กลุ่มบริษัทอเด็คโก้ – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Mon, 10 Aug 2020 00:12:37 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 จับทิศทางแรงงาน : เอกชนชะลอรับพนักงาน ลูกจ้างไม่กล้าเปลี่ยนงาน 80% หนุน WFH https://positioningmag.com/1291738 Sun, 09 Aug 2020 16:28:25 +0000 https://positioningmag.com/?p=1291738 กลุ่มบริษัทอเด็คโก้ ประเทศไทย เผยผลสำรวจ Resetting Normal: Defining the New Era of Work พบว่าบริษัทเอกชนในไทยชะลอรับพนักงานใหม่ ลูกจ้างงานประจำก็ยังไม่กล้าเปลี่ยนงาน และ 80% หนุนการทำงานที่บ้าน

เอกชนรัดเข็มขัด

ผลสำรวจนี้ ได้ทำการสำรวจกับกลุ่มคนทำงานในประเทศไทยจำนวน 670 คน โดยส่วนใหญ่เป็นพนักงานประจำ และมีการศึกษาตั้งแต่ระดับปริญญาตรีขึ้นไป และกว่าครึ่งเป็นพนักงานในระดับหัวหน้างาน/ผู้จัดการ ถึงผลกระทบที่ได้รับจากการระบาดของ COVID-19 และมุมมองต่ออนาคตการทำงาน

ผลการสำรวจพบว่า ภาคเอกชนต่างมีมาตรการที่หลากหลายเพื่อรัดเข็มขัดในช่วง COVID-19 ตั้งแต่

  • 57% การชะลอรับพนักงานใหม่
  • 26% ชะลอขึ้นเงินเดือน/เลื่อนขั้น
  • 18% ลดเงินเดือน
  • 17% ลดกำลังการผลิต
  • 17% ให้พนักงานใช้วันลา
  • 16% เลิกจ้างพนักงาน
  • 14% พักงานพนักงานชั่วคราว
  • 11% ลดการจ้าง supplier
  • 57% ปรับตารางงาน ลดเวลาทำงานที่ออฟฟิศ ผสมผสานการทำงานจากที่บ้าน เพื่อป้องกันการระบาดของ COVID-19 

พนักงานหนุน Work from Home

สำหรับมุมมองของพนักงานที่มีต่อนโยบาย Work from Home พนักงานส่วนใหญ่กว่า 80% หวังให้มีการสานต่อนโยบายนี้ โดยผสมผสานการทำงานจากที่บ้านในบางวัน เพื่อลดความเสี่ยงการติดเชื้อ COVID-19 และสร้างสมดุลระหว่างชีวิตทำงานและชีวิตส่วนตัว

โดยพนักงานราว 54% ยังเชื่อว่าการมาทำงานที่ออฟฟิศยังจำเป็นอยู่ เพราะจะช่วยให้การประสานงานระหว่างทีมดีขึ้น ในภาพรวมพนักงานส่วนใหญ่ยังคาดหวังให้องค์กรมองที่ผลงานมากกว่าให้ความสำคัญเรื่องชั่วโมงการทำงาน และอยากให้ยืดหยุ่นเรื่องการทำงานมากขึ้น

ทำงานอยู่บ้าน

โดยพนักงานส่วนใหญ่กว่า 51% เชื่อว่าการทำงานจากที่บ้านได้ประสิทธิผลไม่ต่างจากการมาทำงานที่ออฟฟิศ ขณะที่ 37% เชื่อว่าพวกเขาทำผลงานได้ดีขึ้นกว่าตอนทำงานที่ออฟฟิศ มีเพียง 12% ที่คิดว่าคุณภาพการทำงานของพวกเขาลดลงเมื่อทำงานจากที่บ้าน

ต้องการให้องค์กร และรัฐช่วยเหลือ

ด้านผลกระทบจาก COVID-19 ที่เกิดขึ้นกับพนักงาน พนักงานส่วนใหญ่คิดว่าเป็นหน้าที่ขององค์กรและรัฐบาลที่ต้องยื่นมือช่วยเหลือพนักงานให้ก้าวข้ามวิกฤตนี้ ขณะเดียวกันก็มองว่าตนต้องพึ่งพาตัวเองด้วย

