การีนา – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Wed, 27 Oct 2021 17:16:40 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 เปิดวิสัยทัศน์ ‘Sea Thailand’ กับการปรับตัวสู่ ‘Digital Nation’ ในอีก 10 ปีข้างหน้า https://positioningmag.com/1358728 Wed, 27 Oct 2021 11:17:26 +0000 https://positioningmag.com/?p=1358728 หากพูดถึงการปรับตัวใช้งานดิจิทัลของคนไทยในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาเรียกได้ว่าก้าวกระโดดมาก เพราะได้ COVID-19 เป็นตัวเร่ง แต่แค่นั้นจะเพียงพอหรือเปล่า หากพูดถึงการอยู่รอดอย่างยั่งยืนในอีก 10 ปีข้างหน้า Sea (ประเทศไทย) ผู้ให้บริการ การีนา (Garena) ช้อปปี้ (Shopee) และซีมันนี่ (SeaMoney) ได้ออกมาเผยถึงมุมมองภาพอนาคตยุคดิจิทัลหลัง COVID-19 ผ่านงาน Sea Story 2021: Digital Visionary ในงานเสวนาหัวข้อ “Accelerated Transitions to the Digital Nation”

เศรษฐกิจดิจิทัลไทยโต แต่ขาดแรงงาน

เศรษฐกิจดิจิทัลในประเทศไทยขยายตัวต่อเนื่องและมีขนาดใหญ่เป็นอันดับที่ 2 ของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดย Internet Penetration ในประเทศไทยซึ่งอยู่ที่ 96.5% และยังมีแนวโน้มสูงขึ้นเรื่อย ๆ อย่างไรก็ตาม แม้การมาของ COVID-19 จะทำให้การปรับใช้ดิจิทัลเติบโตอย่างก้าวกระโดด แต่ก็ฉุดเศรษฐกิจโดยรวม โดยเฉพาะตลาดแรงงานที่มีผู้ตกงานกว่า 2.5 ล้านคน และผู้ว่างงานแฝงกว่า 4 ล้านคน กว่าสถานการณ์จะดีขึ้นอาจต้องรอไปถึงกลางปีหน้า

ขณะที่ความต้องการจ้างงานในอนาคตก็มองหากลุ่มที่มีทักษะงานทางดิจิทัลมากขึ้นเพื่อลดต้นทุน รวมถึงต้องการสกิลเซตที่ไม่เหมาะสม เนื่องจากพฤติกรรมการใช้ชีวิตประจำวันของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป ซึ่งปัจจุบัน ประเทศไทยมีแรงทักษะทางดิจิทัลที่ 55% หรือกว่า 17 ล้านคนที่ยังขาดทักษะ ขณะที่ประเทศอื่น ๆ ในภูมิภาคมีเฉลี่ยที่ 66% โดยสิงคโปร์มีสูงสุดที่ 75%

และเมื่ออ้างอิงรายงาน IMD World Digital Competitiveness Ranking 2021 พบว่า ประเทศไทยมีความสามารถในการแข่งขันเป็นอันดับที่ 38 จาก 64 ประเทศทั่วโลก โดยมีปัจจัยด้าน Technology (อันดับที่ 22) เป็นจุดแข็ง และมีปัจจัยด้าน Knowledge (อันดับที่ 42) และด้าน Future Readiness (อันดับที่ 44)

“นี่ถือเป็นความน่ากังวล จะทำอย่างไรให้คนเพิ่มทักษะดิจิทัลที่เหมาะสมให้คนครึ่งประเทศ ถ้ายังละเลยจะยิ่งทำให้ความสามารถในการแข่งขันลดลง ดังนั้น ต้องรีเลิร์น รีสกิลแรงงาน ไม่เช่นนั้นจะถูกแทนที่ด้วยออโตเมชั่น” มณีรัตน์ อนุโลมสมบัติ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร Sea (ประเทศไทย) กล่าว

