ข้าว – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Thu, 26 Sep 2024 15:13:17 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 ‘ญี่ปุ่น’ เจอปัญหา ‘ขาดแคลนข้าว’ รุนแรงสุดในรอบ 20 ปี เนื่องจากนักท่องเที่ยวทะลัก https://positioningmag.com/1491987 Thu, 26 Sep 2024 12:00:52 +0000 https://positioningmag.com/?p=1491987 ภาพรวมจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าญี่ปุ่น 8 เดือนแรกยังคงเติบโตแรงต่อเนื่อง ด้วยจำนวนกว่า 24,007,900 คน เพิ่มขึ้น 58% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว และเติบโต 8.4% แซงช่วงเดียวกันของปีก่อนโควิดระบาดอีกด้วย

อย่างไรก็ตาม จำนวนนักท่องเที่ยวที่มากขนาดนี้ แปลว่าการใช้ทรัพยากรในประเทศก็สูงตามไปด้วย โดยเฉพาะการบริโภค ข้าวญี่ปุ่น ซึ่งตอนนี้ญี่ปุ่นกําลังเผชิญกับการ ขาดแคลนครั้งใหญ่ที่สุดในช่วง 20 ปี เนื่องจากสภาพอากาศเลวร้ายทำให้ผลผลิตลดลง สวนทางกับความต้องการที่มาจากทั้งคนในประเทศและนักท่องเที่ยว 

ตามข้อมูลจากกระทรวงเกษตร ป่าไม้ และการประมง รายงานว่า ข้าวในคลังของบริษัทเอกชนในเดือนมิถุนายนมีปริมาณอยู่ที่ 1.56 ล้านตัน ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบหลายปี ขณะที่ราคาของข้าวในช่วงสิงหาคมที่ผ่านมาได้แตะ 16,133 เยนต่อ 60 กก. เพิ่มขึ้น +3% จากเดือนก่อนหน้าและสูงขึ้น +5% ตั้งแต่ต้นปี

“ตลอดฤดูร้อนปี 2024 ญี่ปุ่นกําลังต่อสู้กับการขาดแคลนข้าว ส่งผลให้ข้าวในซูเปอร์มาร์เก็ตขายหมดเกลี้ยง เนื่องจากความต้องการแซงหน้าการผลิตในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา และปีนี้ถือว่าต่ำสุดในรอบกว่า 20 ปี” 

Oscar Tjakra นักวิเคราะห์อาวุโสของธนาคารอาหารและการเกษตรระดับโลก Rabobank คาดการณ์ว่า การบริโภคข้าวของนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นจาก 19,000 ตันระหว่างเดือนกรกฎาคม 2022 ถึงมิถุนายน 2023 เป็น 51,000 ตัน ตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2023 ถึงมิถุนายน 2024 หรือ เพิ่มขึ้นมากกว่าสองเท่า แต่ก็ถือว่าน้อยกว่าการบริโภคของชาวญี่ปุ่นเอง ที่มีการบริโภคกว่า 7 ล้านต้น

อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่แค่การมาของนักท่องเที่ยว แต่ประชาชนชาวญี่ปุ่นเองก็ต้อง กักตุนข้าว เพิ่มเพื่อเตรียมพร้อมรับมือฤดูไต้ฝุ่นของญี่ปุ่นและแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ โดยปัจจุบันซูเปอร์มาร์เก็ตของญี่ปุ่นต้อง จํากัดการซื้อ เพียงหนึ่งถุงต่อคนเท่านั้น 

อีกปัญหาที่อาจจะส่งผลต่อการผลิตข้าวในระยะยาวก็คือ จำนวน เกษตรกรผู้ปลูกข้าวน้อยลง เนื่องจากเกษตรกรเริ่มเกษียณอายุ ขณะที่คนหนุ่มสาวหันมาทำการเกษตรน้อยลง นอกจากนี้ ภัยแล้งยังส่งผลต่อผลผลิตอีกด้วย ปัจจุบันญี่ ปุ่นกําหนดภาษี 778% สําหรับข้าวนําเข้าเพื่อปกป้องเกษตรกรผู้ปลูกข้าว และมีเพดานว่าจะ นําเข้าข้าว  682,000 ตันต่อปี เท่านั้น

และจากราคาข้าวที่สูงขึ้นทําให้อัตราเงินเฟ้อของญี่ปุ่นสูงขึ้นในเดือนสิงหาคม โดยเพิ่มขึ้น 2.8% เมื่อเทียบเป็นรายปีจากต้นทุนพลังงานและอาหารที่สูงขึ้น