สิ่งที่พนักงานคาดหวังจากองค์กร ได้แก่

  • 84% การสนับสนุนการทำงานที่ยืดหยุ่นและการทำงานจากบ้าน
  • 78% ต้องการความชัดเจนในการรับมือกับวิกฤต
  • 78% การลงทุนด้านเทคโนโลยีและปรับตัวสู่ดิจิทัล
  • 76% การสนับสนุนอุปกรณ์ 
  • 75% ระบบ IT ให้รองรับการทำงานจากที่บ้าน
(Photo by Allison Joyce/Getty Images)

สิ่งที่พนักงานคาดหวังจากหัวหน้ามากที่สุดในช่วงเวลานี้ ได้แก่

  • 58% การช่วยหาทางแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น
  • 55% การให้ความไว้วางใจในการทำงาน
  • 52% การมีความคิดสร้างสรรค์ และการสื่อสารที่ดี 
  • 51% การสนับสนุนการทำงานที่ยืดหยุ่นให้กับพนักงาน

สำหรับมุมมองที่มีต่อสถานการณ์หลัง COVID-19 พนักงานกว่า 56% เชื่อว่าสถานการณ์น่าจะดีขึ้น และมองว่างานเทคโนโลยีน่าจะมีอนาคตที่สุด แต่แม้ว่าส่วนใหญ่จะมองโลกในแง่ดี พนักงานกว่า 65% ก็ยังไม่มีแผนเปลี่ยนงานในอีก 1 ปีข้างหน้า สะท้อนให้เห็นว่าคนไทยยังไม่กล้าเสี่ยงย้ายงานใหม่ในช่วงที่สถานการณ์ยังไม่แน่นอน

Lean-Digital-Work from Anywhere

ธิดารัตน์ กาญจนวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัทอเด็คโก้ประเทศไทย กล่าวว่า

เมื่อเทียบผลสำรวจของไทยกับในอีกหลายประเทศที่ Adecco ได้ทำการศึกษา ภาพรวมพบว่าผลที่ออกมาค่อนข้างสอดคล้องกับหลายประเทศ ที่องค์กรมีการปรับตัวให้ lean มากขึ้น ดิจิทัลมากขึ้น ในขณะที่รูปแบบการทำงานก็มีผสมผสานการทำงานจากที่บ้าน เพื่อสร้างความยืดหยุ่นในการทำงาน สิ่งเหล่านี้จะกลายเป็น New Normal หรือ ความปกติใหม่ที่องค์กรจำเป็นต้องวางแผนปรับตัวทั้งในระยะสั้นและระยะยาว โดยเฉพาะฝ่าย HR ที่จะต้องปรับกลยุทธ์การสรรหาใหม่ เพราะโจทย์ทุกวันนี้ได้เปลี่ยนไป เราอาจจะต้องการคนที่มีชุดทักษะที่ต่างจากเดิม ไม่สามารถจ้างพนักงานประจำได้มากเท่าที่เคย อาจจะต้องมีการผสมผสานการจ้างงานในรูปแบบฟรีแลนซ์มากขึ้น การสรรหาก็จำเป็นที่จะต้องมีความคล่องตัวและปรับสู่ดิจิทัลมากขึ้น ซึ่ง Adecco ก็ได้ออกแบบหลักสูตรเพื่อช่วย HR เตรียมพร้อมในจุดนี้

ผลสำรวจครั้งนี้ยังชี้ให้เห็นว่าคนไทยต้องการการทำงานที่ยืดหยุ่นมากขึ้น องค์กรอาจจำเป็นต้องฟังเสียงสะท้อนเหล่านี้และนำมาปรับใช้เพื่อรักษาบุคลากรและดึงดูดผู้สมัครหน้าใหม่ ปัจจุบันนี้ Work from Home ถือเป็นหนึ่งในปัจจัยที่ผู้สมัครใช้คัดเลือกองค์กร เพราะคนสมัยนี้มองว่าการทำงานสามารถทำจากที่ไหนก็ได้ และให้ความสำคัญกับสมดุลการใช้ชีวิตในลำดับต้นๆ

