คอนเทนต์ละคร – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Fri, 10 May 2019 03:43:29 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 ฉีกกรอบธุรกิจอาหาร เล่าเรื่องแบรนด์แบบเนียนๆ ผ่านคอนเทนต์ละคร ดึงคุณแม่ยุคใหม่เคาะกระทะ https://positioningmag.com/1229045 Thu, 09 May 2019 11:55:29 +0000 https://positioningmag.com/?p=1229045 เมื่อพูดถึง “ธุรกิจอาหาร” กลยุทธ์สื่อสารการตลาดแบบเดิมๆ ก็มักเป็นการโฆษณาคั่นรายการ Tie-in สินค้า และการใช้ Product Placement แต่ในมุมนี้ผู้บริโภคอาจรู้สึกถูกยัดเยียดและปิดกั้นการเข้าถึง เมื่อโจทย์ใหญ่ที่ผู้บริโภคเลือกเสพคือ “คอนเทนต์” ไอเดียจึงต้องฉีกกรอบมุ่งสู่ Creative Content Marketing เล่าเรื่องแบรนด์ (Storytelling) แบบเนียนๆ ไปกับคอนเทนต์ดัง

สำหรับธุรกิจอาหาร โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์เครื่องปรุงรส ส่วนประกอบหลักของการปรุงมื้ออาหาร มักจะมาจากฝีมือ “คุณแม่” ที่มีแรงบันดาลใจในการทำอาหารเพื่อคนในครอบครัว แต่ด้วยไลฟ์สไตล์ “คุณแม่ยุคใหม่” มีวิถีการใช้ชีวิตและวิธีการเสพสื่อเปลี่ยนไป กลยุทธ์สื่อสารและการทำตลาดจึงต้องแตกต่างจากไปจากรูปแบบเดิมๆ

เปิดไอเดีย Co-creation ฉีกกรอบซอส “แม็กกี้”

เครือวัลย์ วรุณไพจิตร

เครือวัลย์ วรุณไพจิตร ผู้อำนวยการบริหารธุรกิจผลิตภัณฑ์อาหาร บริษัทเนสท์เล่ (ไทย) จำกัด กล่าวว่า สำหรับสินค้าเครื่องปรุงรส “แม็กกี้” (Maggi) ที่อยู่ในไทยมากว่า 68 ปี ช่วง 2 ปีที่ผ่านมาแบรนด์ได้ย้ำคอนเซ็ปต์ “ปรุงทุกวันให้แตกต่าง” เพื่อสร้างแรงบันดาลใจในการทำอาหาร “เมนู” ใหม่ๆ หรือกระทั่งเมนูฮิตแบบไม่จำเจกับการปรุงเดิมๆ หวังกระตุ้นให้ผู้บริโภคทำอาหารในครัว รับประทานเองกันมากขึ้น เพื่อเพิ่มอัตราการใช้สินค้า

จากการสำรวจพฤติกรรมผู้บริโภคพบว่า โจทย์ใหญ่ของการทำอาหารที่บ้านคือ “ไม่มีเวลา” แต่ส่วนใหญ่จะปรุงอาหาร “มื้อเย็น” เองในวันธรรมดา หลังกลับจากที่ทำงาน และหากเป็นวันเสาร์-อาทิตย์ จำนวนจะเพิ่มเป็น 2 มื้อ คือ “กลางวันและเย็น” ที่จะเป็นมื้อพิเศษกว่าวันธรรมดาด้วยเป็นวันหยุด

แต่ก็ยังมีปัญหาอีกว่า “คุณแม่ยุคใหม่” หรือคนรุ่นใหม่ ที่ต้องการเข้าครัวที่บ้าน “ทำอาหารไม่เป็น” คนกลุ่มนี้จะใช้วิธีค้นหาวิธีทำอาหารจากสื่อออนไลน์เป็นหลัก

ด้วยพฤติกรรมดังกล่าว “แม็กกี้” จึงต้องการปรับวิธีการสื่อสารการทำตลาดตามคอนเซ็ปต์ “แตกต่าง” ของแบรนด์ เพื่อเข้าถึงคุณแม่ยุคใหม่ ด้วยโจทย์นี้จึงได้หารือการทำคอนเทนต์ร่วมกับทีวีดิจิทัล “ช่องวัน 31” ที่มีฐานผู้ชมตรงกับกลุ่มเป้าหมายของแบรนด์และเกิดเป็นโปรเจกต์ละคร “อรุณา 2019” ภาคต่อของละครฮิตแห่งปี “เมีย 2018” ของช่องวัน ในปีที่ผ่านมา