Source

]]>
1491987
“เซ็นทรัล ทำ” ส่งตรงข้าวจากแหล่งปลูกสู่มือคุณ พร้อมจำหน่ายข้าว 11 สายพันธุ์พื้นเมือง https://positioningmag.com/1455768 Fri, 15 Dec 2023 03:43:07 +0000 https://positioningmag.com/?p=1455768 “ข้าว” วิถีชีวิตของคนไทยที่ส่งต่อวัฒนธรรมทั้งการกินและการปลูกข้าวแต่ละสายพันธุ์จากรุ่นสู่รุ่น ซึ่งแต่ละสายพันธุ์มีเรื่องราวเล่าขานกันมายาวนาน และเป็นที่รู้จักแพร่หลายไปทั่วโลก โครงการ “เซ็นทรัล ทำ” ทำด้วยกัน ทำด้วยใจ โครงการด้านความยั่งยืนดำเนินการโดยกลุ่มเซ็นทรัล มีเจตนารมย์ในการสืบสานและพัฒนา ข้าว สายพันธุ์ต่างๆ กว่า 11 สายพันธุ์พื้นเมือง มากกว่า 9 ชุมชน7 จังหวัดทั่วประเทศ ให้เป็นที่รู้จักและสามารถสร้างงาน สร้างอาชีพ ให้ผู้คนในชุมชนพร้อมไปกับการรักษาสิ่งแวดล้อม เพื่อเป็นการยกระดับข้าวให้ตรงกับความต้องการของผู้บริโภค เพิ่มรายได้ให้กับเกษตรกรอย่างยั่งยืน

พบกับเซ็นทรัล ทำ พาวิลเลียนภายใต้คอนเซ็ปต์ “ข้าวดี ชีวิตดี” ภายในบริเวณงาน Thailand Rice Fest 2023” จัดขึ้นระหว่างวันที่ 14-17 ธันวาคม 2566 ณ ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิตติ์ ชั้น LG ฮออล์ 6 และพร้อมจำหน่ายข้าวทั้ง 11 สายพันธุ์พื้นเมืองที่ร้าน Good Goods สาขาเซ็นทรัลเวิลด์หรือทาง www.centraltham.com/rice-fest

พิชัย จิราธิวัฒน์ กรรมการบริหาร กลุ่มเซ็นทรัล กล่าวว่า

“ข้าว มีประโยชน์ต่อสุขภาพ ข้าวบางชนิดมีคุณประโยชน์ในการรักษาและป้องกันโรค ถือว่าเป็นสินค้าเกษตรอันดับ 1 ของไทย และมีการส่งออกเป็นอันดับต้นๆ ของประเทศ สามารถสร้างรายได้ให้กับคนไทย รวมทั้งสร้างความยั่งยืนให้ประเทศ และยังมีคุณค่าในตัวเอง อีกทั้งยังเป็นความร่วมมือร่วมใจ ร่วมกันลงมือทำในการเก็บเกี่ยวข้าว ซึ่งนับว่าเป็นประเพณีที่สืบทอดกันมาอย่างยาวนาน โดยโครงการ “เซ็นทรัล ทำ” ได้ลงไปมีส่วนร่วมในการฟื้นฟูสายพันธุ์ข้าวพื้นบ้านและสอนให้เกษตรกรหันมาปลูกข้าวเชิงคุณภาพ เพื่อให้ได้คุณภาพของข้าวที่ดี โดยในครั้งนี้ “เซ็นทรัล ทำ” ได้นำสายพันธุ์ข้าวกว่า 11 สายพันธุ์ มาจาก 9 ชุมชน7 จังหวัด ทั่วประเทศ ซึ่งมีเอกลักษณ์ด้านรสชาติและคุณลักษณะที่แตกต่างกัน ที่เซ็นทรัล ทำ พาวิลเลียนภายใต้คอนเซ็ปต์ “ข้าวดี ชีวิตดี” ภายในบริเวณงาน “Thailand Rice Fest 2023” ณ ฮออล์ 6 ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิตติ์”

โดยภายในงาน “เซ็นทรัล ทำ” พาวิลเลียนแบ่งออกเป็น 5 โซน ดังนี้

  • โซนที่ 1 ขายข้าวดี : เป็นข้าว 11 สายพันธุ์ ที่ดีที่สุดของประเทศ จาก 7 จังหวัด 9 ชุมชน  ไม่ว่าจะเป็นข้าวไร่ดอกข่า วิสาหกิจชุมชนกลุ่มผู้ปลูกข้าวไร่ดอกข่า ตำบลตากแดด จังหวัดพังงา, ข้าวเบายอดม่วง กะช่องฮิลล์/นาหมื่นศรี จังหวัดตรัง, ข้าวผกาอำปึลข้าวเนียงกวงข้าวหอมมะลิสุรินทร์ จากวิสาหกิจชุมชนเกษตรกรทฤษฎีใหม่คอโค จังหวัดสุรินทร์, ข้าวหอมมะลิแดง สหกรณ์เกษตรพืชผักอินทรีย์หนองสนิท จังหวัดสุรินทร์, ข้าวเหนียวสันป่าตอง สหกรณ์การเกษตรแม่ทา จำกัด จังหวัดเชียงใหม่, ข้าวเหนียวเขี้ยวงูจากวิสาหกิจชุมชนไร่กลิ่นโคนสาปควาย จังหวัดเชียงราย, ข้าวกล้องดอยพื้นเมือง (บือโปะโละ บือพะโคะ บือพะทือ) วิสาหกิจชุมชนเกษตรแปรรูปภูแจ่มใสและผ้าทอมือบ้านแม่ลานคำ จังหวัดเชียงใหม่, ข้าวเหนียวดำลืมผัว วิสาหกิจชุมชนข้าวเหนียวดำพันธุ์ลืมผัว จังหวัดตาก และข้าวสังข์หยด วิสาหกิจชุมชนท่าช้างฟื้นฟูเศรษฐกิจพอเพียงจังหวัดพัทลุงและของแห้งทานคู่ข้าว
  • โซนที่ 2 ทำของดี : เป็นกิจกรรม workshop ปั้นโอนิกิริจากข้าวไทย และทำเทียนหอมจากไขถั่วเหลือง (Soy wax) กลิ่นข้าวหอมมะลิ