Aging Society โอกาสและปัญหาสำคัญในอีก 10 ปี

การเข้าสู่สังคมสูงวัย หรือ Aging Society เป็นสิ่งที่หลายคนเริ่มตระหนักแล้ว โดยมีการคาดการณ์ว่าภายในปี 2030 ไทยจะเข้าสู่สังคมสูงวัยโดยสมบูรณ์ ประชากร 40% เป็นวัยเกษียณ ดังนั้น คนกลุ่มนี้จะมีความระมัดระวังในการจับจ่ายมากขึ้น ทำให้กำลังซื้อในประเทศจะลดลง เกิดปัญหาเรื่องการขาดแคลนแรงงาน ถือเป็นความเสี่ยงทางเศรษฐกิจของไทย ดังนั้น จะเพิ่มคุณภาพของแรงงานที่น้อยลงอย่างไร

อย่างไรก็ตาม อาจจะเห็นธุรกิจที่โตก้าวกระโดดในอีก 10 ปีข้างหน้า เช่น Healthtech, Medtech เพราะจะมาตอบโจทย์ผู้สูงวัย เพราะแม้ว่ากลุ่มผู้สูงวัยจะระวังเรื่องการจับจ่าย แต่เรื่องสุขภาพเป็นสิ่งสำคัญและจำเป็น

ตอบโจทย์ Segment of One ด้วยดิจิทัล

ดร.การดี เลียวไพโรจน์ ผู้อำนวยการบริหาร Future Tales Lab by MQDC กล่าวว่า ในอดีต ธุรกิจจะคำนึงถึงความสามารถในการแข่งขัน 3 ด้าน ได้แก่ ความเร็ว คุณภาพที่สูง ต้นทุนที่ต่ำ แต่ปัจจุบันและใน 10 ปีข้างหน้าจะต้องขับเคลื่อนองค์กรด้วยดาต้าหรือข้อมูลให้ได้ เพราะความต้องการคนที่เปลี่ยนไปไม่สามารถแบงเป็นกลุ่มหรือ Segment ได้เหมือนเดิมอีกต่อไป แต่เป็น Segment of One นอกจากนี้ต้อง ที่ไหน เมื่อไหร่ ก็ได้ นี่คือความต้องการใหม่ที่เกิดขึ้น

ดังนั้น Digital Adoption จะเป็นตัวช่วยสำคัญ เพราะปัจจุบันองค์กรเริ่มเห็นเรื่องข้อมูล เนื่องจากทุกอย่างออนไลน์ ขณะที่ 62% ของคนไทยต้องการนำดิจิทัลมาใช้ในชีวิตประจำวันเพิ่มมากขึ้น เพราะเขารู้สึกว่าสะดวก ดังนั้น จะเห็นว่ามี Digital Tools มาเสิร์ฟความต้องการผู้บริโภคมากขึ้นเรื่อย ๆ

มณีรัตน์ อนุโลมสมบัติ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร Sea (ประเทศไทย)

“ต่อจะไปเห็นการทำงานของออฟไลน์ออนไลน์ (O2O) ที่ไร้รอบต่อ มีการตลาดแบบเฉพาะเจาะจง business landscape ที่เป็นไปได้มากขึ้น เพราะโอกาสเปิดกว้างมากขึ้น เนื่องจากโลกไม่มีพรมแดนอีกต่อไป”

นอกจากนี้ การเปลี่ยนผ่านของแรงงานรุ่นใหม่ องค์กรก็ต้องปรับตัวสู่ Hybrid Work Place หรือแม้กระทั่งการทำงานในโลกเสมือนจริง (Metaverse) เพราะ COVID-19 ทำให้แรงงานรู้แล้วว่าไม่จำเป็นต้องทำงานในออฟฟิศ ดังนั้น องค์กรก็ต้องปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ใหม่ ไม่เช่นนั้นอาจนำไปสู่การลาออกครั้งใหญ่ของ Gen Z ที่ต้องการ Work-Life Balance

ตั้งเป้าสร้าง Digital Talent 10 ล้านคน ใน 10 ปี

ในช่วงกว่า 2 ปีที่ผ่านมา Sea (Group) ได้ประกาศยุทธศาสตร์ 10 in 10 ตั้งเป้าสร้าง ‘Digital Talent’ 10 ล้านคน ใน 10 ปี โดยปัจจุบัน Sea (ประเทศไทย) สามารถเข้าไปเสริมสร้างทักษะดิจิทัลด้านต่าง ๆ ให้แก่คนไทยได้ราว 3.8 ล้านคน โดยในปีนี้ Sea (ประเทศไทย) จัดโครงการต่าง ๆ โดยมุ่งเน้นที่ Mega Trends คือ “E-commerce for All” หรือ การพัฒนาคุณภาพชีวิตของผู้คนและเพิ่มศักยภาพ SMEs ด้วยอีคอมเมิร์ซ

