กระทะวู้ดดี้ – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Mon, 27 Nov 2017 03:01:14 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 “Korea King” คัมแบ็ก ! พลิกไพ่ออก MV เพลง งัดเอกสารสากลยืนยันคุณภาพ!!! ลุยปรับกลยุทธ์สื่อสารครั้งใหญ่ แถมด้วยโปรฯกระชากใจแม่บ้าน https://positioningmag.com/1148110 Sun, 26 Nov 2017 18:15:39 +0000 https://positioningmag.com/?p=1148110 ไม่พูดถึงประเด็นนี้คงไม่ได้ สำหรับเอ็มวีเพลงจากแบรนด์ที่เล่นใหญ่อย่างกระทะ Korea King ที่เพียงแค่ปล่อยออกมาไม่กี่ชั่วโมง ก็ทำเอาชาวเน็ตแตกตื่น มีการแชร์ต่อกันอย่างมากในโลกโซเซียลจนกลายเป็นกระแสทอล์กออฟเดอะทาวน์ ท่ามกลางคำถามมากมายที่เกิดขึ้นว่า เรื่องปัญหาของสินค้าไม่ได้มาตรฐานที่เคยตกเป็นข่าวดังเมื่อหลายเดือนที่ผ่านมาเป็นเรื่องจริงหรือไม่? และทางแบรนด์สามารถกลับมาโปรโมตสินค้าได้แล้วหรือ?

งานนี้ Korea King ปล่อยเอ็มวีออกมาตอกย้ำ ว่าแบรนด์คือตัวจริงเรื่องการใส่ใจสุขภาพของคนไทย ในชื่อเพลง เพลงสุขกิน สนุกกัน โดยนำเข้าคุณสมบัติหลักของกระทะ Korea King มาทำจังหวะสนุกๆ พร้อมท่าเต้นมันส์ๆ ของเหล่านักเต้นหลายวัย  พร้อมกับ มาสคอตที่ทำออกมาเพื่อสร้างการจดจำ  ปิดท้ายด้วย เอกสาร รับรองในระดับสากล และยังออกโรงแจงเอกสารรับรองความปลอดภัยมาตราฐานกระผลิตระดับสากลที่ถูกต้อง

นับว่าการกลับมาครั้งนี้ของ Korea King ออกมาตอกย้ำ การเน้นเรื่องสุขภาพ การประกอบอาหารได้โดยไม่ต้องใช้น้ำมัน ขาดไม่ได้ คือ โปรโมชั่นสุดคุ้ม ซื้อ 1 แถม 2 ทันที และแถมตะหลิวเกรดพรีเมี่ยม ของแถมมูลค่าเกือบหมื่นบาท มาลดราคาสุดพิเศษ เหลือ 3,900 บาท

ต้องดูว่าการกลับมาครั้งนี้ของ Korea King รอบนี้ จะพลิกสถานการณ์ได้มากน้อยแค่ไหน และกลับมารอบนี้ จะกลับมาอัดฉีดงบโฆษณาจนติดอันดับ 1 เหมือนเคยหรือไม่ แต่ที่แน่ๆ เวลานี้โฮมชอปปิ้ง หันมาซื้อสื่อทีวีกันสนั่นจอ เวลานี้ ทีวีไดเร็คใช้งบ 70-80 ล้านบาท อัดโฆษณา ปูพรมจนติดอันดับ 1 ใน 10 แล้ว ต้องรอดูกันต่อ 

ที่มา : mgronline.com/business/detail/9600000118896

]]>
1148110
มหากาพย์ “โคเรียคิง” ปลุกกระแส “ระแวงสินค้าโปรโมต”!! https://positioningmag.com/1126240 Fri, 19 May 2017 09:48:00 +0000 http://positioningmag.com/?p=1126240 ตั้งราคาหลักหมื่น แล้วหั่นขายราคาหลักพัน ทั้งที่ต้นทุนอยู่ที่หลักร้อย… ถามหน่อยว่าปล่อยให้เกิดขึ้นได้อย่างไร!!? “เหยื่อสินค้าขายตรง” ผู้หลงกลการตลาดได้แต่ถอนใจ ตั้งคำถามกับหน่วยงานคุ้มครองผู้บริโภคในไทยว่าไปอยู่ที่ไหนมา

ไม่ใช่แค่ “โคเรียคิง” ที่ควรถูกตรวจสอบคุณภาพสินค้า แต่ยังมีอีกหลายแบรนด์หลากโปรโมชันที่ถูกปล่อยให้โฆษณาออกมา เพื่อหนุนกลยุทธ์การขายแบบ “ปลอมราคาจริง” ทั้งลดทั้งแถมอ้างคำว่า “คุ้ม” แต่จริงๆ ฟันกำไรไปตั้งแต่ตั้งราคาปลอมแล้ว!!


หลอกขายคนไทยง่าย เพราะไม่เคยมี “หน่วยงานกลาง”!!

“เรียกได้ว่า “โคเรียคิง (Korea King)” เป็นเหมือนกรณีการปลุกกระแสให้คนเห็น และเป็นบทเรียนสำคัญว่าคนที่ทำให้เกิดโฆษณาเกินจริง ควรจะได้รับบทลงโทษยังไง ซึ่งควรจะมีมาตรการจัดการตรงนี้ออกมาให้ชัดเจนด้วยนะคะ ไม่ใช่ปล่อยให้กลุ่มคนเหล่านี้ปลุกกระแสไปวันๆ รัฐเข้ามาจัดการแป๊บๆ แล้วก็จบไป

ต้องคิดว่าถ้าเคยมีกระแสต่อต้านแบบนี้แล้ว วันข้างหน้าก็ไม่ควรจะมีแบบเดียวกันนี้เกิดขึ้นอีก หรือตอนนี้ยังมีอยู่ไหม และทางหน่วยงานภาครัฐจะจัดการยังไง จะออกกฎเกณฑ์ที่ชัดเจนออกมาเลยไหม ที่จะช่วยคุ้มครองผู้บริโภคตั้งแต่ต้นทาง ไม่ใช่ให้มาจัดการปลายทางอย่างทุกวันนี้

นฤมล เมฆบริสุทธิ์ หัวหน้าศูนย์พิทักษ์สิทธิผู้บริโภค มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค ช่วยหยิบกรณีศึกษาที่เกิดกับกระทะเกรดพรีเมียมสัญชาติโอปป้าอย่าง “โคเรียคิง” ขึ้นมาสะท้อนให้เห็นช่องโหว่ของระบบการตรวจสอบสินค้าในประเทศไทย เพื่อหวังให้เป็นบทเรียนสำคัญและเพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้นต่อ “ผู้บริโภค” จริงๆ เสียที

“การมีกระแสเรื่องนี้ออกมา มันชี้ให้เห็นว่าทุกฝ่ายจำเป็นต้องออกมาเปิดเผยข้อมูลตามความจริง และยังสะท้อนให้เห็นช่องโหว่เรื่องการตรวจสอบของหน่วยงานในบ้านเราด้วย ถามว่าทำไมไม่มีการพิสูจน์ก่อนอนุญาตให้เอามาขายก่อนว่า เคลือบ 8 ชั้นหรือมีคุณสมบัติตามกล่าวอ้างจริงหรือเปล่า ก็เพราะในไทยยังไม่มี “หน่วยงานกลาง” ที่ทำหน้าที่ตรงนี้

ถ้าเทียบกับต่างประเทศแล้ว เขาจะมีหน่วยงานกลางที่ทำหน้าที่ตรวจสอบสินค้านำเข้า โดยเฉพาะการอนุญาตให้โฆษณาที่จะมีผลกระทบต่อผู้บริโภค ควรจะต้องมีหน่วยงานที่จะตรวจสอบก่อนให้นำเข้ามาขาย