 

ที่สำคัญยังมีแรงงานเก่งๆ อีกมากที่ลาออกจากงานประจำเพราะความจำเป็นส่วนตัวแต่ยังพร้อมที่จะกลับมาทำงานในรูปแบบฟรีแลนซ์ ดังนั้นการที่องค์กรนำนโยบายนี้มาปรับใช้ก็จะช่วยสร้างความได้เปรียบในการแข่งขัน อีกด้านหนึ่งนโยบายนี้ก็ยังเป็นประโยชน์ต่อการรักษาบุคลากร เพราะทำให้พนักงานรู้สึกว่าองค์กรห่วงใยสุขภาพและความปลอดภัยของพวกเขา

นอกจากนี้การคงมาตรการ Work from Home ยังมีประโยชน์ในระยะยาวต่อการลดความเสี่ยงการระบาดของโรค และช่วยเตรียมความพร้อมสำหรับความไม่แน่นอนที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต

การผสมผสานการทำงานจากที่บ้านก็เป็นอีกความท้าทายหนึ่งที่หลายองค์กรต้องเผชิญ เพราะการทำงานนอกออฟฟิศนั้นองค์กรมักจะมีความกังวลใจในแง่ประสิทธิภาพ และประสิทธิผลในการทำงานของพนักงาน และมักให้หัวหน้าฝ่ายใช้ดุลพินิจส่วนบุคคลในการตัดสินว่าพนักงานคนไหนสามารถหรือไม่สามารถทำงานจากที่บ้านได้ โดยขาดเกณฑ์การประเมินและมาตรการที่ชัดเจน ในขณะที่พนักงานเองก็เรียกร้องความไว้วางใจในการทำงานจากหัวหน้า ซึ่งปัญหานี้เป็นปัญหาที่เกิดขึ้นทั่วโลก เพราะการผสมผสานการทำงานแบบ Work from Home ก็ยังเป็นเรื่องที่ใหม่สำหรับหลายๆ องค์กร

]]>
1291738
เด็กไทยเลือก “หมอ” อาชีพในฝัน ยก “เก๋ไก๋สไลเดอร์” ยืนหนึ่งเป็นไอดอลขวัญใจ https://positioningmag.com/1259576 Wed, 08 Jan 2020 09:55:00 +0000 https://positioningmag.com/?p=1259576 ผลสำรวจอเด็คโก้เผยเด็กไทยเลือก “หมอ” เป็นอาชีพในฝัน ส่วน YouTube ครองแชมป์สื่อที่มีอิทธิพลต่อเด็ก ดัน “เก๋ไก๋ สไลเดอร์” ยืนหนึ่งไอดอลขวัญใจเด็กไทย

หมออันดับ 1 อาชีพในฝัน – ยูทูปเบอร์ อาชีพมาแรงแห่งปี

กลุ่มบริษัทอเด็คโก้เผยผลสำรวจ “อาชีพในฝันของเด็กไทย” ครั้งที่ 11 ปี 2563 ที่สำรวจในกลุ่มตัวอย่างเด็กไทยอายุ 7-14 ปี จำนวน 4,050 คน จากทั่วทุกภูมิภาค พบว่าอาชีพในฝันเด็กของเด็กไทยในปีนี้ “หมอ” นำลิ่วมาอันดับหนึ่ง ด้านอันดับสองยังคงเป็นอาชีพ “ครู” ไม่ต่างจากปีที่แล้ว

นอกจากนี้ผลสำรวจยังพบว่าส่วนใหญ่เด็กที่เลือกอาชีพหมอเป็นเด็กที่อยู่ในกรุงเทพและปริมณฑล ขณะที่เด็กที่เลือกครูส่วนใหญ่เป็นเด็กที่อาศัยในจังหวัดอื่น ซึ่งสะท้อนถึงค่านิยมที่แตกต่างกันในแต่ละพื้นที่

