คุณอุปถัมป์ นิสิตสุขเจริญ ผู้อำนวยการสำนักงานบริหารการจัดงานมหกรรมพืชสวนโลกเฉลิมพระเกียรติฯ ราชพฤกษ์ 2554 (ซ้าย) และ ดร.สุวิทย์ ชัยเกียรติยศ ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยพืชสวน กรมวิชาการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (ขวา) ปล่อยโปรโมชั่นพิเศษสุดๆ สำหรับผู้ที่ซื้อบัตรเข้าชมงานล่วงหน้าจากไทยทิคเก็ตเมเจอร์และธนาคารกรุงไทยทุกสาขาทั่วประเทศ นอกจากจะได้ลดราคาถึง 50 % แล้ว ใครก็ตามที่ซื้อบัตรเข้าชมงานฯ ระหว่างวันที่ 10-19 ต.ค.นี้ (หรือวันที่ 10 เดือน 10 นับไป 10 วัน) มีสิทธิ์ลุ้นตั๋วเครื่องบินไปกลับกรุงเทพ-เชียงใหม่ จำนวน 20 ที่นั่ง บัตรกำนัลที่พักโรงแรมในเชียงใหม่ 2 วัน 1 คืนพร้อมอาหารเช้า จำนวน 40 รางวัล และยังมีสิทธิ์ลุ้นรับบัตรรับประทาน ณ ร้านอาหารชื่อดังในจังหวัดเชียงใหม่ มูลค่า 500 บาท จำนวน 30 รางวัล รวมมูลค่ากว่า 300,000 บาท สนใจสอบถามเพิ่มเติมที่ศูนย์บริการข้อมูลงานพืชสวนโลกฯ 0-2610-2011

เทสโก้ โลตัส ผงาดขึ้นเป็นหนึ่งในผู้ซื้อสินค้าเกษตรรายใหญ่ที่สุดในประเทศไทยในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ด้วยการซื้อผักและผลไม้จำนวน 228,000 ตัน จากเกษตรกรไทย คิดเป็นมูลค่า 5,600 ล้านบาท นอกจากนี้ ยังมีบทบาทสำคัญในการช่วยเหลือเศรษฐกิจไทย ทำให้ตัวเลขการส่งออกช่วงปี 2552/2553 จากไทยไปยังกลุ่มเทสโก้ มีมูลค่าสูงถึง 11,700 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นจากปี 2552 ถึง 46 เปอร์เซ็นต์

เมื่อเร็ว ๆ นี้ เทสโก้ โลตัส ยังได้ผนึกกำลังกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เพิ่มการส่งออกไปยังกลุ่มเทสโก้ ที่มีสาขาอยู่ใน 14 ประเทศ ทั้งในสหราชอาณาจักร , ยุโรปตะวันตก , เอเชียตะวันออก และสหรัฐ โดยสินค้าที่ทำให้รายได้หลัก คือ ผักและผลไม้ ที่เป็นผลผลิตที่ได้ทำการรับซื้อจากเกษตรกรไทยโดยตรง โดยไม่ต้องผ่านพ่อค้าคนกลาง นับเป็นการเข้าไปสนับสนุนภาคการเกษตรซึ่งมีประชากรถึง 14 ล้านคนให้มีรายได้ที่แน่นอนและมั่นคง จากการวางแผนการปลูก การขนส่ง การรับซื้อผลผลิตและการกระจายสินค้าไปสู่เทสโก้ โลตัสสาขาต่าง ๆ ทั่วประเทศ และส่งออกจำหน่ายในต่างประเทศ

ดร.ดามพ์ สุคนธทรัพย์ รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส เทสโก้ โลตัส เปิดเผยว่า “ เราตระหนักดีว่าภาคการเกษตร ซึ่งมีประชากรถึง 14 ล้านคน คือเส้นเลือดหลักของเศรษฐกิจและสังคมไทย ซึ่งในปีที่ผ่านมาก็ได้พิสูจน์ให้ทุกคนได้เห็นแล้วว่า เราให้ความสำคัญต่อการส่งเสริมรายได้และความเป็นอยู่ของเกษตรกรมาโดยตลอด ด้วยการช่วยเกษตรกรในการพัฒนาผลผลิต ทั้งในด้านคุณภาพและความปลอดภัย ช่วยในการบริหารจัดการโดยผ่านสหกรณ์การเกษตร อีกทั้ง ยังช่วยให้เกษตรกรสามารถมีรายได้ที่สม่ำเสมอและยุติธรรม ในเวลาเดียวกัน ลูกค้าของเราทั่วประเทศก็จะได้รับผลิตผลทางการเกษตรที่มีคุณภาพในราคายุติธรรมด้วยเช่นกัน”