[มากมายสินค้าเสนอขายด้วยกลยุทธ์ “ลด-แลก-แจก-แถม” และหลายๆ แบรนด์ก็เกินจริงไปมาก]
ยกตัวอย่างในต่างประเทศ ถ้าเขาจะขายรถสักรุ่นหนึ่ง ก็ต้องมีการทดสอบสมรรถนะเรื่องความปลอดภัยก่อน เรียกว่าเอารถไปขับจนแน่ใจว่าปลอดภัย เขาถึงจะได้เอาออกมาขาย แต่ในเมืองไทยมันไม่ได้มีระบบแบบนั้น

ช่องโหว่ตรงนี้นี่แหละค่ะที่ทางมูลนิธิฯ มองว่าควรได้รับการแก้ไข ไม่ใช่จะรอให้เกิดปัญหาต่อผู้บริโภค หรือรอให้มีการร้องเรียน รอให้เกิดกระแสจากฝั่งผู้บริโภคก่อน หน่วยงานที่รับผิดชอบถึงจะลุกขึ้นมาทำอะไร

จากกรณีของโคเรียคิง มันทำให้คนตั้งคำถามกับสินค้าขายตรงและโฆษณาในทีวีมากขึ้นว่า การตั้งจำนวนเงินเยอะๆ ที่เกินจริง แล้วลดราคามากกว่าครึ่ง ควรจะตรวจสอบสินค้าอื่นด้วยไหม”

[ระวังให้ดี ถ้าคิดจะซื้อสินค้าโปรโมชัน เพราะอาจมีการ “ปลอมราคา” เกิดขึ้น]
ล่าสุด มีมติจากสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) ออกมาแล้วว่า ผลิตภัณฑ์ “โคเรียคิง” ตั้งราคาขายสูงเกินจริง และมีคุณสมบัติของผลิตภัณฑ์ไม่ตรงตามคำโฆษณาอย่างที่ถูกผู้บริโภคร้องเรียน คืออ้างว่าราคาจริงของกระทะอยู่ที่ใบละ 15,000 และ 18,000 บาท ซึ่งถือเป็น “การปลอมราคาจริง” หรือที่เรียกว่า “Fake Original Price”

ส่วนเรื่องการโฆษณาคุณสมบัติของกระทะ ก็ถือเป็นการโฆษณาที่ไม่เป็นธรรมต่อผู้บริโภค เนื่องจากยังไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่า สินค้ามีคุณสมบัติตรงตามคำโฆษณาจริง ส่งผลให้เกิดการแข่งขันที่ไม่เป็นธรรม เกิดความเสียหายต่อสังคม เพราะการอ้างราคาจริงไว้สูง จากนั้นก็ลดราคาจนส่งให้เกิดแรงจูงใจต่อผู้บริโภคอย่างมากเกินสมควร

[โฆษณาอ้างว่า กระทะเคลือบเอาไว้ 8 ชั้น แต่หลังส่งตรวจสอบเบื้่องต้น นับแล้วไม่ถึง]
ทั้งนี้ ประเด็นที่อ้างว่ามีการเคลือบกระทะถึง 8 ชั้น และมีความลื่นไหลทำให้อาหารไม่ติดกระทะเพิ่มขึ้นถึง 300 เปอร์เซ็นต์นั้น ก็ยังไม่มีบทสรุปชัดเจน มีเพียงผลแล็บที่ส่งไปตรวจสอบถึง 3 แล็บ ซึ่งเพิ่งได้คำตอบมาเพียงแห่งเดียวว่า รุ่น “โกลด์ซีรีส์” มีการเคลือบเพียง 5 ชั้น ส่วนรุ่น “ไดมอนด์ซีรีส์” เคลือบเพียง 2 ชั้นเท่านั้น เบื้องต้นจึงมีมติสั่งระงับโฆษณาทั้งหมด จนกว่าจะมีการปรับแก้ถ้อยคำในโฆษณา จึงจะอนุญาตให้กลับมาเผยแพร่ต่อไปได้

[นักวิชาการหั่นกระทะ ส่งไปพิสูจน์ว่าจริงๆ เคลือบกี่ชั้น]
ตามบทลงโทษดังกล่าว หัวหน้าศูนย์พิทักษ์สิทธิผู้บริโภคมองว่ายังถือเป็นการรับมือด้วยไม้อ่อนเกินไป ทางที่ดีควร “สั่งระงับการขายชั่วคราว” ไปก่อนเลย ไม่ใช่ระงับแค่โฆษณา

“ถามว่าจะไปแก้โฆษณายังไงให้ถูกต้อง ในเมื่อทางบริษัทยังไม่เคยออกมาให้ข้อมูลเลยว่า จริงๆ แล้วมันคืออะไรกันแน่ ข้อมูลมันยังขัดแย้งกับฝั่งนักวิชาการ ยังไม่มีความชัดเจนในตัวสินค้าเลย แต่กลับยังขายได้ แล้วถ้าผลการตรวจสอบคุณภาพสินค้าออกมาในแง่ที่ทำให้ผู้บริโภคเสียหาย มันก็ทำให้มีผู้บริโภคเสียหายเพิ่มขึ้นอีก”


 “สคบ.” คุ้มครอง “ผู้ผลิต” หรือ “ผู้บริโภค”?

[วู้ดดี้ไลฟ์สดจากหน้าเพจ เรียกความเชื่อมั่นด้วยคำอธิบายจากผู้ผลิต “โคเรียคิง”]
“ทางเราจึงขอสงวนสิทธิ์ใดๆ ในการนำเสนอข้อมูลที่ทำให้บริษัทได้รับความเสียหาย และอยากไหว้วอนสื่อให้หยุดการวิพากษ์วิจารณ์เรื่องนี้ไว้ก่อน เพราะจะมีผลต่อการดำเนินคดี”

ถ้อยคำดังกล่าวคือคำชี้แจงของ วิพากษ์ ชูศักดิ์ ตัวแทนฝ่ายกฎหมาย บริษัท เคียว ซุง เวิลด์ ประเทศไทย (ผู้ผลิตกระทะโคเรียคิง) ซึ่งได้ให้สัมภาษณ์เอาไว้ หลังเดินทางมาชี้แจงกับคณะกรรมการขายตรง และเข้ามายื่นเอกสารให้สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) เรียบร้อยแล้ว

ทั้งนี้ เจ้าตัวยังได้กล่าวย้ำไปในทำนองที่ว่า ถ้ายังไม่หยุดวิพากษ์วิจารณ์ จะดำเนินการฟ้องร้องทั้งผู้นำเสนอข่าวสาร หรือแม้แต่นักวิชาการ ที่ออกมาให้ข้อมูลว่ากระทะของตนไม่ได้คุณภาพตามมาตรฐานที่โฆษณาเอาไว้

“เนื่องจากในช่วงหลายวันที่ผ่านมา มีนักข่าวและนักวิชาการที่อาจจะทำให้เกิดความเสียหายแก่ทางบริษัท ซึ่งในเมื่อผลการตรวจสอบมันยังไม่จบ ยังสรุปไม่ได้ และทางตัวบริษัทผู้ผลิตในประเทศเกาหลีก็ยังไม่ได้มีการออกมาแถลงข่าว