“อรุณา 2019” เป็นการทำงานของ “แม็กกี้” และช่องวัน ด้วยรูปแบบคอนเทนต์ Co-creation ที่ยังเป็นรูปแบบละครปกติ แต่เป็นตอนพิเศษ มีนางเอก-พระเอกเดินเรื่อง ออกอากาศทางช่องวัน ทุกวันอาทิตย์  เวลา 22.00 น.จำนวน 6 ตอน หรือ 6 สัปดาห์ ตอนละ 1 ชั่วโมง เริ่มวันอาทิตย์ 12 พ.ค.นี้

ละครเดินเรื่องผ่านมุมมองของคุณแม่ 3 รูปแบบ คือ “อรุณา” โดย บี น้ำทิพย์  คุณแม่ซิงเกิล มัม, “ธารี” โดย ตุ๊ก ชนกวนันท์ คุณแม่ป้ายแดง และ “ทนายวิภา” โดย ออร์แกน ราศี คุณแม่ เวิร์กกิ้ง วูแมน สอดแทรกการส่งเสริมให้คนทำอาหารรับประทานกันเองที่บ้าน ซึ่ง “อรุณา” นางเอก จะทำหน้าที่เป็นผู้ดำเนินรายการสอนทำอาหาร

ชู Creative Content Marketing ครั้งแรก  

รูปแบบการสื่อสารของแบรนด์ “แม็กกี้” ในละคร “อรุณา 2019” เป็นการผูกเนื้อหาไปกับคอนเทนต์ละครด้วยกลยุทธ์ Creative Content Marketing ที่ต้องถือเป็นครั้งแรกของ “แม็กกี้” และธุรกิจอาหารผ่านการตลาดบันเทิง ก็ต้องบอกว่างบประมาณที่ใช้กับรูปแบบคอนเทนต์ Co-creation มากกว่าการซื้อสปอตโฆษณาแน่นอน

แต่ “อรุณา 2019” เป็นละคร 6 ตอนภาคพิเศษของช่องวัน ดังนั้นจึงยังมีโฆษณาของสินค้าอื่นๆ ปกติ ยกเว้นเพียงกลุ่มซอส ที่แบรนด์แม็กกี้เป็นสปอนเซอร์หลัก

สิ่งที่ “แม็กกี้” จะอยู่ในละครอรุณา 2019 ผ่านคอนเทนต์ Co-creation คือ  การเป็นหนึ่งในผลิตภัณฑ์ประกอบฉากการปรุงอาหารกับสินค้าอื่นๆ ในรายการทำอาหาร “ชีวิตลงตัว เข้าครัวกับอรุณา” ที่ บี น้ำทิพย์ จงรัชตวิบูลย์ เป็นตัวละครเอกเดินเรื่อง และจะทำอาหารตอนละ 1 เมนู

ผู้บริโภคยุคใหม่ไม่ชอบคอนเทนต์ที่ถูกยัดเยียด การบาลานซ์ฉากที่เห็นโปรดักต์แม็กกี้ ในรายการทำอาหารของ อรุณา 2019 จึงต้องเนียนไปกับเนื้อหาและจะไม่เห็นซีนแช่ภาพโปรดักต์เอียง 45 องศา ฉากเหยาะซอส 3 หยดโฟกัสที่แบรนด์นิ่งๆ แน่นอน ทุกอย่างต้องเป็นธรรมชาติของฉากทำอาหาร

สิ่งที่แบรนด์คาดหวังเมื่อจบตอนการทำอาหารแต่ละเมนู ผู้ชมจะค้นหาเมนูนั้นๆ เพื่อเป็นแรงบันดาลใจในการทำอาหารตามอรุณา ส่วนเรตติ้งละครเป็นสิ่งที่คาดหวังให้ออกมาดีเช่นกัน