ทั้งนี้ การส่งออกสินค้าสดโดยผ่านกลุ่มเทสโก้ มีมูลค่าเพิ่มกว่า 6,300 ล้านบาท สวนทางกับตัวเลขการส่งออกโดยรวมของไทย ที่ลดลง 19 เปอร์เซ็นต์ นอกจากผักและผลไม้แล้ว สินค้าอื่น ๆ ที่ถูกส่งไปยังกลุ่มเทสโก้ รวมถึง ไก่, กล้วยไม้ , กุ้งกุลาดำ , ข้าว และสินค้าที่ไม่ใช่อาหาร นอกจากนี้ เทสโก้ยังคงเดินหน้าหาตลาดใหม่ ๆ สำหรับสินค้าไทย ที่วางจำหน่ายอยู่ในร้านสาขาของเทสโก้ทั่วโลกอีกด้วย

อีกทั้ง เทสโก้ โลตัส ได้ส่งทีมงานผู้เชี่ยวชาญ ไปทำงานใกล้ชิดกับเกษตรกร และสหกรณ์ต่าง ๆ เพื่อให้ได้มาตรฐานคุณภาพและความปลอดภัย สำหรับสินค้าที่จะถูกส่งไปจำหน่ายตามสาขา เพื่อช่วยให้เกษตรกรมีรายได้สม่ำเสมอและยุติธรรม และยังช่วยให้หลายคนกลายเป็นผู้ส่งออกเองอีกด้วย และในปี 2553 นี้ เทสโก้ โลตัส มีแผนจะซื้อผลผลิตจากสหกรณ์ของเกษตรจันทรบุรี , ระยอง , ชลบุรีและตราด จำนวน 2 หมื่นตัน เป็นมูลค่ากว่า 750 ล้านบาท

นอกจากนี้ เทสโก้ โลตัส ยังเป็นผู้ซื้อรายใหญ่ของโครงการในพระราชดำริ โดยมีสัดส่วนในการซื้อผลิตผลมากกว่า 50 ชนิด ของโครงการในพระราชดำริต่าง ๆ มากกว่า 20 เปอร์เซ็นต์ เช่น แคร์รอท , กระหล่ำปลี , ผักขม และสินค้าท้องถิ่นอื่น ๆ คิดเป็นมูลค่าปีละกว่า 40 ล้านบาท

“ในปี 2553 นี้ เทสโก้ โลตัสมีแผนการที่จะรับซื้อผลไม้ฤดูกาลทั้งหมดจากเกษตรกรไทยประมาณ 47,000 ตัน คิดเป็นมูลค่าทั้งสิ้นกว่า 1,500 ล้านบาท โดยปริมาณและมูลค่าดังกล่าวไม่รวมถึงการรับซื้อผักและผลไม้ตลอดทั้งปี ซึ่งคาดว่าจะมีการรับซื้อประมาณ 180,000 ตัน มูลค่ากว่า 2,500 ล้านบาท” ดร.ดามพ์ฯ กล่าวสรุป

นายสมพัฒน์ แก้วพิจิตร (ที่ 2 จากซ้าย) รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ชมกระบวนการทำงานของเครื่องตรวจสอบย้อนกลับเนื้อสัตว์ หรือ “สปาย ออน มี” (Spy on me) ของเครือเบทาโกร ผู้นำด้านธุรกิจอุตสาหกรรมเกษตรและอาหารครบวงจร ในโอกาสตรวจเยี่ยมกรมปศุสัตว์และมอบนโยบายแนวทางการปฎิบัติงาน ในปี พ.ศ. 2551 โดยมี นายสหัส รัตนะโสภณชัย (ซ้าย) ผู้อำนวยการสำนักความปลอดภัยด้านอาหารและประกันคุณภาพกลาง เครือเบทาโกร ให้การต้อนรับ เมื่อเร็วๆนี้ ที่ห้องประชุม 2 กรมปศุสัตว์ กรุงเทพฯ

กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เชิญชวนหนุ่มสาวรุ่นใหม่ไฟแรง บุคลิกดี มีความรู้ความสามารถ มีความกล้าแสดงออกในทางที่สร้างสรรค์ ร่วมประกวด “Q Food Fairies” เพื่อทำหน้าที่เป็น “ผู้แทนพิเศษ” ประชาสัมพันธ์สินค้าเกษตรและอาหารไทย ภายใต้เครื่องหมายรับรองความปลอดภัย Q จนถึงสิ้นเดือนสิงหาคมนี้

คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า “โครงการประกวด Q Food Fairies เป็นหนึ่งในกิจกรรมรณรงค์ประชาสัมพันธ์เครื่องหมายรับรองอาหารปลอดภัย Q ซึ่งจะสรรหาหนุ่มสาวที่ทำหน้าที่เป็นผู้แทนพิเศษเผยแพร่ประชาสัมพันธ์โครงการ สร้างการรับรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับอาหารปลอดภัยในหมู่ประชาชนทั่วไป โดยขณะนี้มีผู้สนใจสอบถามรายละเอียดและสมัครเข้าประกวดจำนวนมาก และยังเปิดรับสมัครถึงวันที่ 31 สิงหาคม จึงอยากเชิญชวนให้คนหนุ่มสาวที่มีจิตสำนึกทางสังคมสูง อาสากันเข้ามาเพื่อช่วยกันพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนคนไทยตามวัตถุประสงค์ของโครงการ”

ผู้ที่ได้รับคัดเลือกจะได้รับของรางวัลต่างๆ มากมาย อาทิ ถ้วยเกียรติยศจาก
ฯพณฯ นายกรัฐมนตรี รางวัลเงินสดรางวัลละ 100,000 บาท พร้อมด้วยของรางวัลอื่นๆ มากมายจากบริษัทที่ให้การสนับสนุน นอกจากนั้น ยังจะมีโอกาสได้เดินทางไปต่างประเทศเพื่อร่วมกิจกรรมเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ภาพลักษณ์สินค้าเกษตรและอาหารของไทย ให้เป็นที่รู้จักแพร่หลายในสายตานานาประเทศอีกด้วย

ผู้ที่จะคว้าตำแหน่ง “Q Food Fairies” ไม่เพียงแต่ต้องมีบุคลิกดี แต่ยังต้องมีความรู้ความสามารถและมีพรสวรรค์ในด้านการสื่อสาร เหนือสิ่งอื่นใด ต้องมีทัศนคติที่ดีต่อสินค้าเกษตรและอาหารของไทย และมีความตั้งใจที่จะพัฒนาคุณภาพชีวิตของเพื่อนร่วมชาติ โดยผู้ที่มีความสามรารถใช้ภาษาต่างประเทศได้ เช่น อังกฤษ ฝรั่งเศส เยอรมัน จีน ญี่ปุ่น เกาหลี หรือภาษาอื่นๆ จะได้รับการพิจารณาเป็นพิเศษ

การประกวด “Q Food Fairies” นอกจากจะเป็นประตูสู่โอกาสสำหรับผู้ที่อยากก้าวเข้ามาทำงานด้านประชาสัมพันธ์เท่านั้น แต่ยังเป็นเวทีที่เปิดโอกาสให้หนุ่มสาวรุ่นใหม่ได้มีส่วนร่วมช่วยเหลือสังคมและเพื่อนร่วมชาติ ด้วยการพัฒนาคุณภาพสินค้าเกษตรและอาหาร ซึ่งส่งผลโดยตรงต่อสุขภาพและชีวิตของคนไทยทั้งประเทศ

การประกวดครั้งนี้จะทำการคัดเลือกผู้ที่ได้รับตำแหน่ง 3 รางวัล ซึ่งจะได้รับถ้วยเกียรติยศจาก ฯพณฯ นายกรัฐมนตรี รางวัลเงินสดรางวัลละ 100,000 บาท พร้อมด้วยของรางวัลมากมายจากบริษัทผู้ผลิตสินค้าที่ร่วมให้การสนับสนุน

“ขอเชิญชวนนิสิตนักศึกษาและบุคคลวัยทำงานเข้าร่วมการประกวดครั้งนี้ เพราะประเทศกำลังต้องการหนุ่มสาวอาสา ร่วมพัฒนามาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหารของไทย” คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าวทิ้งท้าย

ผู้สนใจสมัครเข้าประกวด โปรดส่งประวัติพร้อมรูปถ่ายขนาด 4” x 6” 2 รูป (เต็มตัวและครึ่งตัว) ไปที่ เลขที่ 23/15 ซอยร่วมฤดี ถนนเพลินจิต แขวงลุมพินี เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ 10330 ต้องการรายละเอียดเพิ่มเติม โทร. 0 2254 6891-9 โทรสาร. 0 2650 7738 หรือชมเว็บไซต์ www.acfs.go.th