  • โซนที่ 3 กินอร่อยดี : โอมากาเสะข้าวไทย โดยได้เชฟเทพ, เชฟแบล็ค และเชฟจากร้าน Spaghetti Factoryมารังสรรค์เมนูที่ทำจากข้าว 11 สายพันธุ์พื้นบ้านไทย ทำให้การกินข้าวโอมากาเสะจะไม่ธรรมดาอีกต่อไป
  • โซนที่ 4 เรื่องราวดีดี :กิจกรรมการเสวนาเกี่ยวกับข้าว “ทำทุกคำให้ดี” ต้องทำทันที “เริ่มจากข้าวบนต้น สู่ข้าวบนจาน” โดยได้รับเกียรติจากเกษตรกรผู้ปลูกข้าวตัวจริงที่จะมาบอกเล่าประสบการณ์จากการลงมือทำจริง เพื่อพัฒนาให้ข้าวทุกคำเป็น “คำที่ดี” จากความหลงใหลสู่เรื่องราวข้าวกับชีวิต และพบกับนิทรรศการบอกเล่าเรื่องราวสายพันธุ์ข้าวและชุมชนผู้ปลูกข้าวที่สนับสนุนโดย เซ็นทรัล ทำ

  • โซนที่ 5 ช้อปสินค้าดี:โซนสุดท้ายที่ยกร้าน Good Goods มาไว้ในงาน โดยมีทั้ง cafe และโซนสินค้าชุมชน ที่ได้นำผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับข้าว และผลิตภัณฑ์ขึ้นชื่อของแต่ละชุมชนมาจำหน่ายอาทิ กระเป๋าสานไม้ไผ่จากกลุ่มจักรสานไม้ไผ่หวาย อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่, สบู่ข้าวก่ำ (Black Sticky Rice Soap), สบู่ข้าวหอมมะลิ (Jasmine Rice Soap), สบู่ข้าวมันปู (Red Cargo Rice Soap), ข้าวจากภัทรพัฒน์ มูลนิธิชัยพัฒนา ข้าวหอมะลิจันกะผัก และข้าวหอมปทุมธานี/ข้าวกล้องปทุมธานี พร้อมเปิดตัว น้ำหอมข้าว ที่ใช้ข้าวหอมมะลิเป็นวัตถุดิบหลัก เป็นกลิ่นที่ทำให้นึกถึงน้ำค้างยามเช้าในนาข้าว

นอกจากนี้ภายในงานยังมีบริการห่อของขวัญในรูปแบบสไตล์ญี่ปุ่น ฟุโรชิกิด้วยผ้าพิมพ์ลายที่ทำขึ้นเป็นพิเศษเฉพาะในงานทั้งหมด 3 ลาย 1. วิถีข้าว เรื่องเล่าจากชาวนา 2.กิน กับ ข้าวและ 3.ผืนดิน ถิ่นเดิมซึ่งทั้ง 3 ลายได้แรงบันดาลใจมาจาก นาข้าว วัฒนธรรมการปลูกข้าว และการกินอยู่สามารถนำไปมอบเป็นของขวัญเนื่องในโอกาสพิเศษ โดยเงื่อนไขเป็นไปตามข้อกำหนด และยังมีส่วนลดพิเศษอีกมากมาย

ทั้งนี้ สามารถรับคูปองแทนเงินสดในวันงาน มูลค่า 100 บาท ณ จุดลงทะเบียนตรงทางเข้า ฮออล์ 2 ตั้งแต่ 10 โมงหรือจนกว่าคูปองจะหมดและซื้อสินค้าภายในบูธ CMG Hall 8 (ขั้นต่ำ 500 บาท) จะได้รับคูปองแทนเงินสด 100 บาท เพื่อใช้จ่ายภายใน เซ็นทรัล ทำ พาวิลเลียน ระหว่างวันที่ 14-17 ธันวาคม 2566

มาสัมผัสข้าวหลากสายพันธุ์ที่ เซ็นทรัล ทำ พาวิลเลียนภายในงาน Thailand Rice Fest 2023 ณ ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิตติ์ ชั้น LGฮออล์ 6 ประตูเปิดเวลา10.00-20.00 น.ตั้งแต่วันนี้-17 ธันวาคม 2566