ต่อยอดดิจิทัลแพลตฟอร์มแบรนด์

นอกจากละคร “อรุณา 2019” ที่ออนแอร์ทางทีวีดิจิทัลและทุกช่องทางออนไลน์ของ “ช่องวัน” ในคืนวันอาทิตย์แล้ว บริษัทจะนำคอนเทนต์รายการทำอาหาร “ชีวิตลงตัว เข้าครัวกับอรุณา” ทุกเมนู มานำเสนอในดิจิทัล แพลตฟอร์มของ MAGGI Thailand ทั้งเว็บไซต์, ยูทูบ และเฟซบุ๊ก เพื่อรองรับคุณแม่ยุคใหม่ที่ชมละครจบแล้วมาค้นหาวิธีการทำเมนูนั้นๆ ที่จะมีทั้ง เมนูอาหารสำหรับเด็ก, เมนูเทศกาลเจที่ไม่จำเจ, เมนู อีซี่ คุกกิ้ง

หลังจากจบละคร 6 ตอน แม็กกี้จะผลิตคอนเทนต์รายการทำอาหาร “ชีวิตลงตัว เข้าครัวกับแม็กกี้” บนดิจิทัลแพลตฟอร์มของแบรนด์ต่อเนื่อง โดยมีแขกรับเชิญมาเป็นผู้ดำเนินรายการ

โปรเจกต์ละคร อรุณา 2019 ไม่เพียงแต่นำเสนอผ่านช่องทางทีวีและสื่อออนไลน์  ยังต่อยอดแผนการตลาด “ออนกราวด์” ด้วยกลยุทธ์ Customer Experience ผ่านการจัดกิจกรรม MAGGI Mom & Me Cooking Club” เวิร์กช้อปทำอาหารคู่แม่ลูกเข้าครัว กับกิจกรรม “คุณแม่ 2019” ใน 32 จังหวัด 66 จุดทั่วประเทศ โดยมี บี น้ำทิพย์ จงรัชตวิบูลย์ เป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ ซึ่งแคมเปญ “ชีวิตลงตัวเข้าครัวกับแม็กกี้” ผ่านสื่อออนไลน์และกิจกรรมจะทำต่อเนื่องตลอดปีนี้

“กลุ่มเป้าหมายสินค้าซอสปรุงรส คือคุณแม่ทุกวัย การใช้สื่อจึงต้องครอบคลุมทั้งคุณแม่ยุคใหม่ผ่านสื่อออนไลน์ และคุณแม่ที่ยังเสพสื่อหลักทีวี และตอกย้ำด้วยกิจกรรมทั่วประเทศ”

ทุ่มงบ 100 ล้านหวังโตกว่าตลาด

ด้านงบการตลาดของแบรนด์ “แม็กกี้” ทั้งปีนี้อยู่ที่ 100 ล้านบาท เป้าหมายการทำตลาดผ่านคอนเทนต์ละครและแคมเปญอื่นๆ ตลอดปี ต้องการให้ผลิตภัณฑ์แม็กกี้มีอัตราการเข้าถึงครัวเรือนไทยทั่วประเทศทุก 2 ใน 5 บ้าน จากจำนวน 23-24 ล้านครัวเรือนไทยทั่วประเทศ เพิ่มขึ้นจากปี 2561 ซึ่งอยู่ที่ 1 ใน 5 บ้าน และเป็นแบรนด์ที่เติบโตสูงกว่าตลาด

ปัจจุบันตลาดซอสปรุงรสมีมูลค่า 1,500 ล้านบาท เติบโตเป็นตัวเลขหลักเดียว  ในตลาดนี้แบ่งเป็นซอสปรุงรสถั่วเหลือง มูลค่า 1,200 ล้านบาท แม็กกี้มีส่วนแบ่งการตลาดราว 1 ใน 3 และซอสเหยาะ มูลค่า 300 ล้านบาท แม็กกี้ครองเบอร์ 1 ในตลาดนี้ นอกจากนี้ได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์ซอสหอยนางรม 2 ปีที่ผ่านมา ซึ่งตลาดนี้มีมูลค่า 2,000 ล้านบาท

“หากเป็นซอสเหยาะ “แม็กกี้” เป็นแบรนด์ที่อยู่บนโต๊ะอาหารอยู่แล้ว แต่เราต้องการให้ซอสปรุงรสเป็นแบรนด์ที่อยู่ในครัวผู้บริโภคด้วยเช่นกัน และต้องการเป็นเครื่องปรุงของ 5 เมนู Top dish ครัวเรือนไทย ทั้งผัดผัก, ผัดกะเพรา, แกงจืด, ไก่ทอดและหมูทอด”

