์ตลาด การสร้างแบรนด์ กระบวนการออกแบบคอลเล็กชัน และ การตลาดดิจิทัล โดยมีผู้เชี่ยวชาญและกูรูด้านแฟชั่นที่มีชื่อเสียงร่วมให้คำปรึกษาเพื่อให้แนวทางและคำปรึกษาแก่นักออกแบบแต่ละคน

ตั้งแต่เริ่มต้นจนจบโปรเจกต์ ซึ่ง Qurated ได้ผลิตดีไซเนอร์และนักออกแบบในแต่ละปีเป็นจำนวนมากตลอดระยะเวลากว่า 10 ปี

ความพิเศษของแฟชั่นโชว์ Sawasdee KL อยู่ที่ ทุกดีไซน์มีเรื่องราวของตัวเองซึ่งบ่งบอกเรื่องราวของประเทศไทย ไม่ว่าจะเป็นเมืองที่เต็มไปด้วยแสงสีอย่างกรุงเทพฯ และความสวยงามของชายหาดในกระบี่ ภูเขาในเชียงราย และนาข้าวในสุโขทัย งานสร้างสรรค์ทุกชิ้นได้รับแรงบันดาลใจมาจากวัฒนธรรมไทย ภูมิปัญญา และจิตวิญญาณของดีไซเนอร์ สีสันของคอลเล็กชันนี้แสดงให้เห็นถึงความเป็นอยู่ที่ดี พลังงาน และความร่าเริงของคนไทย เป็นการออกแบบโดยใช้เทคนิคการใช้สีอย่างการมัดย้อม มาตัดกับสีนีออนเพื่อสร้างโทนสีใหม่ ลดความเข้มและความร้อนแรงของสีผ้าบาติกด้วยสีพาสเทลที่ให้รัศมีของความนุ่มนวล สีมัดย้อมสีน้ำเงินเข้มผสานเข้ากับการพิมพ์แบบสกรีนในรูปแบบสตรีทสไตล์สมัยใหม่ของคนเมือง นอกจากนี้ยังมีงานออกแบบที่ฉีกกฎการพิมพ์แบบบล็อกของชาวม้งทางภาคเหนือของไทยด้วยลวดลายแบบฮิปสเตอร์

วัสดุที่ใช้เป็นวัสดุที่มีความพิเศษ ผลิตขึ้นจากแนวคิดร่วมสมัย เป็นวัสดุดั้งเดิมที่ใช้เทคนิคสมัยใหม่ ผ้าไหมไทยที่หรูหราอย่างผ้ามัดหมี่ที่ได้รับการออกแบบในสไตล์ของคนรุ่นใหม่และสไตล์โบฮีเมียน งานถักโครเชต์ถูกนำมาใช้สร้างสรรค์เสื้อผ้าที่สวยงามหรูหรา กระเป๋าใบจิ๋ว และกระเป๋าคลัทช์ Qurated X ICONCRAFT ยังมีเครื่องประดับทันสมัยที่ผลิตจากจากวัสดุที่ยั่งยืนและวัสดุธรรมชาติ อาทิ กัญชง หวาย และเส้นใยจากใบปาล์ม

แฟชั่นโชว์ Sawasdee KL โดย Qurated X ICONCRAFT ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีแฟชั่นนิสต้าในงานกัวลาลัมเปอร์แฟชั่นวีกเมื่อวันที่ 19 สิงหาคม ที่ผ่านมา และนิทรรศการแสดงผลงานที่ พาวิลเลียน กัวลาลัมเปอร์ (Pavilion Kuala Lumpur) ตั้งแต่วันที่ 17-28 ส.ค. 2565 และที่พาวิลเลียน บูกิต จาลิล (Pavilion Bukit Jalil) ไลฟ์สไตล์มอลล์ที่ใหญ่ที่สุดทางใต้ของกรุงกัวลาลัมเปอร์ ระหว่างวันที่ 29 ส.ค. – 30 ก.ย. 2565 แฟชั่นนิสต้าชาวไทยติดตามผ่าน Facebook และ Instagram ได้ที่ @DiscoverSiamOfficial  หรือชมผลิตภัณฑ์ ที่สร้างสรรค์จากภูมิปัญญาไทยและเต็มเปี่ยมด้วยไอเดียแปลกใหม่ อาทิ อัญมณี  ของที่ระลึก ของตกแต่งบ้าน งานดีไซน์และงานศิลปะไทย  สินค้าไลฟ์สไตล์และสินค้าในชีวิตประจำวัน ได้ที่ ไอคอนคราฟต์ ชั้น 4 และ ชั้น 5  ไอคอนสยาม  และ ชั้น 3 สยามดิสคัฟเวอรี่

]]>
1397979
DITP พาผู้ประกอบการไทย บุกอีคอมเมิร์ซระดับโลกแบบไร้พรมแดน https://positioningmag.com/1395184 Sat, 06 Aug 2022 04:00:38 +0000 https://positioningmag.com/?p=1395184

เมื่ออินเทอร์เน็ตได้เข้ามามีบทบาทต่อวิถีชีวิตประจำวันต่อคนไทยรวมไปถึงผู้คนทั่วโลก ส่งผลให้การค้นหาข้อมูลและการเลือกซื้อสินค้าเป็นไปอย่างสะดวกและรวดเร็ว แน่นอนว่าต้องส่งผลต่อพฤติกรรมการเลือกซื้อสินค้าเป็นอย่างมาก ทำให้ธุรกิจอีคอมเมิร์ซเติบโตอย่างก้าวกระโดด เปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการขยายช่องทางการจำหน่ายสินค้าได้เพิ่มขึ้น


ช็อปออนไลน์แบบไร้พรมแดน!

ตัวแปรสำคัญที่ทำให้อีคอมเมิร์ซเติบโตอย่างก้าวกระโดดคือ การแพร่ระบาดของ COVID-19 ที่ทำให้เกิดข้อจำกัดด้านการเดินทางและการใช้ชีวิตประจำวัน ต้องปรับการใช้ชีวิตมาอยู่บนโลกออนไลน์มากขึ้น มีการพบปะผู้คนและเดินทางท่องเที่ยวผ่านโลกเสมือนจริง และโดยเฉพาะอย่างยิ่งการซื้อสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์ทั้งภายในประเทศและผ่านช่องทางออนไลน์ข้ามพรมแดนที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ

จึงถือเป็นโอกาสดีของผู้ประกอบการไทยที่จะใช้โอกาสนี้ในการขยายตลาดสู่ต่างประเทศผ่านช่องทางอีคอมเมิร์ซข้ามพรมแดน


DITP ขานรับนโยบาย ดันผู้ประกอบการไทยสู่เวทีโลก

รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ (นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์) ได้กำหนดนโยบายของกระทรวงเพื่อเสริมสร้างความเข้มแข็งทางการค้าของประเทศในการผลักดันผู้ประกอบการไทยให้เข้าถึงผู้บริโภคต่างแดนมากขึ้น และหนึ่งในนโยบายสำคัญคือ การเสริมสร้างผลักดันเศรษฐกิจยุคใหม่ โดยมีการค้าออนไลน์เป็นกลไกขับเคลื่อนที่สำคัญ