ดร.การดี เลียวไพโรจน์ ผู้อำนวยการบริหาร Future Tales Lab by MQDC

เนื่องจากอีคอมเมิร์ซเป็นเครื่องมือสำคัญ โดยจะเห็นว่าตอนนี้การค้าขายบนโลกออนไลน์เป็นช่องทางในการหารายได้เพิ่มเติม สะท้อนให้เห็นได้จากจำนวนที่เพิ่มขึ้นของผู้ประกอบการอีคอมเมิร์ซที่เป็นนักเรียนนักศึกษา แม่บ้าน และพนักงานบริษัทที่มีงานประจำอยู่แล้ว ซึ่งสอดคล้องกับเทรนด์ในปัจจุบัน การใช้จ่ายเกิดขึ้นบนโลกออนไลน์จำนวนมาก

ทั้งนี้ ช้อปปี้ (ธุรกิจอีคอมเมิร์ซ) มีการเติบโตทั้งในแง่คำสั่งซื้อและความเข้มแข็งของฐานผู้ใช้งาน โดยมีกว่า 1,400 ล้าน Gross Order ในไตรมาสที่ 2 ของปีนี้ เติบโตราว 127% จากช่วงเดียวกันของปี 2563

]]>
1358728
“อิชิตัน” ฝ่าวิกฤติ “ชาเชียว” เปิดปฏิบัติการ 3N ปั้น “สินค้า-ตลาด-ธุรกิจใหม่” พลิกโอกาสโต https://positioningmag.com/1247476 Tue, 24 Sep 2019 12:12:18 +0000 https://positioningmag.com/?p=1247476 ตลาดชาเขียวพร้อมดื่ม ช่วง 4 ปีที่ผ่านมา เรียกว่าอยู่ในภาวะวิกฤติ ตัวเลขติดลบมาต่อเนื่องจากสถานการณ์แข่งขันทุ่มงบการตลาดจัดแคมเปญกระตุ้นกำลังซื้อของค่ายใหญ่ ที่สำคัญพฤติกรรมผู้บริโภคมองหาเครื่องดื่มสุขภาพอื่นๆ เป็นตัวเลือกแทนชาเขียว

สะท้อนจากภาพรวมตลาดชาเขียวพร้อมดื่มปี 2557 มีมูลค่าสูงสุดที่ 16,000 ล้านบาท หลังจากนั้นปรับตัวลดลงต่อเนื่องตลอด 4 ปี โดยปี 2561 มูลค่าตลาดลงมาอยู่ที่ 11,892 ล้านบาท อัตราการเติบโตเฉลี่ย (CAGR) 5 ปี ลดลง 7.02%

แต่เริ่มเห็นสัญญาณบวกในปีนี้เมื่อตัวเลข 8 เดือนแรก (ม.ค. – ส.ค.) มูลค่าตลาดชาเขียวอยู่ที่ 8,462 ล้านบาท เชิงมูลค่าเติบโต 5.1% เป็นการกลับมาเติบโตครั้งแรกในรอบ 4 ปี นับจากปี 2558 หลังจากพัฒนาโปรดักท์ชาเขียวใหม่จับเทรนด์สุขภาพน้ำตาลน้อยรับกับการจัดเก็บภาษีความหวานใหม่ แต่ตลาดชาเขียวจะกลับมาเติบโตอย่างหวือหวาเหมือนในอดีตหรือไม่เป็นสิ่งที่ต้องจับตากันต่อไป

“อิชิตัน” ชูกลยุทธ์ 3N หาทางโต

“อิชิตัน” เคยทำรายได้และกำไรอย่างงดงามกับธุรกิจชาเขียว นับตั้งแต่ปี 2558 รายได้ 6,356 ล้านบาท โกยกำไร 812 ล้านบาท ปี 2559 รายได้ลดลงเหลือ 5,266 ล้านบาท กำไร 368 ล้านบาท ปี 2560 รายได้ 5,719 แต่กำไรลดต่อเนื่องเหลือ 315 ล้านบาท และปี 2561 ยอดขายลดลงมาที่ 5,216 กำไรดิ่งลงมาที่ 43 ล้านบาท ถือเป็นสถานการณ์ที่ต้องเร่งแก้ไข