ส่วนอาชีพมาแรงประจำปีนี้ ได้แก่ อาชีพ “ยูทูปเบอร์” ที่ไต่อันดับขึ้นมาอยู่ในอันดับที่สาม แซงอาชีพ “นักกีฬา” และ “ทหาร” โดยเด็กไทยมองว่าอาชีพยูทูปเบอร์เป็นอาชีพที่ได้ทำในสิ่งที่ชอบ สบาย รายได้สูง มีอิสระ มีชื่อเสียง และคิดว่าตัวเองมีทักษะและความสามารถในการทำอาชีพนี้ได้ หลายคนได้รับแรงบันดาลใจจากยูทูปเบอร์และนักแคสเกมที่ตนชื่นชอบ

“เก๋ไก๋สไลเดอร์” ขึ้นแท่นไอดอลขวัญใจเด็กไทย

เด็กไทยชอบดู YouTube! จากผลสำรวจพบว่าเด็กไทยกว่า 93% ใช้ยูทูป นำหน้าสื่อโซเชียลมีเดียอื่นๆ ส่วนสื่อที่เด็กนิยมใช้รองลงมาคือเฟซบุ๊ก ไลน์ และติ๊กตอก โดยยูทูปเป็นสื่อที่มีอิทธิพลต่อการเลือกอาชีพในฝันและไอดอลที่ชื่นชอบ โดยกว่า 48% ของเด็กที่ตอบแบบสอบถาม เลือกยูทูปเบอร์เป็นไอดอลในดวงใจ ทำให้ปีนี้มียูทูปเบอร์เข้ามาติดโผจำนวนมาก

เก๋ไก๋สไลเดอร์
เก๋ไก๋สไลเดอร์

ในปีนี้ไอดอลที่เด็กไทยเทใจให้มากที่สุด ได้แก่ “เก๋ไก๋สไลเดอร์” ยูทูปเบอร์สาววัย 23 ปีที่มียอดผู้ติดตามมากที่สุดในประเทศไทยกว่า 11 ล้านคน โดยเด็กๆ ให้เหตุผลว่าพี่เก๋ มีความน่ารัก สดใส ตลก พูดเพราะ ทำคลิปสนุกๆ และมีประโยชน์

ด้านอันดับ 2 ได้แก่ “BLACKPINK” เกิร์ลกรุ๊ปเกาหลีมาแรงแห่งปี เจ้าของเพลงฮิต “Kill This Love” โดยสมาชิกในวงที่เป็นที่ชื่นชอบของน้องๆ มากที่สุด ได้แก่ ลิซ่า-ลลิษา มโนบาล อันดับ 3 ได้แก่ แป้ง “Zbing Z.” ยูทูปเบอร์และนักแคสเกมที่ติดโพลล์มา 3 ปีซ้อนติดต่อกัน อันดับ 4 ศิลปินเกาหลีวง “BTS” และอันดับ 5 “CGGG” นักแคสเกม Free Fire ชื่อดัง

สำหรับอันดับช่องยูทูปที่เด็กไทยให้ความนิยมมากที่สุด ได้แก่ “เก๋ไก๋สไลเดอร์” รองลงมาคือช่อง “Zbing Z.” “CGGG” และ “UDIE” ช่องแคสเกม ที่ได้อันดับ 2 3 และ 4 ตามลำดับ ส่วนอันดับ 5 ได้แก่ “บี้เดอะสกา”

อยากได้ “สมาร์ทโฟน” เป็นของขวัญมากสุด

เมื่อสอบถามถึงวิธีหาความรู้นอกห้องเรียน เด็กไทยกว่า 50% ตอบว่า “อินเทอร์เน็ต” ไม่ว่าจะเป็นการหาความรู้ผ่านการเสิร์ชกูเกิ้ล การเข้าเว็บไซต์ต่างๆ หรือดูยูทูป ทั้งผ่านคอมพิวเตอร์และสมาร์ทโฟน เพื่อค้นคว้าหาความรู้เพิ่มเติม ขณะที่อีก 25% เลือกค้นคว้าผ่านการ “อ่านหนังสือและการเข้าห้องสมุด”