[บริษัทแม่ “โคเรียคิง” ส่งฝ่ายกฎหมายเข้ายื่นเอกสาร อ้างกระทะมีคุณสมบัติตามมาตรฐานที่โฆษณา]
ขณะนี้ ในเกาหลีตื่นตัวกันมากกับประเด็นนี้ เพราะมันทำให้ทางบริษัทของเขาได้รับผลกระทบ ทางบริษัทจึงต้องการปกป้องภาพลักษณ์ รวมถึงตัวแทนจำหน่าย ทางเกาหลีก็ได้ฝากถึงเรื่องการนำเสนอข่าวมาว่า ในเมื่อเรื่องการตรวจสอบยังไม่จบ แล้วไปนำเสนอข่าวออกไป ทางบริษัทจะได้รับความเสียหาย ทั้งตัวลูกค้าที่ได้รับผลกระทบ ทำให้เขาไม่เชื่อมั่นในตัวสินค้า

ส่วนเรื่องการเคลือบของกระทะนั้น ผมยืนยันไม่ได้ว่ามีการเคลือบ 8 ชั้นจริงหรือเปล่า ผมยืนยันได้แค่ว่าเราโฆษณาตามเอกสารที่ทางผู้ผลิตส่งมาให้ทุกอย่าง เรื่องเคลือบกี่ชั้นคงต้องให้ผู้ผลิตออกมาให้ข้อมูลเอง

ในอีกฝั่งหนึ่ง พล.ต.ต.ประสิทธิ์ เฉลิมวุฒิศักดิ์ ในฐานะเลขาธิการคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค ก็ได้ออกมาขอร้องให้ รศ.ดร.วีรชัย พุทธวงศ์ อาจารย์ประจำภาควิชาเคมี คณะศิลปศาสตร์และวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสน ยุติการให้ข้อมูลเรื่องผ่าพิสูจน์กระทะไปก่อน หลังออกมายืนยันผลจากแล็บเป็นแห่งแรกว่า กระทะโคเรียคิงไม่ได้เคลือบ 8 ชั้นอย่างที่กล่าวอ้าง จนเกิดกระแสดรามาวงกว้างขึ้นมา

ถึงแม้ทาง สคบ.จะให้เหตุผลในการตัดสินใจดังกล่าวว่า ต้องการให้ทุกอย่างเป็นไปตามกระบวนการ และปราศจากอคติ แต่ประชาชนทั่วๆ ไปกลับรู้สึกเกิดคำถามในใจขึ้นมาว่า ตกลงแล้วหน่วยงานนี้มีหน้าที่ “คุ้มครองผู้บริโภค” หรือ “คุ้มครองผู้ผลิต” มากกว่ากัน!!?

[2 รุ่นกระทะ ที่ขายในไทย และกำลังเจอดรามาอย่างหนัก เมื่อพบว่าเคลือบไม่ถึง 8 ชั้นอย่างที่โฆษณาไว้]
เมื่อเป็นเช่นนี้ ที่พึ่งเดียวที่ผู้บริโภคมีก็คือ “การรวมพลังของตนเอง” โดยครั้งนี้ทาง “มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค” ขอยื่นมือเข้ามาช่วยหนุนอย่างเป็นทางการ เพื่อให้เป็นไปตามปณิธานการปกป้องผู้บริโภคที่ได้ตั้งเป้าหมายเอาไว้ ซึ่งล่าสุดก็มีผู้เสียหายติดต่อเข้ามาร้องเรียนกว่า 50 รายแล้ว และกำลังจะดำเนินการ “ฟ้องร้องกลุ่ม” เพื่อให้มีผลตามกฎหมาย เพื่อให้การคุ้มครองสิทธิผู้บริโภคเกิดขึ้นจริงๆ เสียที

“ตามหลักการของการฟ้องคดีกลุ่มแล้ว ผู้บริโภคที่เสียหายในลักษณะคล้ายกัน จะมีตัวแทนฟ้องร้อง ซึ่งเป็นคนเดียวก็ได้ เนื่องจากกรณีเหมือนกัน ต่างกันแค่ราคาและรุ่นที่ซื้อเท่านั้น โดยเคสนี้ แบ่งออกเป็น 2 รุ่นกระทะที่ขายในไทย คือรุ่นไดมอนด์ กับรุ่นโกลด์ซีรีส์ ซึ่งผู้บริโภคที่เดือดร้อนจากการซื้อกระทะแบรนด์นี้จะได้รับการคุ้มครองทั้งหมด

[โพสต์ต้นเรื่องจากผู้บริโภค ที่ทำให้เกิดการตรวจสอบกรณี “โคเรียคิง” ขึ้น]
พลังผู้บริโภคคือการเปลี่ยนแปลงค่ะ ถ้าคิดว่าสังคมต้องการการเปลี่ยนแปลง พลังผู้บริโภคนี่แหละค่ะที่เป็นตัวขับเคลื่อนสำคัญมาก ขนาดมดยังแบ่งลูกฝรั่งใหญ่ๆ ได้ถ้าช่วยกัน พลังผู้บริโภคก็สำคัญค่ะถ้ารวมตัวกัน

ถ้าผู้บริโภคนอนหลับทับสิทธิในการร้องเรียนของตัวเอง เขาก็จะโกงท่านได้ตลอด และเขาก็ไม่ได้โกงท่านคนเดียวด้วย แต่โกงคนทั้งประเทศ เพราะฉะนั้น ถ้าผู้บริโภคไม่ลุกขึ้นมารวมตัวกัน ไม่ส่งเสียงหรือส่งข้อมูลมาให้ทราบ ก็จะทำให้ผู้ประกอบการได้ใจและผลิตสินค้าที่เป็นเหมือนเศษขยะมาขายเรา

แต่ถ้าเขาเห็นว่าผู้บริโภคเป็นหูเป็นตาให้หน่วยงานได้ เขาก็จะระมัดระวังในการผลิตสินค้า ในการดูแลเรื่องมาตรฐาน สุดท้าย เราก็จะได้ใช้สินค้าที่มีคุณภาพมาตรฐานจริง ราคาที่สมน้ำสมเนื้อ สมเหตุสมผลตามความเป็นจริง

ที่มา : https://manager.co.th/Daily/ViewNews.aspx?NewsID=9600000050619

]]>
1126240
Korea King Effect ดรามากระทะ สะเทือน “วู้ดดี้ แบรนด์ ?” https://positioningmag.com/1125955 Wed, 17 May 2017 22:55:46 +0000 http://positioningmag.com/?p=1125955 ยังคงเป็นประเด็นร้อนต่อเนื่อง สำหรับดรามา “กระทะโคเรีย คิง”  ตั้งราคาเกินจริงที่มีพิธีกรชื่อดังอย่าง “วู้ดดี้ วุฒิธร มิลินทจินดา” เป็นพรีเซ็นเตอร์ จนเรียกกันติดปากว่า “กระทะวู้ดดี้” เพราะกระหน่ำยิงโฆษณาทีวีถี่ยิบ เพื่อสร้างการจดจำและกระตุ้นการซื้อ

จนถึงขณะนี้ กระแสดรามา กระทะโคเรีย คิง ก็ยังไม่จบลงง่ายๆ ยังมีคำถามค้างคาใจ ในเรื่อง “ราคาเกินจริง” และ “คุณภาพของกระทะ” จนล่าสุดสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) ต้องสั่งให้ยุติการโฆษณาทันทีมีผล 17 พฤษภาคม 2560 เป็นต้นไป จนกว่าจะปรับแก้โฆษณา เพราะเป็นการโฆษณาเกินจริง ส่วนในเรื่องคุณสมบัติของกระทะยังอยู่ในขั้นตอนการตรวจสอบจาก 3 หน่วยงาน