จากภาพ : นางสาวจริยา จิราธิวัฒน์ รองประธานฝ่ายการตลาดและการสื่อสาร บริษัท บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) (ที่ 3 จากซ้าย) รับมอบ “โล่รับรองแหล่งจำหน่ายสินค้าสัญลักษณ์ Q” จาก นายสุนัย เศรษฐ์บุญสร้าง กรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (ที่ 2 จากขวา) โดยมีนายสมชาย ชาญณรงค์กุล (ที่ 3 จากขวา) รองผู้อำนวยการ สำนักงานมาตรฐาน สินค้าเกษตรและอาหารแห่งชาติ ร่วมเป็นเกียรติ ณ บิ๊กซี สาขาเอกมัย

คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นประธานมอบป้ายแหล่งจำหน่ายสินค้าสัญลักษณ์ Q แก่บริษัท บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) เพื่อรับรองว่า ผลผลิตเกษตรและอาหารที่จำหน่ายในบิ๊กซี มีคุณภาพ สด สะอาด ปลอดภัย

นายสุนัย เศรษฐ์บุญสร้าง กรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า ปัจจุบันประชาชนผู้บริโภคได้ให้ความสนใจกับสุขภาพ ด้วยการเลือกซื้อสินค้าและอาหารเพื่อการบริโภคที่ถูกสุขลักษณะในจำนวนที่มากขึ้นเรื่อยๆ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์จึงต้องสร้างมาตรฐานให้กับสินค้า โดยใช้สัญลักษณ์ Q ที่บ่งบอกถึงคุณภาพ ความปลอดภัย ในระดับมาตรฐานสากล เข้ามาเป็นกลไกหนึ่งในการตรวจสอบคุณภาพอาหารก่อนถึงมือผู้บริโภค

“ขณะนี้ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยเฉพาะสำนักงานมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหารแห่งชาติ (มกอช.)ในฐานะหน่วยงานผู้รับผิดชอบดูแลเกี่ยวกับเรื่องนี้ ได้เร่งดำเนินการรณรงค์ให้ความรู้ที่ถูกต้องเกี่ยวกับมาตรฐาน Q และตรวจสอบให้การรับรองแหล่งจำหน่ายสินค้า Q เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน ซึ่งทางบิ๊กซีเองถือเป็นหนึ่งในโมเดิร์นเทรดที่เข้ามาสนับสนุนโครงการนี้เป็นอย่างดี และเป็นเรื่องน่ายินดีที่ทางห้างฯ ให้ความใส่ใจต่อสุขภาพของผู้บริโภค เพราะถือเป็นหน่วยงานที่สามารถดูแลแหล่งผลิตและใกล้ชิดผู้บริโภค”

นางสาวจริยา จิราธิวัฒน์ รองประธานฝ่ายการตลาดและการสื่อสารบริษัท บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า การได้มอบป้ายแหล่งจำหน่ายสินค้า Q จากสำนักงานมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหารแห่งชาติ (มกอช.) ในวันนี้นับเป็นความสำเร็จอีกก้าวหนึ่งของบิ๊กซี โดยบิ๊กซีได้คัดสรรสินค้าเกษตรและอาหารคุณภาพ ได้ มาตรฐาน สด สะอาด ปลอดภัยมาจำหน่ายแก่ผู้บริโภคทั่วประเทศ อีกทั้งเป็นการสนองนโยบายด้านอาหารปลอดภัยของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ซึ่งบิ๊กซีมีความยินดีและพร้อมที่จะให้ความร่วมมือกับภาครัฐอย่างเต็มความสามารถ เพื่อส่งเสริมคุณภาพชีวิตที่ดีแก่ประชาชนและผู้บริโภคอย่างต่อเนื่อง

“นอกจากที่ บิ๊กซี จะมีนโยบายขายสินค้าคุณภาพ ราคาประหยัดแก่ผู้บริโภค บิ๊กซียังให้การสนับสนุนโครงการต่าง ๆ ของภาครัฐบาลอย่างต่อเนื่อง โดยหนึ่งในนั้นคือโครงการรับซื้อผลิตผลทางการเกษตรที่มีคุณภาพจากแหล่งผลิตที่ได้ มาตรฐาน Q ต่างๆ มาจำหน่ายที่บิ๊กซี เพื่อเป็นช่องทางหนึ่งในการช่วยให้เกษตรกรสามารถกระจายผลผลิตออกสู่ตลาดโดยตรงและเพิ่มรายได้ให้แก่เกษตรกร และยังเพิ่มทางเลือกให้แก่ผู้บริโภคและแม่บ้านที่ต้องการจับจ่ายสินค้าเกษตรและอาหารคุณภาพ พร้อมการเลือกซื้อผลิตภัณฑ์อื่นๆ ภายในบิ๊กซี” นางสาวจริยากล่าว