ของขวัญวันเด็กที่เด็กไทยอยากได้มากที่สุดในปีนี้คือ “สมาร์ทโฟน” โดยคิดเป็น 25% ของจำนวนผู้ตอบแบบสอบถามทั้งหมด รองลงมาคือ “คอมพิวเตอร์” “ตุ๊กตา” “เงิน” และ “หนังสือ” ตามลำดับ ซึ่งของขวัญเหล่านี้ก็สอดคล้องกับงานอดิเรกที่เด็กไทยชอบทำคือ เล่นเกม เล่นอินเทอร์เน็ต เล่นกับเพื่อน อ่านหนังสือ อ่านการ์ตูน ดูภาพยนตร์ และไปเที่ยว

ส่องเทรนด์อาชีพ เด็ก GEN Z – Gen Alpha

ธิดารัตน์ กาญจนวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัทอเด็คโก้ประเทศไทย เผยว่า

“ผลสำรวจอาชีพในฝันของอเด็คโก้ที่เราทำจะสำรวจในกลุ่ม เด็กอายุ 7-14 ปี ซึ่งก็แบ่งได้เป็นสองเจนเนอเรชั่น คือ GEN Z และ Gen Alpha ซึ่งเป็นกลุ่มที่เติบโตมากับเทคโนโลยี คุ้นชินกับการใช้สมาร์ทโฟน แท็บเล็ต คอมพิวเตอร์ อินเทอร์เน็ต มาตั้งแต่เด็ก

จึงไม่น่าแปลกใจว่าภาพรวมของคำตอบในปีนี้จะเห็นความเป็นดิจิทัลมากขึ้นเรื่อยๆ ไม่ว่าจะเป็น อาชีพยูทูปเบอร์ที่มาแรงขึ้นมาเป็นอันดับสามและมีแนวโน้มที่สูงขึ้นทุกปี หรือการที่เด็กเกือบครึ่งโพลล์เลือกยูทูปเบอร์เป็นไอดอลในดวงใจ รวมถึงพฤติกรรมของเด็กในยุคนี้ที่ชอบเล่นเกม สื่อสารผ่านโซเชียลมีเดีย ค้นหาความรู้ทางอินเทอร์เน็ต ล้วนสะท้อนให้เห็นถึงความเป็น Digital native ของเด็กไทยในปัจจุบัน”

การที่พวกเขาเกิดมาพร้อมกับโอกาสในการเข้าถึงเทคโนโลยีและข้อมูลข่าวสาร Mark McCrindle นักประชากรศาสตร์และนักวิจัยทางสังคม มีการพยากรณ์ว่า Gen Alpha หรือเด็กที่มีอายุต่ำกว่า 10 ปี จะเป็นเจเนอเรชั่นที่ได้รับการศึกษาที่ดีที่สุด และเป็น Gen ที่ฉลาดที่สุด และใช้เทคโนโลยีเก่งที่สุด เมื่อเทียบกับ Gen อื่นๆ ตอนมีอายุรุ่นราวคราวเดียวกัน

ขณะที่ Gen Z หรือผู้ที่ปัจจุบันมีอายุตั้งแต่ 26 ปีลงไป งานวิจัยจากต่างประเทศรายงานว่า Gen Z ก็จะก้าวเข้ามาเป็นแรงขับเคลื่อนที่สำคัญขององค์กร โดยจะมีสัดส่วนเป็นร้อยละ 27 ของแรงงานทั้งหมดภายในอีก 5 ปีข้างหน้า Gen Z มีแนวโน้มที่จะเลือกอาชีพที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนและเปลี่ยนแปลงสังคมโลก ทั้งการพัฒนาเทคโนโลยีและการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ รวมถึงสนใจการเป็นผู้ประกอบการและทำอาชีพอิสระ ซึ่งเป็นมุมมองการเลือกอาชีพที่แตกต่างไปจากคนรุ่นก่อน

เด็กในรุ่นนี้จะโตมากับอนาคตของโลกการทำงานที่เปลี่ยนไป หลายอาชีพจะถูกแทนที่ด้วยเทคโนโลยีและปัญญาประดิษฐ์ แต่ก็จะมีอีกหลายอาชีพเกิดขึ้นใหม่เช่นเดียวกัน มีการคาดการณ์ว่าภายในปี 2025 ร้อยละ 60 ของแรงงานจะทำงานในอาชีพที่ไม่มีอยู่ในปัจจุบัน