ภาพจาก facebook : หูยแรงอ่ะ

แน่นอนว่า ดรามา “โคเรีย คิง” ส่งผลกระทบไปถึงวู้ดดี้ไปเต็มๆ แม้จะบอกว่าเป็นแค่พรีเซ็นเตอร์ ไม่มีส่วนได้-ส่วนเสีย ก็คงไม่ใช่ เพราะวู้ดดี้เคย เคยให้สัมภาษณ์ ในเดือนมิถุนายน ปี 2559 ว่า ธุรกิจ กระทะโคเรีย คิง จัดอยู่ในธุรกิจอีคอมเมิร์ซ ซึ่งเป็นหนึ่งในเครือข่ายธุรกิจ “วู้ดดี้ เวิลด์” ที่เริ่มจากการเจ้าของแบรนด์ติดต่อลงโฆษณาในรายการ และเป็นพรีเซ็นเตอร์ จากนั้นก็เริ่มมองเห็นโอกาสจึงร่วมเป็น Business Partner

อยากต่อยอดวู้ดดี้เวิลด์ให้เป็นมากกว่าวงการบันเทิง ไม่ได้ทำรายการเพียงแค่อย่างเดียว แต่ยังมีอีกหลายธุรกิจที่น่าสนใจ ตอนนี้สนใจเรื่องอีคอมเมิร์ซและสุขภาพมากที่สุด อย่าง กระทะ Korea King เปลี่ยนชีวิตมาก ผมสนใจในสินค้าที่ต้องเปลี่ยนชีวิตคน อย่างกระทะที่ไม่ต้องใช้น้ำมัน มันเปลี่ยนชีวิตคน เราอยู่ได้ด้วยสินค้าที่เป็นนวัตกรรม จุดเริ่มต้นมาจากตอนแรกเขาแค่มาลงโฆษณาในรายการเฉยๆ แล้วเป็นแค่พรีเซ็นเตอร์ แต่พอเราทำไปแล้วเริ่มอิน มองเห็นโอกาสในสินค้านี้ว่าเป็นนวัตกรรมใหม่ ทำให้ในอนาคตกำลังจะเป็นพาร์ตเนอร์ทางธุรกิจกัน เป้าหมายตอนนี้คืออยากให้ Korea King เข้าไปอยู่ในทุกครัวเรือนให้ได้วู้ดดี้ บอกกับ Positioning ในเดือนมิถุนายน 2559

วู้ดดี้ เล่าว่า ได้ก่อตั้งบริษัทวู้ดดี้ เวิลด์ จำกัด ดำเนินการมา 9 ปีแล้ว แรกเริ่มเป็นบริษัทสำหรับผลิตรายการวู้ดดี้เกิดมาคุย และเช้าดูวู้ดดี้ ฉายทางช่องโมเดิร์นไนน์ทีวี และแจ้งเกิดฐานะพิธีกรฝีปากกล้า คาแร็กเตอร์แรงๆ จากรายการ “วู้ดดี้เกิดมาคุย” ที่สร้างความสำเร็จจนได้ชื่อว่าเป็นพิธีกรหัวแถว และต่อยอดไปสู่การเป็นผู้ทรงอิทธิพลด้าน Social Network ไม่ว่าจะหยิบจับอะไรก็พร้อมจะเป็นกระแส และสามารถผันเป็นเงินไปได้หมด

วู้ดดี้เวิลด์ในตอนแรกเราทำให้เป็นบริษัทผลิตคอนเทนต์ ผลิตรายการโทรทัศน์อย่างเดียว ซึ่งผมต้องใช้เวลาค้นหาตัวเองมากว่า 10 ปี ว่าตัวเองชอบอะไร เพราะโตมาโดยไม่รู้ต้องทำอย่างไร ต้องอยู่หน้ากล้องยังไง ตอนนั้นอยู่วงการมาตลอดแต่ไม่ค่อยแฮปปี้เลย เพราะไม่รู้ต้องวางตัวยังไง อยู่กับกรอบที่หลายคนตั้งให้ว่าวู้ดดี้จะต้องแรง จะต้องตรง แต่พอได้ทำอะไรหลายๆ อย่างก็ทำให้รู้ว่าเราทำอะไรได้มากกว่านั้น ไม่จำเป็นต้องทำรายการแรงๆ ก็ได้

ช่วง 1-2 ปี วู้ดดี้ได้แตกไลน์ธุรกิจหลากหลายมากขึ้น แบ่งธุรกิจออก 4 แขนงด้วยกัน ได้แก่ 1. ผลิตคอนเทนต์รายการ  2.อีเวนต์ จัดงานเทศกาล S2O 3. ธุรกิจอีคอมเมิร์ซ ขายกระทะ Korea King  และ 4. Health & Fitness

S2O

จนเมื่อต้นปี วู้ดดี้ ได้ประกาศอำลาสื่อทีวี เพื่อมุ่งสู่แพลตฟอร์มออนไลน์ YouTube และ Facebook woodytalkshow ด้วยการผลิตรายการถ่ายทอดสดผ่าน Facebook Live ที่ว่ากันว่าสามารถขายช่วงทอล์กได้เป็นล้านบาทต่อครั้ง และยังมีซีรีส์ชาวเกย์ Beauty and the Boys  และ I’m Jack แจ็ค แฟนฉัน เดินเรื่อง

วู้ดดี้เริ่มทยอยปิดตัวรายการ วู้ดดี้เกิดมาคุย ออกอากาศช่อง 9 ช่วงกลางคืนวันอาทิตย์ เหลือแต่รายการ ตื่นมาคุย ออกอากาศช่วงเช้า ช่อง 9 วู้ดดี้ลดบทบาทพิธีกร และต่อมาได้ยกรายการให้หุ้นส่วนไปทำต่อ

ในส่วนธุรกิจอีคอมเมิร์ซ เวลานี้ วู้ดดี้ ได้ร่วมมือกับ “ต๊อบ-อิทธิพัทธ์ กุลพงษ์วณิชย์” เจ้าของ “เถ้าแก่น้อย” ขายเครื่องดื่ม โปรตีนเวย์ ยี่ห้อ “my whey” สำหรับคนต้องการลดหุ่น ซึ่งวู้ดดี้ เล่าในรายการตื่นมาคุย ว่า ทีมวิจัยของเถ้าแก่น้อยใช้เวลาคิดค้นรสชาติ ผลิตและจำหน่ายภายใต้บริษัท มูฟฟาสท์ จํากัด ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของเถ้าแก่น้อย   

นับเป็นสินค้าที่มีรูปแบบความร่วมมือคล้ายกับกระทะโคเรีย คิง โดยวู้ดดี้ทำหน้าที่พรีเซ็นเตอร์ และผลิตโฆษณา โดยเน้นการโปรโมตผ่านเครือข่ายช่องทางสื่อออนไลน์ของวู้ดดี้เป็นหลัก รวมทั้งได้เพื่อนสนิทคนดัง กาละแมร์-พัชรศรี มาร่วมโปรโมตอีกแรง

แต่ในอีกด้านหนึ่ง วู้ดดี้ ก็ต้องตกเป็นข่าวไม่หยุดหย่อน ตั้งแต่เป็นพิธีกรคู่กับกาละแมร์ ในคอนเสิร์ตเกาหลี ที่โดนหนักถึงขั้นติดแฮชแทค #พิธีกรยอดแย่แห่งปี, งาน S2O ที่ทำกระจกคอนโดแตก, แยกทางกับหุ้นส่วนบริษัท “วู้ดดี้เวิลด์” มาจนถึงเรื่องกระทะเจ้าปัญหา

ปัญหาเหล่านี้ จะส่งผลกระทบกับแบรนด์ “วู้ดดี้” และธุรกิจในมือเขา ที่กำลังก่อร่างสร้างขึ้นเพียงใดนั้น มาฟังจาก “นักวิชาการตลาด และการสร้างแบรนด์”