นายภูสิต รัตนกุล เสรีเริงฤทธิ์ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) กระทรวงพาณิชย์ ขานรับนโยบายการสนับสนุนการค้าออนไลน์เป็นกลไกขับเคลื่อนเศรษฐกิจการค้า ด้วยการผลักดันผู้ประกอบการไทยขยายตลาดสู่ต่างประเทศผ่านช่องทางออนไลน์ข้ามพรมแดน รวมถึงแพลตฟอร์มออนไลน์พันธมิตรในตลาดต่างประเทศภายใต้กิจกรรมต่างๆ เช่น การเปิดหน้าร้าน TOPTHAI ซึ่งเป็นร้านค้าออนไลน์ของกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศบนแพลตฟอร์ม e-Commerce ชั้นนำในต่างประเทศ ภายใต้คอนเซ็ปต์ “TOPTHAI ร้านจำหน่ายสินค้าท็อปๆ จากประเทศไทย ที่ผ่านการคัดสรรจากหน่วยงานภาครัฐที่มีความน่าเชื่อถือ” โดยกรมได้เปิดร้าน TOPTHAI ไปแล้วบน 7 แพลตฟอร์มชั้นนำใน 9  ประเทศ รวมไปถึงการจัดตั้ง Thaitrade.com ซึ่งเป็นเว็บไซต์ e-Marketplace Platform เพื่อรองรับการค้าผ่านช่องทางออนไลน์ระหว่างประเทศ พัฒนาบนโครงสร้างพื้นฐานที่มีลักษณะเป็นแบบ Microservice เพื่อรองรับการค้าออนไลน์ในรูปแบบ Business to Business (B2B) และ Business to Customer (B2C) และโครงการ “Cross-Border e-Commerce ขายออนไลน์สู่ตลาดโลก” ซึ่งเป็นโครงการที่เปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการไทยได้พบปะกับผู้นำเข้าจากแพลตฟอร์มออนไลน์พันธมิตรชั้นนำในตลาดต่างประเทศทั้งจากยุโรป สหรัฐเอเมริกา อินเดีย จีน และอาเซียน เพื่อสร้างเครือข่ายธุรกิจออนไลน์ข้ามพรมแดน เกิดการจับคู่เจรจาการค้าและสร้างมูลค่าการซื้อขายอย่างยั่งยืนต่อไป

สำหรับ “Cross Border e-Commerce ขายออนไลน์สู่ตลาดโลก” ปี 2565 มีกำหนดจัดในรูปแบบ Webinar จำนวน 8 ครั้ง ควบคู่ไปกับ Online Business Matching โดยล่าสุดมีการจัด Webinar ไปแล้ว 5 ครั้ง ร่วมกับ แพลตฟอร์ม Amazon (สหรัฐอเมริกา), PChome Thai (ไต้หวัน), KlangOne (กัมพูชา), ผู้จัดการร้าน Thailand Food Country Tmall Official Store บนแพลตฟอร์ม Tmall และล่าสุดแพลตฟอร์ม Bigbasket ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มซุปเปอร์มาร์เก็ตออนไลน์อันดับหนึ่งของประเทศอินเดีย ร่วมกับ บริษัท Reach 360 Activation ผู้นำเข้าเฟอร์นิเจอร์รายใหญ่ขึ้นขายบน Amazon India เกิดการจับคู่เจรจาธุรกิจและสร้างมูลค่าคาดการณ์การซื้อขายกว่า 165 ล้านบาทและคาดว่าหลังจากจบโครงการจะมีมูลค่าการซื้อขายตลอดโครงการกว่า 250 ล้านบาท

ทั้งนี้ กรมได้ริเริ่มจัดโครงการ “Cross-Border e-Commerce ขายออนไลน์สู่ตลาดโลก” เมื่อ 3 ปีที่แล้ว ซึ่งเดิมจะเป็นการจัดแบบ Roadshow ตามภูมิภาคต่างๆ ของประเทศไทย แต่การแพร่ระบาดของ COVID-19 ทำให้กรมปรับรูปแบบการ จัดกิจกรรมมาเป็นออนไลน์เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ อย่างไรก็ตามโครงการนี้ก็ยังได้รับความสนใจจากผู้ประกอบการไทยด้วยดีอย่างต่อเนื่อง ดังจะเห็นได้จากจำนวนผู้เข้าร่วมรับฟัง Webinar กว่า 2,000 ราย จากทั่วประเทศ และความสำเร็จที่ผู้ประกอบการได้รับ

อย่างที่ใครบอกไว้ว่า 10 ปากว่า ไม่เท่าตาเห็น เราจึงมีเสียงตอบรับจากผู้ประกอบการที่ได้เข้าร่วมโครงการจริง มาร่วมถ่ายทอดความประทับใจจากการเข้าร่วมโครงการนี้ เรียกว่าเป็นการพลิกชีวิตเลยก็ว่าได้ เพราะมีออเดอร์ปังๆ เข้ามาตลอด แถมมีรายได้เฉลี่ยถึงหลักแสน! รวมถึงถึงทำให้แบรนด์มีความน่าเชื่อถือมากขึ้นด้วย

นายณัฐวุฒิ เผ่าปรีชา จากแบรนด์ Wel-B ผลไม้อบกรอบ ได้เข้าร่วมโครงการ ได้เจรจาธุรกิจกับแพลตฟอร์ม PChome Thai เป็นครั้งแรก ได้บอกว่ามีความประทับใจที่ DITP เปิดโอกาสให้ SMEs เล็กๆ ก้าวสู่ตลาดโลกได้ การขึ้นขายบน PChome Thai ทำให้เปิดโอกาส และเปิดจำนวนในการส่งออกสินค้าได้มากขึ้น และที่มากไปกว่านั้น PChome Thai ขอดีลเพื่อเป็น Agent ตรงในการส่งออกสินค้าของ Wel-B อีกด้วย เพียงไม่กี่เดือนนับตั้งแต่มีการเจรจาธุรกิจ Wel-B มียอดขายถึงหลักแสน และยังมีออเดอร์เข้ามาอย่างต่อเนื่อง สร้างโอกาสใหม่ๆ มากมาย

ทางด้านของ คุณก้องไพร คอนศรี เจ้าของแบรนด์ KhunPhai ได้แชร์ประสบการณ์ว่า แม้ว่าก่อนหน้านี้เคยร่วมงานกับ DITP มาแล้ว เคยไปออกบูธที่ต่างประเทศด้วยหลายครั้ง แต่หลังจากที่ได้เข้าร่วมโครงการ Cross-Border ทำให้ได้ความรู้ในการพัฒนาตนเองเยอะขึ้น สำหรับแบรนด์ KhunPhai ไม่เคยขายบนออนไลน์มาก่อน เคยแต่ทำเรื่องขึ้นขายบนแพลตฟอร์มออนไลน์อื่นๆ ก็ใช้เวลานาน และไม่ได้ขึ้นขายจริงๆ แต่โครงการนี้ทำให้ได้ขึ้นขายบน PChome Thai มีขั้นตอนที่ไม่ยุ่งยากและได้ขึ้นขายจริง ตลาดไต้หวันก็ขายดีมากๆ มีออเดอร์เข้ามาตลอดเวลา ทำให้ธุรกิจของตนเองมีความน่าเชื่อถือมากขึ้นด้วย