]]>
1455768
เคราะห์ซ้ำ! ‘จีน’ ผู้ผลิตข้าวรายใหญ่สุดของโลกเจอ ‘อุทกภัย’ อาจทำ “ราคาข้าว” ทั่วโลกพุ่งอีก https://positioningmag.com/1440916 Mon, 14 Aug 2023 05:18:31 +0000 https://positioningmag.com/?p=1440916 ราคาข้าวทั่วโลกกำลังเผชิญความท้าทายตั้งแต่ที่ ‘อินเดีย’ ประกาศยกเลิกการส่งออก ‘ข้าวขาว’ เพื่อกันไว้ให้กับประชาชนอินเดียบริโภค ท่ามกลางปัญหาการเพิ่มขึ้นของราคาข้าวของตลาดภายในประเทศ ล่าสุด ‘จีน’ ที่ถือเป็นผู้ผลิตข้าวอันดับ 1 กำลังเผชิญกับ อุทกภัย ที่อาจทำให้ ราคาข้าวทั่วโลกยิ่งพุ่งสูงอีก

จีน กำลังเจอกับ ไต้ฝุ่น Doksuri ซึ่งถือเป็นหนึ่งในพายุที่เลวร้ายที่สุดที่พัดถล่มทางตอนเหนือของจีนในรอบหลายปี โดยเมืองหลวงปักกิ่งได้รับผลกระทบจากปริมาณน้ำฝนที่หนักที่สุดในรอบ 140 ปี นอกจากทางตอนเหนือแล้ว ในภูมิภาคตะวันออกเฉียงเหนือซึ่งเป็นพื้นที่ผลิตธัญพืชของจีน โดยเฉพาะใน 3 มณฑล ได้แก่ มองโกเลียใน จี๋หลิน และเฮยหลงเจียง ซึ่งคิดเป็น 23% ของผลผลิตข้าวของประเทศจีน ก็ได้รับผลกระทบเรื่องน้ำท่วมด้วย

ด้วยปัญหาด้านอุทกภัยดังกล่าว ทำให้มีผลผลิตข้าวของจีนมีแนวโน้มที่จะ เสียหาย ทำให้ผลผลิตมีอัตราลดลง ทำให้จีนอาจจะต้องหาทางนำเข้าเพิ่มขึ้น ซึ่งจะยิ่งสร้างแรงกดดันต่อราคาข้าวโลกที่สูงอยู่แล้ว 

“สิ่งนี้จะทําให้ราคาธัญพืชในประเทศของจีนสูงขึ้นและมีแนวโน้มว่าจะผลักดันการนําเข้าที่สูงขึ้นในครึ่งปีหลังเพื่อชดเชยการสูญเสียผลผลิตที่อาจเกิดขึ้น เพราะจีนต้องนําเข้าข้าวมากขึ้นหากการเก็บเกี่ยวของตัวเองล้มเหลว” Fitch Ratings ระบุ

ปัจจุบัน ราคาข้าวทั่วโลกพุ่งขึ้นสู่ระดับสูงสุดในรอบเกือบ 12 ปี ตามดัชนีราคาข้าวทั้งหมดขององค์การอาหารและการเกษตร โดยตลาดกําลังประเมินราคาข้าวที่สูงขึ้นล่วงหน้า หลังจากที่ อินเดีย ประเทศผู้ส่งออกข้าวที่คิดเป็นสัดส่วนกว่า 40% ของโลก สั่งห้ามการส่งออกข้าวขาว เมื่อเดือนที่แล้ว และ ไทย เรียกร้องให้เกษตรกร ปลูกข้าวน้อยลง เพื่อประหยัดน้ำอันเป็นผลมาจากปริมาณน้ำฝนที่ต่ำ

Source

]]>
1440916
จับตา ‘ราคาข้าว’ ทั่วโลก หลัง ‘อินเดีย’ สั่งห้ามส่งออก https://positioningmag.com/1438532 Fri, 21 Jul 2023 06:35:54 +0000 https://positioningmag.com/?p=1438532 หลายคนอาจไม่รู้ว่า อินเดีย ถือเป็นผู้ส่งออกข้าวรายใหญ่ โดยคิดเป็นกว่า 40% ของการค้าข้าวทั่วโลก โดยล่าสุด อินเดียได้สั่ง ห้ามส่งออกข้าวขาว เนื่องจากรัฐบาลต้องการที่จะควบคุมไม่ให้ราคาข้าวในประเทศพุ่งสูงเกินไป แต่แน่นอนว่ามาตรการดังกล่าวจะส่งผลกระทบไปทั่วโลก

อินเดีย ห้ามส่งออกข้าวขาว ที่ไม่ใช่ข้าวบาสมาติ โดยมีผลทันทีตั้งแต่วันที่ 21 กรกฎาคมที่ผ่านมา เนื่องจากกระทรวงกิจการผู้บริโภค ต้องการจะรับประกันว่า อินเดียจะมีข้าวขาวเพียงพอ ให้กับประชาชน รวมถึงเป็นการบรรเทาการเพิ่มขึ้นของราคาข้าวในตลาดภายในประเทศ