ระวัง ! สร้างแบรนด์ดังทะลุฟ้าแล้วต้องดิ่งพสุธา

โอลิเวอร์ กิตติพงษ์ วีระเตชะ ประธานบริหารด้าน สร้างสรรค์กลยุทธ์และนวัตกรรม บริษัท Y&R ประเทศไทย มองว่า กรณีของกระทะโคเรีย คิง เป็นกรณีศึกษาบทใหม่ของการตลาดไทยที่ควรมุ่งเน้นเรื่องคุณค่าแบรนด์และการทำการตลาดแบบยั่งยืน ไม่ใช่สร้างแบรนด์ให้ดังแบบทะลุฟ้าแล้วรอวันดิ่งพสุธา จากแค่เทคนิคการโปรโมต ความรับผิดชอบต่อลูกค้าและสังคมสำคัญกว่าแค่จุดขายที่หวือหวา

ประเด็นที่คุยกันเยอะในตอนนี้ก็คือเรื่องจริยธรรมการตลาด ในมุมการขายต้องการกำไรสูงที่สุด ปกติการทำตลาดของคนไทยจะผ่านเอเยนซี จะมีการผ่านการรับรองอยู่แล้ว เข้าใจว่าโคเรีย คิงได้ให้โปรดักชันเฮาส์ทำให้ เลยไม่ผ่านการเซ็นเซอร์ การรับรองหรือกระบวนการยื่นขออนุมัติต่างๆ เพียงแต่ใช้ข้อมูลทางวิทยาศาสตร์มาสนับสนุน สมัยนี้ผู้บริโภคมีการเข้าถึงข้อมูลมากขึ้น ทำให้นักการตลาดต้องรอบคอบ สังคมตอนนี้ต้องระวังเรื่องศีลธรรมมากขึ้น

ทำตลาดอย่าเอ็กซ์ตรีมเกินไป

ธันยวัชร์ ไชยตระกูลชัย ผู้ดำเนินรายการและผู้เชี่ยวชาญด้านการตลาด บอกว่า ตัวกระทะโคเรีย คิง มีปัญหาใหญ่เรื่องราคาสูงเท่านั้น ซึ่งหลักการขายตรงทางโทรทัศน์ก็เป็นอย่างนี้ และมีมานานอยู่แล้ว แต่อยู่ที่ว่าได้ตั้งราคาสูงเกินไป ถ้าอยู่ในระดับ 7,000-8,000 บาท ก็คงโอเค

กรณีนี้ถือเป็นตัวอย่างในการสร้างแบรนด์ด้วยโทรทัศน์ แต่ต้องรับมือกับกระแสทางออนไลน์ ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงมากในยุคนี้ แม้ทางวู้ดดี้จะออกมาไลฟ์ และชี้แจงแล้วแต่คนก็รับฟังไม่มาก สิ่งที่โคเรีย คิงต้องทำ คือ ต้องให้ตัวกลางออกมาพูด

ถ้ามองเรื่องผลกระทบโดยตรงต่อแบรนด์กระทะโคเรีย คิง แยกได้ 2 ส่วน 1. คนที่ซื้อใช้จริง ถ้าเห็นว่าราคาเหมาะสมแล้วกับคุณภาพ อาจจะไม่กระทบเท่าไหร่ 2. คนทั่วไป จะกระทบในภาพรวมมากกว่า จะเห็นว่าราคาแพง คนอาจจะไม่ซื้อต่อ สุดท้ายแล้วอยู่ที่สินค้าว่าของดีจริงหรือไม่ และผู้บริโภคพอใจที่จะใช้ต่อหรือเปล่า

อย่างไรก็ตาม แต่กรณีนี้ก็ไม่ได้ร้ายแรง เพราะไม่ใช่เรื่องอาชญากรรม เป็นแค่เรื่องของการสื่อสารทางการตลาด ทางแบรนด์ต้องออกมาแก้เกม ด้วยการเลิกตั้งราคาหมื่นกว่าบาท หรือเอากระทะเวอร์ชันใหม่เข้ามาตั้งในราคาถูกลง หรือไม่ก็อยู่นิ่งๆ ใช้ความสงบสยบความเคลื่อนไหว เพราะคนไทยมีนิสัยลืมง่าย

ส่วนทางด้านของตัววู้ดดี้เองก็ต้องยอมรับว่าได้รับผลกระทบตามไปด้วย เพราะภาพลักษณ์ติดไปกับแบรนด์แล้ว แต่คงไม่ถึงขนาดรับงานพรีเซ็นเตอร์ไม่ได้ แต่ต้องขึ้นอยู่กับแบรนด์อื่นจะพิจารณาด้วย

ข้อควรระวังในการทำตลาดนั้น อย่าทำเอ็กซ์ตรีม หรือโลดโผนเกินไป มีผลสำรวจจากทางทีวี ไดเร็ค พบว่า ผู้หญิงจะซื้อของที่ลดราคา 50% ส่วนผู้ชายจะซื้อของที่ 1 แถม 1 แต่โคเรีย คิงใช้ทั้ง 2 อย่าง ต้องค่อยๆ ทำ อย่าหักโหม และการทำตลาดยุคนี้ต้องเตรียมแผน 2 ไว้ด้วย ยุคดิจิทัลคนเชื่อข่าวด้านลบมากกว่าด้านดี

กระทบบทบาทพิธีกร

ผศ.เสริมยศ ธรรมรักษ์ หัวหน้าภาควิชาการสื่อสารแบรนด์ คณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ มองว่า กลยุทธ์การตั้งราคาให้สูง และลดราคาลงมา ก็ไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะมีการขายรูปแบบนี้ทางโทรทัศน์ โดยใช้ราคามาจูงใจอยู่แล้ว

ส่วนเรื่องคุณภาพสินค้า ต้องรอข้อมูลจากทางภาครัฐ ถ้าพิสูจน์แล้วว่ามีการเคลือบหินอ่อนจริง การรับรู้จะกว้างขึ้น แบรนด์แข็งแกร่งขึ้น แต่ถ้าไม่ใช่แบรนด์ย่อมได้รับผลกระทบ

เท่าที่เห็นตอนนี้ก็ยังมีโฆษณาอยู่ บางคนยังมองว่าเป็นกระแสแค่ชั่วคราวเท่านั้น แต่อาจจะกระทบไปถึงแบรนด์ตัววู้ดดี้ ในฐานะของพรีเซ็นเตอร์ เพราะแบรนด์เชื่อมโยงกัน ก่อนหน้านี้ วู้ดดี้ยังโดนกระแสโจมตีในการเป็นพิธีกรในงานคอนเสิร์ตเกาหลี เปิดห้างโชว์ดีซี อาจมีผลกระทบในแง่ของงานพิธีกร ผู้จ้างงานเริ่มฉุกคิดในการจ้างงานบ้าง

ยิ่งดังยิ่งเป็นเป้า

ภวัต เรืองเดชวรชัย รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท มีเดีย อินไซด์ จำกัด มองว่า การตั้งราคาขายเป็นเทคนิคการทำตลาดมากกว่าจะหลอกขายผู้บริโภค พอดีว่ายุคนี้มีสื่อโซเชียล มีเดีย ข่าวลบย่อมดังกว่าข่าวบวก ทำให้แบรนด์ถูกตัดสินจากคนในโซเชียลไปแล้ว เวลาออกมาแก้ข่าวก็ไม่แรง ซึ่งเป็นสิ่งที่แบรนด์ต้องตั้งรับกับเหตุการณ์แบบนี้