 

]]>
1229045
JKN จัดใหญ่อลังการ โชว์เคสคอนเทนต์หมื่นล้าน สร้างปรากฏการณ์อินเดีย-ฟิลิปปินส์ ฟีเวอร์ https://positioningmag.com/1182139 Mon, 06 Aug 2018 15:00:46 +0000 https://positioningmag.com/?p=1182139 ก้าวสำคัญของ CEO สาวข้ามเพศ แอน-จักรพงษ์ จักราจุฑาธิบดิ์ ผู้อยู่เบื้องหลังการนำเข้าคอนเทนต์ละครที่ตราตรึงอยู่ในความทรงจำคนดูชาวไทยหลากหลายเรื่อง อาทิ เปาบุ้นจิ้น แดจังกึม ลิขิตแค้นแสนรัก ถือเป็นหนึ่งในผู้ที่มีบทบาทสำคัญในการสร้างปรากฏการณ์ภารตะฟีเวอร์ ที่ปูพรมหนังจากดินแดนชมพูทวีปเข้าจับจองแอร์ไทม์ในช่องทีวีไทยในขณะนี้

ล่าสุดได้จัดงาน JKN Mega Showcase : Diamond Blue 1.8.18 ภายใต้แนวคิด “Magic Of Content” จัดแสดงคอนเทนต์หมื่นล้านที่นำเข้ามาจากหลากหลายประเทศ สู่สายตาผู้บริหารช่องโทรทัศน์ในเมืองไทย และคู่ค้าต่างประเทศ รวมทั้งเหล่าแฟนคลับที่มาร่วมงาน โดยได้รับเกียรติจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ฯพณฯ สนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เป็นประธานพิธีกล่าวเปิดงาน ณ โรงละครหิมพานต์ อวตาร SHOW DC

สำหรับงานปีนี้แบ่งออกเป็น ‘8 Magic Moments’ และ ‘18 Magic love songs’ โดย Moment 1 คือ

The Magic Talk การเติบโตของ เจเคเอ็นฯ ในปีนี้และแผนงานในอนาคต การเติบโตของรายได้ในปีที่ผ่านมาพุ่งสู่ 1200 ล้าน

Moment 2 The Magic Carpet การเดินเฉิดฉายบนพรมน้ำเงินของเหล่าซูเปอร์สตาร์จากทั่วฟ้าเมืองไทย

Moment 3 The Magic of Thainess เปิดปรากฏการณ์ครั้งยิ่งใหญ่กับการส่งออกคอนเทนต์ไทยไปสู่ทั่วโลก ใช้เทคนิคแบบขายพ่วงเป็นแพ็กเกจ มัดรวม ณเดชน์, มาริโอ้, บอย ปกรณ์, เจมส์ จิ, หมาก ปริญ อยู่ในห่อเดียวกัน ตั้งเป้ายอดขายในปีแรกไว้ที่ 300 ล้านในการไปตีตลาดต่างประเทศ โดย 2 เดือนที่ผ่านมาก็ไปบุกตลาดฟิลิปปินส์ขายลิขสิทธิ์เป็นแพ็กเกจประมาณ 40 เรื่อง ทำรายได้ไปแล้วที่ 70 ล้าน และตอนนี้ก็กำลังขยายไปตลาดแถบมิดเดิล อีสต์

Moment 4 The Magic of Siam Legend การประกาศอภิมหาโปรเจกต์สุดยิ่งใหญ่กับมหากาพย์ตราตรึงใจคนทั้งโลก

Moment 5 The Magic of Super Brands ความภาคภูมิใจในการผสานความร่วมมือระหว่าง JKN และซูเปอร์แบรนด์ระดับโลก กว่า 15 แบรนด์