ปิดท้ายด้วย คุณภรณ์ภัสสร โล่ภิญโญสิริ เจ้าของแบรนด์ Sangtawan ได้ทำธุรกิจ SME มา 19 ปีแล้ว และได้ร่วมงานกับ DITP มาโดยตลอดตั้งแต่งานที่จัดในรูปแบบออฟไลน์ มาจนถึงรูปแบบออนไลน์ตามสถานการณ์ในปัจจุบัน ทางแบรนด์เน้นส่งออกสินค้าในช่องทางออนไลน์ในสัดส่วน 80% อยู่แล้ว และตลาดหลักอยู่ในโซนอาเซียน เรียกว่าสอดคล้องกับนโยบายของทาง DITP ที่ได้ร่วมมือกับแพลตฟอร์มในการร่วมหาช่องทางต่างๆ มาให้กับผู้ประกอบการอยู่ตลอด การร่วมงานกับ PChome Thai ในโครงการที่ผ่านมา เรียกว่าเป็นการเปิดตลาดไต้หวันเป็นครั้งแรกเลยทีเดียว และเป็นตลาดหลักในการส่งออกอยู่ ณ ตอนนี้ด้วย ซึ่งนับตั้งแต่มีการเจรจาธุรกิจตลอด 3 เดือนที่ผ่านมาก็มียอดสั่งซื้ออย่างต่อเนื่อง โครงการได้สนับสนุนให้ผู้ประกอบการมีช่องทางในการเปิดตลาดสู่ต่างประเทศมากขึ้น

นับเป็นความสำเร็จของกรมที่สามารถก้าวข้ามขีดจำกัดด้านการเดินทาง และกระจายโอกาสให้กับ SMEs ไทยที่ไม่สามารถเข้าร่วมงานแบบ Onsite ได้ โดยกรมวางแผนที่จะเร่งสร้างพันธมิตรด้านการค้าออนไลน์ใหม่ๆ รวมทั้งผู้นำเข้า/ผู้ขาย (Resellers) ที่มีความเชี่ยวชาญในการขายสินค้าไทยบนแพลตฟอร์มออนไลน์ต่างประเทศ

สำหรับกิจกรรม Cross-Border e-Commerce ขายออนไลน์สู่ตลาดโลก ยังมีอย่างต่อเนื่องไปจนถึงเดือนกันยายน 2565 ผู้ประกอบการที่สนใจสามารถติดตามข่าวสารได้ทาง www.facebook.com/ThaiTradedotcom

]]>
1395184
“โลตัส” เปิดตัว “เทศกาลมะม่วงและผองเพื่อน” รับซื้อมะม่วง 3,200 ตัน สนับสนุนกลุ่มเกษตรกร https://positioningmag.com/1325361 Sat, 30 Jan 2021 07:00:08 +0000 https://positioningmag.com/?p=1325361 โลตัส ร่วมกับ กรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ เปิดตัว “เทศกาลมะม่วงและผองเพื่อน” สนับสนุนให้ลูกค้าและประชาชนบริโภคมะม่วงหลากหลายสายพันธุ์ ส่งตรงจากเกษตรกรไทย พร้อมด้วยเครื่องเคียงต่าง ๆ ผลิตโดยเอสเอ็มอี ตลอดทั้งเดือนมีนาคมและเมษายนนี้ โดยโลตัสเดินหน้ารับซื้อมะม่วงกว่า 3,200 ตัน จากกลุ่มเกษตรกรทั่วประเทศ เพิ่มช่องทางการระบายสินค้าให้กับเกษตรกรที่กำลังประสบปัญหาผลผลิตล้นตลาด

นางสาวสลิลลา สีหพันธุ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านบุคคลและความยั่งยืน โลตัส กล่าวว่า

“โลตัส มีนโยบายสนับสนุนเกษตรกรและผู้ประกอบการเอสเอ็มอีมาอย่างต่อเนื่อง โดยโลตัสเป็นช่องทางการจำหน่ายสินค้าที่เข้าถึงฐานลูกค้าทั่วประเทศ ที่ผ่านมา โลตัส เพิ่มปริมาณการรับซื้อสินค้าเกษตรโดยตรงจากกลุ่มเกษตรกรและวิสาหกิจชุมชนโดยไม่ผ่านคนกลางมาอย่างต่อเนื่องในทุก ๆ ปี โดยในปีนี้ โลตัสมีเป้าหมายรับซื้อผักและผลไม้เพิ่มขึ้น 10,000 ตันจากปีที่ผ่านมา ปัจจุบัน เกษตรกรจำนวนมากประสบปัญหาผลผลิตล้นตลาดและราคาตกต่ำ ประกอบกับการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ส่งผลกระทบให้ช่องทางการจำหน่ายผลผลิตทางการเกษตรทั้งภายในประเทศและต่างประเทศลดน้อยลง ดังนั้น ในช่วงฤดูกาลมะม่วง โลตัสจึงได้ซื้อมะม่วงจากกลุ่มเกษตรกรทั่วประเทศจำนวนกว่า 3,200 ตัน เพื่อสร้างรายได้ให้กับกลุ่มเกษตรกรสวนมะม่วง และเพื่อเชิญชวนให้ลูกค้าและประชาชนร่วมกันสนับสนุนพี่น้องเกษตรกร จึงได้ร่วมมือกับกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ ในการจัดกิจกรรม “เทศกาลมะม่วงและผองเพื่อน” ที่โลตัสทุกสาขาทั่วประเทศ ระหว่างวันที่ 25 มีนาคม – 6 เมษายน 2564 โดยมีโปรโมชั่นต่าง ๆ ทั้งมะม่วงพันธุ์น้ำดอกไม้สุก กิโลกรัมละ 39 บาท , ข้าวเหนียวมูน น้ำปลาหวาน มาจัดจำหน่าย”

นอกจากนั้นพิเศษที่โลตัส สาขารามอินทรา ได้จัดตลาดนัดจำหน่ายมะม่วงและผลิตภัณฑ์จากมะม่วงนานาชนิด อาทิ ยำมะม่วง เค้กมะม่วงครีมสด และข้าวเหนียวสังขยามะม่วง โดยให้ผู้ประกอบการเข้ามาจำหน่ายสินค้าโดยไม่มีค่าเช่าตลอดระยะเวลาโครงการ

 

]]>
1325361
“เทสโก้ โลตัส” นำร่องเปิด “ตลาดนัด SME ไทย ถูกใจมหาชน” ให้ผู้ประกอบการจำหน่ายสินค้าฟรี! https://positioningmag.com/1305128 Tue, 10 Nov 2020 10:00:38 +0000 https://positioningmag.com/?p=1305128

ในช่วงของการแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 สร้างผลกระทบต่อธุรกิจในทุกๆ ด้าน ไม่ว่าจะผู้ประกอบการรายใหญ่ รายกลาง หรือรายย่อย แต่คนไทยก็สามารถร่วมกันฝ่าวิกฤตครั้งนี้ไปด้วยกันได้ เพราะมีน้ำใจช่วยเหลือเกื้อกูลกันอย่างเต็มที่ ไม่ทิ้งกันเมื่อยามลำบาก