นักวิเคราะห์ มองว่า คำสั่งห้ามอาจส่งผลให้ ราคาข้าวสูงขึ้นไปอีก เหมือนกับที่อินเดียเคยสั่งห้ามส่งออกข้าวในเดือนกันยายน 2022 ที่ผ่านมา โดยในปัจจุบันอินเดียถือเป็นผู้ส่งออกข้าวชั้นนำของโลกซึ่งคิดเป็นสัดส่วนมากกว่า 40% ของการค้าข้าวทั่วโลก และเป็นผู้ผลิตรายใหญ่อันดับสองรองจากจีน

“ความต้องการข้าวทั่วโลกจะตึงตัวอย่างมาก เนื่องจากประเทศอินเดียเป็นผู้ผลิตอาหารหลักอันดับสองของโลก นอกเหนือจากการลดลงของอุปทานข้าวทั่วโลกแล้ว ปฏิกิริยาตื่นตระหนกและการเก็งกำไรในตลาดข้าวทั่วโลกจะทำให้ราคาข้าวสูงขึ้น” อีฟ แบร์ นักเศรษฐศาสตร์อาเซียนจากบริษัทประกันสินเชื่อการค้า Coface กล่าว

สำหรับประเทศที่จะได้รับผลกระทบมากที่สุด คือ บังกลาเทศและเนปาล เนื่องจากทั้งสองประเทศเป็นจุดหมายปลายทางการส่งออกอันดับต้น ๆ ของอินเดีย นอกจากนี้ การห้ามส่งออกข้าวครั้งนี้จะยิ่งทำให้ความต้องการด้านอาหาร ทวีความไม่มั่นคง เพราะหลายประเทศบริโภคข้าวเป็นอาหารหลัก

“จุดหมายปลายทางยอดนิยมสำหรับข้าวอินเดีย ได้แก่ บังกลาเทศ จีน เบนิน เนปาล รวมไปถึงประเทศในแอฟริกา”

อย่างไรก็ตาม จากการระงับการส่งออกข้าวของอินเดีย ประเทศไทย และ เวียดนาม อาจเป็นหนึ่งในตัวเลือกใหม่ของผู้นำเข้าที่ได้รับผลกระทบ ซึ่งอาจหันไปหาซัพพลายเออร์ทางเลือกอื่นในภูมิภาคแทนอินเดีย ทั้งนี้ จากข้อมูลของกระทรวงกิจการผู้บริโภค ข้าวขาวที่ไม่ใช่ข้าวบาสมาติคิดเป็นประมาณ 25% ของการส่งออกข้าวของอินเดีย

ในสัปดาห์นี้ ราคาข้าวที่ส่งออกจากเวียดนาม ซึ่งเป็นผู้ส่งออกรายใหญ่อันดับ 3 ของโลก รองจากอินเดียและไทย พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบกว่าทศวรรษ โดยข้าวหัก 5% ของเวียดนามเสนอขายอยู่ที่ 515-525 เหรียญสหรัฐ (ราว 17,510-17,850 บาท) ต่อตัน ซึ่งสูงที่สุดนับตั้งแต่ปี 2011 ข้าวนึ่งหัก 5% ของอินเดียอยู่ใกล้จุดสูงสุดในรอบ 5 ปีที่อยู่ที่ 421-428 เหรียญสหรัฐ (ราว 14,314-14,552 บาท) ต่อตัน

ปัจจุบัน ประเทศในเอเชียใต้กำลังต่อสู้กับราคาผักผลไม้และธัญพืชที่สูง ราคามะเขือเทศในอินเดียพุ่งขึ้นมากกว่า 300% ในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา เนื่องจากสภาพอากาศไม่เอื้ออำนวย การสำรวจของรอยเตอร์คาดการณ์ว่าอัตราเงินเฟ้อของประเทศน่าจะแตะ 4.58% เมื่อเทียบเป็นรายปีจากราคาอาหารที่พุ่งสูงขึ้น

Source

]]>
1438532
ส่องเทรนด์ ‘ทีวี’ ยุคดิจิทัล ชี้คนไทยใช้ Smart TV เพิ่ม 147% รายการ ‘ข่าว’ มาแรงเทียบชั้น ‘ละคร’ https://positioningmag.com/1388186 Wed, 08 Jun 2022 09:56:23 +0000 https://positioningmag.com/?p=1388186 แม้ปัจจุบันจำนวนผู้ใช้ดิจิทัลจะมีเพิ่มขึ้นในทุก ๆ ปี แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าทีวียังเป็นช่องทางที่เข้าถึงคนไทยได้มากที่สุด ซึ่ง 95% ของครัวเรือนไทยที่สามารถเข้าถึงทีวีได้ แต่ผู้ใช้ส่วนหนึ่งได้เปลี่ยนจากการดูผ่านเครื่องเล่นทีวีแบบดั้งเดิมมาเป็นช่องทางดิจิทัล ซึ่งอาจไม่ได้รับชมแค่ช่องทีวีปกติอีกต่อไป