Moment 6 ภารตะพันล้าน กับซีรีส์อินเดียและเพลงประกอบ นำทีมโดย “แต้ว ณฐพร – เคน ภูภูมิ” ที่มาในชุดโชว์นาคี ที่กวาดรายได้มหาศาลจากการขายลิขสิทธิ์ซีรีส์ในต่างประเทศ, ใหม่ เจริญปุระ – พิ้งกี้ สาวิกา – นัท มีเรีย โชว์พิเศษ 3 สาวนาคิน, กระแต อาร์สยาม กับลีลาการเต้นภารตะ, ทาทา ยัง, มอส ปฏิภาณ, แอม เสาวลักษณ์, มาช่า, เจมส์ เรืองศักดิ์, ขนมจีน, เจินเจิน บุญสูงเนิน, เบน ชลาทิศ, มาเรียม, ไก่ อัญชุลีอร, โรส, พีท พล, ปนัดดา เรืองวุฒิ และ แหวนแหวน ปวริศา จาก First class JKNCNBC

Moment 7 รักกระชากใจ คลื่นซีรีส์ลูกใหม่จากประเทศฟิลิปปินส์ เปิดตัวด้วยความอลังการของซูเปอร์สตาร์จากอินเดีย เนอร์เบย์ วัธวา จากซีรีส์ หนุมาน สงครามหาเทพ ที่โหนสลิงเชิญเพชรบูลไดมอนด์สัญลักษณ์ของงานเปิดเวที เจ้าหนูอิชานท์ บานุชาลี ผู้สวมบทหนุมานวัยเด็กก็มาร่วมสร้างสีสัน รวมไปถึงดาราสุดฮอตจากอินเดีย อาร์ชิช ชาร์มา จากซีรีส์ สีดาราม ศึกรักมหาลงกา, วัลลภมหาราชรักสุดแผ่นดิน และ ลิขิตแค้นแสนรัก, ซานาย่า อิรานี จากซีรีส์ ลิขิตแค้นแสนรัก และ แผนรักลวงใจ

นอกจากนั้นแล้วก็ยังขนทัพซูเปอร์สตาร์ฟิลิปปินส์ แดเนียล พาดิลล่า และ แคธรีน เบอร์นาร์โด สองซูเปอร์สตาร์คู่รักทั้งในจอและนอกจากของฟิลิปปินส์ เจริโต โรซาเลส และ มาฮา ซัลวาดอร์ มาร่วมงานและโชว์ร้องเพลงบนเวทีอีกด้วย

Moment 8 กิจกรรม Meet & Greet ให้แฟนคลับได้ใกล้ชิดกับศิลปินในดวงใจ ที่บินลัดฟ้ามาให้สัมผัสอย่างใกล้ชิด ซึ่งปีนี้มีดาราดังมาร่วมอย่าง “อาร์ชิส ชาร์มา” จากสีดารามศึกรักมหาลงกา และลิขิตแค้นแสนรัก, “ซานาย่า อิรานี” จาก ลิขิตแค้นแสนรักและแผนรักลวงใจ, “เนอร์เบย์ วัธวา” จากหนุมานสงครามมหาเทพ และ “อิชานท์ บานุชาลี” จากมารุติกำเนิดหนุมาน เรียกว่าถูกใจแฟนๆ ซีรีส์อินเดียกันเลยทีเดียว

“เราใช้ประสบการณ์และคอนเนกชั่นที่สั่งสมมา 20 ปี เข้าถึงกลุ่มลูกค้าใหม่ๆ ก่อนที่เราจะนำเสนอคอนเทนต์ให้เค้า เราต้องเข้าไปศึกษา หาข้อมูลก่อนว่าที่ผ่านมาคอนเทนต์แบบไหนเป็นที่นิยมในประเทศนั้นๆ แล้วเราจึง Customize ให้เหมาะสมกับกลุ่มเป้าหมาย หลังจากที่เลือกเรื่องได้ตรงความต้องการแล้ว จึงใช้กลยุทธ์ ซูเปอร์สตาร์มาร์เก็ตติ้ง ไปเป็นตัวดึงดูด เปิดตัวให้เค้าเห็นเสน่ห์ของดารานำในเรื่องนั้นๆ แฮชแท็ก #สามีแห่งชาติ จะกลายเป็นกระแสอีกครั้ง