ส่วนวู้ดดี้ ไม่น่าได้รับผลกระทบ เพราะคนทั่วไปมองว่า วู้ดดี้เป็นแค่พรีเซ็นเตอร์ และภาพลักษณ์ของวู้ดดี้ ก็แรงอยู่แล้ว ไม่ได้โลกสวย ก็เลยไม่ได้กระทบเท่ากับเจ้าของสินค้าโดยตรง

“ที่เขาต้องเจอปัญหา ก็ด้วยวิธีการสื่อสารและการทำโฆษณาสร้างความแตกต่างและจดจำ จนคนเรียกกระทะวู้ดดี้ ซึ่งก็เป็นดาบสองคม พอดังมากก็เป็นเป้าใหญ่ ซึ่งจริงๆ แล้ว ทีวีไดเร็คก็ทำมาเป็นสิบปีแล้ว ทั้งลด แลก แจก แถม เพียงแต่เขาไม่ได้บูมในสื่อทีวีเท่ากับกระทะโคเรีย คิง”

ชำแหละโฆษณาจ่ายจริงแค่ 10% เท่านั้น

การที่กระทะโคเรีย คิง สร้างการจดจำได้ขนาดนี้ ด้วยการเลือกพันธมิตรกับช่อง 9 ซึ่งอยู่ในการเผชิญการแข่งขันอย่างหนัก การมีพันธมิตรลงโฆษณาประจำดีกว่าไม่มีโฆษณา แม้จะต้องลดราคาให้ และพอมีเวลาโฆษณาในรายการต่าง ๆ เหลือก็เอาโฆษณากระโคเรีย คิงมาลงให้ ซึ่งเม็ดเงินโฆษณาที่โคเรีย คิงจ่ายจริงอาจจะแค่ 10% ของเงินโฆษณาที่ปรากฏออกมา ประกอบกับวู้ดดี้ เวลานั้นก็มีรายการ วู้ดดี้เกิดมาคุย พอทำแล้วเป็นกระแส เมื่อยอดขายดีขึ้น ก็มีเงินไปลงโฆษณากับช่องอื่นๆ ด้วย ก็ยิ่งทำให้โฆษณากระทะโคเรีย คิงมีโฆษณาถี่ยิบ

กระทบแต่เอาอยู่

สุรศักดิ์ เหลืองอุษากุล กรรมการ บริษัท แบรนด์เบเกอร์ จำกัด มองว่า การตั้งราคาสูงและมาลดราคาทีหลัง เป็นเรื่องปกติในการทำตลาด แต่เรื่องใหญ่กว่านั้น คือ คุณภาพของตัวสินค้า ถ้าไม่จริงตามที่โฆษณาส่งผลกระทบกับเจ้าของสินค้าแน่นอน

ส่วนวู้ดดี้เอง ได้รับผลกระทบไปในระดับหนึ่ง แต่ด้วยพลังและความสามารถของเขา เชื่อว่าดึงภาพลักษณ์กลับมาได้ ซึ่งวู้ดดี้เองก็เจอวิกฤติมาหลายรอบ ไม่ว่าจะเป็น เกิดมาคุย ที่โดนเรื่องขายของเยอะ ตอนไปเป็นพิธีกรคอนเสิร์ตเกาหลี ก็โดนหนัก แต่พอเขาออกมายอมรับ ออกมาขอโทษ คนก็ให้อภัย เช่นเดียวกับกรณีกระทะโคเรีย คิง คงส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของเขาไประยะหนึ่ง 2-3 เดือน แต่ไม่ใช่เรื่องใหญ่ ไม่ใช่เรื่องศีลธรรม และรุนแรง เชื่อว่าเขาเอาอยู่ เพราะเจอดรามามาบ่อยๆ และตัวเขาเองมีภาพลักษณ์ขาวใสอยู่แล้ว

]]>
1125955
10 แบรนด์ใช้งบสูงสุดเดือนกุมภาพันธ์ 60 กระทะโคเรียคิงนำ ค่ายรถเปิดศึกอัดงบแข่งเดือด https://positioningmag.com/1119118 Mon, 13 Mar 2017 08:55:29 +0000 http://positioningmag.com/?p=1119118 1119118 นีลเส็นเผยเม็ดเงินโฆษณา ม.ค. 60 แตะ 8 พันล้าน หล่นไป 2% กระทะโคเรียคิงรั้งแชมป์ https://positioningmag.com/1116376 Wed, 15 Feb 2017 09:21:12 +0000 http://positioningmag.com/?p=1116376 หลังจากรอลุ้นเม็ดเงินโฆษณาในช่วงเดือนมกราคม 2560 ว่าจะเพิ่มขึ้นได้มากแค่ไหน จากการเปิดเผยของนีลเส็นพบว่า เม็ดเงินโฆษณาในเดือนแรกของปี 2560 ทำยอดได้ 8,071 ล้านบาท ติดลบไป 1.96%

ในส่วนของงบโฆษณาทีวี อนาล็อกทีวี (ช่อง 3 และช่อง 7) ใช้งบไป 3,472 ล้านบาท ใช้ลดลง 10.19 เทียบกับเดือนมกราคม 2559 เช่นเดียวกับงบโฆษณาจากเคเบิลทีวี/ดาวเทียม ใช้ไปเพียงแค่ 276 ล้านบาท ใช้ลดลง 20.69% ในขณะที่ทีวีดิจิทัล ใช้งบไป 1,554 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5.93%

ส่วนสื่อโฆษณาที่ใช้งบเพิ่มขึ้นคือสื่อโฆษณาเคลื่อนที่ (Transit ) 525 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 40.75% สื่อโรงภาพยนตร์ 473 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 46.44% สื่อโฆษณานอกสถานที่ (Outdoor) ใช้งบไป 482 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 25.85% สื่อ ณจุดขาย (In Store) 66 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 43.48%

สำหรับสื่อที่ยอดใช้ลดลงคือวิทยุ 326 ล้านบาท ลดลง 8.17% หนังสือพิมพ์ 657 ล้านบาท ลดลง 10% นิตยสาร 137 ล้านบาท ลดลง 40.95% รวมทั้งสื่ออินเทอร์เน็ต 103 ล้านบาท ลดลง 4.63% (เก็บข้อมูลจาก 50 เว็บไซต์ และโมบายเว็บ 10 ควรอ้างอิงข้อมูลจากสมาคมโฆษณาดิจิตอล หรือ DAAT) 

ทั้งนี้สมาคมสื่อโฆษณาและเอเยนซี่ได้ประเมินไว้ว่างบโฆษณาในเดือนมกราคม 2560 ยังไม่ดีนักเนื่องจากภาวะเศรษฐกิจและบริโภคยังไม่อยู่ในบรรยากาศในการจับจ่ายใช้สอย

1_10company

10 แบรนด์ใช้งบสูงสุด โคเรียคิง ยังนำครอง ตามด้วยช้าง

สำหรับแบรนด์ที่ใช้งบสูงสุดเป็นอันดับแรกกระทะโคเรียคิงใช้งบโฆษณา 204 ล้านบาท (.. ปี 59 ใช้ 138 ล้านบาท)

อันดับ 2  ช้าง คอร์ปอเรชั่น 85 ล้านบาท ใช้เพิ่มค่อนข้างเยอะ (.. 59 ใช้ไป 1 ล้านบาท) อันดับ 3 เทสโก้ โลตัส 81 ล้านบาท ใช้เพิ่มเกือบเท่าตัว (.. 55 ใช้ไป 45 ล้านบาท)

อันดับ 4 ดีแทค 75 ล้านบาท ใช้งบลดลงเล็กน้อย (.. 59 ใช้ 79 ล้านบาท) อันดับ 5 รถยนต์นั่งโตโยต้า 73 ล้านบาท ใช้ลดลง (.. 59 ใช้ 88 ล้านบาท)