การสำรวจของ นีลเส็น พบว่า การรับชมทีวีผ่าน Smart TV ของคนไทยเติบโตขึ้นถึง 147% เมื่อเทียบกับปี 2019 หรือช่วงก่อนเกิดการระบาดของ COVID-19 และกว่า 45% ดูทีวีผ่าน โทรศัพท์มือถือ ซึ่งโตถึง 83% แสดงให้เห็นว่าเมื่อเทรนด์ของผู้ชมเริ่มไปทางฝั่งออนไลน์มากขึ้น ทีวีเริ่มมีการปรับตัว

โดยทีวีหลายสำนักมีการทำเนื้อหาในรูปแบบออนไลน์ สร้างแพลตฟอร์มของตัวเองเพื่อดึงผู้ชม ทำให้ตลาดสตรีมมิ่งปัจจุบันจึงมีความสนุกและเข้มข้นมาก ผู้ชมมีตัวเลือกเยอะมากขึ้น จากผลสำรวจเมื่อปี 2019 ถึงจำนวนผู้ใช้งานแพลตฟอร์มสตรีมมิ่ง หรือ OTT (Over the top) พบว่ามีประมาณ 29% ของคนไทยทั้งประเทศที่ใช้งาน แต่จากข้อมูลล่าสุดได้ทำการสำรวจช่วงไตรมาสแรกของปีนี้ พบว่าเพิ่มขึ้นเป็น 59%

จากจำนวนผู้ใช้ในตลาดสตรีมมิ่งที่โตแบบก้าวกระโดด ผู้ชมจำนวนมากยินดีที่จะจ่ายเงินเพื่อติดตามเนื้อหา ถึงแม้ว่าปัจจุบันมีจำนวนแพลตฟอร์มจำนวนมาก โดยการสำรวจของนีลเส็นสหรัฐฯ พบว่าปัจจุบัน คนส่วนใหญ่จ่ายเงินเพื่อติดตามเนื้อหาสตรีมมิ่ง 2-3 แพลตฟอร์มต่อคน

รายการ ข่าว มาแรง

นอกจากเทรนด์ของรับชมทีวีเปลี่ยนไป เนื้อหาที่คนไทยรับชมผ่านทีวีก็เปลี่ยนไปเช่นกัน ในปี 2019 เนื้อหาที่คนไทยดูผ่านทีวีมากที่สุด คือ ละคร ซีรีส์ (54%) แต่ข้อมูลในปีล่าสุดพบว่า เนื้อหาที่คนไทยดูมากที่สุดตอนนี้คือ รายการข่าว (52%) คนไทยหันมาสนใจข่าวมากขึ้น โดยสาเหตุหนึ่งคาดว่ามาจากสถานการณ์โควิดมีส่วนทำให้พฤติกรรมเปลี่ยน โดยช่วงเริ่มแรกคนติดตามข่าวการรายงานรายวันและสถานการณ์รอบโลก และปัจจุบันรายการข่าวหลายรายการมีการถ่ายทอดสดผ่านช่องทางออนไลน์ ซึ่งเอื้ออำนวยให้ผู้ชมเข้าถึงได้ง่ายขึ้น

เรื่องเล่าเช้านี้

ยกระดับการวัดเรตติ้ง

ความท้าทายในปัจจุบันคือ ประเทศไทยผู้ชมจำนวนมากที่ยังนิยมดูรายการทีวีอยู่ แต่ผู้ชมเหล่านั้นกระจัดกระจายไปตามช่องทางต่าง ๆ ทั้งคนที่ดูผ่านจอทีวีและจอออนไลน์ ซึ่งผู้ชมในแต่ละแพลตฟอร์มมีพฤติกรรมการชมที่แตกต่างกันไป เพื่อความเข้าใจผู้ชมมากขึ้นและเพื่อที่จะได้สะท้อนภาพของผู้ชมที่แท้จริงว่าเป็นอย่างไร อุตสาหกรรมจำเป็นต้องมีระบบการวัดเรตติ้งที่สามารถวัดรวมทั้งทางทีวีและทางดิจิทัลไปพร้อมกัน เพื่อให้ผู้ประกอบการนำไปพัฒนารูปแบบรายการ และมีเดียเอเจนซี สามารถนำข้อมูลไปใช้ประโยชน์วางแผนในการซื้อสื่อโฆษณาได้อย่างมีประสิทธิภาพ

นีลเส็น ประเทศไทย กำลังพัฒนา การวัดเรตติ้งข้ามแพลตฟอร์ม (Cross Platform) ซึ่งเป็นโครงการร่วมกับ สมาคมโทรทัศน์ระบบดิจิตอลประเทศไทย และ สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช). โดยนีลเส็น ได้ดำเนินการตามแผนงานโดยมีการติดตั้งและปรับปรุงระบบและอุปกรณ์ เพื่อรองรับการวัดการรับชมผ่านออนไลน์เรียบร้อยแล้ว และกำลังอยู่ในขั้นตอนการเก็บผลสำรวจและทดสอบระบบ ซึ่งจะได้รายงานผลสำรวจความนิยมของรายการโทรทัศน์แบบข้ามแพลทฟอร์มชุดแรกในช่วง ไตรมาส 3 ของปี