อย่างที่ฟิลิปปินส์เค้าจะชื่นชอบละครดราม่า ตบตีแย่งผู้ชายของบ้านเรามาก เราจึงไปดีลกับช่องทีวีของที่นั่นว่าขอฉายละครไทยช่วง 4-5 ทุ่ม แทนผังรายการเดิมที่เป็นละครเกาหลี เพราะเมื่อเทียบกันแล้วความแซ่บของฉากตบตีบ้านเรากินเกาหลีขาด เพราะเราตบแบบไม่ค่อยมีเหตุผลมารองรับ แอคติ้งเวลาริษยาอาฆาตก็เล่นใหญ่ใส่แรง ดูออร่าก็รู้เลยว่านี่นางเอก นี่ตัวร้าย

จากประสบการณ์ที่ผ่านมาก็พอจะบอกได้ว่า ละครไทยแนวไหนที่น่าจะรุ่งในตลาดต่างประเทศ พระเอกต้องหล่อ นางเอกต้องสวย บทละครน่าสนใจชวนติดตาม ฉากวิวทิวทัศน์สวยงาม มีเรื่องของอาหารและวัฒนธรรมอันแปลกตา แต่เนื้อเรื่องนั้นต้องไม่อิงประวัติศาสตร์มากจนเกิดไป นี่ก็คือ Signature ของละครไทยที่จะโดนใจกลุ่มลูกค้าต่างประเทศ” แอน-จักรพงษ์ กล่าวสรุป.

]]>
1182139
ผ่าดีล ช่อง 3 โกอินเตอร์ จับมือ Tencent ส่งละครไปจีน https://positioningmag.com/1157075 Thu, 15 Feb 2018 05:49:30 +0000 https://positioningmag.com/?p=1157075 เมื่อแพลตฟอร์ม วิดีโอ ออนไลน์ Over the Top หรือ OTT กำลังเป็นอีกทางเลือกให้กับช่องทีวี” ในการหารายได้ และขยายฐานคนดู ไม่ใช่แค่ในไทย แต่ไปไกลถึงประเทศจีน

อย่างช่อง 3 ที่นอกจากจะเป็นพันธมิตรกับ LINE TV ขยายฐานคนดูไปกลุ่มคนรุ่นใหม่แล้ว ล่าสุดช่อง 3 ยังประกาศความร่วมมือทางธุรกิจกับ บริษัท เทนเซ็นต์ วิดีโอ ในเครือบริษัทเทนเซ็นต์ (Tencent) ยักษ์ใหญ่วงการไอทีของจีน ส่งออกคอนเทนต์ ละครไปตลาดจีนอย่างเป็นทางการ เพื่อขยายฐานผู้ชม เพิ่มรายได้ และลดการละเมิดลิขสิทธิ์

ที่ผ่านมาละครไทย ถือเป็นคอนเทนต์ที่ได้รับความนิยมสูงในตลาดจีน  ซึ่งละครและดาราของช่อง 3 ก็อยู่ในกระแสความนิยมด้วยของชาวจีนด้วยเช่นกัน จึงทำให้ละครไทยเป็นที่ต้องการของ Tencent Video ผู้ประกอบการ OTT รายใหญ่ ซึ่งมีผู้ติดตามกว่า 565 ล้านค

ในปีที่ผ่านมา Tencent Video ประสบความสำเร็จในการนำเอาละครไทย 2 เรื่องไปลงในเครือข่าย ได้แก่ เธอคือพรหมลิขิต ช่องวัน และ Princess Hours ของช่องทรูโฟร์ยู ที่มียอดวิวมากกว่า 900 ล้านวิว และ 600 ล้านวิว ตามลำดับ

เมื่อเห็นผลมาแล้ว คราวนี้ Tencent เลยพุ่งเป้าผู้ผลิตละครรายใหญ่ของประเทศไทยอย่าง ช่อง 3 เพราะช่อง 3 มีไลน์อัพละครปีละประมาณ 50 เรื่อง มีดาราดังในสังกัดจำนวนมากที่สามารถต่อยอดทางธุรกิจร่วมกันได้ ในการสร้างฐานแฟนคลับ จัดอีเวนต์ คอนเสิร์ต โดยคาดหวังว่าน่าจะมียอดผู้ชมสูงกว่าละครไทย 2 เรื่องที่เคยออกอากาศไปเมื่อปีที่แล้ว