อันดับ 6 โค้ก 67 ล้านบาท ใช้เพิ่ม (.. 59 ใช้ 45 ล้านบาท) อันดับ 7 น้ำยาปรับผ้านุ่มดาวนี่ 65 ล้านบาท ใช้เพิ่มค่อนข้างมาก (.. 59 ใช้ 26 ล้านบาท)

อันดับ 8 Toyota Vehicles Corporate 57 ล้านบาท ใช้เพิ่ม (.. 59 ใช้ 26 ล้านบาท) อันดับ 9 อีซูซุ ปิกอัพ 56 ล้านบาท ใช้ลดลง (.. 59 ใช้ 63 ล้านบาท) อันดับ 10 โตโยต้าปิกอัพ 56 ล้านบาท ใช้เพิ่มขึ้น (.. 59 ใช้ 44 ล้านบาท)

สำหรับอันดับ 9 และ 10 เป็นการใช้งบโฆษณาของ 2 ค่ายรถยนต์โตโยต้าและอีซูซุที่ขับเคี่ยวกันมาตลอด

2_10company

10 Advertisers ใช้งบสูงสุด พีแอนด์จีแซงหน้ายูนิลีเวอร์

ในส่วนผู้ประกอบการ (Advertisers) ที่ใช้งบโฆษณาสูงสุด ในเดือนมกราคม 2560 จากเดิมจะเป็นของยูนิลีเวอร์มาตลอด แต่สำหรับเดือนนี้ อันดับแรกเป็นของ บริษัท พรอคเตอร์แอนด์แกมเบิล ประเทศไทย หรือ พีแอนด์จี 241 ล้านบาท 

สำหรับบริษัทยูนิลีเวอร์หล่นมาอันดับ 2 ด้วยงบโฆษณาที่ใช้ไป 238 ล้านบาทซึ่งในปีที่ผ่านมายูนิลีเวอร์มีการลดงบโฆษณาในสื่อเดิมและหันไปใช้สือโฆษณาออนไลน์เพิ่มขึ้นค่อนข้างมาก

อันดับ 3 บริษัทวิซาร์ด โซลูชั่น ผู้นำเข้ากระทะโคเรียคิง 204 ล้านบาท อันดับ 4 บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย 194 ล้านบาท อันดับ 5 บริษัท ไทยเบฟเวอร์เรจ 160 ล้านบาท

อันดับ 6 อายิโนะโมะโต๊ะ เซลส์ จำกัด 137 ล้านบาท อันดับ 7 บริษัท อสมท จำกัด 133 ล้านบาท อันดับ 8 บริษัทตรีเพชร อีซูซุ 111 ล้านบาท อันดับ 9 บริษัทโทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด 105 ล้านบาท อันดับ 10 บริษัทไบเออร์สด๊อรฟ (ประเทศไทย) จำหน่ายนีเวีย  97 ล้านบาท

3_10company

]]>
1116376
เปิดเบื้องหลังปั้น “Korea King” กระทะพันล้าน https://positioningmag.com/1095907 Wed, 29 Jun 2016 23:45:43 +0000 http://positioningmag.com/?p=1095907 ขายกระทะอะไร ทำไมต้องทุ่มงบโฆษณาขนาดนี้? ทำยอดขายได้เท่าไหร่กัน? เป็นคำถามที่ทำให้หลายคนอยากรู้จักที่มาของ “กระทะโคเรียคิงKorea King” หรือบางคนเรียก “กระทะวู้ดดี้” แบรนด์กระทะที่ทุ่มใช้เม็ดเงินโฆษณาเป็นอันดับแรกแซงแบรนด์ดังข้ามชาติติดต่อกันมา 5 เดือนมาแล้ว

ณัฐวุฒิ หิรัญพันธุ์ทิพย์ ผู้ก่อตั้ง และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท มิโดริ มาร์เก็ตติ้ง จำกัด คือผู้ที่อยู่เบื้องหลังการวางกลยุทธ์การตลาด กระทะโคเรียคิง บอกกับ POSITIONING ถึงที่มาของกระทะโคเรียคิง นำเข้ามาจำหน่ายโดยบริษัท วิซาด โซลูชั่น จำกัด ผ่านระบบโฮมช้อปปิ้ง โดยมีบริษัท มิโดริ มาร์เก็ตติ้ง (ไทยแลนด์) จำกัด ในการวางแนวทางการทำตลาดและดูแลสื่อทั้งหมด

สัมภาษณ์ ณัฐวุฒิ หิรัญพันธุ์ทิพย์ ผู้บริหารดูแลการตลาดกระทะ Korea King ที่ อาคารซิตี้ลิงค์ ชั้น10 ซ.เพชรบุรี35 ; นก(Positioning)

บริษัท วิซาดนั้น ให้บริการเกี่ยวกับบริการโฮมช้อปปิ้งให้กับสินค้าต่างๆ อีกด้านหนึ่งก็มีสินค้าจัดจำหน่ายเอง ส่วนใหญ่เป็นสินค้าเกี่ยวกับสุขภาพ เช่น ชาสมุนไพรกรีนเนเจอร์ และเมื่อ 2 ปีที่แล้วร่วมมือกับโรงงานผลิตเครื่องครัวรายหนึ่งของประเทศเกาหลี นำกระทะเคลือบหินอ่อน 8 ชั้น ภายใต้แบรนด์ “Korea king-โคเรียคิง” เข้ามาจำหน่ายในไทย และยังได้ลิขสิทธิ์ทำตลาดในประเทศ CLMV กัมพูชา ลาว พม่า และเวียดนาม

สาเหตุที่เลือกทำตลาดกระทะ เพราะผลิตภัณฑ์เครื่องครัวของไทยมีขนาดตลาดใหญ่มาก จากการประมาณการณ์คาดว่ามูลค่าตลาดของกระทะจะสูงถึง 8,000 ล้านบาท ประกอบกับผู้บริโภคคนไทยไม่ได้ยึดติดกับยี่ห้อใดยี่ห้อหนึ่ง หากนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพดี โดยเฉพาะในด้านสุขภาพ น่าจะเป็นทางเลือก ตรงกับความต้องการของผู้บริโภค

ในช่วงที่โคเรียคิงทำตลาด ก็มีกระทะเคลือบหลายยี่ห้อจำหน่ายอยู่แล้ว เพราะด้วยขนาดตลาดที่ใหญ่มาก การเข้ามาของโคเรียคิงจึงเป็นการขยายฐานตลาดกระทะเคลือบให้กว้างขึ้น เนื่องจากตลาดยังไม่ครอบคลุมผู้บริโภคอีกมาก

โดยเฉพาะการวางจุดยืน ให้เน้นเรื่องของ “สุขภาพ” ภายใต้คอนเซ็ปต์ที่ว่า อยากเห็นคนไทยมีสุขภาพดี สนุกในการทำอาหาร ให้เป็นสินค้าคุณภาพดีราคาไม่แพง เมื่อเทียบกับกระทะเคลือบที่ขายในท้องตลาด ราคาไม่ต่ำกว่า 5 พันบาท ในขณะที่ราคาของโคเรียคิงจะอยู่ในระดับพันกว่าบาท ดังนั้นเราจึงวางเป้าหมายไว้ว่า ทุกครัวเรือนไทยจะต้องมีกระทะโคเรียคิงไว้ใช้งาน