สำหรับการสำรวจความนิยมรายการโทรทัศน์แบบข้ามแพลตฟอร์มนี้ เป็นเทคโนโลยีระบบการวิจัยล่าสุดที่นีลเส็นได้พัฒนาและเริ่มใช้แล้วในประเทศสหรัฐอเมริกา และประเทศอื่น ๆ ทั่วโลก โดยประเทศไทยจะเป็นประเทศแรกในอาเซียน

“พฤติกรรมของผู้ชมกำลังเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ตอนนี้เป็นเวลาที่เหมาะสมในการนำการวัดเรตติ้งข้ามแพลตฟอร์มที่มีประสิทธิภาพมาสู่ประเทศไทย มาตรวัดนี้จะเป็นค่ามาตรฐานที่ช่วยให้นักการตลาดและเจ้าของสื่อเข้าใจในพฤติกรรมของคนไทย อีกทั้งยังช่วยสร้างสรรค์โอกาสใหม่ให้กับผู้ลงโฆษณา และผลักดันการผลิตเนื้อหาที่มีความสอดคล้องกับกลุ่มผู้ชมมากยิ่งขึ้น” อารอน ริกบี้ กรรมการผู้จัดการ นีลเส็นประเทศไทย กล่าว

]]>
1388186
Microsoft ปลดพนักงานสายข่าว MSN บางส่วน นำ AI มาทำหน้าที่จัดการคอนเทนต์เเทน https://positioningmag.com/1281551 Mon, 01 Jun 2020 11:20:01 +0000 https://positioningmag.com/?p=1281551 เมื่อการพัฒนาเทคโนโลยีก้าวหน้า ปัญญาประดิษฐ์หรือ AI ( Artificial Intelligence) เข้ามามีบทบาทในการทำงานของมนุษย์มากขึ้นเรื่อยๆ ล่าสุดบริษัทเทคฯ ยักษ์ใหญ่ของโลกอย่าง Microsoft เตรียมปลดพนักงานในกองบรรณาธิการข่าว Microsoft News และ MSN โดยจะนำ AI เข้ามาทำงานหน้าที่เเทน

รายงานจาก Business Insider ระบุว่า Microsoft จะปลดพนักงานสัญญาจ้าง 50 คนในสหรัฐฯ ขณะเดียวกันสื่ออังกฤษอย่าง The Guardian รายงานว่ายังมีอีก 27 คนที่จะถูกเลิกจ้างในสหราชอาณาจักร ซึ่งกำลังจะหมดสัญญาในวันที่ 30 มิ.ย.นี้ ส่วนพนักงานประจำของ Microsoft จะยังคงได้ทำงานต่อไป

หลังจากนั้น Microsoft จะนำระบบ AI เข้ามาทำงานเเทนพนักงานเหล่านี้ ซึ่งมีหน้าที่คัดเลือกข่าวสาร เรียบเรียงเนื้อหาเเละปรับพาดหัวข่าวใหม่ เพิ่มรูปภาพหรือสไลด์ประกอบข่าวให้ดึงดูดผู้อ่านมากขึ้น บนเว็บไซต์ MSN.com หน้าแรกของเบราว์เซอร์ Microsoft Edge เเละแอปพลิเคชัน Microsoft News 

The Verge รายงานว่า ในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา Microsoft ได้เริ่มให้ AI เข้ามาคัดเลือกคอนเทนต์ต่างๆ รวมถึงให้แนะนำว่าควรเลือกใช้ภาพประกอบแบบไหน ส่วนทีมบรรณาธิการที่เป็นมนุษย์นั้น บริษัทจะให้ทำหน้าที่ดูเเลเนื้อหาในส่วน Top Stories เเละจัดการข่าวที่ซับซ้อน

เมื่อข่าวนี้เผยเเพร่ออกไป Microsoft ชี้เเจงในเเถลงการณ์ระบุว่า การเลิกจ้างดังกล่าวไม่ได้เป็นผลกระทบจากการเเพร่ระบาดของ COVID-19 เเต่อย่างใด เพราะสิ่งที่บริษัททำก็เหมือนบริษัทอื่น ที่มีการประเมินธุรกิจอยู่เป็นประจำ ซึ่งบางครั้งอาจจะเป็นการเปลี่ยนไปลงทุนในบางจุดหรืออาจเกิดการจ้างงานเพิ่มในธุรกิจอื่น

Microsoft อยู่ในธุรกิจข่าวมานานกว่า 25 ปี หลังเปิดตัว MSN มาตั้งแต่ปี 1995 เเละเปิดตัว Microsoft News ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา พร้อมทีมบรรณาธิการกว่า 800 คนจากสำนักงาน 50 แห่งทั่วโลก