ทั้งนี้ บิ๊กซี ได้ริเริ่มโครงการ “ฟาร์มเฟรช ไฮจีนิค” เมื่อปลายปี 2548 โดยได้ดำเนินการคัดเลือกผลิตภัณฑ์สินค้าเกษตร และสินค้าเกษตรแปรรูปที่สะอาดและปลอดภัย นำมาจำหน่ายในแผนกอาหารสดของบิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ ทั้ง 47 สาขา โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อกระจายผลผลิตที่มีคุณภาพจากเกษตรกรสู่ผู้บริโภค และเพิ่มช่องทางในการเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ปลอดสารพิษให้แก่ผู้บริโภค เพื่อเป็นการตอบสนองความต้องการของกลุ่มผู้บริโภคที่ใส่ใจกับสุขภาพกันมากขึ้น

นางจารุวรรณ ธรรมเกษร ผู้อำนวยการฝ่ายอาหารสด บริษัท บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า บิ๊กซีได้ประสานงานกับสำนักงานมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหารแห่งชาติ (มกอช.) กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ตลอดจนเกษตรกรผู้ผลิต เพื่อดำเนินโครงการนี้ ทั้งในด้านจัดทำข้อมูลเกี่ยวกับสินค้าเกษตรและเกษตรแปรรูป ตรวจสอบแหล่งผลิต การควบคุมระบบการผลิต การจัดเก็บผลผลิต การขนส่งจากแหล่งผลิตจนถึงการวางจำหน่ายที่บิ๊กซี ภายใต้ มาตรฐานสูงสุดของบิ๊กซี ทำให้บิ๊กซีได้รับการรับรองเป็นแหล่งจำหน่ายสินค้า Q ซึ่งบิ๊กซีได้คัดสรรสินค้าเกษตรและอาหารสัญลักษณ์ Q ทั้งเนื้อหมู เนื้อไก่ ไข่ อาหารทะเล อาหารแปรรูป พืชผัก ได้คุณภาพ สด สะอาด ปลอดภัย มาจำหน่ายในแผนกอาหารสดของบิ๊กซี ทุกสาขาทั่วประเทศ เพื่อสร้างความพึงพอใจสูงสุดให้แก่ผู้บริโภค และบิ๊กซีขอยืนยันว่าจะรักษามาตรฐานความปลอดภัยตามระเบียบอย่างสม่ำเสมอ

อนึ่ง บิ๊กซี พร้อมบริษัทคู่ค้าที่จำหน่ายสินค้าเกษตรและอาหาร ยังได้จัดแสดงและจำหน่ายสินค้าเกษตรและสินค้าเกษตรแปรรูป อาทิ ผักสลัด ผักไฮโดรโปนิกส์ ผักปลอดสารพิษ อาหารทะเลพรานทะเล, ผลไม้ เช่น ส้มโอ แตงโม กล้วย ส้มฟรีมองต์ ส้มสายน้ำผึ้ง สับปะรด เป็นต้น บริเวณด้านหน้าห้างบิ๊กซี เอกมัย ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปจนถึงวันที่ 27 กรกฎาคม 2549

บริษัท บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) (ชื่อย่อในการซื้อขายหลักทรัพย์ฯ: BIGC) ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2536เป็นผู้ดำเนินธุรกิจค้าปลีกสมัยใหม่ในรูปแบบซูเปอร์เซ็นเตอร์ ชื่อ บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ ซึ่งจัดจำหน่ายสินค้าอุปโภคและบริโภคที่หลากหลายในราคาสมเหตุสมผล ภายใต้สโลแกน “เราให้คุณมากกว่าคำว่าถูก” เพื่อสร้างความคุ้มค่าในระดับสูงสุดแก่ผู้บริโภค ปัจจุบันมีสาขาที่เปิดให้บริการจำนวน 47 สาขาครอบคลุมทั่วประเทศ สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ
บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ สามารถเข้าเยี่ยมชมเว็บไซต์ของบริษัทฯ ได้ที่ www.bigc.co.th