“เทสโก้ โลตัส” เองก็มีพันธกิจใหญ่ในการฝ่าวิกฤตในครั้งนี้ ซึ่งครอบคลุมทั้งในเรื่องของพนักงาน ลูกค้า คู่ค้า และชุมชน เรียกว่าเป็นการดูแลผู้เกี่ยวข้องในทุกๆ ฝ่าย

ในช่วงตลอดหลายเดือนที่ผ่านมา เทสโก้ โลตัสได้มีนโยบายสนับสนุนทุกภาคส่วนในสังคมให้ร่วมกันฝ่าวิกฤต COVID-19 ไปด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นการออกมาตรดูแลสุขอนามัยของพนักงาน และการป้องกันโรค พร้อมกับเปิดตัวแคมเปญใหญ่แห่งปี “ราคามหาชน” ตัด และตรึงราคาสินค้ามหาชนยาวนานถึง 3 เดือน เพื่อลดค่าครองชีพให้ผู้บริโภค

ตอนนี้ถึงโอกาสในการตอบรับพันธกิจในการช่วยเหลือชุมชนที่ได้รับผลกระทบ เมื่อชุมชนแข็งแรงได้ ธุรกิจถึงจะอยู่ได้ด้วยเช่นกัน

เทสโก้ โลตัส จึงได้จับมือกับ“กระทรวงพาณิชย์”เปิดตัวโครงการ ตลาดนัด SME ไทย ถูกใจมหาชนโดยเปิดพื้นที่ให้ผู้ประกอบการ SME และผู้ประกอบการ “OTOP Select” รวมไปถึงผู้ประกอบการรายย่อยในชุมชนนำสินค้ามาวางจำหน่ายโดยไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการรายย่อยฝ่าวิกฤต COVID-19

ร้านค้ากว่า300 รายที่มาออกบูทนั้น กระทรวงพาณิชย์เป็นผู้คัดสรรจากผู้ประกอบการสินค้า OTOP Select และผู้ประกอบการ SME จากทั่วประเทศ นำสินค้าคุณภาพสูงมาจำหน่ายในราคาที่คุ้มค่าให้กับผู้บริโภค บริเวณหน้าห้างเทสโก้ โลตัส เพราะฉะนั้นจึงเป็นเครื่องการันตีได้ว่า สินค้าของแต่ละร้านจะต้องมีคุณภาพอย่างแน่นอน

ในเบื้องต้นโครงการ “ตลาดนัดSME ไทย ถูกใจมหาชน” จะประเดิมใน 4 สาขา ทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด ได้แก่ เทสโก้ โลตัส สาขาพระราม 4, เทสโก้ โลตัส สาขาพระราม 1, เทสโก้ โลตัส สาขาตราด และ เทสโก้ โลตัส สาขาอุบลราชธานี เริ่มตั้งแต่วันที่ 5-15 พฤศจิกายน 2563 ซึ่งจะพิจารณาขยายโครงการครอบคลุมสาขาอื่นๆ ในอนาคต

จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า

“ธุรกิจ SME คือหัวใจสำคัญของธุรกิจฐานรากในประเทศไทย เพราะมีบทบาทสำคัญในการจ้างงาน กระจายรายได้ และเป็นฐานการผลิตที่แข็งแกร่ง ปัจจุบันในประเทศไทยมีผู้ประกอบการ SMEกว่า 3 ล้านราย คิดเป็น 95% ของผู้ประกอบการในประเทศไทยทั้งหมด ที่ผ่านมา กระทรวงพาณิชย์และรัฐบาล ได้ให้ความสำคัญอย่างยิ่งในการพัฒนาศักยภาพทั้งในด้านการผลิต และการตลาดให้กับ SME ไทย

สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรค COVID-19 ส่งผลกระทบต่อธุรกิจทุกภาคส่วนรวมถึง SME ด้วย จึงเป็นที่มาของความร่วมมือกับเทสโก้ โลตัส ในการจัดโครงการ “ตลาดนัด SME ไทย ถูกใจมหาชน” ขึ้น เพื่อสนับสนุนผู้ประกอบการ SME ให้มีช่องทางในการจำหน่ายสินค้าที่เข้าถึงฐานลูกค้าของห้างค้าปลีกสมัยใหม่ อันเป็นไปตามยุทธศาสตร์เพื่อสร้างความเข้มแข็งให้เศรษฐกิจการค้าในส่วนภูมิภาคทั่วประเทศ”

ทางด้านของ สมพงษ์ รุ่งนิรัติศัย ประธานกรรมการบริหาร เทสโก้ โลตัส กล่าวว่า

“จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรค COVID-19 เทสโก้ โลตัส ได้วางพันธกิจของเราเอาไว้ 3 ประการเพื่อช่วยให้ประเทศไทยสามารถผ่านวิกฤตครั้งนี้ไปได้ด้วยกัน ภายใต้พันธกิจข้อที่ 3 นี้ จึงเป็นที่มาของการโครงการ “ตลาดนัด SME ไทย ถูกใจมหาชน” ที่เทสโก้ โลตัส ร่วมกับกระทรวงพาณิชย์ ช่วยเหลือผู้ประกอบการ SME ขยายช่องทางการตลาดและเพิ่มรายได้ ด้วยการให้พื้นที่เข้ามาจำหน่ายสินค้าโดยไม่มีค่าใช้จ่าย บริเวณหน้าร้านเทสโก้ โลตัส สาขาที่ร่วมรายการ

 ซึ่งนอกจากจะเป็นการสนับสนุนผู้ประกอบการรายย่อยแล้ว ยังทำให้ลูกค้าและประชาชน สามารถเข้าถึงสินค้าชุมชนคุณภาพสูง และได้มีส่วนร่วมในการสนับสนุนชุมชนให้มีการกระจายรายได้อีกด้วย”

นอกจากโครงการตลาดนัด SME ไทย ถูกใจมหาชนแล้ว ทางเทสโก้โลตัสยังเตรียมแผนระยะยาวในการร่วมสนับสนุนสินค้า SME ต่อไปในอนาคต ตอนนี้อยู่ในระหว่างการวางแผนโครงการ “มุมสินค้า SME ไทย ถูกใจมหาชน” โดยจะจัดหาพื้นที่จำหน่ายสินค้า SME ภายในร้านของเทสโก้ โลตัส

โดยกระทรวงพาณิชย์ จะเป็นผู้สรรหาและคัดเลือกสินค้า รวมไปถึงผู้ประกอบการ SME จากทั่วประเทศ รวมถึงสินค้า OTOP Select ที่มีชื่อเสียงของแต่ละพื้นที่และเป็นที่ต้องการของตลาด มาไว้ภายในร้านค้าเทสโก้ โลตัส

เรียกได้ว่ามาตรการการช่วยเหลือของเทสโก้ โลตัสนั้น ให้ความสำคัญต่อทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องจริงๆ ไม่ว่าจะเป็นพนักงาน ลูกค้า คู่ค้า และชุมชน เพราะทุกฝ่ายเป็นส่วนผสมที่ทำให้ธุรกิจเติบโตอย่างยั่งยืนได้