อย่างไรก็ตาม เเม้ Microsoft จะบอกว่าการปลดพนักงานครั้งนี้ ไม่เกี่ยวข้องโดยตรงกับการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา แต่ธุรกิจสื่อทั่วโลกกำลังได้รับผลกระทบอย่างหนักจากรายได้โฆษณาที่ลดลง ทั้งสื่อโทรทัศน์ หนังสือพิมพ์ และสื่อออนไลน์

แนวคิดการใช้ AI มาทำงานในวงการสื่อไม่ใช่เรื่องใหม่นัก แม้จะยังมีข้อกังวลเรื่องการเลือกสรรเนื้อหาที่เหมาะสมเเต่ก็มีความจำเป็นที่ต้องทดลองเพื่อนำมาใช้จริงในอนาคต ก่อนหน้านี้บริษัทเทคโนโลยีหลายเจ้ากำลังทดสอบการทำงานด้านนี้ รวมถึง Google ขณะเดียวกันสำนักข่าวใหญ่ๆ ของโลกอย่าง The Washington Post, AP, BBC, Reuters, Bloomberg เเละ NHK ก็เริ่มนำปัญญาประดิษฐ์มาช่วยงานข่าวและสร้างบริการใหม่ให้กับธุรกิจสื่อ

 

ที่มา : Businessinsider , theverge

 

]]>
1281551
นักธุรกิจ-ผู้บริจาคในเวียดนามตั้ง “ตู้ ATM แจกข้าว” ช่วยคนตกงานจากผลกระทบ COVID-19 https://positioningmag.com/1273500 Wed, 15 Apr 2020 05:37:57 +0000 https://positioningmag.com/?p=1273500 เวียดนามทยอยติดตั้ง “ตู้ ATM แจกข้าว” จากการบริจาคของนักธุรกิจและผู้มีจิตศรัทธา โดยติดตั้งไปแล้วในเมืองฮานอยและเว้ ให้ประชาชนที่เดือดร้อนจากไวรัส COVID-19 สามารถมารับข้าวสารฟรีได้คนละ 2 กิโลกรัม

เวียดนามเป็นหนึ่งในประเทศที่มีผู้ติดเชื้อและผู้เสียชีวิตจากไวรัส COVID-19 น้อยมาก โดยขณะนี้มีผู้ติดเชื้อเพียง 265 ราย และยังไม่มีรายงานผู้เสียชีวิต อย่างไรก็ตาม เวียดนามสามารถควบคุมการระบาดได้เนื่องจากรัฐบาลเร่งปิดทำการกิจการขนาดเล็กจำนวนมาก และส่งเสริมการเว้นระยะห่างทางสังคม ซึ่งทำให้คนหลายพันคนต้องตกงาน

จากเหตุการณ์นี้ทำให้นักธุรกิจและผู้มีจิตศรัทธาร่วมบริจาคเพื่อติดตั้งตู้ ATM แจกข้าวสารฟรีในหลายเมืองของเวียดนาม เริ่มจากเมือง ฮานอย ที่เปิดแท็งก์แจกข้าวสารฟรีตั้งแต่เวลา 8.00 – 17.00 น. ของทุกวัน โดยมีกฎเพียงว่าผู้รับบริจาคต้องยืนเข้าคิวห่างกัน 2 เมตรและล้างมือก่อนรับข้าวสาร ปรากฏว่าแค่เพียงวันแรกมีประชาชนขอรับบริจาคข้าวสาร 700 คน แจกข้าวไป 2.3 ตันในวันเดียว

โมเดลเดียวกันนี้กลายเป็นแรงบันดาลใจให้กับนักธุรกิจในเมืองอื่นด้วย เช่น เมืองเว้ ทางตอนกลางของเวียดนาม เริ่มมีแท็งก์แจกข้าวสารฟรีจากผู้ร่วมบริจาคในเมือง ขณะที่สมาคมผู้ประกอบการหนุ่มสาวแห่งเมืองดานัง ร่วมรณรงค์รับบริจาคข้าวสารมาได้ 40 ตัน และจะติดตั้งแท็งก์แจกข้าวสารฟรี 2 แห่งในเมืองดานัง

เลยไปถึง โฮจิมินห์ เมืองหลวงที่ตั้งอยู่ทางใต้ของประเทศ นักธุรกิจรายหนึ่งระดมรับบริจาคข้าวได้ 10 ตันเพื่อแจกผ่านแท็งก์แจกข้าวสารและจะเปิด 24 ชั่วโมง

แท็งก์ ATM แจกข้าวสารนี้จะเปิดบริการจนถึง 30 เมษายน 63 หรือจนกว่าข้าวสารบริจาคจะหมด ทั้งนี้ ยังไม่มีรายงานวิธีการป้องกันไม่ให้บุคคลเดิมรับข้าวสารบริจาคซ้ำ แต่ก่อนเข้าคิวจะต้องลงทะเบียนตัวตนกับพนักงานก่อน

Source: CNN, Hanoi Times

]]>
1273500