จึงเป็นหน้าที่ของผู้ใหญ่ที่จะช่วยกันพัฒนาศักยภาพเด็ก โดยเฉพาะอย่างยิ่งทักษะการใช้ชีวิตและทักษะทางสังคม ซึ่งเป็นทักษะที่หุ่นยนต์ไม่สามารถทดแทนได้ รวมทั้งปลูกฝังค่านิยมการเรียนรู้ตลอดชีวิต เพื่อให้พวกเขาสามารถที่จะเรียนรู้และต่อยอดองค์ความรู้เดิมที่มีอยู่ เพราะในอนาคตความรู้ใหม่ๆ จะมีความสำคัญมากกว่าใบปริญญา

“การเรียนรู้ตลอดชีวิตและปรับตัวให้ทันกับความเปลี่ยนแปลง จะกลายเป็นคำขวัญสำคัญของเด็กยุคใหม่ที่จะช่วยให้พวกเขาเติบโตอย่างมั่นคงในโลกที่มีการ Disruption ตลอดเวลา”

]]>
1259576
อยากเป็น “หมอ” กลับมาทวงแชมป์อาชีพในฝันเด็กไทยปี 62 “BNK48” นำโด่งไอดอลขวัญใจเด็กไทย https://positioningmag.com/1206957 Tue, 08 Jan 2019 02:57:19 +0000 https://positioningmag.com/?p=1206957 Thanatkit

อีกไม่กี่วันก็จะถึงวันเด็กที่เด็กไทยหลายๆ คนรอคอยจะได้ออกไปหาขนมอร่อยๆ แจกฟรีมากิน รวมไปถึงเที่ยวยังสถานที่สำคัญๆ ที่ไม่ค่อยได้เปิดให้เข้าชมบ่อยนัก ซึ่งเด็กเหล่านี้คือผู้ใหญ่ในวันหน้า ที่จะเติบโตมาช่วยพัฒนาประเทศ ดังนั้นเพื่อทราบถึงมุมมองของเด็กไทย อยากเติบโตไปทำอาชีพอะไรในอนาคตกลุ่มบริษัทอเด็คโก้ผู้ให้บริการด้านการบริหารงานทรัพยากรบุคคล จึงได้ออกมาเปิดเผยถึงมุมมองของเด็กไทย ก่อนที่วันเด็กจะมาถึง

เด็กไทยอยากเป็นหมอมากที่สุด แซงแชมป์เก่าครู

จากการสำรวจเด็กไทยที่มีอายุ 7-14 ปี จำนวน 2,684 คน พบว่า อาชีพที่เด็กไทยใฝ่ฝันอยากทำมากที่สุดคืออาชีพหมอเนื่องจากเป็นอาชีพที่ได้ช่วยเหลือผู้อื่น ได้บุญ และมีรายได้ดี รองลงมาคือ อาชีพครูด้วยเหตุผลอยากสอนเด็กไทยให้เป็นคนดีมีความรู้ อันดับสามได้แก่ อาชีพนักกีฬาโดยส่วนใหญ่อยากเป็นนักฟุตบอลเพราะรักในการเล่นฟุตบอล

ส่วนอาชีพในฝันของเด็กไทยอันดับสี่ได้แก่อาชีพทหาร และอันดับห้า ได้แก่นักกีฬา E-Sport และ นักแคสเกมที่มาแรงติดเทรนด์ Top 5 อาชีพในฝันของเด็กไทยปีนี้เป็นปีแรก