จึงเป็นที่มาของดีลในครั้งนี้ โดยช่อง 3 ได้รับการติดต่อจากบริษัท Insight Entertainment ซึ่งเป็นบริษัทตัวแทนของ Tencent ในไทย ขอเจรจาซื้อละครของช่อง 3 เพื่อนำไปออกอากาศในเว็บไซด์ Tencent Video

ภายใต้ข้อตกลง Tencent จะสามารถออนแอร์ละครภายในวันเดียวกับของไทย ถือเป็นเงื่อนไขพิเศษที่ช่อง 3 ไม่เคยขายให้ใครในรูปแบบนี้มาก่อน อย่างไรก็ตาม ไม่มีการเปิดเผยตัวเลขรายได้จากดีลนี้

ดีลนี้ จึงสร้างโอกาสให้กับทั้งคู่ โดยช่อง 3 จะส่งออกคอนเทนต์ละคร ไปออนแอร์บนแพลตฟอร์มของ Tencent Video ระบบ HD ซึ่งก็ต้องการคอนเทนต์ละครไทยไปออนแอร์

ส่วนช่อง 3 เองจะได้รายได้ก้อนใหญ่จากขายคอนเทนต์ไปต่างประเทศแล้ว การร่วมมือในครั้งนี้ยังช่วยบริหารจัดการในเรื่องลิขสิทธิ์ของละครช่อง 3 ให้ถูกต้องในประเทศจีน ลดการดาวน์โหลดดูละครที่ไม่ถูกต้องตามลิขสิทธิ์

เป้าหมายแรก ละคร 3 เรื่องปีนี้

ตามแผนที่วางไว้ ช่อง 3 จะส่งละคร 3 เรื่อง คือ ลิขิตรัก The Crown Princess ละครใหม่ ที่เดิมมีคิวจ่อออนแอร์ต่อจากละคร ”เงินปากผี” ในวันจันทร์-อังคาร ช่วงหลังข่าว เป็นละครฟอร์มใหญ่ของช่อง ที่ไปถ่ายทำถึงประเทศเยอรมันและสวิตเซอร์แลนด์ แถมยังได้นักแสดงระดับแม่เหล็กของช่อง ณเดชน์ และ ญาญ่า ที่มีผู้จัด แอน ทองประสม จนทำให้ต้องเลื่อนเวลาการออกอากาศไปอีกล็อตหนึ่ง เพราะต้องรอคิวออนแอร์ในวันเดียวกันกับทางจีน อีกทั้งต้องรอการเซ็นเซอร์จากทางการจีนก่อนออกอากาศด้วย

ส่วนละครใหม่อีก 2 เรื่อง ที่เจาะจงนักแสดงไว้แล้ว 1 เรื่อง คือ “ Beauty Boy” มีเต๋า เศรษฐพงษ์ และ ใบเฟิร์น พิมพ์ชนก แสดงนำ และอีกเรื่องยังอยู่ระหว่างการเตรียมงาน

อย่างไรก็ตาม การนำละครไทยไปออกอากาศในจีนนั้นมีเงื่อนไขหลักๆ 3 ข้อ คือ 1.ห้ามละครที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับไสยศาสตร์ ภูตผี วิญญาณ 2.ห้ามมีการกระทำผิดกฎหมายโดยเยาวชน และ 3.ห้ามมีตัวละครหลักเป็นกลุ่มรักร่วมเพศ ทำให้ต้องมีการเจรจาเรื่องแนวทางละคร ที่จะนำไปออกอากาศอย่างชัดเจน นอกจากนี้รัฐบาลจีนยังมีคำสั่ง ห้ามให้มีโฆษณาคั่นกลางละครแต่ละเรื่อง เนื่องจากรัฐบาลมองว่าเป็นการเอาเปรียบผู้ชมอีกด้วย

ตั้งเป้าปั๊มรายได้

ความร่วมมือกับ Tencent ในครั้งนี้ ช่อง 3 ตั้งความหวังว่าจะเป็นหนึ่งในโมเดลทางรอด ต่อยอดจากคอนเทนต์ที่มีอยู่สร้างให้เกิดรายได้อย่างชัดเจน

ประเทศจีนเป็นตลาดใหญ่ที่สุดของโลก และ Tencent ถือเป็นรายใหญ่ที่มีฐานผู้ชมจำนวนมาก ในไตรมาส 3 ของปี 2560 Tencent Video มียอดผู้เข้าชมคอนเทนต์เป็นประจำต่อเดือนมากกว่า 457 ล้านคน และยอดสมาชิก 43 ล้านราย เป็นตัวเลขที่เติบโตเร็วมาก เพิ่มขึ้นถึงสองเท่าของปีที่แล้ว