ตัน ภาสกรนที กรรมการผู้อำนวยการ บริษัท อิชิตัน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า หลังจากใช้เวลาปรับโครงสร้างธุรกิจราว 1 ปี ได้วางนโยบายที่จะกลับมาเติบโตอีกครั้งกับ กลยุทธ์ 3N ที่ประกอบไปด้วย New Product, New Market และ New Business เพื่อแก้ไขสถานการณ์ธุรกิจ “อิชิตัน” ให้ฟื้นตัวกลับมาแข็งแรงและเติบโตอีกครั้ง

ปั้นโปรดักต์ใหม่เจาะรายเซ็กเมนต์

ในกลุ่มโปรดักต์ได้ตัดสินใจยกเลิกสินค้าเก่าที่ไม่ทำกำไรออก 2 แบรนด์ คือ เครื่องดื่มน้ำผลไม้ “ไบเล่” ที่ได้ซื้อแบรนด์มาเมื่อปี 2557 และเครื่องดื่มชูกำลัง T247 รวมทั้งตัดทิ้ง SKU รสชาติและไซส์ของเครื่องดื่มชาเขียวที่ยอดขายเดินช้า โดยรวมโละทิ้งสินค้าราว 30% ของพอร์ตโฟลิโอ

จากนั้นมาเริ่มที่กลยุทธ์ New Product คือ การพัฒนาสินค้าใหม่ ที่ถือว่าไปได้ดี คือชาพรีเมียมแมสแบรนด์ “ชิซึโอกะ” เกาะเทรนด์กลุ่มดูแลสุขภาพทุกวัย ปัจจุบันเป็น “เบอร์ 1” ครองส่วนแบ่งทางการตลาด 37%

ล่าสุด “รีลอนช์” สินค้ากลุ่มเครื่องดื่มชาเขียวผสมวุ้นมะพร้าว “อิชิตัน ชิวชิว” 2 รสชาติ คือ องุ่นเคียวโฮ และ อิชิตันชิวชิว ไลม์ ฮันนี่ เจาะกลุ่มรุ่นใหม่ Gen Z โดยร่วมมือกับ การีนา ออนไลน์ ผู้ให้บริการเกมออนไลน์ ทำแคมเปญ “อิชิตัน รหัสล่าสกินปืน กาแล็กซีดับสูญ” ส่งสกินปืนซีรีส์ใหม่ ที่ Exclusive เฉพาะอิชิตัน ชิวชิว องุ่นเคียวโฮ และอิชิตันชิวชิว ไลม์ ฮันนี่ ที่มีโค้ดใต้ฝาให้กับเหล่าเกมเมอร์ Garena Free Fire ใช้สะสมเพื่อลุ้นรับของรางวัลไอเทมเด็ด “สกินปืน กาแล็กซีดับสูญ” ในการเล่นกีฬาอีสปอร์ต แคมเปญเริ่มวันที่ 1 ต.ค. – 15 ธ.ค. 2562 คาดยอดขาย 100 ล้านบาท

“การทำแคมเปญกีฬาอีสปอร์ต ซึ่งเป็นแพสชั่นอาชีพของคนรุ่นใหม่ จะทำให้แบรนด์อิชิตัน เป็นหนึ่งในแบรนด์เครื่องดื่มที่คนรุ่นใหม่เลือก และมีโอกาสที่จะนึกถึงแบรนด์อื่นๆ ที่อยู่ในพอร์ตของอิชิตัน เมื่อต้องการเครื่องดื่มประเภทอื่นๆ”

New Market เจาะตลาดจีน-ลุยอินโด

ส่วน New Market คือ การมองหาโอกาสตลาดใหม่ๆ ในต่างประเทศ หลังจากเข้าไปทำตลาดชาเขียวในอินโดนีเซีย ถือเป็นตลาดใหญ่ที่มีประชากรกว่า 250 ล้านคน โดยมีการพัฒนาโปรดักต์ใหม่ๆ อยู่ตลอดเวลา พบว่า “ชานมไทย” หรือ ICHITAN Thai milk tea ทำตลาดได้ดีในอินโดนีเซีย ปัจจุบันคิดเป็นสัดส่วนยอดขาย 70% วางเป้าเพิ่มเป็น 90% เชื่อว่าจะเป็นโปรดักต์ที่ทำให้ธุรกิจของอิชิตันทำกำไรได้ในตลาดอินโดนีเซีย