นักกีฬา E-Sport เกมเมอร์ และนักแคสเกม อาชีพมาแรงปี 62

นักกีฬา E-Sport และ นักแคสเกม เป็นอาชีพที่เด็กไทยให้สนใจอย่างมากในปีนี้ เพราะเด็กไทยชอบเล่นเกมส์จึงคิดว่าเป็นอาชีพที่สนุก สามารถสร้างรายได้จากสิ่งที่ชอบและสร้างชื่อเสียงได้ ซึ่งสอดคล้องกับผลสำรวจในข้ออื่นๆ ที่พบว่าเด็กไทย 94% ชอบดูยูทูบ และกว่า 28% ชอบเล่นเกมและเล่นคอมพิวเตอร์ และมีไอดอลในดวงใจเป็นคนดังที่ประกอบอาชีพเหล่านี้ นอกจากนี้ยังพบว่าอาชีพที่เกี่ยวข้องกับคอมพิวเตอร์ เช่น ยูทูบเบอร์ และ โปรแกรมเมอร์ ก็เป็นอาชีพที่เด็กไทยให้ความสนใจมากขึ้นในปีนี้เช่นกัน

“BNK48” ครองแชมป์ไอดอลขวัญใจเด็กไทย ด้านยูทูบเบอร์เกมเมอร์ติดโผเพียบ

ด้านผลสำรวจไอดอลขวัญใจเด็กไทย ผลสำรวจพบว่าเด็กไทยยังคงมองพ่อแม่เป็นไอดอลที่เคารพรักเหมือนทุกปี แต่สำหรับคนดังที่ครองแชมป์ไอดอลขวัญใจเด็กไทยในปีนี้ ได้แก่ ศิลปินกลุ่มBNK48” ที่เด็กไทยชื่นชมในความพยายามและความสามารถ โดยมองว่านอกจากจะน่ารัก ร้องเพลงเพราะ และเต้นเก่งแล้ว ยังเป็นแบบอย่างที่ดีด้านความมุ่งมั่นตั้งใจที่จะพัฒนาตัวเอง ไม่ย่อท้อต่ออุปสรรค โดยสมาชิกที่เป็นที่ชื่นชอบของเด็กไทยมากที่สุด ได้แก่ เฌอปราง อารีย์กุล กัปตันวง BNK48

รองลงมาคือเก๋ไก๋สไลเดอร์ ยูทูบเบอร์ชื่อดัง ที่เด็กไทยชอบที่ความน่ารักสดใส ตลก ทำคลิปสนุก ขยัน และมีความกตัญญู อันดับสาม ได้แก่ พี่แป้งZbing Z. นักแคสเกมคนสวยขวัญใจเด็กๆ อันดับสี่ ได้แก่ GOT7 บอยแบนด์จากประเทศเกาหลี และอันดับห้า ได้แก่กิตงายหรือ กฤษฎา ปิมลื้อ นักกีฬาอีสปอร์ตชื่อดังที่เป็นที่ยอมรับของเด็กไทยจากความสามารถในการเล่นเกม

ขอให้ครอบครัวมีความสุขพรปีใหม่ที่เด็กไทยอยากได้ในปีนี้

เมื่อถามว่าหากมีพรวิเศษ 1 ข้อ น้องๆ อยากขออะไร? เด็กไทยส่วนใหญ่ตอบว่าขอให้ครอบครัวอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขไปนานๆ รองลงมาได้แก่ ขอให้รวย ขอให้ได้เจอไอดอลที่ชอบ ขอให้สอบผ่าน หรือขอให้โลกนี้ไม่มีสอบไปเลย ขอให้ขอพรได้อีกหลายๆ ข้อรวมถึงคำตอบน่ารักๆ อย่างเช่นขอให้ประเทศไทยสงบสุขอยู่เย็นเหมือนเอลซ่า

เด็กไทยเสนอไอเดียปฏิรูปการศีกษา ยึดเด็กเป็นศูนย์กลาง ใช้เทคโนโลยีพัฒนาการเรียนการสอน

เมื่อถามถึงไอเดียปฏิรูปการศึกษาว่ารัฐบาลควรทำอย่างไรเพื่อให้การศึกษาของประเทศไทยดีขึ้น ผลสำรวจพบว่าเด็กไทยอยากให้รัฐบาลพัฒนาการศึกษาโดยยึดเด็กเป็นศูนย์กลาง ส่งเสริมตามความชอบและความถนัด มอบทุนเพื่อเพิ่มโอกาสทางการศึกษาให้กับเด็กไทย ให้ความสำคัญกับการพัฒนาครู สนับสนุนอุปกรณ์และสื่อการเรียนการสอนให้กับโรงเรียนที่ขาดแคลน