ช่อง 3 ได้รับผลกระทบการแข่งขันที่รุนแรงในวงการทีวีดิจิทัล จากคู่แข่งรายใหม่ๆ ชิงเรตติ้งและรายได้จากการโฆษณาไป นักวิเคราะห์มองว่า ผลประกอบการไตรมาส 4 ของปีที่แล้ว ที่กำลังจะแจ้งตลาดหลักทรัพย์ฯ เร็วๆ นี้ น่าจะออกมาขาดทุน หลังจากที่ 3 ไตรมาสของปี 2560 มีรายได้รวมอยู่ที่ 9,103 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 396 ล้านบาท แต่ก็ยังพอให้มีกำไรบ้างเล็กน้อยสำหรับผลประกอบการรวมทั้งปี 2560 ในระดับประมาณ 300 ล้านบาท ซึ่งน้อยที่สุดนับตั้งแต่มีทีวีดิจิทัล

เมื่อปี 2557 ปีแรกที่มีทีวีดิจิทัล ช่อง 3 มีรายได้รวม 16,381 ล้านบาท กำไรสุทธิ 4,414 ล้านบาท, ปี 2558 มีรายได้ 16,017 ล้านบาท กำไรสุทธิ 2,982 ล้านบาท และในปี 2559 มีรายได้ 12,534 ล้านบาท กำไรสุทธิ 1,218 ล้านบาท

นอกจากนี้ จากตัวเลขเม็ดเงินโฆษณาผ่านสื่อต่างๆ ในเดือนมกราคมที่ผ่านมาของนีลเส็น แสดงให้เห็นแล้วว่า ตัวเลขรายได้โฆษณาของช่องทีวีรายเดิม 3 ช่องรวมกัน คือ ช่อง 7, ช่อง 3  และช่อง 9 มียอดรวมกันอยู่ที่ 2,726 ล้านบาท ลดลงจากเดือนเดียวกันเมื่อปีที่แล้วที่อยู่ที่  3,477 ล้านบาท หรือลดลง 21.60% ในขณะที่ช่องทีวีดิจิทัลใหม่ทุกช่องรวมกันมีรายได้โฆษณารวม 1,823 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน ที่อยู่ที่ 1,582 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 23.14%

แม้ตัวเลขของช่องใหม่ๆ ยังมีจำนวนเล็กน้อยเมื่อเทียบกับ 3 ช่องเดิม  แต่แนวโน้มทิศทางรายได้กำลังสวนทางกัน ช่องใหม่รายได้เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ในขณะที่ช่องหลักเดิมรายได้ลดลงเรื่อยๆ

ปัจจุบัน ช่อง 3 นำคอนเทนต์ลงในแพลตฟอร์มวิดีโอ ออนไลน์หลายช่องทาง ทั้งแพลตฟอร์มของช่อง 3 เอง และการจับมือร่วมกับพันธมิตร เพื่อขยายฐานคนดูไปยังกลุ่มคนรุ่นใหม่ ที่นิยมดูผ่านออนไลน์มากกว่าดูจากหน้าจอหลัก

แพลตฟอร์มออนไลน์คอนเทนต์ ของช่อง 3 

  • เว็บไซต์ CH3Thailand มีละคร ข่าว รายการต่างๆ ออกอากาศต่อจากทีวีช่วงหลังเที่ยงคืนเป็นต้นไป
  • Mello แอปพลิเคชั่น ของช่อง 3 ออนแอร์ทั้งรายการของช่อง 3 และรายการที่ Mellow ผลิตเอง จะนำรายการมาออกอากาศหลังเที่ยงคืน
  • YouTube รีรันหลังรายการจบ 48 ชั่วโมง เฉพาะรายการที่มีข้อตกลงกัน
  •  LINE TV รีรันหลังการรายการจบ 48 YouTube แต่ช่อง 3 จะร่วมกับไลน์ทีวี ออกแพ็กเกจโฆษณาขายร่วมกัน
  • ร่วมกับ Tencent
]]>
1157075