นอกจากนี้ยังมองหาโอกาสรับจ้างผลิต (โออีเอ็ม) ในตลาด “จีน” ซึ่งถือเป็นตลาดที่มีกำลังซื้อมหาศาล

New Business เล็งลงทุนธุรกิจสุขภาพ

สำหรับ New Business จะเป็นธุรกิจใหม่ไม่ใช่ธุรกิจเครื่องดื่มที่ทำอยู่ และไม่สนใจลงทุนธุรกิจร้านอาหาร เพราะใช้ต้นทุนสูงและบุคลากรจำนวนมาก โดยมองโอกาสไปที่ธุรกิจสุขภาพ ที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยี

ปัจจุบันอยู่ระหว่างการพูดคุยกับพันธมิตรต่างประเทศ 1 – 2 รายในธุรกิจสุขภาพดังกล่าว รูปแบบการลงทุนจะเป็นการร่วมทุนกับพันธมิตรที่มีความเชี่ยวชาญในธุรกิจสุขภาพ คาดว่าจะเห็นความชัดเจนในปีหน้า

“กลยุทธ์ต่างๆ ที่อิชิตัน กำลังทำอยู่ เชื่อว่าจะทำให้เราผ่านวิกฤติตลาดชาเขียวได้และกลับมาเติบโตอย่างยั่งยืน วันนี้เราไม่ได้แข่งกับใคร แต่เราแข่งกับตัวเอง”

]]>
1247476
อีสปอร์ต เรียลิตี้ โชว์ เรื่องจริงที่กันตนา-การีนาไม่ยอมพลาด https://positioningmag.com/1148050 Fri, 24 Nov 2017 10:10:01 +0000 https://positioningmag.com/?p=1148050 กีฬาที่อยู่ตรงไหนก็เล่นได้ ขอเพียงแค่มีอุปกรณ์คือ คอมพิวเตอร์ เมาส์ คีย์บอร์ด หูฟัง มีซอฟท์แวร์เกมเป็นสนาม เชื่อมต่อเน็ตได้ นักกีฬาต้องฝึกซ้อม วางแผนแข่งมาเต็มที่ เพื่อชิงแชมป์ และเงินรางวัลทั้งระดับในประเทศ และระดับโลก นี่คือ อีสปอร์ต  ที่พลิกเกมธุรกิจเกมให้เติบโตมากขึ้นในช่วง 5-6 ปีที่ผ่านมา และกำลังแรงจนฉุดไม่อยู่

เมื่อกระแสอีสปอร์ตมาแรง จนเล่นได้สะดวกบนมือถือ บรรจบมาเจอความลงตัวทางธุรกิจของ 3 ฝ่าย คือ 1.เจ้าของคอนเทนท์ อีสปอร์ต 2.ผู้ผลิตที่อยากฉีกแนวเดิมๆ และ 3.ช่องทีวีที่อยากมีรายการทันกระแส ดึงคนรุ่นใหม่ ดีลรูปแบบรายการใหม่จึงเกิดขึ้น ที่ชื่อว่า King of Gamers

การีน ออนไลน์ (ประเทศไทย) ผู้ให้บริการเกมออนไลน์ RoV มีเป้าหมายอยากให้คนเข้าใจ และเล่นอีสปอร์ตมากขึ้น เพราะจะนำมาซึ่งรายได้เพิ่มขึ้น ด้วยเป้าหมายทั้งคนเล่น และรายได้มากขึ้นเท่าตัวในปีหน้า จากปัจจุบันมีคนไทยดาวน์โหลดแอพเกมนี้ 15 ล้านครั้ง และมีรายได้จากไอเทม และสปอนเซอร์เป็นหลัก

อีกฝ่ายที่สำคัญ คือผู้ผลิต อย่างกันตนา ที่ต้องการเพิ่มคอนเทนท์ใหม่ๆ และช่องทีวีอย่างพีพีทีวี ที่พยายามมองหารายการใหม่ มาสร้างเรตติ้ง