นอกจากนี้เด็กๆ ยังเสนอให้มีการนำเทคโนโลยีมาใช้ส่งเสริมการเรียนการสอนให้สนุกสนานและทันสมัยมากขึ้น มีคลังความรู้แบบดิจิทัลไม่จำกัดแค่ในหนังสือเรียน เน้นวิชาคอมพิวเตอร์ สนับสนุนอีสปอร์ต ส่งเสริมเรื่องภาษาต่างประเทศอย่างจริงจังทั้งภาษาอังกฤษและภาษาที่สาม อย่างภาษาจีน ภาษาเกาหลี และภาษาญี่ปุ่น รวมถึงเพิ่มการสอนทักษะจำเป็นในการเอาตัวรอด เช่น ว่ายน้ำ ศิลปะป้องกันตัว และการปฐมพยาบาล เป็นต้นเพื่อให้เด็กไทยมีความพร้อมสำหรับโลกการทำงานและการใช้ชีวิตในอนาคต

อาชีพที่มีความสุข คืออาชีพที่ได้ทำสิ่งที่ตัวเองชอบ

ธิดารัตน์ กาญจนวัฒน์ ผู้อำนวยการส่วนภูมิภาคไทยและเวียดนาม กลุ่มบริษัทอเด็คโก้ประเทศไทย กล่าวว่า จากผลสำรวจในปีนี้ชี้ให้เห็นว่าเด็กไทยในยุคนี้มีความเป็น Digital Native อย่างเต็มตัว คุ้นเคยกับเทคโนโลยีมาตั้งแต่เกิดและใช้เทคโนโลยีในชีวิตประจำวันทุกวัน ซึ่งสะท้อนผ่านผลสำรวจที่พบว่าอาชีพอย่างเกมเมอร์และยูทูบเบอร์เริ่มเข้ามาติด Top 5 อาชีพในฝัน และติดโผไอดอลในดวงใจของเด็กไทย

มุมมองของเด็กไทยในยุคนี้ต่ออาชีพก็ค่อนข้างน่าสนใจ โดยส่วนใหญ่มองว่าอาชีพที่มีความสุขที่สุดคืออาชีพที่ได้ทำในสิ่งที่ชอบและถนัด และใช้เหตุผลนี้ในการเลือกอาชีพในฝัน ในปีนี้เราจะเห็นว่าเด็กไทยรู้จักอาชีพที่หลากหลายขึ้นตามความสนใจของแต่ละคน เราจะเห็นอาชีพแปลกใหม่เข้ามาในผลสำรวจ เช่น แรปเปอร์ นักบรรพชีวินวิทยา ยูทูบเบอร์ นักออกแบบท่าเต้น นักแข่งรถ นักแคสเกม นักดำน้ำ ผู้ประกอบการ ฯลฯ

นอกจากนี้เราจะเห็นได้ว่าเด็กไทยมีความตื่นตัวต่อการพัฒนาทักษะ โดยเฉพาะทักษะภาษาต่างประเทศและทักษะทางเทคโนโลยี ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าส่งเสริม เพราะทักษะเหล่านี้เป็นทักษะสำคัญที่จะช่วยให้เด็กไทยสามารถรับมือกับความเปลี่ยนแปลงในอนาคต ทุกวันนี้โลกการทำงานเปลี่ยนแปลงเร็วมาก ในอนาคตผู้คนราว 60% จะประกอบอาชีพที่ไม่ได้มีอยู่ในทุกวันนี้

ดังนั้นจึงเป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่งที่ผู้ปกครองสถาบันการศึกษาและภาครัฐจะร่วมมือกันส่งเสริมเด็กตามพื้นฐานความชอบความถนัด พัฒนาทักษะที่จำเป็นสำหรับยุคดิจิทัล และนำเทคโนโลยีมาสนับสนุนการเรียนรู้ตลอดชีวิต เพื่อพัฒนาเด็กไทยให้เป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาประเทศชาติในยุคดิจิทัล.

]]>
1206957