โครงการตลาดนัด SME ไทย ถูกใจมหาชนก็เป็นตัวตอกย้ำพันธกิจของเทสโก้ โลตัสให้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น เพราะการช่วยเหลือผู้ประกอบการ SME ให้ฝ่าวิกฤตครั้งนี้ไปได้ด้วยกัน ยิ่งช่วยรากฐานเศรษฐกิจของประเทศให้แข็งแรงมากยิ่งขึ้นอีกด้วย

 

]]>
1305128
ห้ามส่งออก “ไข่ไก่” 7 วัน เเก้ขาดตลาด พาณิชย์ย้ำใครขายราคาเเพงเกิน เจอโทษหนัก https://positioningmag.com/1270217 Thu, 26 Mar 2020 10:24:46 +0000 https://positioningmag.com/?p=1270217 กระทรวงพาณิชย์ ห้ามส่งออก “ไข่ไก่” 7 วัน หากไม่ดีขึ้นจะขยายเวลาอีก เพื่อช่วยให้ประชาชนมีไข่ไก่บริโภคเพียงพอในประเทศ ยันจับแหลกพวกค้ากำไรเกินควร มีโทษจำคุก 7 ปี ปรับ 1.4 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

จุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า กระทรวงพาณิชย์จะออกประกาศห้ามส่งออกไข่ไก่ไปนอกราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราว ตั้งแต่วันที่ 26 มี.ค. 2563 เป็นต้นไปจนกว่าสถานการณ์จะดีขึ้น โดยให้ทดลองมาตรการเป็นเวลา 7 วัน และยังได้ประสานกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยไม่ให้กรมปศุสัตว์ออกใบอนุญาตในการส่งออกให้ด้วย เพื่อให้ประชาชนมีไข่ไก่ในการบริโภคเพียงพอ และหากสถานการณ์ไข่ไก่ขาดตลาดยังไม่ดีขึ้นก็จะมีการขยายเวลา และมีมาตรการอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องออกมาดำเนินการต่อไป

โดยจะเข้าไปดูแลการขายเกินราคา เพราะราคาไข่ไก่หน้าฟาร์มมีราคาเฉลี่ย 2.80-2.90 บาทต่อฟอง การที่จะขายไปถึงปลายทางไม่ควรจะเกิน 3.30-3.50 บาทต่อฟอง หากมีการจำหน่ายในราคาสูงมากกว่าที่ควรจะเป็นก็จะดำเนินการในข้อหาค้ากำไรเกินควร มีโทษจำคุกไม่เกิน 7 ปี ปรับไม่เกิน 1.4 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และยังได้ขอให้กระทรวงมหาดไทยสั่งการกำชับให้ผู้ว่าราชการจังหวัด ผู้บังคับการตำรวจจังหวัด และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ดำเนินการปราบปราม จับกุมดำเนินคดีผู้ที่กักตุนและขายสินค้าเกินราคา ค้ากำไรเกินควรโดยเร่งด่วนด้วย รวมถึงในกรุงเทพฯ

“จะมีการจับกุมดำเนินคดีอย่างเด็ดขาดสำหรับผู้ที่ขายราคาเกินควร เพราะขณะนี้โรคระบาดไวรัสโควิด-19 ก็ทำให้เกิดความลำบากมากอยู่แล้ว การค้ากำไรเกินควรเท่ากับซ้ำเติมสถานการณ์ หากประชาชนมีเบาะแส สามารถแจ้งเบาะแสมาที่สายด่วน 1569 รวมทั้งสายตรวจของกระทรวงพาณิชย์ และสายตรวจของหน่วยงานป้องกันปราบปรามการกักตุนสินค้าและค้ากำไรเกินควรของระดับจังหวัด และที่ผ่านมาได้มีการจับกุมดำเนินคดีแล้วใน จ.พิษณุโลก จับกุมร้านค้าที่มีการขายไข่ไก่เกินราคา เนื่องจากขายไข่ไก่เบอร์ 2 ถึงฟองละ 4.70 บาท ซึ่งแพงเกินควร” จุรินทร์กล่าว

สำหรับประเทศไทยสามารถผลิตไข่ไก่ได้เฉลี่ยวันละ 40 ล้านฟอง ส่วนใหญ่ใช้บริโภคภายในประเทศเป็นหลัก โดยบางช่วงอาจจะล้นหรือขาดตลาด เช่นปีที่ผ่านมามีปัญหาล้นตลาด รัฐบาลต้องช่วยส่งออกอุดหนุนฟองละ 46 สตางค์ แต่ปัจจุบันมีสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไปเนื่องจากผลกระทบการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 และมาตรการที่เข้มข้นขึ้นของรัฐบาล ทำให้ประชาชนเป็นกังวล จึงมีการซื้อไข่ไก่เพิ่มขึ้น และทำให้ไข่ไก่ขาดตลาดในบางช่วงเวลา แต่ไม่ได้หมายความว่าผลผลิตมีไม่เพียงพอ

สำหรับสินค้าอื่นๆ จะมีการดำเนินคดีโดยเด็ดขาดเช่นเดียวกัน โดยล่าสุดได้มีการจับกุมกรณีขายเจลล้างมือในราคาแพงเกินควร ที่ร้านภูเก็ตโกรเซอรี่ จ.ภูเก็ต โดย สภ.ภูเก็ตได้ดำเนินคดีร้านดังกล่าว คือขายแอลกอฮอล์ 70% ยี่ห้อศิริบัญชา จากราคา 50-60 บาท แต่ขายในราคา 309 บาท

ส่วนหน้ากากอนามัย รมว.พาณิชย์ เผยว่าขณะนี้ผลิตได้วันละ 2.3-2.4 ล้านชิ้นต่อวัน และได้มีการจัดสรรใหม่ โดยให้กระทรวงสาธารณสุขกระจายให้สถานพยาบาลทุกประเภท ทุกสังกัด ทั่วประเทศ 1.3-1.5 ล้านชิ้นต่อวัน เพื่อนำไปให้แก่แพทย์ บุคลากรทางการแพทย์ และผู้ป่วยได้ใช้ ซึ่งเป็นกลุ่มที่สำคัญลำดับต้น ส่วนที่เหลือเดิมกรมการค้าภายในบริหาร ได้มอบให้กระทรวงมหาดไทยเป็นผู้รับไปดำเนินการ เพราะหลังจากมีการจัดตั้งศูนย์บัญชาการจังหวัด ซึ่งมีผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นประธาน และมีอำนาจเกือบเบ็ดเสร็จในทุกเรื่อง การจัดการเรื่องเวชภัณฑ์ป้องกันบางส่วน เช่น หน้ากากอนามัย ผู้ว่าราชการจังหวัดจะเป็นผู้ดำเนินการบริหารจัดการในแต่ละจังหวัดได้ดีที่สุด เพราะรู้เรื่องในพื้นที่ดีที่สุดว่ากลุ่มเสี่ยงอยู่ที่ใดบ้าง