งานมหกรรมพืชสวนโลกเฉลิมพระเกียรติฯ “ราชพฤกษ์ 2549” กำหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่ 1 พฤศจิกายน 2549 – 31 มกราคม 2550 (รวม 92 วัน) ณ ศูนย์วิจัยเกษตรหลวง ตำบลแม่เหียะ จังหวัดเชียงใหม่ บนพื้นที่ 470 ไร่ เป็นงานที่ รวมสุดยอดความมหัศจรรย์แห่งพรรณไม้ในพื้นที่เขตร้อนชื้นที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเชียงใต้ ที่มีความหลากหลายมากที่สุดของพรรณไม้กว่า 2,200 ชนิด กว่า 2.5 ล้านต้นเพื่อเฉลิมพระเกียรติฯ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ในวโรกาสที่พระองค์ทรงครองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี และฉลองพระชนมายุ 80 พรรษา เพื่อแสดงศักยภาพด้านการเกษตรของประเทศไทย เป็นการจัดงานมหกรรมที่ยิ่งใหญ่ระดับโลกเป็นครั้งแรกของประเทศไทยและภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยมีนโยบายที่จะให้พื้นที่จัดงานเป็นสถานที่ท่องเที่ยวแห่งใหม่ของเชียงใหม่ และเป็นศูนย์การเรียนรู้ด้านพืชสวนของประเทศ ภายหลังการจัดงานจบสิ้นลงส่งผลให้เป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติหลายด้าน อาทิ ด้านการส่งออก ภาพลักษณ์ของประเทศด้านพืชสวน และด้านการท่องเที่ยว ซึ่งคาดว่าจะมีผู้เข้าชมงานจากประชาชนชาวไทยและต่างประเทศไม่น้อยกว่า 2 ล้านคนตลอดระยะเวลาการจัดงาน 3 เดือน

นอกจากการมีส่วนร่วมของประชาชนชาวไทยทั่วประเทศแล้ว ขณะนี้นานาประเทศทั่วโลกได้ตอบรับยืนยันอย่างเป็นทางการในการเข้าจัดสวนเฉลิมพระเกียรติฯ ครั้งนี้อย่างเป็นทางการ 33 ประเทศ จาก 5 ทวีปทั่วโลก ประกอบด้วย ทวีปเอเชีย (14 ประเทศ) ได้แก่ ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ เวียดนาม มาเลเชีย กัมพูชา ลาว อินโดนีเชีย อินเดีย เนปาล ภูฏาน บังคลาเทศ ปากีสถาน จีน และบรูไน ทวีปยุโรป (5 ประเทศ) ได้แก่ ตุรกี สเปน เบลเยี่ยม เนเธอร์แลนด์และบัลกาเรีย ทวีป แอฟริกา (8 ประเทศ) ได้แก่ มอริเตเนีย เคนย่า ไนจีเรีย กาบอง ซูดาน โมร็อกโก ตูนิเซีย และแอฟริกาใต้ ตะวันออกกลาง (3 ประเทศ) ได้แก่ กาตาร์ อิหร่านและเยเมน และทวีปอเมริกา (3 ประเทศ) ได้แก่ บราซิล ตรินิแดดแอนด์โตเบโก และแคนาดา (ประเทศล่าสุด)

โครงการพัฒนาดอยตุงมูลนิธิแม่ฟ้าหลวง (จังหวัดเชียงราย)
– โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริในสมเด็จ พระศรีนครินทราบรมราชชนนี เพื่อฟื้นฟูและอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ ตั้งอยู่ในอำเภอแม่ฟ้าหลวง จังหวัดเชียงราย โทร. 053-767-015-7

หอฝิ่นอุทยานสามเหลี่ยมทองคำ (จังหวัดเชียงราย)
– คลังความรู้เพื่อความเข้าใจและความเพลิดเพลิน เพื่อการรวมพลังหยุดยั้งการเกี่ยวข้องกับยาเสพติด ล้อมรอบด้วยอุทยานสามเหลี่ยมทองคำ จังหวัดเชียงราย โทร. 053-784-444

สวนพฤกษศาสตร์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ (จังหวัดเชียงใหม่)
– สวนพฤกษศาสตร์นานาชาติ รวมรวบพันธุ์ไม้ทั้งในและต่างประเทศ ตั้งอยู่ชายเขตอุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุย อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ โทร. 053-298-171-5 ต่อ 4736

เชียงใหม่ไนท์ซาฟารี (จังหวัดเชียงใหม่)
– แหล่งท่องเที่ยวมาตรฐานโลกในด้านการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์และศูนย์กลางการเรียนรู้ด้านธรรมชาติ ตั้งอยู่ในพื้นที่อุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ ตำบลแม่เหียะ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ โทร. 053-999-000

รัฐมนตรีกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ชู “มหัศจรรย์ล้านนา” นำพืชสวนโลกฯ ผนึกพันธมิตรท่องเที่ยวล้านนา จัดแคมเปญพิเศษ ใช้บัตรเดียวเที่ยว 5 ที่ ลดปัญหาที่พัก กระจายการท่องเที่ยวและรายได้สู่จังหวัดใกล้เคียง เลือกเคทีซีจัดทำพาสปอร์ต “ราชพฤกษ์ เพลินตา 5 ที่เที่ยว” เพียง 40,000 เล่มเท่านั้น จำหน่ายในราคา 500 บาทจากราคาเต็ม 820 บาท ณ KTC Boutique Branch และ KTC Touch ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม–30 กันยายน 2549

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานเปิดตัวพาสปอร์ต “ราชพฤกษ์เพลินตา 5 ที่เที่ยว” กล่าวว่า “การจัดกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติฯในโอกาสครองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี และฉลองพระชนมายุ 80 พรรษาในปี 2550 อย่างยิ่งใหญ่อีกครั้งในปลายปีนี้ คือ งานมหกรรมพืชสวนโลกเฉลิมพระเกียรติฯ ราชพฤกษ์ 2549 ที่จะจัดขึ้นบนพื้นที่ 470 ไร่ของศูนย์วิจัยเกษตรหลวง อ.แม่เหียะ จ.เชียงใหม่ ระหว่างวันที่ 1 พฤศจิกายน 2549 – 31 มกราคม 2550

การจัดงานในครั้งนี้ นอกจากคนไทยทั่วประเทศจะได้พร้อมใจกันแสดงความรัก ความสามัคคีและความจงรักภักดีแล้ว นานาประเทศได้ตอบรับเข้าร่วมจัดสวนเฉลิมพระเกียรติฯถึง 33 ประเทศจาก 5 ทวีปทั่วโลก ด้วยจุดประสงค์เดียวกันคือ เพื่อร่วมเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในฐานะที่ทรงเป็นกษัตริย์นักพัฒนา และนักการเกษตรเอกของโลก โดยใช้งบประมาณในการจัดสวนเฉลิมพระเกียรติฯครั้งนี้ ประมาณ 800 ล้านบาท และคาดว่าจะมีผู้เข้าชมงานตลอด 92 วัน ประมาณ 2 ล้านคน หรือโดยเฉลี่ยประมาณ 20,000 คนต่อวัน และอาจสูงถึง 50,000 คนต่อวัน

เนื่องจากในช่วงเวลาของการจัดมหกรรมพืชสวนโลกฯ ตรงกับฤดูกาลท่องเที่ยวของจังหวัดเชียงใหม่ จึงได้
ใช้ยุทธศาสตร์ “มหัศจรรย์แห่งล้านนา” Greater Lanna นำพืชสวนโลกเฉลิมพระเกียรติ ราชพฤกษ์ 2549 ผนึกพันธมิตรแหล่งท่องเที่ยวสำคัญอีก 4 แห่ง จัดแคมเปญ “บัตรเดียวเที่ยว 5 ที่ – ราชพฤกษ์เพลินตา 5 ที่เที่ยว” เพื่อ กระตุ้นให้นักท่องเที่ยววางแผนเดินทางล่วงหน้า ลดปัญหาความหนาแน่นของนักท่องเที่ยวที่จะเข้าไปชมงาน ราชพฤกษ์ 2549 รวมทั้งลดปัญหาด้านที่พักและเพื่อเป็นการกระจายการท่องเที่ยวและรายได้สู่จังหวัดใกล้เคียง โดยได้ให้เคทีซีเป็นผู้ออกแบบและจัดจำหน่ายบัตรเข้าชมงานในรูปแบบของพาสปอร์ต เพื่อใช้ผ่านประตูเข้าสถานที่ท่องเที่ยวทั้ง 5 แห่งประกอบด้วย โครงการพัฒนาดอยตุง มูลนิธิแม่ฟ้าหลวง (จ.เชียงราย) หอฝิ่นอุทยานสามเหลี่ยมทองคำ (จ.เชียงราย) สวนพฤกษศาสตร์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ (จ.เชียงใหม่) เชียงใหม่ไนท์ซาฟารี (จ.เชียงใหม่) และ มหกรรมพืชสวนโลกเฉลิมพระเกียรติฯราชพฤกษ์ 2549 (จ.เชียงใหม่)”