เมื่อฐานลูกค้าอยู่ในระดับ “แมส” การสร้างการรับรู้ให้เข้าถึงลูกค้าในวงกว้างจึงเป็นเรื่องสำคัญ จึงเป็นที่มาของการใช้งบโฆษณาไม่ต่ำกว่า 140-160 ล้านบาทต่อเดือน ลงโฆษณาในสื่อต่างๆ โดยให้น้ำหนักไปกับสื่อทีวี ในช่อง 3, 5, 7, 9  ในช่วงไพรม์ไทม์ ช่วงข่าว ละคร เสาร์ อาทิตย์ รวมทั้งช่องทีวีดิจิตอล ช่องดาวเทียม และสื่อออนไลน์ เพื่อต้องการสร้างการรับรู้ไปถึงให้เร็วที่สุด

2_woody

โดยมี “วู้ดดี้ วุฒิธร มิลินทจินดา” มาเป็นพรีเซ็นเตอร์ให้ จนหลายคนเวลานี้เรียกกันติดปากว่า “กระทะวู้ดดี้” ซึ่งที่มาของการเลือก “วู้ดดี้” นั้น ณัฐวุฒิบอกว่า มาจากความชื่นชอบในสไตล์การทำงานของวู้ดดี้ ที่ถือเป็นต้นแบบของเขา

“จริงๆ แล้วมาจากความชอบส่วนตัวของผมล้วนๆ ประกอบกับด้วยคาแร็กเตอร์ของพี่วู้ดดี้เป็นคนนำกระแสสังคม พี่วู้ดดี้เองก็เต็มที่ในการทำงานมาก เมื่อทุกอย่างเริ่มจากใจไอเดียต่างๆ ก็ตามมา” ณัฐวุฒิบอกเหตุผลทำไมต้องเป็นวู้ดดี้

นอกจากทุ่มอัดฉีดเม็ดเงินใช้สื่อเพื่อสร้างการรับรู้เรื่องแบรนด์แล้ว งบลงทุนอีกส่วนหนึ่งยังนำมาใช้ในการพัฒนาสินค้า เพื่อนำไปผลิตและออกแบบกระทะรุ่นใหม่ๆ รวมทั้งผลิตภัณฑ์เครื่องครัว ภายใต้แบรนด์โคเรียคิง ที่จะมีตามมาในอนาคต หากนับรวมๆ แล้ว ใช้งบไม่น้อยกว่าพันล้านบาทขึ้นไป

ถามว่าใช้งบขนาดนี้คุ้มมั้ย ? “ถือได้การตอบรับจากผู้บริโภคดีพอสมควร ในกลุ่มผู้บริโภคที่สนใจสุขภาพ ถ้ามองในแง่ยอดขายในแต่ละเดือนถือว่ายังไม่เยอะมาก แต่ในมุมของแบรนด์ เราแฮปปี้มาก ดูจากผลวิจัย ที่เราจ้างให้สอบถามผู้ที่ซื้อกระทะโคเรียคิงจำนวน 1,200 คน พบว่าลูกค้าที่ใช้แล้วบอกต่อให้เพื่อนให้ญาติมาใช้ มีประมาณ 70% ใช้แล้วดีแต่เฉยๆ 20% ส่วนคนที่ใช้แล้วไม่ชอบ มีแค่ 2-3% ถือว่าเป็นผลตอบรับที่ดีมาก”

สัมภาษณ์ ณัฐวุฒิ หิรัญพันธุ์ทิพย์ ผู้บริหารดูแลการตลาดกระทะ Korea King ที่ อาคารซิตี้ลิงค์ ชั้น10 ซ.เพชรบุรี35 ; นก(Positioning)

ส่วนที่ต้องทุ่มงบขนาดนี้นั้น ณัฐวุฒิให้เหตุผลว่า การจะทำให้ผู้บริโภครับรู้ทั้งคุณสมบัติและแบรนด์ เป็นเรื่องที่ต้องใช้เวลา ต้องสื่อสารกันเต็มที่ เพราะเป้าหมายในอนาคตที่วางไว้ ต้องการเป็นแบรนด์อันดับ 1 ของเครื่องครัวแถวหน้าที่คนต้องคิดถึงเป็นแบรนด์แรก

เมื่อแบรนด์เป็นที่รู้จัก นอกจากขายผ่านคอลเซ็นเตอร์แล้ว ยังได้ขยับขยายไปสู่การจำหน่ายในห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล เริ่มจาก 4 สาขา ลาดพร้าว ปิ่นเกล้า ชิดลม และบางนา

“ผลตอบรับดีมาก แต่ก็ต้องมีเรื่องต้องเรียนรู้อีกมาก เพราะเราเป็นแบรนด์ใหม่ที่ต้องแข่งขันกับ 20 แบรนด์ ซึ่งล้วนแต่เป็นแบรนด์เก่าแก่ที่อยู่ในตลาดมาก่อน ก็ยังต้องใช้เวลา”

ณัฐวุฒิมองว่า ส่วนตัวของเขาแล้ว มองว่าสาเหตุที่ทำให้โคเรียคิงได้การตอบรับจากลูกค้า มาจากคุณภาพสินค้า ราคาไม่แพง และการใช้งบโฆษณาจำนวนมาก สร้างการรับรู้ไปยังกลุ่มเป้าหมายต่างๆ ได้ตรงจุด

“ช่วงจังหวะที่เราเข้ามาในตลาด ต้องการให้คนรับรู้แบรนด์ก่อน จึงต้องทุ่มงบไปที่ทีวี ใช้ถึง 80% ส่วนสื่อออนไลน์ 20% เพราะสื่อทีวีเข้าถึงคนทั่วไปได้มากกว่า แต่เวลานี้เมื่อคนดูทีวีน้อยลง มีแผนจะปรับสัดส่วนการใช้งาน ออนไลน์และออฟไลน์อย่างละครึ่ง”

นอกจากนี้ จากประสบการณ์ของเขาที่อยู่ในธุรกิจไดเร็กมาร์เก็ตติ้งมา 7-8 ปี กุญแจสำคัญของการทำตลาดในระบบนี้ คือ เรื่องของการแก้ปัญหา “คนทั่วไปอาจจะเห็นแต่ด้านของความสำเร็จ แต่กว่าจะมาถึงวันนี้ต้องผ่านการแก้ปัญหาเยอะมากๆ ต้องยึดหลัก ใจเย็น และจริงใจในการแก้ปัญหา

“เคยมีเคส คนหมั่นไส้แบรนด์ทั้งๆ ที่เขาไม่เคยใช้ ไปเขียนต่อว่าเราในออนไลน์ ผมไปหาเขาด้วยตัวเองเพื่อจะได้รู้ว่าเขาคิดอย่างไร จะได้นำมาปรับปรุง เพราะเราถือว่าลูกค้าทุกคนสำคัญ แต่ที่ประทับใจไปกว่านั้น คนที่ตอบในออนไลน์ ไม่ใช่ทีมงานของเรา แต่เป็นลูกค้าไปช่วยกันตอบ สะท้อนได้ว่าลูกค้ารักแบรนด์เรา”

และนี่เองก็ทำให้เขามั่นใจว่า โอกาสในการขยับจาก “คิงส์ ออฟ กระทะ” ไปสู่การเป็นแบรนด์เครื่องครัวอันดับ 1 คงอยู่ไม่ไกลเกินเอื้อม

ณัฐวุฒิทิ้งท้ายด้วยว่า การเป็นนักการตลาดที่ดี ควรจะขายได้ทุกอย่าง ไม่จำกัดว่าต้องเป็นสินค้าชนิดไหน ขอให้มีสินค้าคุณภาพ ราคาเหมาะสม มีความคิดสร้างสรรค์ นำเสนอความแปลกใหม่ไปสู่ตลาด และที่สำคัญต้องจริงใจ โอกาสจะประสบความสำเร็จก็ไม่ยาก

info1new5

info2

10_new

]]>
1095907