Source 

]]>
1270217
พาณิชย์ฟิตจัดเร่งจัดมหกรรมการค้าชายแดนหวังดันเป้าทะลุ 1.7 ล้านล้านบาท https://positioningmag.com/1091188 Tue, 10 May 2016 08:27:15 +0000 http://positioningmag.com/?p=1091188 กระทรวงพาณิชย์เร่งผลักดันการค้าชายแดนระหว่างไทยกับประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อบรรลุเป้าหมาย 1.7 ล้านล้านบาท ในปี 2559 โดยมีกำหนดจัดโครงการส่งเสริมและขยายการค้าชายแดนเชื่อมโยงเพื่อนบ้านสู่จีนตอนใต้ ในระหว่างวันที่ 12-13 พฤษภาคม 2559 ณ จังหวัดนครพนม พร้อมเตรียมเดินหน้าจัดครั้งต่อไปที่เชียงรายและจันทบุรี

นางดวงพร รอดพยาธิ์เปิดเผยว่ากระทรวงพาณิชย์ได้จับมือกับกลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ตอนบน 2 รวม 3 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดนครพนม สกลนครและมุกดาหาร จัดโครงการส่งเสริมและขยายการค้าชายแดนเชื่อมโยงเพื่อนบ้านสู่จีนตอนใต้ โดยได้เล็งเห็นว่า กลุ่มจังหวัดดังกล่าว เป็นจังหวัดที่ชายแดนเชื่อมกับ สปป.ลาว และเป็นที่ตั้งของเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษระยะที่ 2 จำนวน 2 จังหวัด คือ จังหวัดนครพนมและจังหวัดมุกดาหาร และเป็นเส้นทางขนส่งสินค้าที่สำคัญไปยังเวียดนามและจีนตอนใต้ โดยในการจัดงานครั้งนี้ กระทรวงพาณิชย์ ได้เห็นถึงความสำคัญการค้าชายแดนที่มีอนาคตสดใสทั้งจากกำลังซื้อที่ขยายตัวอย่างต่อเนื่องของประเทศเพื่อนบ้าน รวมทั้งปัจจัยเสริมด้านอื่นๆ อาทิ ระบบคมนาคมขนส่งที่มีความสะดวกสบาย สินค้าไทยที่ได้รับความนิยมและความเชื่อมั่นว่าเป็นสินค้าที่มีคุณภาพซึ่งล้วนแต่เป็นปัจจัยบวกที่จะช่วยผลักดัน ยอดการค้าชายแดนให้ทะลุถึง 1.7 ล้านล้านบาท โดยในปี 2558 จังหวัดนครพนม มีมูลค่าการค้าชายแดนเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดดจาก 4,425 ล้านบาท ในปี 2557 เพิ่มเป็น 7,998 ล้านบาท ในปี 2558 หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 80 และมีมูลค่าการส่งออกชายแดนขยายตัวสูงถึงร้อยละ 15

“โครงการส่งเสริมและขยายการค้าชายแดนเชื่อมโยงเพื่อนบ้านสู่จีนตอนใต้ มีกำหนดจัดระหว่างวันที่ 12-13 พฤษภาคม 2559 ณ โรงแรม ไอ โฮเต็ล จังหวัดนครพนม โดยมีกิจกรรมต่างๆ ภายใต้โครงการคือการจัดมหกรรมการค้าชายแดนโดยมีคูหาแสดงสินค้า จำนวน 300 คูหา ณ บริเวณหน้าศาลากลางจังหวัดนครพนม การสัมมนาและการบรรยายพิเศษ เรื่อง “ขยายการค้าชายแดนและการลงทุนไทยผ่านเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ” โดยวิทยากรพิเศษ ร้อยตำรวจเอก ดร.นิติภูมิ นวรัตน์ ในวันที่ 13 พฤษภาคม 2559 โดยมุ่งหวังให้ผู้ประกอบการได้รับความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการค้าชายแดน และการลงทุนในเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษให้เข้าสู่ตลาด สปป.ลาว การประชุมร่วมระหว่างหอการค้าไทย และสภาการค้าและอุตสาหกรรม สปป.ลาว เพื่อหารือแนวทางเพิ่มพูนมูลค่าการค้าระหว่างกัน และการสัมมนาเชิงปฏิบัติการ หัวข้อ “การค้า (สินค้าอุปโภค/บริโภค) จากแดนไทยสู่ลาว” โดยผู้แทนจากหน่วยงานสุขอนามัย ทั้งจากฝ่ายไทยและฝ่ายลาว และการหารือข้อราชการ ระหว่างกระทรวงพาณิชย์ไทย ร่วมกับ กระทรวงอุตสาหกรรมและการค้า สปป.ลาว เจ้าแขวงคำม่วน และเจ้าแขวงสะหวันนะเขต สปป.ลาว เพื่อรับฟังความคิดเห็นจากภาคเอกชนทั้ง 2 ประเทศ” นางดวงพรกล่าว

“การจัดโครงการดังกล่าว นอกจากจะเป็นการกระตุ้นให้เศรษฐกิจในพื้นที่มีการเติบโตเพิ่มสูงขึ้นแล้ว ยังจะช่วยให้การค้าชายแดนระหว่างไทยกับประเทศเพื่อนบ้านมีการขยายตัวเพิ่มสูงขึ้นด้วย หลังจากนี้กระทรวงพาณิชย์ มีแผนที่จะกิจกรรมในลักษณะนี้ต่อเนื่องไปอีกในพื้นที่ติดชายแดนอื่นๆ ต่อไป คือ จังหวัดเชียงราย และจังหวัดจันทบุรี ผู้สนใจสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ สายด่วน 1385 หรือ โทร 02 547 5099” นางดวงพรกล่าว

]]>
1091188
พาณิชย์เล็งขยายการค้าอินทรีย์ไทยบุกตลาดอาเซียน https://positioningmag.com/56205 Thu, 28 Mar 2013 00:00:00 +0000 http://positioningmag.com/?p=56205

นางนันทวัลย์ ศกุนตนาค รองปลัดกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยถึงแนวโน้มการขยายตัวของตลาดสินค้าอินทรีย์ในกลุ่มประเทศอาเซียนว่า มีแนวโน้มเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว เนื่องจากผู้บริโภคกำลังตื่นตัวเรื่องการดูแลรักษาสุขภาพ ดังนั้น การเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) จึงเป็นโอกาสและความท้าทายสำคัญของประเทศไทยในการที่จะขยายตลาดทั้งในประเทศและอาเซียนมากขึ้น โดยกระทรวงฯ ได้เตรียมแผนที่จะผลักดันให้ประเทศไทยเป็นหนึ่งในผู้นำ ด้านการผลิต ตลาด และบริการสินค้าอินทรีย์ในภูมิภาคอาเซียน เพื่อรองรับการเปิดเสรีด้านการค้าและการลงทุนของ AEC โดยมุ่งเน้นการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านสินค้าอินทรีย์ภายในประเทศ การสร้างเครือข่ายสินค้าและความร่วมมือด้านเกษตรอินทรีย์ระหว่างประเทศสมาชิกอาเซียน ซึ่งขณะนี้ กระทรวงฯ ได้กำหนดจัดงาน ORGANIC & NATURAL EXPO 2013 ซึ่งเป็นงานแสดงสินค้าและบริการอินทรีย์ครั้งใหญ่ที่สุดในประเทศไทย เพื่อรวบรวมสินค้า บริการอินทรีย์และผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติมาจัดแสดงและจำหน่ายอย่างครบวงจร ในระหว่างวันที่ 9-12 พฤษภาคม 2556 ณ เพลนนารี ฮอลล์ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์