กัลป์ กัลย์จาฤก กรรมการผู้จัดการ บริษัท กันตนา โมชั่นพิคเจอร์ส จำกัด

กัลป์ กัลย์จาฤก กรรมการผู้จัดการ บริษัท กันตนา โมชั่นพิคเจอร์ส จำกัด และผู้อำนวยการผลิตรายการ เล่าว่า King of Gamers เป็นฟอร์แมท หรือรูปแบบรายการที่กันตนาคิดขึ้นมาเอง และหากสำเร็จจะขายฟอร์แมทให้ต่างประเทศด้วย เพราะไทยคิดรูปแบบนี้เป็นที่แรก

ลักษณะรายการไม่ใช่แค่ดูการแข่งขันเล่นเกม แต่จะมีการถ่ายทอดชีวิตของคนเล่นเกม มีเรื่องราว อารมณ์ความรู้สึก ทั้งดราม่า ตื่นเต้น จากผู้เข้าแข่งขัน ที่ต้องซ้อม วางแผน วางกลยุทธ์  ในรูปแบบ อีสปอร์ต เรียลิตี้ ที่สำคัญ มีการดึงผู้ชมทีวีเข้ามาร่วมเล่นเกมได้ พูดคุย หรือแข่งขันกับเกมเมอร์ที่เป็นไอดอล เพื่อสร้างปรากฎการณ์ดึงคนรุ่นใหม่สนใจ และมีส่วนร่วมรายการที่กำลังออนแอร์ในจอทีวี รวมถึงเชื่อมต่อผู้ชมทีวี กับจอมือถือ ตามกลยุทธ์  Seamless Multiscreen

สำหรับโปรดักชั่น กัลป์ เปิดเผยว่า จัดได้ว่าเป็นรายการใหญ่ ใช้งบลงทุนประมาณตอนละ 1 ล้านบาท ไม่รวมเงินรางวัล โดยมีทั้งหมด 9 ตอน โดย 8 ตอนแรกเป็นเทป แต่ตัดเสมือนดูสดๆ ส่วนตอนที่ 9 เป็นการถ่ายทอดสดการแข่งขันที่ไบเทค ที่คาดว่าจะมีคอเกมมาร่วมนับหมื่นคน ผู้ชนะได้เงินรางวัล 1 ล้านบาท

ดีลนี้อาจไม่เกิดขึ้นได้ง่าย ถ้าไม่มีความชอบ ที่ กัลป์ หรือเต้นท์ ทายาทเจนเนอเรชั่นที่ 3 ของกันตนา ที่หลงใหล และชอบเล่นเกมตั้งแต่เด็ก จนต่อยอดคิดรายการนี้ ด้วยความสนับสนุนอย่างเต็มที่จากคุณพ่อ คือ จาฤก กัลย์จาฤก

อัลเลน ซู ผู้จัดการอาวุโสด้านพันธมิตรทางธุรกิจเกม บริษัท การีนา ออนไลน์ (ประเทศไทย) จำกัด

ขณะที่ดีลนี้ ทำให้ การีนา ออนไลน์ (ประเทศไทย) หวังว่าจะทำให้คนเข้าใจคนเล่นอีสปอร์ตมากขึ้น และสร้างคอเกมใหม่ โดย อัลเลน ชู ผู้จัดการอาวุโสด้านพันธมิตรทางธุรกิจเกม การีนา เปืดเผยว่า ดีลนี้ไม่ได้มีการขายลิขสิทธิ์ แต่เป็นความร่วมมือกับกันตนา และช่องพีพีทีวี เพื่อทำให้อีสปอร์ต เป็นที่รู้จัก และคนในวงกว้างเข้าใจมากขึ้น ซึ่งที่ผ่านมาการีนา พยายามสร้างความเข้าใจโดยเฉพาะการจัดแข่งขันและมีเงินรางวัล รวมถึงก่อนหน้านี้มีการแข่งขันที่ถ่ายทอดสดผ่านทางเวิร์คพอย์ททีวี

ในปี 2016 ได้แจกเงินรางวัลให้นักกีฬาอีสปอร์ตสในไทยแล้ว 17 ล้านบาท และมีการจัดอีเวนท์การแข่งขันหลายคน เพื่อสร้างชุมชนคนเล่นเกมอีสปอร์ต

มูลค่าตลาดเกมโดยรวมทั่วโลกปีที่แล้ว สูงถึง 9 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ ประเทศไทยอยู่ในอันดับที่ 20 มีมูลค่า 600 ล้านเหรียญสหรัฐ คาดปีหน้าจะเติบโตประมาณ 20%.

]]>
1148050