นายสถาพร สิริสิงห รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารอาวุโส ฝ่ายการตลาดเพื่อการสันทนาการ “เคทีซี” หรือ บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “เนื่องในวโรกาสเฉลิมฉลองการครองสิริราชสมบัติครบ 60 ปีของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และการเฉลิมพระชนมพรรษาครบ 80 ปี ในปี 2550 ทางเคทีซีในฐานะบริษัทของคนไทยรู้สึกมีความยินดีอย่างยิ่ง ที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในการร่วมจัดงานเพื่อการเฉลิมฉลองที่สำคัญของคนไทย โดยในครั้งนี้เคทีซีได้รับเกียรติจากกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และผู้จัดงานให้เป็นผู้จัดทำและจำหน่าย พาสปอร์ต “ราชพฤกษ์เพลินตา 5 ที่เที่ยว” บัตรเข้าชมสถานที่ท่องเที่ยวซึ่งได้รับการออกแบบขึ้นเป็นพิเศษเพื่องานนี้โดยเฉพาะ

การจัดทำพาสปอร์ตนี้ เป็นการสนับสนุนให้นักท่องเที่ยวชาวไทยและชาวต่างชาติ รวมทั้งสมาชิกบัตรเครดิตเคทีซีที่ชื่นชอบการท่องเที่ยวได้ท่องเที่ยวอย่างคุ้มค่า และวางแผนเดินทางล่วงหน้าโดยไม่ต้องเสียเวลาเข้าคิวรอในการซื้อตั๋วเข้าชมแต่ละสถานที่ โดยการจัดทำพาสปอร์ต 40,000 เล่มนี้จะระบุรหัสไว้ในเล่มอย่างชัดเจน อีกทั้งมีดีไซน์ที่ทันสมัยและสามารถเก็บเป็นที่ระลึกหรือของสะสมได้ สามารถใช้ได้ในระยะเวลา 3 เดือนคือ ตั้งแต่ 1 พฤศจิกายน 2549 – 31 มกราคม 2550 จำหน่ายในราคาใบละ 500 บาท จากราคาเต็ม 820 บาท โดยจะเริ่มจำหน่ายพาสปอร์ตนี้ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม – 30 กันยายน 2549 ที่ KTC Boutique Branch และ KTC Touch ผู้สนใจสามารถสอบถามรายละเอียดได้ที่ KTC Phone หมายเลขโทรศัพท์ 0-2665-5000 หรือที่ www.ktc.co.th”

นายปรีชา สนั่นวัฒนานนท์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท รี้ดเทรดเด็กซ์ จำกัด ในฐานะหัวหน้าคณะทำงานฝ่ายปฏิบัติการ กิจกรรมและประชาสัมพันธ์ งานมหกรรมพืชสวนโลก 2549 กล่าวว่า “การจัดงาน “ราชพฤกษ์ 2549” จะสามารถสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับการท่องเที่ยวของเชียงใหม่ได้ เป็นการทำตลาดการท่องเที่ยวระดับโลกไปในตัว นอกจากนี้ประเทศที่เข้าร่วมจัดสวนเฉลิมพระเกียรติฯในงานนี้กว่า 90% ยังตกลงที่จะมอบสวนที่ตนเองจัดภายในงานให้กับประเทศไทยอีกด้วย ซึ่งจะกลายเป็นต้นทุนด้านการท่องเที่ยวที่สำคัญในอนาคตของเชียงใหม่ต่อไป และคาดว่าจะดึงดูดให้นักท่องเที่ยวเข้ามาพักในเชียงใหม่เพิ่มขึ้น ซึ่งจะช่วยเพิ่มอัตราค่าใช้จ่ายต่อหัวต่อวันจาก 4,000-5,000 บาท เป็น 7,000 บาทโดยประมาณ”

คุณหญิงสุดารัตน์กล่าวเพิ่มเติมว่า “สำหรับบัตรผ่านประตูเข้าชมงาน มหกรรมพืชสวนโลกเฉลิมพระเกียรติฯ ราคาบัตรเข้าชมงานอยู่ระหว่าง 30 บาท – 200 บาท เด็กสูงไม่ถึง 100 เซนติเมตร เข้าชมฟรี ราคาบัตรขึ้นอยู่กับช่วงเวลาของการซื้อ หากซื้อบัตรล่วงหน้าราคาจะถูกกว่า สำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติและนักเที่ยวชาวไทยราคาบัตรเท่ากัน แต่หากซื้อบัตรหน้างานจะคิดราคาเต็ม ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างประสานงานเรื่องสถานที่จำหน่ายบัตรเพื่อให้ความสะดวกแก่ผู้ที่สนใจหาซื้อได้สะดวก โดยจะเริ่มจำหน่าย 1 สิงหาคมเป็นต้นไป”