“การจะพัฒนาตลาดสินค้าอินทรีย์ไทยให้แข็งแกร่งและสามารถใช้ประโยชน์จากการเป็น AEC ได้อย่างมีศักยภาพ เราต้องเปลี่ยนแนวคิดจากการมองอาเซียนเป็นคู่แข่งมาเป็นพันธมิตรทางการค้าระหว่างกัน ทั้งในแง่การเป็นแหล่งวัตถุดิบและยังเป็นฐานการผลิตที่สำคัญ เนื่องจากประเทศสมาชิกอาเซียนส่วนใหญ่เป็นประเทศเกษตรกรรม จึงเป็นแหล่งวัตถุดิบขนาดใหญ่ที่สามารถนำมาผลิตสินค้าอินทรีย์ได้เพียงพอต่อความต้องการของตลาด อีกทั้งยังมีทรัพยากรและแรงงานสำหรับการผลิตที่เพียงพออีกด้วย ซึ่งจะเป็นปัจจัยที่เข้ามาช่วยเสริมสร้างโอกาสในด้านการผลิตและการตลาดให้กับสินค้าอินทรีย์ไทยมากขึ้น” นางนันทวัลย์ กล่าว

]]>
56205
“พาณิชย์” ขนกูรูนักคิด ด้านเศรษฐกิจสร้างสรรค์ทั่วโลก ร่วมงาน TICEF https://positioningmag.com/53642 Thu, 18 Nov 2010 00:00:00 +0000 http://positioningmag.com/?p=53642

กระทรวงพาณิชย์ โดยกรมทรัพย์สินทางปัญญา เชิญกูรูด้านเศรษฐกิจสร้างสรรค์ระดับโลก ทั้งไทยและต่างชาติ มาให้ความรู้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นแบบเจาะลึก ครั้งแรกในไทย ในงาน “มหกรรมเศรษฐกิจสร้างสรรค์นานาชาติ (TICEF)” หวังกระตุ้นไทยสู่การเป็นประเทศเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (Creative Economy) เปิดรับเข้าฟังงานสัมมนาฟรี!! วันที่ 28 – 30 พฤศจิกายนนี้ ณ โรงแรมเซ็นทารา แกรนด์ แอท เซ็นทรัลเวิลด์

นางปัจฉิมา ธนสันติ อธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญา กล่าวว่า ในการจัด มหกรรมเศรษฐกิจสร้างสรรค์นานาชาติ Thailand International Creative Economy Forum (TICEF) ซึ่งกำหนดจัดขึ้นในวันที่ 28-30 พฤศจิกายนนี้ ที่โรงแรมเซ็นทารา แกรนด์ แอท เซ็นทรัลเวิลด์ ภายใต้แนวคิด “GlobaLOCALisation:-Local Moves Global Success” ซึ่งถือเป็นครั้งแรกของประเทศไทย ในการเป็นเจ้าภาพการจัดการประชุมเรื่องเศรษฐกิจสร้างสรรค์ในระดับนานาชาติ เพื่อแลกเปลี่ยนองค์ความรู้และประสบการณ์ร่วมกัน และเป็นการประกาศความพร้อมของไทยในการเป็นผู้นำในเรื่องของเศรษฐกิจสร้างสรรค์ในภูมิภาคอาเซียน

โดยจะมีไฮไลต์สำคัญ คือ การสัมมนาเรื่องเศรษฐกิจสร้างสรรค์ TICEF Thailand International Creative Economy Forum บรรยายโดยผู้เชี่ยวชาญด้านความคิดสร้างสรรค์ ขณะนี้กูรูนักคิดจากไทยและต่างประเทศ ต่างตอบรับเข้าร่วมงานคับคั่ง อาทิ มิสเตอร์ครีเอทีฟเมืองไทย นายอลงกรณ์ พลบุตร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ ,นายศุภชัย พานิชภักดิ์ เลขาธิการอังค์ถัด (UNCTAD) ,จอห์น ฮอว์กิ้น เจ้าของฉายาพ่อมดเศรษฐกิจสร้างสรรค์, ดีไซเนอร์และนักออกแบบชื่อดัง Mr. Kofi Ansah, African Designer, Mr. Sean Freeman, Typographer, England นักออกแบบตัวอักษร , Mr. Sonu Shivdasani, Founder and CEO of Six Senses Resort and Spa, คุนปอม ชาน Pomme Chan กราฟฟิกดีไซเนอร์ดาวรุ่งของไทย, Prof. John Hartley ผู้เชี่ยวชาญด้านเศรษฐกิจสร้างสรรค์จากมหาวิทยาลัยควีนแลนด์ เป็นต้น

“นับเป็นโอกาสอันดีของผู้สนใจด้านเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (Creative Economy) เพราะไม่บ่อยนักที่จะมีกูรูระดับโลก มารวมตัวในงานเดียวกันมากขนาดนี้ และที่สำคัญเปิดให้ผู้สนใจเข้าฟังโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ซึ่งหัวข้อการสัมมนาจะมีหลากหลาย อยู่ภายใต้ 4 หัวข้อหลัก ได้แก่ 1: Creative City and Community – Improving our way of living 2: Creative Brand and Design – Value of True Creativity  3: Creative Content and Media – Delightful Sensation 4: Traditional Knowledge – Bridging the divide” นางปัจฉิมา กล่าว

งาน มหกรรมเศรษฐกิจสร้างสรรค์นานาชาติ Thailand Creative Economy Forum (TICEF) ซึ่งกำหนดจัดขึ้นในวันที่ 27-30 พฤศจิกายนนี้ ที่ โรงแรมเซ็นทารา แกรนด์ แอท เซ็นทรัลเวิลด์ สนใจเข้าฟังสัมมาฟรี!! ลงทะเบียนด่วน!! www.TICEF.com หรือ โทร. 02 – 713 – 2729

]]>
53642
BIG+BIH ครั้งที่ 30 ยอดเกินเป้า https://positioningmag.com/53482 Fri, 29 Oct 2010 00:00:00 +0000 http://positioningmag.com/?p=53482

งาน BIG+BIH ครั้งที่ 30 ประสบความสำเร็จ ดันงานผลิตภัณฑ์ไลฟ์สไตล์ไทยสู่ตลาดโลกอย่างยั่งยืน ยอด Buyer และประชาชนที่เข้าชมงานเกินเป้าหมาย เช่นเดียวกับยอดเงินสะพัดในงาน เกินกว่าเป้าหมายที่กรมฯ ตั้งเป้าไว้ในวันเจราจาธุรกิจ 600 ล้านบาท และ 300 ล้านบาท ในวันค้าปลีก พบกันอีกครั้งปีหน้า เมษายน ภายใต้แนวคิด Asian Inspired

นางนันทวัลย์ ศกุนตนาค อธิบดีกรมส่งเสริมการส่งออก กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยถึงผลสำเร็จจากการจัดงานแสดงสินค้าของขวัญและงานแสดงสินค้าของใช้ในบ้าน เดือนตุลาคม 2553 (BIG+BIH 2010) ที่จัดขึ้นโดยกรมส่งเสริมการส่งออก กระทรวงพาณิชย์ และได้รับการสนับสนุนจากสมาพันธ์สมาคมผลิตภัณฑ์ไลฟ์สไตล์ โดยเป็นงานแสดงสินค้าของขวัญและงานแสดงสินค้าของใช้ในบ้าน เทรนดี้ที่สุดในอาเซียนว่า การจัดงานครั้งนี้ได้ผลตอบรับที่ดีจากนักธุรกกิจ (Buyer) รวมถึงประชาชนทั่วไปที่เข้ามาร่วมงาน ความสำเร็จที่เกิดขึ้นสะท้อนให้เห็นว่าผลิตภัณฑ์ไลฟ์สไตล์ไทย ได้รับการยอมรับเป็นอย่างดีในตลาดโลก จึงถือเป็นการตอบโจทย์งานดีไซน์ของอุตสาหกรรมที่มาได้ถูกทางแล้ว และเป็นการยกระดับ งานแสดงสินค้าของขวัญ และงานแสดงสินค้าของใช้ในบ้าน สู่ความเป็น World Class อีกครั้ง แสดงให้เห็นว่าประเทศไทยก้าวสู่ความเป็น ผู้นำในงานแสดงสินค้าของขวัญ ของใช้ในบ้าน ของเล่น และผลิตภัณฑ์แนวดีไซน์ ของอาเซียน

ทั้งนี้ งาน BIG+BIH ยังเป็นเวทีที่แสดงถึงศักยภาพของ ผู้ประกอบการ นักออกแบบไทย ในอุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์ไลฟ์สไตล์ ที่สามารถแข่งขันได้ในเวทีโลก โดยพิสูจน์ให้เห็นแล้ว จากผลงานผลิตภัณฑ์ไลฟ์สไตล์ 64 ผลงาน ที่ได้รับรางวัล Good Design Award ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งรางวัลนี้ถือว่าเป็นรางวัลด้าน Commercial Design ที่ได้รับการยอมรับจากทั่วโลก

ด้านนายจิรบูลย์ วิทยสิงห์ เลขาธิการ สมาพันธ์สมาคมผลิตภัณฑ์ไลฟ์สไตล์ เปิดเผยว่า การจัดงาน BIG+BIH ระหว่างวัน ที่ 19-22 ตุลาคม ซึ่งเป็นวันที่เปิดเจรจาการค้า ที่ผ่านมา พบว่ามีนักธุรกิจ (Buyer) ที่เข้ามาเจรจาธุรกิจภายในงาน 11,554 คน เกินจากเป้าหมายที่ที่ตั้งไว้ 7,500 คน ยอดเงินสะพัดจากวันเจรจาธุรกิจมากกว่าเป้าหมายที่กรมฯ ตั้งไว้ 600 ล้านบาท

“ครั้งนี้ยังมี Buyer เข้ามาอย่างต่อเนื่อง แม้จะเป็นวันค้าปลีก และ Buyer ส่วนใหญ่ที่เข้ามาก็มีอำนาจซื้อสูง เป็นผู้ซื้อที่มีคุณภาพ และเป็นผู้ซื้อรายใหม่ ซึ่งผู้ซื้อกลุ่มนี้จะไม่ติดปัญหาเรื่องค่าเงิน เป็น Buyer มาจากหลากหลายประเทศ อาทิ จีน อาเซียน ญี่ปุ่น สหภาพยุโรป และสินค้าที่ได้รับความนิยมและสั่งซื้อมากที่สุด คือ สินค้าที่มีการพัฒนาเรื่องของการออกแบบ”นายจิรบูลย์กล่าว

ส่วนวันค้าปลีกระหว่างวันที่ 23-24 ตุลาคมที่ผ่านมา กระแสตอบรับดีมีประชาชนทั่วไปเข้าเยี่ยมชมงานประมาณ 75,000 คน เกินกว่าเป้าหมายที่กรมฯตั้งไว้ 72,500 คน และยอดเงินสะพัดจากวันค้าปลีกมากกว่าเป้าหมายที่กรมส่งเสริมการส่งออกตั้งไว้ 300 ล้านบาท จึงสะท้อนให้เห็นถึงความพึงพอใจของผู้บริโภค

สำหรับความสำเร็จของงานครั้งนี้ ยังถือเป็นจุดเริ่มต้นในการจับจ่ายใช้สอยสินค้าของขวัญที่มีคุณภาพ เพื่อรองรับเทศกาลฉลองขึ้นวันปีใหม่ที่กำลังจะมาถึงอีกด้วย โดยการจัดงาน BIG+BIH ใน เมษายน เตรียมพบกับรูปแบบงานภายใต้แนวคิด Asian Inspired ซึ่งคาดว่าจะได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากนักธุรกิจและประชาชนทั่วไป ที่ชื่นชมกับสินค้าคุณภาพของคนไทยที่มีผลงานดีไซน์ในระดับโลกเช่นเดียวกับการจัดงานครั้งนี้เช่นกัน

อนึ่ง งานแสดงสินค้าของขวัญและงานแสดงสินค้าของใช้ในบ้าน เดือนตุลาคม 2553 (BIG+BIH 2010) จัดขึ้นระหว่างวันที่ 19-24 ตุลาคม 2553 ที่ผ่านมา โดยเปิดเป็นวันเจรจาธุรกิจระหว่างวันที่ 19-22 ตุลาคม และวันค้าปลีก 23-24 ตุลาคม ณ ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค บางนา

]]>
53482
เปิด “โครงการ 25 บาท…อิ่มเต็มคำ” ที่ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ https://positioningmag.com/53269 Fri, 01 Oct 2010 00:00:00 +0000 http://positioningmag.com/?p=53269

นางพรทิวา นาคาศัย (ที่ 3 จากขวา) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ พร้อมด้วยนายยรรยง พวงราช (ที่ 2 จากขวา) ปลัดกระทรวงพาณิชย์ และนางวัชรี วิมุกตายน (ที่ 3 จากซ้าย) อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิด “โครงการ 25 บาท…อิ่มเต็มคำ” ณ ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา 5 ธันวาคม 2550 ถนนแจ้งวัฒนะ โดยมีนายสุระชัย เอี่ยมวชิรสกุล (ที่ 1 จากขวา) กรรมการผู้จัดการ บริษัท ธนารักษ์พัฒนาสินทรัพย์ จำกัด (ธพส.) พร้อมผู้บริหารให้การต้อนรับ ซึ่งโครงการ 25 บาทฯ จัดขึ้นเพื่อลดภาระค่าครองชีพประชาชนให้ซื้ออาหารในราคาที่เหมาะสม โดยมอบเครื่องหมายรับรองให้แก่ผู้ประกอบการที่จำหน่ายอาหารปรุงสำเร็จในราคาไม่เกินจานละ 25 บาท

]]>
53269